จดั ทาโดย นางสาวสุธีธิดา จนั ทรโชติ รหสั นกั ศึกษา 604150516 หอ้ ง 5 สาขา คอมพวิ เตอร์
บทบญั ญตั ิการศกึ ษาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย 1 - 3 แผนการศึกษา แห่งชาติ 2560- 2579 4 - 6 การศกึ ษาตามความถนดั 7 - 9 กองทุนเพ่อื ความเสมอภาคทางการศกึ ษา (ก ส ศ) 10 - 12 พ.ร.บ. ขอ้ มูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 13 - 16 การจดั กิจกรรมการเรียนการสอนที่เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั 17 - 19 กฎหมายและระเบียบขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา 20 - 22 ระเบียบเก่ียวกบั การล ของขา้ ราชการ 23 - 25 การพานกั เรียนไปนอกสถานท่ี 26 - 27 การลงโทษนกั เรียน 28 - 29 วนิ ยั ขา้ ราชการพลเรือน 30 - 31 จรรยาบรรณในวชิ าชีพครู 32 - 33
1 บทบญั ญตั ิการศึกษาตามรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจกั รไทย หมวด 4 หน้าทขี่ องปวงชนชาวไทย มาตรา 50 (4) กาหนดใหป้ ระชาชนคนไทย ตอ้ งเขา้ รับการศกึ ษาอบรมในการศกึ ษาภาคบงั คบั ดงั น้นั จึงเห็นไดว้ า่ การเขา้ รับการศกึ ษาตามรัฐธรรมนูญ ฉบบั น้ีจึงเป็น “หนา้ ท่ี” ท่ีรัฐตอ้ งจดั การศึกษาใหก้ บั ประชาชนตามท่ีกฎหมายกาหนด หมวดที่ 5 หน้าทข่ี องรัฐ มมี าตรา 54 1 วรรคหน่ึง กาหนดให้ รัฐตอ้ งดาเนินการให้ เดก็ ทุกคนไดร้ ับการศึกษาเป็นเวลาสิบสองปี ต้งั แต่ก่อนวยั เรียนจนจบการศึกษาภาคบงั คบั อยา่ งมีคุณภาพ โดยไม่เกบ็ ค่าใชจ้ ่าย หมวดท่ี 5 หน้าทข่ี องรัฐ มมี าตรา 54 2 วรรคสอง รัฐตอ้ งดาเนินการใหเ้ ดก็ เลก็ ไดร้ ับ การดูแลพฒั นาก่อนเขา้ รับการศกึ ษาตาม วรรคหน่ึง เพอ่ื พฒั นาร่างกาย จิตใจ วนิ ยั อารมณ์ สังคม และสติปัญญาใหส้ มกบั วยั
2 บทบญั ญตั ิการศึกษาตามรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจกั รไทย หมวดท่ี 5 หน้าทข่ี องรัฐ มมี าตรา 54 3 วรรคสาม รัฐตอ้ งดาเนินการใหป้ ระชาชน ไดร้ ับการศกึ ษาตามความตอ้ งการในระบบ ต่างๆ รวมท้งั ส่งเสริมใหม้ ีการเรียนรู้ตลอด ชีวติ และจดั ใหม้ ีการร่วมมือกนั ระหวา่ งรัฐ องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น และภาคเอกชน ในการจดั การศึกษาทุกระดบั หมวดท่ี 5 หน้าทขี่ องรัฐ มมี าตรา 54 4 วรรคส่ี การศกึ ษาท้งั ปวงตอ้ งมุ่งพฒั นาผเู้ รียน ใหเ้ ป็นคนดี มีวนิ ยั ภูมิใจในชาติ สามารถ เช่ียวชาญไดต้ ามความถนดั ของตน และมี ความรับผดิ ชอบต่อครอบครัว ชุมชน สังคม หมวดที่ 5 หน้าทขี่ องรัฐ มมี าตรา 54 5 วรรคห้า ในการดาเนินการใหเ้ ดก็ เลก็ ไดร้ ับการดูแลและ พฒั นาตามวรรคสองหรือใหป้ ระชาชนไดร้ ับการศึกษาตาม วรรคสาม รัฐตอ้ งดาเนินการใหผ้ ขู้ าดแคลนทุนทรัพยไ์ ดร้ ับ การสนบั สนุนค่าใชจ้ ่ายในการศกึ ษาตามความถนดั ของตน
3 บทบญั ญตั ิการศึกษาตามรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจกั รไทย หมวดที่ 5 หน้าทขี่ องรัฐ มมี าตรา 54 6 วรรคหก ใหจ้ ดั ต้งั กองทุนเพอ่ื ใชใ้ นการ ช่วยเหลือผขู้ าดแคลนทุนทรัพยเ์ พ่ือลดความ เหลื่อมล้าในการศึกษา และเพอ่ื เสริมสร้าง และพฒั นาคุณภาพและประสิทธิภาพครู หมวด 16 การปฏริ ูปประเทศมาตรา258 1 ใหส้ ามารถเร่ิมดาเนินการใหเ้ ดก็ เลก็ ไดร้ ับการดูแลและพฒั นาก่อนเขา้ รับ การศึกษาตามท่ีรัฐธรรมนูญกาหนดไว้ 2 ใหด้ าเนินการตรากฎหมายเพอ่ื จดั ต้งั กองทุนเพอื่ ใชใ้ นการช่วยเหลือผขู้ าด แคลนทุนทรัพย์ 3 ใหม้ ีกลไกและระบบการผลิต คดั กรองและพฒั นาผปู้ ระกอบวชิ าชีพครู และอาจารย์ ใหไ้ ดผ้ มู้ ีจิตวญิ ญาณของความเป็นครู 4 ปรับปรุงการเรียนการสอนทุกระดบั เพอื่ ใหผ้ เู้ รียนสามารถเรียนไดต้ าม ความถนดั และปรับปรุงโครงสร้างของหน่วยงานท่ีเกี่ยวขอ้ งเพื่อบรรลุ เป้าหมายดงั กล่าว
4 แผนการศึกษา แห่งชาติ 2560- 2579 เป็นการวางกรอบเป้าหมายและทิศทางการ จดั การศึกษาของประเทศในการ พฒั นาศกั ยภาพ และขีดความสามารถของคนไทยทุกช่วงวยั ใหเ้ ตม็ ตาม ศกั ยภาพสามารถแสวงหาความรู้และเรียนรู้ได้ ณ ดว้ ยตนเองอยา่ งต่อเนื่อง ตลอดชีวติ โดยการขบั เคล่ือนภายใต้ วสิ ัยทศั นค์ นไทยทุกคนไดร้ ับการ ศึกษาและเรียนรู้ตลอดชีวติ อยา่ งมีคุณภาพดารงชีวติ อยา่ งเป็นสุขสอดคลอ้ ง กบั หลกั ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพยี งและการเปล่ียนแปลงของโลก สภาวการณ์และบริบทแวดลอ้ มที่มีผลต่อ การพฒั นาการศึกษาของประเทศ วสิ ัยทศั นแ์ ละเป้าหมายของแผนการศกึ ษา แห่งชาติ การขบั เคลื่อน แผนการศึกษาแห่ง ชาติสู่การปฏิบตั ิ
5 แผนการศึกษา แห่งชาติ 2560- 2579 ปัญหาและความทา้ ทาย ของระบบการศกึ ษา ปัญหาและความท้าทายทเี่ กดิ จากระบบการศึกษา ดังนี้ - คุณภาพของคนไทยทุกกลุ่มวยั ยงั มีปัญหา - ระบบการศึกษาและการพฒั นาบุคลากรดา้ นวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ยงั เป็น จุดอ่อน ปัญหาและความท้าทายจากสภาวการณ์ของโลกทปี่ ระเทศต้องเผชิญ ดงั นี้ - แรงกดดนั จากปัจจยั ภายนอก - แรงกดดนั จากปัจจยั ภายใน - การติดกบั ดกั ประเทศที่มีรายไดป้ านกลาง - ทศั นคติ ความเช่ือ ค่านิยม วฒั นธรรมและพฤติกรรมของประชากรทป่ี รับ เปล่ียนไปตามกระแสโลกาภิวตั น์ - การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศท่ีตอ้ งแลกกบั ทรัพยากรธรรมชาตทิ ี่ ถูก ทาลาย และเส่ือมโทรมอยา่ งรวดเร็ว วสิ ยั ทศั นแ์ ละเป้าหมายของแผนการศกึ ษาแห่งชาติ แนวคิดการจดั การศึกษา ดงั น้ี - หลกั การจดั การศกึ ษาเพอื่ ปวงชน - หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
6 แผนการศึกษา แห่งชาติ 2560- 2579 การขบั เคลื่อน แผนการศกึ ษาแห่ง ชาติสู่การปฏิบตั ิ ความสําเร็จของการขบั เคล่ือนแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579 สู่การ ปฏบิ ตั ขิ นึ้ อยู่กบั ปัจจัยสําคญั ดังนี้ - สาระของแผนการศกึ ษาแห่งชาติท่ีมีความชดั เจนครบถว้ น และครอบคลุม ทุกกลุ่มเป้าหมายและทุกระดบั การศึกษา - การมีส่วนร่วมในกระบวนการพฒั นา แผนการศกึ ษาแห่งชาติของ ผเู้ ก่ียวขอ้ งทุก ภาคส่วนต้งั แต่ระดบั นโยบายระดบั ปฏิบตั ิผมู้ ีส่วนไดส้ ่วนเสีย และสาธารณชน การเผยแพร่ประชาสัมพนั ธ์ แก่ผเู้ กี่ยวขอ้ ง และสาธารณชน เพือ่ สร้างความตระหนกั ใน ความสาคญั ของแผนการศึกษาแห่งชาติ
7 การศึกษาตามความถนดั โครงสร้างของหลกั สูตรการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน 1. ระดบั ประถมศกึ ษา (ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 – 6) การศกึ ษาระดบั นีเ้ ป็น ช่วงแรกของการศกึ ษาภาคบงั คบั มงุ่ เนน้ ทกั ษะพนื้ ฐานดา้ นการอ่าน การเขียน 2. ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ (ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 – 3) เป็นชว่ งสดุ ทา้ ยของ การศกึ ษาภาคบงั คบั ม่งุ เนน้ ใหผ้ เู้ รยี นไดส้ ารวจความถนดั และความสนใจ 3. ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย (ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 – 6) การศกึ ษาระดบั นี้ เนน้ การเพม่ิ พนู ความรูแ้ ละทกั ษะเฉพาะดา้ น สนองตอบความสามารถ จิตวทิ ยาเชิงบวกวา่ ดว้ ยเรื่องการเรียนรู้ตามความถนดั การเรียนรู้อยา่ งมีความสุข การศกึ ษาและ การจดั การเรยี นรูใ้ นโรงเรยี น เม่ือกล่าวถึงหลกั การจติ วทิ ยาท่ีเขา้ มาเป็นสว่ นสาคญั ในการจดั การเรยี นการสอน อีกทงั้ จากการศกึ ษาจะพบวา่ มี ความสมั พนั ธส์ ่งเสรมิ ซง่ึ กนั และกนั มาโดยตลอด การใชจ้ ติ วทิ ยาเชงิ บวกควบคู่ กบั การใชห้ ลกั จติ วทิ ยาอ่ืนๆ ในโรงเรยี นและ การจดั การเรยี นการสอน เพ่อื การ เรยี นรูอ้ ย่างมีความสขุ จงึ ก่อใหเ้ กิดแนวคดิ เร่อื ง Positive Education ขนึ้ หมายถึงระบบการเรยี นรูท้ ่ีม่งุ เนน้ การพฒั นาทกั ษะความสามารถตาม ความชอบหรอื ความถนดั ของนกั เรยี นโดยใชจ้ ติ วทิ ยาเชิงบวกเป็นตวั ส่งเสรมิ โดยใหค้ วามสาคญั กบั หลกั การทางจติ วิทยาและ การอยดู่ ีมีสขุ ทางสงั คมของ นกั เรยี นเป็นหลกั
8 การศึกษาตามความถนดั การศกึ ษาของไทยตามความสนใจ ระบบการศกึ ษาไทยในช่วงมธั ยมศกึ ษาตอนปลายสายสามญั มกั จะมีการแบ่ง แผนการเรยี นหลกั ๆ 2 แนวทาง ไดแ้ ก่ สายวิทย์ และสายศิลป์ สง่ ผลใหน้ กั เรยี นมี กรอบจากดั ในการเลือกวา่ พวกเขาอาจจะตอ้ งเดนิ เพยี งทางใดทางหนง่ึ และอาจ พลาดโอกาสท่ีจะคน้ พบความชอบของตวั เองไปแตห่ ากมองไปยงั ระบบการศกึ ษา ของบางประเทศ หลายแหง่ ไดพ้ ยายามมงุ่ เนน้ ใหน้ กั เรยี นเป็นศนู ยก์ ลางการศกึ ษา ใหเ้ วลาพวกเขาไดค้ น้ หาตวั ตนผา่ นหลกั สตู รท่ีปรบั ตามผเู้ รยี น ตวั อยา่ งโรงเรียนสมยั ใหม่ท่ีริเร่ิมพฒั นาตน้ แบบ AI ไดแ้ ก่ Alt School ในซานฟรานซิสโก ก่อต้งั และบริหารโดย (Max Ventilla) อดีตนกั พฒั นาซอฟตแ์ วร์ เวนทิลลาเช่ือมน่ั วา่ การสอนเดก็ แบบตวั ต่อตวั เป็นวธิ ีท่ี ดีท่ีสุด (แต่กแ็ พงท่ีสุดดว้ ยเช่นกนั ) เขาจึงต่อยอดไอเดียการเรียนตวั ต่อตวั ใหเ้ ป็น จริงไดด้ ว้ ยการเปิ ดช่องใหน้ กั ลงทุนเขา้ มาสนบั สนุนโครงการสร้างเครือข่าย โรงเรียนที่ใชร้ ะบบการสอนดว้ ย AI ช้นั เรียนจะเป็นเหมือนหอ้ งแลบ็ ท่ีใหเ้ ดก็ เรียนสิ่งต่างๆ ผา่ นคอมพิวเตอร์แบบ ‘Hyper-Personalized Learning’ คือ ขอ้ มูลและรายละเอียดการเรียนรู้ทุกเมด็ ของแต่ละคนจะถูกเกบ็ ต่อเนื่องไปทุกวนั แลว้ นามาประมวลผล วเิ คราะหจ์ ุดอ่อนจุดแขง็ เพ่ือคดั สรรกิจกรรม
9 การศึกษาตามความถนดั ส่ิงสาคญั ในการศึกษาเรียนรู้ตามความถนดั โปรแกรมประยกุ ต์ (Application Program) ครูสามารถใชโ้ ปรแกรมประยกุ ตใ์ นการส่งเสริมการเรียนรู้ของผเู้ รียนได้ มากมาย โดยอาจจะเริ่มตน้ จากการใชโ้ ปรแกรมประจาเคร่ือง เช่น Microsoft Word Excel และ PowerPoint ไปจนถึงโปรแกรมเฉพาะ เช่น Crocodile Chemdraw นอกจากน้ีครูยงั สามารถสร้างภาพยนตร์ส้ันไดเ้ อง โดยใชโ้ ปรแกรมตดั ต่อ ภาพยนตร์เทคโนโลยกี ารสื่อสาร (Communication Technology) เทคโนโลยกี ารสื่อสารในปัจจุบนั กา้ วหนา้ ไปมาก และสามารถดาวนโ์ หลด หรือ อพั โหลด เพ่ือแลกเปลี่ยนเน้ือหา (Content) ไดอ้ ยา่ งรวดเร็วท้งั ภาพ เสียง ขอ้ ความ วดี ีโอ Content ต่างๆ
10 กองทุนเพ่ือความเสมอภาคทางการศึกษา (ก ส ศ) ความเป็ นมา กองทุนเพือ่ ความเสมอภาคทางการศึกษา จดั ต้งั ข้ึนตาม ขอ้ เสนอของคณะกรรมการอิสระเพอื่ การปฏิรูป การศกึ ษา โดยปรากฎในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั ร ไทย พ.ศ.2560 มาตรา 54 วตั ถุประสงค์ พ.ร.บ.กองทุนเพ่ือความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ.2561ประกาศใชบ้ งั คบั เม่ือวนั ท่ี 14 พฤษภาคม 2561 มีวตั ถุประสงคเ์ พื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา ช่วยเหลือผขู้ าดแคลนทุนทรัพย์ ลดความเหล่ือมล้า ทางการศึกษา รวมท้งั เสริมสร้างและพฒั นาคุณภาพและ ประสิทธิภาพครู โดยใหร้ ัฐเป็นผจู้ ดั สรรงบประมาณให้ กองทุน และมีการบริหารงานท่ีเป็นอิสระ สาเหตุของความเหลื่อมล้าในการศกึ ษา ฐานะทางเศรษฐกิจ คุณภาพหรือ คุณภาพหรือมาตรฐาน หรือสงั คม ประสิทธิภาพของครู ของสถานศึกษา ความยากจนทาํ ให้เด็กไทยมากกว่า 5 แสนคนหลดุ ออกนอกระบบไปแล้ว และอกี 2 ล้านคนมแี นวโน้มไม่ได้เรียนต่อ
11 กองทุนเพอื่ ความเสมอภาคทางการศึกษา (ก ส ศ) ภารกิจของกสศ. กสศ. มีภารกิจในการช่วยเหลือดูแลกลุ่มเป้าหมายซ่ึงเป็นผู้ ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือดอ้ ยโอกาสนบั ต้งั แต่แรกเกิดจนถึง วยั แรงงานใหไ้ ดร้ ับโอกาสทางการศกึ ษา เพ่ือบรรเทาความ ยากจนอนั เป็นรากเหงา้ ของปัญหาอ่ืน ๆ ซ่ึงหากแกไ้ ม่ได้ ปัญหาน้ีจะส่งทอดวนเวยี นไปขา้ มชวั่ คน จากพ่อแม่ ส่ง ต่อไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลานไดเ้ พราะมีกลุ่มคนท่ีเขา้ ไม่ถึง การศึกษา หรือไดร้ ับการศกึ ษาที่มีคุณภาพต่างกนั วสิ ยั ทศั นข์ องกสศ. เดก็ เยาวชน และประชาชน ท่ีขาดแคลนทุนทรัพยห์ รือดอ้ ย โอกาสทุกคนมีโอกาสพฒั นาตนเองตามศกั ยภาพและเขา้ ถึง การศึกษาท่ีมีคุณภาพ กลุ่มเป้าหมายในการทางานของกสศ. ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์และเข้าไม่ถงึ โอกาสทางการศึกษา 4.3 ล้านคน กลุ่มเดก็ แรกเกิด กลุ่มเดก็ นกั เรียน เดก็ และเยาวชนท่ีอยู่ ประถม-มธั ยมตน้ นอกระบบการศกึ ษา กลุ่มเดก็ อนุบาล กลุ่มเดก็ นกั เรียนมธั ยม กลุ่มเยาวชนอายุ 18 ปี ข้ึน ปลาย/ปวช ไปหรือแรงงานรุ่นใหม่
12 กองทุนเพ่ือความเสมอภาคทางการศึกษา (ก ส ศ) ความเหลื่อมล้าทางการศกึ ษาบรรเทาไดด้ ว้ ยแนวทางเสมอภาค ความเสมอภาค (Equity) แตกต่างกบั ความเท่าเทียม (Equality) เพราะ เดก็ แต่ละคนมีความจาเป็นและโอกาสในการเขา้ ถึงการศกึ ษาไม่เท่ากนั โดยความยากจนทาใหเ้ ดก็ ไทยราว 5 แสนคน หลุดออกนอกระบบไปแลว้ และอีก 2 ลา้ นคนมีแนวโนม้ ขาดโอกาสทางการศกึ ษาที่มีคุณภาพ ปัญหาน้ี สาคญั เกิดจากครอบครัวของเดก็ ตอ้ งแบกรับภาระค่าใชจ้ ่ายดา้ นการศกึ ษา สูงมากเม่ือเทียบกบั รายได้ สูงกวา่ ครอบครัวร่ารวยถึง 4 เท่า (ขอ้ มูลจาก บญั ชีรายจ่ายดา้ นการศึกษาแห่งชาติ 2551-2559) มีเยาวชนเพียง 5% จากครอบครัวยากจนกลุ่ม 20% ล่างสุด ของประเทศท่ีมีโอกาสเรียนต่อในระดบั อุดมศกึ ษา ปัญหาน้ีเกิดจากครอบครัวของเดก็ และเยาวชนกลุ่มน้ตี อ้ ง แบกรับภาระค่าใชจ้ ่ายดา้ นการศกึ ษาสูงมากเมื่อเทียบกบั รายได้ สูงกวา่ ครอบครัวร่ารวยถึง 4 เท่า (ขอ้ มูลจากบญั ชีรายจ่ายดา้ นการศกึ ษาแห่งชาต2ิ 551-2559) ท้งั หมดน้ีส่งผลใหป้ ระเทศไทยเสียโอกาสทางเศรษฐกจิ สูง ถึง 2 แสนลา้ นบาทต่อปี และเป็นอุปสรรคสาคญั ต่อการ พฒั นาศกั ยภาพมนุษย์ รวมท้งั การบรรลุเป้าหมายการ พฒั นาที่ยงั่ ยนื ดา้ นการศึกษา(SDG4)
13 พ.ร.บ. ขอ้ มูลขา่ วสารของราชการ พ.ศ. 2540 ความเป็นมาของ พ.ร.บ. ขอ้ มูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 พ.ศ. 2535 : รัฐบาลนายอานนั ท์ ปันยารชุน - มีการยกร่าง พ.ร.บ. ขอ้ มูลข่าวสารของราชการข้นึ พ.ศ. 2540 : รัฐบาลพลเอก ชวลิต ยงใจยทุ ธ - ส่งร่างใหส้ ภาผแู้ ทนราษฎรพิจารณาและ มีมติเห็นชอบ เมื่อวนั ท่ี 23 ก.ค. 2540 - ประกาศในราชกิจจาฯ เม่ือวนั ท่ี 10 ก.ย. 2540 - มีผลบงั คบั ใช้ เม่ือวนั ที่ 9 ธ.ค. 2540 หลกั การและเหตุผลของพระราชบญั ญตั ิขอ้ มูลข่าวสารของราชการ ในระบอบประชาธิปไตย การใหป้ ระชาชนมีโอกาสกวา้ งขวางในการไดร้ ับขอ้ มูล ข่าวสารเกี่ยวกบั การดาเนินการต่าง ๆ ของรัฐเป็นส่ิงจาเป็น เพือ่ ท่ีประชาชนจะ สามารถแสดงความคิดเห็นและใชส้ ิทธิทางการเมืองไดโ้ ดยถูกตอ้ งกบั ความจริง อนั เป็นการส่งเสริมใหม้ ีความเป็นรัฐบาลโดยประชาชนมากยง่ิ ข้นึ สมควร กาหนดใหป้ ระชาชนมีสิทธิไดร้ ู้ขอ้ มูลข่าวสารของราชการ โดยมีขอ้ ยกเวน้ อนั ไม่ ตอ้ งเปิ ดเผยที่แจง้ ชดั และจากดั เฉพาะขอ้ มูลข่าวสารท่ีหากเปิ ดเผยแลว้ จะเกิดความ เสียหายต่อประเทศชาติหรือต่อประโยชนท์ ่ีสาคญั ของเอกชน
14 พ.ร.บ. ขอ้ มูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 กฎหมายที่เก่ียวขอ้ ง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2560หมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของปวง ชนชาวไทย - มาตรา 41 บุคคลและชุมชนยอ่ มมีสิทธิ (1) ไดร้ ับทราบและ เขา้ ถึงขอ้ มูลหรือ ข่าวสารสาธารณะในครอบครองของ หน่วยงานของรัฐตามท่ีกฎหมายบญั ญตั ิ หมวด 4 หนา้ ท่ีของรัฐ -มาตรา 59 รัฐตอ้ งเปิ ดเผยขอ้ มูลหรือข่าวสารสาธารณะใน ครอบครองของ หน่วยงานของรัฐที่มิใช่ขอ้ มูลเกี่ยวกบั ความมนั่ คง ของรัฐหรือเป็นความลบั ของ ทางราชการตามที่กฎหมายบญั ญตั ิ และตอ้ งจดั ใหป้ ระชาชนเขา้ ถึงขอ้ มูลดงั กล่าว ไดโ้ ดยสะดวก ประเภทขอ้ มูลข่าวสารของราชการ ประชาชนคนไทย ขอ้ มูลข่าวสารของราชการ” คนต่างดา้ วท่ีมีถิ่นท่ีอยใู่ นประเทศไทย หมายความวา่ ขอ้ มูลข่าวสารที่อยู่ ในความครอบครองหรือ ควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐ เจา้ หนา้ ท่ีของรัฐ (ในกรณีที่กระทบสิทธิของตน) ไม่วา่ จะเป็นขอ้ มูลข่าวสาร เก่ียวกบั การดาเนินงานของรัฐ บุคคลธรรมดา และนิติบุคคล/กลุ่มบุคคล หรือขอ้ มูลข่าวสารเก่ียวกบั เอกชน
15 พ.ร.บ. ขอ้ มูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ขอ้ มูลข่าวสารที่หน่วยงานของรัฐตอ้ งจดั ไวใ้ หป้ ระชาชนเขา้ ตรวจดู ตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการท่ีคณะกรรมการกาหนด (1) ผลการพิจารณาหรือคาวนิ ิจฉยั ท่ีมีผลโดยตรงต่อเอกชน (2) แผนงาน โครงการ และงบประมาณรายจ่ายประจาปี ที่กาลงั ดาเนินการ ขอ้ มูลข่าวสารของราชการที่เปิ ดเผยเป็นการเฉพาะ ขอ้ มูลข่าวสารส่วนบุคคล หมายความวา่ ขอ้ มูลข่าวสารเกี่ยวกบั เฉพาะตวั บุคคล เช่น การศึกษา ฐานะการเงิน ประวตั ิสุขภาพ ประวตั ิ อาชญากรรมหรือประวตั ิการทางาน บรรดาท่ีมีชื่อของผนู้ ้นั หรือมีเลขหมาย รหสั หรือส่ิงบอกลกั ษณะอื่นที่ทาใหร้ ู้ตวั ผนู้ ้นั ไดเ้ ช่น ลายพมิ พน์ ิ้วมือ ขอ้ มูลข่าวสารท่ีไม่ตอ้ งเปิ ดเผย ⮚ ขอ้ มูลข่าวสารของราชการท่ีเปิ ดเผยไม่ได้ ขอ้ มูลข่าวสารของราชการท่ี อาจก่อใหเ้ กิดความเสียหายต่อสถาบนั พระมหากษตั ริยจ์ ะเปิ ดเผยมิได้ ⮚ ขอ้ มูลข่าวสารของราชการที่เจา้ หนา้ ที่หรือหน่วยงานของรัฐอาจมีคาสงั่ มิใหเ้ ปิ ดเผย (1) การเปิ ดเผยจะก่อใหเ้ กิดความเสียหายต่อความมน่ั คงของประเทศ (2) การเปิ ดเผยจะทาใหก้ ารบงั คบั ใชก้ ฎหมายเสื่อม ประสิทธิภาพ (3) ความเห็นหรือคาแนะนาภายในหน่วยงานของรัฐ
16 พ.ร.บ. ขอ้ มูลขา่ วสารของราชการ พ.ศ. 2540 หน่วยงานของรัฐและเจา้ หนา้ ท่ีของรัฐ 1. หน่วยงานของรัฐตอ้ งจดั พิมพห์ รือจดั ใหม้ ีขอ้ มูลข่าวสารตามมาตรา 7 มาตรา 8 และมาตรา 9 ไวเ้ พอื่ ใหป้ ระชาชนเขา้ ตรวจดู 2. หน่วยงานของรัฐตอ้ งส่งขอ้ มูลข่าวสารของราชการตามท่ีกาหนดในมาตรา 7 ลงพิมพใ์ นราชกิจจานุเบกษา และรวบรวมและจดั ใหม้ ีขอ้ มูลข่าวสารดงั กล่าวไว้ เผยแพร่เพอ่ื ขายหรือจาหน่ายจ่ายแจก ณ ท่ีทาการของหน่วยงานของรัฐแห่งน้นั ตามที่เห็นสมควร สิทธิของประชาชนหรือเอกชน 1. สิทธิในการขอคาปรึกษาการปฏิบตั ิตามพระราชบญั ญตั ิน้ี 2. สิทธิเขา้ ตรวจดูขอ้ มูลข่าวสารของราชการ บุคคลไม่วา่ จะมีส่วนไดเ้ สียเกี่ยวขอ้ ง หรือไม่กต็ ามยอ่ มมีสิทธิเขา้ ตรวจดู ขอสาเนา หรือขอสาเนาที่มีคารับรองถูกตอ้ ง ของขอ้ มูลข่าวสารของราชการ ตามมาตรา 9 ได้ สานกั งานคณะกรรมการขอ้ มูลข่าวสารของราชการ สังกดั สํานักงานปลดั สํานักนายกรัฐมนตรี
17 การจดั กิจกรรมการเรียนการสอน ที่เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั หน่วยงานของรัฐและเจา้ หนา้ ที่ของรัฐ การสอนโดยเนน้ ท่ีผเู้ รียนเป็นสาคญั จะช่วยพฒั นาผเู้ รียนในทุก ดา้ น ท้งั ดา้ นร่างกาย อารมณ์ สงั คมความสาคญั ดว้ ยพระราชบญั ญตั ิ การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 โดยเฉพาะในหมวดที่ 4 แนวทางการ จดั การศึกษา มาตรา 22 ไดก้ ล่าวไวว้ า่ “การจดั การศึกษาตอ้ งยดึ หลกั วา่ ผเู้ รียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพฒั นาตนเองได้ ดงั น้นั ผสู้ อนทุกคนจึงจาเป็นตอ้ งปรับเปลี่ยนบทบาทของตนเอง การจดั กิจกรรมการเรียนการสอนท่ีมุ่งพฒั นาผเู้ รียน 1. การจดั การเรียนการสอนทางออ้ ม ไดแ้ ก่ การเรียนรู้แบบสืบคน้ แบบคน้ พบ แบบแกป้ ัญหา แบบสร้างแผนผงั ความคิดแบบใชก้ รณีศึกษา แบบต้งั คาถาม 2. เทคนิคการศึกษาเป็นรายบุคคล ไดแ้ ก่ วธิ ีการเรียนแบบศนู ยก์ ารเรียน แบบการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง แบบชุดกิจกรรมเรียนรู้ คอมพิวเตอร์ช่วยสอน 3. เทคนิคการจดั การเรียนรู้โดยใชเ้ ทคโนโลยตี ่าง ๆ ประกอบการเรียน เช่น การใช้ ส่ิงพิมพ์ ตาราเรียน และแบบฝึ กหดั การใชแ้ หล่งทรัพยากรในชุมชน ศนู ยก์ ารเรียน ชุดการสอน คอมพวิ เตอร์ช่วยสอน บทเรียนสาเร็จรูป
18 การจดั กิจกรรมการเรียนการสอน ท่ีเนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั เทคนิคและวธิ ีการ 1.เป็นผจู้ ดั การ (Manager) เป็นผกู้ าหนด 2.เป็นผรู้ ่วมทากิจกรรม บทบาทใหผ้ เู้ รียนทุกคนไดม้ ีส่วนเขา้ ร่วมทา (An active participant) เขา้ ร่วมทากิจกรรมในกลุ่ม กิจกรรม แบ่งกลุ่ม หรือจบั คู่ 3.เป็นผชู้ ่วยเหลือและแหล่งวทิ ยาการ (Helper and resource) คอยให้ คาตอบเม่ือผเู้ รียน 4.เป็นผสู้ นบั สนุนและเสริมแรง (Supporter and encourager) ช่วยสนบั สนุนดา้ นสื่ออุปกรณ์ หรือให้ คาแนะนาท่ีช่วยกระตุน้ ใหผ้ เู้ รียนสนใจเขา้ ร่วมกิจกรรม หรือฝึกปฏิบตั ิดว้ ยตนเอง 5.เป็นผตู้ ิดตามตรวจสอบ (Monitor) คอยตรวจสอบงานท่ีผเู้ รียน ผลิตข้ึนมาก่อนท่ีจะส่งต่อไปใหผ้ เู้ รียนผลิตข้ึนมาก่อนที่จะส่งต่อไป ใหผ้ เู้ รียนคนอื่น ๆ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ดา้ นความถูกตอ้ งของคาศพั ท์ ไวยากรณ์ การแก้ คาผดิ อาจจะทาไดท้ ้งั ก่อนทากิจกรรม หรือบาง กิจกรรมอาจจะ แกท้ ีหลงั ได้
19 การจดั กิจกรรมการเรียนการสอน ท่ีเนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั ตวั บ่งช้ีการสอนของผสู้ อน 1. ผสู้ อนเตรยี มการสอนทง้ั เนือ้ หา และวิธีการ 2. ผสู้ อนจดั ส่งิ แวดลอ้ มและบรรยากาศท่ีปลกุ เรา้ จงู ใจ และเสรมิ แรงใหผ้ เู้ รยี นเกิดการเรยี นรู้ 3. ผสู้ อนเอาใจใส่ผเู้ รยี นเป็นรายบคุ คล และ แสดงความเมตตาต่อผเู้ รยี นอยา่ งท่วั ถึง 4. ผสู้ อนจดั กิจกรรมและสถานการณใ์ หผ้ เู้ รยี น ไดแ้ สดงออกและคดิ อยา่ งสรา้ งสรรค์ 5. ผสู้ อนสง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นฝึกคดิ ฝึกทา และฝึก ปรบั ปรุงดว้ ยตนเอง ตวั บ่งช้ีการเรียนของผเู้ รียน 1. ผเู้ รยี นมีประสบการณต์ รงสมั พนั ธก์ บั ธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม 2. ผเู้ รยี นฝึกปฏิบตั ิจนคน้ พบความถนดั และ วธิ ีการของตนเอง 3. ผเู้ รยี นทากิจกรรมแลกเปล่ียนเรยี นรูจ้ ากกล่มุ 4. ผเู้ รยี นฝึกคิดอย่างหลากหลายและสรา้ งสรรค์ จนิ ตนาการ 5. ผเู้ รยี นไดร้ บั การเสรมิ แรงใหค้ น้ หาคาตอบ แกป้ ัญหาทงั้ ดว้ ยตนเองและรว่ มดว้ ยช่วยกนั
20 กฎหมายและระเบียบขา้ ราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา พระราชบญั ญตั ิระเบียบขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 มาตรา 1 พระราชบัญญตั ินีเ้ รียกว่า “พระราชบัญญัตริ ะเบียบข้าราชการครูและ บุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547” มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตนิ ี้ “ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา” หมายความวา่ บุคคลซ่ึงไดร้ ับการบรรจุและแต่งต้งั ตามพระราชบญั ญตั ิน้ีใหร้ ับ ราชการโดยไดร้ ับเงินเดือนจากเงินงบประมาณแผน่ ดิน งบบุคลากรที่จา่ ยใน ลกั ษณะเงินเดือนในกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวฒั นธรรม “ข้าราชการครู” หมายความว่า ผู้ทปี่ ระกอบวชิ าชีพซึ่งทาํ หน้าทหี่ ลกั ทางด้านการเรียนการสอนและส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวธิ ีการต่าง ๆ ในสถานศึกษาของรัฐ “บุคลากรทางการศึกษา” หมายความว่า ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บรหิ าร การศึกษา รวมท้งั ผู้สนับสนุนการศึกษาซ่ึงเป็ นผู้ทาํ หน้าทใ่ี ห้บริการ บุคลากรทางการศึกษา - ผบู้ ริหารสถานศกึ ษา - ผบู้ ริหารการศึกษา - ผสู้ นบั สนุนการศกึ ษา - ผทู้ าหนา้ ที่ใหบ้ ริการ หรือปฎิบตั ิงาน - การนิเทศ - การบริหารการศกึ ษา - ปฎิบตั ิงานอ่ืน
21 กฎหมายและระเบียบขา้ ราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา พระราชบญั ญตั ิระเบียบขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 มาตรา 7 ใหม้ ีคณะกรรมการบริหารงานบุคคลของขา้ ราชการครูและบุคลากร ทางการศกึ ษาคณะหน่ึง เรียกวา่ “คณะกรรมการขา้ ราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษา” เรียกโดย ยอ่ วา่ “ ก.ค.ศ. ” มาตรา 27 ใหผ้ บู้ ริหารสถานศกึ ษาเป็นผบู้ งั คบั บญั ชาของขา้ ราชการครูและ บุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาและมีอานาจและหนา้ ท่ี มาตรา 31 อตั ราเงินเดือน เงินวทิ ยฐานะ และเงินประจาตาแหน่งของขา้ ราชการ ครูและบุคลากรทางการศกึ ษา ใหเ้ ป็นไปตามกฎหมายวา่ ดว้ ยเงินเดือน เงินวทิ ย ฐานะ และเงินประจาตาแหน่งขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เงินวทิ ยฐานะ ชานาญการ : 3,500 บาท ชานาญการพเิ ศษ : 5,600 + 5,600 บาท เชี่ยวชาญ : 9,900 + 9,900บาท สถานศึกษาของรัฐเช่ียวชาญพิเศษ : 13,000/15,600 + 13,000/15,600 ข้าราชการครู ผู้ประกอบวชิ าชีพ : ซึ่งทาํ หน้าทห่ี ลกั - ทางด้านการเรียนการสอน - ส่งเสริมเรียนรู้
22 กฎหมายและระเบียบขา้ ราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ลกั ษณะของวนิ ยั ของขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา 1. ใชเ้ ฉพาะขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา 2. ไม่มีอายคุ วาม 3. บิดา มารดา ร้องแทนได้ 4. ถอนคาร้อง : ไม่มีผลระงบั การดาเนินการทางวนิ ยั 5. ยอมความกนั ไม่ได/้ ไม่อาจชดใชด้ ว้ ยเงิน 6. วนิ ยั ไม่ร้ายแรง : ตาย/ลาออก/เกษียณ : งด วนิ ยั ร้ายแรง : ตาย/ลาออก/เกษียณ : ไม่งด 7. ความผดิ ชดั แจง้ : ไม่ตอ้ งต้งั กรรมการสอบกไ็ ด้ 8. รับสารภาพ : ไม่เป็นเหตุลดหยอ่ น การย้ายสายครูผู้สอน 3 ประเภท เขยี นคาํ ร้องขอย้าย ได้เพยี ง 1 คร้ัง : ภายใน เดือน มกราคม ของปี : แบ่งออกเป็ น 3 ประเภท ดงั นี้ 1. การย้ายกรณปี กติ 2. การย้ายกรณพี เิ ศษ 3. การย้ายกรณเี พื่อความเหมาะสมและประโยชน์ของ ทางราชการ
23 ระเบียบเกี่ยวกบั การล ของ ขา้ ราชการ ระเบียบสานกั นายกรัฐมนตรีวา่ ดว้ ยการลาของขา้ ราชการ พ.ศ. 2555 ได้ ประกาศใชบ้ งั คบั เป็นระยะเวลาหน่ึง และไดเ้ พม่ิ เติมสิทธิการลาของขา้ ราชการ รวม 2 ประเภท ไดแ้ ก่ การลาไปช่วยเหลือภริยาท่ีคลอดบุตร และการลาไปฟ้ื นฟู สมรถภาพดา้ นอาชีพ เน่ืองจากไดม้ ีการปรับปรุงระเบียบวา่ ดว้ ยการลาของ ขา้ ราชการใหม้ ีความหมาะสมและสอดคลอ้ งกบั การปฏิบตั ิราชการ อีกท้งั สานกั งาน ก.พ. ไดก้ าหนดใหก้ ารลาของขา้ ราชการนบั วา่ เป็นสวสั ดิการประเภท หน่ึง ท่ีขา้ ราชการไดร้ ับนอกเหน่ือจากเงินเดือนซ่ึงเป็นค่าตอบแทนในการ ปฏิบตั ิงาน และใชร้ ะเบียบสานกั นายกรัฐมนตรีวา่ ดว้ ยการลาของขา้ ราชการ พ.ศ. 2555 เป็นขอ้ บงั คบั ในการดาเนินการ เพอ่ื ความสะดวกในการปฏิบตั ิของ ขา้ ราชการ หรือผปู้ ฏิบตั ิงานหน่วยงานราชการต่างกม็ ีแนวทางปฏิบตั ิที่แตกต่าง กนั และระเบียบดงั กล่าวมีผลต่อเน่ืองถึงการจ่ายเงินเดือน
24 ระเบียบเกี่ยวกบั การล ของ ขา้ ราชการ การลา ปี ละไม่เกิน 60 วนั ทาการ กรณีจาเป็นผมู้ ีอานาจสามารถใหล้ าไดอ้ ีกไม่เกิน 60 วนั ทาการเสนอใบลา ก่อน/ในวนั ลาลาต้งั แต่ 30 วนั ข้ึนไป ตอ้ งมีใบรับรองแพทยแ์ มไ้ ม่ถึง 30 วนั แต่ผู้ มีอานาจฯ จะสงั่ ใหม้ ีใบรับรองแพทย/์ ใบรับการตรวจจากแพทยก์ ไ็ ด้ การลาคลอดบุตร สามารถลาไดไ้ ม่เกิน 90 วนั /ครอดไม่ตอ้ งมีใบรับรองแพทย์ ตอ้ งเสนอใบลา ก่อน/ในวนั ลาสามารถลาวนั ท่ีคลอด/ก่อนวนั ที่คลอดกไ็ ดถ้ า้ ลา แลว้ ไม่ไดค้ ลอดใหถ้ ือวา่ วนั ท่ีหยดุ ไปแลว้ เป็นวนั ลากิจส่วนตวั การลาคลอดที่ คาบเกี่ยวกบั ลาประเภทอ่ืนซ่ึงยงั ไม่ครบ ใหถ้ ือวา่ ลาประเภทอ่ืนสิ้นสุดและให้ นบั เป็นวนั เร่ิมลาคลอดบุตร การลาไปช่วยเหลือภริยาท่ี ลาไปช่วยเหลือภริยาโดยชอบดว้ ยกฎหมาย ลาไดค้ ร้ังหน่ึงติดต่อกนั ไดไ้ ม่เกิน 15 วนั ทาการ เสนอใบลา ก่อน/ในวนั ลาภายใน 90 วนั ไดร้ ับเงินเดือนระหวา่ ลา
25 ระเบียบเก่ียวกบั การล ของ ขา้ ราชการ การลากิจ ลาไดไ้ ม่ปี ละไม่เกิน 45 วนั ทาการปี แรกท่ีเขา้ รับราชการ ลาไดไ้ ม่เกิน 15 วนั ลากิจเพอ่ื เล้ียงดูบุตร (ต่อจากลาคลอดบุตร) ลาไดไ้ ม่เกิน 150 วนั ทาการ (ไม่ไดร้ ับเงินเดือน)การเสนอใบลา ตอ้ งไดร้ ับอนุญาตก่อนจึงจะสามารถหยดุ ได้ หากมีราชการจาเป็น : สามารถเรียกตวั กลบั ได้ การลาพกั ผอ่ น สามารถลาไดป้ ี ละ 10 วนั ทาการ สามารถสะสมไดไ้ ม่เกิน 20 วนั ทาการ สามารถสะสมไดไ้ ม่เกิน 30 วนั ทาการ (รับราชการ 10 ปี ข้ึนไป)ถา้ บรรจุไม่ถึง 6 เดือน : ไม่มีสิทธ์ิหากเสนอใบลาตอ้ งไดร้ ับอนุญาตก่อนจึงหยดุ ไดถ้ า้ มีราชการ จาเป็น : สามารถเรียกตวั กลบั ได้
26 การพานกั เรียนไป นอกสถานที่ การพานกั เรียนออกไปนอกสถานศกึ ษา เป็นหนา้ ท่ีของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา และคุณครู ที่ควบคุมดูแล จะตอ้ งดาเนินการใหเ้ ป็นตามระเบียบและปฏิบตั ิให้ ถูกตอ้ งเพื่อความปลอดภยั ของนกั เรียนทุกคน ในการทาเร่ืองการพานกั เรียนไปนอกสถานท่ี ขอใหโ้ รงเรียนปฏิบตั ิ ตามระเบียบกระทรวง ศกึ ษาธิการวา่ ดว้ ยการพานกั เรียนและนกั ศึกษาไปนอก สถานศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๒ และมาตรการการพา นกั เรียนไปนอกสถานที่ อาทิ การส่งหนงั สือขออนุญาต ตอ้ งส่งก่อนล่วงหนา้ อยา่ งนอ้ ย ๑๕ วนั การขออนุญาตผปู้ กครอง การขออนุญาตผปู้ กครอง ใหส้ ถานศกึ ษามีหนงั สือขออนุญาต ผปู้ กครอง พร้อมแนบ ใบตอบรับ โดยระบุชื่อ-สกลุ ที่อยู่ หมายเลข โทรศพั ทท์ ่ีสามารถติดต่อได้ ท้งั ของผปู้ กครองและ ของครู ผคู้ วบคุมโดย ความสมคั รใจ (ตามแบบขออนุญาตผปู้ กครอง)
27 การพานกั เรียนไป นอกสถานท่ี การใชร้ ถนาขบวน ๑) การพานกั เรียน นกั ศกึ ษาไปนอกสถานศกึ ษา โดยใชร้ ถโดยสารไม่ต่า กวา่ ๔๐ ที่นงั่ จานวน ๓ คนั ข้ึนไป ตอ้ งจดั ใหม้ ีรถนาขบวน ๒) จดั ใหม้ ีป้ายขอ้ ความที่ระบุโครงการ กิจกรรมและสถานศึกษาแสดงใหเ้ ห็น เด่นชดั ติดที่ ขา้ งรถ และมีหมายเลขก ากบั ติดที่ดา้ นหนา้ และดา้ นหลงั นตาแหน่งท่ี เห็นชดั เจน ๓) พนกั งานขบั รถใหข้ บั รถตามล าดบั หมายเลข ตามเส้นทางท่ีก าหนดในแผนการ เดินทางท้งั น้ีการใชค้ วามเร็วของรถใหป้ ฏิบตั ิตามกฎจราจรอยา่ งเคร่งครัด การกาหนดผรู้ ับผดิ ชอบ ใหส้ ถานศึกษา/ผรู้ ับผดิ ชอบโครงการจดั ทาภารกิจการด าเนินงาน และ กาหนด ผรู้ ับผดิ ชอบงานเป็นส่วน ๆ เป็นลายลกั ษณ์อกั ษรพร้อมเบอร์โทรศพั ทโ์ ทรสาร แจง้ ใหห้ น่วยงานที่ รับผดิ ชอบและผมู้ ีส่วนเก่ียวขอ้ งไดท้ ราบ เพื่ประชาสมั พนั ธ์ และสามารถติดต่อประสานงานไดท้ นั ที (กรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน)
28 การลงโทษนกั เรียน ความเป็นมาของระเบียบการลงโทษนกั เรียน ปรากฏในพระราชกิจจานุเบกษา เล่ม 122 ตอนพเิ ศษ 35 ง ประกาศ ณ วนั ท่ี 26 เมษายน 2548 ระเบียบกระทรวงศกึ ษาธิการ วา่ ดว้ ยการลงโทษนกั เรียนและนกั ศึกษา พ.ศ.2548 อาศยั อานาจตามความในมาตรา 6 และมาตรา 65 แห่งพระราชบญั ญตั ิคุม้ ครองเดก็ พ.ศ. 2546 จุดประสงค์ การลงโทษมีจุดประสงคห์ ลกั เพื่อใหห้ ลาบจา และไม่ทาพฤติกรรมเช่นน้นั อีก โดย ตอ้ งการใหม้ ีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางท่ีถูกตอ้ งดีงามตามที่สงั คม กาหนด แนวคิดของจุดประสงคข์ องการลงโทษยงั คงเป็นอยถู่ ึงแมว้ า่ จะมีวธิ ีการท่ี เปลี่ยนไป แต่จุดประสงคห์ ลกั ยงั ไม่เปลี่ยนแปลงไม่วา่ จะเป็นการลงโทษกบั ประชาชนทว่ั ไป หรือการลงโทษนกั เรียนและนกั ศึกษา
29 การลงโทษนกั เรียน ระเบียบการลงโทษนกั เรียนและนกั ศึกษา วา่ ดว้ ยเรื่องระเบียบการลงโทษนกั เรียนและนกั ศึกษาของกระทรวงศกึ ษาธิการ พ.ศ. 2548 ไดม้ ีกาหนดวธิ ีการลงโทษไวใ้ นประกาศ โดยมีประเดน็ สาคญั ดงั น้ี ตามประกาศ ขอ้ 4 กล่าววา่ “การลงโทษ” หมายความวา่ การลงโทษนกั เรียนหรือ นกั ศกึ ษาที่กระทาความผดิ โดยมีความมุ่งหมายเพือ่ การอบรมสงั่ สอน ตามประกาศ ขอ้ 5 กล่าววา่ โทษที่จะลงโทษแก่นกั เรียน หรือนกั ศกึ ษาท่ีกระทาความผดิ มี 4 สถาน ดงั น้ี 1.วา่ กล่าวตกั เตือน 2.ทาทณั ฑบ์ น 3.ตดั คะแนนความประพฤติ 4.ทากิจกรรมเพื่อใหป้ รับเปลี่ยนพฤติกรรม
30 วนิ ยั ขา้ ราชการพลเรือน วนิ ยั ขา้ ราชการพลเรือน หมายถึง ระเบียบแบบแผนความประพฤติท่ีบญั ญตั ิไวใ้ ห้ ขา้ ราชการปฏิบตั ิและหา้ มมิให้ ขา้ ราชการปฏิบตั ิ เพอ่ื ขา้ ราชการใชค้ วบคุมตนเอง ผบู้ งั คบั บญั ชาใช้ ควบคุม ผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชา เพื่อใหข้ า้ ราชการมี ความประพฤติดี ละเวน้ ความประพฤติมิชอบ จุดมุ่งหมายและขอบเขต เพื่อใหร้ าชการดาเนินไปดว้ ยดีมีประสิทธิภาพ เพอ่ื ความเจริญ ความสงบเรียบร้อยของประเทศชาติ เพอื่ ความผาสุกของประชาชน เพือ่ ภาพพจนช์ ่ือเสียงที่ดีของทางราชการการรักษาวนิ ยั
31 วนิ ยั ขา้ ราชการพลเรือน ท่ีมา วนิ ยั ขา้ ราชการพลเรือน มาจาก พระราชบญั ญตั ิระเบียบขา้ ราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 จาก หมวด ท่ี 6 หมวด ๖ วนิ ยั และการรักษาวนิ ยั มี 10 มาตรา และ หมวดที่ 7 การดาเนินการทางวนิ ยั มี 17 มาตรา หมวด 6 วนิ ยั และการรักษาวนิ ยั หมวดที่ 7 การดาเนินการทางวนิ ยั
32 จรรยาบรรณในวชิ าชีพครู จรรยาบรรณในวชิ าชีพครู พระราชบญั ญตั ิสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 มาตรา 50 กาหนดให้ คุรุสภาออกขอ้ บงั คบั วา่ ดว้ ยจรรยาบรรณของวชิ าชีพเพ่ือรองรับการดาเนินงาน ควบคุมการปฏิบตั ิตามจรรยาบรรณของวชิ าชีพประกอบดว้ ยระดบั คุณภาพ จรรยาบรรณต่อตนเอง ผปู้ ระกอบวชิ าชีพทางการศกึ ษาตอ้ งมีวนิ ยั ในตนเองพฒั นา ตนเองดา้ นวชิ าชีพบุคลิกภาพและวสิ ัยทศั นใ์ หท้ นั ต่อการพฒั นา ทางวทิ ยาการเศรษฐกิจสังคมและการเมืองอยเู่ สมอ
33 จรรยาบรรณในวชิ าชีพครู จรรยาบรรณต่อวชิ าชีพ ผปู้ ระกอบวชิ าชีพทางการศึกษาตอ้ งส่งเสริมใหเ้ กิดการเรียนรู้ทกั ษะและนิสัยท่ี ถูกตอ้ งดีงามแก่ศษิ ยห์ รือผรู้ ับริการตามบทบาทหนา้ ท่ีอยา่ งเตม็ ความสามารถดว้ ย ความบริ สุ ทธ์ ิใจ จรรยาบรรณต่อผรู้ ับบริการ ผปู้ ระกอบวชิ าชีพทางการศึกษา ตอ้ งรัก เมตตา เอาใจใส่ ช่วยเหลือ ส่งเสริมให้ กาลงั ใจแก่ศิษย์ และผรู้ ับบริการ ตามบทบาทหนา้ ท่ีโดยเสมอหนา้
Search
Read the Text Version
- 1 - 35
Pages: