ความรู้พืน้ ฐานเกยี่ วกบัคอมพวิ เตอร์และเทคโนโลยี สารสนเทศ
1 ความรู้ พื้นฐานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศ Basic Concepts of Computer and Information Technology ส่วนประกอบทางกายภาพของคอมพวิ เตอร์ การใชค้ อมพิวเตอร์ในชีวิตประจาวนั และงานดา้ นต่างๆ เทคโนโลยสี ารสนเทศกบั สงั คม Basic physical make-up of a personal computer, computer and information network,computer applications in everyday life, information technology and society.เนื้อหาความรู้ในโมดูลท่ี 1 1. บทนา คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ ชนิดของคอมพิวเตอร์ การทางานของคอมพิวเตอร์ ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ 2. ฮาร์ดแวร์ Hardware หน่วยประมวลผลกลาง (CPU: Central Processing Unit) อุปกรณ์นาเขา้ (Input devices) อุปกรณ์แสดงผล (Output devices) 3. หน่วยความจา Memory หน่วยความจารอม (ROM) และ (RAM) DRAM (ดีแรม) และ SDRAM (เอสดีแรม) SIMM (ซิม) หน่วยความจาเสมือน (Virtual Memory) หน่วยความจาแคช (Memory Cache) และ บสั (Bus) หน่วยขอ้ มูลสารอง 4. ซอร์ฟแวร์ Software ชนิดของ Software 5. คอมพิวเตอร์กับชีวิตประจาวันและงานด้านต่าง ๆ คอมพิวเตอร์ในสถานศึกษา
2 คอมพิวเตอร์ในงานวิศวกรรม คอมพิวเตอร์ในงานวิทยาศาสตร์ คอมพิวเตอร์ในงานธุรกิจ คอมพิวเตอร์ในงานธนาคาร คอมพิวเตอร์ในร้านคา้ ปลีก คอมพิวเตอร์ในวงการแพทย์ คอมพิวเตอร์ในการคมนาคม และการสื่อสาร คอมพิวเตอร์ในงานดา้ นอุตสาหกรรม คอมพิวเตอร์ในวงราชการ 6. เทคโนโลยีสารสนเทศกับสังคม การเปล่ียนแปลงของโลก ความปลอดภยั และความเป็ นส่วนตวั ทรัพยส์ ินทางปัญญา1. บทนา ในสภาวะการณ์ปัจจุบนั คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทต่อการทางานเป็ นอย่างมาก ในบทเรียนน้ีจะกล่าวถึงความหมาย ชนิด การทางาน ของคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศกบั การเปลี่ยนแปลงทางสังคม1.1 คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศในบทน้ีจะกล่าวถึง ความหมายของคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ ประโยชน์ท่ีมนุษย์นามาใชด้ า้ นต่างๆ1.1.1 ความหมายของของพิวเตอร์คอมพิวเตอร์ หมายถึง อุปกรณ์ชนิดหน่ึงท่ีทางานดว้ ยระบบอิเลก็ ทรอนิกส์ สามารถจาขอ้ มูลและคาส่ังได้ ทาให้สามารถทางานไปไดโ้ ดยอตั โนมตั ิดว้ ยอตั ราความเร็วที่สูงมาก ใชป้ ระโยชน์ในการคานวณหรือการทางานต่างๆไดเ้ กือบทุกชนิด คอมพิวเตอร์เป็ นเคร่ืองมือที่ช่วยในการคานวณและประมวลผลขอ้ มูล ซ่ึงประกอบดว้ ยคุณสมบตั ิ 3 ประการ คือ
3ความเร็ว (Speed) เครื่องคอมพิวเตอร์ทางานดว้ ยความเร็วสูงมาก หน่วยความเร็วของการทางานของคอมพิวเตอร์วดั เป็ น - มิลลิเซกนั (Millisacond) ซ่ึงเทียบความเร็วเท่ากบั 1/1,000 วินาที - ไมโครเซกนั (Microsecond) ซ่ึงเทียบความเร็วเท่ากบั 1/1,000,000 วินาที - นาโนเซกนั (Nanosacond) ซ่ึงเทียบความเร็วเท่ากบั 1/1,000,000,000 วินาทีหน่วยความจา (Memory) เคร่ืองคอมพิวเตอร์ประกอบไปดว้ ยหน่วยความจา สามารถใชบ้ นั ทึกและเก็บขอ้ มูลไดค้ ราวละมากๆ สามารถเก็บคาสั่งต่อๆ กนั ท่ีเราเรียกว่า โปรแกรม และนามาประมวลในคราวเดียวกนั ซ่ึงเป็ นปัจจยั ทาให้คอมพิวเตอร์สามารถทางานเก็บขอ้ มูลไดค้ ราวละมากๆ และสามารถประมวลผลไดเ้ ร็วและถูกตอ้ งความสามารถในการเปรียบเทียบ (Logical) เครื่องคอมพิวเตอร์ประกอบดว้ ยหน่วยคานวณและตรรกะ นอกจากจะมีความสามารถในการคานวณแลว้ ยงั มีความสามารถในการเปรียบเทียบความสามารถน้ีเองท่ีทาให้เครื่องคอมพิวเตอร์ต่างกบั เครื่องคิดเลข และคุณสมบตั ิน้ีที่ทาให้นกัคอมพิวเตอร์สร้างโปรแกรมอตั โนมตั ิข้ึนใชอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง คอมพิวเตอร์ยงั มีความแม่นยาใน
4การคานวณ มีความเท่ียงตรงแมจ้ ะทางานเหมือนเดิมซ้ากนั หลายรอบ และสามารถติดต่อสื่อสารกบั คอมพิวเตอร์เคร่ืองอื่นๆ อีกดว้ ย1.1.2 ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์การใชป้ ระโยชน์จากคอมพิวเตอร์กระจายไปอย่ใู นทุกวงการ - ดา้ นธุรกิจ ไดแ้ ก่การนาคอมพิวเตอร์มาประมวลงานดา้ นธุรกิจ - ดา้ นการธนาคาร ปัจจุบนั ทุกธนาคารจะนาระบบคอมพิวเตอร์มาใชง้ านในองคก์ รของตนเพื่อให้บริการลูกคา้ - ดา้ นตลาดหลกั ทรัพย์ ตลาดหลกั ทรัพยเ์ ป็ นศูนยก์ ลางการซ้ือขายหลกั ทรัพย์ จะมีขอ้ มูลจานวนมากและตอ้ งการความรวดเร็วในการปฏิบตั ิงาน - ธุรกิจโรงแรม ระบบคอมพิวเตอร์สามารถใชใ้ นการบริหารโรงแรม การจองห้องพกั การติดต้งั ระบบ Online ตามแผนกต่างๆ - การแพทย์ มีการนาระบบคอมพิวเตอร์มาใชอ้ ย่างกวา้ งขวาง เช่น ทะเบียนประวตั ิคนไข,้ระบบขอ้ มูลการให้ภูมิคุม้ กนั โรค,สถิติดา้ นการแพทย,์ ดา้ นการบญั ชี - วงการศึกษา การนาคอมพิวเตอร์มาใชก้ บั สถาบนั การศึกษาจะมี ระบบงานท่ีเกี่ยวกบั การเรียนการสอน การวิจยั การบริหาร - ดา้ นอุตสาหกรรมทว่ั ไป - ดา้ นธุรกิจสายการบิน สายการบินต่างๆทวั่ โลกไดน้ าเอาคอมพิวเตอร์มาใชง้ านอยา่ งแพร่หลายโดยเฉพาะงานการสารองที่นง่ั และเที่ยวบิน - ดา้ นการบนั เทิง เช่น วงการภาพยนตร์ การดนตรี เตน้ รา
51.1.3 ความหมายและความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยสี ารสนเทศ มาจากคาภาษาองั กฤษวา่ Information Technology และมีผนู้ ิยมเรียกทบั ศพั ทย์ อ่ วา่ IT สุชาดา กีระนนั ท์ (2541) ใหค้ วามหมายวา่ เทคโนโลยสี ารสนเทศ หมายถึงเทคโนโลยที ุกดา้ นท่ีเขา้ ร่วมกนั ในกระบวนการจดั เกบ็ สร้าง และส่ือสารสนเทศ ครรชิต มาลยั วงศ์(2539) กล่าววา่ เทคโนโลยสี ารสนเทศ ประกอบดว้ ยเทคโนโลยที ่ีสาคญั สองสาขาคือ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และ เทคโนโลยสี ื่อสารโทรคมนาคม โดยทว่ั ไปแลว้ เทคโนโลยสี ารสนเทศจะครอบคลุมถึงเทคโนโลยตี ่างๆ ที่เกี่ยวขอ้ งกบั การบนั ทึก จดั เกบ็ ประมวลผลสืบคน้ ส่งและรับขอ้ มูลในรูปของส่ืออิเลก็ ทรอนิกส์ ซ่ึงรวมถึงเคร่ืองมือและอุปกรณ์ต่างๆ เช่น คอมพวิ เตอร์ อุปกรณ์จดั เกบ็บนั ทึกและคน้ คืน เครือข่ายสื่อสาร ขอ้ มูล อุปกรณ์สื่อสารและโทรคมนาคม รวมท้งั ระบบท่ีควบคุมการทางานของอุปกรณ์เหล่าน้ีครรชิต มาลยั วงศ์ (2541) กล่าววา่ เทคโนโลยสี ารสนเทศมีความสาคญั ดงั น้ี 1. สามารถจดั เกบ็ ขอ้ มูลจากจุดเกิดไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว 2. สามารถบนั ทึกขอ้ มูลจานวนมากๆไวใ้ ชง้ านหรือไวอ้ า้ งอิงการดาเนินงานหรือการตดั สินใจใดๆ 3. สามารถคานวณผลลพั ธ์ต่างๆไดร้ วดเร็ว 4. สามารถสร้างผลลพั ธ์ไดห้ ลากหลายรูปแบบ 5. สามารถส่งสารสนเทศ ขอ้ มูล หรือผลลพั ธ์ที่ไดจ้ ากท่ีหน่ึงไปยงั อีกที่หน่ึงไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว1.2 ชนิดของคอมพิวเตอร์เคร่ืองคอมพิวเตอร์ในปัจจุบนั สามารถแบ่งเป็ นประเภทต่างๆ โดยใชค้ วามแตกต่างจากขนาดของเครื่อง ความเร็วในการประมวลผล รวมท้งั ราคาเป็ นหลกั ซ่ึงแบ่งไดเ้ ป็ นดงั น้ี คือ1.2.1 ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Super Computerเครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบนั สามารถแบ่งเป็ นประเภทต่างๆ โดยใชค้ วามแตกต่างจากขนาดของเครื่องความเร็วในการประมวลผล รวมท้งั ราคาเป็ นหลกั ซ่ึงแบ่งไดเ้ ป็ นดงั น้ี คือ
6 หมายถึง คอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่ที่มีสมรรถนะสูง มีความเร็วในการทางาน และประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อเปรียบเทียบกบั คอมพิวเตอร์ชนิดอื่นๆ มีราคาแพงมาก มีขนาดใหญ่ สามารถคานวณทางคณิตศาสตร์ไดห้ ลายแสนลา้ นคร้ังต่อวินาที และไดร้ ับการออกแบบเพื่อให้ใช้แกป้ ัญหาขนาดใหญ่มากไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว เช่น การพยากรณ์อากาศล่วงหนา้ เป็ นเวลาหลายวนั งานควบคุมขีปนาวุธ งานควบคุมทางอวกาศ งานประมวลผลภาพทางการแพทย์ งานดา้ นวิทยาศาสตร์เคมี งานทาแบบจาลองโมเลกุลของสารเคมี งานดา้ นวิศวกรรมการออกแบบ งานวิเคราะห์โครงสร้างอาคารท่ีซบั ซอ้ น ซ่ึงหากใชค้ อมพิวเตอร์ชนิดอื่นๆ แกไ้ ขปัญหาประเภทน้ีอาจจะตอ้ งใชเ้ วลาในการคานวณหลายปี กว่าจะเสร็จสิ้น ในขณะท่ีซูเปอร์คอมพิวเตอร์สามารถแกไ้ ขปัญหาไดภ้ ายในเวลาไม่ก่ีชว่ั โมงเท่าน้นัซูเปอร์คอมพิวเตอร์จึงมีหน่วยความจาที่ใหญ่มากๆ สามารถทางานหลายอยา่ งไดพ้ ร้อมๆ กนัโดยที่งานเหล่าน้นั อาจจะเป็ นงานที่แตกต่างกนั อาจจะเป็ นงานใหญ่ที่ถูกแบ่งยอ่ ยไปให้หน่วย
7ประมวลผลแต่ละตวั ทางานก็ได้ และยงั ใชโ้ ครงสร้างการคานวณแบบขนานที่เรียกว่า เอ็มพีพี(Massively Parallel Processing : MPP) ซ่ึงเป็ นการคานวณที่กระทากบั ขอ้ มูลหลายๆ ตวั หรือหลายๆ งานในเวลาเดียวกนั ไดพ้ ร้อมๆ กนั เป็ นจานวนมาก ทาให้มีความสามารถในการทางานแบบมลั ติโปรเซสซิง (Multiprocessing) หรือความสามารถในการทางานหลายงานพร้อมๆกนัได้ ดงั น้นั จึงมีผูเ้ รียกอีกชื่อหน่ึงว่า คอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง (High Performance Computer) ความเร็วในการคานวณของซูเปอร์คอมพิวเตอร์จะมีการวดั หน่วยเป็ น นาโนวินาที(nanosecond) หรือเศษหน่ึงส่วนพนั ลา้ นวินาที และ กิกะฟลอป (gigaflop) หรือการคานวณหน่ึงพนั ลา้ นคร้ังในหน่ึงวินาที ปัจจุบนั ประเทศไทย มีเครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Cray YMP ใชใ้ นงานวิจยั อยู่ที่ห้องปฏิบตั ิการคอมพิวเตอร์สมรรถภาพสูง (HPCC) ศูนยเ์ ทคโนโลยีอิเลก็ ทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ผใู้ ชเ้ ป็ นนกั วิจยั ดา้ นวิศวกรรม และวิทยาศาสตร์ทว่ั ประเทศ1.2.2 เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ Mainframe Computerหมายถึง เครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ท่ีมีสมรรถะสูง แต่ยงั ต่ากว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ มีความเร็วสูงมาก มีหน่วยความจาขนาดมหึมา เมนเฟรมคอมพิวเตอร์สามารถให้บริการผใู้ ช้จานวนหลายร้อยคน ท่ีใชโ้ ปรแกรมที่แตกต่างกนั นบั ร้อยพร้อมๆ กนั ได้ เหมาะกบั การใชง้ านท้งัในดา้ นวิศวกรรม วิทยาศาสตร์ และธุรกิจ โดยเฉพาะงานท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ขอ้ มูลจานวนมากๆเคร่ืองเมนเฟรมไดร้ ับการพฒั นาให้มีหน่วยประมวลผลหลายหน่วยพร้อมๆ กนั เช่นเดียวกบัซูเปอร์คอมพิวเตอร์ แต่จะมีจานวนหน่วยประมวลท่ีนอ้ ยกว่า และเคร่ืองเมนเฟรมจะวดั ความเร็วอย่ใู นหน่วยของ เมกะฟลอป (Megaflop) หรือการคานวณหน่ึงลา้ นคร้ังในหน่ึงวินาที
8 ขอ้ เด่นของการใชเ้ มนเฟรมจึงอยู่ที่งานที่ตอ้ งการให้มีระบบศูนยก์ ลาง และกระจายการใชง้ านไปเป็ นจานวนมากเช่น ระบบเอทีเอ็มซ่ึงเช่ือมต่อกบั ฐาน เครื่องเมนเฟรมจะเก็บโปรแกรมของผูใ้ ชเ้ หล่าน้นั ไวใ้ นหน่วยความจาหลกั และมีการสับเปล่ียนหรือสวิทช์การทางานระหว่างโปรแกรมต่างๆ เหล่าน้นั อย่างรวดเร็ว โดยที่ผูใ้ ชจ้ ะไม่รู้สึกเลยว่าเครื่องเมนเฟรมที่ใช้ มีการสับเปล่ียนการทางานไปทางานของผใู้ ชค้ นอื่นๆ อยตู่ ลอดเวลา หลกั การที่เครื่องเมนเฟรมสามารถทางานหลายโปรแกรมพร้อมๆ กนั น้นั เรียกว่า มลั ติโปรแกรม-มิง (Multiprogramming)1.2.3 มินิคอมพิวเตอร์ หมายถึง เครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดกลาง มีสมรรถนะต่ากว่าเคร่ืองเมนเฟรม แต่สูงกว่าเวิร์คสเตชนั จุดเด่นที่สาคญั คือ ราคาย่อมเยากว่าเมนเฟรม และการใชง้ านใชบ้ ุคลากรไม่มากนกัมินิคอมพิวเตอร์เริ่มพฒั นาข้ึนใน ค.ศ. 1960 ต่อมาบริษทั Digital Equipment Corporation หรือDEC ได้ ประกาศตวั มินิ คอมพิวเตอร์ DEC PDP-8 (Programmed Data Processor) ในปี ค.ศ.1965
9 ซ่ึงไดร้ ับความนิยมจากบริษทั หรือองคก์ รท่ีมีขนาดกลาง เพราะมีราคาถูกกว่าเคร่ืองเมนเฟรมมากเครื่องมินิ คอมพิวเตอร์ใชห้ ลกั การของมลั ติโปรแกรมมิงเช่นเดียวกบั เครื่องเมนเฟรม โดยจะสามารถรองรับผูใ้ ชไ้ ดน้ ับร้อยคนพร้อมๆกนั แต่เครื่องมินิคอมพิวเตอร์จะทางานไดช้ า้ กว่า การควบคุมผใู้ ชง้ านต่างๆ ทาน้อยกว่า สื่อที่เก็บขอ้ มูลมีความจุไม่สูงเท่าเมนเฟรม การทางานบนเครื่องเมนเฟรมหรือมินิคอมพิวเตอร์ ผูใ้ ชจ้ ะสามารถควบคุมการรับขอ้ มูลและดูการแสดงผลบนจอภาพไดเ้ ท่าน้นั ไม่สามารถควบคุมอุปกรณ์รอบขา้ งอื่นๆ ได้ แต่การใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ชนิดที่มีผใู้ ชค้ นเดียวน้ัน ผูใ้ ชส้ ามารถควบคุมอุปกรณ์รอบขา้ งต่างๆ ได้ท้งั หมด ไม่ว่าจะเป็ นหน่วยรับขอ้ มูลหน่วยประมวลผล หน่วย แสดงผล ตลอดจนหน่วยเก็บขอ้ มูลสารอง สามารถเลือกใชโ้ ปรแกรมได้ โดยไม่ตอ้ งกงั วลว่าจะตอ้ งไปแยง่ เวลาการเรียกใช้ขอ้ มูลกบั ผูใ้ ชอ้ ่ืน
101.2.4 เวิร์คสเตชั่น และไมโครคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์สาหรับผใู้ ชค้ นเดียว สามารถแบ่งออกเป็ นสองรุ่น คือ เวิร์คสเตชนั หมายถึงคอมพิวเตอร์ขนาดเลก็ ที่ถูกออกแบบมาให้เป็ นคอมพิวเตอร์แบบต้งั โต๊ะ สามารถทางานพร้อมกนัไดห้ ลายงาน และประมวลผลเร็วมาก มีความสามารถในการคานวณดา้ นวิศวกรรมสถาปัตยกรรม หรืองานอ่ืนๆ ที่เนน้ การแสดงผลดา้ นกราฟิ ก เช่น นามาช่วยในโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อออกแบบชิ้นส่วน เป็ นตน้ ซ่ึงจากการที่ตอ้ งทางานกราฟิ กท่ีมีความละเอียดสูงทาให้เวิร์คสเตชนั ใชห้ น่วยประมวลผลท่ีมีประสิทธิภาพมาก รวมท้งั มีหน่วยเก็บขอ้ มูลสารองจานวนมากดว้ ย เวิร์คสเตชนั ส่วนมากใชช้ ิปประเภท RISC (Reduce instruction set computer)ซ่ึงเป็ นชิปที่ลดจานวนคาสั่งท่ีสามารถใชส้ ั่งงานให้เหลือเฉพาะท่ีจาเป็ น เพื่อให้สามารถทางานไดด้ ว้ ยความเร็วสูง ไมโครคอมพิวเตอร์ หมายถึง คอมพิวเตอร์ขนาดเลก็ และใชง้ านคนเดียว เรียกอีกช่ือหน่ึงว่า คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal Computer) จดั ว่าเป็ นเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเลก็ ท้งัระบบใชง้ านคร้ังละคนเดียว หรือใชง้ านในลกั ษณะเครือข่าย แบ่งไดห้ ลายลกั ษณะตามขนาด
11เช่นเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแบบต้งั โต๊ะ (Personal Computer) หรือแบบพกพา (PortableComputer)1.3 การทางานของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์เป็ นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ท่ีมนุษยส์ ร้างข้ึนเพ่ือช่วยให้ทางานไดเ้ ร็ว สะดวกและแม่นยามากข้ึน การใชค้ อมพิวเตอร์เพ่ือให้ทางานอย่างไดม้ ีประสิทธิภาพ จึงตอ้ งเรียนรู้ และเขา้ ใจ ส่วนประกอบ วิธีการทางานของ คอมพิวเตอร์ มีข้นั ตอนสาคญั คือ ข้ันตอนที่ 1 การรับขอ้ มูลและคาสั่ง คอมพิวเตอร์รับขอ้ มูลและคาสั่งผา่ นอุปกรณ์นาเขา้ขอ้ มูล คือ เมาส์ คียบ์ อร์ด สแกนเนอร์ ไมโครโฟน ฯลฯ ข้ันตอนที่ 2 การประมวลผลหรือคิดคานวณ ขอ้ มูลที่คอมพิวเตอร์รับเขา้ มา จะถูกประมวลผลโดยการทางานของหน่วยประมวลผลกลาง (CPU: Central Processing Unit) ตามคาสั่งของโปรแกรม หรือซอฟตแ์ วร์ การประมวลผลขอ้ มูล เช่น นาขอ้ มูลมาบวก ลบ คูณ หาร ทาการเรียงลาดบั ขอ้ มูล นาขอ้ มูลมาจดั กลุ่ม นาขอ้ มูลมาหาผลรวม เป็ นตน้ ข้ันตอนที่ 3 การแสดงผลลพั ธ์ คอมพิวเตอร์จะแสดงผลลพั ธ์ของขอ้ มูลท่ีป้อน หรือแสดงผลจากการประมวลผล ทางจอภาพ (Monitor) เคร่ืองพิมพ์ (Printer) หรือลาโพง ข้ันตอนที่ 4 การเก็บขอ้ มูล คอมพิวเตอร์จะทาการเก็บผลลพั ธ์จากการประมวลผลไวใ้ นหน่วยเก็บขอ้ มูล เช่น ฮาร์ดดิสก์ แผน่ บนั ทึกขอ้ มูล (Floppy disk) ซีดีรอม เพื่อให้สามารถนามาใชใ้ หม่ไดใ้ นอนาคต1.3 การทางานของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์เป็ นอุปกรณ์อิเลก็ ทรอนิกส์ท่ีมนุษยส์ ร้างข้ึนเพื่อช่วยให้ทางานไดเ้ ร็ว สะดวกและแม่นยามากข้ึน การใชค้ อมพิวเตอร์เพื่อให้ทางานอย่างไดม้ ีประสิทธิภาพ จึงตอ้ งเรียนรู้ และเขา้ ใจ ส่วนประกอบ วิธีการทางานของ คอมพิวเตอร์ มีข้นั ตอนสาคญั คือ ข้ันตอนที่ 1 การรับขอ้ มูลและคาสั่ง คอมพิวเตอร์รับขอ้ มูลและคาสั่งผ่านอุปกรณ์นาเขา้ขอ้ มูล คือ เมาส์ คียบ์ อร์ด สแกนเนอร์ ไมโครโฟน ฯลฯ ข้ันตอนที่ 2 การประมวลผลหรือคิดคานวณ ขอ้ มูลท่ีคอมพิวเตอร์รับเขา้ มา จะถูกประมวลผลโดยการทางานของหน่วยประมวลผลกลาง (CPU: Central Processing Unit) ตามคาสั่งของโปรแกรม หรือซอฟตแ์ วร์ การประมวลผลขอ้ มูล เช่น นาขอ้ มูลมาบวก ลบ คูณ หาร ทาการเรียงลาดบั ขอ้ มูล นาขอ้ มูลมาจดั กลุ่ม นาขอ้ มูลมาหาผลรวม เป็ นตน้ ข้ันตอนท่ี 3 การแสดงผลลพั ธ์ คอมพิวเตอร์จะแสดงผลลพั ธ์ของขอ้ มูลที่ป้อน หรือแสดงผลจากการประมวลผล ทางจอภาพ (Monitor) เครื่องพิมพ์ (Printer) หรือลาโพง
12 ข้ันตอนท่ี 4 การเก็บขอ้ มูล คอมพิวเตอร์จะทาการเก็บผลลพั ธ์จากการประมวลผลไวใ้ นหน่วยเก็บขอ้ มูล เช่น ฮาร์ดดิสก์ แผ่นบนั ทึกขอ้ มูล (Floppy disk) ซีดีรอม เพื่อให้สามารถนามาใชใ้ หม่ไดใ้ นอนาคต1.4.1 จอภาพ (Monitor) อาจเรียกทบั ศพั ทว์ า่ มอนิเตอร์ (Monitor), สกรีน (Screen), ดิสเพลย์ (Display) เป็นอุปกรณ์ท่ีใชแ้ สดงผลท้งั ขอ้ ความ ภาพนิ่ง และภาพเคล่ือนไหว จอภาพในปัจจุบนั ส่วนมากใชจ้ อแบบหลอดภาพ (CRT หรือ Cathode Ray Tube) เหมือนจอภาพของเครื่องรับโทรทศั น์ และจอแบบผลึกเหลว (LCD หรือ Liquid Crystal Display) มีลกั ษณะเป็นจอแบน1.4.2 ตวั เครื่อง (Computer Case)เป็นส่วนที่เกบ็ อุปกรณ์หลกั ของคอมพิวเตอร์ เช่น CPU, Disk Drive, Hard Disk ฯลฯ1.4.3. คียบ์ อร์ด (Keyboard)
13 หรือแป้นพมิ พ์ เป็นอุปกรณ์ที่ใชพ้ มิ พค์ าสงั่ หรือป้อนขอ้ มูลเขา้ สู่คอมพวิ เตอร์ คียบ์ อร์ดมีลกั ษณะคลา้ ยแป้นพมิ พด์ ีด แต่จะมีป่ ุมพมิ พม์ ากกวา่1.4.4 เมาส์ (Mouse) เป็นอุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการช้ีตาแหน่งต่างๆบนจอภาพ ซ่ึงจะเป็นการสง่ั ใหค้ อมพิวเตอร์ทางาน เช่นเดียวกบั การป้อนคาสงั่ ทางคียบ์ อร์ด เม่ือเล่ือนเมาส์ไปมาจะทาใหเ้ คร่ืองหมายช้ีตาแหน่งบนจอภาพ (Cusor) เล่ือนไปในทิศทางเดียวกนั กบั ท่ีเล่ือนเมาส์น้นั1.4.5 เครื่องพมิ พ์ (Printer) เป็นอุปกรณ์ท่ีใชแ้ สดงผลขอ้ มูลออกมาทางกระดาษ เคร่ืองพิมพม์ ีหลายแบบ เช่นเคร่ืองพมิ พจ์ ุด (Dot Matrix Printer) เคร่ืองพิมพเ์ ลเซอร์ (Laser Printer) และเคร่ืองพิมพแ์ บบพน่หมึก (Inkjet Printer) เป็นตน้
141.4.6 สแกนเนอร์ (Scanner) เป็นอุปกรณ์นาเขา้ ขอ้ มูล โดยเอารูปภาพหรือขอ้ ความมาสแกน แลว้ จดั เกบ็ ไวเ้ ป็นไฟล์ภาพ เพ่ือนาไปใชง้ านต่อไป เครื่องสแกนมีท้งั ชนิด อ่านไดเ้ ฉพาะภาพขาวดา และชนิดอ่านภาพสีได้นอกจากน้ียงั มีชนิดมือถือ1.4.7 โมเดม็ (Modem) เป็นอุปกรณ์ท่ีทาหนา้ ท่ีแปลงสญั ญาณคอมพวิ เตอร์ใหส้ ามารถส่งไปตามสายโทรศพั ท์ได้ และแปลงขอ้ มูลจากสายโทรศพั ทใ์ หเ้ ป็นสัญญาณท่ีคอมพิวเตอร์สามารถรับรู้ได้2. ฮาร์ดแวร์ คอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์์ หมายถึง ตวั เครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์รอบขา้ งท่ีเก่ียวขอ้ งต่างๆ ซ่ึงประกอบดว้ ยส่วนที่สาคญั คือ หน่วยประมวลผลกลาง หน่วยความจาหลกั หน่วยรับขอ้ มูล หน่วยแสดงผล และหน่วยเก็บขอ้ มูลสารอง2.1 หน่วยประมวลผลกลาง (CPU: Central Processing Unit)หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit – CPU) หรืออาจเรียกวา่ ไมโครโปรเซสเซอร์(Microprocessor) หรือชิป (Chip) เป็นหวั ใจของคอมพวิ เตอร์ ทาหนา้ ที่ในการคิดคานวณ
15ประมวลผล และควบคุมการทางานของอุปกรณ์อื่นในระบบ ลกั ษณะของซีพียจู ะเป็นชิ้นส่วนขนาดเลก็ มาก ภายในประกอบดว้ ยทรานซิสเตอร์ประกอบกนั เป็นวงจรหลายลา้ นตวั ตวั อยา่ งเช่น ซีพยี รู ุ่นเพนเทียมจะมีทรานซิสเตอร์เลก็ ๆจานวนมากถึง 3.1 ลา้ นตวั ซีพียูมีหน่วยท่ีใช้ในการบอกขนาดเรียกว่า บิต (Bit) ถา้ จานวนบิตมากจะสามารถทางานไดเ้ ร็วมากความเร็วของซีพียู (Speed) มีหน่วยวดั เป็ น เมกะเฮริตซ์ (MHz = MegaHertz) ถา้ ค่าตวั เลขย่ิง สูงแสดงว่าย่ิงมีความเร็วมาก ปัจจุบนั ความเร็วของซีพียูสามารถทางานไดถ้ ึงระดบั กิกะเฮริตซ์(GHz = Gigahertz) โดยมีความเร็วระหว่าง 2-3 GHz ในการเลือกใชซ้ ีพียู ผูจ้ าหน่ายจะบอกไวว้ ่า เครื่องรุ่นน้ีมีความเร็วเท่าใด เช่น Pentium IV 2.8 GHz หมายความว่า CPU รุ่นเพนเทียม IV มี ความเร็ว 2.8 กิกะเฮิรตซ์2.1.1 องค์ประกอบของหน่วยประมวลผลกลางหน่วยประมวลผลกลาง \"ไมโครโปรเซสเซอร์\" (Microprocessor) ประกอบดว้ ยหน่วยสาคญั สองหน่วย คือ หน่วยควบคุม (Control Unit) ทาหนา้ ท่ีควบคุมการทางานของเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ท้งัระบบ เปรียบเสมือนเป็นศูนยก์ ลางระบบประสาท ท่ีทาหนา้ ที่ควบคุมการทางานของส่วนประกอบต่างๆ ของเครื่องคอมพวิ เตอร์ จะรับรู้คาสง่ั ต่างๆ ในรูปของคาสงั่ ภาษาเครื่องเท่าน้นั หน่วยคานวณและตรรกะ (Arithmetic and Logic Unit) หรือที่เรียกส้นั ๆวา่ เอแอลยู(ALU)ทาหนา้ ท่ีประมวลผลการคานวณทางคณิตศาสตร์ ตลอดจนการเปรียบเทียบทางตรรกะท้งั หมด
16การทางานในซีพียมู ี รีจิสเตอร์ (Register) คอยทาหนา้ ที่เก็บและถ่ายทอดขอ้ มูลหรือคาสั่งที่ถูกนาเขา้ มาปฏิบตั ิการภายในซีพียู รวมท้งั มี บสั (Bus) เป็ นเส้นทางในการส่งผ่านสัญญาณไฟฟ้าของหน่วยต่างๆภายในระบบ2.2 อุปกรณ์นาเข้า (Input devices) ทาหนา้ ที่รับขอ้ มูลจากผูใ้ ชเ้ ขา้ สู่หน่วยความจาหลกั ที่พบเห็นอยู่ทว่ั ไปไดแ้ ก่2.2.1 อุปกรณ์แบบกด (Keyed Device)แป้นพมิ พ์ (Keyboard) เป็นหน่วยรับขอ้ มูลท่ีนิยมใชก้ นั มากที่สุด เพราะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในการป้อนขอ้ มูลสาหรับเทอร์มินลั และไมโครคอมพวิ เตอร์ โดยทว่ั ไปจะมีลกั ษณะคลา้ ยแป้นของเคร่ืองพิมพด์ ีด แต่มีจานวนแป้นมากกวา่ และถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มดว้ ยกนั คือ - แป้นอกั ขระ (Character Keys) มีลกั ษณะการจดั วางตวั อกั ษรเหมือนแป้นบนเคร่ืองพมิ พด์ ีด - แป้นควบคุม (Control Keys) เป็นแป้นท่ีมีหนา้ ท่ีสง่ั การบางอยา่ งโดยใชง้ านร่วมกบั แป้นอ่ืน - แป้นฟังกช์ นั (Function Keys) คือ แป้นท่ีอยแู่ ถวบนสุด มีสญั ลกั ษณ์เป็น F1,...F12ซอฟตแ์ วร์แต่ละชนิดอาจกาหนดแป้นเหล่าน้ีใหม้ ีหนา้ ท่ีเฉพาะอยา่ งแตกต่างกนั ไป - แป้นตวั เลข (Numeric Keys) เป็นแป้นท่ีแยกจากแป้นอกั ขระมาอยทู่ างดา้ นขวา มีลกั ษณะคลา้ ยเคร่ืองคิดเลข ช่วยอานวยความสะดวกในการบนั ทึกตวั เลขเขา้ สู่เคร่ืองคอมพวิ เตอร์
17นอกจากน้ี ยงั มีแป้นพิมพบ์ างประเภทที่ออกแบบมาให้ใชก้ บั งานเฉพาะดา้ น เช่น แป้นพิมพท์ ่ีใช้ในร้านอาหารแบบเร่งด่วน (fast food restaurant) จะใชพ้ ิมพเ์ ฉพาะชื่ออาหาร เช่น ถา้ ตอ้ งการfrench fries ก็กดที่แป้นคาว่า “French fries” ตามดว้ ยราคาเท่าน้นั หรือแป้นพิมพท์ ่ีใชเ้ คร่ืองฝาก-ถอนอตั โนมตั ิ (Automatic Teller Machine) เป็ นตน้2.2.2 อุปกรณ์ชี้ตาแหน่ง Pointing Devices เมาส์ (Mouse) เป็นอุปกรณ์สาหรับใชเ้ ล่ือนตวั ช้ีตาแหน่ง (Cursor) บนจอภาพ มีหลายขนาดและมี รูปร่างต่างกนั ไป แตท่ ่ีนิยมใชจ้ ะมีขนาดเท่าฝ่ ามือ มีลูกกลมกลิ้งอยดู่ า้ นล่าง หรือเป็นระบบแสง ส่วนดา้ นบนจะมีป่ ุมใหก้ ดจานวนสอง สาม หรือสี่ป่ ุม แต่ที่นิยมใชก้ นั มากคือ สองป่ ุม ใชส้ ่งขอ้ มูลเขา้ สู่หน่วยความจาหลกั โดยการเล่ือนเมาส์ใหล้ ูกกลมดา้ นล่างหมุน เพ่ือเป็นการเล่ือนตวั ช้ีตาแหน่งบนจอภาพไปยงั ตาแหน่งท่ีตอ้ งการทาใหก้ ารโตต้ อบระหวา่ งผใู้ ชก้ บั เครื่องคอมพิวเตอร์ทาไดร้ วดเร็วกวา่ แป้นพิมพ์ ผใู้ ชอ้ าจใชเ้ มาส์วาดรูป เลือกทาง เลือกจากเมนู และเปล่ียนแปลงหรือยา้ ยขอ้ ความ ปัจจุบนั เมาส์ไดม้ ีการพฒั นาเป็นแบบเมาส์ไร้สาย อยา่ งไรกด็ ี เมาส์ยงั ไม่สามารถใชใ้ นการป้อนตวั อกั ษรได้ จึงยงั คงตอ้ งใชค้ ู่กบั แป้นพมิ พใ์ นกรณีที่มีการพิมพ์ ตวั อกั ษร แต่สาหรับผทู้ ่ีเริ่มตน้ใชค้ อมพวิ เตอร์ การใชเ้ มาส์เพยี งอยา่ งเดียวจะทาใหเ้ กิดความผดิ พลาดนอ้ ยกวา่ การใชแ้ ป้นพมิ พ์ลูกกลมควบคุม (Trackball) เป็นอุปกรณ์ช้ีตาแหน่ง โดยจะเป็นลูกบอลเลก็ ๆซ่ึงอาจวางอยู่หนา้ จอภาพในเน้ือท่ีของแป้นพิมพ์ หรือเป็นอุปกรณ์ต่างหากเช่นเดียวกบั เมาส์ เมื่อผใู้ ชห้ มุนลูกบอลกจ็ ะเป็นการเลื่อนตาแหน่งของตวั ช้ีตาแหน่งบนจอภาพ มีหลกั การทางานเช่นเดียวกบั เมาส์
18แท่งช้ีควบคุม (Track Point) เป็นอุปกรณ์ช้ีตาแหน่งขนาดเลก็ นิยมใชก้ บั เคร่ืองคอมพิวเตอร์แบบพกพาจะเป็นแท่งพลาสติกเลก็ ๆ อยตู่ รงกลางแป้นพมิ พ์ บงั คบั โดยใชน้ ิ้วหวั แม่มือเพอื่ เลื่อนตาแหน่งของตวั ช้ีตาแหน่งบนจอภาพเช่นเดียวกบั เมาส์ แผ่นรองสัมผสั จะเป็นแผน่ ส่ีเหล่ียมที่วางอยหู่ นา้ แป้นพิมพ์ สามารถใชน้ ิ้ววาดเพ่อืเลื่อนตาแหน่งของตวั ช้ีตาแหน่งบนจอภาพเช่นเดียวกบั เมาส์จอยสติก (Joy stick) จะเป็นกา้ นสาหรับใชโ้ ยกข้ึนลง/ซา้ ยขวา เพื่อยา้ ยตาแหน่งของตวั ช้ีตาแหน่งบนจอภาพ มีหลกั การทางานเช่นเดียวกบั เมาส์ แต่จะมีแป้นกดเพมิ่ เติมมาจานวนหน่ึงสาหรับสงั่ งานพเิ ศษ นิยมใชก้ บั การเล่นเกมส์คอมพวิ เตอร์หรือควบคุมหุ่นยนต์2.2.3 จอภาพระบบไวต่อการสัมผสั
19 จอภาพระบบสัมผสั (Touch screen) เป็ นจอภาพแบบพิเศษซ่ึงผูใ้ ชเ้ พียงแตะปลายนิ้วลงบนจอภาพในตาแหน่งที่กาหนดไว้ เพ่ือเลือกการทางานที่ตอ้ งการ นิยมใชก้ บั เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ เพื่อช่วยให้ผูท้ ี่ใชเ้ ครื่องคอมพิวเตอร์ไม่คล่องนกั สามารถเลือกขอ้ มูลที่ตอ้ งการไดอ้ ย่างสะดวกรวดเร็ว จะพบการใชง้ านมากในร้านอาหารแบบเร่งด่วน หรือใชแ้ สดงขอ้ มูลการท่องเท่ียว เป็ นตน้2.2.4 ระบบปากกา (Pen-Based System) ปากกาแสง (Light Pen) เป็ นอุปกรณ์ที่ใชส้ ัมผสั กบั จอภาพเพ่ือช้ีตาแหน่งและวาดขอ้ มูลโดยใชเ้ ซลล์ แบบ photoelectric ซ่ึงมีความไวต่อแสงเป็ นตวั กาหนดตาแหน่งบนจอภาพ รวมท้งัสามารถใชว้ าดลกั ษณะหรือรูปแบบของขอ้ มูลให้ปรากฏบนจอภาพ การใชง้ านทาไดโ้ ดยการแตะปากกาแสงไปบนจอภาพตามตาแหน่งท่ีตอ้ งการนิยมใชก้ บั งานคอมพิวเตอร์ช่วยการออกแบบ (CAD หรือ Computer Aided Design) รวมท้งั นิยมใชเ้ ป็ นอุปกรณ์ป้อนขอ้ มูลโดยการเขียนดว้ ยมือในคอมพิวเตอร์ขนาดเลก็ เช่น PDA เป็ นตน้
202.2.5 อุปกรณ์กวาดข้อมูล (Data Scanning Devices) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ ระบบการวิเคราะห์แสง (Optical recognition Systems) ช่วยใหม้ ีการพิมพ์ขอ้ มูลเขา้ นอ้ ยท่ีสุด โดยจะอ่านขอ้ มูลเขา้ สู่เครื่องคอมพวิ เตอร์ดว้ ยการใชล้ าแสงกวาดผา่ นขอ้ ความหรือสญั ลกั ษณ์ต่างๆที่พิมพไ์ ว้ เพอื่ นาไปแยกแยะรูปแบบต่อไป ในปัจจุบนั มีการประยกุ ตใ์ ชใ้ นงานต่างๆกนั มาก โดยมีอุปกรณ์ท่ีไดร้ ับความนิยม คือ เคร่ืองอ่านรหสั บาร์โคด (Bar Code Reader) เป็นอุปกรณ์ที่มีลกั ษณะคลา้ ยปากกาแสง ใชฉ้ ายแสงลงไปที่รหสั แท่งที่ตอ้ งการอ่าน ซ่ึงรหสั สินคา้ ต่างๆจะอยใู่ นรูปของแถบสีดาและขาวต่อเน่ืองกนั ไป เรียกวา่ รหสั บาร์โคด เครื่องอ่านรหสั บาร์โคดจะอ่านขอ้ มูลบนแถบบาร์โคด เพื่อเรียกขอ้ มูลจากรายการสินคา้ น้นั เช่นราคาสินคา้ จานวนท่ีเหลืออยใู่ นคลงั สินคา้ เป็นตน้ ออกมาจากฐานขอ้ มูล แลว้ จึงทาการประมวลผลขอ้ มูลรายการน้นั ในปัจจุบนั บาร์โคคไดร้ ับความนิยมอยา่ งมาก เนื่องจากไม่ตอ้ งทาการพมิ พข์ อ้ มูลเขา้ ดว้ ยแป้นพมิ พ์ จึงลดความผดิ พลาดของขอ้ มูลและประหยดั เวลาไดม้ าก ระบบบาร์โคดเป็นส่ิงท่ีผใู้ ชจ้ ะพบเห็นในชีวติ ประจาวนั ไดบ้ ่อยท่ีสุด เช่น ในหา้ งสรรพสินคา้ ร้านขายหนงั สือ และหอ้ งสมุด เป็นตน้ สแกนเนอร์ (Scanner) เป็นอปุ กรณ์ที่ใชอ้ ่านหรือสแกน (Scan) ขอ้ มูลบนเอกสารเขา้ สู่เครื่องคอมพวิ เตอร์ โดยใชว้ ิธีส่องแสงไปยงั วตั ถุท่ีตอ้ งการ แสงที่ส่องไปยงั วตั ถุแลว้ สะทอ้ นกลบั มาจะถูกส่งผา่ นไปท่ี เซลลไ์ วแสง (Charge-Coupled Device หรือ CCD) ซ่ึงจะทาการตรวจจบั ความเขม้ ของแสงท่ีสะทอ้ นออกมาจากวตั ถุและแปลงใหอ้ ยใู่ นรูปของขอ้ มูลทางดิจิตอล เอกสารที่อ่านอาจจะประกอบดว้ ยขอ้ ความหรือรูปภาพกราฟิ กกไ็ ด้ กลอ้ งถ่ายภาพดิจิตอล (Digital camera) เป็นอุปกรณ์ที่ใชส้ าหรับถ่ายภาพแบบไม่ตอ้ งใชฟ้ ิ ลม์โดยเกบ็ ภาพที่ถ่ายไวใ้ นลกั ษณะดิจิตอลดว้ ยอุปกรณ์ CCD (Charge Coupled Device) ภาพที่ไดจ้ ะ
21ประกอบดว้ ยจุดเลก็ ๆ จานวนมาก และสามารถนาเขา้ เครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อใชง้ านไดโ้ ดยไม่ตอ้ งใชอ้ ุปกรณ์สแกนเนอร์อีกเป็นอุปกรณ์ท่ีเร่ิมไดร้ ับความนิยมเพิ่มข้ึนเร่ือยๆ เน่ืองจากไม่ตอ้ งใชฟ้ ิ ลม์ในการถ่ายภาพและสามารถดูผลลพั ธไ์ ดจ้ ากจอท่ีติดอยกู่ บั กลอ้ งไดใ้ นทนั ทีกลอ้ งถ่ายทอดวีดีโอดิจิตอล (Digital Video) เป็นอุปกรณ์ท่ีใชส้ าหรับบนั ทึกภาพเคลื่อนไหว และเกบ็ เป็นขอ้ มูลแบบดิจิตอล นิยมใชใ้ นการประชุมทางไกลผา่ นวดิ ีโอ (Video conference) ซ่ึงเป็นการประชุมแบบกลุ่มผา่ นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เช่น ผา่ นอินเทอร์เน็ต เป็นตน้ อยา่ งไรกด็ ีกลอ้ งถ่ายทอดวีดีโอแบบดิจิตอลยงั อยู่2.3 อุปกรณ์แสดงผล (Output devices) หมายถึง การแสดงผลออกมาให้ผูใ้ ชไ้ ดร้ ับทราบในขณะน้นั แต่เม่ือเลิกการทางานหรือเลิกใชแ้ ลว้ ผลน้นั ก็จะหายไป ไม่เหลือเป็ นวตั ถุให้เก็บได้ แต่ถา้ ตอ้ งการเก็บผลลพั ธ์น้ันก็สามารถส่งถ่ายไปเก็บในรูปของขอ้ มูลในหน่วยเก็บขอ้ มูลสารอง เพ่ือให้สามารถใชง้ านในภายหลงั หน่วยแสดงผลท่ีจดั อยใู่ นกลุ่มน้ี คือ2.3.1 หน่วยแสดงผลชั่วคราว
22 หมายถึง การแสดงผลออกมาใหผ้ ใู้ ชไ้ ดร้ ับทราบในขณะน้นั แต่เมื่อเลิกการทางานหรือเลิกใชแ้ ลว้ ผลน้นั กจ็ ะหายไป ไม่เหลือเป็นวตั ถุใหเ้ กบ็ ได้ แต่ถา้ ตอ้ งการเกบ็ ผลลพั ธน์ ้นั กส็ ามารถส่งถ่ายไปเกบ็ ในรูปของขอ้ มูลในหน่วยเกบ็ ขอ้ มูลสารอง เพื่อใหส้ ามารถใชง้ านในภายหลงั หน่วยแสดงผลท่ีจดั อยใู่ นกล่มุ น้ี คือ จอภาพ (Monitor) ใชแ้ สดงขอ้ มูลหรือผลลพั ธ์ใหผ้ ใู้ ชเ้ ห็นไดท้ นั ที มีรูปร่างคลา้ ยจอภาพของโทรทศั น์บนจอภาพประกอบดว้ ยจุดจานวนมากมาย เรียกจุดเหล่าน้นั วา่ จุดภาพ (pixel) ถา้ มีจุดภาพจานวนมากกจ็ ะทาให้ ผใู้ ชม้ องเห็นภาพบนจอไดช้ ดั เจนมากข้ึน จอภาพที่ใชใ้ นปัจจุบนั แบ่งไดเ้ ป็นสองประเภท คือ - จอซีอาร์ที (Cathode Ray Tube) นิยมใชก้ บั เคร่ืองไมโครคอมพวิ เตอร์ส่วนมากในปัจจุบนั ใชห้ ลกั การยงิ แสงผา่ นหลอดภาพคลา้ ยกบั โทรทศั น์ - จอภาพแอลซีดี (Liquid Crystal Display) เป็นจอภาพที่มีลกั ษณะบาง น้าหนกั เบาและกินไฟนอ้ ย แตม่ ีราคาสูง เทคโนโลยจี อแอลซีดีในปัจจุบนั จะมีสองแบบคือ Passive Matrix ซ่ึงมีราคาต่าแต่ขาดความคมชดั และอาจมองไม่เห็นภาพเมื่อผใู้ ชม้ องจากบางมุม ส่วน Active Matrixหรือบางคร้ังอาจเรียกวา่ Thin Film Transistor (TFT) จะใหภ้ าพที่คมชดั กวา่ แต่จะมีราคาสูงกวา่ มากในส่วนความละเอียดของจอภาพ ปัจจุบนั นิยมใชจ้ อภาพชนิดสีแบบ Super Video Graphic Adapterหรือเรียกส้นั ๆวา่ ซูเปอร์วีจีเอ (Super VGA) ซ่ึงมีความละเอียด 800x600 จุดภาพ สาหรับจอภาพที่มีความละเอียดต่า (low resolution) ส่วนจอภาพที่มีความละเอียดสูง จะนิยมใชค้ วามละเอียดท่ี1024x768, 1280x1024 หรือ 1600x1200 จุดภาพ (pixel) ซ่ึงจะใหค้ วามคมชดั ที่สูงมาก
23 ปัจจยั หน่ึงที่ทาให้ภาพดูคมชดั มากข้ึนถึงแมว้ ่าจะมีจานวนจุดภาพเท่ากนั ก็คือ ระยะห่างระหว่างจุดภาพ (dot pitch) โดยระยะห่างระหว่างจุดภาพนอ้ ยก็จะให้ความละเอียดไดม้ ากกว่าจอภาพที่มีขายในทอ้ งตลาดปัจจุบนั มีระยะห่างระหว่างจุดภาพอยูร่ ะหว่าง 0.25-0.28 หน่วย ซ่ึงระยะห่างระหว่างจุดภาพน้ีเป็ นส่ิงที่ติดมากบั เครื่องไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไดใ้ นส่วนของจานวนสีน้นั ณ ขณะใดขณะหน่ึงแต่ละจุดภาพจะแสดงสีไดเ้ พียงสีเดียวเท่าน้นั ซ่ึงสีต่างๆ จะถูกแทนดว้ ยตวั เลข ดงั น้นั ถา้ จอภาพแสดงได้ 16 สี เลขเหล่าน้นั ก็จะแทนดว้ ย 4 บิต ถา้ ตอ้ งการแสดงถึง 256 สี ก็จะตอ้ งใช้ 8 บิตแทนรหัสสีน้นั ๆ การ์ดวิดีโอ (Video Card) การต่อจอภาพเขา้ กบั เคร่ืองไมโครคอมพิวเตอร์น้นั จะตอ้ งมีแผงวงจรกราฟิ ก (Graphic Adapter Board) หรือเรียกอีกอย่างหน่ึงว่า การ์ดวีดีโอ (video card)ซ่ึงจอภาพแต่ละชนิดตอ้ งการแผงวงจรที่ต่างกนั แผงวงจรกราฟิ กจะถูกเสียบเขา้ กบั ช่องขยายเพิ่มเติม (expansion slot) ในคอมพิวเตอร์แผงวงจรกราฟิ กมกั จะมีหน่วยความจาเฉพาะที่เรียกว่าหน่วยความจาวีดีโอ (video memory) เพื่อให้ใชโ้ ปรแกรมดา้ นกราฟิ กไดส้ วยงามและรวดเร็ว ซ่ึงหน่วยความจาน้ีอาจใชแ้ รมธรรมดาหรือแรมแบบพิเศษต่างๆ เพ่ือให้สามารถทางานไดเ้ ร็วข้ึน เช่น วีดีโอแรม (video RAM) ซ่ึงบางคร้ังเรียกว่า วีแรม (VRAM) เป็ นตน้
24 ปัจจยั ประการหน่ึงที่ผใู้ ชจ้ อภาพตอ้ งคานึง คือ อตั ราการเปลี่ยนภาพ (refresh rate) ของการ์ดวีดีโอโดยภาพที่แสดงบนจอภาพแต่ละภาพน้นั จะถูกลบและแสดงภาพใหม่เริ่มจากบนลงล่าง หากอตั ราการเปลี่ยนภาพในแนวดิ่ง (Vertical-refresh rate) เป็ น 60 คร้ังต่อวินาที หรือ 60Hz จะเกิดการกระพริบทาให้ผูใ้ ชป้ วดศีรษะไดม้ ีผวู้ ิจยั พบว่า อตั ราเปล่ียนภาพในแนวด่ิงไม่ควรต่ากว่า 70 Hz จึงจะไม่เกิดการกระพริบ และทาให้ผูใ้ ชด้ ูจอภาพไดอ้ ย่างสบายตา นอกจากน้ียงั มีอุปกรณ์สาหรับถอดรหัสภาพแบบ MPEG (Motion Picture Experts) ซ่ึงอาจอยใู่ นรูปของซอฟตแ์ วร์ หรือฮาร์ดแวร์ที่ติดอยบู่ นการ์ดวีดีโอ อนั จะทาให้สามารถแสดงภาพเคล่ือนไหว เช่นภาพยนตร์ต่างๆ บนจอคอมพิวเตอร์ไดอ้ ยา่ งต่อเน่ือง อุปกรณ์เสียง (Audio Output) คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ๆ มกั จะมีหน่วยแสดงเสียง ซ่ึงประกอบดว้ ย ลาโพง(speaker) และ การ์ดเสียง (sound card) เพื่อให้ผใู้ ชส้ ามารถฟังเพลงในขณะทางาน หรือให้เคร่ืองคอมพิวเตอร์รายงานเป็ นเสียงให้ทราบเมื่อเกิดปัญหาต่างๆ เช่น ไม่มีกระดาษในเครื่องพิมพ์ เป็ นตน้ รวมท้งั สามารถเล่นเกมส์ท่ีมีเสียงประกอบไดอ้ ย่างสนุกสนานโดยลาโพงจะมีหนา้ ท่ีในการแปลงสัญญาณจากคอมพิวเตอร์ให้เป็ นเสียงเช่นเดียวกบั ลาโพงวิทยุส่วนการ์ดเสียงจะเป็ นแผงวงจรเพิ่มเติมที่นามาเสียงกบั ช่องเสียบขยายในเมนบอร์ด เพื่อช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถส่งสัญญาณเสียงผ่านลาโพง รวมท้งั สามารถต่อไมโครโฟนเขา้ มาที่การ์ดเพ่ือบนั ทึกเสียงเก็บไวด้ ว้ ย
252.3.2 หน่วยแสดงผลถาวร หมายถึง การแสดงผลที่สามารถจบั ตอ้ งและเคลื่อนยา้ ยไดต้ ามตอ้ งการมกั จะออกมาในรูปของกระดาษเช่น เครื่องพิมพ์ (Printer) เป็ นอุปกรณ์ท่ีนิยมใชก้ นั มาก มีให้เลือกหลายชนิดข้ึนอยู่กบั คุณภาพของตวั อกั ษร ความเร็วในการพิมพ์ และเทคโนโลยีที่ใชง้ าน เคร่ืองพิมพส์ ามารถแบ่งตามวิธีการพิมพไ์ ด้ 2 ชนิด คือ เครื่องพิมพแ์ บบกระทบหรือตอก (Impact printer) เป็ นการใชห้ ัวเขม็ ตอกให้คาร์บอนบนผา้ หมึกติดบนกระดาษตามรูปแบบท่ีตอ้ งการ สามารถพิมพค์ ร้ังละหลายชุดโดยใชก้ ระดาษคาร์บอนวางระหว่างกระดาษแต่ละแผ่นได้ ส่วนขอ้ เสียของเครื่องพิมพช์ นิดน้ี คือ มีเสียงดงั และคุณภาพงานพิมพไ์ ม่ดีนกั เคร่ืองพิมพแ์ บบไม่กระทบหรือไม่ตอก (Nonimpact printer) เป็ นการพิมพโ์ ดยใชห้ มึกพ่นไปบนกระดาษหรือใชค้ วามร้อนและความดนั เพื่อละลายหมึกให้เป็ นลกั ษณะของอกั ขระ เป็ นการพิมพท์ ี่เร็วและคมชดั กว่าแบบกระทบ และพิมพไ์ ดท้ ้งั ตวั อกั ษรและภาพกราฟิ ก รวมท้งั ไม่มีเสียงขณะพิมพ์ แต่มีขอ้ จากดั คือ ไม่สามารถพิมพก์ ระดาษแบบสาเนา (copy) ได้
26 เครื่องพิมพเ์ ลเซอร์ (Laser printer) ทางานคลา้ ยกบั เครื่องถ่ายเอกสาร คือ มีแสงเลเซอร์สร้างประจุไฟฟ้า ซ่ึงจะมีผลให้โทนเนอร์ (toner) สร้างภาพท่ีตอ้ งการและพิมพภ์ าพน้นั ลงบนกระดาษ เคร่ืองพิมพเ์ ลเซอร์จะมีรุ่นต่างๆที่แตกต่างกนั ในดา้ นความเร็ว และความละเอียดของงานพิมพ์ ในปัจจุบนั สามารถพิมพไ์ ดล้ ะเอียดสูงสุดถึง 1200 จุดต่อนิ้ว (dot per inch หรือ dpi) เคร่ืองพิมพพ์ ่นหมึก (Inkjet printer) นิยมใชก้ บั เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ ส่วนมากจะพิมพส์ ีได้ ถึงแมจ้ ะไม่คมชดั เท่าเครื่องพิมพช์ นิดเลเซอร์ แต่ก็คมชดั กว่าเคร่ืองพิมพช์ นิดตอก และมีราคาถูกกว่าเคร่ืองพิมพช์ นิดเลเซอร์ นิยมนามาใชง้ านตามบา้ นอย่างมาก เครื่องพลอตเตอร์ (Plotter) ใชว้ าดหรือเขียนภาพสาหรับงานที่ตอ้ งการความละเอียดสูงๆนิยมใชก้ บั งานออกแบบทางสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม มีให้เลือกหลายชนิดโดยจะแตกต่างกนั ในดา้ นความเร็ว ขนาดกระดาษ และจานวนปากกาท่ีใชเ้ ขียนในแต่ละคร้ัง มีราคาแพงกว่าเครื่องพิมพธ์ รรมดา
273. หน่วยความจา Memory อุปกรณ์ส่วนท่ีสาคญั อยา่ งหน่ึงท่ีคอมพิวเตอร์จะขาดไม่ไดค้ ือ หน่วยความจา Memory ซ่ึงมีหลายประเภท ตามลกั ษณะการทางาน ดงั น้ี3.1 หน่วยความจารอม (ROM) และ (RAM) คาว่า ROM ยอ่ มาจาก Read Only Memory เป็ นหน่วยความจาที่เก็บขอ้ มูลแบบถาวร รอมที่ใชบ้ นั ทึกขอ้ มูลของอุปกรณ์ที่ติดต้งั บนเมนบอร์ด เช่น ขนาดและประเภทของฮาร์ดดิสกท์ ี่ใช้ขนาดของแรม หน่วยประมวลผลที่ใชก้ ารติดต้งั หน่วยขบั แผ่นบนั ทึก (Floppy drive) เป็ นตน้ขอ้ มูลท่ีบนั ทึกในรอม จะยงั คงอยแู่ มจ้ ะปิ ดเครื่อง หนา้ ที่ของรอมคือจะตรวจสอบว่ามีอุปกรณ์ใดบา้ ง ท่ีติดต้งั ใชง้ าน หากตรวจสอบไม่อุปกรณ์ท่ีสาคญั ๆ เช่น ไม่พบฮาร์ดดิสก์ ซีพียู หรือแรมรอมจะหยุดการทางาน
28 คาว่า RAM ยอ่ มาจาก Random Access Memory เป็ น หน่วยเก็บขอ้ มูลหลกั ของคอมพิวเตอร์แต่ขอ้ มูลจะสูญหายทนั ที เม่ือปิ ดเครื่อง ในการใชง้ านจริง จึงตอ้ งบนั ทึกขอ้ มูลไวใ้ นฮาร์ดดิสก์ก่อนปิ ดเครื่อง หน่วยความจาแรม มีหน่วยวดั เป็ น ไบต์ (byte) ซ่ึงถา้ เป็ นเคร่ืองรุ่นเก่าจะนิยมใช้หน่วยความจาแรม 8 หรือ 16 เมกะไบต์ (Megabyte) แต่ถา้ เป็ นเครื่องรุ่นใหม่ๆ จะใชแ้ รมขนาด128 หรือ 256 MB ข้ึนไป ซ่ึงจะทาให้สามารถทางานกบั โปรแกรมรุ่นใหม่ หรือกบั แฟ้มขอ้ มูลที่มีขนาดใหญ่ๆ เช่น งานมลั ติมีเดียหรืองานกราฟิ กได้3.2 DRAM (ดีแรม) และ SDRAM (เอสดีแรม) DRAM เป็ นหน่วยความจาหลกั ของเครื่อง นิยมใชม้ ากในสมยั ก่อนเพราะราคาไม่แพง แต่ทางานไดช้ า้ มากปัจจุบนั มีการใช้ SDRAM (Synchronous DRAM) ซ่ึงเป็ นหน่วยความจาท่ีมีประสิทธิภาพสูงมาก ในสมยั ก่อนอาจจะมีราคาสูง แต่ปัจจุบนั ราคาไดถ้ ูกลงมาก คนจึงนิยมใช้SDRAM มากข้ึน SIMM (ซิม) เป็ นแผงวงจรอิเลก็ ทรอนิกส์ที่ใชส้ าหรับติดต้งั หน่วยความจา ติดต้งั บนเมนบอร์ด เราสามารถเพิ่มจานวนแรมโดยเสียบแผงวงจรเขา้ กบั ซิมน้ี เพียงเท่าน้ีก็สามารถเพิ่มแรมไดอ้ ยา่ งง่ายๆสะดวก รวดเร็วและสามารถทาไดด้ ว้ ยตนเอง ดงั น้นั ขอ้ จากดั ของการเพิ่มแรมคือ จานวนช่องของ SIMM และขนาดของแรมแต่ละแผงที่นามาเสียบลงบน SIMM3.3 หน่วยความจาเสมือน (Virtual Memory) หมายถึง หน่วยความจาประเภทหน่ึงใชส้ าหรับแสดงผล เป็ นหน่วยความจาท่ีถูกสร้างข้ึนมาในกรณีท่ีหน่วยความจาแรมไม่พอใช้ โดยระบบปฏิบตั ิการจะมีการนาเอาพ้ืนที่ในฮาร์ดดิสก์บางส่วนมาเป็ นพ้ืนที่ทางานชว่ั คราวในขณะเปิ ดแฟ้มขอ้ มูล และจะลบทิ้งเม่ือปิ ดแฟ้มขอ้ มูล เราจึงเรียกว่า “หน่วยความจาเสมือน” ขอ้ เสียของการใชห้ น่วยความจาเสมือนคือ ถา้ พ้ืนที่ว่างมีนอ้ ยกว่าท่ีกาหนดไว้ คอมพิวเตอร์จะทางานชา้ ลง การใชง้ านฮาร์ดดิสกจ์ ึงมกั จะให้มีเน้ือที่ที่ไม่ไดใ้ ช้งาน เหลือไวไ้ ม่นอ้ ยกว่า 10 เปอร์เซ็นต์
29 ในการใชง้ านคอมพิวเตอร์น้นั เราจะตอ้ งเลือกขนาดของแรมที่เหมาะสม โดยเฉพาะโปรแกรมปฏิบตั ิการ (OS) รุ่นใหม่ๆ เช่น Windows 98, Windows XP เป็ นระบบปฏิบตั ิการขนาด 32 บิต ตอ้ งใชแ้ รม 64 MB ข้ึนไป หากใชแ้ รมนอ้ ยกว่าน้ีเครื่องอาจจะทางานชา้ มากหรืออาจหยุดชะงกั ไดง้ ่าย3.4 หน่วยความจาแคช (Memory Cache) และ บัส (Bus) หน่วยความจาแคชเป็ นหน่วยความจาที่ช่วยให้เคร่ืองคอมพิวเตอร์ทางานไดเ้ ร็วข้ึน เป็ นการเก็บขอ้ มูลที่เราเคยเรียกใชแ้ ลว้ เอาไวใ้ นกรณีที่เราตอ้ งการเรียกใชก้ ็มาเรียกขอ้ มูลจากแคช ซ่ึงจะดึงขอ้ มูลไดเ้ ร็วกว่าหน่วยความจาดิสก์มาก
30หน่วยความจาแคช มี 2 ประเภท คือ 1. แคชภายใน ติดต้งั อยู่ภายในซีพียู เวลาเครื่องประมวลผล ก็จะเรียกเก็บขอ้ มูลที่เก็บไวท้ ่ีแคชใกลๆ้ ซีพียมู าใชไ้ ดอ้ ย่างรวดเร็ว 2. แคชภายนอก จะติดต้งั อยู่บนเมนบอร์ดเหมือนแรม ถา้ เคร่ืองไม่พบแคชในซีพียูก็จะมองหาแคชภายนอก ถา้ พบก็จะนามาใชง้ าน ซ่ึงก็จะทางานไดช้ า้ กว่าแคชภายในอยูบ่ า้ งเป็ นเส้นทางว่ิงระหว่างขอ้ มูลหรือคาสั่ง การวดั ขนาดความกวา้ งของ บสั เราเรียกว่า “บิต” 8 บิตเท่ากบั 1 ไบต์ หรือ 1 ตวั อกั ษร ส่วนความเร็วของ บสั วดั ดว้ ยหน่วยเมกะเฮิรตซ์ (Mhz) หรือหน่ึงลา้ นรอบต่อวินาที บสั ที่นิยมใชใ้ นปัจจุบนั คือ บสั แบบ PCI (Peripheral ComponentInterconnect) มีความกวา้ งของสัญญาณท่ีใชร้ ับส่งขอ้ มูลถึง 32 หรือ 64 บิต ความเร็วมากกว่า300 MHz ข้ึนไป นอกจากน้ี PCI ยงั สนบั สนุนคุณสมบตั ิPlug and Play ท่ีใชใ้ นการติดต้งัโปรแกรมที่ใชค้ วบคุมอุปกรณ์ใหม่ดว้ ย3.5 หน่วยข้อมูลสารอง คอมพิวเตอร์หรือซีพียูจะเรียกใชข้ อ้ มูลจากหน่วยเก็บขอ้ มูลหลกั คือ แรมก่อน หากขอ้ มูลที่ตอ้ งการไม่มีในแรม ก็จะทาการอ่านขอ้ มูลจากหน่วยเก็บขอ้ มูลสารองไปเก็บไวท้ ี่แรม เพราะหน่วยเก็บขอ้ มูลสารองสามารถจะเก็บรักษาขอ้ มูลไวไ้ ด้ แมว้ ่าจะปิ ดเครื่อง และเก็บขอ้ มูลได้มากกว่าหน่วยเก็บขอ้ มูลหลกั หน่วยเก็บขอ้ มูลสารองแบ่งออกเป็ น แผน่ บนั ทึก (Floppy Disk)หรือท่ีนิยมเรียกว่า ดิสเก็ตต์ (diskette) มีลกั ษณะเป็ นแผ่นแม่เหล็ก ทรงกลม มีพลาสติกแขง็ เป็ นกรอบส่ีเหล่ียมครอบไวช้ ้นั นอก ขนาด 3.5 นิ้ว สามารถจุขอ้ มูลได้ 1.44 MB ก่อนการใชง้ านจะตอ้ งทาการฟอร์แมตแผน่ ก่อน ปัจจุบนั แผน่ ดิสเก็ตตจ์ ะฟอร์แมตมาจากโรงงานผผู้ ลิตแลว้สามารถนามาใชง้ านไดท้ นั ที การใชง้ านจะเสียบใส่ในเครื่องขบั แผ่นบนั ทึก (Floppy Drive) ซ่ึงเป็ นอุปกรณ์อ่านและเขียนแผน่ ดิสก์ ติดต้งั อยู่ภายในตวั ถงั ของเครื่อง แผ่นบนั ทึก (Floppy disk)
31เก็บขอ้ มูลไดไ้ ม่มากนกั เหมาะสาหรับการพกพา เพราะมีขนาดเลก็ สามารถนาขอ้ มูลไปใชง้ านกบั คอมพิวเตอร์เครื่องอ่ืนๆ ไดส้ ะดวกจานบนั ทึกแบบแขง็ (Hard Disk) เป็ นหน่วยเก็บขอ้ มูลขนาดใหญ่สามารถเก็บขอ้ มูลไดม้ ากกว่าฟลอปป้ี ดิสก์หลายลา้ นเท่า ฮาร์ดดิสก์ติดต้งั ในตวั เครื่อง มีขนาดประมาณ 3.5 นิ้ว แต่มีความหนากว่าฟลอปป้ี ดิสก์ มีตวั อ่านขอ้ มูลอยภู่ ายใน ในปัจจุบนั มีฮาร์ดดิสกต์ ้งั แต่ 40 กิกะไบต์ (GB) ข้ึนไป จึงสามารถเก็บขอ้ มูลไดม้ าก รวมท้งั โปรแกรมต่างๆ ในปัจจุบนั ท่ีตอ้ งการพ้ืนที่ในการเก็บขอ้ มูลมากข้ึน โดยเฉพาะโปรแกรมประเภทกราฟฟิ กหรือมลั ติมีเดีย จาเป็ นตอ้ งใชพ้ ้ืนท่ีเก็บขอ้ มูลมากพอจึงจะใชง้ านได้ซีดี – รอม (CD-ROM) ย่อมาจากคาว่า Compact Disk Read – Only Memory เป็ นหน่วยเก็บขอ้ มูลที่ไดร้ ับความนิยมมากราคาไม่แพง มีอายุการใชห้ ลายปี และมีขนาดเลก็ ซีดีรอมเป็ นแผน่พลาสติกกลม เส้นผ่านศูนยก์ ลาง 4.75 นิ้ว ผิวหนา้ เคลือบดว้ ยโลหะสะทอ้ นแสง เพ่ือป้องกนัขอ้ มูลท่ีบนั ทึกไวบ้ นั ทึกและอ่านขอ้ มูลดว้ ยแสงเลเซอร์ ปกติซีดีรอมในปัจจุบนั จะมีความจุประมาณ 700 MB หรือเท่ากบั หนงั สือประมาณ 700,000 หนา้ หรือเท่ากบั ฟลอปป้ี ดิสก์ขนาด1.44 MB ถึง 700 แผ่น สามารถบนั ทึกขอ้ มูลไดม้ าก โดยเฉพาะงานดา้ นมลั ติมีเดียท้งั ภาพ แสงเสียง ในเวลาเดียวกนั ท่ีสาคญั คือ เป็ นระบบที่ปลอดภยั จากไวรัส
32ดีวีดี – รอม (DVD-ROM) ย่อมาจาก Digital Video Disk Read – Only Memory เป็ นหน่วยเก็บขอ้ มูลรองชนิดหน่ึงท่ีกาลงั ไดร้ ับความนิยมมากลกั ษณะคลา้ ยซีดีรอมแต่สามารถเก็บขอ้ มูลได้มากกว่าซีดีรอมหลายเท่าคือ ขนาดมาตรฐานเก็บขอ้ มูลได้ 4.7 GB หรือ 7 เท่าของซีดีรอม และพฒั นาต่อเน่ืองไปตลอดดีวีดีแผ่นหน่ึงสามารถบรรจุภาพยนตร์ความยาวถึง 133 นาทีไดโ้ ดยใช้ลกั ษณะการบีบอดั ขอ้ มูลแบบ MPEG-2 และระบบเสียงแบบดอลบี (Dolby AC-3) ปัจจุบนั ดีวีดีนิยมใชใ้ นการบนั ทึกภาพยนตร์และมลั ติมีเดีย4. ซอร์ฟแวร์ Software คอมพิวเตอร์จะทางานไม่ไดเ้ ลยหากปราศจาก ซอร์ฟแวร์ Software ท่ีจะคอยรับคาส่ังในรูปแบบต่าง ๆ ไปประมวลผล และแสดงผลออกมา4.1 ชนิดของ software ซอฟตแ์ วร์ระบบปฏิบตั ิการ (Operating System Software-OS) หมายถึง ซอฟตแ์ วร์หรือโปรแกรมที่ควบคุมการทางานท้งั หมดของเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยคอมพิวเตอร์ทุกเคร่ืองจะตอ้ งมีระบบปฏิบตั ิการอย่างใดอย่างหน่ึงเสมอ ระบบปฏิบตั ิการยอดนิยมในปัจจุบนั คือ Windows95, Windows 98, Windows 2000,Windows Me, Windows XP, Linux, DOS เป็ นตน้
33 ซอฟตแ์ วร์ประยุกต์ (Application Software) หมายถึง โปรแกรมท่ีเขียนข้ึนมาเพ่ือส่ังให้เคร่ืองคอมพิวเตอร์ทางานเฉพาะดา้ น เช่น โปรแกรมระบบบญั ชี โปรแกรมออกแบบ โปรแกรมสาเร็จรูปต่างๆ เช่น Microsoft Word, Excel, PowerPoint เป็ นตน้การใช้ คอมพิวเตอร์ ในการทางานด้ านต่ างๆ เม่ือหลายปี ก่อน คอมพิวเตอร์มีอยไู่ ม่มากนกั ส่วนใหญ่จะเป็ นระบบเมนเฟรม ซ่ึงมีขนาดใหญ่และราคาแพง ส่วนมากจะใชง้ านทางดา้ นวิทยาศาสตร์เท่าน้นั ซ่ึงจะไม่เก่ียวขอ้ งกบัชีวิตประจาวนั มากนกั แต่ในปัจจุบนั คอมพิวเตอร์ไดม้ ีขนาดเล็กลง และ ราคาไม่แพงนกั คนทว่ั ไปสามารถซ้ือหามาใชไ้ ดเ้ หมือนกบั เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้าโดยทวั่ ไป ในหน่วยงานท้งั ภาครัฐบาลและเอกชนมีการนาคอมพิวเตอร์มาใชใ้ นหน่วยงานข้ึน และมีแนวโนม้ ที่จะมีการใชส้ ูงข้ึน โดยปัจจุบนั การใชค้ อมพิวเตอร์มีหลากหลายลกั ษณะ ไดแ้ ก่ 1. คอมพิวเตอร์ในสถานศึกษา 2. คอมพิวเตอร์ในงานวิศวกรรม 3. คอมพิวเตอร์ในงานวิทยาศาสตร์ 4. คอมพิวเตอร์ในงานธุรกิจ 5. คอมพิวเตอร์ในงานธนาคาร 6. คอมพิวเตอร์ในร้านคา้ ปลีก
34 7. คอมพิวเตอร์ในวงการแพทย์ 8. คอมพิวเตอร์ในการคมนาคม และการสื่อสาร 9. คอมพิวเตอร์ในงานดา้ นอุตสาหกรรม 10. คอมพิวเตอร์ในวงราชการ1. คอมพิวเตอร์ในสถานศึกษา ปัจจุบนั ตามสถานศึกษาต่างๆ ไดม้ ีการนาคอมพิวเตอร์มาใชใ้ นการเรียนการสอนอย่างมากมาย รวมท้งั ใชค้ อมพิวเตอร์ในงานบริหารของโรงเรียน เช่น การจดั ทาประวตั ินกั เรียนประวตั ิครูอาจารย์ การคดั คะแนนสอบ การจดั ทาตารางสอน ใชค้ อมพิวเตอร์ในงานห้องสมุดการจดั ทาตารางสอน เป็ นตน้ ตวั อยา่ งในการประยุกตด์ า้ นการศึกษา เช่น โปรแกรมรายงานการลงทะเบียนเรียน โปรแกรมตรวจขอ้ สอบ เป็ นตน้2. คอมพิวเตอร์ในงานวิศวกรรม คอมพิวเตอร์สามารถทางานในดา้ นวิศวกรรมไดต้ ้งั แต่ข้นั ตอนการลอกเขียนแบบ จนกระทงั่ถึงการออกแบบโครงสร้างของสถาปัตยกรรมต่างๆ ตลอดจนช่วยคานวณโครงสร้าง ช่วยในการวางแผนและควบคุมการสร้าง
353. คอมพิวเตอร์ในงานวิทยาศาสตร์ คอมพิวเตอร์สามารถทางานร่วมกบั เคร่ืองมือทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ เช่น เคร่ืองมือวิเคราะห์ สารเคมี เครื่องมือการทดลองต่างๆ แมก้ ระทงั่ การเดินทางของยานอวกาศต่างๆ การถ่าย พ้ืนผิวโลกบนดาวองั คาร เป็ นตน้4. คอมพิวเตอร์ในงานธุรกิจ คอมพิวเตอร์สามารถจดั เก็บขอ้ มูลไดม้ ากมาย มีความรวดเร็ว และถูกตอ้ ง ทาให้สามารถได้ขอ้ มูลที่ช่วยให้สามารถตดั สินใจในการดาเนินธุรกิจ ตลอดจนงานทางดา้ นเอกสารงานพิมพ์ต่างๆ เป็ นตน้
365. คอมพิวเตอร์ในงานธนาคาร ในแวดวงธนาคารนบั ไดว้ ่าคอมพิวเตอร์ไดเ้ ขา้ มามีบทบาทมากที่สุด เพราะธนาคารจะมีการนาขอ้ มูล Transaction) เป็ นประจาทุกวนั การหาอตั ราดอกเบ้ียต่างๆ นอกจากน้ีการใชบ้ ริการ ATMซ่ึงลูกคา้ สามารถฝากถอนเงินไดจ้ ากเครื่องอตั โนมตั ิ ซ่ึงจะให้สะดวกแก่ผใู้ ชบ้ ริการเป็ นอย่างย่ิงและเป็ นท่ีนิยมแพร่หลายในปัจจุบนั6. คอมพิวเตอร์ในร้านค้าปลีก ปัจจุบนั เห็นไดว้ ่า ไดม้ ีธุรกิจร้านคา้ ปลีกหรือที่เรียกว่า \"เฟรนไซน์\" เป็ นจานวนมาก ไดม้ ีการนาคอมพิวเตอร์เขา้ มาใชใ้ นการ ให้บริการลูกคา้ เช่น ให้บริการชาระ ค่าน้า - ไฟฟ้า ค่าโทรศพั ท์เป็ นตน้ จะเห็นไดว้ ่ามีการ online ระหว่างร้านคา้ เหล่าน้นั กบั หน่วยงานน้นั ๆ เพ่ือสามารถตดั ยอดบญั ชีได้ เป็ นตน้7. คอมพิวเตอร์ในวงการแพทย์ คอมพิวเตอร์ไดถ้ ูกนามาใชใ้ นการเก็บประวตั ิของคนไข้ ควบคุมการรับและจ่ายยา ตลอดจนยงัอยใู่ นอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ เช่น เคร่ืองมือผ่าตดั บนั ทึกการเตน้ ของหัวใจ ตรวจคล่ืนสมอง และดา้ นการหาตาแหน่งของอวยั วะก่อนการผ่าตดั เป็ นตน้
378. คอมพิวเตอร์ในการคมนาคม และการส่ือสารในยคุ ปัจจุบนั เราเรียกว่าเป็ นยุคที่เป็ นการส่ือสารแบบไร้พรมแดน จะเห็นไดว้ ่า มีการส่ือสารในรูปแบบต่าง ๆในเครือข่ายสาธารณะ ที่เรียกว่า เครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซ่ึงสามารถท่ีจะส่ือสาร กบัทุกคนไดท้ วั่ มุมโลก โดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์น้ี และยงั มีโปรแกรมที่ สามารถจะใชใ้ นการ พูดคุยกนั ได้ ไม่ว่าจะเป็ นเคร่ืองคอมพิวเตอร์ดว้ ยกนั ใชค้ ุยกนั หรือจะเป็ นเคร่ืองคอมพิวเตอร์ส่ือสาร กบั เครื่องโทรศพั ทท์ ่ีบา้ นหรือท่ีทางาน หรือแมก้ ระทงั่ การส่ง pager ในปัจจุบนั สามารถ ส่งทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์ไปยงั เคร่ืองลูกได้ เป็ นตน้ สาหรับการใชค้ อมพิวเตอร์ ในทาง โทรคมนาคมจะเห็นว่า ปัจจุบนั การจองตว๋ั เคร่ืองบิน จะมีการนาเอาคอมพิวเตอร์มาใชเ้ ป็ น จานวนมาก รวมถึงการจองตวั๋ ผ่านทาง Internet ดว้ ยตนเอง เห็นไดว้ ่าเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผใู้ ชบ้ ริการ และนอกจากน้ี ยงั มีเครือข่ายของสายการบินทวั่ โลก ทาให้ผูใ้ ชบ้ ริการสามารถเลือกจองได้ ตามสายการบินต่างๆ เป็ นตน้ ตวั อย่าง การตรวจสอบราคาค่าโดยสาร และเวลาของ แต่ละเท่ียวบินผา่ นทาง internet
389. คอมพิวเตอร์ในงานด้านอุตสาหกรรม ในวงการอุตสาหกรรมนับไดว้ ่า คอมพิวเตอร์ไดเ้ ขา้ มามีบทบาทเป็ นอย่างมาก ต้งั แต่การวางแผนการผลิต กาหนดเวลาการผลิต จนกระทงั่ ถึงการผลิตสินคา้ ควบคุมระบบ การผลิตท้งั หมดในรายงานทางอุตสาหกรรม ไดม้ ีการนาคอมพิวเตอร์มาใชใ้ น การควบคุมการทางานของเครื่องจกั ร เช่น การเจาะ ตดั ไส กลึง เป็ นตน้ ตลอดจนโรงงานผลิตรถยนต์ ก็จะใช้ หุ่นยนต์คอมพิวเตอร์ในการทาสี พ่นสี รวมถึงการประกอบรถยนต์ เป็ นตน้10. คอมพิวเตอร์ในวงราชการ คอมพิวเตอร์ถูกนามาใชใ้ นงานทะเบียนราษฎร์ ช่วยในการนบั คะแนนการเลือกต้งั และการประกาศผลเลือกต้งั การคิดภาษีอากร การเก็บขอ้ มูลสถิติสัมมโนประชากร การเก็บเงินค่าไฟฟ้าน้าประปา ค่าใชโ้ ทรศพั ท์ เป็ นตน้6. เทคโนโลยีสารสนเทศกับสังคม ในบทน้ีจะเป็ นเน้ือหาเกี่ยวกบั เทคโนโลยีสารสนเทศที่ทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของโลกผลกระทบ6.1 การเปล่ียนแปลงของโลก
39 เมื่อเทคโนโลยีพฒั นาไปสู่สังคมข่าวสาร ผลกระทบย่อมเกิดข้ึนท้งั ทางบวกและทางลบ เราจะเตรียมพร้อมรับการเผชิญหนา้ กบั การเปลี่ยนแปลงเหล่าน้นั ไดอ้ ย่างไร6.1.1 ความหมายของสังคมสารสนเทศ สังคมสารสนเทศหรือสังคมข่าวสาร (The information society) เป็ นสังคมท่ีมีการใชส้ ารสนเทศรูปแบบต่างๆ เพ่ือประกอบการตดั สินใจท้งั เพ่ือประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม ในสังคมสารสนเทศจะทาให้เราไดร้ ับสารสนเทศท่ีมีคุณภาพ ตรงกบั ความตอ้ งการและทนั เวลา ในสังคมสารสนเทศ เราสามารถแบ่งกลุ่มเทคโนโลยีต่างๆท่ีจดั อยู่ในประเภทเทคโนโลยีสารสนเทศไดด้ งั น้ี คือ 1) เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และ 2) เทคโนโลยีโทรคมนาคมหรือการสื่อสารขอ้ มูล6.1.2 คุณลักษณะของสังคมสารสนเทศ สังคมสารสนเทศมีลกั ษณะท่ีสาคญั ดงั น้ี 1. เป็ นสังคมที่มีการใชส้ ารสนเทศที่บนั ทึกอยบู่ นสื่อท่ีเป็ นเอกสาร สิ่งพิมพ์ และไม่ตีพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ เสียงภาพ 2. เป็ นสังคมท่ีมีการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศหรือ IT เพ่ือการไดม้ า จดั เก็บประมวลผล สืบคน้ และเผยแพร่สารสนเทศให้ตรงกบั ความตอ้ งการของผูใ้ ชอ้ ย่างรวดเร็วถูกตอ้ งและทนั เวลา 3. เป็ นสังคมที่มีการใชผ้ ลิตภณั ฑห์ รืออุปกรณ์ที่มีไมโครโพรเซสเซอร์เป็ นตวั ควบคุมการทางาน เคร่ืองอานวยความสะดวกในบา้ นและในสานกั งาน ตวั อย่างเช่น หมอ้ หุงขา้ วไฟฟ้าเตาไมโครเวฟ เคร่ืองซกั ผา้ เคร่ืองปรับอากาศ อุปกรณ์กนั ขโมย ระบบควบคุมไฟฟ้า เป็ นตน้ 4. เป็ นสังคมที่ผูใ้ ชส้ ามารถใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศไดด้ ว้ ยตนเองท้งั โดยทางตรงและทางออ้ มอนั นามาซ่ึงการเพิ่มผลผลิตและการเพ่ิมประสิทธิภาพในการประกอบการดา้ นต่างๆ6.1.3 ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศ ผลกระทบทางบวก 1. ช่วยส่งเสริมความสะดวกสบายของมนุษย์ 2. ช่วยทาให้การผลิตในอุตสาหกรรมดีข้ึน 3. ช่วยส่งเสริมให้เกิดการคน้ ควา้ วิจยั สิ่งใหม่ 4. ช่วยส่งเสริมสุขภาพและความเป็ นอยูใ่ ห้ดีข้ึน 5. ช่วยส่งเสริมสติปัญญาของมนุษย์
406. เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยให้เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง7. ช่วยให้เกิดความเขา้ ใจอนั ดีระหว่างกนั8. ช่วยส่งเสริมประชาธิปไตย ผลกระทบทางลบ 1. ทาให้เกิดอาชญากรรม 2. ทาให้ความสัมพนั ธ์ของมนุษย์เส่ือมถอย 3. ทาให้เกิดความวิตกกงั วล 4. ทาให้เกิดความเส่ียงภยั ทางดา้ นธุรกิจ 5. ทาให้การพฒั นาอาวุธมีอานาจทาลายสูงมากข้ึน 6. ทาให้เกิดการแพร่วฒั นธรรมและกระจายข่าวสารท่ีไม่เหมาะสมอยา่ งรวดเร็ว6.2 ความปลอดภัยและความเป็ นส่วนตัว อาชญากรรมทางคอมพวิ เตอร์เกิดข้ึนไดห้ ลายรูปแบบ ความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยสี ารสนเทศก่อใหเ้ กิดปัญหาใหม่ๆข้ึน ตวั อยา่ งปัญหาอาชญากรรมบนเครือข่าย เช่น การขโมยขอ้ มูลหรือสารสนเทศในขณะที่ส่งผา่ นไปบนระบบเครือขา่ ย การแอบใชร้ หสั ผา่ นของผมู้ ีอานาจเพ่ือเขา้ ถึงและเรียกใชข้ อ้ มูลท่ีเป็นความลบั การใหบ้ ริการสารสนเทศท่ีมีการหลอกลวง รวมถึงการบ่อนทาลายขอ้ มูลที่มีอยใู่ นเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างๆในระบบเครือขา่ ย เช่น ไวรัสเครือขา่ ยการแพร่ขอ้ มูลท่ีเป็นเทจ็ ก่อใหเ้ กิดการหลอกลวง และมีผลเสียติดตามมาลกั ษณะของอาชญากรรมที่เกิดข้ึนจากฝีมือมนุษยท์ ี่รู้จกั กนั ดี ไดแ้ ก่ แฮกเกอร์ (Hacker) และแครกเกอร์ (Cracker) แฮก-เกอร์ คือ ผทู้ ี่มีความรู้ความชานาญดา้ นเทคโนโลยคี อมพิวเตอร์ และเครือข่าย สามารถเขา้ ถึงขอ้ มูลของหน่วยงานสาคญั ๆโดยเจาะผา่ นระบบรักษาความปลอดภยั แตไ่ ม่ทาลายขอ้ มูล หรือหาประโยชนจ์ ากการบุกรุกคอมพวิ เตอร์ของผอู้ ่ืน แต่กถ็ ือไดว้ า่ เป็นอาชญากรรมประเภทหน่ึงท่ีไม่พึงประสงค์ ส่วนแครกเกอร์คือ ผซู้ ่ึงกระทาการถอดรหสั ผา่ นขอ้ มูลต่างๆ เพื่อใหส้ ามารถนาเอาโปรแกรม หรือขอ้ มูลต่างๆ มาใช้ใหม่ได้ เป็นการกระทาละเมิดลิขสิทธ์ิ เป็นการลกั ลอกหรือเป็นอาชญากรรมประเภทหน่ึง การละเมิดสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล ความเป็ นส่วนตวั ของขอ้ มูลและสารสนเทศ เป็ นสิทธิท่ีเจา้ ของสามารถที่จะควบคุมขอ้ มูลของตนในการเปิ ดเผยให้กบั ผูอ้ ื่น การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างไม่มีขีดจากดั ยอ่ มส่งผลต่อการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล การนาเอาขอ้ มูลบางอยา่ งที่เก่ียวกบั บุคคลออกเผยแพร่ต่อสาธารณชน ซ่ึงขอ้ มูลบางอยา่ งอาจไม่เป็ นจริงหรือยงั ไม่ได้พิสูจน์ความถูกตอ้ งออกสู่สาธารณชน ก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลโดยไม่สามารถป้องกนัตนเองได้ การละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเช่นน้ีตอ้ งมีกฎหมายออกมาให้ความคุม้ ครองเพื่อ
41ให้นาขอ้ มูลต่างๆ มาใชใ้ นทางท่ีถูกตอ้ ง และเพ่ือเป็ นการป้องกนั การละเมิดสิทธิความเป็ นส่วนบุคคลของขอ้ มูลและสารสนเทศ จึงควรจะตอ้ งระวงั การให้ขอ้ มูลโดยเฉพาะการใชอ้ ินเทอร์เน็ตและผทู้ ี่เกี่ยวขอ้ งจะตอ้ งตระหนกั ถึงบทบาทและจรรยาบรรณในการประกอบอาชีพของตนที่เกี่ยวขอ้ งกบั ขอ้ มูลส่วนบุคคลของผูอ้ ื่น6.3 ทรัพย์สินทางปัญญา ทรัพยส์ ินทางปัญญา เป็ นผลผลิตที่เกิดจากความคิดของบุคคลหรือกลุ่มบุคคล ซ่ึงทรัพยส์ ินเหล่าน้ีจะไดร้ ับการคุม้ ครองสิทธิตามกฎหมายความลบั ทางการคา้ (Trade Secret) กฎหมายลิขสิทธ์ิ (Copyright) และสิทธิบตั ร (Patent) ตวั อยา่ งปัญหาเก่ียวกบั ทรัพยส์ ินทางปัญญา เช่นการละเมิดลิขสิทธ์ิโปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือ ซอฟตแ์ วร์ เพราะเป็ นเร่ืองที่กระทาไดง้ ่ายมากซ่ึงในสังคมเทคโนโลยีสารสนเทศ จะพบว่าบริษทั ผูผ้ ลิตซอฟตแ์ วร์หลายบริษทั ไดส้ ูญเสียเงินในแต่ละปี เป็ นจานวนมาก เน่ืองจากการละเมิดลิขสิทธ์ิซอฟตแ์ วร์ เป็ นตน้
Search
Read the Text Version
- 1 - 42
Pages: