Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือสำหรับครูหลักสูตรต้านทุจริต ม.2

คู่มือสำหรับครูหลักสูตรต้านทุจริต ม.2

Description: คู่มือสำหรับครูหลักสูตรต้านทุจริต ม.2

Search

Read the Text Version

ค่มู อื สาหรบั ครู ชดุ หลกั สูตรตา้ นทุจรติ ศึกษา ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2

คู่มอื สาหรับครู ชุดหลกั สูตรต้านทุจรติ ศึกษา ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 2 หน่วยท่ี 1 การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตน และผลประโยชน์ส่วนรวม

คู่มอื สาหรับครู ชุดหลักสตู รตา้ นทุจริตศึกษา ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 เรือ่ งเรื่อสงาเสหาเตหุขตอขุ งอกงกาารรททุจจุ รริตติ แแลลเะเฉะฉทลทลศิ ยิศทยใทบาใงบงากางงนาการทนาป่ี ร1อ้ทปง่ี ก1อ้ นั งกกาันรกทจุารริตทใุจนรปิตระในเทปศรไทะยเทศไทย คาชี้แจง ให้นกั เรียนตอบคาถามดงั ต่อไปน้ี 1. เขียนสาเหตขุ องการทจุ ริตที่ท่ีนอกเหนือจากส่งิ ทีไ่ ด้ศกึ ษาจากใบความรู้ (เขยี นตอบเป็นข้อๆ) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………ตา…ม…ด…ุล…ยพ…นิ …ิจ…ข…อง…ค…ร…ผู ้สู…อ…น………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ให้นกั เรียนเขยี นผังความคดิ (Mind Map) สาเหตขุ องการทุจริตและทศิ ทางการป้องกนั การทจุ รติ ใน ประเทศไทย ตามดลุ ยพินิจของครูผสู้ อน

คู่มือสาหรับครู ชดุ หลกั สตู รต้านทุจรติ ศึกษา ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 2 เร่ือง สาเหตุของการทุจรติ และผเลฉเขฉลอลยงยใกบใบางรางทนานทุจทร่ี 2ติ ่ี 2ทสี่ ง่ ผลต่อประเทศในระดบั อาเซียน 1. ระบบเลข “ฐานสบิ ” (decimal number system) หมายถึง ระบบเลข “ฐานสบิ ” (decimal number system) หมายถึง ระบบเลขทมี่ ีตวั เลข 10 ตัว คือ 0, 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 เป็นระบบคิดเลขท่เี ราใช้ในชวี ติ ประจาวนั กนั มาตั้งแตจ่ าความกนั ได้ไม่วา่ จะเป็นการใช้บอก ปรมิ าณหรอื บอกขนาดช่วยให้เกิดความเข้าใจท่ตี รงกันในการส่ือความหมายสอดคล้องกบั ระบบ “Analog” ที่ ใชค้ ่าต่อเนื่องหรือสัญญาณซง่ึ เปน็ ค่าตอ่ เนื่องหรือแทนความหมายของข้อมลู โดยการใชฟ้ ังก์ช่ันท่ตี ่อเน่ืองหรือ Continuous 2. หากเจา้ หนา้ ที่ของรฐั นาประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชนส์ ว่ นรวมมาปะปนกนั โดยแยกประโยชนส์ ว่ นตน และประโยชน์ส่วนรวมออกจากกนั ไมไ่ ด้จะส่งผลอย่างไรกบั ประเทศในกลุม่ อาเซียน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………ต…าม…ด…ุล…ยพ…ิน…ิจ…ข…อ…งค…ร…ผู …สู้ อ…น………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… คาชีแ้ จง ให้นกั เรียนวิเคราะห์ ผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวม โดยใช้ระบบคดิ ฐาน ๒ 3. จากตารางให้ระบายสเี หลืองในช่องท่เี ป็นผลประโยชน์ส่วนตน และระบายสีเขียวในประโยคทเี่ ปน็ ผลประโยชน์ส่วนร่วม ธนากรบริจาคทีด่ ินถวายวดั กนฐิ าตัง้ ใจทางานเพ่ือให้ได้เล่ือนตาแหนง่ ปกรณ์แบง่ มรดกใหก้ บั ลกู ทง้ั 4 คน สายใจไปงานทาบุญขน้ึ บา้ นใหม่ของสดุ า สุดใจไม่สนับสนนุ ร้านค้าท่ีขายสินคา้ บนทางเทา้ กงิ่ แกว้ เหน็ คนเข้าไปตดั ไม้ในเขตปา่ สงวนจงึ โทรแจง้ ตารวจ สุทินเป็นตารวจตงั้ ใจทาคดียงิ นกั ศึกษาเสยี ชวี ติ บนรถ โดยสารสาธารณะเพราะได้รบั เงนิ จากญาตผิ ้เู สียชีวิต หมูบ่ า้ นของต้นกลา้ ประสบภายน้าทว่ ม จึงเปิดบัญชี เพอ่ื รับบรจิ าคเงนิ ชว่ ยเหลอื ผู้ประสบภัยน้าทว่ ม 10,000 บาท ในการเรง่ รัดและติดตามคดี หลงั จากไดร้ บั เงินบรจิ าค ตน้ กล้าเกบ็ เงนิ ไว้ครึง่ หนงึ่ สาหรับบา้ นตนเองและอีกครึง่ หนง่ึ แบ่งให้คนใน หมบู่ า้ นทุกคนคนละเทา่ กบั

คมู่ ือสาหรบั ครู ชดุ หลักสูตรตา้ นทุจรติ ศึกษา ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 เเฉฉลลยยใใบบงงาานนทท่ี ่ี33 เรเอื่รอ่ืงงรรปู ูปแแบบบบขขอองงกกาารรขขัดดั กกันันรระะหหวว่า่างงผผลลปปรระะโโยยชชนนส์ ส์ ่วว่ นนตตนนแแลละะผผลลปประระโยโยชชนนส์ ่วส์ นว่ รนวรมวม คาชี้แจง 1. ใหน้ ักเรียนเขยี นผังความคิด (Mind Map) รูปแบบของการขัดกนั ระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตนและ ผลประโยชนส์ ว่ นรวม ตามดลุ ยพินิจของครูผู้สอน

คมู่ ือสาหรบั ครู ชุดหลักสตู รตา้ นทุจริตศึกษา ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 2. Conflict of Interests แปลเป็นภาษาไทยว่าอย่างไร การขัดกันระหว่างประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชน์ส่วนรวม 3. “ประโยชนส์ ว่ นตน (Private Interests) คือ ประโยชน์ส่วนตน (Private Interests) คือ การทบี่ ุคคลทวั่ ไปในสถานะเอกชนหรือเจ้าหน้าทข่ี องรัฐในสถานะ เอกชนได้ทากจิ กรรมหรือได้กระทาการต่างๆ เพ่อื ประโยชนส์ ว่ นตน ครอบครวั เครอื ญาติ พวกพ้อง หรือของ กลุ่มในสงั คมท่ีมีความสมั พันธก์ นั ในรปู แบบตา่ งๆ 4. “ประโยชน์สว่ นรวมหรือประโยชนส์ าธารณะ (Public Interests) คือ “ประโยชน์ส่วนรวมหรือประโยชน์สาธารณะ (Public Interests) คือ การที่บุคคลใดๆ ในสถานะท่ี เป็นเจา้ พนักงานของรฐั ทร่ี ัฐธรรมนญู กาหนด กรรมการ ผู้ดารงตาแหนง่ ในองค์กรอิสระ และเจา้ พนักงานของ รฐั ทค่ี ณะกรรมการ ป.ป.ช. ประกาศกาหนด ได้กระทาการใดๆ ตามหนา้ ที่หรือไดป้ ฏิบัตหิ นา้ ที่อนั เปน็ การ ดาเนินการในอีกส่วนหนงึ่ ทแี่ ยกออกมาจากการดาเนินการตามหน้าท่ีในสถานะของเอกชน การกระทาการใดๆ ตามหนา้ ที่ของเจ้าพนกั งานของรฐั จงึ มีวตั ถุประสงคห์ รือมเี ป้าหมายเพ่ือประโยชน์ของสว่ นรวม 5. รูปแบบของการขัดกนั ระหว่างประโยชน์สว่ นตนและประโยชนส์ ่วนรวม ออกเปน็ 7 รูปแบบ อะไรบา้ ง ๑) การรับผลประโยชน์ตา่ งๆ (Accepting benefits) ๒) การทาธรุ กิจกับตนเอง (Self - dealing) หรือเป็นคู่สญั ญา (Contracts) ๓) การทางานหลงั จากออกจากตาแหน่งหน้าที่สาธารณะหรอื หลงั เกษียณ (Post -employment) ๔) การทางานพเิ ศษ (Outside employment or moonlighting) ๕) การร้ขู ้อมลู ภายใน (Inside information) ๖) การใชท้ รพั ย์สนิ ของราชการเพอื่ ประโยชน์ธุรกจิ ส่วนตวั (Using your employer’s property for private advantage) ๗) การนาโครงการสาธารณะลงในเขตเลือกตง้ั เพื่อประโยชน์ทางการเมอื ง (Pork - barreling)

ค่มู อื สาหรับครู ชดุ หลกั สูตรต้านทุจรติ ศึกษา ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 เฉลยใบงานนทท่ี ี่44 เรือ่ ง การขดั กันระหว่างประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชนส์ ่วนรวมในรปู แบบต่างๆ คาชแี้ จง ใหน้ ักเรียนเขียนการขดั กันระหวา่ งประโยชนส์ ่วนตนและประโยชน์สว่ นรวมมา 4 รปู แบบ พร้อม ยกตวั อย่าง 1.…………………………………………………… 2.…………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ตวั อยา่ ง…………………………………………… ตัวอยา่ ง…………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… …………… …………… การขัดกันระหว่าง ประโยชนส์ ่วนตนและ ประโยชน์สว่ นรวมใน รูปแบบตา่ งๆ 3.…………………………………………………… 4.…………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ตัวอยา่ ง…………………………………………… ตัวอยา่ ง…………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… …………… …………… ตามดลุ ยพินิจของครผู ู้สอน

คู่มอื สาหรบั ครู ชุดหลกั สูตรต้านทุจริตศึกษา ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ใบงานท่ี 5 เรอ่ื ง การทจุ รติ ทเี่ กิดขน้ึ ภายในระดบั ประเเทฉศลแยลใบะจงารนยิ ทธร่ี 5รมที่ใช้ในการป้องกนั การทุจริตในระดับประเทศ เร่อื ง การทุจรติ ทเ่ี กิดขึ้นภายในระดบั ประเทศและจรยิ ธรรมท่ีใช้ในการป้องกนั การทุจรติ ในระดบั ประเทศ คาชแ้ี จง จากท่ีได้อ่านใบความรู้ที่ 5 เรื่องสถานการณจ์ าลอง ให้นักเรียนยกตัวอยา่ งจริยธรรมทใ่ี ชใ้ นการ ป้องกนั การทจุ รติ ตามสถานการณจ์ าลองดงั ต่อไปน้ี 1. จรยิ ธรรมท่ีใชใ้ นการป้องกนั การทุจรติ สถานการณ์ท่ี ๑ เรือ่ ง การทางานพิเศษ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 2. จริยธรรมทใ่ี ชใ้ นการป้องกนั การทุจริต สถานการณท์ ่ี ๒ เรื่อง การรูข้ ้อมูลภายใน ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 3. จริยธรรมที่ใชใ้ นการป้องกนั การทุจริต สถานการณ์ที่ ๓ เรอ่ื ง การใช้ทรัพย์สนิ ของราชการเพอื่ ประโยชน์ สว่ นตน ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ตามดุลยพินจิ ของครูผู้สอน

คมู่ ือสาหรับครู ชุดหลักสตู รต้านทุจริตศึกษา ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 เฉลยใบงานที่ 6 เรือ่ ง ผลประโยชนท์ ับซ้อน (Conflict of interests) คาชี้แจง ใหน้ ักเรียนตอบคาถามดงั ต่อไปน้ี 1. ผลประโยชน์ทบั ซอ้ น หมายความว่าอยา่ งไร ผลประโยชน์ทับซ้อน หรือการขัดกันของผลประโยชน์ (Conflict of interests) คือ สถานการณ์ที่บุคคลผู้ ดารงตาแหน่งอันเป็นที่ไว้วางใจ เกิดความขัดแย้งข้ึนระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชน์ทางวิชาชีพ (professional interests) อันส่งผลให้เกิดปัญหาท่ีเขาไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเป็นกลาง / ไม่ลาเอียง ผลประโยชน์ทับซ้อนที่เกิดข้ึน อาจส่งผลให้เกิดความไม่ไว้วางใจที่มีต่อบุคคลผู้น้ันว่าเขาจะสามารถปฏิบัติงาน ตามตาแหน่งให้อยู่ในครรลองของคุณธรรมจรยิ ธรรมได้มากน้อยเพียงใด 2. การคอรร์ ปั ชันเชิงนโยบาย” (Policy Corruption) หมายความวา่ อยา่ งไร “การคอร์รัปชันเชิงนโยบาย” (Policy Corruption) เป็นรูปแบบหนึ่งของผลประโยชน์ทับซ้อน เป็น การใชต้ าแหน่งหน้าทีส่ าหรับมงุ่ ตอบสนองต่อผลประโยชนส์ ว่ นตัวและหรอื พรรคพวก 3. ให้นกั เรียนยกตัวอย่างสาเหตกุ ารเกดิ ผลประโยชน์ทับซอ้ นในระดับประเทศและวิธีแก้ปญั หา .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ......................................................................................................................................................... ..................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. ................................ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................... .......................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ตามดลุ ยพนิ ิจของครผู สู้ อน

คู่มือสาหรับครู ชุดหลกั สตู รต้านทุจริตศึกษา ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 เฉลยใบงานท่ี 7 เร่ือง รปู แบบของผลประโยชนท์ ับซ้อน คาช้แี จง ใหน้ ักเรยี นเขยี นผังความคิด (Mind Map) รปู แบบของผลประโยชน์ทับซ้อน ตามดุลยพนิ จิ ของครูผู้สอน

คูม่ อื สาหรับครู ชดุ หลกั สูตรตา้ นทุจริตศึกษา ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 2 เฉใลบยงใาบนงทานี่ 8ที่ 8 เรเ่อืร่อืงงแแนนววททาางงกกาารรปป้อ้องงกกันันผผลประโยชนท์ บั ซซอ้ อ้ นน 1. หลกั สาคญั ของการจดั การผลประโยชนท์ ับซ้อนมีอะไรบา้ ง 1. ชุมชนคาดหวังให้เจา้ หนา้ ที่ปฏิบตั งิ านอยา่ งเปน็ ธรรม 2. ความซอื่ ตรงต่อหนา้ ทข่ี องเจา้ หน้าที่ยงั เปน็ รากฐานของหลักนติ ธิ รรม 3. ถ้าไม่จดั การผลประโยชน์ทับซ้อนอยา่ งมีประสิทธภิ าพเจ้าหน้าทีก่ จ็ ะละเลยประโยชน์สาธารณะ 4. หน่วยงานภาครัฐต้องจัดการผลประโยชน์ทับซ้อนอยา่ งโปรง่ ใส 5. ปจั จุบนั ขอบเขตของผลประโยชน์ทบั ซ้อนขยายมากกว่าเดิม 6. หนว่ ยงานควรตระหนักวา่ ผลประโยชนท์ ับซ้อนจะเกดิ ข้ึนในการทางาน 7. หน่วยงานตอ้ งขจดั ความเข้าใจผิดทว่ี ่าผลประโยชน์ทับซอ้ นเปน็ เร่อื งผิดในตวั มันเอง 8. ผลประโยชน์ทบั ซ้อนจะเปน็ ส่ิงผิดกต็ อ่ เมอ่ื มีอิทธพิ ลตอ่ การทางานหรือการตัดสินใจ 2. เหตุใดการจัดการผลประโยชนท์ บั ซอ้ นจงึ สร้างประโยชน์มากมายแก่หนว่ ยงาน - ลดการทุจรติ ประพฤติมชิ อบ - สามารถแก้ข้อกล่าวหาเรื่องความลาเอยี งได้งา่ ย - แสดงความยึดม่นั ในหลักธรรมมาภิบาล - ประชาชนเชอื่ ม่ันว่าหนว่ ยงานปฏบิ ตั หิ นา้ ที่อย่างเป็นธรรมและไม่มีผลประโยชน์ 3. จงอธบิ ายหลกั การสาหรบั การจัดการผลประโยชนท์ ับซ้อน 1. ปกป้องผลประโยชน์สาธารณะ 2. สนบั สนุนความโปร่งใสและพรอ้ มรบั ผิด 3. ส่งเสริมความรบั ผดิ ชอบสว่ นบคุ คลและปฏิบตั ิตนเป็นแบบอย่าง 4. สร้างวัฒนธรรมองค์กร 4. ให้นกั เรยี นเขียนแนวทางการป้องกนั การทุจริตการหาผลประโยชนท์ ับซอ้ นในระดับประเทศ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ตามดุลยพินจิ ของครูผสู้ อน

คมู่ ือสาหรับครู ชุดหลกั สูตรต้านทุจริตศึกษา ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 หนว่ ยท่ี ๒ ความละอายและความไม่ทนต่อทุจริต

คู่มอื สาหรับครู ชุดหลักสูตรต้านทุจรติ ศึกษา ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 เฉลเฉยลใบยงใาบนงทานี่ 9ท่ี 9 เรือ่ ง ทาการบ้าน / ชน้ิ งาน มีทัง้ ข้อดี และข้อเสีย คาช้แี จง ใหน้ กั เรยี นเขยี นผงั มโนทศั น์ผลดีและผลเสียเกย่ี วกับการทาการบ้าน / ช้ินงาน ผลดี ทาการบ้าน / ชิ้นงานเอง ผลเสยี ไม่ทาการบ้าน / ช้นิ งานเอง ตามดลุ ยพนิ ิจของครผู ูส้ อน

คมู่ อื สาหรบั ครู ชดุ หลักสตู รต้านทุจริตศึกษา ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 เรอ่ื งเรก่อื างรกลงาโรทเลฉษงลโทเยทฉาใษลงบสยทงังใาาคบนงมงส1าใังนน0ครทมะ่ีใด1นบั 0รปะรดะับเทปศระเทศ 1. ให้นักเรียนแต่งคาขวัญรณรงค์ เรอื่ ง บทลงโทษทางสงั คม .................................................................................................................................................................................................... ...........................................................................ต...า..ม...ด...ุล..ย...พ...นิ...จิ...ข..อ...ง..ค...ร..ูผ...สู้ ..อ...น............................................................................ .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... 2. Social Sanctions หมายถงึ กลไกชนิดหน่ึงของสังคม ที่สงั คมใชเ้ ปน็ บรรทัดฐาน (Norm) หรือเคร่ืองมือในการควบคุมพฤติกรรมของ บรรดาสมาชิกในสังคมให้สามารถอยรู่ ่วมกันได้อย่างราบร่ืน เช่น การแสดงออกท่ีไม่เหน็ ชอบด้วยโดยการใชก้ าร ลงโทษโดยสังคมเชงิ ลบกับบุคคล ครอบครัว องค์กร สถาบนั ชนชาติ หรือประเทศแห่งหนึ่งๆ เพ่ือให้เกิดการจัด ระเบียบขององค์กรหรือของโลก เปน็ ส่วนหนึ่งของประเพณีปฏิบัตแิ ละการเห็นพ้องรว่ มกันในสงั คม และเปน็ การ สรา้ งข้อผูกพันทางสังคมร่วมกัน 3. ใหน้ กั เรียนอธบิ าย \"การลงโทษทางสังคม Social Sanction” พอสงั เขป การตรวจสอบและการสรา้ งปฏิกิริยาปฏิบตั ทิ างสังคม ซง่ึ สามารถทาไดท้ ้งั 2 มติ คิ ือ เชงิ ลบและเชิง บวก การลงโทษโดยสงั คมเชิงลบ (Negative Social Sanction) การกระทาต่อตา้ นบุคคล ครอบครัว เพ่ือ กดดนั และแสดงปฏิกิริยาต่อต้านพฤติกรรมท่ีเบ่ยี งเบนจากความถูกต้องเป็นธรรม ผิดไปจากมาตรฐานเรอื่ ง สังคมทดี่ ี และการ กระตนุ้ สังคมเชิงบวก (Positive Social Sanction) การแสดงออกในเชงิ สนับสนนุ หรอื ให้ รางวัลเป็นแรงจูงใจโดยหวังผลลัพธ์เพ่ือสร้างให้เกิดพลงั พลเมืองรว่ มต่อตา้ นคอรร์ ัปชันโดยไม่เกรงกลวั ตอ่ อานาจมืด

คูม่ ือสาหรบั ครู ชดุ หลกั สตู รตา้ นทุจริตศึกษา ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 2 เฉลยใบงานที่ 11 เรื่อง รสู้ ึกอย่างไรกบั ภาพตอ่ ไปน้ี คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นดภู าพและวิเคราะห์วา่ ภาพดงั กล่าวเกิดผลเสียอย่างไร มวี ธิ กี ารแก้ไขอย่างไร ผลเสีย คือ -ได้คนไม่เก่งเขา้ มารับราชการตารวจ -ทาใหห้ นว่ ยงานไม่มีประสทิ ธิภาพ -ลดขีดความสามารถในการทางานของราชการ วธิ ีการแกไ้ ข -ปลูกฝังคา่ นยิ มต่อต้านการทุจรติ - ชว่ ยกันกระจายข่าวการโกง เกดิ การลงโทษทางสังคม ผลเสยี คือ -ได้คนไม่เก่งเขา้ มารับราชการครู -ลดขดี ความสามารถในการทางานของราชการ -สนิ้ เปลอื งงบประมาณ วธิ กี ารแกไ้ ข -ปลูกฝงั คา่ นิยมต่อตา้ นการทุจริต -ชว่ ยกันกระจายข่าวการโกง เกิดการลงโทษทางสังคม ผลเสีย คือ -เปน็ ตวั อย่างท่ีไม่ดแี ก่คนอื่นๆ -คนอื่นเสยี กาลังใจในการอ่านหนะงสอื สอบ วธิ กี ารแกไ้ ข - ปลูกฝังคา่ นิยมต่อตา้ นการทุจริต -ช่วยกันกระจายข่าวการโกง เกดิ การลงโทษทางสงั คม ตามดุลยพนิ ิจของครผู ูส้ อน

ค่มู อื สาหรบั ครู ชุดหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 หนว่ ยท่ี 3 STRONG : จิตพอเพียงตา้ นทุจริต

คูม่ ือสาหรับครู ชุดหลกั สูตรต้านทุจรติ ศึกษา ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 2 เฉลยใบงานที่ 12 เร่ือง การประกอบอาชีพโดยใช้วัสดทุ ้องถน่ิ ตามหลกั STRONG : จิตพอเพียง ต้านทจุ ริต 1. จากใบความรู้ เร่ือง ขา่ ว การทจุ รติ “พลตารวจโทพงศ์พฒั น์ ฉายาพันธ์ุ” หากนักเรยี นเปน็ ผู้รบั รู้เก่ยี วกบั การทุจรติ ของท่าน นกั เรียนจะดาเนนิ การอยา่ งไรในฐานะผู้ต้านการทุจริต .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... 2. หากทุกคนในประเทศเลือกประกอบอาชีพทีส่ ุจรติ จะสง่ ผลอย่างไรกับคนในสงั คม .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... ตามดุลยพนิ ิจของครผู สู้ อน

คมู่ อื สาหรับครู ชดุ หลักสตู รตา้ นทุจริตศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เฉลใบยใงบานงาทนี่ 1ท2ี่ 1.12.1 เเรร่ือือ่ งง จจิติตพพออเเพพยีียงงตตา้้านนกกาารรททุจุจรริติต คาช้ีแจง ใหน้ ักเรยี นเขียนผังความคดิ พฤติกรรมการทุจรติ โดยไมม่ ีความพอเพยี ง ************************************************************************************************* -เบียดบังเอาทรัพยท์ างราชการ -การให้ของขวัญท่ีมีมูลคา่ สงู มาเปน็ ของตน เพื่อประโยชน์บางอย่าง พฤติกรรมท่ีทุจริตโดย ไมม่ ีความพอเพียง -ทุจรติ เก่ยี วกับการจัดซือ้ จัดจ้าง -ใช้อานาจในตาแหน่งหน้าที่โดย มชิ อบ -ทจุ ริตโดยการยักยอกทรัพย์ ตามดุลยพนิ จิ ของครผู ูส้ อน

คมู่ ือสาหรับครู ชุดหลักสตู รต้านทุจรติ ศึกษา ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 หน่วยที่ ๔ พลเมอื งกับความรบั ผิดชอบต่อสงั คม

คู่มอื สาหรับครู ชุดหลักสูตรต้านทุจรติ ศึกษา ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 2 เฉลเฉยลใบยใงบางนาทนี่ ท1่ี 313 เร่อื เงร่ืองคอป์ งคระ์ปกรอะบกอขบอขงกอางกรศารึกศษกึ าษคาวคาวมาเมปเน็ปพน็ พลเลมเมอื งือง ตอนที่ 1 ๑. พลเมืองดตี ามวิถีประชาธิปไตย มีความสาคัญอยา่ งไร คนท่ยี ึดหลกั ตามประชาธิปไตยในการดารงชีวติ ปกิบตั ิตนอยู่ในจริยธรรมท่ีดงี าม ประพฤติตนในกรอบสิทธิ เสรีภาพและหน้าท่ีของการเป้นพลเมอื งดี รวมทง้ั ช่วยสง่ เสริมให้ผู้อ่นื ปฏบิ ตั ติ นเปน้ พลเมืองดี การมองเหน็ คณุ ค่าของวถิ ปี ระชาธปิ ไตยจะชว่ ยให้สงั คมมีความม่นั คง ปลอดภัยและสงบสขุ มากข้นึ ตอนท่ี 2 คาชแ้ี จง ให้นักเรียนบอกวธิ กี ารปฏบิ ัติตนตามสิทธิ เสรีภาพ และหน้าท่ีที่รับผดิ ชอบของตนเองและผอู้ ่ืน 2. การปฏบิ ตั ติ นตามสิทธิ เสรภี าพ และหนา้ ที่ท่ีรับผิดชอบของตนเอง 1. ความจงรกั ภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ หมายถึง การตระหนักในความสาคัญของความ เป็นชาติไทย การยึดมั่นในหลักศีลธรรมของศาสนา และการจงรักภกั ดีต่อพระมหากษตั ริย์ 2. ความมรี ะเบยี บวนิ ยั หมายถงึ การยึดมน่ั ในการอย่รู ว่ มกันโดยยดึ ระเบียบวินัย เพือ่ ความเปน็ ระเบยี บเรยี บรอ้ ยในสังคม 3. ความกลา้ ทางจริยธรรม หมายถึง ความกลา้ หาญในทางที่ถูกทีค่ วร 4. ความรับผิดชอบ หมายถึง การยอมเสียผลประโยชน์ส่วนตนเพ่ือผอู้ ืน่ หรอื สงั คมโดยรวมได้รับ ประโยชน์จากการกระทาของตน 5. การเสยี สละ หมายถงึ การยอมเสียผลประโยชน์ส่วนตนเพ่อื ผู้อื่น หรือสังคมโดยรวมได้รบั ประโยชนจ์ ากการกระทาของตน 6. การตรงตอ่ เวลา หมายถงึ การทางานตรงตามเวลาทไี่ ด้รับมอบหมาย 3. การปฏิบตั ิตนตามสิทธิ เสรภี าพ และหนา้ ที่ที่รบั ผิดชอบของผู้อ่ืน 1. การปฏบิ ัติตนให้เป็นพลเมืองดีในวิถีประชาธิปไตย โดยยดึ ม่ันในคณุ ธรรมจริยธรรมมของศาสนา และหลักการของประชาธปิ ไตยมาใชใ้ นวิถกี ารดารงชีวิตประจาวนั เพอื่ เป็นแบบอยา่ งทด่ี แี กค่ นรอบขา้ ง 2. เผยแพร่ อบรม หรอื สงั่ สอนบคุ คลในครอบครัว เพ่ือนบ้านคนในสังคมใหใ้ ช้หลักการทาง ประชาธิปไตยเป็นพืน้ ฐานในการดารงชวี ิตประจาวัน 3. สนับสนนุ ชุมชนในเร่ืองทเ่ี กย่ี วกบั การปฏิบัตติ นให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยการบอกเล่า เขียน บทความเผยแพร่ผ่านสอ่ื มวลชน 4. ชักชวน หรอื สนับสนนุ คนดมี ีความสามารถในการมีสว่ นรว่ มกบั กจิ กรรมทางการเมืองหรือกจิ กรรม สาธารณประโยชนข์ องชมุ ชน 5. เป็นหูเป็นตาให้กบั รฐั หรอื หน่วยงานของานรฐั ในการสนบั สนนุ คนดี และกาจัดคนทเ่ี ปน็ ภยั กับสงั คม การสนบั สนุนให้ผู้อืน่ ปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีในวิถีประชาธปิ ไตย ควรเป็นจติ สานึกท่ีบุคคลพึงปฏบิ ตั ิเพื่อให้เกดิ ประชาธปิ ไตยอย่างแท้จริง

คมู่ ือสาหรบั ครู ชุดหลักสตู รต้านทุจริตศึกษา ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 2 ใเบฉงลายนท่ี 14 เรือ่ ง ระเบยี บ กฎ กติกา กฎหมาย 1. ระเบียบ หมายถงึ แบบแผนทีว่ างไว้เป็นแนวปฏิบตั หิ รือดาเนินการ เช่น ระเบยี บวนิ ยั ระเบยี บข้อบังคบั ต้องปฏบิ ตั ิตาม ระเบียบ 2. กฎ (Law) หมายถึง ทฤษฎีทสี่ ามารถอธบิ ายปรากฏการณใ์ นธรรมชาติได้อย่างกวา้ งขวางเป็นเวลานานจนเป้นทยี่ อมรบั สามารถ ทดสอบผลไดเ้ หมือนเดิมทุกๆครง้ั โดยไม่มีขอ้ โตแ้ ย้งใดๆ เพราะเปน็ ความจรงิ ทไี่ มเ่ ปลยี่ นแปลงการวิเคราะห์ ขอ้ มูลและสรุปผล 3. กติกา คือ ข้อความท่ีไดท้ าความตกลงกันแล้ว หมายถึง กฏเกณฑ์หรอื ข้อตกลงท่ีบุคคลตั้งแต่ 2 ฝ่ายขนึ้ ไป กาหนดข้ึน เปน้ หลักปฏบิ ตั ิ เชน่ ในการเล่นกฬี า หรือการเลน่ เกมต่างๆ มกี ติกาทผี่ เู้ ล่นตอ้ งปฏิบัติตามท้ังในการเล่น การแพ้ ชนะ การปรบั การลงโทษ 4. กฎหมาย คือ เป็นกฎเกณฑ์ ข้อบังคบั ทใี่ ช้ควบคมุ ความประพฤตขิ องมนษุ ยใ์ นสังคม กฎหมาย มีลกั ษณะเป็นคาส่ัง ขอ้ ห้าม ทีม่ าจากผุ้มีอานาจสูงสดุ ในสงั คมใชบ้ ังคบั ได้ท่วั ไป ใครฝ่าฝืนจะต้องได้รบั โทษหรือสภาพบังคบั อย่างใด อยา่ งหนง่ึ 5. ใหน้ ักเรยี นบอกลกั ษณะของการเป็นพลเมืองดี 3 ขอ้ (อยู่ในดลุ ยพินิจขอครผู สู้ อน/ที่ปรึกษา)

ค่มู ือสาหรับครู ชดุ หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ใบงานที่ 15 เร่ือง บทบาทหนา้ ท่ีของเยาวชนทม่ี ีต่อสงั คมและประเทศชาติ คาช้ีแจง ใหน้ ักเรียนเขียนสรุปเปน็ ผงั ความคดิ จากการศกึ ษาใบความรู้ เร่ือง บทบาทและหนา้ ที่ของเยาวชนท่ี มตี อ่ สงั คมและประเทศชาติ (อยใู่ นดุลยพินิจขอครูผสู้ อน/ทปี่ รกึ ษา)

ค่มู อื สาหรับครู ชุดหลักสตู รตา้ นทุจริตศึกษา ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 ใบงานท่ี 16 เรอ่ื ง สานึกพลเมือง/ความรับผดิ ชอบ ตอนที่ 1 1. บอกความหมายของการสร้างสานึกพลเมอื ง การลงมอื ทา โดยเรมิ่ ทีต่ นเองก่อน และขยายวงออกไป และตัวเองอยู่ตรงไหนช่วยสังคมตรงน้ัน พรอ้ ม สร้างเง่อื นไขการเรียนรู้ และสรา้ งเครือขา่ ย ตอนที่ 2 คาชแ้ี จง ให้นักเรียนใชเ้ วลาวา่ ง อ่านขา่ วหรือออกไปสมั ผสั กับปญั หาต่างๆ ของชุมชนทีอ่ ย่รู อบๆโรงเรียนหรอื ในชุมชนหมบู่ า้ นของตนเอง โดยต้ังคาถามว่าพบเหน็ ปัญหาอะไรบ้าง ปญั หาตา่ ง ๆ ของชุมชนรอบ ๆ โรงเรียน ปัญหาสังคมในระดบั ประเทศ หรอื ในหมบู่ ้านของนักเรยี น (อยใู่ นดลุ ยพนิ ิจขอครูผสู้ อน/ท่ีปรกึ ษา)

ค่มู อื สาหรบั ครู ชดุ หลกั สูตรตา้ นทุจรติ ศึกษา ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2