Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วย1_นาฏศิลป์

หน่วย1_นาฏศิลป์

Published by jirapatlca, 2020-01-08 02:16:58

Description: หน่วย1_นาฏศิลป์

Search

Read the Text Version

นาฏศลิ ป์ ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ ๕ กลุ่มสาระการเรียนร้ศู ลิ ปะ หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๑ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๒ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๓ ๑_หลักสตู รวิชานาฏศลิ ป์ ๒_แผนการจดั การเรยี นรู้ ๓_PowerPoint_ประกอบการสอน ๔_ใบงาน_เฉลย ๕_ข้อสอบประจาหน่วย_เฉลย ๖_การวัดและประเมนิ ผล ๗_เสรมิ สาระ ๘_สื่อเสริมการเรยี นรู้ บริษทั อักษรเจรญิ ทัศน์ อจท. จากัด : 142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรงุ เทพฯ 10200 Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand โทรศัพท์ : 02 622 2999 โทรสาร : 02 622 1311-8 [email protected] / www.aksorn.com

๑หน่วยการเรียนรู้ที่ นาฏศลิ ปไ์ ทย จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. มที กั ษะในการแสดงหลากหลายรปู แบบ ๒. วิเคราะหแ์ ก่นของการแสดงนาฏศลิ ป์และการละครทต่ี ้องการสือ่ ความหมายในการแสดงได้ ๓. บรรยายและวเิ คราะห์อิทธิพลของเครอื่ งแตง่ กาย แสง สี เสยี ง ฉาก อุปกรณ์ และสถานทีท่ ม่ี ผี ลตอ่ การแสดงได้ ๔. พัฒนาและใช้เกณฑก์ ารประเมินในการประเมนิ การแสดง ๕. บรรยายวิวฒั นาการของนาฏศลิ ป์และการละครไทยตง้ั แตอ่ ดตี จนถงึ ปจั จบุ ันได้

ววิ ฒั นาการนาฏศลิ ปไ์ ทยต้ังแตอ่ ดตี จนถึงปัจจุบัน สมยั สโุ ขทยั • เปน็ การแสดงประเภทระบา รา ฟ้อนทว่ี ิวัฒนาการมาจากการละเล่นของชาวบา้ น สมัยสุโขทัยถึงสมัยธนบุรี • นิยมนามาแสดงในงานบุญ หรอื งานร่ืนเริงประจาปี สมัยอยธุ ยา • ได้มีการพฒั นาการแสดงในรปู แบบของละครรา • เกดิ การแสดงละครข้ึน ๓ รปู แบบ คอื ละครชาตรี ละครนอก และละคร • มลี ะครราของหลวงทใ่ี ชผ้ ้หู ญิง และผชู้ ายแสดง • การแสดงนาฏศลิ ป์ที่เป็นการแสดงเพอื่ สมโภชพระแก้วมรกต มที ั้ง โขน ละครรา ระบา และมหรสพต่างๆ

ววิ ฒั นาการนาฏศลิ ป์ไทยตัง้ แต่อดตี จนถงึ ปจั จบุ นั สมัยสโุ ขทยั ร.๑ รวบรวมตาราฟอ้ นราและเขยี นภาพท่าราแมบ่ ทบันทกึ ไวเ้ ป็นหลกั ฐาน ร.๒ มีการฝึกหดั ท้ังโขน ละครนอก และละครใน โดยผู้หญิงให้แสดงละครนอกของหลวง และปรับปรงุ เคร่ืองแตง่ กายใหเ้ ปน็ ยืนเคร่ืองแบบละครใน ร.๓ ยกเลิกละครหลวงทาใหเ้ กิดการแสดงของเอกชนขึ้นหลายคณะ ร.๔ มลี ะครราผู้หญงิ ในราชสานกั ตามเดมิ ละครของเอกชนใหผ้ ูห้ ญิงและผชู้ ายแสดงได้ ร.๕ มกี ารพัฒนาละครในเปน็ ละครดึกดาบรรพ์ พัฒนาละครราเปน็ ละครพ้นทางและละครเสภา ร.๖ มีการกอ่ ตัง้ โรงเรียนฝกึ หดั นาฏศิลป์ขน้ึ ในกรมมหรสพ เกดิ โขนบรรดาศกั ดิ์ และโขนเชลยศกั ดิ์ ร.๗ จัดตงั้ กรมศลิ ปากรขน้ึ แทนกรมมหรสพทย่ี บุ ไป ร.๘ มีการก่อตั้งโรงเรียนนาฏศิลปแ์ ทนโรงเรยี นนาฏดุรยิ างศาสตร์ เกิดละครหลวงวิจติ รวาทการ ร.๙ นาฏศิลป์ ละคร ฟ้อนรา อยู่ในความรับผิดชอบของรฐั บาล เกิดการแสดงหลายจดุ ที่เชื่อม สมั พันธ์ไมตรีกับตา่ งประเทศ นาเทคนิคแสง สี เสยี ง เขา้ มาเป็นองคป์ ระกอบในการแสดง

ประเภทของนาฏศิลป์ไทย นาฏศลิ ปร์ าชสานกั นาฏศิลปพ์ ื้นเมือง มีพระมหากษัตรยิ เ์ ปน็ องคอ์ ุปถมั ภ์ มีลักษณะแตกต่างกนั ออกไป จัดแสดงในงาน เฉพาะทอ้ งถน่ิ มีการจดั แสดง ในงานท่วั ไปสาหรบั ประชาชน พระราชพธิ สี าคัญต่างๆ นาฏศลิ ป์ท้ัง ๒ รปู แบบนไี้ ด้ปรบั ปรงุ และพฒั นามาเป็นลาดับจนปรากฏเปน็ แบบแผน และมีการแสดงหลายรปู แบบ ไดแ้ ก่ ระบา รา ฟ้อน โขน ละครและการแสดงนาฏศลิ ป์พนื้ เมอื ง

พัฒนามาจากการแสดง แสดงกลางสนามหญ้า โขนโรงใน มีฉากประกอบการแสดงโขน ใช้ธรรมชาตเิ ปน็ ฉาก เชน่ เดียวกับการแสดงละครดึกดาบรรพ์ นยิ มแสดงตอนยกรบ โขน กลางแปลง โขนฉาก โขน โขนน่ังราว แสดงบนโรงมหี ลงั คา หรือโขน มีราวไม้กระบอกพาดไว้ ปรับปรุงตามแบบอย่าง การแสดงท่ารา เตน้ เข้ากบั จงั หวะดนตรี โรงนอก ตามความยาวของเวที การแสดงละครใน ประกอบไปด้วยตวั ละครท่ีเปน็ มนษุ ย์ เทวดา ยกั ษ์ และลงิ มีราวไว้สาหรับ มรี ะบา รา ฟอ้ นแทรก โดยผแู้ สดงเป็นยกั ษ์และลิง ให้ผู้แสดงน่ัง อยใู่ นการแสดง จะในลกั ษณะที่แตกตา่ งกัน มคี นพาทยแ์ ละเจรจาแทน สวมหัวโขน โขนโรงใน โขนหน้าจอ แสดงหน้าจอหนังใหญท่ ท่ี าจากผา้ ดิบ โดยจะเจาะดา้ นข้างเปน็ ประตูใหผ้ แู้ สดงเข้า - ออก

มผี แู้ สดงหลัก ๓ คน คอื ตวั นายโรง ตวั นาง และตัวตลกดาเนินเรื่องแบบรวบรัด เกดิ ขน้ึ หลังจากทมี่ ี การเปลย่ี นแปลง การปกครอง บทละครเนน้ ปลุกใจ ให้ประชาชน เกิดความรกั ชาติ ละคร ละครชาตรี ใชผ้ ้แู สดงเป็นชายลว้ นดาเนนิ เรื่องอย่างรวดเร็ว หลวงวิจิตร วาทการ ละครนอก ละครเสภา ละครรา ละครใน ดาเนนิ เรื่องด้วยการขับเสภาโดยใชก้ รบั ใช้ศิลปะในการร่ายรา เป็นเครอ่ื งดนตรปี ระกอบการแสดง ดาเนินเรอ่ื ง นาพงศาวดารของชาตติ า่ งๆ ละคร ละคร ใช้ผแู้ สดงเป็นหญิงล้วนเน้นการร่ายรา มาผูกเปน็ เรอื่ ง ใช้วงปพ่ี าทย์ พนั ทาง ดกึ ดาบรรพ์ ท่ีประณตี งดงาม บรรเลงเพลงภาษา เป็นละครท่ผี สมผสาน รูปแบบการแสดงท่ีได้รบั อทิ ธพิ ลจากตะวนั ตก เรยี กอกี อยา่ งหนง่ึ วา่ “ละครโอเปรา”

ศิลปะการร่ายราตง้ั แต่ ๒ คนขึน้ ไป เนน้ ความงดงามของกระบวนท่ารา ระบา ระบา รา ฟ้อน ความพร้อมเพรียงในการแปรแถว ความสวยงามของรูปรา่ ง เคร่ืองแต่งกายของผูแ้ สดง รวมถงึ เพลงร้องและดนตรี เปน็ การแสดงทเ่ี ป็น ชดุ สน้ั ๆ ไมด่ าเนิน ระบามี ๒ รปู แบบ คือ เรอ่ื งราว ฟ้อน ระบามาตรฐาน ระบาท่ีประดิษฐ์ขึ้นใหม่ รา เป็นระบาแบบดงั้ เดมิ เปน็ ระบาท่ีประดษิ ฐ์ขึน้ ไมส่ ามารถเปลี่ยนแปลงทา่ ราได้ เพอ่ื ความเหมาะสมกับเหตุการณ์ หรอื โอกาศท่ีใช้ ศลิ ปะการรา่ ยราท่ีเน้นการใชม้ อื และแขนเปน็ หลัก แบง่ ออกเปน็ ๓ ลกั ษณะ คือ “รำเดย่ี ว” “รำค”ู่ และ“รำหม”ู่ การรา่ ยราท่อี าศัยความพรอ้ มเพรียงเปน็ หลกั โดยจะเคล่อื นไหวร่างกายอย่างชา้ ๆหรือ รวดเร็วตามทานองและจังหวะของดนตรี

เกดิ จากความเช่ือและพิธกี รรมต่างๆ แบง่ เป็น ๒ รปู แบบ คอื • ฟ้อนแบบดั้งเดมิ ถา่ ยทอดมาจากภูมิปญั ญาของบรรพบุรษุ ลีลาท่า ฟอ้ นไม่เครง่ ครัดต่อแบบแผน • ฟอ้ นทไ่ี ด้รบั อิทธพิ ลจากวัฒนธรรมหลวง ผฟู้ ้อนเปน็ เจ้านาย เช้อื พระวงศ์ฝา่ ยใน ลลี าทา่ ฟอ้ นจะมรี ะเบยี บแบบแผนมากขึน้ ภาคเหนือ ภาคกลาง เกดิ จากความเชอ่ื พธิ ีกรรม และ เกดิ จากความเช่อื พิธกี รรม นาฏศิลป์ ความศรทั ธาในพระพุทธศาสนา ทไ่ี ด้รบั อิทธพิ ลจากต่างชาติ พน้ื เมือง โดยเฉพาะศลิ ปะการแสดงของมลายู รวมทง้ั วถิ ีการดาเนนิ ชวี ติ โดยจะเนน้ ลีลาการเคลือ่ นไหว ภาค ของมอื และเท้าเป็นหลกั ภาคใต้ ตะวนั ออก แบง่ เป็น ๒ รูปแบบ คือ ไมน่ ิยมจบั คแู่ สดงท่ถี กู เนอ้ื ตอ้ งตวั กัน • เพลงพนื้ เมือง เฉยี งเหนอื • นาฏศลิ ป์พ้นื เมอื ง แบบชาวตะวนั ตก เกดิ จากการฟอ้ นราเพอ่ื บูชาสงิ่ ศักดสิ์ ิทธ์ทิ ่ีตนนับถอื หรอื วิญญาณบรรพบรุ ุษทลี่ ่วงลบั และนยิ มนามาฟอ้ นราใน งานเทศกาลต่างๆ เพอ่ื สร้างความสนกุ สนาน

การแสดงนาฏศิลป์ : ราพระรามตามกวาง ประวัติความเป็นมา เนอื้ เรอ่ื ง พระรามตามกวาง เปน็ การแสดงประเภทราค่ทู เ่ี ปน็ ชุดเปน็ ตอน ปรากฏอยใู่ นบทละครเร่อื งรามเกยี รต์ิ ตอน ทศกณั ฐ์ลักนางสดี า ทศกัณฐ์ส่ังใหม้ ารีศแปลงกายเปน็ กวางทองไปลอ่ ลวงนางสดี า เมอื่ นางสดี าเหน็ กวางทองก็อยากได้ จึงขอให้พระรามออกตามจับ พระรามจึงสัง่ ให้พระลักษมณค์ อยเฝ้านางสีดาไว้ ส่วนพระรามได้ตดิ ตามกวางทองไป เมื่อพระรามแผลงศรถกู กวางทองล้มลง กวางทองกก็ ลายร่างเป็นมารีศ พร้อมส่งเสยี งร้องคลา้ ยเสียงของพระราม เม่อื นางสีดาได้ยนิ คดิ วา่ เป็นเสียงของพระราม จงึ สง่ั ให้ พระลกั ษณ์รีบไปชว่ ย พระลักษมณ์รบี ออกจากบรรณศาลา ทศกณั ฐ์ซ่งึ แอบดูอยู่เห็นวา่ ไมม่ ใี คร จึงแปลงกลายเปน็ ฤาษีเขา้ ไปหา นางสดี าแลว้ พูดจาหวา่ นล้อมให้ไปอยทู่ ี่กรุงลงกาเพอ่ื เปน็ มหเสีของทศกัณฐ์ นางสดี ากร้ิวและตรัสบริภาษ ทศกณั ฐ์โกรธจงึ กลาย รา่ งเปน็ ยักษ์ แลว้ ตรงเขา้ ฉุดนางสีดาไปยงั กรุงลงกา

การแสดงนาฏศลิ ป์ : ราพระรามตามกวาง ทา่ ทางทใ่ี ชใ้ นการประดษิ ฐท์ ่ารา ท่าราชองพระราม ท่ารากวาง เลียนแบบมาจาก เลียนแบบมาจากลกั ษณะลลี าการเดนิ ลีลาของกวาง เช่น การเดิน การไล่ การติดตามในระยะใกล้ - ไกล การหลบหลกี การกระโดด กิริยาตื่นกลัว การสังเกต และการไลล่ ่าสตั ว์ของมนษุ ย์ ทถี่ กู มนุษยไ์ ลจ่ บั มีทา่ หนี ล่อหลอก รกุ ไล่

การแสดงนาฏศิลป์ : ราพระรามตามกวาง ตัวอยำ่ ง ราเพลงหนา้ พาทยเ์ ชิดฉาน ท่าราที่ ๑ ทา่ เงือ้ ทา่ ราท่ี ๒ ทา่ มอง พระรามทาท่าเง้ือ กวางทาทา่ เดินลอ่ พระรามเดนิ วน พระรามทาท่ามอง เดนิ สลับท่กี ับกวางมาอยู่ทางดา้ น ไปเป็นวงกลม สายตากวางจะมองพระรามอยู่ตลอดเวลา ซ้ายมอื มือขวาถอื ศร เดนิ ตามกวางไปเป็นวงกลม สายตาสมั พนั ธ์กนั เพอ่ื สือ่ ให้เหน็ อารมณ์การไล่จับของพระราม เดินไปจนหมดจังหวะ แลว้ ข้ึนทา่ ใหม่ และการหนีของกวาง

การแสดงนาฏศิลป์ : ราพระรามตามกวาง ดนตรีและเพลงที่ใช้ประกอบการแสดง ใชว้ งปี่พาทย์ไม้แขง็ บรรเลงเพลงหนา้ พาทย์ เพลงรวั เพลงเชดิ และเพลงเชิดฉาน เพลงทข่ี ับร้องตามบทรอ้ ง ได้แก่ เพลงแขกไทรและเพลงทะเลบา้ บทร้องเพลงแขกไทร รูปทรงกมุ ภัณฑก์ ็พลนั หาย กลายเป็นกวางทองผ่องศรี เรืองรองผ่องสิน้ ทงั้ อินทรยี ์ ท้ังมดี ่างขาวราวหิรัญ สองเขามุกดาดูวิเศษ สองเนตรนลิ รตั น์จดั สรร ทาทีเย้อื งกรายพรายพรรณ เดินไปทางบรรณศาลา - ปพ่ี าทย์ทาเพลงเชิด - ตอ่ ดว้ ย - ป่พี าทยท์ าเพลงเชิดฉาน -

บทรอ้ งเพลงทะเลบ้า ราเมศร์ ตามตดิ ชิดกระช้นั กวางผนั ลอ่ เลน่ เผ่นผยอง ธ ยน้ั กวางเยื้อง ชาเลืองมอง โลดลาพอง เหยาะยอ่ ลอ่ รามนิ ทร์ พระแลเลง็ เพ่งพิศ ผดิ สังเกต ทรงเดช จับศรศาสตร์ พาดคนั ศิลป์ นา้ วเหนยี่ ว ด้วยพลงั ทงั้ กายนิ ถูกกวางดิน้ วางวาย กลายเป็นมาร - ปี่พาทย์ทาเพลงรวั -

การแสดงนาฏศิลป์ : ราพระรามตามกวาง ความงามและคุณคา่ ความงามและคณุ คา่ ท่มี คี วามสมบรู ณ์ของกระบวนทา่ รา กระบวนการทา่ รามกี ารกระโดดเต้น มที ีหนีทีไล่ระหวา่ ง พระรามกบั กวางในจังหวะหน้าทับ ความงามในความต่อเน่ืองของกระบวนท่ารา เคลอ่ื นไหวทกุ ส่วนของรา่ งกายอยา่ งกลมกลืน และมีความงามในทิศทางทเี่ คลือ่ นไหว ความงามในความสมั พันธ์ของนาฏศลิ ป์กับองคป์ ระกอบอนื่ ๆ • บทละคร ภาษามสี ัมผสั ที่คล้องจองกัน น้าเสียง มคี วามไพเราะทาให้เกิด ภาพพจน์ท่ชี ัดเจน • ดนตรี มที านองและจงั หวะท่ีชดั เจน ทาให้ผ้ชู มเกดิ อารมณ์ตื่นตวั • การขบั ร้อง ผขู้ บั ร้องใส่อารมณ์ตามบทบาทของตวั ละคร โดยใช้น้าเสียง ท่ีไพเราะ • เคร่อื งแตง่ กาย แตง่ กายสวยงามตามรูปแบบการแสดงนาฏศิลป์ไทย • องค์ประกอบอ่นื ๆ ในการแสดง เชน่ อุปกรณ์ประกอบฉาก อุปกรณ์ ประกอบการแสดง เป็นตน้ ถูกนามาใชไ้ ดอ้ ยา่ งสอดคลอ้ งกลมกลืนกนั

การแสดงนาฏศิลป์ : ราพระรามตามกวาง เทคนิคการจดั การแสดง แสง สี เสียง เปน็ องคป์ ระกอบสาคญั อยา่ งหนึ่งท่ีชว่ ยเสริมการแสดงใหด้ สู มจรงิ ฉาก ช่วยสรา้ งบรรยากาศในการแสดง เสริมลักษณะของการแสดงให้ดูสมจรงิ ย่งิ ขนึ้ เครอื่ งแตง่ กาย สีสนั และรปู แบบของเครือ่ งแตง่ กายสร้างความต่นื เต้นและความตระการตาใหแ้ กผ่ ้ชู มได้ อปุ กรณป์ ระกอบการแสดงและอปุ กรณป์ ระกอบฉาก ใช้ไดส้ ะดวกสบาย มีความแขง็ แรง สมจริง มีขนาดพอเหมาะกับผู้แสดง สถานทจี่ ดั แสดง ตอ้ งเลือกใหเ้ หมาะสมกบั ชดุ ของการแสดง อาจเปน็ เวทีกลางแจ้ง หรือเวทใี นโรงละครกไ็ ด้ โอกาสทใี่ ช้ในการแสดง สามารถแสดงได้ทุกโอกาส เช่น งานนักขัตฤกษ์ งานรื่นเรงิ ประจาปี เปน็ ต้น

การแสดงนาฏศิลป์ : ราพระรามตามกวาง การวิจารณแ์ ละประเมินคุณภาพการแสดงราพระรามตามกวาง ๑) รูปแบบการแสดง เปน็ นาฏศิลป์ราชสานัก มีความประณตี งดงาม ทง้ั ผูแ้ สดงกระบวนทา่ รา เพลงรอ้ ง ทานอง ดนตรี และบทประพันธ์ ๒) กระบวนท่ารา เปน็ การราคู่ ทา่ รามีความเป็นเอกภาพ ท้ังพระรามและกวางทองมลี ลี าท่าราแบบละครใน ๓) ความสามารถของผแู้ สดง ผูแ้ สดงมคี วามสามารถในการรา มเี ทคนิคเฉพาะตัวมคี วามสง่า ภาคภูมิ ๔) องค์ประกอบอนื่ ๆ ได้แก่ การแตง่ กาย การแต่งหนา้ อุปกรณ์ประกอบฉากและอปุ กรณ์การแสดง แสง สี เสยี ง ผสมกลมกลนื กนั อย่างเหมาะสม ๕) การประเมินคณุ ภาพการแสดง สรปุ ได้ ดงั น้ี ๑. ผู้แสดงแสดงไดถ้ ูกต้องตามแบบแผนท่ีปฏิบตั ิกันมา ๒. ผูแ้ สดงมที ักษะและสนุ ทรียะ ๓. ผู้แสดงมีความสามารถในการรา มเี ทคนิค และฝีมือในการราเท่าเทียมกัน ๔. ผแู้ สดงแสดงได้อย่างมีชีวติ ชวี า ๕. รปู แบบและลกั ษณะของการแสดงนาฏศิลปไ์ ทยชุดน้ี ผู้ประดิษฐท์ ่ารามีความคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์ ๖. คณุ ภาพของผลงานสอดคล้องกบั รสนิยมของสงั คม

การแสดงนาฏศิลป์ : รากลองยาว ประวตั ิความเปน็ มา รากลองยาว เป็นการแสดงทป่ี รับปรุงมาจากการละเลน่ ของชาวบา้ นทเี่ รียกว่า “เถิดเทงิ ” หรือ “เทง้ิ บองกลองยาว” สนั นิษฐานว่านามาจากการละเลน่ ของทหารพมา่ ทเ่ี ขา้ มารบกบั ไทยในสมัยธนบุรี กรมศลิ ปากรได้นาทา่ ราท่เี ปน็ ระเบียบ แบบแผนและปรบั ปรงุ การแต่งกายตลอดจนวธิ ีการเลน่ เพือ่ นาไปเผยแพรศ่ ิลปวฒั นธรรมทีส่ หรฐั อเมรกิ า โดยมี อาจารยโ์ ชติ ดุรยิ ประณีต เปน็ ผ้ปู รบั ปรุงทานองและจังหวะกลองยาว อาจารย์ลมลุ ยมะคปุ ต์ และอาจารยผ์ นั โมรากุล เป็นผปู้ ระดษิ ฐท์ ่ารา

การแสดงนาฏศิลป์ : รากลองยาว ท่าทางท่ใี ชใ้ นการประดษิ ฐท์ า่ รา ในการปรับปรงุ วิธเี ล่นกลองยาว ไดก้ าหนดเปน็ แบบแผนใหม้ ีกลองยืนและกลองรา กลองยนื ผู้ตีกลองยนื จังหวะใหผ้ ้แู สดงท่ารา กลองยืนจะประกอบไปด้วยผู้ตกี ลองยาว ๔ คน ตีฉิ่ง ฉาบ กรบั และโหม่ง อีก ๔ คน รวมเป็น ๘ คน กลองรา ผูแ้ สดงเป็นคู่ชาย-หญงิ จะแสดงกคี่ ู่กไ็ ด้ไม่จากดั จานวน ทา่ ทางที่ใช้ในการประดิษฐท์ า่ รากลองยาว มดี งั น้ี ตอนท่ี ๑ เปน็ การราชายล้วน ผูแ้ สดงสะพายกลองยาว ราออกด้วยท่าต้งั วงมอื หนึ่ง อีกมอื จบี หงายมว้ นมือเปน็ แถวตรงแล้วหนั หนา้ เขา้ หากนั ตีกลองสวนแถว ใชศ้ อก เขา่ และมอื ตีกลอง ตอนท่ี ๒ เป็นการราคชู่ าย-หญงิ ชายกลับไปรบั หญิงราออกดว้ ยท่าส่ายมอื เดียวชายราตอ้ นดว้ ยทา่ ตง้ั วงและจบี มอื กระบวนท่าราคชู่ าย- หญงิ เป็นลีลาท่าราท่สี มั พนั ธ์กบั กลองสลับกับการตีกลองระหวา่ งชาย-หญิง จบด้วยทา่ น่ิงใหล้ งจงั หวะกลอง เดินเข้าเป็นคตู่ ามดว้ ยกลองยนื

การแสดงนาฏศิลป์ : รากลองยาว ดนตรีและเพลงทีใ่ ช้ประกอบการแสดง เริม่ ด้วยการโห่สามลา ลูกคู่จะรับด้วยคาว่า “ฮิ้ว” และจะรัวกลอง ฉิ่ง ฉับ กรับ และโหม่งรับ ๓ คร้ัง จากน้ันกลอง ยาวจะตเี ปน็ จงั หวะ ลลี าทา่ ราจะเปน็ ไปตามจงั หวะกลอง มีการยั่วเย้ากันเอง หรือราต้อนผู้ชมให้เข้าขบวนร่วมสนุกไป ดว้ ย เพลงท่ใี ชร้ ้องเปน็ เพลงทม่ี เี น้อื หาจดจาไดง้ ่าย ตัวอย่างเน้อื เพลง ดงั นี้ • มาแล้วโหวย มาแลว้ วา เสือออกจากป่าว่งิ มาโทงๆ ตะละล้า หยุ - อา • ต้อนเข้าไว้เอาไปบา้ นเรา บ้านเราคนจน ไม่มคี นหุงข้าว เอาไปหุงข้าวใหพ้ อ่ เรากิน พ่อไม่อยู่ใหป้ ่เู รากิน ตะละล้า • ใครมีมะกรูดมาแลกมะนาว ใครมลี ูกสาวมาแลกลูกเขย เอาวะ เอาเหวยลกู เขยกลองยาว ตะละลา้ หุย - อา

การแสดงนาฏศลิ ป์ : รากลองยาว ความงามและคุณค่า ความงามในกระบวนทา่ ราท่สี มั พนั ธก์ ับกลองยาว ได้ดัดแปลงลกั ษณะการตกี ลองในทา่ ตา่ งๆ ให้เป็นลีลาท่าราทง่ี ดงามอ่อนชอ้ ย (สาหรบั ผ้หู ญงิ ) มที า่ ทโี ลดโผน กระโดดโลดเต้น ใชศ้ อก ใช้เข่า ในการตีกลอง (สาหรับผูช้ าย) เป็นลักษณะของชาวบา้ นทอี่ าศัยความแคลว่ คล่อง ว่องไว และสนุกสนาน ความงามที่เกิดจากความต่อเนือ่ งของท่ารา ลลี าท่ารารวดเร็ว สนกุ สนาน มกี ารเคลือ่ นไหวทุกสว่ นของรา่ งกายประสานสมั พันธก์ ันเปน็ อยา่ งดี ความงามทเ่ี กดิ จากความสมั พันธ์กับองคป์ ระกอบอ่นื ๆ การแตง่ กาย แต่งกายแบบชาวบา้ น เดมิ ผชู้ ายนุ่งโจงกระเบน ปจั จบุ ันเปลย่ี นมานุง่ กางเกงแทน ความไพเราะของทานองเพลง มจี ังหวะทคี่ ึกคกั ตน่ื เตน้ และสนุกสนาน ทา่ ราจะกระโดดโลดเตน้ ไปตามจังหวะกลอง ความงดงามท่ีเกดิ จากองค์ประกอบอื่นๆ ชว่ ยสร้างบรรยากาศและกระตุ้นใหเ้ กิดอารมณส์ นกุ สนานเพิ่มมากขึ้น

การแสดงนาฏศลิ ป์ : รากลองยาว เทคนิคการจัดการแสดง แสง สี เสยี ง ชว่ ยสร้างบรรยากาศใหผ้ ู้ชมเกิดอารมณ์สนกุ สนาน เพลดิ เพลิน ฉาก ชว่ ยสรา้ งบรรยากาศในการแสดง เสริมลกั ษณะของการแสดงให้ดสู มจริงยิ่งข้ึน อปุ กรณ์ประกอบฉากและอปุ กรณป์ ระกอบการแสดง จดั ตกแตง่ ตามลกั ษณะของฉาก สถานทจ่ี ัดแสดง แสดงได้ทกุ สถานทที่ ่ีมีพ้ืนทก่ี วา้ ง หรืออาจแสดงในห้องโถงของโรงแรม โอกาสท่ใี ช้ในการแสดง นิยมนามาแสดงในงานเทศกาลต่างๆ หรืองานที่มกี ารชมุ นมุ ผคู้ นในหมู่บา้ น

การแสดงนาฏศลิ ป์ : รากลองยาว การวิจารณ์และประเมินคุณภาพการแสดงรากลองยาว ๑) รูปแบบการแสดง เป็นนาฏศิลปพ์ นื้ เมือง เน้นความสนุกสนานซึ่งถา่ ยทอดผ่านการร่ายรา การขบั รอ้ งและตีกลอง ๒) ประเภทของการแสดง เปน็ การราหมู่ ประเภทคูช่ าย-หญงิ มีผบู้ รรเลงดนตรี ๔ คน ตกี ลองยืน ๒ คน ตกี ลองรา ๒ คน และรา ๒ คน ๓) กระบวนทา่ มคี วามงดงามสอดคลอ้ งกบั อุปกรณค์ ือกลองยาว ๔) ความสามารถของผแู้ สดง ความงามอยทู่ ่คี วามพรอ้ มเพรยี งเป็นหลัก ผแู้ สดงมีเทคนคิ การราท่คี ล่องแคล่ว วอ่ งไว ๔) องคป์ ระกอบอื่นๆเช่น การแต่งกาย การแตง่ หนา้ อุปกรณป์ ระกอบฉาก อปุ กรณป์ ระกอบการแสดง ฉาก แสง สี เสยี งผสมกลมกลืนกับทา่ รา ๖) การประเมินคณุ ภาพการแสดง สรปุ ได้ ดงั น้ี ๑. ผู้แสดงแสดงได้ถูกต้องตามแบบแผนทป่ี ฏิบัตกิ นั มา ๒. ผู้แสดงมีทักษะในการตีกลองยาวและมีทกั ษะในการราทีม่ ีสุนทรยี ะ ๓. ผ้แู สดงมีความสามารถในการรา มีเทคนิค และฝมี อื ในการราเท่าเทียมกนั ๔. ผู้แสดงแสดงไดอ้ ย่างมชี ีวิตชีวา ไม่น่าเบอื่ ๕. คุณภาพของผลงานสอดคลอ้ งกับรสนยิ มของสังคม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook