การส่ือสารข้อมูลและเครือข่าย คอมพวิ เตอร์ Computer
การส่ือสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ การส่ือสารข้อมูล (Data communication) หมายถงึ การสง่ ข้อมลู หรือข่าวสาร จากผ้สู ง่ ต้นทางไปยงัผ้รู ับปลายทางท่ีอยหู่ ่างไกล โดยผา่ นช่องทางการส่ือสารเพื่อเป็นสือ่ กลางในการสง่ ข้อมลู ซงึ่ อาจจะเป็นแบบใช้สายหรือไม่ใช้สายก็ได้ สว่ นข้อมลู หรือขา่ วสารนนั้ อาจจะเป็นข้อความ เสยี ง ภาพเคล่อื นไหว หรือข้อมลู ท่ีเป็นมลั ติมีเดยีก็ได้ ดงั นนั้ การสอื่ สารข้อมลู จงึ เป็นสว่ นหนงึ่ ของการส่อื สารโทรคมนาคม โดยเน้นการสง่ ผา่ นข้อมลู โดยใช้ระบบคอมพวิ เตอร์และเครือข่ายเป็นหลกั (สมุ น อยสู่ นิ . 2527 : 8) เครือข่ายคอมพวิ เตอร์ หมายถึง การนาคอมพิวเตอร์และอปุ กรณ์ตา่ ง ๆ มาเชื่อมตอ่ ถึงกนั โดยใช้สายเคเบลิ ้ เป็นส่อื กลางในการแลกเปลยี่ นชดุ ข้อมลู ชดุ คาสงั่ และข่าวสารตา่ ง ๆ ระหวา่ งคอมพวิ เตอร์ กบั คอมพวิ เตอร์และระหวา่ งคอมพิวเตอร์กบั อปุ กรณ์ตา่ ง ๆ การที่ระบบเครือข่ายมีบทบาทและความสาคญั เพิม่ ขนึ ้ เพราะไมโครคอมพิวเตอร์ได้รับการใช้งานอยา่ งแพร่หลาย จงึ เกิดความต้องการที่จะเชื่อมตอ่ คอมพิวเตอร์เหลา่ นนั้ ถึงกบั เพือ่ เพ่ิมขีดความสามารถของระบบให้สงู ขนึ ้ เพ่ิมการใช้งานด้านตา่ ง ๆ และลดต้นทนุ ระบบโดยรวมลง มีการแบง่ ใช้งานอปุ กรณ์และข้อมลู ตา่ ง ๆตลอดจนสามารถทางานร่วมกนั ได้ สงิ่ สาคญั ท่ีทาให้ระบบข้อมลู มีขีดความสามารถเพม่ิ ขนึ ้ คือ การโอนย้ายข้อมลู ระหวา่ งกนั และการเช่ือมตอ่ หรือการสือ่ สาร การโอนย้ายข้อมลู หมายถงึ การนาข้อมลู มาแบง่ กนั ใช้งาน หรือการนาข้อมลู ไปใช้ประมวลผลในลกั ษณะแบง่ กนั ใช้ทรัพยากร เช่น แบง่ กนั ใช้ซพี ยี ู แบง่ กนั ใช้ฮาร์ดดิสก์ แบง่ กันใช้โปรแกรม และแบง่กนั ใช้อปุ กรณ์อ่ืน ๆ ท่ีมีราคาแพงหรือไมส่ ามารถจดั หาให้ทกุ คนได้ การเช่ือมตอ่ คอมพวิ เตอร์เป็นเครือข่าย จงึ เป็นการเพ่มิ ประสทิ ธิภาพการใช้งานให้กว้างขวางและมากขนึ ้ จากเดมิ (จตชุ ยั แพงจนั ทร์. 2547 : 6)องค์ประกอบของการส่ือสาร ปี 1960 แบบจาลอง SMCR ของเบอร์โล ( Berlo) ได้ให้ความสาคญั กบั สิง่ ตา่ ง ๆ คอื 1. ผ้สู ง่ สาร (Source) ต้องเป็นผ้ทู ่ีมีความสามารถเข้ารหสั (Encode) เนือ้ หาข่าวสารได้มีความรู้อยา่ งดใี นข้อมลู ท่ีจะสง่ สามารถปรับระดบั ให้เหมาะสมสอดคล้องกบั ผ้รู ับ 2. ขา่ วสาร (Message) คอื เนือ้ หา สญั ลกั ษณ์ และวิธีการสง่ 3. ชอ่ งทางการสอื่ สาร(Channel) ให้ผ้รู ับได้ด้วยประสาทสมั ผสั ทงั้ 5 4. ผ้รู ับสาร (Receiver) ผ้ทู ่ีมีความมารถในการถอดรหสั ( Decode) สารที่รับมาได้อยา่ งถกู ต้อง แบบจาลอง SMCR ของเบอร์โล จะให้ความสาคญั ในปัจจยั ตา่ ง ๆ ท่ีมีผลทาให้การสื่อสารประสบผลสาเร็จได้แก่ ทกั ษะในการสอ่ื สาร ทศั นคติ ระดบั ความรู้ ระบบสงั คมและวฒั นธรรม ซงึ่ ผ้รู ับละผ้สู ง่ ต้องมีตรงกนัเสมอ (ศภุ รัศม์ิ ฐิตกิ ลุ เจริญ. 2540)
การใช้เทคโนโลยใี นการส่ือสาร เทคโนโลยี เป็นการนาเอาแนวความคดิ หลกั การ เทคนคิ ความรู้ ระเบยี บวิธี กระบวนการ ตลอดจนผลผลติ ทางวทิ ยาศาสตร์ทงั้ ในด้านสง่ิ ประดษิ ฐ์และวธิ ีปฏบิ ตั ิมาประยกุ ต์ใช้ในระบบงานเพอ่ื ชว่ ยให้เกิดการเปล่ยี นแปลงในการทางานให้ดียง่ิ ขนึ ้ และเพ่ือเพิม่ ประสทิ ธิภาพและประสทิ ธิผลของงานให้มมี ากยิ่งขนึ ้ การส่ือสาร หมายถึง การนาสื่อหรือข้อความของฝ่ายหนง่ึ สง่ ให้อีกฝ่ายหนงึ่ ประกอบด้วยผ้สู ง่ ขา่ วสารหรือแหลง่ กาเนิดขา่ วสาร ชอ่ งทางการสง่ ข้อมลู ซงึ่ เป็นส่อื กลางหรือตวั กลางอาจเป็นสายสญั ญาณ และหนว่ ยรับข้อมลู หรือผ้รู ับสาร ดงั นนั้ เทคโนโลยีในการส่ือสาร คือ การเอาแนวคดิ หลกั การ เทคนคิ ระเบยี บวธิ ี กระบวนการ ผา่ นชอ่ งทางการสง่ ข้อมลู ซงึ่ ทาให้ผ้รู ับ ได้รับและเข้าถงึ ข้อมลู ได้เร็วขนึ ้ เทคโนโลยีที่ใช้ในการส่ือสารท่ีพบเห็น เชน่ E-mail,Voice Mail, Video Conferencing เป็นต้นชนิดของสัญญาณข้อมูล ชนดิ ของสญั ญาณแบง่ ได้เป็น 2 ชนิดคือ 1.Analog signalเป็นสญั ญาณตอ่ เน่ือง ลกั ษณะของคลน่ื ไซน์ sine wave ตวั อยา่ งการสง่ ข้อมลู ท่ีเป็น analog คือการสง่ ข้อมลู ผา่ นระบบโทรศพั ท์ Hertz คอื หนว่ ยวดั ความถี่ของสญั ญาณ โดยนบั ความถ่ีท่ีเกิดขนึ ้ ใน 1 วนิ าที เชน่ 1 วนิ าทีมีการเปลย่ี นแปลงของระดบั สญั ญาณ 60 รอบแสดงวา่ มีความถี่ 60 Hz 2.Digital สญั ญาณไมต่ อ่ เนื่อง ข้อมลู ในเครื่องคอมพิวเตอร์ท่ีเป็นเลขฐาน 2 จะถกู แทนด้วยสญั ญาณ digital คือเป็น 0 และ 1 โดยการแทนข้อมลู สญั ญาณแบบ Unipolar จะแทน 0 ด้วยสญั ญาณไฟฟา้ ท่ีเป็นกลาง และ 1 ด้วยสญั ญาณไฟฟา้ ที่เป็นบวก Bit rate เป็นอตั ราความเร็วในการสง่ ข้อมลู โดยนบั จานวน bit ท่ีสง่ ได้ในชว่ ง 1 วินาที เช่น สง่ข้อมลู ได้ 14,400 bps (bit per seconds)ทศิ ทางการส่งข้อมูล ทิศทางการสง่ ข้อมลู สามารถจาแนกทิศทางการสง่ ข้อมลู ได้ 3 รูปแบบ ดงั นี ้(ศรีไพร ศกั ดพ์ิ งศากลุ และเจษฎาพร ยทุ ธวิบลู ย์ชยั . 2549 : 100-101) 1. การส่งข้อมูลแบบทศิ ทางเดยี ว (Simplex transmission) เป็นการสื่อสารข้อมลู ที่มีผ้สู ง่ ข้อมลู ทาหน้าท่ีสง่ ข้อมลู แตเ่ พียงอยา่ งเดยี ว และผ้รู ับข้อมลู ก็ทาหน้าท่ีรับข้อมลู แตเ่ พยี งอยา่ งเดียวเชน่ กนั การสง่ ข้อมลู ในลกั ษณะนีเ้ชน่ การสง่ ข้อมลู ของสถานีโทรทศั น์
2. การส่งข้อมูลแบบสองทศิ ทางสลับกัน (Half-duplex transmission) เป็นการสื่อสารข้อมลู ที่มีการแลกเปลยี่ นข้อมลู ทงั้ ผ้รู ับและผ้สู ง่ โดยแตล่ ะฝ่ายสามารถเป็นทงั้ ผ้รู ับและผ้สู ง่ ข้อมลู ได้ แตจ่ ะต้องสลบั กนั ทาหน้าท่ีจะเป็นผ้สู ง่ และผ้รู ับข้อมลู พร้อมกนั ทงั้ สองฝ่ายไมไ่ ด้ เช่น การสื่อสารโดยวทิ ยุ 3. การส่งข้อมูลแบบสองทศิ ทางพร้อมกัน (Full-duplex transmission) เป็นการส่อื สารข้อมลู ท่ีมีการแลกเปลี่ยนข้อมลู ของทงั้ ผ้สู ง่ และผ้รู ับข้อมลู โดยทงั้ สองฝ่ายสามารถเป็นทงั้ ผ้สู ง่ ข้อมลู และผ้รู ับข้อมลู ได้ในเวลาเดยี วกนั และสามารถสง่ ข้อมลู ได้พร้อม กนั เชน่ การสอื่ สารโดยใช้สายโทรศพั ท์ตวั อย่างทศิ ทางการไหลของข้อมูลตวั กลางการส่ือสาร ส่ือกลางหรือตวั กลางในการนาส่งขอ้ มูล เป็นส่ือหรือช่องทางท่ีใชใ้ นการนาขอ้ มูลจากตน้ ทางไปยงัปลายทาง สื่อกลางในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ (จตุชยั แพงจนั ทร์. 2547: 10-11)สามารถแบ่งออกไดเ้ ป็น 2 ชนิดใหญ่ ๆ ไดแ้ ก่ 1. สื่อกลางประเภทมีสาย 2. ส่ือกลางประเภทไร้สาย 1.1สายคู่บดิ เกลยี ว (twisted pair) ประกอบดว้ ยเส้นลวดทองแดงท่ีหุม้ ดว้ ยฉนวนพลาสติก 2 เส้นพนั บิดเป็นเกลียว เพ่อื ลดการรบกวนจากคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้าจากคูส่ ายขา้ งเคียงภายในเคเบิลเดียวกนัหรือจากภายนอก เนื่องจากสายคูบ่ ิดเกลียวน้ียอมใหส้ ญั ญาณไฟฟ้าความถ่ีสูงผา่ นได้ สาหรับอตั ราการส่งขอ้ มูลผา่ นสายคู่บิดเกลียวจะข้ึนอยกู่ บั ความหนาของสาย คือ สายทองแดงท่ีมีเสน้ ผา่ นศูนยก์ ลางกวา้ ง จะสามารถส่งสัญญาณไฟฟ้ากาลงั แรงได้ ทาใหส้ ามารถส่งขอ้ มูลดว้ ยอตั ราส่งสูง โดยทว่ั ไปแลว้ สาหรับการส่งขอ้ มูลแบบดิจิทลัสญั ญาณท่ีส่งเป็นลกั ษณะคล่ืนสี่เหลี่ยม สายคูบ่ ิดเกลียวสามารถใชส้ ่งขอ้ มูลไดถ้ ึงร้อยเมกะบิตต่อวินาที ในระยะทางไม่เกินร้อยเมตร เนื่องจากสายคู่บิดเกลียว มีราคาไม่แพงมาก ใชส้ ่งขอ้ มูลไดด้ ี จึงมีการใชง้ านอยา่ งกวา้ งขวางตวั อยา่ งเช่น (ก) สายคู่บดิ เกลยี วชนิดหุ้มฉนวน (Shielded Twisted Pair : STP) เป็ นสายคูบ่ ิดเกลียวท่ีหุม้ ดว้ ยลวดถกั ช้นั นอกที่หนาอีกช้นั เพ่ือป้องกนั การรบกวนของคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟ้า (ข) สายคู่บดิ เกลยี วชนิดไม่หุ้มฉนวน (Unshielded Twisted Pair : UTP) เป็ นสายคู่บิดเกลียวมีฉนวนช้นั นอกที่บางอีกช้นั ทาใหส้ ะดวกในการโคง้ งอแต่สามารถป้องกนั การรบกวนของคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟ้าไดน้ อ้ ยกวา่ ชนิดแรก แต่กม็ ีราคาต่ากวา่ จึงนิยมใชใ้ นการเช่ือมต่ออุปกรณ์ในเครือข่าย ตวั อยา่ งของสายสายคู่บิดเกลียวชนิดไมห่ ุม้ ฉนวนท่ีเห็นในชีวิตประจาวนั คือ สายโทรศพั ทท์ ี่ใชอ้ ยใู่ นบา้ น
1.2 สายโคแอกเชียล (coaxial) เป็นตวั กลางเชื่อมโยงที่มีลกั ษณะเช่นเดียวกบั สายท่ีต่อจากเสาอากาศ สายโคแอกเชียลท่ีใชท้ ว่ั ไปมี 2 ชนิด คือ 50 โอห์มซ่ึงใชส้ ่งขอ้ มูลแบบดิจิทลั และชนิด 75 โอห์มซ่ึงใชส้ ่งขอ้ มูลสญั ญาณแอนะลอ็ ก สายประกอบดว้ ยลวดทองแดงท่ีเป็นแกนหลกั หน่ึงเสน้ ที่หุม้ ดว้ ยฉนวนช้นั หน่ึงเพือ่ป้องกนั กระแสไฟรั่ว จากน้นั จะหุม้ ดว้ ยตวั นาซ่ึงทาจากลวดทองแดงถกั เป็นเปี ยเพ่อื ป้องกนั การรบกวนของคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้าและสญั ญาณรบกวนอื่นๆ ก่อนจะหุม้ ช้นั นอกสุดดว้ ยฉนวนพลาสติก ลวดทองแดงที่ถกั เป็นเปี ยน้ีเองเป็นส่วนหน่ึงท่ีทาใหส้ ายแบบน้ีมีช่วงความถ่ีสญั ญาณไฟฟ้าสามารถผา่ นไดส้ ูงมาก และนิยมใชเ้ ป็นช่องสื่อสารสญั ญาณแอนะลอ็ กเช่ืองโยงผา่ นใตท้ ะเลและใตด้ ิน 1.3 เส้นใยนาแสง (fiber optic) มีแกนกลางของสายซ่ึงประกอบดว้ ยเสน้ ใยแกว้ หรือพลาสติกขนาดเลก็ หลายๆ เสน้ อยรู่ วมกนั เสน้ ใยแต่ละเสน้ มีขนาดเลด็ เท่าเสน้ ผมและภายในกลวง และเสน้ ใยเหล่าน้นั ไดร้ ับการห่อหุม้ ดว้ ยเสน้ ใยอีกชนิดหน่ึงก่อนจะหุม้ ช้นั นอกสุดดว้ ยฉนวน การส่งขอ้ มูลผา่ นทางส่ือกลางชนิดน้ีจะแตกต่างจากชนิดอ่ืนๆ ซ่ึงใชส้ ญั ญาณไฟฟ้าในการส่ง แต่การทางานของสื่อกลางชนิดน้ีจะใชเ้ ลเซอร์ว่ิงผา่ นช่องกลวงของเสน้ ใยแตล่ ะเสน้ และอาศยั หลกั การหกั เหของแสงโดยใชใ้ ยแกว้ ช้นั นอกเป็นกระจกสะทอ้ นแสงการใหแ้ สงเคล่ือนที่ไปในท่อแกว้ สามารถส่งขอ้ มูลดว้ ยอตั ราความหนาแน่นของสญั ญาณขอ้ มูลสูงมากและไม่มีการก่อกวนของคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟ้า ปัจจุบนั ถา้ ใชเ้ สน้ ใยนาแสงกบั ระบบอีเทอร์เน็ตจะใชไ้ ดด้ ว้ ยความเร็วหลายร้อยเมกะบิต และเนื่องจากความสามรถในการส่งขอ้ มูลดว้ ยอตั ราความหนาแน่นสูง ทาใหส้ ามารถส่งขอ้ มูลท้งั ตวั อกั ษร เสียงภาพกราฟิ ก หรือวีดิทศั น์ไดใ้ นเวลาเดียวกนั อีกท้งั ยงั มีความปลอดภยั ในการส่งสูง แต่อยา่ งไรกม็ ีขอ้ เสียเนื่องจากการบิดงอสายสญั ญาณจะทาใหเ้ สน้ ใยหกั จึงไม่สามารถใชส้ ื่อกลางน้ีในการเดินทางตามมุมตึกได้ เสน้ ใยนาแสงมีลกั ษณะพเิ ศษที่ใชส้ าหรับเช่ือมโยงแบบจุดไปจุด จึงเหมาะที่จะใชก้ บั การเช่ือมโยงระหวา่ งอาคารกบั อาคารหรือระหวา่ งเมืองกบั เมือง เสน้ ใยนาแสงจึงถูกนาไปใชเ้ ป็นสายแกนหลกั 2.1 สัญญาณไมโครเวฟ (Microwave) เป็นส่อื กลางในการสื่อสารท่ีมีความเร็วสงู สง่ข้อมลู โดยอาศยั สญั ญาณไมโครเวฟซง่ึ เป็นสญั ญาณคล่นื แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ ไปในอากาศพร้อมกบั ข้อมลู ที่ต้องการสง่และจะต้องมีสถานีที่ทาหน้าที่สง่ และรับข้อมลู และเน่ืองจากสญั ญาณไมโครเวฟจะเดนิ ทางเป็นเส้นตรงไมส่ ามารถเลยี ้ วหรือโค้งตามขอบโลกที่มีความโค้งได้ จงึ ต้องมกี ารตงั้ สถานีรับ-สง่ ข้อมลู เป็นระยะๆ และสง่ ข้อมลู ตอ่ กนั เป็นทอดๆ ระหวา่ งสถานีตอ่ สถานีจนกวา่ จะถงึ สถานีปลายทาง และแตล่ ะสถานีจะตงั้ อยใู่ นท่ีสงู เช่นดาดฟา้ ตกึ สงู หรือยอดดอยเพื่อหลกี เลยี่ งการชนหากมสี ง่ิ กีดขวางเนื่องจากแนวการเดินทางที่เป็นเส้นตรงของสญั ญาณดงั ท่ีกลา่ วมาแล้ว การสง่ ข้อมลู ด้วยส่ือกลางชนดิ นีเ้หมาะกบั การสง่ ข้อมลู ในพนื ้ ท่ีหา่ งไกลมากๆ และทรุ กนั ดาร 2.2 ดาวเทียม (satilite) ไดร้ ับการพฒั นาข้ึนมาเพื่อหลีกเล่ียงขอ้ จากดั ของสถานีรับ-ส่งไมโครเวฟบนผวิ โลก วตั ถุประสงคใ์ นการสร้างดาวเทียมเพอื่ เป็นสถานีรับ-ส่งสญั ญาณไมโครเวฟบนอวกาศและทวนสญั ญาณในแนวโคจรของโลก ในการส่งสญั ญาณดาวเทียมจะตอ้ งมีสถานีภาคพ้นื ดินคอยทาหนา้ ท่ีรับและส่งสญั ญาณข้ึนไปบนดาวเทียมท่ีโคจรอยสู่ ูงจากพ้ืนโลก 22,300 ไมล์ โดยดาวเทียมเหลา่ น้นั จะเคลื่อนท่ีดว้ ยความเร็วที่เท่ากบั การหมุนของโลก จึงเสมือนกบั ดาวเทียมน้นั อยนู่ ิ่งอยกู่ บั ท่ีขณะที่โลกหมุนรอบตวั เอง ทาใหก้ ารส่ง
สญั ญาณไมโครเวฟจากสถานีหน่ึงข้ึนไปบนดาวเทียมและการกระจายสญั ญาณจากดาวเทียมลงมายงั สถานีตามจุดต่างๆ บนผวิ โลกเป็นไปอยา่ งแม่นยา ดาวเทียมสามารถโคจรอยไู่ ดโ้ ดยอาศยั พลงั งานท่ีไดม้ าจากการเปลี่ยนพลงั งานแสงอาทิตยดว้ ยแผงโซลาร์ (solar panel)มาตรฐานเครือข่ายไร้สาย (Wireless Networking Protocols) ดว้ ยความเจริญเติบโตอยา่ งรวดเร็วของเทคโนโลยเี ครือข่ายไร้สายไดส้ ่งผลใหอ้ ุปกรณ์อิเลก็ ทรอนิกส์ เช่นพีดีเอ โทรศพั ทม์ ือถือ ตลอดจนโรงงานอุตสาหกรรมโทรคมนาคมมีความตอ้ งการมาตรฐานเพือ่ การสื่อสารไร้สายในทีน้ีกล่าวถึงการส่ือสารไร้สายดงั น้ี (ศรีไพร ศกั ด์ิรุ่งพงศากลุ และ เจษฎาพร ยทุ ธนวิบูลยช์ ยั . 2549 : 106-108) บลทู ูธ (Bluetooth) บลูทธเป็นชื่อท่ีเรียกสาหรับมาตรฐานเรือข่ายแบบ 802.15 บลูทูธเป้นเทคโนโลยไี ร้สายท่ีใชก้ ารส่งขอ้ มูลทางคลื่นวิทยุ (Universal Radio Interface) เร่ิมใชใ้ นปี ค.ศ. 1998 สาหรับการเชื่อมโยงส่ือสารไร้สายในแถบความถี่ 2.45 GHz ซ่ึงเป็นอุปการณ์อิเลก็ ทรอนิกส์ท่ีถือเคล่ือนยา้ ยได้ สามารถติดต่อเชื่อมโยงสื่อสารแบบไร้สายระหวา่ งกนั ในช่วงระยะห่างส้นั ๆ ได้ ไว-ไฟ (Wi-Fi) ไว-ไฟ ยอ่ มาจากคาวา่ Wireless Fidelity คือมาตรฐานท่ีรับรองวา่ อุปกาณ์ไวร์เลว(Wireless LAN) สามารถทางานร่วมกนั ได้ และสนบั สนุนมาตรฐาน IEEE802.11b ไว-ไฟ เป็นเทคโนโลยอี ินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงท่ีนิยมใชท้ ่ีสุดในโลก ใชส้ ญั ญาณวทิ ยใุ นการรับส่งขอ้ มูลความเร็วสูงผา่ นเครือขา่ ยไร้สายจากบริเวณที่มีการติดต้งั Access Point ไปยงั อปุ กรณ์ท่ีใชเ้ ชื่อมต่อ เช่นโทรศพั ทม์ ือถือ พดี ีเอ และโนตบุคเป็นตน้ ไว- แมกซ์ (Wi-MAX) เป็นช่ือเรียกเทคโนโลยีไร้สายรุ่นใหมล่ า่ สดุ ท่ีคาดหมายกนั วา่ จะถกู นามาใช้งานท่ีประเทศไทยอยา่ งเป็นทางการ ในอนาคตอนั ใกล้นี ้(ตอนนีม้ ีแอบทดสอบ WiMAX กนั หลายที่ในตา่ งจงั หวดั แล้วเชน่ ที่เชียงใหม่) ซงึ่ เป็นเทคโนโลยีบรอดแบนด์ไร้สายความเร็วสงู รุ่นใหมต่ วั นี ้ได้รับการพฒั นาขนึ ้ มาบนมาตรฐานท่ีเรียกเป็นทางการวา่ IEEE 802.16 ซง่ึ ตอ่ มาก็ได้พฒั นามาตรฐาน IEEE 802.16a (เหมอื นกบั มาตรฐานสากลตวั แรก แตม่ ี a ตอ่ ท้าย) ขนึ ้โดยได้อนมุ ตั โิ ดย IEEE มาเม่ือเดือนมกราคม 2004 ซง่ึ IEEE ท่ีวา่ ก็คอื สถาบนั วศิ วกรรมไฟฟา้ และอิเลก็ ทรอนกิ ส์หรือชื่อเตม็ ๆก็คอื Institute of Electrical and Electronics Engineers โดยเจ้าระบบ WiMAX นีม้ ีซงึ่ มรี ัศมีทาการไกลสงู สดุ ที่ 30 ไมล์ หรือเป็นระยะทางประมาณ 48 กิโลเมตร (คนละ่ โลกกบั WiFi ท่ีเรารู้จกั กนั เลยทีเดยี ว) ซง่ึ นน่ั หมายความวา่ WiMAX สามารถให้บริการครอบคลมุ พืน้ ท่ีกว้างกวา่ ระบบโครงข่ายโทรศพั ท์เคลื่อนที่ระบบ 3G (ซงึ่ ก็เป็นระบบมือถือในอนาคตของประเทศไทยเราอีกนนั้ แหละ เพยี งแตต่ อนนีเ้ราใช้2.5G กนั อย)ู่ มากถงึ 10 เท่า ยิง่ กวา่ นนั้ ก็ยงั มีอตั ราความเร็วในการสง่ ผ่านข้อมลู สงู สดุ ถงึ 75 เมกะบติ ตอ่ วนิ าที(Mbps) ซงึ่ เร็วกวา่ 3G ถึง 30 เทา่ ทีเดียว และแน่นอนวา่ เร็วกวา่ ระบบ WiFi ด้วย
เครือข่ายคอมพวิ เตอร์ เครือข่ายคอมพวิ เตอร์ คอื ระบบการสอ่ื สารระหวา่ งคอมพิวเตอร์จานวนตงั้ แตส่ องเคร่ืองขนึ ้ ไปการที่ระบบเครือข่ายมีบทบาทสาคญั มากขนึ ้ ในปัจจบุ นั เพราะมีการใช้งานคอมพิวเตอร์อยา่ งแพร่หลาย จงึ เกิดความต้องการท่ีจะเช่ือมตอ่ คอมพวิ เตอร์เหลา่ นนั้ ถึงกนั เพ่อื เพ่ิมความสามารถของระบบให้สงู ขนึ ้ และลดต้นทนุ ของระบบโดยรวมลง การโอนย้ายข้อมลู ระหวา่ งกนั ในเครือขา่ ย ทาให้ระบบมีขีดความสามารถเพมิ่ มากขนึ ้ การแบง่ การใช้ทรัพยากร เช่น หน่วยประมวลผล, หนว่ ยความจา, หนว่ ยจดั เก็บข้อมลู , โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ และอปุ กรณ์ตา่ ง ๆที่มีราคาแพงและไมส่ ามารถจดั หามาให้ทกุ คนได้ เชน่ เคร่ืองพิมพ์ เครื่องกราดภาพ (scanner) ทาให้ลดต้นทนุ ของระบบลงได้ องค์ประกอบพนื้ ฐานของเครือข่าย การท่ีคอมพวิ เตอร์จะเช่ือมตอ่ กนั เป็นเครือขา่ ยได้ ต้องมอี งค์ประกอบพนื ้ ฐานดงั ตอ่ ไปนี ้ - คอมพวิ เตอร์ อยา่ งน้อย 2 เคร่ือง - เนต็ เวริ ์คการ์ด หรือ NIC (Network Interface Card) เป็นการ์ดท่ีเสยี บเข้ากบั ชอ่ งเมนบอร์ดของคอมพวิ เตอร์ ซงึ่ เป็นจดุ เชื่อมตอ่ ระหวา่ งคอมพวิ เตอร์และเครือข่าย - สือ่ กลางและอปุ กรณ์สาหรับการรับสง่ ข้อมลู เช่น สายสญั ญาณ สายสญั ญาณท่ีเป็นที่นยิ มในเครือข่าย เชน่ สายโคแอก็ เชียล สายคเู่ กลยี วบดิ และสายใยแก้วนาแสง เป็นต้น สว่ นอปุ กรณ์เครือข่าย เชน่ ฮบัสวิตซ์ เราท์เตอร์ เกตเวย์ เป็นต้น - โปรโตคอล (Protocol) โปรโตคอลเป็นภาษาที่คอมพวิ เตอร์ใช้ส่ือสารกนั ผา่ นเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ท่ีสามารถสอ่ื สารกนั ได้นนั้ จาเป็นที่ต้องใช้ “ภาษา” หรือโปรโตคอลเดยี วกนั เชน่ OSI, TCP/IP, IPX/SPX เป็นต้น - ระบบปฏิบตั กิ ารเครือข่าย หรือ NOS (Network Operating System) ระบบปฏบิ ตั ิการเครือข่ายจะเป็นตวั ที่คอยจดั การเกี่ยวกบั การใช้งานเครือข่ายของผ้ใู ช้แตล่ ะคน หรือเป็นตวั จดั การและควบคมุ การใช้ทรัพยากรตา่ งๆ ของเครือข่าย ระบบปฏิบตั ิการเครือข่ายที่เป็นท่ีนยิ ม เชน่ Windows Server 2003, Novell NetWare, SunSolaris และ Red Hat Linux เป็นต้นโครงสร้างเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ (Topology) การนาเคร่ืองคอมพวิ เตอร์มาเช่ือมตอ่ กนั เพ่ือประโยชน์ของการสื่อสารนนั้ สามารถกระทาได้หลายรูปแบบซงึ่ แตล่ ะแบบก็มีจดุ เดน่ ตา่ งกนั ไป โดยทว่ั ไปแล้วโครงสร้างของเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์สามารถจาแนกตามลกั ษณะการเชื่อมตอ่ ได้ดงั นี ้ 1. เครือข่ายแบบบสั (Bus Network) เป็นเครือข่ายท่ีเช่ือมตอ่ คอมพิวเตอร์ และอปุ กรณ์ตา่ ง ๆ ด้วยสายเคเบลิ ้ ยาวตอ่ เนื่องไปเร่ือย ๆ
โดยมีตวั เชื่อมตอ่ คอมพิวเตอร์ และอปุ กรณ์เข้ากบั สายเคเบลิ ้ ในการสง่ ข้อมลู จะมีคอมพิวเตอร์เพียงตวั เดยี วเท่านนั้ ที่สามารถสง่ ข้อมลู ได้ในชว่ งเวลาหนงึ่ ๆ การจดั สง่ ข้อมลู วธิ ีนีม้ วี ิธีการท่ีจะไมใ่ ห้ทกุ สถานี สง่ ข้อมลูพร้อมกนั เพราะจะทาให้ข้อมลู ชนกนั การตดิ ตงั้ เครือขา่ ยแบบนีท้ าได้ไม่ยาก เพราะคอมพิวเตอร์และอปุ กรณ์แตล่ ะชนิดถกู เชื่อมตอ่ ด้วยสายเคเบลิ ้ เพียงเส้นเดียว โดยสว่ นใหญ่เครือขา่ ยแบบบสั มกั จะใช้ในเครือข่ายขนาดเลก็ ซงึ่ อยใู่ นองค์กรที่มีเคร่ือง คอมพวิ เตอร์ใช้ไมม่ ากนกั ข้อดี ประหยดั สายสญั ญาณ เคร่ืองหนง่ึ เสียก็ไม่กระทบกบั เครือขา่ ย ข้อเสีย อาจเกิดการชนกนั ของ ข้อมลู ได้ ต้องมกี ารสง่ ใหม่ ถ้าสายหลกั เสีย เครือข่ายลม่ 2. เครือข่ายแบบดาว (Star Network) เป็นเครือข่ายท่ีเชื่อมตอ่ คอมพวิ เตอร์ เข้ากบั อปุ กรณ์ท่ีเป็นจดุ ศนู ย์กลางของเครือขา่ ย โดยการนาสถานีตา่ ง ๆ มาตอ่ ร่วมกนั กบั หนว่ ยสลบั สายกลาง การติดตอ่ สอ่ื สารระหวา่ งสถานีจะกระทาได้ด้วยการตดิ ตอ่ ผ่านทางวงจรของ หนว่ ยสลบั สายกลางการทางานของหนว่ ยสลบั สายกลางจงึ เป็นศนู ย์กลาง ของการติดตอ่ วงจรเชื่อมโยงระหวา่ งสถานีตา่ ง ๆ ที่ต้องการตดิ ตอ่ กนั ข้อดี ติดตงั้ และดแู ลง่าย ถ้าเคร่ืองลกู ขา่ ยเสยี ก็ตรวจสอบได้งา่ ย เคร่ืองอ่ืนยงั ตดิ ตอ่ กนั ได้ ข้อเสีย ถ้าฮบั เสีย เครือขา่ ยลม่ ใช้สญั ญาณมากกวา่ แบบอ่ืน 3. เครือข่ายแบบวงแหวน (Ring Network) เป็นเครือขา่ ยที่เช่ือมตอ่ เคร่ือง คอมพิวเตอร์ด้วยสายเคเบลิ ้ เพยี งเส้นเดยี วในลกั ษณะวงแหวนการรับสง่ ข้อมลู ในเครือข่ายวงแหวนจะใช้ทศิ ทางเดียวเท่านนั้ เมื่อคอมพิวเตอร์เคร่ืองหนง่ึ สง่ ข้อมลู จะสง่ ไปยงั คอมพวิ เตอร์เครื่องถดั ไปถ้าข้อมลู ท่ีรับมาไมต่ รงตามท่ีเครื่องคอมพวิ เตอร์ ต้นทางระบุ จะสง่ ผา่ นไปยงัเครื่องคอมพวิ เตอร์เครื่องถดั ไปซงึ่ จะเป็นขนั้ ตอนอยา่ งนีไ้ ป เร่ือย ๆ จนกวา่ จะถงึ เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ท่ีอยู่ปลายทางท่ีถกู ระบตุ ามท่ีอยจู่ ากเคร่ืองต้นทาง ข้อดี สง่ ข้อมลู ไปยงั ผ้รู ับหลายเคร่ือง ๆ พร้อมกนั ได้ ไมเ่ กิดการชนกนั ของข้อมลู ข้อเสีย ถ้าเครื่องใดมีปัญหา เครือข่ายลม่ การตดิ ตงั้ ทาได้ยาก และใช้สายสญั ญาณมากกวา่ แบบบสั 4. เครือข่ายแบบตาข่าย (Mesh Network) โครงสร้างแบบเมชมีการทางานโดยเครื่องคอมพวิ เตอร์แตล่ ะเครื่องจะต้องมีชอ่ ง สง่ สญั ญาณจานวนมากเพือ่ ท่ีจะเชื่อมตอ่ กบั เครื่องคอมพิวเตอร์เคร่ืองอ่ืนๆ ทกุ เครื่อง โครงสร้างนีเ้คร่ืองคอมพวิ เตอร์แตล่ ะเครื่องจะสง่ข้อมลู ได้อสิ ระไมต่ ้องรอ การสง่ ข้อมลู ระหวา่ งเคร่ืองคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ทาให้การสง่ ข้อมลู มีความรวดเร็ว แต่คา่ ใช้จ่ายสายเคเบลิ ้ ก็สงู ด้วยเชน่ กนั
ข้อดี – การส่ือสารข้อมลู เร็ว เพราะคอมพวิ เตอร์แตล่ ะคสู่ ามารถส่อื สารกนั ได้โดยไม่ต้องรอ เส้นทางการเชื่อมตอ่ ใดๆ ขาด ไมม่ ีผลตอ่ การสอื่ สารของเครื่องอื่นๆ ข้อเสีย – สนิ ้ เปลอื งคา่ ใช้จ่าย จากจานวนสายสญั ญาณและช่องตอ่ สาย ตามจานวนเคร่ืองในระบบ 5. เครือข่ายแบบผสม (Hybrid Network) เป็นเครือข่ายท่ีผสมผสานโครงสร้าง เครือข่ายแบบตา่ ง ๆ เข้าด้วยกนั เป็นเครือข่ายขนาดใหญ่เพียงเครือขา่ ยเดยี ว เชน่ การเชื่อม ตอ่ เครือข่ายแบบวงแหวน แบบดาว และแบบบสั เข้าเป็นเครือข่ายเดยี วการประยุกต์ใช้ การเช่ือมตอ่ คอมพิวเตอร์เครือข่ายขนาดเลก็ ท่ีมีจานวนเคร่ืองจากดั หรืออยใู่ นบริเวณไม่กว้าง มกั เลือกใช้โทโพโลยอี ยา่ งใดอยา่ งหนึ่ง ขนึ ้ กบั วตั ถปุ ระสงค์ อปุ กรณ์ท่ีมี และสภาพพนื ้ ที่ เช่น การตอ่ ภายในห้อง อาจจะใช้แบบดาว การตอ่ ระหวา่ งหลายๆ อาคาร อาจเป็นแบบบสั แตเ่ ม่ือมีการขยายขนาดเครือขา่ ยให้ใหญ่ขนึ ้ อาจจะเป็นการตอ่ หลายๆ เครือขา่ ยเข้าด้วยกนั ลกั ษณะของโทโพโลยโี ดยรวม คอื การเช่ือมตอ่ หลายๆ โทโพโลยีเข้าด้วยกนัประเภทเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ในเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ 1.เซริ ์ฟเวอร์ เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทาหน้าที่ให้บริการตา่ ง ๆ โดยเครือขา่ ยตา่ ง ๆ สามารถมีเครื่องเซริ ์ฟเวอร์ก่ีเคร่ืองก็ได้ตามต้องการชนิดของเคร่ืองคอมพวิ เตอร์เซิร์ฟเวอร์ไฟล์เซริ ์ฟเวอร์ (File Server) เป็นเซริ ์ฟเวอร์ท่ีทาหน้าท่ีในการจดั เก็บไฟล์ จะเสมือนฮาร์ดดิสก์รวมศนู ย์ (Centerized disk storage)เสมือนวา่ ผ้ใู ช้งานทกุ คนมที ี่เก็บข้อมลู อยทู่ ี่เดียว เพราะควบคมุ -บริหารง่าย การสารองข้อมลู โดยการ Restore ง่ายพรินต์เซิร์ฟเวอร์ Print Server หนงึ่ เหตผุ ลท่ีจะต้องมี Print Server ก็คอื เพื่อแบง่ ให้พรินเตอร์ราคาแพงบางรุ่นที่ออกแบบมาใช้สาหรับการทางานมาก ๆ เชน่ HP Laser 5000 พมิ พ์ได้ถงึ 10 – 24 แผน่ ตอ่ นาที พรินเตอร์สาหรับประเภทนี ้ความสามารถในการทางานที่จะสงูแอพพลิเคชันเซริ ์ฟเวอร์ (Application Server) Application Server คอื เซริ ์ฟเวอร์ที่รันโปรแกรมประยกุ ต์ได้ โดยการทางานสอดคล้องกบั ไคลเอน็ ต์ เชน่
Mail Server ( รัน MS Exchange Server ) Proxy Server (รัน Proxy Server) หรือ Web Server (รัน WebServer Program เชน่ Xitami , Apache’ )อินเตอร์เน็ตเซริ ์ฟเวอร์ (Internet Server) ปัจจบุ นั อนิ เตอร์เนต็ นนั้ มีผลกระทบกบั เครือขา่ ยในปัจจบุ นั เป็นอยา่ งมาก อนิ เตอร์เน็ตเป็นเครือขา่ ยท่ีมีขนาดใหญ่มากและมีผ้ใู ช้งานมากท่ีสดุ ในโลก เทคโนโลยที ่ีทาให้อนิ เตอร์เนต็ เป็นท่ีนยิ มก็คือ เว็บ และอีเมล เพราะทงั้ สองแอพพลเิ คชนั ทาให้ผ้ใู ช้สามารถแลกเปลยี่ นข้อมลู และสือ่ สารกนั ได้งา่ ยและมรี วดเร็ว เวบ็ เซริ ์ฟเวอร์ (Web Server) คือ เซริ ์ฟเวอร์ท่ีให้บริการข้อมลู ในรูปแบบ HTML (Hyper textMarkup Language) เมลเซริ ์ฟเวอร์ (Mail Server) คือ เซริ ์ฟเวอร์ที่ให้บริการรับ – สง่ จดั เก็บ และจดั การเก่ียวกบั อีเมลของผ้ใู ช้2. เวริ ์กสเตช่นั (Workstation) เป็นเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ทวั่ ๆ ไปที่สามารถทาการประมวลผลข้อมลู ตา่ ง ๆ ได้3. ไคลเอนต์ (Client) เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีการเรียกใช้ข้อมลู จากเซริ ์ฟเวอร์4. เทอร์มินัล (Terminal) เป็นอปุ กรณ์ท่ีประกอบไปด้วยจอภาพ แปน้ พิมพ์ และอืน่ ๆ เทอร์มนิ ลั ไมส่ ารถประมวลผลข้อมลู ได้ด้วยตวั เองแตใ่ ช้การสอ่ื สารข้อมลู กบั เซริ ์ฟเวอร์เพ่ือให้เซริ ์ฟเวอร์ประมวลผลพร้อมทงั้ แสดงผลที่จอเทอร์มนิ อลรูปแบบการประมวลผลข้อมูลในเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ (Computing Architecture) การประมวลผลข้อมูลท่สี ่วนกลาง (Centrallized Processing) เป็นการประมวลผลข้อมลู ท่ีเซริ ์ฟเวอร์ เคร่ืองลกู ขา่ ยคอมพิวเตอร์จะเป็นเทอร์มนิ ลั ไมส่ ามารถประมวลผลได้เอง การประมวลผลแบบนี ้ เซริ ์ฟเวอร์จะต้องเป็นเครื่องท่ีประมวลผลได้ เซริ ์ฟเวอร์ต้องเป็นเครื่องท่ีมีความเร็วสงู สามารถประมวลผลข้อมลู ได้เป็นจานวนมาก การประมวลผลข้อมูลแบบไคลเอนต์/เซริ ์ฟเวอร์ เป็นรูปแบบหน่ึงของเครือขา่ ยแบบ server-based โดยจะมีคอมพิวเตอร์หลกั เคร่ืองหน่ึงเป็นเซิร์ฟเวอร์ ซ่ึงจะไม่ไดท้ าหนา้ ที่ประมวลผลท้งั หมดใหเ้ คร่ืองลูกข่าย หรือไคลเอนต์ (client) เซิร์ฟเวอร์ทาหนา้ ท่ีเสมือนเป็นที่เกบ็ ขอ้ มูลระยะไกล (remote disk) และประมวลผลบางอยา่ งใหก้ บั ไคลเอนตเ์ ท่าน้นั เช่น ประมวลผลคาสง่ั ในการดึงขอ้ มูลจากเซิร์ฟเวอร์ฐานขอ้ มูล (database server) เป็นตน้
ชนิดของเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ เครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ สามารถจาแนกตามระยะทางของการเช่ือมตอ่ ระหวา่ งการสอ่ื สารได้เป็น 4ประเภทดงั นี ้ 1. แพน (PAN) หรือเครือขา่ ยส่วนบุคคล เป็นเครือขา่ ยสาหรับการแลกเปลี่ยนสารสนเทศและบริการตลอดจนการใช้งานอุปกรณ์ร่วมกนั 2. ระบบแวน (wide area networks : WAN) ระบบเครือข่ายบริเวณกว้างท่ีเช่ือมโยงคอมพิวเตอร์ท่ีอยู่ ห่าง ไกลกนั ข้ามจงั หวดั หรือประเทศ ดงั นนั้ จงึ ต้องใช้ระบบสอ่ื สารโทรคมนาคมท่ีมีประสทิ ธิภาพสงู ใน ระดบั ประเทศ เชน่ ขององค์การ โทรศพั ท์แห่งประเทศไทย สาหรับตวั กลางอาจเป็นคสู่ ายโทรศพั ท์ ธรรมดา สายเช่าวงจรไมโครเวฟ เส้นใยแก้วนาแสง สายเคเบลิ แบบโคแอกเชียล หรือใช้ระบบ ดาวเทียมก็ได้ โดยพนื ้ ฐานแล้ว ระบบเครือขา่ ยบริเวณกว้างเป็นระบบเครือข่ายสื่อสาร ท่ีสามารถใช้สง่ สญั ญาณ เสยี ง ภาพ และข้อมลู ข้ามอาณาบริเวณไกล ๆ ได้ 3. ระบบแมน (10etropolitan area network : MAN) ระบบเครือขา่ ยบริเวณมหานครเป็นระบบ ที่ เชื่อม โยงคอมพวิ เตอร์ซงึ่ อาจตงั้ อยหู่ า่ งไกลกนั ในชว่ ง 5 ถงึ 50 กิโลเมตร ปกตมิ กั ใช้สาหรับสือ่ สาร ข้อมลู เสียง และภาพ ผา่ นสาย โคแอกเชียลหรือเส้นใยแก้วนาแสง ผ้ใู ช้ระบบแมนมกั เป็นบริษัทขนาด ใหญ่ท่ีจาเป็น จะต้องตดิ ตอ่ สอื่ สารข้อมลู ผ่าน ระบบ คอมพวิ เตอร์ด้วยความเร็วสงู มาก โดยที่การ ส่อื สารนนั้ จากดั ภายในบริเวณเมือง หรือมหานคร 4. ระบบแลน (local area networks : LAN) เป็นระบบเครือขา่ ยเฉพาะบริเวณที่เชื่อมโยง คอมพวิ เตอร์ ที่ติดตงั้ ภายในตวั อาคารหลงั เดียว หรือท่ีอยใู่ นละแวกเดยี วกนั การเช่ือมโยงมกั ใช้ตวั กลางสอ่ื สารของ ตวั เอง เป็นระบบท่ีเจ้าของ ควบคมุ การปฏบิ ตั งิ านได้อยา่ งสมบรู ณ์แบบด้วย ในระบบเครือขา่ ยทงั้ สามระบบนีร้ ะบบ LAN ได้รับความนิยมใช้กนั มากที่สดุ ทงั้ ในภาครัฐและเอกชนเพราะเทคโนโลยีระบบ LAN มีราคาไมส่ งู มากอีกทงั้ คอมพิวเตอร์ที่ตอ่ กบั ระบบเครือข่ายนีก้ ็เป็นไมโครคอมพิวเตอร์ ซง่ึ มีราคาถกู ละหนว่ ยงานตา่ ง ๆ มีใช้อยแู่ ล้วหลายเคร่ือง การลงทนุ ซือ้ อปุ กรณ์สาหรับเครือข่าย LAN มาตดิ ตงั้ จงึกระทาได้งา่ ยที่สาคญั คือระบบ LAN หลายระบบสามารถเช่ือมตอ่ กบั คอมพวิ เตอร์ขนาดใหญ่ ทงั้ มินิคอมพวิ เตอร์และระดบั เมนเฟรมได้ แตแ่ ท้ที่จริงแล้วระบบ LAN ก็คอื เครือขา่ ยขนาดเลก็ ใช้เช่ือมโยงเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ภายในบริเวณสานกั งานที่อยอู่ าคารเดยี วกนั หรือบริเวณเดยี วกนั เท่านนั้
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: