Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ม.2

หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ม.2

Description: หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ม.2

Search

Read the Text Version

ชดุ หลกั สูตรตา้ นทุจรติ ศกึ ษา ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 2 หน่วยที่ 3 STRONG : จิตพอเพียงตา้ นทุจริต หนา้ 47

ชดุ หลักสตู รตา้ นทุจรติ ศกึ ษา ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 2 ใบความรู้ที่ 12 เรอื่ ง ข่าว การทุจรติ “พลตารวจโทพงศ์พัฒน์ ฉายาพนั ธ์ุ” ศาลแพง่ พิพากษาสงั่ ริบทรัพย์กวา่ 1,000 รายการ รวม 25 ล้านบาทเศษ \"พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายา พนั ธุ์\" อดีต ผบช.ก. ตกเป็นของแผน่ ดิน ศาลแพ่ง รัชดา อ่านคาพิพากษา ในคดีที่ พนักงานอัยการ ยื่นคาร้องขอให้ศาลมีคาส่ังริบทรัพย์สิน พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. รวม 1,014 รายการ มูลค่ากว่า 25 ล้านบาท พร้อมดอกเบ้ียให้ ตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.บ.ปูองกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 กรณีสืบเนื่องจาก พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ กับพวกมีพฤติการณ์กระทาผิดเกี่ยวกับตาแหน่งหน้าที่ราชการและความผิดเกี่ยวกับการพนัน โดย ขณะดารงตาแหนง่ เป็น ผบช.ก. ได้ร่วมกับ พวกเรียกรอ้ งเงินจากข้าราชการตารวจที่ขอแต่งตั้งโยกย้ายตาแหน่ง สาคัญ รายละ 3,000,000 - 5,000,000 ล้านบาท เมื่อได้รับแต่งต้ังแล้วต้องนาเงินส่งให้ พล.ต.ท.พงศ์ พัฒน์ เป็นรายเดอื นๆ ละ 10,000 - 2,000,000 บาท นอกจากนี้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กับพวก ร่วมกันเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบธุรกิจค้าน้ามัน เถอ่ื นทางนา้ เปน็ เงนิ เดือนละ 2,000,000 - 5,000,000 ลา้ นบาท และยังร่วมกับพวกเชา่ สถานบริการอาบ อบนวดโคลอนเซ่ เพื่อเปดิ บอ่ นการพนนั ถัว่ ครอบ ต่อมา พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ถูกศาลพิพากษาลงโทษในคดีอาญา ในหลายข้อหา โดยอัยการย่ืนคาร้อง ขอให้ศาลแพ่ง มีคาส่ังยึดทรัพย์ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ จานวน 1,014 รายการ พร้อมดอกเบ้ียให้ตกเป็นของ แผ่นดนิ ซ่งึ ไม่มีผใู้ ดคดั คา้ น ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ รับราชการตารวจ มีรายได้จากเงินเดือนทางราชการ อกี ทงั้ ไมม่ หี ลกั ฐานมาแสดงวา่ มรี ายได้พเิ ศษ อย่างอ่ืน แต่กลับมีทรัพย์สินต่าง ๆ เป็นจานวนมาก โดยทรัพย์สิน 1,014 รายการ มีมูลค่าถึง 25 ล้านบาทเศษ โดยไม่สามารถแสดงถึงการได้มาโดยชอบของทรัพย์สินดังกล่าวได้ จึงรับฟังได้ว่าทรัพย์สินตาม รายการข้างต้น เป็นทรัพย์สินท่ีเก่ียวข้องกับการกระทาความผิด จึงมีคาส่ังให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของ แผน่ ดนิ หนา้ 48

ชุดหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 ใบงานที่ 12 เร่ือง การประกอบอาชีพโดยใช้วัสดทุ ้องถิน่ ตามหลกั STRONG : จติ พอเพยี ง ต้านทจุ รติ 1. จากใบความรู้ เรอ่ื ง ข่าว การทจุ ริต “พลตารวจโทพงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์” หากนักเรยี นเปน็ ผรู้ ับรู้ เกยี่ วกบั การทจุ รติ ของทา่ น นักเรียนจะดาเนนิ การอยา่ งไรในฐานะผ้ตู ้านการทุจริต .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... 2. หากทุกคนในประเทศเลือกประกอบอาชีพท่ีสจุ รติ จะส่งผลอย่างไรกับคนในสงั คม .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... หนา้ 49

ชดุ หลกั สตู รตา้ นทุจรติ ศกึ ษา ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ใบงานที่ 12.1 เรอ่ื ง จิตพอเพียงต้านการทจุ รติ คาชีแ้ จง ให้นักเรียนเขียนผังความคดิ พฤตกิ รรมการทจุ รติ โดยไมม่ ีความพอเพียง ************************************************************************************************* พฤติกรรมท่ีทุจริตโดย ไมม่ ีความพอเพยี ง หนา้ 50

ชดุ หลักสตู รตา้ นทุจริตศึกษา ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 2 หน่วยที่ ๔ พลเมอื งกับความรบั ผิดชอบต่อสังคม หนา้ 51

ชดุ หลักสูตรต้านทุจริตศกึ ษา ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 2 ใบความร้ทู ี่ 13 เรื่อง หน้าทพ่ี ลเมืองปละความรบั ผดิ ชอบต่อสังคม พลเมืองดีตามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย คือ คนท่ียึดหลกั ประชาธปิ ไตยในการดารงชีวิต ปฏิบัติตนอยู่ในจริยธรรม ที่ดีงาม ประพฤติตนในกรอบของสิทธิเสรีภาพและหน้าท่ีของการเป็นพลเมืองดรวมท้ังช่วยส่งเสริมให้ผู้อ่ืน ปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดี การมองเห็นคุณค่าของวิถีประชาธิปไตยจะช่วยให้สังคมมีความม่ันคง ปลอดภัยและ สงบสุขมากขนึ้ วิถีประชาธปิ ไตยของพลเมอื งดี มีลกั ษณะที่สาคญั ดงั นี้ 1. การคานึงถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว ได้แก่ การลดความเห็นแก่ตัว และเสียสละ แรงกายและใจเพ่ือทาประโยชน์ให้แก่ส่วนรวม ช่วยกันดูแลรักษาทรัพย์สินท่ีเป็นสาธารณสมบัติ เช่น ตู้โทศัพท์ สาธารณะ ห้องสมุดประจาหมู่บ้าน เป็นต้น ช่วยกันอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม เช่น ปุาไม้ แม่น้าลาธาร เป็นต้น รวมทงั้ ชว่ ยกนั ตกั เตือนหรอื ห้ามปรามบคุ คลไมใ่ หท้ าลายสาธารณะสมบตั หิ รือสิ่งแวดล้อม 2. วนิ ัย ได้แก่ การฝึกกาย วาจา และใจใหส้ ามารถควบคุมพฤติกรรมของตนเองใหอ้ ยู่ในระเบียบแบบแผน ที่ดงี าม เพอื่ ให้การปฏบิ ัติงานและการอยูร่ ่วมกันของกลมุ่ ในสังคมนั้นเป็นไปดว้ ยความเรียบร้อย 3. ความรบั ผิดชอบต่อหนา้ ที่ ได้แก่ การเอาใจใส่ ต้ังใจ และมุ่งม่ันปฏิบัติหน้าที่ตามบทบาทของตนอย่าง เต็มความสามารถ ทั้งน้ีเพอ่ื ให้งานบรรลุผลตามเปูาหมายตรงตามระยะเวลาท่กี าหนด 4. ความอดทน ได้แก่ การมีจิตใจหนักแน่น เยือกเย็น ไม่หุนหันพลันแล่น สามารถคาบคุมอารมณ์ และ พฤตกิ รรมให้เป็นปกติ เม่อื ต้องเผชญิ กบั ปญั หาหรือสิ่งที่ไม่พงึ พอใจ 5. การประหยดั และอดออม ได้แก่ การรจู้ กั ใชจ้ า่ ยตามความจาเป็นอย่างคุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด ไมฟ่ ุูงเฟอู ฟุมเฟือย รู้จักเกบ็ ออมเอาไวใ้ ชเ้ ม่ือยามจาเป็น ใชช้ ีวติ ใหเ้ หมาะสมกบั ฐานะความเป็นอยู่ของตน 6. การมีน้าใจเป็นนักกีฬา ได้แก่ การมีจิตใจเปิดเผย รู้จักรู้แพ้รู้ชนะ และให้อภัยกันและกัน ทางานใน ลกั ษณะชว่ ยเหลอื เกอื้ กูลกันไมแ่ ข่งขันหรือแก่งแย่งชิงดีกนั 7. ความสื่อสัตย์สุจริต ได้แก่ มีความจริงใจ ไม่มีอคติ ปฏิบัติตนปฏิบัติงานตรงไปตรงมาตามระเบียบ ปฏิบัติ ไม่ใช้เล่ห์เหล่ียมหรือกลโกง ไม่ทาแบบ “คดในข้อ งอในกระดูก” นอกจากนี้การทางานต้องอยู่บน พื้นฐานของความไว้วางใจและมีไมตรจี ิตตอ่ กัน ไมห่ วาดระแวงแครงใจกันหรอื ไม่เชือ่ ถือผู้อืน่ นอกจากตนเอง 8. การอนุรักษ์ความเป็นไทย ได้แก่ มีจิตสานึกในความเป็นไทย เช่น พูด เขียน และใช้ภาษาไทยให้ ถูกต้อง อนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทยและนาความเป็นไทยมาใช้ให้เกิดประโยชน์ รวมท้ังคิดค้น ปรับปรุงดัดแปลงความเป็นไทยให้เข้ากับสภาพการณ์ที่เป็นอยู่จริงทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง ตลอดจนถ่ายทอดความเป็นไทยสืบตอ่ ไปยังคนรนุ่ หลังได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสม พลเมอื งของแต่ละประเทศย่อมมสี ทิ ธแิ ละหนา้ ท่ีตามกฎหมายของประเทศน้นั บุคคลต่างสัญชาติที่เข้า ไปอยู่อาศัยซึ่งเรียกว่าคนต่างด้าว ไม่มีสิทธิเท่าเทียมกับพลเมืองและมีหน้าที่แตกต่างออกไป เช่น อาจมีหน้าที่ เสียภาษี หรอื ค่าธรรมเนยี มเพ่มิ ข้นึ ตามทีก่ ฎหมายของแต่ละประเทศบัญญตั ไิ ว้ สิทธิและหน้าที่เป็นสิ่งคู่กัน เมื่อ มีสิทธิก็ต้องมีหน้าที่ พลเมืองของทุกประเทศมีท้ังสิทธิและหน้าที่ แต่จะมีมาก น้อยเพียงใดข้ึนอยู่กบั กฎหมายของประเทศน้ัน ๆ และแน่นอนว่าประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ประชาชนมสี ิทธมิ ากกวา่ การปกครองในระบอบอื่น เพราะมสี ิทธิท่สี าคัญท่สี ุด คือ สิทธใิ นการปกครองตนเอง พลเมืองดี หมายถงึ ผู้ที่ปฏิบตั หิ นา้ ทพี่ ลเมอื งไดค้ รบถ้วน ทง้ั กจิ ท่ตี ้องทา และกจิ ท่ีควรทา หน้าที่ หมายถึง กิจท่ีต้องทา หรือควรทา เป็นสิ่งที่กาหนดให้ทา หรือห้ามมิให้กระทา ถ้าทาก็จะ ก่อให้เกิดผลดี เกิดประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัว หรือสังคมส่วนรวมแล้วแต่กรณี ถ้าไม่ทาหรือไม่ละเว้นการ หนา้ 52

ชดุ หลักสตู รตา้ นทุจรติ ศึกษา ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 2 กระทาตามที่กาหนดจะได้รับผลเสียโดยตรง คือ ได้รับโทษ หรือถูกบังคับ เช่น ปรับ จา คุก หรือประหารชีวิต เปน็ ตน้ โดยทัว่ ไปสิง่ ที่ระบุกจิ ทตี่ ้องทา ไดแ้ ก่ กฎหมาย เป็นตน้ กิจทคี่ วรทา คือ ส่ิงท่ีคนส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นหน้าท่ีท่ีจะต้องทา หรือละเว้นการกระทา ถ้าไม่ทาหรือละ เว้นการกระทา จะได้รับผลเสียโดยทางอ้อม เช่น ได้รับการดูหม่ินเหยียดหยาม หรือไม่คบค้าสมาคมด้วย ผู้กระทากิจที่ควรทาจะได้นับการยกย่องสรรเสริญจากคนในสังคม โดยทั่วไปส่ิงท่ีระบุกิจท่ีควรทา ได้แก่ วฒั นธรรมประเพณี เป็นตน้ พลเมืองดีมหี นา้ ทตี่ อ้ งปฏิบตั ติ ามกฎหมาย ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมของชาติคาส่ังสอน ของพ่อแม่ ครู อาจารย์ มีความสามัคคี เอื้อเฟ้ือเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน รู้จักรับผิดชอบช่ัวดีตามหลักจริยธรรม และหลักธรรมของสาสนา มีความรอบรู้ มีสติปัญญาขยันขันแข็ง สร้างความเจริญก้าวหน้าให้แก่ตนเอง ครอบครวั สังคม และประเทศชาติ ความสาคัญของการปฏบิ ัติตนเป็นพลเมืองดกี ารปฏบิ ัตติ นเป็นพลเมอื งดขี องสังคมมคี วามสาคญั ต่อ ประเทศ เช่น 1. ทาใหส้ งั คมและประเทศชาตมิ ีการพฒั นาไปได้อย่างมน่ั คง 2. ทาใหส้ ังคมมคี วามเป็นระเบียบเรยี บรอ้ ย 3. ทาใหเ้ กดิ ความรักแบะความสามัคคีในหมคู่ ณะ 4. สมาชิกในสังคมอยรู่ ่วมกันอยา่ งมีความสุข แนวทางการพัฒนาตนเองเพื่อเป็นสมาชิกทด่ี ีของครอบครัวโรงเรียนและชุมชนแนวทางการพัฒนา ตนเองเพอ่ื เปน็ สมาขกิ ท่ีดีมีแนวทางปฏิบตั ิ ดังนี้ 1. การเปน็ สมาชิกท่ีดีของครอบครัว 2. การเป็นสมาชิกท่ีดีของโรงเรยี น 3. การเป็นสมาชกิ ทดี่ ีของชุมชน คุณธรรมของการเปน็ พลเมืองดี 1. การเหน็ แก่ประโยชน์สว่ นรวม 2. การมรี ะเบยี บวินัยและรบั ผิดชอบต่อหน้าที่ 3. รับฟงั ความคดิ เปน็ ขอบกันและกันและเคารพในมติของเสียงส่วนมาก 4. ความซ่อื สตั ย์สจุ ริต 5. ความสามคั คี 6. ความละอายและเกรงกลวั ในการกระทาชวั่ 7. ความกลา้ หาญและเชื่อมน่ั ในตนเอง 8. การส่งเสริมให้คนดีปกครองบา้ นเมืองและควบคุมคนไม่ดีไม่ใหม้ ีอานาจ จรยิ ธรรมของการเป็นพลเมอื งดี คุณธรรม จรยิ ธรรม หมายถึง ความดีที่ควรประพฤติ กิริยาทคี่ วรประพฤติ คุณธรรม จริยธรรมทสี่ ่งเสรมิ ความ เปน็ พลเมืองดี ได้แก่ 1. ความจงรกั ภักดตี ่อชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ หมายถงึ การตระหนกั ในความสาคัญของความ เป็นชาติไทย การยึดม่ันในหลักศีลธรรมของศาสนา และการจงรักภักดีตอ่ พระมหากษตั ริย์ 2. ความมรี ะเบียบวนิ ยั หมายถงึ การยดึ ม่นั ในการอย่รู ่วมกันโดยยดึ ระเบียบวินัย เพ่ือความเป็น ระเบยี บเรียบร้อยในสังคม 3. ความกลา้ ทางจริยธรรม หมายถงึ ความกล้าหาญในทางท่ีถกู ทค่ี วร หนา้ 53

ชุดหลักสตู รต้านทุจรติ ศกึ ษา ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 4. ความรับผิดชอบ หมายถึง การยอมเสยี ผลประโยชน์สว่ นตนเพ่ือผอู้ นื่ หรือสังคมโดยรวมไดร้ ับ ประโยชนจ์ ากการกระทาของตน 5. การเสยี สละ หมายถึง การยอมเสยี ผลประโยชน์ส่วนตนเพอ่ื ผู้อื่น หรือสงั คมโดยรวมได้รบั ประโยชน์จากการกระทาของตน 6. การตรงตอ่ เวลา หมายถงึ การทางานตรงตามเวลาทีไ่ ด้รับมอบหมาย การส่งเสริมให้ผูอ้ ่นื ปฏิบัตติ นเป็นพลเมอื งดี การท่บี คุ คลปฏบิ ัติตนเป็นพลเมืองดใี นวถิ ปี ระชาธปิ ไตยแลว้ ควรสนับสนนุ ส่งเสรมิ ให้บุคคลอ่นื ปฏบิ ตั ิ ตนเปน็ พลเมืองดใี นวิถีประชาธิปไตยดว้ ย โดยมีแนวทางการปฏบิ ตั ดิ งั นี้ 1. การปฏิบัติตนใหเ้ ป็นพลเมอื งดีในวิถีประชาธปิ ไตย โดยยึดมน่ั ในคุณธรรมจริยธรรมมของศาสนา และหลกั การของประชาธปิ ไตยมาใชใ้ นวิถีการดารงชีวติ ประจาวนั เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดแี กค่ นรอบขา้ ง 2. เผยแพร่ อบรม หรือสั่งสอนบคุ คลในครอบครัว เพ่ือนบา้ นคนในสงั คมใหใ้ ช้หลักการทาง ประชาธิปไตยเปน็ พนื้ ฐานในการดารงชีวิตประจาวนั 3. สนับสนุนชมุ ชนในเรื่องท่ีเกยี่ วกับการปฏิบตั ติ นให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยการบอกเล่า เขยี น บทความเผยแพรผ่ ่านสื่อมวลชน 4. ชกั ชวน หรือสนับสนุนคนดมี คี วามสามารถในการมีส่วนรว่ มกับกจิ กรรมทางการเมืองหรือกิจกรรม สาธารณประโยชน์ของชมุ ชน 5. เป็นหูเปน็ ตาให้กับรฐั หรือหนว่ ยงานของานรฐั ในการสนับสนนุ คนดี และกาจัดคนทีเ่ ปน็ ภัยกับสังคม การสนบั สนุนใหผ้ อู้ นื่ ปฏิบัติตนเปน็ พลเมืองดใี นวิถปี ระชาธปิ ไตย ควรเป็นจิตสานึกที่บคุ คลพงึ ปฏบิ ตั เิ พ่ือใหเ้ กดิ ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง หนา้ 54

ชุดหลักสตู รต้านทุจริตศกึ ษา ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2 ใบงานท่ี 13 เร่ือง องคป์ ระกอบของการศึกษาความเปน็ พลเมอื ง ตอนท่ี 1 1. พลเมืองดีตามวิถปี ระชาธิปไตย มคี วามสาคัญอยา่ งไร ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................. ................................. .................................................................................................. ............................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................... ........................................... .............................................................................................................................................................................. ตอนท่ี 2 คาชแ้ี จง ให้นักเรียนบอกวิธีการปฏิบัตติ นตามสทิ ธิ เสรีภาพ และหนา้ ที่ทีร่ ับผิดชอบของตนเองและผอู้ ่นื 2. การปฏิบตั ติ นตามสทิ ธิ เสรภี าพ และหนา้ ที่ท่ีรับผดิ ชอบของตนเอง ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 3. การปฏิบตั ติ นตามสทิ ธิ เสรภี าพ และหน้าที่ทีร่ บั ผดิ ชอบของผู้อนื่ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. หนา้ 55

ชดุ หลักสูตรตา้ นทุจรติ ศึกษา ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 ใบความรู้ท่ี 14 เร่อื ง ระเบยี บ กฎ กติกา ระเบียบ หมายถึง แบบแผนที่วางไว้เปน็ แนวปฏิบตั หิ รอื ดาเนนิ การ เช่น ระเบียบวนิ ัย ระเบียบ ขอ้ บังคับ ตอ้ งปฏบิ ัติตามระเบยี บ \" ระเบียบวินัย\" คือ คุณสมบัติที่สาคัญในการดาเนินชีวิตความสามารถของบุคคลในการควบคุม อารมณ์ และพฤติกรรมของตนเองให้เป็นไปตามท่ีมุ่งหวัง โดยเกิดจากการสานึกซึ่งต้องไม่กระทาการใดๆ อนั เป็นผลทาให้เกิดความย่งุ ยากแกต่ นเองในอนาคต หากแต่ต้องเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง แก่ ตนเองและผูอ้ ื่นโดยไม่ขัดต่อระเบียบของสงั คมและไม่ขดั ต่อสทิ ธิของผู้อื่น ความมีวินัยในตนเองสามารถควบคุม ตนเองให้ปฏิบัติตนตามระเบียบข้อตกลงของสังคมส่วนรวมด้วยความสมัครใจของผู้ปฏิบัติเอง เพื่อความ สงบสขุ ในชีวติ และความเปน็ ระเบยี บเรยี บรอ้ ยของสังคม การอยู่รว่ มกนั เป็นหมเู่ หล่าถา้ ขาดระเบียบวินัยตา่ งคนต่างทาตามอาเภอใจ ความขดั แย้งก็จะเกดิ ขน้ึ ย่ิงมากคนกย็ ง่ิ มากเร่ือง ไมม่ ีความสงบสุข การงานที่ทากจ็ ะเสยี ผล หนา้ 56

ชดุ หลักสตู รต้านทุจรติ ศกึ ษา ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 “กฎ” ตามความหมายโดยทั่วไป หมายถึง จดไว้เป็นหลักฐาน ตรา คาบังคับ หรือข้อกาหนดหรือ ข้อบัญญัติท่ีบังคับให้ต้องมีการปฏิบัติตามส่วน “กฎ” ตามคว ามหมายของกฎหมายปกครอง หมายความถึง พระราชกฤษฎกี า กฎกระทรวง ประกาศกระทรวงข้อบัญญัติท้องถ่ิน ระเบียบ ข้อบังคับ หรือ บทบัญญัติอ่ืนที่มีผลบังคับ เป็นการทั่วไปโดยไม่มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่กรณีใดหรือบุคคลใดเป็น การเฉพาะ ในทางปฏิบัติไม่ค่อยมีปัญหามากนักในการวินิจฉัยว่าอะไรเป็น “กฎ” ในส่วนที่เป็นพระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง ขอ้ บญั ญตั ิทอ้ งถ่นิ ประกาศกระทรวง แต่มปี ระกาศ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือบทบัญญัติบางฉบับท่ี อาจทาใหฝ้ ุายปกครองและประชาชนเขา้ ใจสับสนวา่ เป็น “กฎ” หรือ “คาส่ังทางปกครอง” เนื่องจากบทนิยาม ไดใ้ ห้ความหมายของคาวา่ “กฎ” หมายความรวมถงึ บทบัญญัติอ่นื ที่มีผลบังคับเป็นการทั่วไปโดยไม่มุ่งหมายให้ ใชบ้ ังคบั แกก่ รณใี ดหรอื บคุ คลใดเปน็ การเฉพาะ อกี ดว้ ย “กฎ (Law) หมายถึง ทฤษฎีท่ีสามารถอธิบายปรากฏการณในธรรมชาติได้อย่างกว้างขวางเป็นเวลานาน จนเป็นที่ยอมรับสามารถทดสอบผลได้เหมือนเดิมทุกๆ คร้ัง โดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ เพราะเป็นความจริงท่ีไม เปล่ียนแปลงการวิเคราะห์ข้อมูลและสรุปผลเมืองและเป็นประเทศ ในทานองเดียวกับสัตว์ที่รวมกันอยู่เป็นฝูงแต่ ถงึ แม้วา่ คนหรอื เป็นสัตว์ กตกิ า ในทางสังคมวทิ ยาแต่ในทางจริยศาสตร์คนมขี ้อแตกตา่ งจากสตั ว์ในด้านหลัก คือ ใบความรู้ท่ี ๓ เร่อื ง มารูจ้ ัก กตกิ ากันเถอะ 1. ทางดา้ นร่างกาย คนมโี ครงสรา้ งรา่ งกายสูงขึ้นในแนวด่ิงของโลก ส่วนสัตวม์ โี ครงสรา้ งรา่ งกายยาวไป ตามแนวนอนขนานกบั พนื้ โลกหรือถา้ จะพดู ตามนยั แหง่ คาสอนในพระพุทธศาสนาวา่ ดิรัจฉาน หรือเดรจั ฉาน แปลวา่ ไปทางขวาง ซึ่งเปน็ ทมี่ าของคาด่าคนช่วั คนเลววา่ เป็นคนขวางโลก อนั หมายถงึ เปน็ สตั ว์นน่ั เอง 2. ทางด้านจติ ใจ คนใชเ้ หตุผล หลกั การ คณุ ธรรม และจรยิ ธรรม ควบคุมพฤติกรรมท่แี สดงออกทาง กายและวาจาส่วนสตั ว์มีเพยี งสญั ชาตญาณเท่าน้ันควบคมุ พฤตกิ รรม ดว้ ยเหตุท่ีคนตา่ งจากสัตว์ในทางดา้ นจติ ใจนี้เอง ทาให้สงั คมของคนมีการพฒั นาเจริญรุ่งเรืองในทุกด้าน เม่อื กาลเวลาผา่ นไป โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งในการกาหนดกตกิ าขึน้ มาเพื่อควบคุมพฤตกิ รรมผู้คนในสงั คมให้อยู่ รวมกนั อย่างสงบสุขกติกาทางสังคมของคนในยคุ ตน้ เริ่มจากการมีความเชื่อร่วมกัน หรือทเ่ี รียกว่า ลัทธิ และ ความเชอ่ื ในยุคแรกได้แก่ความเชือ่ เกีย่ วกับวญิ ญาณประจาธรรมชาติ ภูเขา ตน้ ไม้ หรือแม้กระทัง่ สัตว์บางชนิด ความเชอ่ื ในลกั ษณะนี้นักวิชาการด้านศาสนาเรียกว่า วญิ ญาณนยิ ม และความเชอื่ ในเรื่องทรงเจา้ เข้าผีกจ็ ัดอยู่ ในประเภทเดยี วกนั นี้ หนา้ 57

ชดุ หลกั สูตรตา้ นทุจริตศึกษา ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 กติกา แปลว่า ข้อความที่ได้ทาความตกลงกันแล้ว หมายถึง กฎเกณฑ์หรือข้อตกลงท่ีบุคคลต้ังแต่ ๒ ฝุายข้ึนไป กาหนดข้ึนเป็นหลักปฏิบัติ เช่น ในการเล่นกีฬา หรือการเล่นเกมต่างๆ มีกติกาท่ีผู้เล่นต้องปฏิบัติ ตามทงั้ ในการเลน่ การแพช้ นะ การปรับ การลงโทษ เป็นต้น ผู้ที่แพ้ก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ อาจถูกลงโทษ หรือถูกปรับตามกติกาท่ีตกลงกันแล้ว เช่น นักฟุตบอลที่ทาให้คู่ต่อสู้เจ็บ ไม่ว่าจะโดยต้ังใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม จะตอ้ งถูกลงโทษได้ใบเหลอื ง หรอื ใบแดงซง่ึ ทาให้ต้องออกจากการเล่น คนเชียร์ฟุตบอลท่ีฝุายของตนแพ้แล้วไม่ ยอมแพ้จัดว่าเป็นคนท่ีไม่ปฏิบัติตามกติกา คนที่ไ ม่ปฏิบัติตามกติกาจะถูกสังคมประณามว่า เป็นอันธพาล เป็นคนเกเรกติกาเป็นข้อตกลงที่ช่วยให้คนในสังคมทากิจกรรมร่วมกันได้อย่างเป็นระเบียบ เรียบรอ้ ย และทาให้ทกุ คนอย่รู ่วมกนั ไดอ้ ย่างสนั ติสขุ ท่ีมา : บทวทิ ยุรายการ “รู้ รัก ภาษาไทย” ออกอากาศทางสถานวี ิทยุกระจายเสียงแหง่ ประเทศไทย เม่อื วนั ที่ ๖ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๕๕๓ หนา้ 58

ชดุ หลกั สตู รตา้ นทุจรติ ศึกษา ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 กฎหมาย คืออะไร กฎหมาย เป็นกฎเกณฑ์ ข้อบังคับท่ีใช้ควบคุมความประพฤติของมนุษย์ในสังคม กฎหมาย มีลักษณะ เป็นคาสั่ง ข้อห้าม ที่มาจากผู้มีอานาจสูงสุดในสังคมใช้บังคับได้ทั่วไป ใครฝุาฝืนจะต้องได้รับโทษหรือสภาพ บงั คับอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ ระบบกฎหมายในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 4 ระบบ ได้แก่ ระบบกฎหมาย ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร ระบบกฎหมายลายลักษณ์อักษร ระบบกฎหมายสังคมนิยม และระบบกฎหมายศาสนา กฎหมายแต่ละระบบ ย่อมมีท่ีมาแต่งต่างกันการแบ่งประเภทของกฎหมายอาจแบ่งได้หลายลักษณะ ข้ึนอยู่กับว่าจะยึดอะไรเป็น หลักเกณฑ์ในการแบ่ง มนุษย์จาเป็นต้องมีกฎหมายเป็นกฎเกณฑ์ในการอยู่ร่วมกัน เพ่ือให้สังคม เกิดความเป็น ระเบยี บเรยี บรอ้ ยและสงบสุข มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เพ่ือให้สังคมเป็นระเบียบเรียบร้อยสงบสุข กฎเกณฑ์ต่างๆ เหล่านี้ เรียกว่า บรรทดั ฐานทางสงั คม (Social Norms) ประกอบด้วย 1. วิถีชาวบ้าน (Folkways) เป็นกฎเกณฑ์ความประพฤติท่ีอยู่ในรูปของประเพณีนิยมที่สมาชิก ในสังคมปฏิบตั สิ ืบตอ่ กันมา ถา้ ใครไมป่ ฏบิ ัตติ ามก็จะถูกติฉินนินทาว่าร้าย เช่น การแต่งกาย กิริยามารยาททาง สงั คมในโอกาสต่าง ๆ เป็นตน้ 2. จารีต (Mores) เป็นกฎเกณฑ์ความประพฤติที่ยึดหลักความดีความช่ัว กฎเกณฑ์ทางศาสนา เป็นเร่ืองของความรู้สึกว่าส่ิงใดผิดส่ิงใดถูก หากใครละเมิดฝุาฝืนจะได้รับการต่อต้านจากสมาชิกในสังคม อย่างจริงจัง อาจถูกกีดกันออกจากสังคม หรือไม่มีใครคบค้าสมาคมด้วย เช่น การลักเล็กขโมยน้อย การเนรคณุ บิดามารดา หรอื ผูม้ พี ระคณุ เป็นตน้ 3. กฎหมาย (Laws) เป็นกฎเกณฑ์ความประพฤติที่มีการบัญญัติไว้อย่างชัดเจน แน่นอน ว่ากระทา อยา่ งไร เปน็ ความผิดฐานใด จะไดร้ ับอยา่ งไร เช่น ผู้ใดฆา่ ผู้อ่นื ต้องระวางโทษประหารชวี ติ เป็นตน้ กฎเกณฑ์ของความประพฤติท้ังสามประการดังกล่าว สองประการแรกไม่ได้มีการบัญญัติไว้ อยา่ งชดั เจน การลงโทษผู้ละเมิดฝาุ ฝนื ก็ไม่รุนแรง ประการที่สาม กฎหมายจึงเป็นส่ิงที่สาคัญที่สุด ใช้ได้ผลมาก ที่สุด ในการควบคุมความประพฤติของมนุษย์ ดังนั้นสังคมมนุษย์ทุกสังคมจึงจาเป็นต้อ งมีกฎหมาย เป็นกฎเกณฑใ์ นการอยรู่ ่วมกนั ดงั คากลา่ วที่วา่ “ทใี่ ดมสี ังคมทน่ี นั่ มกี ฎหมาย” กฎหมาย หมายถงึ คาส่ังหรอื ข้อบังคบั ของรัฐ ซึ่งบัญญัติข้ึนเพ่ือใช้ควบคุมความประพฤติของบุคคลซ่ึง อยใู่ นรัฐหรอื ในประเทศของตนหากผใู้ ดฝาุ ฝนื ไมป่ ระพฤตปิ ฏบิ ัติตาม ก็จะมคี วามผดิ และถูกลงโทษหรือได้รับผล เสยี หายนั้นดว้ ย หนา้ 59

ชดุ หลกั สูตรตา้ นทุจรติ ศึกษา ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 2 ใบงานท่ี 14 เรื่อง ระเบยี บ กฎ กตกิ า กฎหมาย 1. ระเบยี บ หมายถึง ............................................................................................................................. ................................................. .......................................................................................................................................... .................................... ............................................................................................... ............................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. 2. กฎ (Law) หมายถึง ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 3. กตกิ า คอื .................................................................................................................................................................. ............ ....................................................................................................................... ....................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................................ ...................... 4. กฎหมาย คือ .............................................................................................. ................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................... ............................................... .................................................................................... .......................................................................................... 5. ให้นักเรียนบอกลกั ษณะของการเปน็ พลเมืองดี 3 ขอ้ .................................................................................................................... .......................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ..................................................................................................................................................... ......................... .......................................................................................................... .................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. .......................................................................................................................................... .................................... หนา้ 60

ชดุ หลักสตู รต้านทุจรติ ศึกษา ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 ใบความรู้ 15 บทบาทและหนา้ ท่ขี องเยาวชนท่มี ีต่อสังคมและประเทศชาติ บทบาทและหน้าทขี่ องเยาวชนทีม่ ีต่อสังคมและประเทศชาติ สมาชิกทุกคนในสังคมย่อมต้องมีบทบาท หน้าท่ีตามสถานภาพของตน ซึ่งบทบาทและหน้าที่ของสมาชิกแต่ละคนจะมีความแตกต่างกันไป แต่ในหลักใหญ่และรายละเอียดจะเหมือนกัน ถ้าสมาชิกทุกคนในสังคมได้ปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่ของตนเอง อย่างถูกต้อง ก็จะได้ช่ือว่าเป็น “พลเมืองที่ดีของสังคมและประเทศชาติ” และยังส่งผลให้ประเทศชาติพัฒนา อย่างย่ังยืน ดังนั้น สมาชิกในสังคมทุกคน โดยเฉพาะเยาวชนที่ถือว่าเป็นอนาคตของชาติจึงจาเป็นอย่างย่ิง ท่ีจะต้องเรียนรู้และปฏิบตั ิตามบทบาทหนา้ ทีข่ องตน เพ่ือชว่ ยนาพาประเทศให้พัฒนาสบื ไป เยาวชนกบั การเป็นสมาชิกท่ีดีของสงั คมและประเทศชาติ เยาวชน หมายถึง คนหนุ่มสาวท่ีมีพลังอันสาคัญท่ีจะสามารถช่วยกันเสริมสร้างกิจกรรมท่ีเป็น ประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศชาติในอนาคต ดงั นน้ั เยาวชนท่ีดีควรตระหนักในคุณค่าของตนเองและร่วมมือ รว่ มใจ สามคั คี และเสยี สละเพ่อื ส่วนรวม ลกั ษณะของเยาวชนทดี่ ี เยาวชนทีด่ ีควรจะเป็นผู้ท่ีมีคุณธรรม จริยธรรม กลา่ วคือ จะตอ้ งมธี รรมะในการดาเนินชวี ิต ไดแ้ ก่ 1. การเสียสละต่อส่วนรวม เป็นคุณธรรมที่ช่วยในการพัฒนาประเทศชาติให้มีความเจริญก้าวหน้า เพราะถ้าสมาชิกในสังคมเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมและยอมเสียสละผลประโยชน์ส่วนตนจะทาให้สังคมพัฒนา ไปอยา่ งรวดเรว็ และม่ันคง ๒. การมีระเบียบวินัยและความรับผิดชอบต่อหน้าท่ี เป็นคุณธรรมที่ช่วยให้คนในสังคมอยู่ร่วมกัน ได้อย่างสงบสุข เพราะถ้าสมาชิกในสังคมยึดม่ันในระเบียบวินัย รู้และเข้าใจสิทธิของตนเอง ไม่ละเมิดสิทธิ ของผู้อ่ืนและต้ังใจปฏิบัติหน้าที่ของตนเองให้ดีท่ีสุด สังคมน้ันก็จะมีแต่ความสุข เช่น ข้าราชการที่บริการ ประชาชนอย่างทีด่ ีทสี่ ดุ กย็ อมทาใหเ้ ปน็ ทป่ี ระทับใจรักใคร่ของประชาชนผมู้ ารบั บริการ ๓. ความซ่ือสัตย์สุจริต เป็นคุณธรรมท่ีมีความสาคัญ เพราะหากสมาชิอกในสังคมยึดม่ันในความ ซ่ือสัตย์สุตริต เช่น ไม่ลักทรัพย์ ไม่เบียดเบียนทรัพย์สินของผู้อื่นหรือของประเทศชาติมาเป็นของตน รวมท้ัง ผู้นาประเทศมคี วามซือ่ สตั ยส์ จุ ริต ๔. ความสามัคคี ความรักใคร่กลมเกลียวปรองดองและร่วมมือกันทางานเพ่ือประโยชน์ส่วนรวม จะทาให้สังคมท่ีเข็มแข็ง แต่หากคนในสังคมเกิดความแตกแยกทั้งทางความคิดและการปฏิบัติตนในการ อยู่รว่ มกนั จะทาให้สังคมอ่อนแอและล่มสลายในทสี่ ุด ๕. ความละอายและเกรงกลัวในการทาช่ัว ถ้าสมาชิกในสังคมมีหิริโอตัปปะ มีความเกรงกลัวและ ละอายในการทาช่ัว สังคมก็จะอยู่อย่างสงบสุข เช่น นักการเมืองจะต้องมีมีความซื่อสัตย์สุจริตไม่โกงกิน ไม่เห็นแก่ประโยชน์พวกพ้อง โดยต้องเห็นแก่ประโยชน์ของประชาชนเป็นสาคัญ ประเทศชาติก็จะสามารถ พัฒนาไปไดอ้ ย่างม่นั คง ความสาคญั ของการเปน็ เยาวชนท่ีดี การเป็นเยาวชนท่ดี ีมีความสาคญั ตอ่ ตนเองและประเทศชาติ ดงั น้ี หนา้ 61

ชุดหลักสูตรตา้ นทุจรติ ศึกษา ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 1. ความสาคัญต่อตนเอง เยาวชนที่ดีต้องเป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม ในการดาเนินชีวิต คิดดี ทาดี เพ่ือตนเองและเพอ่ื สว่ นรวม ปฏิบัติตนตามหนา้ ทท่ี ่ไี ดร้ ับมอบหมาย จะทาให้มีสุขภาพกาย สุขภาพจิตที่ดี สร้าง สมั พนั ธภาพท่ีดีระหวา่ งกนั และกนั เป็นท่ีรกั ของคนรอบขา้ ง ๒. ความสาคัญต่อส่วนรวม เมื่อเยาวชนได้รับการปลูกฝังให้เป็นเยาวชนท่ีดีแล้ว ก็จะเป็นพลเมืองที่ดี ในอนาคตและถ้าประเทศชาติมีพลเมืองท่ีดี มีความรับผิดชอบปฏิบัติตามกฎระเบียบ กติกาของสังคมและ นาหลักประชาธิปไตยมาใช้เป็นแนวทางในการกาหนดบทบาทหน้าท่ีของตน ก็ย่อมทาให้การอยู่ร่วมกัน ในสงั คมเป็นไปอยา่ งสงบสขุ ๓. ความสาคัญต่อประเทศชาติ เม่ือสังคมมีเยาวชนที่ดีและมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมย่อมเป็น พื้นฐานทาให้เกิดพลเมืองดีในอนาคตและเมื่อสังคมมีพลเมืองที่ดี ย่อมนามาซ่ึงการพัฒนาประเทศชาติ ให้เจริญกา้ วหน้าตอ่ ไปอยา่ งรวดเรว็ การปฏบิ ตั ติ นเป็นเยาวชนท่ีดตี ามสถานภาพท่ีดตี ามสถานภาพและบทบาท 1. เยาวชนกับการเป็นสมาชกิ ที่ดีของครอบครัว เยาวชนในสถานภาพของการเป็นบุตร ควรมีบทบาท หน้าที่ ดงั นี้ 1.1 เคารพเชื่อฟังบดิ ามารดา ๑.2 ชว่ ยเหลือบิดา มารดา ในทกุ โอกาสท่ีทาได้ 1.3 ใชจ้ า่ ยอย่างประหยัด ไมฟ่ มุ เฟอื ย สรุ ยุ่ สรุ ่าย 1.4 มีความรักใคร่ปรองดองในหม่พู น่ี อ้ ง ๑.5 ตง้ั ใจศกึ ษาเล่าเรียน ๑.6 ประพฤตติ นใหส้ มกบั เปน็ ผดู้ ารงวงศต์ ระกูล 2. เยาวชนกบั การเป็นสมาชิกท่ีดขี องโรงเรยี น เยาวชนในฐานะนกั เรียนควรมบี ทบาทหน้าท่ี ดงั น้ี 2.1 รับผิดชอบในหนา้ ทขี่ องนักเรยี น คือ ตั้งใจเลา่ เรียน ประพฤติตนเป็นคนดี 2.2 เช่อื ฟงั คาสงั่ สอนอบรมของครูอาจารย์ 2.3 กตัญญูรู้คณุ ของครอู าจารย์ 2.4 รกั ใครป่ รองดองกนั ในหมเู่ พ่อื นนกั เรยี น 2.5 สง่ เสรมิ เพือ่ นในทางทีถ่ ูกทค่ี วร 3. เยาวชนกับการเปน็ สมาชิกทีด่ ีของชุมชน ชมุ ชน คอื สังคมขนาดเล็ก เช่น หมู่บ้านหรือกลุ่มคน โดย เยาวชนเป็นส่วนหนึง่ ของชมุ ชนทตี่ นอาศัยอยู่ จงึ ต้องมีบทบาทหนา้ ท่ตี อ่ ชมุ ชน ดงั น้ี ๓.1 รกั ษาสขุ ลกั ษณะของชุมชน เชน่ การท้ิงขยะใหเ้ ปน็ ท่ี ชว่ ยกาจดั สิง่ ปฏกิ ูลต่างๆ เปน็ ต้น ๓.๒ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในชุมชน เช่น ไม่ขีดเขียนทาลายโบราณวัตถุในชุมชน ช่วยกันดูแล สาธารณสมบัติ ๔. เยาวชนกบั การเปน็ สมาชิกทีด่ ขี องประเทศชาติ ๔.1 เข้ารบั การศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน 12 ปี 4.2 ปฏิบัตติ นตามกฎหมาย 4.3 ใชส้ ทิ ธใิ นการเลอื กตงั้ 4.4 ใชท้ รัพยากรอย่างคุม้ คา่ หนา้ 62

ชดุ หลกั สตู รต้านทุจรติ ศึกษา ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2 4.5 สบื ทอดประเพณีวฒั นธรรมอนั ดงี ามของไทย 4.6 ชว่ ยเหลอื กจิ กรรมตา่ งๆ ทีท่ างราชการจัดข้ึน 4.7 ประกอบอาชีพสุจริตด้วยความขยันหมน่ั เพียร 4.8 ประหยัดอดอออม อ้างอิง www.kmutt.ac.th/building/pdf/mod59/4/3.pdf สืบค้นวันท่ี 5 สงิ หาคม 2561 หนา้ 63

ชดุ หลักสตู รตา้ นทุจริตศึกษา ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 2 ใบงานที่ 15 เรือ่ ง บทบาทหนา้ ท่ีของเยาวชนที่มตี ่อสงั คมและประเทศชาติ คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนเขยี นสรุปเปน็ ผงั ความคดิ จากการศึกษาใบความรู้ เร่อื ง บทบาทและหน้าท่ขี องเยาวชน ท่ีมตี อ่ สังคมและประเทศชาติ หนา้ 64

ชดุ หลกั สตู รต้านทุจริตศึกษา ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 ใบความรู้ที่ 16 เร่ือง สร้างสานกึ พลเมอื งประชาธปิ ไตย http://seminar.qlf.or.th/Archive/View/36 สรา้ งสานกึ พลเมืองประชาธปิ ไตย พฒั นาการเรียนรู้ ลดความขดั แย้ง ภาคประชาสังคมจบั มอื สรา้ งสานึกพลเมืองประชาธิปไตย พัฒนาการเรียนรู้ ลดความขัดแย้ง มธ.แนะต้อง สร้างเง่ือนไขการเรียนรกู้ ระตนุ้ การพฒั นาความคดิ ดร.ปรญิ ญา เทวานฤมติ รกุล รองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษา และการเรยี นรู้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ประเทศไทยเตม็ ไปด้วยปญั หาท่ีแก้ไขไม่ได้ เป็นเพราะแต่ละคนมักโทษคน อ่นื และมักบอกให้คนอื่นทา ไทยจึงเตม็ ไปดว้ ยคาขวญั และเรียกรอ้ งผมู้ ีอานาจเข้ามาจัดการปัญหาซง่ึ แกป้ ัญหา ไมไ่ ด้ ทกุ คนจงึ กลายเปน็ ภาระของเมือง แตค่ าวา่ ”พลเมอื ง” หมายถึงกาลงั ของเมือง ดงั นน้ั ประเทศจะเปลยี่ นแปลงได้ ทุกคนต้องแก้ท่ีตัวเอง และ ลงมอื ทา ในมหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ เร่ิมต้นหลักสูตร TU 100 เพื่อบม่ เพาะเยาวชนมาใหม้ สี านึกพลเมือง มากว่า 5 ปี และพบวา่ ประสบผลสาเรจ็ เป็นอยา่ งดี ดร.ปริญญา กล่าวถงึ การวิธีการสร้างสานกึ พลเมืองวา่ ตอ้ งสร้างเง่ือนไขการเรียนรู้ ซึ่งตอ้ งมาจากการตั้ง คาถาม เพอ่ื พฒั นาความคิด จากเดิมทเ่ี รามกั บรรยายและมีแต่รคาตอบให้ผู้ฟัง อย่างไรก็ตาม การเป็นแอคทีฟ ซติ เ้ี ซนท์ ไม่สามารถสร้างแตส่ านกึ พลเมืองเพียงอย่างเดียว เพราะการมแี ต่สานึกพลเมือง คนในชาติก็ สามารถฆา่ กันได้เชน่ เดียวกันเหมอื นอดตี ของสหรัฐทแ่ี บ่งเป็นเหนือและใต้ ทาใหค้ นตายไปกวา่ 6.5 แสนคน จากการรบราฆ่าฟนั กัน เช่นเดยี วกับประเทศไทยเวลาน้ี ทท่ี ง้ั ฝุายกปปส. และนปช.ต่างมจี ติ อาสา มีสานึก ส่วนรวมด้วยกนั ท้งั ส้ิน แต่ขัดแยง้ กนั ดังนนั้ สานกึ พลเมือง จงึ ต้องมาพร้อมกบั การเคารพกติกา เหมือนการ แขง่ ขันฟตุ บอลที่สองทมี ท่ีแข่งขันกันยงั อยู่ดว้ ยกนั ไดต้ ่อไป เพราะเล่นบนกตกิ า นอกจากนี้สานกึ พลเมือง ยงั ตอ้ งมาพร้อมกบั สานึกประชาธปิ ไตยดว้ ย ซงึ่ คนจานวนมากยังยอมรบั ว่า ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยเป็นระบบเดยี วทป่ี ระชาชนทักท้วงได้ หากรัฐบาลเดนิ ผดิ ทาง เพยี งแต่ ประเทศไทยไมเ่ คยเรยี นรปู้ ระชาธปิ ไตยอย่างจรงิ จัง ทีผ่ ่านมาความถูกผิดอยู่ทมี่ องจากมมุ ไหน แม้เป็นคน เดยี วกนั พูดเหมือนกัน ยกตวั อย่างคุณยิ่งลักษณ์ ชินวตั ร ที่มีทั้งคนมองเปน็ เจ้าหญิง จากมมุ ของนปช. และแม่ มดในมมุ ของกปปส. หรอื การท่บี อกวา่ สหรฐั เป็นตะวนั ตก และไทยเปน็ ตะวันออก เพราะอยู่ทีม่ องจากมมุ ไหน ของจักรวาลใบน้ี ดงั นนั้ การสรา้ งสานกึ พลเมือง ตอ้ งสรา้ งพลเมอื งประชาธิปไตย ใน 3 ดา้ น คือ การเคารพกติกา เคารพ ความแตกตา่ ง เพราะทุกคนเป็นเจ้าของประเทศเช่นเดียวกัน และร่วมรบั ผิดชอบตอ่ สังคม สาหรบั แนวทางในการสร้างพลเมืองประชาธปิ ไตยดร.ปริญญา ระบวุ า่ ตอ้ งสรา้ งเง่ือนไขการเรยี นรู้ โดยการ ตง้ั คาถาม เช่น การต้งั คาถามกบั ผู้ตอ้ งขัง ว่า พน้ โทษไปแลว้ ตอ้ งการทาอะไร และทาอยา่ งไรไมใ่ ห้กลับมาตดิ คุก อีก ซงึ่ จะทาใหเ้ กดิ การเรยี นรู้มากว่าการบอกกล่าววา่ เขาต้องทาตัวอยา่ งไร หนา้ 65

ชุดหลกั สูตรตา้ นทุจรติ ศึกษา ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 และในการทาโครงงานใดก็ตามเพื่อสรา้ งพลเมืองที่ดีตอ้ งมกี ารประเมนิ ผลด้วย เพ่ือใหร้ ู้ว่ามกี ารเรียนรู้อะไร และทาไปแล้วได้ผลหรอื ไม่ ทัง้ ให้รู้วา่ ตอ้ งปรับปรุงวธิ กี ารอยา่ งไร นอกจากน้ีทต่ี ้องยา้ คอื การสรา้ งพลเมืองทด่ี ี นน้ั ต้องเปน็ พลเมืองของโลก ไมเ่ ฉพาะของไทยเท่านั้นเพราะทกุ คนอยู่ในโลกใบเดียวกนั ดร.ปรญิ ญา ยา้ ประเดน็ ในการสรา้ งสานกึ พลเมอื งประชาธปิ ไตย คอื การลงมือทา โดยเร่มิ ที่ตนเองก่อน และขยายวงออกไป และตวั เองอยู่ตรงไหนชว่ ยสังคมตรงนน้ั พรอ้ มสร้างเงื่อนไขการเรียนรู้ และสร้างเครือขา่ ย นางปิยาภรณ์ มัณฑะจิตร ผจู้ ัดการมลู นิธสิ ยามกัมมาจล เปดิ เผยในงานเสวนา “การเรียนรเู้ พื่อสร้าง สานกึ พลเมือง” ในงานประชมุ วชิ าการอภวิ ัตนก์ ารเรยี นรู้ ส่จู ุดเปลย่ี นประเทศไทย ซึ่งจัดขน้ึ ระหวา่ ง 6-8 พ.ค. 2557 ที่เมืองทองธานี ว่า ปัญหาของสงั คมไทยขณะนีค้ ือ หลายคนไมส่ นใจเร่ืองของสว่ นร่วม สนใจเฉพาะ เรือ่ งตัวเอง โดยเฉพาะเดก็ ร่นุ ใหม่ โดยมกั อ้างวา่ เพ่ือนๆทาเหมือนกนั ซง่ึ สถานการณ์นป้ี ลอ่ ยใหผ้ า่ นไป ไม่ได้ วิธแี ก้ไข ต้องโทษตวั เราเองก่อนท่ีทาให้ลูกหลานเปน็ อย่างนัน้ ดังนนั้ เราต้องการใหล้ ูกหลานเป็นอย่างไร ต้องเปลยี่ นทีต่ วั เราเองก่อน และช่วยกนั พัฒนาเด็ก ด้วยการลงมือทาไมเ่ พยี งแตพ่ ร่าบ่นเทา่ นัน้ โดยทกุ องค์กร ต่างสามารถเข้ามามบี ทบาทในการพฒั นาให้เกดิ สานึกพลเมือง นางพรรณภิ า โสตถิพันธ์ุ ผ้อู านวยการสงขลาฟอร่ัม กลา่ ววา่ ความทา้ ทายท่ีเข้ามาทางานกบั เดก็ และ เยาวชนเมอื่ 10 ปีกอ่ น เพราะมองว่าปญั หาของไทย คือ เราได้เปิดพน้ื ท่ีใหเ้ ดก็ มีโอกาสทาอะไรใหบ้ า้ นเมือง แล้วหรือไม่ อย่างไรกต็ ามตนเองเชอ่ื มัน่ ว่าเด็กทุกคนมีศักยภาพเปน็ กาลังของบ้านเมืองได้ ไมใ่ ช่ภาระของเมือง สงขลาฟอรมั่ ภายใต้การสนับสนุนของมูลนิธิสยามกมั มาจล จึงดาเนินโครงการพลังพลเมืองเยาวชนสงขลา เพอื่ ให้เดก็ และเยาวชนได้เรียนรจู้ ากสถานการณ์จรงิ บม่ เพาะให้เด็กมจี ติ ใจทาเพ่ือส่วนรว่ ม แนวทางการทาโครงการนี้ จะใหเ้ ยาวชนเสนอโครงการดว้ ยตัวเอง กวา่ 3 ปที ่ดี าเนนิ การ มีมากกวา่ 22 โครงการทีเ่ สนอเข้ามาสนับสนนุ โดยสงขลาฟอรมั่ ไม่มุง่ เน้นวา่ โครงการทเ่ี ด็กทานั้นบรรลเุ ปูาหมายหรือไม่ หลายโครงการลม้ เหลว แตเ่ ราใหค้ วามสาคัญกบั การเรยี นรู้ของเด็กมากกว่า เพ่ือใหเ้ ด็กวัยรนุ่ ปรบั พฤติกรรม สามารถจดั การกบั อารมณ์ของตนเองได้ และปรบั การส่ือสารเพื่อปฏสิ มั พนั ธก์ ับคนอ่ืนๆ ทงั้ น้ีพบว่าแม้ โครงการไมส่ าเร็จ แต่เดก็ ได้เรียนรูแ้ ละเตบิ โตทางความคดิ และเปล่ียนพฤติกรรม นายทรงพล เจตนาวนชิ ย์ ผู้อานวยการสถาบันการเรยี นรูเ้ พอ่ื ชมุ ชนเป็นสุข (สรส.) กล่าววา่ โครงการ หลักที่สถาบนั ฯดาเนนิ การเพื่อพัฒนาคน เป็นหลักสตู รนักถักทอ เพอื่ ปรบั การทางานของท้องถ่ิน โดยมองว่า ชุมชนมีทุนทางสังคม แต่ขาดการบรหิ ารจดั การ หลักสูตรนจี้ ึงเกดิ ข้ึนเพื่อสรา้ งการเรียนรจู้ ากการปฏบิ ตั งิ าน จรงิ โดยเฉพาะเจ้าหนา้ ทีข่ ององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น เพอื่ ใหเ้ รียนรู้การประสานงาน และสรา้ งการมีส่วน รว่ มของคนในท้องถน่ิ หลกั สตู รนี้ช่วยเชอื่ มร้อยคนในพน้ื ทีเ่ ข้าดว้ ยกนั จากเดิมท่ตี ่างคนต่างทางาน หนา้ 66

ชุดหลกั สูตรต้านทุจริตศกึ ษา ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ใบงานที่ 16 เร่อื ง สานึกพลเมือง/ความรับผดิ ชอบ ตอนที่ 1 1. บอกความหมายของการสร้างสานกึ พลเมือง ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ...................................................................................................................................................................... ........ ตอนที่ 2 คาช้แี จง ใหน้ ักเรียนใช้เวลาว่าง อา่ นขา่ วหรอื ออกไปสมั ผัสกับปญั หาตา่ งๆ ของชุมชนท่ีอยรู่ อบๆโรงเรยี นหรือ ในชมุ ชนหมู่บ้านของตนเอง โดยตัง้ คาถามว่าพบเหน็ ปัญหาอะไรบ้าง ปัญหาตา่ ง ๆ ของชุมชนรอบ ๆ โรงเรียน ปญั หาสงั คมในระดบั ประเทศ หรอื ในหมู่บา้ นของนกั เรียน หนา้ 67

ชดุ หลักสูตรตา้ นทุจรติ ศกึ ษา ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 คุณครูให้คาปรึกษา เร่อื ง การสอนหลกั สูตรต้านทุจริตศกึ ษา 1.นางสาวนิศารัตน์ มงคล 2. นางสาวอุมารินทร์ โทนสุ ทิ ธิ์ 3.นางสาวมยุรา สอนภัคดี ๔. นางสาวจติ รหาภนรา้ ณ6์ 8มงคลเมอื ง