Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ม.3

หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ม.3

Description: หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ม.3

Search

Read the Text Version

ชดุ หลักสตู รต้านทุจริตศกึ ษา ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 หนา้ 1

ชุดหลกั สูตรต้านทุจริตศกึ ษา ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 คานา ตามที่สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาแจ้งให้โรงเรียนนวมินทราชินูทิศสตรวิทยา ๒ ดาเนินการสอนตาม หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti - Corruption Education) ของสานักงานคณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาตทิ ี่ร่วมจัดทากบั สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน จากนโยบายดังกล่าว โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ จึงได้จัดทาชุดการสอน เร่ือง การ ป้องกันการทุจริต ประกอบกิจกรรมเสริมหลักสูตร “หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา” (Anti - Corruption Education) ระดบั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ถึงระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความรู้ความเข้าใจ และ ทักษะในเร่ืองการคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม ความอายและความไม่ทน ต่อการทุจริต STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต พลเมืองและความรับผิดชอบต่อสังคม โดยเริ่มใช้ในปี การศึกษา 2562 เพ่ือเป็นกลไกระยะยาวในการปลูกฝ๎งวิธีคิดป้องกันการทุจริตให้แก่ผู้เรียน ร่วมกันสร้างประเทศ ไทยใสสะอาด ไทยทง้ั ชาติตา้ นทุจริต คณะผู้จัดทา ครกู ลมุ่ สาระการเรียนรสู้ งั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม หน้า2

ชดุ หลักสูตรต้านทุจรติ ศกึ ษา ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 สารบัญ เร่ือง หนา้ ชุดการสอนท่ี 1 เรื่อง การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนกับผลประโยชน์สว่ นรวม 1 แบบทดสอบก่อนเรยี นชดุ การสอนที่ 1 2 ชดุ การสอนที่ 1.1 การวเิ คราะห์สถานการณ์ 3 ใบความรู้ที่ 1 เรื่อง การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวม 4 ใบความรู้ที่ 2 เรื่อง ตัวอยา่ งการขดั กนั ระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชนส์ ว่ นรวม 9 ชดุ การสอนท่ี 1.2 การวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ สงั เคราะห์ ผลประโยชน์ส่วนตน 11 ใบความรู้ที่ 4 เรื่อง ระบบคิดฐานสอง (Digital) 12 ชดุ การสอนท่ี 1.3 การทจุ รติ ท่ีเกดิ จากระบบการคดิ ฐานสบิ 14 ใบความร้ทู ี่ 5 เรอ่ื ง ระบบคดิ ฐาน 10 (Analog) 15 ชดุ การสอนท่ี 1.4 การทจุ รติ ท่ีเกดิ ขึน้ ในโลกและจรยิ ธรรม 16 ใบงานที่ 1 เร่ือง การวเิ คราะหส์ ถานการณ์การทุจรติ 17 ชดุ การสอนท่ี 1.5 ผลกระทบท่ีเกดิ จากการขดั กนั 19 ใบความรทู้ ี่ 6 เรื่อง มาร้จู ักประโยชน์สว่ นตนและประโยชน์ส่วนรวม 19 ใบงานที่ 2 เร่ือง มารู้จักประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชน์สว่ นรวม 20 ใบความรู้ท่ี 7 ตวั อยา่ ง การขดั กนั ระหว่างประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชนส์ ว่ นรวม 22 ใบงานที่ 3 เรอื่ ง ช่วยกันยกตัวอย่างการขดั กนั ระหวา่ งประโยชน์สว่ นตนกับประโยชน์ส่วนรวม 27 ชดุ การสอนท่ี 1.6 รูปแบบของผลประโยชนท์ ับซ้อน 28 ใบความรู้ท่ี 8 เรือ่ ง ตวั อยา่ งโอกาสท่ีจะเกิดผลประโยชน์ทบั ซอ้ นของข้าราชการ 29 ใบความรู้ที่ 9 เรื่อง ตวั อยา่ งพฤติกรรมผลประโยชนท์ บั ซ้อนที่พบเหน็ บ่อย 33 ชดุ การสอนที่ 2 เรอ่ื ง ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต 34 แบบทดสอบกอ่ นเรยี นชดุ กิจกรรมที่ 2 35 ชุดการสอนท่ี 2.1 ลกั ษณะความละอายและความไมท่ นตอ่ การทุจรติ 36 ชดุ การสอนที่ 2.2 การลงโทษทางสงั คมในระดบั โลก 37 ชดุ การสอนท่ี 2.3 ตัวอยา่ งของความละอายและความไม่ทนตอ่ การทุจริต 38 ใบความรู้ที่ 10 เรือ่ ง ลกั ษณะความละอายและความไม่ทนตอ่ การทจุ ริต 39 ชุดการสอนที่ 3 เรือ่ ง STRONG : จิตพอเพยี งต้านทจุ รติ 42 แบบทดสอบกอ่ นเรยี นชดุ กิจกรรมที่ 3 43 ชดุ การสอนท่ี 3.1เร่อื ง การดาเนินการบริษัทสรา้ งการดี 44 ชุดการสอนที่ 3.2 เร่อื ง การดาเนนิ การบริษัทสร้างการดี(2) 45 ใบความรทู้ ่ี 11 เรอื่ ง STRONG : จติ พอเพียงตา้ นทจุ รติ 46 ชุดการสอนท่ี 4 เร่ือง พลเมืองและความรบั ผิดชอบต่อสังคม 48 แบบทดสอบกอ่ นเรียนชุดการสอนที่ 4 49 ชดุ การสอนท่ี 4.1 เรื่อง แนวทางการปฏบิ ตั ติ นเปน็ พลเมืองดี 51 หนา้ 3

ชุดหลกั สตู รต้านทุจริตศกึ ษา ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 ชุดกิจกรรมท่ี 1 เรอื่ ง การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชน์ หน้า1

ชดุ หลักสูตรตา้ นทุจรติ ศึกษา ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 3 แบบทดสอบก่อนเรียนชุดกิจกรรมท่ี 1 เร่อื ง การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนกบั ผลประโยชนส์ ว่ นรวม 1. คณุ ธรรมสาหรับผูน้ าหรือผ้เู ป็นใหญ่ ได้แก่ขอ้ ใด 6. ขอ้ ใดคือองคป์ ระกอบของวงจรความขดั แย้ง 1 .การประทษุ ร้ายและการกล่าววาจาผรสุ วาท 1. สงั คหวตั ถุ 4 2. พรหมวิหาร 4 2. การแบง่ ขวั้ และการแบง่ ฝ๎กแบ่งฝา่ ย 3. พฤตกิ ารณ์มงุ่ ทารา้ ยชวี ติ และทรัพยส์ นิ 3. อิทธบิ าท 4 4. มรรค 8 4. ถกู ทกุ ข้อ 2. ขอ้ ใดมไิ ด้สะท้อนถึงการนาหลกั การตามพระราช 7. ปจ๎ จัยใดที่มโี อกาสรา้ งความขัดแยง้ ไดม้ ากทส่ี ุด 1. ความเช่อื ในส่งิ เดยี วกนั กฤษฎกี าว่าด้วยการบรหิ ารกจิ การบ้านเมืองท่ดี ีมาใช้ 2. การกระจายรายได้ท่ีเป็นธรรม 3. การให้ความสาคญั กับสทิ ธิมนษุ ยชน กับภารกจิ หน้าที่ของกรมการปกครองโดยตรง 4. ความเหลอื่ มล้าทางเศรษฐกิจทีเ่ พิม่ ข้ึน 1. ร้อยละความสาเรจ็ ของการควบคมุ 8. เมือ่ ทาผดิ เราจะต้องปฏบิ ตั ติ นอย่างไร 1. วางเฉย ยาเสพตดิ ในพน้ื ทโ่ี ดยไมม่ ผี ูค้ ้า ผูเ้ สพ 2. ยอมรบั และหาทางแก้ 3. โยนความผดิ ใหก้ ับผอู้ ่นื 2. หลักการขดั กันของผลประโยชน์สว่ นรวม 4. หลีกเลย่ี งความรับผิดชอบ และส่วนตน 9. ข้อความเกีย่ วกับความรู้เรอ่ื งความขัดแยง้ ข้อใดไม่ ถกู ต้อง 3. แผนยุทธศาสตรข์ องกรมการปกครอง 1. มุมมอง+ความเชอ่ื +ทัศนคติ+พฤติกรรม 4. การนาหลกั การจดั การความรู้มาใชใ้ นการ 2. ลักษณะพฤตกิ รรมความขัดแย้งของมนษุ ย์ พฒั นางานของกรมการปกครอง มี 4 ประเภท 3. ตอ่ มอะมกิ ดาลา ที่อย่ใู นสมองของมนษุ ย์ทา 3. ป๎จจุบันประเทศใดเป็นประธานอาเซียน หน้าที่สาคญั ทส่ี ง่ ผลต่อควบคมุ อารมณ์ และเหตุผล ของมนุษยเ์ วลาเผชิญกับสถานการณค์ วามขัดแยง้ 1. ไทย 2. กัมพชู า 4. อารมณท์ ่ีสาคญั ทาให้มนษุ ยเ์ กดิ พฤตกิ รรมสู้ หรือหนี ในสถานการณค์ วามขดั แย้ง คอื ความกลวั 3. อนิ โดนีเซีย 4. มาเลเซยี ความกงั วล และความอิจฉา 10. เมื่อเพ่อื นมคี วามคดิ เห็นตา่ งจากเรา เรา 4. เมือ่ ได้ขอ้ สรปุ จากการรับฟ๎งความคดิ เหน็ แล้วควร ควรปฏบิ ัตอิ ย่างไร 1. หลกี เลย่ี งการสนทนาดว้ ย นาไปทาอะไร 2. เหน็ ด้วยกบั ความคดิ เพ่ือนทันที 3. บอกว่าความคิดของเราถกู ต้องทสี่ ุด 1. นาไปใช้ประกอบการตัดสินใจ 4. รบั ฟง๎ ความคิดเห็นของเพือ่ นแล้วนามา 2. เกบ็ ไว้ในทีม่ ิดชดิ ไม่ตอ้ งใส่ใจ คดิ เปรยี บเทยี บกบั ความคิดเหน็ ของ เราด้วยเหตุผล 3. นาไปเผยแพร่ให้ผทู้ ่ไี มเ่ ห็นด้วยอ่าน หน้า2 4. นาไปวเิ คราะห์ว่ามีขอ้ ใดบ้างท่ีตน ไมเ่ ห็นด้วย 5. หากเราไม่ยอมรับความแตกตา่ งทางวฒั นธรรมจะ สง่ ผลอยา่ งไร 1. ทาใหเ้ กิดการแตกแยก 2. ทาให้วฒั นธรรมกา้ วหนา้ ข้ึน 3 ทาให้วัฒนธรรมเป็นเอกลักษณ์ 4. ทาใหว้ ฒั นธรรมท่ีดีของชาติสญู หายไป

ชุดหลักสูตรต้านทุจรติ ศึกษา ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 ชุดการสอนท่ี 1.1 การวิเคราะหส์ ถานการณ์ การขัดกนั ระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม คาชีแ้ จง : ให้นกั เรียนจบั คสู่ นทนาท่ไี ด้ดขู า่ ววา่ เกิดอะไร เพราะเหตใุ ด และทาสรุปเป็ น Mind Mapping นาเสนอผลงานหน้าชนั้ เรียน เรื่อง เตอื นสงั่ เก็บโต๊ะร้านผดั ไทยประตผู ี หน้า3

ชดุ หลกั สตู รตา้ นทุจริตศึกษา ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 ใบความรูท้ ่ี 1 เรือ่ ง การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม การทุจริตเป็นหน่ึงในประเด็นท่ีท่ัวโลกแสดงความกังวล อันเน่ืองมาจากเป็นป๎ญหาท่ีมีความซับซ้อน ยากตอ่ การจดั การและเกี่ยวข้องกับทุกภาคส่วนเป็นท่ียอมรับกันว่าการทุจริตนั้นมีความเป็นสากล เพราะมีการ ทุจริตเกิดขึ้นในทุกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วหรือประเทศท่ีกาลังพัฒนา การทุจริตเกิดขึ้นท้ัง ในภาครฐั และภาคเอกชน หรือแมก้ ระทั่งในองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกาไรหรือองค์กรเพ่ือการกุศลในป๎จจุบันการ กล่าวหาและการฟ้องร้องคดี การทุจริตยังมีบทบาทสาคัญในด้านการเมืองมากกว่าช่วงท่ีผ่านมา รัฐบาลใน หลายประเทศมีผลการปฏิบัติงานท่ีไม่โปร่งใสเท่าที่ควร องค์กรระดับโลกหลายองค์กรเสื่อมเสียชื่อเสียง เน่อื งมาจากเหตุผลด้านความโปร่งใส สอื่ มวลชนท่ัวทั้งโลกต่างเฝา้ รอที่จะได้นาเสนอข่าวอ้ือฉาว ดา้ นการทจุ ริต โดยเฉพาะบคุ คลซึ่งดารงตาแหน่งระดับสูงต่างถูกเฝ้าจับจ้องว่าจะถูกสอบสวนเม่ือใด อาจกล่าว ไดว้ ่าการทจุ ริตเปน็ หน่ึงในป๎ญหาใหญ่ที่จะขดั ขวางการพัฒนาประเทศให้เป็นรัฐสมัยใหม่ ซึ่งต่างเป็นที่ทราบกัน ดีวา่ การทจุ ริตควรเปน็ ประเด็นแรกๆ ท่ีควรให้ความสาคัญในวาระของการพัฒนาประเทศของทุกประเทศ เห็นได้ชัดว่าการทุจริตส่งผลกระทบอย่างมากกับการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะอย่างย่ิงในประเทศท่ีกาลัง พัฒนา เช่นเดียวกันกับกลมุ่ ประเทศในภมู ิภาคเอเชยี แปซฟิ ิกก็มีความกงั วลในป๎ญหาการทุจริตด้วยเช่นเดียวกัน โดยเห็นพ้องต้องกันว่าการทุจริตเป็นป๎ญหาใหญ่ท่ีกาลังขัดขวางการพัฒนาเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ให้ก้าวไปส่รู ฐั สมัยใหม่และควรเป็นปญ๎ หาทคี่ วรจะต้องรีบแก้ไขโดยเรว็ ทีส่ ุด การทุจริตน้ันอาจเกิดข้ึนได้ในประเทศที่มีสถานการณ์ ดังต่อไปนี้ 1) มีกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อกาหนด จานวนมากท่ีเกี่ยวข้องกับการดาเนินการทางธุรกิจ ซึ่งจะเป็นโอกาสท่ีจะทาให้เกิดเศรษฐผล หรือมูลค่าเพิ่ม หรือกาไรส่วนเกินทางเศรษฐกิจ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมาตรการ หรือข้อกาหนดดังกล่าวมีความซับซ้อน คลมุ เครือเลือกปฏิบัติเป็นความลับ หรือไม่โปร่งใส 2) เจ้าหน้าที่ผู้มีอานาจมีสิทธ์ิขาดในการใช้ดุลยพินิจ ซ่ึงให้ อิสระในการเลือกปฏิบัติเป็นอย่างมากว่าจะเลือกใช้อานาจใดกับใครก็ได้ 3) ไม่มีกลไกที่มีประสิทธิภาพ หรือ องคก์ รทมี่ หี นา้ ท่ีควบคุมดแู ลและจัดการต่อการกระทาใดๆ ของเจา้ หนา้ ที่ท่ีมีอานาจโดยเฉพาะอย่างย่ิงประเทศ ท่กี าลงั พฒั นา การทุจริตมีแนวโน้มท่ีจะเกิดขึ้นได้อย่างมาก โดยไม่ใช่เพียงเพราะว่าลักษณะประชากรนั้น แตกต่างจากภมู ภิ าคอ่ืน ท่ีพัฒนาแลว้ หากแต่เปน็ เพราะกลุม่ ประเทศทีก่ าลงั พัฒนานั้นมีป๎จจัยภายในต่างๆ ที่ เอ้ือ หรือสนับสนุนต่อการเกิดการทุจริต อาทิ 1) แรงขับเคลื่อนที่อยากมีรายได้เป็นจานวนมากอันเป็นผล เน่ืองมาจากความจน ค่าแรงในอตั ราทต่ี า่ หรือมสี ภาวะความเสย่ี งสูงในด้านต่างๆ เช่น ความเจ็บป่วย อุบัติเหตุ หรือการว่างงาน 2) มีสถานการณ์ หรือโอกาสที่อาจก่อให้เกิดการทุจริตได้เป็นจานวนมาก และมีกฎระเบียบ ต่างๆ ที่อาจนาไปสู่การทุจริต 3) การออกกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมท่ีไม่เข้มแข็ง 4) กฎหมายและ ประมวลจริยธรรมไม่ได้รับการพัฒนาให้ทันสมัย 5) ประชากรในประเทศยังคงจาเป็นต้องพึ่งพา ทรพั ยากรธรรมชาติอยเู่ ป็นจานวนมาก 6) ความไม่มเี สถียรภาพ ทางการเมือง และเจตจานงทางการเมืองที่ไม่ เข้มแข็ง ป๎จจัยต่าง ๆ ดังกล่าวจะนาไปสู่การทุจริตไม่ว่าจะเป็นทุจริตระดับบน หรือระดับล่างก็ตาม การ เปลีย่ นแปลงวธิ ีคดิ (Paradigm Shift) จงึ เป็นเร่อื งสาคญั อย่างมากต่อการดาเนินงานด้านการต่อต้านการทุจริต ตามคาปราศรัยของประธานท่ีได้กล่าวต่อท่ีประชุมองค์การสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เม่ือ ปี พ.ศ. 2558 ว่า “การทุจริตเป็นหน่ึงในความท้าทายที่มีความสาคัญมากในศตวรรษที่ 21 ผู้นาโลกควรจะ เพ่ิมความพยายามข้ึนเป็นสองเท่าท่ีจะสร้างเครื่องมือท่ีมีความเข้มแข็งเพื่อรื้อระบบการทุจริตท่ีซ่อนอยู่ออกให้ หน้า4

ชุดหลักสตู รตา้ นทุจรติ ศกึ ษา ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 หมดและนาทรัพยส์ ินกลับคนื ให้กบั ประเทศตน้ ทางทีถ่ ูกขโมยไป…” ทงั้ นไ้ี ม่เพียงแตผ่ ู้นาโลกเท่านั้นท่ีต้องจริงจัง มากข้ึนกับการต่อต้านการทุจริตเราทุกคนในฐานะประชากรโลกก็มีความจาเป็นท่ีจะต้องเอาจริงเอาจังกับการ ตอ่ ตา้ นการทุจริตเช่นเดียวกัน โดยท่ัวไปอาจมองว่าเป็นเร่ืองไกลตัวแต่แท้ท่ีจริงแล้วการทุจริตน้ันเป็นเรื่องใกล้ ตัวทกุ คนในสงั คมมาก การเปล่ียนแปลงระบบวิธีการคิดเป็นเร่ืองสาคัญ หรือความสามารถในการการแยกแยะ ระหว่างประโยชน์ส่วนตนออกจากประโยชน์ส่วนรวม เป็นสิ่งจาเป็นที่จะต้องเกิดข้ึนกับทุกคนในสังคมต้องมี ความตระหนักได้ว่าการกระทาใดเป็นการล่วงลา้ สาธารณประโยชน์ การกระทาใดเป็นการกระทาท่ีอาจเกิดการ ทบั ซอ้ นระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม ตอ้ งคานึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติเป็นอันดับ แรกก่อนท่ีจะคานึงถึงผลประโยชน์ส่วนตนหรือพวกพ้อง การทุจริตในสังคมไทยระหว่างช่วงกว่าทศวรรษท่ี ผ่านมาส่งผลเสยี ต่อประเทศอยา่ งมหาศาลและเป็นอุปสรรคสาคัญต่อการพัฒนาประเทศในทุกมิติ รูปแบบการ ทุจริตจากเดิมที่เป็นการทุจริตทางตรงไม่ซับซ้อน อาทิ การรับสินบน การจัดซื้อจัดจ้าง ในป๎จจุบันได้ ปรบั เปลย่ี นเปน็ การทุจริตทซ่ี ับซ้อนมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การทุจริตโดยการทาลายระบบการตรวจสอบการใช้ อานาจรัฐ การกระทาท่ีเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์หรือผลประโยชน์ทับซ้อนและการทุจริตเชิงนโยบาย ประเทศไทยมีความพยายามแกไ้ ขปญ๎ หาการทุจริตโดยหน่วยงานทเ่ี กี่ยวข้องได้ร่วมกันสร้างเคร่ืองมือกลไก และ กาหนดเปา้ หมายสาหรบั การปฏิบตั ิงานด้านการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ เร่ิมต้ังแต่ช่วงปี พ.ศ. 2551 จนถงึ ปจ๎ จุบนั การดาเนินงานได้สร้างความต่ืนตวั และเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ตามบทบาทของแตล่ ะหนว่ ยงาน จงึ มคี วามจาเป็นอย่างย่ิงท่ีจะต้องปรับฐานความคิดและสร้างความตระหนักรู้ ใหท้ กุ ภาคส่วนของสังคม สาหรับประเทศไทยได้กาหนดทิศทางการป้องกันและปราบปรามการทุจริตซ่ึงมีความสอดคล้องกับ สถานการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และความรุนแรง รวมถึงการสร้างความตระหนักใน การประพฤติปฏิบัติตนด้วยความซื่อสัตย์สุจริตของคนในสังคม ท้ังน้ี สานักงาน ป.ป.ช. ในฐานะองค์กรหลัก ด้านการดาเนินงานป้องกันและปราบปรามการทุจริต รวมทั้งบูรณาการการทางานด้านการต่อต้านการทุจริต เข้ากับทุกภาคส่วน ดังนั้น สาระสาคัญที่มีความเชื่อมโยงกับทิศทางการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ทีส่ านกั งาน ป.ป.ช. มดี งั น้ี 1. รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช 2560 2. วาระการปฏิรปู ท่ี 1 การป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ และประพฤติมชิ อบของสภาปฏริ ปู แห่งชาติ 3. ยทุ ธศาสตรช์ าติระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579) 4. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) 5. โมเดลประเทศไทยสู่ความมัน่ คง มั่งคั่ง และยงั่ ยืน (Thailand 4.0) 6. ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 กาหนดในหมวดท่ี 4 หน้าท่ีของประชาชน ชาวไทยว่า “...บุคคลมีหน้าที่ไม่ร่วมมือหรือสนับสนุนการทุจริต และประพฤติมิชอบทุกรูปแบบ” ถือได้ว่าเป็น คร้ังแรกที่รัฐธรรมนูญได้กาหนดให้การป้องกันและปราบปรามการทุจริตเป็นหน้าท่ีของประชาชนชาวไทยทุก คน นอกจากนี้ ยังกาหนดชัดเจนในหมวดที่ 5 หน้าที่ของรัฐว่า “รัฐต้องส่งเสริม สนับสนุน และให้ความรู้แก่ ประชาชนถึงอันตรายท่ีเกิดจากการทุจริต และประพฤติมิชอบท้ังภาครัฐ และภาคเอกชน และจัดให้มีมาตรการ หนา้ 5

ชดุ หลักสตู รตา้ นทุจริตศึกษา ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 และกลไกท่ีมีประสิทธิภาพเพ่ือป้องกัน และขจัดการทุจริต และประพฤติมิชอบดังกล่าวอย่างเข้มงวด รวมท้ัง กลไกในการส่งเสริมให้ประชาชนรวมตัวกัน เพื่อมีส่วนร่วมในการรณรงค์ให้ความรู้ต่อต้านการทุจริต หรือช้ี เบาะแส โดยได้รบั ความคุ้มครองจากรัฐตามที่กฎหมายบัญญัติ” การบริหารราชการแผ่นดินรัฐต้องเสริมสร้าง ให้ประชาชนได้รับบริการท่ีสะดวกมีประสิทธิภาพท่ีสาคัญ คือ ไม่เลือกปฏิบัติตามหลักการบริหารกิจการ บ้านเมืองที่ดี ซ่ึงการบริหารงานบุคคลของหน่วยงานของรัฐต้องเป็นไปตามระบบคุณธรรมตามท่ีกฎหมาย บัญญัติ โดยอยา่ งน้อยตอ้ งมีมาตรการปอ้ งกนั มใิ ห้ผใู้ ดใช้อานาจ หรือกระทาการโดยมชิ อบแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ หรือกระบวนการแต่งต้ัง หรือการพิจารณาความดีความชอบของเจ้าหน้าที่ของรัฐ และรัฐต้องจัดให้มีมาตรฐาน ทางจริยธรรม เพ่ือให้หน่วยงานใช้เป็นหลักในการกาหนดประมวลจริยธรรมสาหรับเจ้าหน้าที่ในหน่วยงาน ซ่ึง ต้องไม่ต่ากว่ามาตรฐานทางจริยธรรมดังกล่าว การท่ีรัฐธรรมนูญได้ให้ความสาคัญต่อการบริหารราชการท่ีมี ประสิทธิภาพ และการบริหารบุคคลท่ีมีคุณธรรมน้ันสืบเนื่องมาจากช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาได้เกิดป๎ญหาท่ี เก่ียวข้องกับการบริหารบุคคลมีการโยกย้ายแต่งตั้งท่ีไม่เป็นธรรม บังคับ หรือชี้นาให้ข้าราชการ หรือเจ้าหน้าท่ี ของรัฐปฏิบัติงานโดยไม่ยึดมั่นในหลักผลประโยชน์แห่งรัฐรวมถึงการมุ่งเน้นการแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเอง รวมถึงพวกพ้อง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 จึงได้มีความพยายามท่ีจะแสดงให้เห็น อย่างชัดเจนว่าตอ้ งการสรา้ งประสทิ ธิภาพในระบบการบรหิ ารงานราชการแผน่ ดนิ และเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องยึด มน่ั ในหลกั ธรรมาภิบาลและมคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรมตามทกี่ าหนดเอาไว้ วาระการปฏิรูปท่ี 1 การป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบของสภาปฏิรูป แห่งชาติ สภาปฏิรูปแห่งชาติในฐานะองค์กรท่ีมีบทบาท และอานาจหน้าท่ีในการปฏิรูปกลไก และปฏิบัติงาน ด้านการบริหารราชการแผ่นดินได้มีข้อเสนอ เพ่ือปฏิรูปด้านการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิ ชอบ เพ่ือแก้ไขป๎ญหาดังกล่าวให้เป็นระบบมีประสิทธิภาพ ย่ังยืน เป็นรูปธรรมปฏิบัติได้สอดคล้องกับ มาตรฐานสากล และบริบทของสังคมไทย โดยเสนอให้มียุทธศาสตร์การแก้ไขป๎ญหา 3 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย (1) ยุทธศาสตร์การปลูกฝ๎ง “คนไทย ไม่โกง” เพื่อปฏิรูปคนให้มีจิตสานึก สร้างจิตสานึกท่ีตัว บคุ คลรบั ผดิ ชอบชว่ั ดีอะไรควรทา อะไรไมค่ วรทา มองวา่ การทุจริตเป็นเรอ่ื งนา่ รงั เกียจเป็นการเอาเปรียบสังคม และสังคมไม่ยอมรับ (2) ยุทธศาสตร์การป้องกันด้วยการเสริมสร้างสังคมธรรมาภิบาล เพ่ือ ภูมิต้านทานแกท่ ุกภาคส่วนในสังคม (3) ยุทธศาสตร์การปราบปราม เพื่อปฏิรูประบบและกระบวนการจัดการ ต่อกรณีการทุจริตให้มีประสิทธิภาพให้สามารถเอาตัวผู้กระทาความผิดมาลงโทษได้ ซ่ึงจะทาให้ ไม่กลา้ ท่ีจะกระทาการทุจริตขน้ึ อีกในอนาคต ยุทธศาสตรช์ าติระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579) สภาขับเคล่ือนการปฏิรูปประเทศได้กาหนดให้ กฎหมายว่าดว้ ยยทุ ธศาสตร์ชาติมีผลบังคับภายในปี พ.ศ. 2559 หรือภายในรัฐบาลนี้ และกาหนดให้หน่วยงาน ของรฐั ทกุ หนว่ ยงานนายทุ ธศาสตรช์ าติ ยุทธศาสตร์ด้านต่างๆ แผนพัฒนาด้านต่างๆ มาเป็นแผนแม่บทหลักใน การกาหนดแผนปฏิบัติการ และแผนงบประมาณ ยุทธศาสตร์ชาติดังกล่าวเป็นยุทธศาสตร์ท่ียึดวัตถุประสงค์ หลักแห่งชาติเป็นแม่บทหลัก ทิศทางด้านการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต การสร้างความโปร่งใส และธรร มาภบิ าลในการบรหิ ารราชการแผ่นดิน ของหนว่ ยงานภาครัฐทุกหน่วยงานจะถูกกาหนดจากยุทธศาสตร์ชาติ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปแห่งชาติ วางกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ในระยะ 20 ปี โดยมีกรอบวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมีความม่ันคง มั่งค่ัง ย่ังยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง” คติพจน์ประจาชาติว่า “ม่ันคง มั่งค่ัง ย่ังยืน” ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ คือ ยุทธศาสตร์ท่ี 1 ความ หนา้ 6

ชุดหลกั สูตรตา้ นทุจรติ ศกึ ษา ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 ม่ันคง ยุทธศาสตร์ที่ 2 การสร้างความสามารถในการแข่งขัน ยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนา และเสริมสร้าง ศักยภาพคน ยุทธศาสตร์ที่ 4 การสร้างโอกาสความเสมอภาค และเท่าเทียมกันทางสังคม ยุทธศาสตร์ที่ 5 บนคุณภาพชีวิตท่ีเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยุทธศาสตร์ท่ี 6 การปรับสมดุลและพัฒนาการบริหารจัดการ ภาครัฐ ในยุทธศาสตร์ท่ี 6 ได้กาหนดกรอบแนวทางที่สาคัญ 6 แนวทางประกอบด้วย (1) การปรับปรุงการ บริหารจัดการรายได้ และรายจ่ายของภาครัฐ (2) การพัฒนาระบบการให้บริการประชาชนของหน่วยงานภาครัฐ (3) การปรบั ปรุงบทบาท ภารกิจ และโครงสร้างของหน่วยงานภาครัฐให้มีขนาดที่เหมาะสม (4) การวางระบบ บ ริ ห า ร ง า น ร า ช ก า ร แ บ บ บู ร ณ า ก า ร ( 5) ก า ร พั ฒ น า ร ะ บ บ บ ริ ห า ร จั ด ก า ร ก า ลั ง ค น (6) การต่อต้านการทุจริต และประพฤติมิชอบ (7) การปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับให้มี ความชัดเจน ทนั สมัย เปน็ ธรรม และสอดคลอ้ งกับขอ้ บงั คบั สากลหรือข้อตกลงระหว่างประเทศตลอดจนพัฒนา หน่วยงานภาครฐั และบุคลากรท่มี หี น้าทเี่ สนอความเห็นทางกฎหมายให้มีศักยภาพ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) กาหนดในยุทธศาสตร์ที่ 6 การบรหิ ารจัดการภาครัฐ การป้องกันการทุจริต และประพฤติมิชอบ และธรรมาภิบาลในสังคมไทยในยุทธศาสตร์ นี้ ไดก้ าหนดกรอบแนวทางการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต และคอร์รัปชัน มุ่งเน้นการส่งเสริมและ พฒั นาปลกู ฝง๎ ค่านิยม วฒั นธรรม วธิ คี ดิ และกระบวนทศั นใ์ หค้ นมีความตระหนักมีความรู้เท่าทัน และมีภูมิต้านทาน ต่อโอกาส และการชักจูงให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชัน และมีพฤติกรรมไม่ยอมรับการทุจริ ต ทุกภาคส่วนในสังคมได้เข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกัน และปราบรามการทุจริต และมุ่งเน้นให้เกิดการ ธรรมาภิบาลในภาคเอกชน เพ่ือเป็นการตัดวงจรการทุจริตระหว่างนักการเมือง ข้าราชการ และนักธุรกิจออก จากกัน ทงั้ นี้การบรหิ ารงานของส่วนราชการต้องมีความโปรง่ ใส และตรวจสอบได้ โมเดลประเทศไทยสู่ความม่ันคง ม่ังค่ัง และย่ังยืน (Thailand 4.0) เป็นโมเดลที่น้อมนาหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวคิดหลักในการบริหารประเทศ ถอดรหัสออกมาเป็น 2 ยุทธศาสตร์สาคัญ คือ (1) การสร้างความเข้มแข็งจากภายใน (Strength from Within) และ (2) การเช่ือมโยงกับประชาคม ในยทุ ธศาสตร์การสร้างความเข้มแข็งจากภายใน Thailand 4.0 เน้นการปรับเปล่ียน 4 ทิศทาง และเน้นการ พัฒนาที่สมดุลใน 4 มิติ มิติที่หยิบยก คือ การยกระดับศักยภาพ และคุณค่าของมนุษย์ (Human Wisdom) ด้วยการพัฒนาคนไทยให้เป็น “มนุษย์ท่ีสมบูรณ์” ผ่านการปรับเปล่ียนระบบนิเวศน์ การเรียนรู้เพื่อเสริมสร้าง แรงบันดาลใจบ่มเพาะความคิดสร้างสรรค์ ปลูกฝ๎งจิตสาธารณะ ยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ต้ัง มีความซื่อสัตย์ สุจรติ มีวนิ ยั มีคุณธรรมจรยิ ธรรม มีความรับผดิ ชอบ เน้นการสรา้ งคุณคา่ รว่ ม และค่านิยมท่ีดี คือ สังคมที่ มคี วามหวัง (Hope) สังคมทเี่ ปยี่ มสุข (Happiness) และสงั คมทมี่ ีความสมานฉันท์ (Harmony) ยทุ ธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) ที่กาหนดวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติต้านทุจริต” (Zero Tolerance & Clean Thailand) กาหนดยุทธศาสตร์หลักออกเป็น 6 ยุทธศาสตร์ ยุทธศาสตร์ที่สาคัญ คือ ยุทธศาสตร์ท่ี 1 สร้างสังคมที่ไม่ทน ตอ่ การทจุ ริต เปน็ ยทุ ธศาสตรท์ ีม่ ุ่งเน้นการกระบวนการปรับสภาพทางสงั คมให้เกิดภาวะ “ไม่ทนต่อการทุจริต” โดยเรมิ่ ตง้ั แต่กระบวนการกล่อมเกลาทางสังคม สร้างวฒั นธรรมต่อต้านการทุจริต ปลูกฝ๎งความพอเพียง มีวินัย ซ่ือสัตย์ สุจริต มีจิตสาธารณะ จิตอาสา และความเสียสละเพ่ือส่วนรวม ปลูกฝ๎งความคิดแบบดิจิทัล หนา้ 7

ชดุ หลักสูตรต้านทุจรติ ศกึ ษา ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 (Digital Thinking) ให้สามารถคิดแยกแยะระหว่างประโยชน์ส่วนตัวและประโยชน์ส่วนรวม และประยุกต์หลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเครอื่ งมอื ตา้ นทุจรติ สาระสาคัญท้ัง 6 ด้านดังกลา่ วจะเป็นเครอ่ื งมอื ชี้นาทศิ ทางการปฏบิ ตั งิ าน และการบูรณาการ ดา้ นตอ่ ต้านการทจุ ริตของประเทศโดยมีสานักงาน ป.ป.ช. เป็นองค์กรหลักในการบูรณาการงานของภาคส่วนต่างๆ เข้าดว้ ยกนั และเพื่อใหเ้ ปน็ ไปในทิศทางเดียวกัน หนา้ 8

ชดุ หลกั สตู รตา้ นทุจรติ ศกึ ษา ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 ใบความรู้ 2 เรือ่ ง ตวั อย่างการขัดกันระหว่างประโยชน์สว่ นตนและประโยชน์ส่วนรวมในรูปแบบตา่ งๆ 1. การรบั ผลประโยชนต์ า่ ง ๆ 1.1 นายสุจริต ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ซ่ึงในวันดังกล่าว นาย รวย นายก อบต. ได้มอบงาช้างจานวนหน่ึงคู่ให้แก่ นายสุจริต เพ่ือเป็นของท่ีระลึก นายสุจริตได้มอบงาช้าง ดังกล่าวให้หน่วยงานต้นสังกัดตรวจสอบมูลค่าพร้อมท้ังดาเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบ และกฎหมาย แต่ ต่อมา นายสุจรติ พจิ ารณาแลว้ เหน็ ว่าไมส่ มควรรบั งาชา้ งดงั กลา่ วไว้ จึงเร่งให้หนว่ ยงานต้นสังกดั คืนงาช้างให้แก่ นายรวย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 103 ประกอบประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เร่ือง หลักเกณฑ์การรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยธรรมจรรยาของเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. 2543 ข้อ 7 ประกอบข้อ 5 (2) ได้กาหนดว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้ใดได้รบั ทรพั ย์สิน หรอื ประโยชนอ์ นื่ ใดจากบุคคลอ่ืน ท่ีมิใช่ญาติ ซ่ึงมีมูลค่าเกินกว่าสามพันบาท แล้วประสงค์ จะรับทรัพย์สินน้ันไว้เป็นสิทธิของตน จะต้องแจ้งรายละเอียดข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการรับทรัพย์สินน้ันต่อ ผูบ้ ังคับบัญชา หรอื ผ้มู ีอานาจแตง่ ต้งั ถอดถอน หรอื คณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือ ประธานวุฒิสภา หรือประธานสภาท้องถ่ินแล้วแต่กรณี ในทันทีท่ีสามารถกระทาได้ เพ่ือให้วินิจฉัยว่ามีเหตุผล ความจาเปน็ ความเหมาะสม และสมควรทจ่ี ะให้เจา้ หนา้ ท่ขี องรฐั ผนู้ ้ันรับทรัพยส์ นิ นน้ั ไวเ้ ป็นสทิ ธิของตนหรือไม่ เม่ือข้อเท็จจริงในเร่ืองนี้ปรากฏว่าเม่ือ นายสุจริต ข้าราชการช้ันผู้ใหญ่ ได้รับงาช้างแล้วได้ส่งให้ หน่วยงานต้นสังกัดตรวจสอบมูลค่าพร้อมท้ังดาเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบ และกฎหมาย แต่ต่อมา นาย สจุ ริต พจิ ารณาเหน็ ว่าไมส่ มควรรบั งาชา้ งดังกลา่ วไว้ จึงสง่ คนื ให้ นายรวยไป โดยใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบ ระเบียบแนวทางปฏิบัติและข้อมูลท่ีเก่ียวข้องเพ่ือความรอบคอบ และส่งคืนงาช้างแก่ นายรวย ภายใน 3 วัน จากข้อเท็จจริงจึงฟ๎งได้ว่านายสุจริต มิได้มีเจตนา หรือมีความประสงค์ท่ีจะรับงาช้างน้ันไว้เป็นสิทธิของตนแต่ อยา่ งใด 1.2 การทีเ่ จ้าหน้าท่ีของรฐั รับของขวัญจากผบู้ ริหารของบริษัทเอกชนเพ่ือช่วยให้บริษัทเอกชนรายนั้น ชนะการประมลู รับงานโครงการขนาดใหญข่ องรัฐ 1.3 การท่ีบริษัทแห่งหน่ึงให้ของขวัญเป็นทองคามูลค่ามากกว่า 10 บาท แก่เจ้าหน้าท่ีในปีท่ีผ่านมา และปีนี้เจ้าหน้าท่ีเร่งรัดคืนภาษีให้กับบริษัทน้ันเป็นกรณีพิเศษ โดยลัดคิวให้ก่อนบริษัทอื่นๆ เพราะคาดว่าจะ ได้รับของขวัญอีก 1.4 การท่ีเจ้าหน้าที่ของรัฐไปเป็นคณะกรรมการของบริษัทเอกชน หรือรัฐวิสาหกิจ และได้รับความ บันเทิงในรูปแบบต่างๆ จากบริษัทเหล่าน้ัน ซึ่งมีผลต่อการให้คาวินิจฉัย หรือข้อเสนอแนะที่เป็นธรรม หรือ เปน็ ไปในลักษณะทีเ่ อื้อประโยชนต์ ่อบริษัทผ้ใู ห้น้นั ๆ 1.5 เจ้าหน้าท่ีของรัฐได้รับชุดไม้กอล์ฟจากผู้บริหารของบริษัทเอกชน เมื่อต้องทางานท่ีเกี่ยวข้องกับ บรษิ ัทเอกชนแหง่ น้นั กช็ ่วยเหลือให้บรษิ ัทนั้นได้รับสมั ปทาน เนอื่ งจากรู้สึกว่าควรตอบแทนที่เคยได้รับของขวัญ มา หนา้ 9

ชุดหลกั สูตรต้านทุจรติ ศกึ ษา ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 2.1 นิติกร ฝ่ายกฎหมาย และเร่งรัดภาษีอากรค้าง สานักงานสรรพากรจังหวัดในส่วนภูมิภาค หารายได้พิเศษ โดยการเป็นตัวแทนขายประกันชีวิตของบริษัทเอกชน ได้อาศัยโอกาสที่ตนปฏิบัติหน้าท่ีเร่งรัด ภาษอี ากรคา้ งผูป้ ระกอบการรายหนง่ึ หาประโยชนใ์ ห้แกต่ นเอง ดว้ ยการขายประกันชีวิต ให้แก่หุ้นส่วนผู้จัดการ ของผู้ประกอบการดังกล่าว รวมทั้งพนักงานของผู้ประกอบการน้ันอีกหลายคนในขณะที่ตนกาลังดาเนินการ เรง่ รัดภาษีอากรคา้ งพฤตกิ ารณข์ องเจ้าหน้าที่ดงั กลา่ วเป็นการอาศัยตาแหน่งหน้าท่ีราชการของตนหาประโยชน์ ให้แก่ตนเองเป็นความผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ตามมาตรา 83 (3) ประกอบมาตรา 84 แห่งพระราชบัญญัติ ระเบยี บข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 2.2 การที่เจ้าหน้าที่ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างทาสัญญาให้หน่วยงานต้นสังกัดซ้ือคอมพิวเตอร์ สานกั งานจากบรษิ ทั ของครอบครัวตนเอง หรอื บรษิ ทั ทีต่ นเองมหี ุ้นส่วนอยู่ 2.3 ผู้บริหารหน่วยงานทาสัญญาเช่ารถไปสัมมนา และดูงานกับบริษัท ซ่ึงเป็นของเจ้าหน้าที่ หรือ บรษิ ัทที่ผบู้ รหิ ารมหี นุ้ ส่วนอยู่ 2.4 การท่ีผู้ตรวจสอบบัญชีภาครัฐรับงานพิเศษเป็นท่ีปรึกษา หรือเป็นผู้ทาบัญชีให้กับบริษัทท่ีต้อง ถกู ตรวจสอบ 2.5 ภรรยาอดีตนายกรัฐมนตรี ประมูลซ้ือท่ีดินย่านถนนรัชดาภิเษก ใกล้กับศูนย์วัฒนธรรมแห่ง ประเทศไทย จากกองทุนเพื่อการฟื้นฟู และพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ในการกากับดูแลของธนาคารแห่ง ประเทศไทย กระทรวงการคลงั โดยอดตี นายกรฐั มนตรี ซ่งึ ในขณะนัน้ ดารงตาแหนง่ นายกรัฐมนตรี ในฐานะเจ้า พนกั งาน มหี นา้ ทีด่ แู ลกิจการของกองทุนฯ ได้ลงนามยินยอมในฐานะคู่สมรสให้ภรรยาประมูลซื้อที่ดิน และทาสัญญาซื้อขายที่ดิน ส่งผลให้เป็นคู่สัญญา หรือมีส่วนได้ส่วนเสียในสัญญาซ้ือท่ีดินโฉนดแปลงดังกล่าว อันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย มีความผิดตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 100 (1) 3.1 อดีตผู้อานวยการโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เพ่ิงเกษียณอายุราชการไปทางานเป็นที่ปรึกษาในบริษัท ผลติ หรอื ขายยา โดยใชอ้ ิทธพิ ลจากทเ่ี คยดารงตาแหนง่ ในโรงพยาบาลดังกล่าว ให้โรงพยาบาลซื้อยาจากบริษัท ท่ีตนเองเป็นที่ปรึกษาอยู่ พฤติการณ์เช่นนี้มีมูลความผิดทั้งทางวินัย และทางอาญาฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏบิ ัตอิ ยา่ งใดในพฤตกิ ารณท์ อี่ าจทาใหผ้ อู้ นื่ เชื่อว่าตนมีตาแหน่ง หรือหน้าท่ีทั้งที่ตนมิได้มี ตาแหน่งหรือหน้าท่ีน้ัน เพื่อแสวงหาประโยชน์ท่ีมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย สาหรับตนเองหรือผู้อื่น ตาม พระราชบญั ญัตปิ ระกอบรัฐธรรมว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2542 มาตรา 123 3.2 การที่ผู้บริหารหรือเจ้าหน้าท่ีขององค์กรด้านเวชภัณฑ์ และสุขภาพออกจากราชการไปทางาน ในบรษิ ทั ผลิตหรือขายยา 3.3 การทผี่ ้บู ริหาร หรือเจา้ หนา้ ท่ีของหนว่ ยงานทเี่ กษยี ณแล้วใช้อทิ ธพิ ลท่ีเคยดารงตาแหนง่ ในหน่วยงานรัฐ รับเป็นท่ีปรึกษาให้บริษัทเอกชนที่ตนเคยติดต่อประสานงาน โดยอ้างว่าจะได้ติดต่อกับ หน่วยงานรฐั ได้อย่างราบร่ืน 3.4 การว่าจ้างเจ้าหน้าท่ีผู้เกษียณมาทางานในตาแหน่งเดิมท่ีหน่วยงานเดิมโดยไม่คุ้มค่ากับภารกิจที่ ได้รับมอบหมาย หนา้ 10

ชดุ หลกั สตู รตา้ นทุจริตศกึ ษา ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 3 ชดุ การสอนท่ี 1.2 การวิเคราะห์ วิจารณ์ สงั เคราะห์ ผลประโยชน์ส่วนตนออกจากผลประโยชน์ส่วนรวม โดยใช้ระบบคิดฐานสอง ทสี่ ่งผลกระทบต่อประเทศในระดับสังคมโลก กจิ กรรม : ระบบคดิ ฐานสอง (Digital) คาชีแ้ จง : ให้นักเรยี นดวู ีดที ัศนแ์ ล้ววเิ คราะห์ และทาสรปุ เรือ่ งเป็น Mind Mapping นาเสนอผลงาน หน้าช้นั เรยี น เรือ่ ง แก้ทจุ ริต คดิ ฐาน 2 หน้า11

ชุดหลกั สตู รตา้ นทุจริตศึกษา ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 ใบความรทู้ ี่ 4 เรื่อง ระบบคิดฐานสอง (Digital) ความหมาย ระบบคิด “ฐานสอง (Digital)” เปนระบบการคิดวิเคราะหขอมูล ที่สามารถเลือกไดเพียง 2 ทางเทาน้ัน คือ 0 (ศูนย กับ 1 (หนึ่ง) และ อาจหมายถงึ โอกาสทีจ่ ะเลอื กไดเพยี ง 2 ทาง เชน ใชกับไมใช, จริงกบั เทจ็ , ทาไดกบั ทาไมได, ประโยชน์ส่วน ตนกับ ประโยชน์ สวนรวม เปนตน จงึ เหมาะกบั การนามาเปรียบเทียบกับการปฏิบัติงานของเจาหนาที่ของรัฐท่ีตองสามารถแยก เร่ืองตาแหน่งหนาทกี่ บั เรอ่ื งสวนตัวออกจากกนั ไดอยางเดด็ ขาด และไมกระทาการท่ีเปนการขัดกันระหวางประ โยชนสวนบคุ คล และประโยชนสวนรวม “การปฏิบัตงิ านแบบใชระบบคิดฐานสอง (Digital)” คือ การท่ีเจาหน าที่ของรัฐ มีระบบการคิดท่ีสามารถแยก เร่ืองตาแหนงหนาที่กับเรื่องสวนบุคคลออกจากกันไดอยางชัดเจนว าสิ่งไหนถูก ส่ิงไหนผิด ส่ิงไหนทาได้ ส่ิงไหนทาไมได ส่ิงไหนคือประโยชน สวนบุคคลสิ่งไหน คือประโยชนสวน รวม ไมนามาปะปนกัน ไมนาบุคลากรหรือทรัพยสินของราชการมาใช้ เพ่ือประโยชนสวนบุคคล ไมเบียดบัง ราชการ เห็นแกประโยชนสวนรวม หรือของหนวยงานเหนือกวาประโยชนของสวนบุคคล เครือญาติ และ พวกพอง ไมแสวงหาประโยชนจากตาแหนงหนาที่ราชการไมรับทรัพยสินหรือประโยชนอื่นใด จากการปฏิบัติ หนาทก่ี รณีเกิดการขัดกันระหวางประโยชนสวนบุคคลและประโยชนสวนรวมก็จะยึดประโยชนสวนรวม เปนหลกั หนา้ 12

ชดุ หลักสตู รต้านทุจริตศกึ ษา ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 หน้า13

ชดุ หลักสตู รตา้ นทุจริตศึกษา ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 ชดุ การสอนท่ี 1.3 การทจุ ริตท่เี กิดจากระบบการคดิ ฐานสบิ ในสถานการณต์ า่ งๆ ท่สี ่งผลต่อประเทศ และสงั คมโลก กจิ กรรม : การทุจริตทเี่ กดิ จากระบบการคดิ ฐานสิบ คาชแ้ี จง : ใหน้ กั เรียนดูวดี ีทัศน์แล้ววเิ คราะห์ และทาสรปุ เร่ืองเป็น Mind Mapping นาเสนอ ผลงานหนา้ ชนั้ เรียน หน้า14

ชดุ หลกั สตู รตา้ นทุจริตศึกษา ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 ใบความรูท้ ี่ 5 เรือ่ ง ระบบคิดฐาน 10 (Analog) ระบบคิด “ฐานสิบ (Analog)” เปนระบบการคิดวิเคราะหขอมูลท่ีมีตัวเลขหลายตัว และอาจหมายถึงโอกาสที่จะเลือกไดหลายทาง เกิดความคิดท่ีหลากหลายซับซอน หากนามาเปรียบเทียบกับการปฏิบัติงานของเจาหนาที่ของรัฐ จะทาใหเจ าหนาที่ของรัฐตองคิดเยอะตองใชดุลยพินิจเยอะ อาจจะนาประโยชน์ส่วนตนและประโยชนสวนรวมมาปะปน กนั ไดแยกประโยชนสวนบุคคล และประโยชนสวนรวมออกจากกันไม่ได้“การปฏิบัติงานแบบใชระบบคิดฐาน สิบ (Analog)” คอื การทเี่ จาหนาที่ของรฐั ยังมีระบบ การคิดที่ยังแยกเร่ืองตาแหนงหนาท่ี กับเร่ืองสวนตนออก จากกันไมได นาประโยชน์ส่วนตน และประโยชน สวนรวมมาปะปนกันไปหมด แยกแยะไมออกวาส่ิงไหนคือ ประโยชน์ส่วนตน ส่ิงไหนคือประโยชนสวนรนาบุคลากร หรือทรัพยสินของราชการมาใชเพื่อ ประโยชนสวน บคุ คล เบยี ดบังเวลาราชการเหน็ แกประโยชนสวนบคุ คล เครอื ญาติ หรือพวกพอง เหนือกวาประโยชนของสวน รวม หรอื ของหนวยงานจะคอยแสวงหาประโยชนจากตาแหนงหนาที่ราชการ กรณีเกิดการขัดกันระหวางประ โยชนสวนบุคคล และประโยชน์สวนรวมจะยดึ ประโยชน์สว่ นตนเปนหลกั หน้า15

ชดุ หลักสตู รต้านทุจริตศึกษา ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 3 ชดุ การสอนท่ี 1.4 การทจุ ริตทีเ่ กิดขึ้นในโลกและจรยิ ธรรมทใี่ ชใ้ นการแก้ปัญหาการทุจรติ ทีเ่ กดิ ข้นึ ในโลก กิจกรรมพฒั นาทกั ษะการคดิ : นิมนต์ยิม้ เดลค่ี นดไี มค่ อร์รัปชนั จริยธรรมทใ่ี ช้ในการแกป้ ญั หา ตอน สง่ เสริมลกู น้อง การทจุ ริต SCAN ME คาชแ้ี จง : ใหน้ กั เรยี นดูวดี ีโอ แลว้ อภปิ รายจรยิ ธรรมท่ีใช้ใน นมิ นต์ยมิ ้ เดลค่ี นดไี มค่ อร์รัปชนั การแก้ปัญหาการทจุ รติ ยกตัวอย่างประเทศไทยของเรามี ตอน แป๊ ะเจี๊ย ลกั ษณะอย่างไร แล้วให้นกั เรียนออกมานาเสนอหน้าชั้น เรียน SCAN ME รับสนิ บน SCAN ME หน้า16

ชุดหลักสตู รตา้ นทุจรติ ศึกษา ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 ใบงานที่ 1 เร่ือง การวิเคราะห์สถานการณก์ ารทุจรติ ท่เี กิดขนึ้ ท้งั ในประเทศ และตา่ งประเทศ คาชี้แจง : ให้นกั เรียนศึกษาและวเิ คราะห์ขา่ วที่กาหนดให้และตอบคาถาม ดังต่อไปนี้ หนา้ 17

ชุดหลักสูตรตา้ นทุจริตศึกษา ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 ผลการตัดสนิ วเิ คราะห์ขา่ ว 1. หวั ข้อข่าว ........................................................................................................................................... 2. ความสงสยั ท่ีเกิดขน้ึ หลงั จากอ่านขา่ ว ......................................................................................................................... .................. 3. ขอ้ สังเกตได้จากขา่ ว ............................................................................................................................. .............. 4. สารวจข้อเทจ็ จรงิ ของขอ้ มูลท่ีไดจ้ ากข่าว ........................................................................................................................................... 5. สบื คน้ ขอ้ มูลเพิ่มเตมิ ที่ได้คือ .................................................................................................................. ......................... 6. จากจุดทีส่ งสยั จุดท่สี งั เกต ได้สมั ผสั สารวจ ตรวจสอบ สบื คน้ ข้อมูลจากข่าวทไ่ี ด้ศกึ ษา วเิ คราะหแ์ ลว้ นั้น พบประเด็นสาคัญ คือ ....................................................................................................... .................................... 7. จากข่าวขา้ งต้นผลการตัดสินจะเป็นเชน่ ไร ............................................................................................................................. .............. 8. หมอวนั ชัย ใชร้ ะบบการคิดแบบใด จงึ ได้ดาเนินการเชน่ ข่าวข้างต้น ............................................................................................................................. .............. 9. นกั เรยี นจะนากรณตี ัวอยา่ งดังข่าวไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการดาเนินชวี ติ อย่างไร ........................................................................................................................................... 10. จากเหตกุ ารณ์ขา้ งต้น จะส่งผลกระทบต่อประเทศ และสงั คมโลก อย่างไร ผลตอ่ ประเทศ ........................................................................................................................................... ผลต่อสงั คมโลก ........................................................................................................................................... หน้า18

ชดุ หลักสตู รต้านทุจริตศกึ ษา ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 ชดุ การสอนท่ี 1.5 ผลกระทบทเ่ี กดิ จากการขดั กนั ระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวมทีเ่ กดิ ข้ึนในประเทศ ใบความรู้ท่ี 6 เรอ่ื ง มารู้จกั ประโยชนส์ ่วนตนและประโยชนส์ ว่ นรวม และการขัดกันระหวา่ งประโยชนส์ ่วนตน และผลประโยชน์ส่วนรวม ประโยชน์สว่ นตน หมายถึง การที่บุคคลทว่ั ไปในสถานะเอกชน หรอื เจา้ หนา้ ที่ของรัฐในสถานะเอกชน ได้ทากิจกรรม หรือได้การกระทาต่างๆ เพื่อประโยชน์ส่วนตน ครอบครัว ญาติ เพื่อน หรือของกลุ่มในสังคม ที่มีความสัมพันธ์กันในรูปแบบต่างๆ เช่น การประกอบอาชีพ การค้า การลงทุน เพื่อหาประโยชน์ในทาง การเงินหรือในทางทรัพย์สนิ ต่างๆเป็นตน้ ประโยชน์ส่วนรวม หรือประโยชน์สาธารณะ หมายถึง การท่ีบุคคลใดๆ ในสถานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ ของรัฐ (ผู้ดารงตาแหน่งทางการเมือง ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐในหน่วยงานของ รัฐ) ได้กระทาการใดๆ ตามหน้าท่ีหรือได้ปฏิบัติหน้าท่ีอันเป็นการดาเนินการในอีกส่วนหนึ่งท่ีแยกออกมาจาก การดาเนินการตามหน้าท่ีในสถานะของเอกชนการกระทาการใดๆ ของเจ้าหน้าท่ีของรัฐมีเป้าหมาย เพื่อ ประโยชน์ของสว่ นรวม หรือการรักษาผลประโยชน์ส่วนรวม การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตน และประโยชน์ส่วนรวมของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หมายถึง การท่เี จ้าหนา้ ท่ีของรฐั ไดต้ กอยู่ในฐานะเป็นผมู้ ีส่วนได้เสียในรูปแบบต่างๆ ตามท่ีกฎหมายบัญญัติห้ามไว้ และยัง ได้เข้าไปพิจารณาดาเนินการในกิจการสาธารณะท่ีเป็นการดาเนินการตามอานาจหน้าท่ีในกิจการของรัฐ เพ่ือประโยชน์ของรัฐ แต่เม่ือเจ้าหน้าท่ีของรัฐพิจารณาได้มีผลประโยชน์ส่วนตนเข้าไปแอบแฝง หรือได้นา ประโยชน์ส่วนตนเข้าไปมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ หรือเข้าไปเก่ียวข้องในการตัดสินใจในการดาเนินการใดๆ ตามอานาจหน้าทขี่ องการดาเนนิ งานทเี่ ป็นกิจการสว่ นรวมของรัฐ หน้า19

ชดุ หลักสูตรตา้ นทุจริตศกึ ษา ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 ใบงานที่ 2 เรื่อง มารูจ้ กั ประโยชน์ส่วนตนและประโยชนส์ ว่ นรวม และการขดั กันระหวา่ งประโยชน์ส่วนตน และผลประโยชน์ส่วนรวม คาชแ้ี จง นักเรียนสรปุ ประเดน็ และยกตวั อยา่ ง ตัวอย่าง เชน่ ตัวอยา่ ง เช่น ประโยชนส์ ่วนบคุ คล คอื ……………………….. …………………………………………………………… …………………………………………………………… …………………………………………………………… …………………………………………………………… …………………………………………………………… …………………………………………………………… ประโยชนส์ ว่ นรวม คอื ………………………….. …………………………………………………………… …………………………………………………………… …………………………………………………………… …………………………………………………………… …………………………………………………………… …………………………………………………………… การประโยชน์สว่ นบคุ คล คือ …………………… ตวั อย่าง เชน่ …………………………………………………………… …………………………………………………………… …………………………………………………………… …………………………………………………………… …………………………………………………………… …………………………………………………………… หนา้ 20

ชุดหลักสูตรต้านทุจรติ ศึกษา ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 พระราชดารัส พระบรมราโชวาท ...บ้านเมืองของเรากาลังต้องการการปรับปรุงและการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพ ทางที่เราจะช่วยกันได้ ก็คือ การที่ทาความคิดให้ถูกและแน่วแน่ ในอันที่จะยึดถือประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นที่หมาย ตอ้ งเพลาการคดิ ถึงประโยชน์เฉพาะตวั และความขัดแยง้ กันในส่ิงทม่ี ิใชส่ าระลง พระราชดารสั ของ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัว... (พระราชทานแกป่ ระชาชนชาวไทยในโอกาสขึ้นปใี หม่ 2543) ...การมีเสรีภาพน้ัน เป็นของที่ดีอย่างย่ิง แต่เมื่อจะใช้ จาเป็นต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง และ ความรับผดิ ชอบ มใิ ห้ล่วงละเมิดเสรีภาพของผู้อื่นท่ีเขามีอยู่เท่าเทียมกัน ท้ังมิให้กระทบกระเทือนถึงสวัสดิ ภาพและความเป็นปกตสิ ขุ ของส่วนรวมด้วย พระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั ... (พระราชทานแกผ่ ู้บังคบั บญั ชาลกู เสือ 9 กรกฎาคม 2514) ...คนไม่มีความสุจริต คนไม่มีความม่ันคง ชอบแต่มักง่าย ไม่มีวันจะสร้างสรรค์ประโยชน์ส่วนรวม ที่สาคัญอันใดได้ ผู้ท่ีมีความสุจริตและความมุ่งมั่นเท่าน้ัน จึงจะทางานสาคัญยิ่งใหญ่ท่ีเป็นคุณประโยชน์ แทจ้ ริงไดส้ าเร็จ พระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ... (ในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบตั รของ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย 12 กรกฎาคม 2522) ...สามัคคี คือการเห็นแก่บ้านเมือง และช่วยกันทุกวิธีทาง เพ่ือท่ีจะสร้างบ้านเมืองให้เข้มแข็ง ด้วยการเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ทางานด้วยความซ่ือสัตย์สุจริตอย่างตรงไปตรงมา นึกถึงประโยชน์ ส่วนรวมนัน้ คือความม่นั คงของบา้ นเมือง พระราชดารัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว... (ในพิธีประดบั ยศนายตารวจชนั้ นายพล 15 มกราคม 2519) หนา้ 21

ชุดหลักสตู รตา้ นทุจริตศกึ ษา ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 3 ใบความรู้ที่ 7 ตัวอยา่ ง การขัดกันระหวา่ งประโยชนส์ ่วนตนและประโยชน์สว่ นรวมในรปู แบบตา่ งๆ 1. การรบั ผลประโยชน์ตา่ งๆ 1.1 นายสุจริต ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ซ่ึงในวัน ดังกล่าว นายรวย นายก อบต. ไดม้ อบงาชา้ งจานวนหนึ่งคู่ให้แก่ นายสุจริต เพื่อเป็นของท่ีระลึก นายสุจริต ได้ มอบงาช้างดังกล่าวให้หน่วยงานต้นสังกัด ตรวจสอบมูลค่าพร้อมทั้งดาเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบ และ กฎหมาย แต่ต่อมา นายสุจริต พิจารณาแล้วเห็นว่าไม่สมควรรับงาช้างดังกล่าวไว้ จึงเร่งให้หน่วยงานต้นสังกัด คนื งาช้างใหแ้ ก่ นายรวย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 103 ประกอบประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อง หลักเกณฑ์การรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยธรรมจรรยาของเจ้าหน้าท่ีของรัฐ พ.ศ. 2543 ข้อ 7 ประกอบข้อ 5 (2) ได้กาหนดว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใด ได้รับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคลอื่น ที่มิใช่ญาติ ซึ่งมีมูลค่าเกินกว่าสามพันบาท แล้วประสงค์ จะรั บทรั พย์ สิ นน้ั นไว้ เป็ นสิ ทธิ ของตนจะต้ องแจ้ งรายละเอี ยด ข้ อเ ท็ จ จ ริ ง เ กี่ ย ว กั บ ก า ร รั บ ท รั พ ย์ สิ น นั้ น ต่ อ ผู้บงั คบั บัญชา หรอื ผูม้ ีอานาจแตง่ ตงั้ ถอดถอน หรือคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือ ประธานวฒุ สิ ภา หรือประธานสภาท้องถ่ิน แล้วแต่กรณี ในทันทีท่ีสามารถกระทาได้ เพื่อให้วินิจฉัยว่ามีเหตุผล ความจาเป็น ความเหมาะสม และสมควรที่จะให้เจ้าหน้าท่ีของรัฐผู้นั้นรับทรัพย์สินนั้นไว้เป็นสิทธิของตน หรือไม่ เม่ือข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ปรากฏว่า เมื่อนายสุจริต ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ได้รับงาช้างแล้ว ได้ส่งให้ หน่วยงานต้นสังกัดตรวจสอบมูลค่า พร้อมท้ังดาเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบและกฎหมาย แต่ต่อมา นายสุจริต พิจารณาเห็นว่าไม่สมควรรับงาช้างดังกล่าวไว้ จึงส่งคืนให้ นายรวยไป โดยใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบ ระเบียบแนวทางปฏิบัติ และข้อมูลท่ีเกี่ยวข้องเพ่ือความรอบคอบ และส่งคืนงาช้าง แก่นายรวยภายใน 3 วัน จากขอ้ เทจ็ จริง จงึ ฟง๎ ไดว้ า่ นายสจุ ริตมไิ ด้มเี จตนา หรอื มีความประสงค์ แต่อย่างใด 1.2 การท่ีเจ้าหน้าที่ของรัฐรับของขวัญจากผู้บริหารของบริษัทเอกชน เพ่ือช่วยให้บริษัทเอกชนราย นัน้ ชนะการประมลู รับงานโครงการขนาดใหญข่ องรฐั 1.3 การทีบ่ รษิ ัทแห่งหนง่ึ ให้ของขวญั เป็นทองคามลู คา่ มากกว่า 10 บาท แก่เจ้าหน้าท่ีในปีท่ีผ่านมา และปีนี้เจ้าหน้าที่เร่งรัดคืนภาษีให้กับบริษัทนั้นเป็นกรณีพิเศษ โดยลัดคิวให้ก่อนบริษัทอื่นๆ เพราะคาดว่าจะ ไดร้ ับของขวญั อีก 1.4 การทเ่ี จ้าหน้าที่ของรฐั ไปเปน็ คณะกรรมการของบริษัทเอกชน หรือรัฐวิสาหกิจ และไดร้ ับความ บนั เทิงในรูปแบบตา่ งๆ จากบริษทั เหล่านน้ั ซ่งึ มผี ลต่อการใหค้ าวนิ ิจฉัย หรือข้อเสนอแนะท่เี ปน็ ธรรม หรอื เปน็ ไปในลักษณะท่เี อือ้ ประโยชนต์ ่อบรษิ ทั ผู้ให้น้นั ๆ 1.5 เจา้ หนา้ ท่ขี องรัฐได้รับชุดไม้กอล์ฟจากผู้บริหารของบริษัทเอกชน เมื่อต้องทางานท่ีเกี่ยวข้องกับ บรษิ ทั เอกชนแหง่ นนั้ ก็ชว่ ยเหลือใหบ้ รษิ ัทน้ันไดร้ ับสัมปทาน เนื่องจากรูส้ ึกว่าควรตอบแทนท่ีเคยได้รับของขวัญมา หนา้ 22

ชดุ หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 2. การทาธรุ กจิ กับตนเองหรือเป็นคู่สญั ญา 2.1 นิติกร ฝ่ายกฎหมายและเร่งรัดภาษีอากรค้าง สานักงานสรรพากรจังหวัดในส่วนภูมิภาคหา รายได้พิเศษโดยการเปน็ ตัวแทนขายประกันชวี ิตของบริษทั เอกชน ได้อาศัยโอกาสทต่ี นปฏิบัติหน้าที่ เร่งรัดภาษี อากรค้างผู้ประกอบการรายหน่ึงหาประโยชน์ให้แก่ตนเองด้วยการขายประกันชีวิตให้แก่หุ้นส่วนผู้จัดการของ ผู้ประกอบการดงั กล่าว รวมท้ังพนักงานของผู้ประกอบการนั้นอีกหลายคน ในขณะท่ีตนกาลังดาเนินการเร่งรัด ภาษอี ากรคา้ ง พฤตกิ ารณ์ของเจา้ หนา้ ทดี่ ังกลา่ วเปน็ การอาศยั ตาแหนง่ หนา้ ที่ราชการของตนหาประโยชน์ให้แก่ ตนเอง เป็นความผิดวินยั อยา่ งไมร่ ้ายแรง ตามมาตรา 83 (3) ประกอบมาตรา 84 แห่งพระราชบัญญัติ ระเบียบขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551 2.2 การท่ีเจ้าหน้าที่ในกระบวนการจัดซ้ือจัดจ้างทาสัญญาให้หน่วยงานต้นสังกัดซ้ือคอมพิวเตอร์ สานกั งานจากบริษัทของครอบครวั ตนเอง หรือบริษทั ท่ีตนเองมีหุ้นสว่ นอยู่ 2.3 ผู้บริหารหน่วยงานทาสัญญาเช่ารถไปสัมมนาและดูงานกับบริษัท ซ่ึงเป็นของเจ้าหน้าท่ีหรือ บริษัททผ่ี บู้ ริหารมหี นุ้ สว่ นอยู่ 2.4 การที่ผู้ตรวจสอบบัญชีภาครัฐรับงานพิเศษเป็นท่ีปรึกษา หรือเป็นผู้ทาบัญชีให้กับบริษัทท่ีต้อง ถูกตรวจสอบ 2.5 ภรรยาอดีตนายกรัฐมนตรี ประมูลซ้ือที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษก ใกล้กับศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศ ไทย จากกองทุนเพ่ือการฟื้นฟู และพัฒนาระบบสถาบันการเงินในการกาดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง โดยอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งในขณะนั้นดารงตาแหน่งนายกรัฐมนตรีในฐานะเจ้าพนักงาน มี หน้าท่ีดูแลกิจการของกองทุนฯ ได้ลงนามยินยอมในฐานะคู่สมรสให้ภรรยาประมูลซ้ือท่ีดินและทาสัญญาซ้ือ ขายที่ดิน ส่งผลให้เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้ส่วนเสียในสัญญาซ้ือที่ดินโฉนดแปลงดังกล่าว อันเป็นการขัดกัน ระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย มีความผิดตามพระราชบัญญัติ ประกอบรฐั ธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2542 มาตรา 100 (1) 3. การทางานหลังจากออกจากตาแหนง่ หน้าท่ีสาธารณะ หรอื หลังเกษยี ณ 3.1 อดีตผู้อานวยการ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เพิ่งเกษียณอายุราชการไปทางานเป็นที่ปรึกษาใน บริษัทผลิตหรือขายยา โดยใช้อิทธิพลจากที่เคยดารงตาแหน่งในโรงพยาบาลดังกล่าว ให้โรงพยาบาล ท่ีตนเองเป็นที่ปรึกษาอยู่พฤติการณ์เช่นนี้ มีมูลความผิดท้ังทางวินัย และทางอาญาฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัตหิ รือละเว้นการปฏิบตั อิ ยา่ งใดในพฤติการณ์ที่อาจทาให้ผู้อ่ืนเชื่อว่าตนมีตาแหน่งหรือหน้าท่ีทั้งที่ตนมิได้มี ตาแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาประโยชน์ท่ีมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสาหรับตนเองหรือผู้อ่ืน ตาม พระราชบัญญัติประกอบรฐั ธรรมว่าดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2542 มาตรา 123 3.2 การท่ีผู้บริหารหรือเจ้าหน้าที่ขององค์กรด้านเวชภัณฑ์และสุขภาพออกจากราชการไปทางาน ในบรษิ ัทผลติ หรือขายยา 3.3 การท่ีผู้บริหารหรือเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่เกษียณแล้วใช้อิทธิพลที่เคยดารงตาแหน่งใน หนว่ ยงานรฐั รับเป็นท่ีปรึกษาให้บริษัทเอกชนที่ตนเคยติดต่อประสานงาน โดยอ้างว่าจะได้ติดต่อกับหน่วยงาน หน้า23

ชดุ หลกั สตู รตา้ นทุจริตศกึ ษา ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 3 รัฐได้อยา่ งราบรืน่ 3.4 การว่าจ้างเจ้าหน้าท่ีผู้เกษียณมาทางานในตาแหน่งเดิมท่ีหน่วยงานเดิมโดยไม่คุ้มค่ากับ ภารกิจท่ไี ด้รบั มอบหมาย 4. การทางานพเิ ศษ 4.1 เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาษี 6 สานักงานสรรพากรจังหวัดในส่วนภูมิภาค ได้จัดตั้งบริษัทรับจ้าง ทาบัญชี และให้คาปรกึ ษาเกยี่ วกับภาษี และมีผลประโยชน์เก่ียวขอ้ งกับบรษิ ทั โดยรบั จา้ งทาบัญชี และย่ืนแบบ แสดงรายการให้ผู้เสียภาษีในเขตจังหวัดท่ีรับราชการอยู่ และจังหวัดใกล้เคียงกลับมีพฤติการณ์ช่วยเหลือผู้เสีย ภาษีให้เสียภาษีน้อยกว่าความเป็นจริง และรับเงินค่าภาษีอากรจากผู้เสียภาษีบางรายแล้ว มิได้นาไปย่ืนแบบ แสดงรายการชาระภาษีให้ พฤติการณ์ของเจ้าหน้าท่ีดังกล่าว เป็นการไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับกรมสรรพากรว่า ด้วยจรรยาข้าราชการ กรมสรรพากร พ.ศ. 2559 ข้อ 9 (7) (8) และอาศัยตาแหน่งหน้าท่ีราชการของตนหา ประโยชน์ให้แก่ตนเอง เป็นความผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 83 (3) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ ข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 อีกทั้งเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพ่ือให้เกิดความเสียหายแก่ ทางราชการโดยร้ายแรง และปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต และยังกระทาการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว อย่างร้ายแรงเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 85 (1) และ (4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ ข้าราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551 4.2 การท่ีเจ้าหน้าที่ของรัฐอาศัยตาแหน่งหน้าที่ทางราชการรับจ้างเป็นที่ปรึกษาโครงการ เพ่ือให้ บริษัทเอกชนทวี่ ่าจา้ งน้ันมคี วามนา่ เชื่อถอื มากกวา่ บริษัทคู่แขง่ 4.3 การท่ีเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ทางานที่ได้รับมอบหมายจากหน่วยงานอย่างเต็มท่ี แต่เอาเวลาไปรับ งานพเิ ศษอ่นื ๆ ทอี่ ย่นู อกเหนืออานาจหน้าทท่ี ไ่ี ด้รับมอบหมายจากหน่วยงานตามกฎหมาย 5. การรขู้ ้อมูลภายใน 5.1 นายช่าง 5 แผนกชุมสายโทรศัพท์เคล่ือนที่ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ได้นาข้อมูล เลขหมายโทรศัพท์เคล่ือนที่ระบบ 470 MHZ และระบบปลดล็อคไปขายให้แก่ผู้อ่ืน จานวน 40 หมายเลข เพ่ือ นาไปปรบั จนู เข้ากบั โทรศัพทเ์ คล่อื นท่ีทน่ี าไปใช้รบั จ้างให้บริการโทรศัพท์แก่บุคคลทั่วไป คณะกรรมการ ป.ป.ช. มี มติช้ีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และ มาตรา 164 และมีความผิด วินยั ขอ้ บงั คับองค์การโทรศพั ท์แหง่ ประเทศไทยว่าดว้ ยการพนักงาน พ.ศ. 2536 ขอ้ 44 และ 46 5.2 การท่ีเจ้าหน้าท่ีของรัฐทราบข้อมูลโครงการตัดถนนเข้าหมู่บ้าน จึงบอกให้ญาติพ่ีน้องไปซ้ือที่ดิน บรเิ วณโครงการดังกล่าว เพื่อขายให้กับราชการในราคาทีส่ ูงขึ้น 5.3 การท่ีเจ้าหน้าที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงข่ายโทรคมนาคมทราบมาตรฐาน (Spec) วัสดุ อปุ กรณ์ทจ่ี ะใช้ในการวางโครงขา่ ยโทรคมนาคม แลว้ แจ้งขอ้ มลู ให้กบั บรษิ ทั เอกชนท่ตี นรู้จัก เพื่อให้ได้เปรียบใน การประมลู หน้า24

ชดุ หลกั สตู รต้านทุจรติ ศึกษา ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 6. การใชท้ รัพยส์ ินของราชการเพ่ือประโยชนส์ ่วนตน 6.1 คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ ใช้อานาจหน้าท่ีโดยทุจริต ด้วยการสั่งให้เจ้าหน้าท่ีนาเก้าอี้ พร้อมผ้าคุมเก้าอ้ี เคร่ืองถ่ายวิดีโอ เครื่องเล่นวิดีโอ กล้องถ่ายรูป และผ้าเต็นท์ นาไปใช้ในงานมงคลสมรส ของบุตรสาว รวมทั้งรถยนต์ รถตู้ส่วนกลาง เพื่อใช้รับส่งเจ้าหน้าท่ีเข้าร่วมพิธี และขนย้ายอุปกรณ์ท้ังที่บ้านพัก และ งานฉลองมงคลสมรสท่ีโรงแรม ซึ่งล้วนเป็นทรัพย์สินของทางราชการ การกระทาของ จาเลย โดยทุจรติ เพ่อื ประโยชนส์ ่วนตนอนั เป็นการเสยี หายแก่รัฐ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ช้ีมูลความผิดวินัย และอาญา ต่อมาเร่ืองเข้าสู่กระบวนการในช้ันศาล ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์แล้วเห็นว่าการกระทาของจาเลย เป็นการทุจริตต่อตาแหน่งหน้าท่ีฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซ้ือทาจัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อานาจใน ตาแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 151 และ 157 จึงพิพากษาให้จาคุก 5 ปี และปรับ 20,000 บาท คาให้การรับ สารภาพเป็นประโยชน์ แก่การพิจารณาคดี ลดโทษให้ก่ึงหนึ่ง คงจาคุกจาเลยไว้ 2 ปี 6 เดือน และปรับ 10,000 บาท 6.2 การทเ่ี จา้ หน้าท่ขี องรฐั ผูม้ หี น้าท่ขี บั รถยนตข์ องส่วนราชการ นาน้ามัน ในรถยนต์ไปขาย และนา เงินมาไว้ใช้จ่ายส่วนตัวทาให้ส่วนราชการต้องเสียงบประมาณ เพ่ือซ้ือน้ามันรถมากกว่าท่ีควรจะเป็น ถือเป็นการทจุ ริต เบียดบังผลประโยชนข์ องสว่ นรวมเพอื่ ประโยชนข์ องตนเอง และมคี วามผดิ ฐานลักทรพั ย์ 6.3 การท่ีเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้มีอานาจอนุมัติให้ใช้รถราชการหรือการเบิกจ่าย ค่าน้ามันเชื้อเพลิง นารถยนต์ของส่วนราชการไปใช้ในกิจธรุ ะสว่ นตวั 7. การนาโครงการสาธารณะลงในเขตเลือกต้งั เพอื่ ประโยชน์ในทางการเมือง 7.1 นายกองค์การบริหารส่วนตาบลแห่งหนึ่งร่วมกับพวก แก้ไขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ ปรับปรุงและซ่อมแซมถนนคนเดินใหม่ ในตาบลที่ตนมีฐานเสียงโดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภาฯ และ ตรวจรบั งานทั้งที่ไม่ถกู ตอ้ งตามแบบรูปรายการที่กาหนด รวมท้ังเม่ือดาเนินการแล้วเสร็จได้ติดป้ายช่ือของตนและ พวกการกระทาดังกลา่ วมีมลู เป็นการกระทาการฝ่าฝนื ต่อความสงบเรียบรอ้ ย หรอื สวัสดิภาพของประชาชนหรือ ละเลยไม่ปฏิบัติตาม หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอานาจหน้าท่ี มีมูลความผิดทั้งทางวินัยอย่างร้ายแรงและทาง อาญา คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ผู้มีอานาจ แต่งต้ัง ถอดถอน และสานักงานคณะกรรมการการเลือกต้ังทราบ 7.2 การท่ีนักการเมืองในจังหวัด ขอเพ่ิมงบประมาณเพ่ือนาโครงการตัดถนน สร้างสะพานลงใน จงั หวดั โดยใช้ชอื่ หรอื นามสกลุ ของตนเองเป็นชือ่ สะพาน 7.3 การที่รฐั มนตรีอนุมัติโครงการไปลงในพ้ืนท่ีหรอื บา้ นเกิดของตนเอง หนา้ 25

ชดุ หลกั สูตรต้านทุจริตศึกษา ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 3 8. การใชต้ าแหนง่ หนา้ ที่แสวงหาประโยชน์แก่เครอื ญาติ พนักงานสอบสวนละเว้นไม่นาบันทึกการจับกุมที่เจ้าหน้าที่ตารวจชุดจับกุม ทาขึ้นในวันเกิดเหตุ รวมเข้าสานวน แต่กลับเปล่ียนบันทึกและแก้ไขข้อหาในบันทึกการจับกุม เพื่อช่วยเหลือผู้ต้องหา ซึ่งเป็นญาติ ของตนให้รบั โทษน้อยลง คณะกรรมการ ป.ป.ช. พจิ ารณาแล้วมมี ลู ความผดิ ทางอาญาและทางวนิ ัยอยา่ งร้ายแรง 9. การใชอ้ ทิ ธพิ ลเข้าไปมีผลต่อการตัดสนิ ใจของเจา้ หนา้ ที่รัฐหรอื หนว่ ยงานของรัฐอื่น 9.1 เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ตาแหน่งหน้าที่ในฐานะผู้บริหาร เข้าแทรกแซงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าท่ี ให้ปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ีโดยมิชอบดว้ ยระเบยี บ และกฎหมายหรอื ฝา่ ฝืนจริยธรรม 9.2 นายเอ เป็นหัวหน้าส่วนราชการแห่งหน่ึงในจังหวัด รู้จักสนิทสนมกับ นายบี หัวหน้าส่วนราชการ อีกแห่งหน่ึงในจังหวัดเดียวกัน นายเอ จึงใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวฝากลูกชาย คือ นายซี เข้ารับราชการภายใต้ สังกดั ของนายบี 10. การขัดกนั แหง่ ผลประโยชนส์ ว่ นบุคคลกับประโยชน์สว่ นรวมประเภทอน่ื ๆ 10.1 การเดินทางไปราชการต่างจังหวัด โดยไม่คานึงถึงจานวนคน จานวนงาน และจานวนวัน อย่างเหมาะสม อาทิ เดินทางไปราชการจานวน 10 วัน แต่ใช้เวลาในการทางานจริงเพียง 6 วัน โดยอีก 4 วัน เป็นการเดินทางท่องเทยี่ วในสถานทต่ี ่าง ๆ 10.2 เจ้าหน้าท่ีผู้ปฏิบัติไม่ใช้เวลาในราชการปฏิบัติงานอย่างเต็มท่ี เนื่องจากต้องการปฏิบัติงาน นอกเวลาราชการ เพราะสามารถเบิกเงินงบประมาณคา่ ตอบแทนการปฏบิ ตั ิงานนอกเวลาราชการได้ 10.3 เจ้าหน้าที่ของรัฐลงเวลาปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ โดยมิได้อยู่ปฏิบัติงานในช่วงเวลาน้ัน อย่างแท้จรงิ แตก่ ลบั ใชเ้ วลาดงั กล่าวปฏิบัติกิจธรุ ะส่วนตวั หน้า26

ชดุ หลักสตู รตา้ นทุจรติ ศึกษา ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 ใบงาคนาชเ้แี รจ่อื งง ช: ่วนยักเันรยี กนตยวักอตยัวอ่างยก่างากรขารดั ขกัดนั กรันะรหะวห่าวง่าปงรปะรโะยโชยนชน์ส่วส์ น่วนตตนนกแบั ลปะรปะรโะยโชยนช์สน่วส์ นว่ นรวรมวม รูปแบบการขัดกนั ระหว่างประโยชน์ ตวั อย่าง สว่ นตนและประโยชน์ส่วนรวม การรับผลประโยชนต์ ่างๆ การทาธุรกจิ กับตนเองหรือเปน็ คูส่ ญั ญา การใช้ทรัพยส์ นิ ของราชการ เพอื่ ประโยชน์ส่วนตน การใช้ตาแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์ แกเ่ ครือญาติ การทางานหลงั จากออกจากตาแหนง่ หน้าท่ี สาธารณะหรือหลงั เกษียณ การทางานพิเศษ การรขู้ อ้ มูลภายใน การนาโครงการสาธารณะลงในเขตเลอื กตง้ั เพือ่ ประโยชน์ในทางการเมอื ง การใชอ้ ิทธพิ ลเข้าไปมีผลต่อการตัดสินใจ ของเจา้ หนา้ ทร่ี ัฐหรอื หน่วยงานของรฐั อนื่ การขดั กันแห่งผลประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ ส่วนรวมประเภทอนื่ ๆ หนา้ 27

ชุดหลกั สตู รต้านทุจริตศกึ ษา ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 2และแนวทางการปอ้ งกันผลประโยชน์ทับซ้อนในกล่มุ ประเทศอาเซียน กิจกรรม : แนวทางการป้ องกนั ผลประโยชน์ทบั ซ้อนในกลมุ่ ประเทศอาเซียน คาชีแ้ จง : ให้นกั เรียนจบั คสู่ นทนาที่ได้ดขู า่ ววา่ เกิดอะไร เพราะเหตใุ ด และทาสรุปเป็ น Mind Mapping นาเสนอผลงานหน้าชนั้ เรียน รู้ทนั กนั โกง ตอน ผลประโยชน์ทบั ซ้อน โตไปไมโ่ กง ตอน ผ้ตู ดั สนิ SCAN ME SCAN ME หน้า28

ชดุ หลักสูตรตา้ นทุจริตศึกษา ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 ใบความรู้ที่ 8 เรื่อง ตัวอยา่ งโอกาสทจี่ ะเกิดผลประโยชนท์ ับซ้อนของข้าราชการและเจ้าหน้าทีข่ องรัฐกล่มุ ต่างๆ กลุม่ อาชพี กิจกรรมท่ีมีความเสี่ยงต่อปัญหาการเกดิ ผลประโยชนท์ ับซ้อน 1. นักการเมือง  การรับเงิน หรือผลประโยชน์อ่ืนใด เพ่ือแต่งต้ัง หรือเลื่อน 2. ขา้ ราชการประจา และเจา้ หนา้ ท่ี ตาแหน่งขา้ ราชการขน้ึ เปน็ ผูบ้ ริหารระดบั สูง ของรัฐ  การใช้อานาจหน้าที่ เพื่อให้บริษัทของตน หรือของพรรค พวกได้รบั งาน / การจา้ งเหมาจากรัฐ  การใชข้ อ้ มูลของทางราชการเพอ่ื แสวงหาประโยชน์  การแต่งต้ังคนสนิท /พวกพ้องของตนเป็นกรรมการใน หน่วยงานของรัฐ โดยเฉพาะ อยา่ งยิ่งองค์กรอิสระทที่ าหน้าท่ี ในการกากับดูแล (Regulators) สญั ญา หรอื สัมปทาน ของรัฐ  การใชต้ าแหนง่ หนา้ ทเ่ี ลอื กผลักดันโครงการทก่ี อ่ ให้เกิด ประโยชนต์ ่อตนเอง ญาติ /พวกพ้อง ทัว่ ไป  การนาข้อมูลลับ / ข้อมูลภายใน มาใช้หาประโยชน์ให้แก่ ตนเอง หรอื พวกพ้อง  หวั หนา้ หน่วยงานซ่งึ ครอบครวั ประกอบธุรกิจรบั เหมากอ่ สรา้ ง แต่งตง้ั ใหญ้ าติ / คนสนิท /คนที่มีความสัมพนั ธ์ฉนั ญาติขน้ึ เปน็ ผอู้ านวยการกองพัสดุ  การชว่ ยญาติมติ ร หรอื คนสนทิ ใหไ้ ด้งานในหน่วยงานท่ีตนมี อานาจ  การรบั ผลประโยชน์ หรอื การเรียกรอ้ งสง่ิ ตอบแทนจากการ ปฏบิ ตั ิงานในหนา้ ท่ี ความรบั ผิดชอบ กลมุ่ วิชาชพี อสิ ระ  การรับงานจากภายนอกจนกระทบต่อการปฏิบัติหน้าท่ี ประจา หนา้ 29

ชดุ หลกั สูตรตา้ นทุจรติ ศึกษา ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 กลุ่มอาชพี กจิ กรรมท่ีมีความเส่ียงต่อปัญหาการเกดิ ผลประโยชน์ทับซ้อน กลุ่มวิชาชีพท่ีเกี่ยวกับการตรวจสอบ ประเมินราคา และการ จัดซอื้ จัดจ้าง  การหาผลประโยชน์จากความไม่รู้ในระเบียบและข้อมูลของ ทางราชการของประชาชนโดยเรียกรับเงินและอ้างว่าจะ สามารถช่วยให้สามารถเสียค่าธรรมเนียมใน การ โอนกรรมสิทธิ์ซื้อขายที่ดินในราคาท่ีถูกกว่าได้ ผู้บริหาร สถาบันการเงนิ หวงั ก้าวหน้าในอาชีพจึงได้ร่วมมือ และให้ความช่วยเหลือแก่นักการเมืองใน การกู้เงิน ในวงเงินสูงในรูปแบบการประเมินราคาหลักทรัพย์ค้า ประกันให้สงู เกินกว่าความเป็นจริง  ผู้บริหารสถาบันการเงินใช้อานาจหน้าท่ีให้ผู้ใต้บังคับบัญชา เสนอขายท่ีดินหรอื บ้านพร้อมที่ดินในโครงการของตน ให้แก่ลูกค้าของสถาบันการเงิน เพ่ือแลกกับ ความ สะดวกในการทาธุรกจิ กับสถาบนั การเงิน  เจา้ หน้าทีต่ รวจสอบภาษอี ากรได้เปิดสานักงานบัญชีเพ่ือทา บัญชีและรับจดทะเบียนจัดต้ังบริษัท จากัด ซึ่งในเวลา ปฏิบัติงานก็จะเลือกให้บริการเฉพาะรายที่ตนเองได้รับ ประโยชน์จากผู้เสยี ภาษเี ท่าน้ัน  การกาหนดมาตรฐาน (Specification) ในสินค้าท่ีจะจัดซ้ือ จัดจ้างให้บรษิ ทั ของตนหรอื ของพวกพอ้ งไดเ้ ปรียบหรือชนะ ในการประมูล  การใหข้ ้อมูลการจัดซ้อื จดั จา้ งแก่พรรคพวก / ญาติ เพ่ือ แสวงหาผลประโยชน์ใน การประมลู หรือการจ้างเหมา รวมถึงการปกปดิ ข้อมูล เชน่ การปิดประกาศ หรือเผยแพร่ ข้อมูลขา่ วสารลา่ ช้า หรอื พน้ กาหนด การยนื่ ใบเสนอราคา เปน็ ต้น หน้า30

กลมุ่ อาชพี ชุดหลกั สตู รตา้ นทุจรติ ศกึ ษา ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 3 3. ขา้ ราชการท้องถ่ิน กิจกรรมที่มีความเส่ียงต่อปัญหาการเกดิ ผลประโยชน์ทับซอ้ น  การใช้สิทธิในการเบิกจ่ายยาให้กับญาติแล้วนายาไปใช้ที่ คลินกิ สว่ นตวั  การรบั ประโยชน์จากระบบการล็อคบัตรคิวให้แก่เจ้าหน้าท่ี หรือญาติเจ้าหน้าที่ ในหน่วยงาน โดยผู้มีหน้าท่ีดูแล บัตรคิวจะล็อคไว้มากกว่าที่หน่วยงานกาหนดและ ไป เรียกรับประโยชน์จากบัตรคิวท่ีล็อคไว้เกินเหล่านั้นจาก ผู้รับบริการทีต่ อ้ งการลัดควิ กลุ่มวิชาชีพทีเ่ ก่ยี วกับกระบวนการยุติธรรม  การเรียกรับผลประโยชน์จากการอนุญาตให้คืนของกลาง เปน็ ต้น กลมุ่ วชิ าชพี วชิ าการ คณะกรรมการตรวจรับผลงานทาหน้าทเ่ี สมือนเป็นนายหน้าใหแ้ ก่ บรษิ ัทท่ปี รึกษา โดยรบั รายงานผลการศกึ ษามาพจิ ารณาก่อนและ แก้ไขในประเด็นท่ีคาดว่าอาจถูกคณะกรรมการคนอื่นท้วงติง รวมถงึ การเข้าไปแทรกแซงการพจิ ารณาของกรรมการคนอืน่ 3.1 การเข้ามาดาเนินธุรกิจและเป็นคู่สัญญากับองค์กรปกครอง ส่วนทอ้ งถิน่  สมาชิกสภา/ผู้บริหารท้องถ่ินมาดาเนินธุรกิจกับองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นทีต่ นเปน็ สมาชิก  ญาติ/ภรรยา (อาจไม่ได้จดทะเบียน) ของผู้บริหารท้องถิ่น เป็นคู่สัญญาหรือรับเหมางานกับองค์กรปกครองส่วน ท้องถน่ิ  สมาชิกสภา/ผู้บริหารท้องถ่ินเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียใน ฐานะผู้รับมอบอานาจจากบริษัท ห้างร้าน ในการย่ืนซอง ประกวดราคา  สมาชกิ สภา/ผบู้ รหิ ารท้องถิ่นเปน็ บุคคลรว่ มเจรจาไกล่เกลี่ย ในฐานะตัวแทนบริษัท ห้างร้าน ในกรณีงานจ้างเหมามี ป๎ญหา หน้า31

กลุ่มอาชีพ ชดุ หลักสูตรตา้ นทุจริตศึกษา ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 3 4. ประชาชน กิจกรรมที่มีความเส่ียงต่อปัญหาการเกดิ ผลประโยชนท์ ับซอ้ น  ผบู้ รหิ ารสภา/ผูบ้ รหิ ารทอ้ งถ่ินหาประโยชน์ส่วนตัวจากการ เก็งกาไรจากราคาท่ีดินทั้งในรูปของการใช้ข้อมูลภายในไป ซ้ือ ที่ดินไว้ก่อน หรืออาจเป็นในรูปแบบที่กาหนดที่ต้ัง โครงการในพื้นที่ที่ตนเองมีท่ีดินอยู่เพ่ือขายที่ดินของตนเอง ในราคาท่ีสงู  องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ทาสัญญาเช่ารถไปสัมมนาและ ดูงานกับบริษัทซึ่งเป็นของสมาชิกขององค์กรปกครองส่วน ท้องถนิ่ นน่ั เอง  นายกเทศมนตรีและเทศมนตรีขายสินค้าหรือบริการของ บรษิ ัทตนเองใหก้ บั เทศบาล 3.2 การใช้งบประมาณหลวงเพอื่ ประโยชน์ส่วนตนและเพื่อหา เสยี ง  การจัดสรรงบประมาณหรือโครงการเข้าไปในพ้ืนท่ีของ ตนเอง  การใช้งบประมาณราชการทาโครงการพร้อมเขียนป้ายและ ช่อื ของผขู้ องบประมาณ ประกาศให้ชาวบ้านทราบเพ่ือเป็น การหาเสยี ง การที่สมาชกิ สภาท้องถิน่ ซง่ึ มีบทบาทในการอนุมัติและตรวจสอบ การใชง้ บประมาณของฝ่ายบริหารกลบั ไปมสี ว่ นในการใช้ งบประมาณสง่ ผลต่อการทาหนา้ ทใี่ นการตรวจสอบและใช้ วิจารณญาณใน การตดั สินใจอนมุ ัตเิ อนเอียงจากความถูกต้องและ ประโยชน์สาธารณะ เนอื่ งจากตอ้ งการงบทีเ่ หลือจากการแปรญตั ติ ไปดาเนินการในเขตพนื้ ที่ของตน การเสนอใหค้ า่ น้ารอ้ นนา้ ชาให้แกเ่ จ้าหนา้ ทเ่ี พื่อแลกกับการลัดคิวรับ บรกิ าร หน้า32

ชุดหลักสตู รตา้ นทุจรติ ศกึ ษา ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 3 ใบความรู้ที่ 9 เร่ือง ตัวอย่างพฤติกรรมผลประโยชนท์ บั ซ้อนทพ่ี บเหน็ บ่อย 1. การนาทรัพย์สนิ ของหนว่ ยงานมาใช้ประโยชนส์ ว่ นตวั เชน่ ใชโ้ ทรศพั ทข์ องหนว่ ยงานติดต่อธุระ สว่ นตวั นารถราชการไปใชใ้ นธุระส่วนตัวเปน็ ตน้ 2. การใชอ้ านาจหนา้ ทีช่ ว่ ยญาติ หรือบคุ คลอน่ื ให้เข้าทางาน 3. การใช้ข้อมลู ของหนว่ ยงาน เพือ่ แสวงหาประโยชน์แกต่ นเอง หรือพวกพ้อง เจ้าหน้าท่ีของรัฐ ทราบมาตรฐาน (spec) วสั ดุอุปกรณ์ทจี่ ะใชใ้ นการประมลู แลว้ ใหข้ ้อมลู กบั บริษทั เอกชน เพอื่ ให้ไดเ้ ปรียบ ในการประมลู 4. การรับงานนอกแล้วกอ่ ใหเ้ กิดความเสียหายแก่หนว่ ยงานของตน เจ้าหนา้ ทข่ี องรัฐอาศัยตาแหน่ง หนา้ ท่ที างราชการรบั จา้ งเปน็ ทีป่ รึกษาโครงการใหบ้ ริษทั เอกชน เจ้าหน้าท่ีรฐั นาเวลาราชการไปทางานสว่ นตัว 5. การนาบุคคลากรของหน่วยงานมาใชเ้ พ่ือประโยชนส์ ่วนตน 6. การรบั สินบนหรือรับของขวญั ในรปู ของเงินหรือผลประโยชน์อน่ื ใด สง่ ผลให้มีการตัดสินใจท่เี อื้อ ประโยชน์แก่ผใู้ หส้ ินบนหรอื บุคคลอืน่ 7. การเขา้ ทางานหลังออกจากงานเดมิ โดยใช้ความรู้ ประสบการณ์ หรืออทิ ธิพลจากท่เี คยดารง ตาแหน่งมารับงาน หรอื เอาประโยชนใ์ หก้ บั ตนเองหรือพวกพอ้ ง เชน่ เคยทางานเป็นผ้บู ริหารหนว่ ยงานกากับ ดูแลกจิ การโทรคมนาคม แลว้ ไปทางานในบริษัทผู้ใหบ้ รกิ ารโทรศัพท์ 8. การลดั ควิ ใหก้ ับผูใ้ ช้บรกิ ารท่คี ุ้นเคย 9. การส่งเสริมหรอื สนบั สนนุ ให้ผรู้ ่วมงานแสวงหาประโยชนส์ ่วนตน 10. การให้ของขวญั หรือของกานลั เพื่อหวงั ความกา้ วหน้า หรอื หวงั ผลประโยชน์ท่มี ชิ อบ 11. การซือ้ ขายตาแหนง่ การจา่ ยผลประโยชนท์ ้งั ทเี่ ปน็ ตัวเงินและประโยชน์รูปแบบอนื่ เพ่อื ให้ได้มา ซึ่งการเลอ่ื นระดับ ตาแหน่ง หรือความดีความชอบพเิ ศษ 12. การเพกิ เฉยต่อการรักษาผลประโยชน์สว่ นรวม 13. การเรียกรอ้ งผลตอบแทนจากการใช้อิทธิพลในตาแหนง่ หนา้ ทเ่ี พื่อส่งผลทเ่ี ป็นคุณแก่ฝ่ายใดฝ่าย หนง่ึ โดยไม่เป็นธรรม 14. การทมี่ ีหนา้ ที่ดแู ลหรือจัดการกิจการหรอื โครงการใด แลว้ เขา้ มีส่วนไดเ้ สียเพ่ือประโยชน์ของ ตนเอง หรอื ผู้อื่น 15. การใชต้ าแหน่งหน้าทีห่ าประโยชน์ใหก้ บั ตนเอง ครอบครัว หรือพวกพ้อง เชน่ เจา้ หน้าท่ขี องรฐั ใช้อานาจหนา้ ท่ีทาให้บริษัทของตนหรอื ครอบครวั ได้งานรบั เหมาของรฐั เจ้าหน้าที่ฝา่ ยจดั ซอ้ื จดั จา้ งทาสัญญา ซอื้ อปุ กรณส์ านักงานจากบริษัทของครอบครวั ตนเอง หน้า33

ชุดหลกั สูตรต้านทุจริตศกึ ษา ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 3 ชุดการสอนที่ 2 เรื่อง ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต หน้า34

ชดุ หลักสูตรตา้ นทุจริตศึกษา ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 3 แบบทดสอบก่อนเรียนชุดกิจกรรมที่ 2 เรอ่ื ง ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต 1. ป๎ญหาการทุจริตจะหมดไปจากสังคมไทย หาก 3. คนมีฉนั ทะ 4. คนไม่มีโลภะ คนไทยทุกคนมคี ุณธรรมใด 6. ผู้มีหิริอยใู่ นใจ ชื่อวา่ ไมท่ าความชวั่ เพราะ 1. ความเมตตากรณุ า สาเหตุใด 2. ความซื่อสตั ยส์ ุจรติ 1. กลวั คนเห็น 2. กลวั ติดคุก 3. ความเอื้อเฟื้อเผ่ือแผ่ 3. ละอายคนอน่ื 4. ละอายใจ 4. ความขยันหมน่ั เพียร 7. คนต้มตนุ๋ หลอกลวง ชอ่ื ว่าประพฤตวิ จที จุ ริต 2. ปอ้ มกบั โต้งเปน็ คนท่ีซ่ือสัตยแ์ ละตรงต่อเวลา ขอ้ ใด แลว้ จะไดร้ ับผลอยา่ งไร 1. พูดเท็จ 2. พูดส่อเสยี ด 1. ได้รับความเช่ือถือและเจริญก้าวหน้า 3. พดู คาหยาบ 4. พดู เพอ้ เจ้อ 2. ถกู นนิ ทา 8. การกระทาในขอ้ ใด จดั เป็นมโนสจุ ริต ? 3. ได้รับรางวลั 1. คดิ ดี 2. ทาดี 4. เรยี นเกง่ 3. พดู ดี 4. อวดดี 3. คนไมร่ ูจ้ ักอิ่ม ไมร่ ูจ้ ักพอ ไมร่ ู้จกั เต็ม ดว้ ยป๎จจัย 9. คนท่รี กั ษาความดีของตนไว้ ดจุ เกลอื รกั ษา ๔ จดั เปน็ คนเช่นไร ? ความเค็ม ได้ชอ่ื ว่าปฏิบตั ิตนตามหลกั ของ 1. คนมีมานะ 2. คนมโี ลภะ ปธานธรรมข้อใด 3. คนมีโทสะ 4. คนมี 1. เพียรใหก้ ศุ ลเกิดขนึ้ โมหะ 2. เพยี รระวังบาปไม่ให้เกิด 4. ใครมคี ุณธรรมในดา้ นการพฒั นาสังคม 3. เพยี รละบาปทเี่ กิดขึ้นแลว้ 1. นดิ ตรงต่อเวลา 4. เพยี รรักษากุศลไม่ให้เสอ่ื ม 2. ป้อมเชือ่ ฟง๎ พอ่ แม่ 10.“ไมร่ จู้ ักอาย” เปน็ ลกั ษณะของอบายมุขขอ้ ใด 3. พมิ รกั ษาสาธารณประโยชน์ 1. ด่ืมน้าเมา 2. เท่ยี วกลางคนื 4. เอมไม่ยุง่ เกีย่ วกับอบายมขุ ทั้งปวง 3. คบคนชว่ั 4. เล่นการพนัน 5. คนไม่รู้เหตุ ไมร่ ผู้ ล ไม่รู้ดี ไม่รชู้ ัว่ จัดเป็นคน เช่นไร 1. คนมีโมหะ 2. คนมีโลภะ หนา้ 35

ชุดหลักสตู รตา้ นทุจรติ ศกึ ษา ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 3 ชดุ การสอนท่ี 2.1 ลกั ษณะความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต กจิ กรรม : ลักษณะความละอายและความไม่ทนตอ่ การทุจริต คาชีแ้ จง : 1) คาชแี้ จง : ให้นกั เรียนดวู ีดีทศั นช์ มคลปิ วีดโี อ เรื่อง นอ้ งใหมร่ า้ ยบรสิ ทุ ธิ์ ตอน เกรด 4 วิชาลอก ซึ่งมีเน้ือหาเก่ยี วกับการวางแผน การทจุ รติ ในการสอบ แลว้ วิเคราะห์ และทาสรุป เร่อื งเป็น Mind Mapping นาเสนอผลงานหน้าชั้นเรยี น หนา้ 36

ชดุ หลกั สตู รตา้ นทุจริตศกึ ษา ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 ชดุ การสอนท่ี 2.2 การลงโทษทางสังคมในระดบั โลก กจิ กรรม : การลงโทษทางสังคมในระดบั โลก คาชี้แจง : ใหน้ กั เรียนดูวดี ที ัศนแ์ ลว้ วเิ คราะห์ และทาสรุปเร่ืองเป็น Mind Mapping นาเสนอผลงานหน้า ชนั้ เรียน หนา้ 37

ชุดหลักสตู รตา้ นทุจริตศกึ ษา ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 3 กชิจกดุ รกรามรส:อตนัวทอี่ย2่า.ง3ขอตงัวคอวยาา่มงลขะองาคยวแาลมะลคะวาอมาไยมแ่ทลนะตค่อวกามารไทมจุ่ทรนติ ตอ่ ขกอางรปทรุจะรเทติ ศขตอ่างปๆระใเนทรศะตด่าบั งโลๆกในระดับโลก คาชแ้ี จง : ใหน้ กั เรยี นดวู ดี ีทัศน์แล้ววเิ คราะห์ และทาสรปุ เรือ่ งเป็น Mind Mapping นาเสนอผลงานหนา้ ชั้นเรียน พูดตอ่ ต้านการทจุ รติ รางวลั ป๎ญหาการทุจรติ คอร์รัป ชนะเลิศ ปี 2559 ชนั ไม่ใชเ่ รื่องไกลตัว SCAN ME SCAN ME หน้า38

ชุดหลกั สูตรตา้ นทุจรติ ศกึ ษา ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 3 ใบความรู้ที่ 10 เรื่อง ลกั ษณะความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต ลักษณะของความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ ลกั ษณะของความละอายสามารถแบง่ ได้ 2 ระดับ คือ ความละอายระดับต้น หมายถงึ ความละอาย ไม่กล้าทีจ่ ะทาในสงิ่ ทผ่ี ิด เน่ืองจากกลวั ว่าเมื่อตนเองได้ทาลงไปแล้วจะมีคนรับรู้ หากถูกจับไดจ้ ะได้รบั การลงโทษ หรือได้รบั ความเดือดรอ้ นจากสง่ิ ทตี่ นเองไดท้ าลงไป จึงไม่กล้าทจี่ ะกระทาผิด และในระดับทสี่ องเป็นระดับทส่ี งู คือ แม้ว่าจะไมม่ ีใครรับรู้ หรือเหน็ ในสง่ิ ทต่ี นเองได้ทาลงไปก็ไม่กล้าทจี่ ะทาผิด เพราะนอกจากตนเองจะไดร้ บั ผลกระทบแล้ว ครอบครัว สงั คมก็จะได้รับผลกระทบตามไปด้วย ทั้งช่ือเสียงของตนเอง และครอบครัวก็จะเสอ่ื มเสีย บางคร้ัง การทุจริตบางเร่ืองเปน็ ส่งิ เลก็ ๆ น้อยๆ เชน่ การลอกข้อสอบ อาจจะไม่มีใครใส่ใจ หรือสังเกตเห็น แต่ หากเป็นความละอายขนั้ สงู แล้วบคุ คลนั้นก็จะไม่กล้าทา สาหรับความไม่ทนตอ่ การทุจริต จากความหมายท่ไี ด้กล่าวมาแล้ว คอื เปน็ การแสดงออกอย่างใด อย่างหน่งึ เกดิ ขนึ้ เพื่อใหร้ บั รวู้ า่ จะไม่ทนต่อบคุ คล หรือการกระทาใดๆ ท่ที าให้เกิดการทจุ ริต ความไม่ทนตอ่ การทุจริตสามารถแบ่งระดับต่างๆ ไดม้ ากกวา่ ความละอาย ใช้เกณฑ์ความรนุ แรงในการแบง่ แยก เช่น หาก เพอื่ นลอกขอ้ สอบเรา และเราเห็นซงึ่ เราจะไม่ยนิ ยอมใหเ้ พ่ือนทุจริตในการลอกข้อสอบ เรากใ็ ชม้ อื หรือกระดาษ มาบงั สว่ นที่เป็นคาตอบไว้ เช่นน้ี ก็เป็นการแสดงออกถึงการไมท่ นต่อการทุจรติ นอกจากการแสดงออกดว้ ยวธิ ี ดงั กลา่ วทถี่ ือเป็นการแสดงออกทางกายแล้ว การวา่ กล่าวตกั เตอื นตอ่ บคุ คลทีท่ ุจริต การประณาม การประจาน การชมุ นุมประทว้ ง ถือวา่ เป็นการแสดงออกซึ่งการไม่ทนต่อการทจุ ริตทั้งส้ิน แต่จะแตกต่างกันไปตามระดบั ของ การทุจริต ความตืน่ ตัวของประชาชน และผลกระทบทีเ่ กิดขึ้นจากการทุจรติ โดยทา้ ยบทนี้ได้ยกตวั อย่าง กรณีศึกษาที่มสี าเหตมุ าจากการทุจรติ ทาให้ประชาชนไม่พอใจและรวมตัวต่อตา้ น ความจาเป็นของการทีไ่ ม่ทนต่อการทุจริตถอื เป็นสง่ิ สาคญั เพราะการทุจรติ ไมว่ ่าระดบั เลก็ หรอื ใหญ่ ยอ่ มก่อใหเ้ กิดความเสียหายต่อสังคม ประเทศชาติ ดงั เช่นตัวอยา่ ง คดีรถ และเรือดบั เพลิงของ กรงุ เทพมหานคร ผลของการทุจรติ สร้างความเสียหายไว้อย่างมาก รถและเรือดับเพลงิ ก็ไม่สามารถนามาใช้ได้ รฐั ต้องสูญเสียงบประมาณไปโดยเปลา่ ประโยชน์ และประชาชนเองก็ไม่ไดใ้ ช้ประโยชนด์ ้วยเชน่ กนั หากเกิด เพลิงไหม้พร้อมกนั หลายแหง่ รถ เรอื และอุปกรณด์ บั เพลิงจะไม่มไี ม่เพียงพอทีจ่ ะดบั ไฟได้ทนั เวลา ดงั นั้น หาก ยงั มีการปล่อยใหม้ ีการทจุ ริต ยนิ ยอมใหม้ ีการทุจริต โดยเห็นว่าเป็นเร่อื งของคนอ่นื เป็นเรือ่ งของเจา้ หนา้ ทรี่ ัฐ ไมเ่ ก่ยี วข้องกบั ตนเองแลว้ สุดท้ายความสญู เสยี ท่ีจะไดร้ ับตนเองก็ยังคงท่จี ะได้รบั ผลน้ันอยแู่ มไ้ ม่ใชท่ างตรงก็ เปน็ ทางอ้อม ดงั นน้ั การทีบ่ คุ คลจะเกิดความละอายและความไมท่ นต่อการทุจริตได้จาเป็นอยา่ งยิ่งท่จี ะตอ้ งสรา้ งให้ เกดิ ความตระหนักและรบั รู้ถึงผลกระทบทเ่ี กิดข้นึ จากการทุจรติ ในทกุ รูปแบบ ทกุ ระดับ ซ่ึงหากสังคมเปน็ สังคม ที่มีความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริตแลว้ จะทาให้เกดิ สงั คมที่นา่ อยู่ ใบความรู้ เร่อื ง การลงโทษทางสงั คม (Social Sanctions) การลงโทษทางสังคม (Social Sanctions) คาว่า “การลงโทษโดยสงั คม” หรือเรยี กว่า “การลงโทษทางสังคม” ซึง่ ตรงกบั ภาษาองั กฤษคาว่า “Social Sanction” พจนานุกรมศพั ทส์ ังคมวทิ ยาฉบับราชบณั ฑิตยสถาน (2532 : 361 - 362) ไดใ้ หค้ วามหมายของคา ว่า “Social Sanctions” เปน็ ภาษาไทยว่า สทิ ธานมุ ตั ิทางสังคม หมายถึง การขูว่ า่ จะลงโทษ หรอื การสัญญา หน้า39

ชุดหลกั สูตรตา้ นทุจริตศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 3 วา่ จะให้รางวัลตามที่กลุม่ กาหนดไวส้ าหรบั การประพฤตปิ ฏิบัติของสมาชิก เพ่ือชักนาให้สมาชิกกระทาตาม ข้อบังคับและกฎเกณฑ์ Radcliffe - Brown (1952 : 205) อธบิ ายการลงโทษโดยสังคมว่าเปน็ ปฏกิ ิริยาตอบสนองทางสังคม อยา่ งหนึ่ง และเปน็ การแสดงออกถึงพฤติกรรมที่เป็นด้านตรงกนั ข้ามระหวา่ งการเห็นชอบกับการไม่เห็นชอบ พดู อีกอย่างหน่งึ ก็คอื การลงโทษโดยสังคมนัน้ มีคณุ ลักษณะวิภาษ (Dialectic) คือมีทงั้ ด้านบวก และด้านลบอยู่ ภายในความหมายของตวั เองสาหรบั การลงโทษโดยสงั คมเชิงบวก (Positive Social Sanctions) จะอยใู่ นรปู ของการให้การสนับสนุนหรือการสร้างแรงจูงใจให้แก่ป๎จเจกบุคคล และสังคมใหป้ ระพฤติปฏิบตั ใิ ห้สอดคล้องกบั ปทัสถานของชมุ ชน หรือของสงั คมจากการศึกษายงั พบดว้ ยว่าการลงโทษโดยสังคมเชิงบวกนั้นอาจเปน็ การ สร้างแรงจูงใจให้แก่สังคม เพ่ือยกระดับปทสั ถานของสังคมในระดบั ท้องถ่นิ ให้ไปสอดคล้องกบั ปทัสถานใหมใ่ น ระดบั ระหว่างประเทศ Whitmeyer (2002 : 630-632) กลา่ ววา่ การลงโทษโดยสังคม มที ง้ั เชงิ บวกและเชิงลบเป็น การทางานตามกลไกของสังคม การลงโทษโดยสังคมเป็นมาตรการควบคุมทางสงั คมทตี่ ้องการให้สมาชิกใน สังคมประพฤติปฏบิ ัติตามมาตรฐาน หรอื กฎเกณฑท์ สี่ งั คมยอมรับร่วมกนั เมือ่ สมาชิกปฏบิ ัตติ ามกจ็ ะมีการให้ รางวัลเป็นแรงจูงใจ และลงโทษเมือ่ สมาชิกไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของสงั คมและจะแสดงการไมย่ อมรับสมาชกิ คนหนึง่ หรอื กลุ่มคนกลุม่ หน่ึง โดยสรปุ แลว้ การลงโทษโดยสังคม (Social Sanction) หมายถงึ ปฏิกิรยิ าปฏิบตั ิทางสังคม เป็นมาตรการ ควบคุมทางสงั คมที่ต้องการให้สมาชกิ ในสังคมประพฤตปิ ฏบิ ัตติ ามมาตรฐานหรือกฎเกณฑ์ทส่ี ังคมกาหนด โดยมี ทั้งด้านลบและด้านบวก การลงโทษโดยสังคมเชิงลบ (Negative Social Sanction) เปน็ การลงโทษ โดยการกดดัน และแสดงปฏิกิรยิ าต่อตา้ นพฤตกิ รรมของบคุ คลที่ไม่ปฏิบัตติ ามกฎเกณฑข์ องสังคม ทาให้บคุ คลน้นั เกิดความ อับอายขายหน้า สาหรับการลงโทษโดยสงั คมเชิงบวกหรือ การกระตุน้ สังคมเชงิ บวก (Positive Social Sanction) เป็นการแสดงออกในเชิงสนับสนนุ หรือให้รางวลั เป็นแรงจูงใจ เพ่ือให้บุคคลในสังคมประพฤติปฏิบัติ ตามกฎเกณฑ์ของสังคม การลงโทษทางสังคม เป็นการลงโทษกับบคุ ลทีป่ ฏิบตั ติ นฝา่ ฝืนกับธรรมเนียม ประเพณี หรอื แบบแผน ที่ปฏิบตั ติ ่อๆ กันมาในชมุ ชน มกั ใช้ในลักษณะการลงโทษทางสงั คมเชงิ ลบมากกว่าเชิงบวก การฝ่าฝนื ดังกล่าว อาจจะไมผ่ ิดกฎหมาย แต่ด้วยธรรมเนียมทีป่ ฏิบัตสิ ืบตอ่ กันมานน้ั ถกู ละเมดิ ถูกฝา่ ฝนื หรือถกู ดูหม่ินเกีย่ วกับ ความเชื่อของชมุ ชน ก็จะนาไปสกู่ ารต่อต้านจากคนในชมุ ชน แมว้ า่ การฝ่าฝนื ดงั กล่าวจะไมผ่ ิดกฎหมายกต็ าม และทสี่ าคญั ไปกว่านนั้ หากการกระทาดังกล่าวผดิ กฎหมายด้วยแลว้ อาจสรา้ งใหเ้ กิดความไม่พอใจขึ้นได้ไม่เพยี งแต่ ในชมุ ชนนัน้ แตอ่ าจเกยี่ วเนื่องไปกบั ชุมชนอนื่ รอบข้าง หรอื เป็นชมุ ชนที่ใหญ่ทส่ี ดุ นัน่ คือ ประชาชนท้ังประเทศ ซึง่ การลงโทษทางสังคมมที ้ังด้านบวกและด้านลบ ดังน้ี การลงโทษโดยสังคมเชงิ บวก (Positive Social Sanctions) จะอยู่ในรูปของการให้การสนบั สนุนหรือ การสร้างแรงจูงใจ หรือการให้รางวลั ฯลฯ แก่บคุ คลและสังคม เพื่อให้ประพฤติปฏบิ ตั ิสอดคล้องกับปทัสถาน (Norm) ของสังคมในระดับชุมชนหรือในระดับสงั คม การลงโทษโดยสังคมเชงิ ลบ (Negative Social Sanctions) จะอย่ใู นรูปแบบของการใชม้ าตรการตา่ งๆ ในการจัดระเบยี บสังคม เช่น การวา่ กลา่ วตักเตือน ซ่งึ เป็นมาตรการขั้นต่าสุดเรื่อยไปจนถึงการกดดนั และบีบคั้น หนา้ 40

ชุดหลักสูตรต้านทุจริตศกึ ษา ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 3 ทางจติ ใจ (Moral Coercion) การตอ่ ตา้ น (Resistance) และการประทว้ ง (Protest) ในรูปแบบต่างๆ ไมว่ ่าจะ โดยป๎จเจกบุคคลหรอื การชมุ นุมของมวลชน การลงโทษทางสังคมทางลบ จะสรา้ งใหเ้ กดิ การลงโทษตอ่ บุคคลทถี่ ูกกระทา การลงโทษประเภทน้ี เป็นลงโทษเพื่อให้หยดุ กระทาในสิง่ ที่ไม่ถูกต้อง และบุคคลท่ถี ูกลงโทษจะเกิดการเขด็ หลาบ ไมก่ ล้าท่ีจะทาในส่ิง นน้ั อีก การลงโทษประเภทนี้มีความรนุ แรงแตกต่างกัน ตง้ั แต่ การว่ากล่าวตกั เตือน การนินทา การประจาน การชมุ นุมขับไล่ ซงึ่ เปน็ การแสดงออกถึงการไม่ทน ไม่ยอมรับต่อส่ิงทบ่ี ุคคลอ่นื ได้กระทาไป ดงั น้ัน เมื่อมใี คร ท่ีทาพฤติกรรม เหลา่ นั้นข้ึน จึงเปน็ การสร้างใหเ้ กดิ ความไม่พอใจแกบ่ ุคคลรอบข้าง หรือสังคม จนนาไปสู่การ ต่อต้านดงั กล่าว การลงโทษทางสังคมจะมีความรุนแรงมากหรือน้อย ก็ขึน้ อยู่กับการกระทาของบคุ คลนัน้ วา่ ร้ายแรง ขนาดไหน หากเป็นเรอื่ งเลก็ น้อยจะถูกต่อตา้ นน้อย แต่หากเรื่องน้นั เป็นเรอื่ งรา้ ยแรง เร่ืองทเ่ี กดิ ขึ้นประจา หรือมผี ลกระทบต่อสงั คม การลงโทษกจ็ ะมีความรนุ แรงมากข้นึ ด้วย เช่น หากมกี ารทจุ ริตเกิดข้นึ กอ็ าจนาไป เปน็ ประเด็นทางสงั คมจนนาไปสกู่ ารตอ่ ตา้ นจากสังคมได้ เพราะการทจุ รติ ถอื ว่าเป็นส่ิงที่ไมถ่ ูกตอ้ ง ผดิ กฎหมาย และผดิ ตอ่ ศีลธรรม บ่อยคร้ังท่ีมกี ารทุจรติ เกิดขึ้นจนเปน็ สาเหตุของการชุมนุมประทว้ ง เพ่ือกดดัน ขบั ไล่ให้ บคุ คลนัน้ หยดุ การกระทาดงั กล่าว หรือการออกจากตาแหน่งนัน้ ๆ หรือการนาไปสูก่ ารตรวจสอบและลงโทษ โดยกฎหมาย โดยในหัวข้อสุดท้ายของชุดวชิ านี้ ไดน้ าเสนอตวั อยา่ งที่ได้แสดงออกถึงความไม่ทนต่อการทุจริตท่ี มีการชมุ นุมประท้วง บางเหตุการณผ์ ูท้ ถี่ ูกกล่าวหาได้ลาออกจากตาแหนง่ ซึง่ การลาออกจากตาแหนง่ น้นั ถือ เปน็ ความรับผิดชอบอย่างหนึ่งและเปน็ การแสดงออกถึงความละอายในสิง่ ท่ตี นเองได้กระทา กรณตี ัวอย่าง ความละอาย และความไม่ทนต่อการทุจรติ ในประเทศบราซลิ ประเทศบราซิล ปลายปี พ.ศ. 2559 ประชาชนในประเทศบราซิลไดม้ ีการชมุ นุมประท้วงการทจุ รติ ทีเ่ กิดขน้ึ เปน็ การแสดงออกถงึ ความไม่พอใจต่อวฒั นธรรม การโกงของระบบราชการของประเทศ โดยมี ประชาชนจานวนหลายหม่ืนคนเข้ารว่ มการชุมนมุ ในคร้งั น้ี และมีการแสดงภาพหนู เพ่ือเป็นสัญลกั ษณ์ในการ ประณามต่อนักการเมืองทีท่ ุจริต การประท้วงดังกล่าวยังถือวา่ มขี นาดเลก็ กว่าครง้ั ก่อน เพราะทีผ่ ่านมาได้มีการ ทจุ รติ เกดิ ข้นึ และมีการประท้วง จนในทีส่ ุดประธานาธบิ ดีได้ถกู ปลดจาตาแหน่ง เนอื่ งจากการกระทาท่ีละเมิด ต่อกฎระเบียบเร่ืองงบประมาณ ทมี่ า : https://www.dailynews.co.th/ foreign/540734 หนา้ 41

ชดุ หลักสตู รต้านทุจรติ ศกึ ษา ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 ชุดการสอนท่ี 3 เรื่อง STRONG : จติ พอเพียงต้านทุจริต หน้า42

ชุดหลกั สตู รต้านทุจรติ ศึกษา ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 แบบทดสอบก่อนเรียนชดุ กิจกรรมท่ี 3 เรื่อง STRONG : จิตพอเพียงตา้ นทจุ รติ 1. ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง คอื 2. ยอมรับสภาพสังคมได้ทง้ั สภาพดีและไม่ดี 1. พอประมาณ สมดลุ มีเหตผุ ล 3. มีความพรอ้ มทจี่ ะเผชญิ ตอ่ ผลกระทบและ 2. มีเหตุผล มภี มู ิคมุ้ กัน พอไปวัดไปวา การเปลีย่ นแปลง 3. พอประมาณ มเี หตผุ ล มีภมู คิ ุ้มกนั 4. ดูแลรักษาสุขภาพใหแ้ ข็งแรงอย่เู สมอ 4. มเี หตผุ ล ม่นั คง ยนื ไดด้ ้วยตนเอง 7. การดาเนินชีวิตใหส้ อดคลอ้ งกับหลักปรัชญา 2. ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง เปน็ แนวพระราชดาริ เศรษฐกิจพอเพยี ง ต้องใชห้ ลักธรรมทีส่ าคญั ท่สี ดุ ของรชั กาลใด คืออะไร 1. รชั กาล ท่ี ๗ 1. อริยสจั 4 พรหมวหิ าร 4 2. รชั กาล ที่ ๘ 2. พรหมวหิ าร 4 สังคหวตั ถุ 4 3. รชั กาล ท่ี ๙ 3. สงั คหวตั ถุ 4 อริยสัจ 4 4. รัชกาล ท่ี ๑๐ 4. พรหมวิหาร 4 อิทธบิ าท 4 3. ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง มเี ปา้ หมาย คือ 8. รฐั บาลในอดุ มคติของยคุ เศรษฐกจิ พอเพยี งเปน็ 1. ดาเนินชีวิตได้ทกุ สถานการณ์ อยา่ งไร 2. ดาเนนิ ชวี ิตไดท้ กุ ประเทศ 1. มีวิสยั ทัศน์ ฉลาด กลา้ คดิ กลา้ ทา 3. ดาเนินชีวิตไดท้ ุกวยั 2. แกป้ ญ๎ หาได้ โอบอุม้ ช่วยเหลอื เจอื จนุ 4. ดาเนนิ ชีวิตไดท้ ุกสภาพอากาศ 3. มีวิสัยทัศน์ มคี วามรบั ผิดชอบ ซือ่ สัตย์สจุ ริต 4. หลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงใหค้ วามสาคัญใน 4. มีความรู้ ฉลาด กลา้ ลงทนุ กลา้ เสีย่ ง เรอ่ื งใด 9. ทา่ นเคยได้ยนิ “หลกั 4 พ”การดารงชีวิต 1.คน คุณค่าคุณธรรม ส่วนตัวและชีวติ การงานตามรอยพระยคุ ลบาท 2.คน คุณค่าความเปน็ คน ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสาหรบั ขา้ ราชการ 3.คน คุณค่าความรู้ หรือไม่คอื อะไร 4.คน คุณคา่ ชุมชน 1. พึ่งตนเอง พอดี พอเพียง พอใจ 5. การปฏบิ ตั ิตามหลักความพอเพียงควรเริ่มจากท่ี 2. พอประมาณ พอดี พอเพยี ง พอใจ ใด 3. พอทน พึง่ ตนเอง พอดี พอเพยี ง 1. ตนเอง 4. พรอ้ มเพียง พอดี พอเพียง พอใจ 2. เพื่อน 10. เราจะแก้ไขป๎ญหาวกิ ฤตการณ์ด้าน 3. ครอบครัว ทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างไร 4. ประเทศ 1. ใชท้ รัพยากรอย่างเต็มที่ 6. ความมีภูมคิ ุ้มกนั ทด่ี ีในตวั หมายถึงข้อใด 2. ไมใ่ ชท้ รัพยากรทใ่ี ช้แลว้ หมดไป 1. กลา้ เสีย่ งในการลงทนุ 3. หมุนเวยี นทรพั ยากรกลับมาใชอ้ กี ครัง้ 4. ใช้ทรัพยากรให้หมดเปน็ ไปทีละอย่าง หน้า43

ชุดหลกั สูตรตา้ นทุจริตศกึ ษา ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 ชดุ การสอนที่ 3.1เร่ือง การดาเนนิ การบรษิ ัทสร้างการดโี ดยยึดหลกั STRONG : จติ พอเพยี งตา้ นทจุ ริต ๑ กจิ กรรม STRONG : จติ พอเพยี งตา้ นทจุ รติ คาชีแ้ จง : ให้นกั เรียนดวู ดี ีทศั น์แล้ววเิ คราะห์ และทาสรุปเร่ืองเป็น Mind Mapping นาเสนอผลงานหน้า ชนั้ เรียน “วิถพี อเพียง ไม่เส่ียงคอร์รปั ชัน” SCAN ME หนา้ 44

ชุดหลกั สูตรต้านทุจริตศกึ ษา ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 ชดุ การสอนที่ 3.2 เรอื่ ง การดาเนินการบริษัทสรา้ งการดโี ดยยดึ หลัก STRONG : จิตพอเพียงตา้ นทุจรติ กจิ กรรม บรษิ ัทสร้างการดี คาชีแ้ จง : 1. ให้นกั เรียนดวู ดี ที ศั น์ศกึ ษาบริษัทสร้างการดี 2. นกั เรียนศกึ ษาโครงสร้างบริษัทสร้างการดี จากนนั้ ให้ หวั หน้าห้องเรียนเป็ นผ้ดู าเนนิ การนาอภปิ ราย เพอื่ จดั สมาชิกในห้องเรียนทาหน้าทใ่ี นโครงการสร้างของบริษัท 3. ให้สมาชกิ ในห้องแตล่ ะคนนาเสนอวา่ ตนเองหรือบคุ คล อน่ื ๆ ในห้องเรียนมีความเหมาะสมกบั บทบาทหน้าท่ใี ด 4. ให้สมาชิกในห้องชว่ ยให้วเิ คราะห์ผ้ทู าหน้าทีแ่ ตล่ ะ ตาแหนง่ โดยใช้หลกั การ STRONG : จิตพอเพยี งต้าน ทจุ ริตโดยครูผ้สู อนเน้นยา้ การยอมรับความคดิ เห็นจาก ผ้อู ่ืนด้วยจิตท่ีเป็นธรรม 5. บนั ทกึ ผ้เู ข้ารับตาแหนง่ ในบริษัทสร้างการดีใน โครงสร้ างของบริษัท บรษิ ทั สร้างการดี SCAN ME หน้า45

ชดุ หลักสตู รตา้ นทุจริตศกึ ษา ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 3 ใบความรู้ท่ี 11 เร่อื ง STRONG : จติ พอเพียงต้านทจุ รติ คาอธิบายความหมายของ “STRONG : จติ พอเพยี งตา้ นทุจรติ ” 1) S (sufficient) : ความพอเพียง ผู้นา ผู้บริหาร บุคคลทุกระดับ องค์กรและชุมชนน้อมนาปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง มาปรับประยุกต์เป็นหลักความพอเพียงในการทางาน การดารงชีวิตการพัฒนาตนเอง และส่วนรวม รวมถึงการป้องกันการทุจริตอย่างยั่งยืน ความพอเพียงต่อสิ่งใดส่ิงหน่ึงของมนุษย์แม้ว่าจะ แตกตา่ งกันตามพืน้ ฐาน แต่การตัดสนิ ใจวา่ ความพอเพยี งของตนเองต้องตั้งอยู่บนความมีเหตุ มีผลรวมท้ังต้อง ไม่เบียดเบยี นตนเอง ผู้อ่ืนและส่วนรวมความพอเพียงดังกล่าวจึงเป็นภูมิคุ้มกันให้บุคคลนั้นไม่กระทาการทุจริต ซึง่ ตอ้ งให้ความรู้ ความเขา้ ใจ (knowledge) และปลุกใหต้ ่ืนรู้ (realize) 2) T (transparent) : ความโปร่งใส ผู้นา ผู้บริหาร บุคคลทุกระดับ องค์กรและชุมชน ต้อง ปฏิบัตงิ านบนฐานของความโปรง่ ใส ตรวจสอบได้ ดงั นั้น จงึ ตอ้ งมแี ละปฏิบตั ติ ามหลักปฏิบัติ ระเบียบข้อปฏิบัติ กฎหมาย ดา้ นความโปร่งใส ซง่ึ ตอ้ งใหค้ วามรคู้ วามเขา้ ใจ(knowledge) และปลุกให้ต่ืนรู้ (realize) 3) R (realize) : ความตื่นรู้ ผู้นา ผู้บริหาร บุคคลทุกระดับ องค์กรและชุมชน มีความรู้ความเข้าใจ และตระหนักรู้ถึงรากเหง้าของป๎ญหาและภัยร้ายแรงของการทุจริตประพฤติมิชอบภา ยในชุมชนและประเทศ ความต่นื รู้จะบงั เกิดเม่ือไดพ้ บเห็นสถานการณ์ทเี่ ส่ยี งต่อการทุจรติ ย่อมจะมีปฏิกิริยาเฝ้าระวังและไม่ยินยอมต่อ การทุจริตในท่ีสุดซ่ึงต้องให้ความรู้ความเข้าใจ (knowledge) เก่ียวกับสถานการณ์การทุจริตที่เกิดข้ึน ความ รา้ ยแรงและผลกระทบตอ่ ระดับบคุ คลและสว่ นรวม 4) O (onward) : มุ่งไปข้างหน้า ผู้นา ผู้บริหาร บุคคลทุกระดับ องค์กรและชุมชนมุ่งพัฒนาและ ปรับเปล่ียนตนเองและส่วนรวมให้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน บนฐานความโปร่งใสความพอเพียงและ ร่วมสร้างวัฒนธรรมสุจริตให้เกิดข้ึนอย่างไม่ย่อท้อ ซ่ึงต้องมีความรู้ความเข้าใจ (knowledge) ในประเด็น ดังกล่าว 5) N (knowledge) : ความรู้ ผู้นา ผู้บริหาร บุคคลทุกระดับ องค์กรและชุมชน ต้องมีความรู้ความ เขา้ ใจสามารถนาความรไู้ ปใช้ สามารถวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ ประเมนิ ได้อย่างถ่องแท้ ในเรื่อง สถานการณ์ การ ทุจริต ผลกระทบที่มีต่อตนเองและส่วนรวม ความพอเพียงต้านทุจริต การแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตัวและ ผลประโยชนส์ ่วนรวมท่มี คี วามสาคัญย่งิ ตอ่ การลดการทจุ รติ ในระยะยาว รวมท้ัง ความอายไม่กล้าทาทุจริตและ ความไมท่ นเม่อื พบเหน็ วา่ มกี ารทุจริตเกดิ ขนึ้ เพอ่ื สรา้ งสังคมไม่ทนตอ่ การทจุ รติ 6) G (generosity) : ความเอื้ออาทร คนไทยมีความเอ้ืออาทร มีเมตตา น้าใจ ต่อกันบนฐานของจิต พอเพียงตา้ นทจุ รติ ไมเ่ ออ้ื ตอ่ การรบั หรือการให้ผลประโยชน์หรอื ต่อพวกพ้อง หน้า46

ชดุ หลักสตู รต้านทุจริตศกึ ษา ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 กจิ กรรม : นกั เรียนสามารถนาความรู้ หลกั การของ STRONG : จติ พอเพยี งตา้ นทจุ รติ มาใช้ในการ การดาเนนิ การบริษัทสร้างการดี อยา่ งไร หนา้ 47