Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิชาวิทยาการคำนวณ ม2

วิชาวิทยาการคำนวณ ม2

Published by Andaman khanti, 2020-04-03 14:14:46

Description: วิชาวิทยาการคำนวณ ม2

Search

Read the Text Version

จดั ทำโดย นำย อนั ดำมัน ขนั ตี 60003126005

บทท่ี1 แนวคดิ เชงิ คำนวณ บทท1ี่ แนวคดิ เชงิ คำนวณ ❖ กำรแบ่งปัญหำใหญเ่ ป็นปัญหำยอ่ ย ❖ กำรพจิ ำรณำรปู แบบ ❖ กำรคดิ เชิงนำมธรรม ❖ กำรออกแบบอัลกอรทิ ึม ❖ กรณศี กึ ษำ จดุ ประสงคข์ องบทเรียน ❖ เมือ่ เรยี นจบบทนแี้ ล้ว นักเรียนสำมำรถ อธิบำยกระบวนกำรคิดตำมแนวคิดเชงิ คำนวณ ซึง่ ประกอบไปดว้ ย กำรแบง่ ปญั หำใหญเ่ ป็นปญั หำย่อย กำรพิจำรณำรูปแบบ กำรคดิ เชิงนำมธรรม และกำรออกแบบอลั กอริทมี ❖ ออกแบบอลั กอริทึมเพือ่ กำรแกป้ ัญหำโดยใช้แนวคิดเชิงคำนวณ

กำรแบ่งปญั หำใหญเ่ ป็นปญั หำยอ่ ย กำรแกป้ ัญหำทีม่ ีควำมซับซ้อนนัน้ สำมำถทำไดย้ ำก กำรแบ่ปัญหำใหญ่เป็นปัญหำยอ่ ยๆ จะช่วยให้ควำมซับ ซ้อนของ ปญั หำลดลง ช่วยให้กำรวเิ ครำะห์และพิจำรณำรำยละเอยี ดของปญั หำทำได้อย่ำงถ่ีถว้ น ส่งผลใหส้ ำมำรถ ออกแบบขัน้ ตอน กำรแก้ปัญหำยอ่ ยแตล่ ะปัญหำไดง้ ่ำยยิ่งขน้ึ กำรพิจำรณำรูปแบบ ปญั หำบำงประเภทสำมำรถแบง่ ออกเปน็ ปัญหำยอ่ ยที่อำจจะมรี ปู แบบเดยี วกนั หรอื คลำ้ ยกนั นักเรยี น สำมำรถนำ รูปแบบกระบวนกำรแกป้ ญั หำย่อยปัญหำหน่ึงไปประยกุ ตใ์ ชก้ บั กำรแก้ปญั หำยอ่ ยอ่ืน ๆ ได ทำใหล้ ดข้ันตอนในกำรออกแบบ วธิ ีกำรแกป้ ญั หำได้ กำรคิดเชงิ นำมธรรม ปญั หำประกอบไปด้วยรำยละเอยี ดที่หลำกหลำย โดยมที ั้งรำยละเอยี ดทจ่ี ำเป็นและไม่จำเป็นต่อกำร แก้ปัญหำ กำร คดิ เชิงนำมธรรมเปน็ กำรคดั แยกรำยละเอียด ทไ่ี ม่จำเปน็ ออกจำกปัญหำทพ่ี จิ ำรณำอยู่ ทำใหส้ ำมำรถ เขำ้ ใจ วิเครำะห์ และ ออกแบบวธิ ีกำรแกป้ ญั หำใน ภำพรวมได้งำ่ ยขนึ้

กำรออกแบบอัลกอรทิ ึม อลั กอรทิ ึม หมำยถงึ รำยกำรคำสัง่ ทีอ่ ธิบำยขั้นตอนในกำร แก้ปญั หำ โดยแต่ละคำส่ังน้ันตอ้ งเป็นคำสง่ั ทใ่ี หผ้ ้อู ่นื นำไป ปฏิบัติตำมไดโ้ ดยไมม่ คี วำมกำกวม ซง่ึ มักอยูใ่ นรูปของรหัสลำลอง (pseudo code) หรอื ผังงำน (fowchart) ในกรณี ทใ่ี ชค้ อมพิวเตอร์ เปน็ เคร่ืองมอื ในกำรแกป้ ญั หำ อัลกอริทึมจะต้องถกู แปลงใหอ้ ยู่ ในรูปของภำษำโปรแกรมกอ่ นเพอ่ื ให้ คอมพวิ เตอร์สำมำรถ ปฏบิ ตั ติ ำมได้ ดงั น้ันกำรออกแบบรำยละเอียดในอลั กอริทีม จงึ ขน้ึ อยู่กับคนหรอื คอมพวิ เตอรท์ ่ีจะ นำอลั กอรทิ มี ไปปฏบิ ตั ิ กรณีศกึ ษำ ตวั อย่ำงต่อไปนีจ้ ะใช้แนวคิดเชิงคำนวณในกำรแก้ปญั หำบำงปัญหำ อำจไม่ไดใ้ ช้ครบทกุ องค์ประกอบ ข้ึนอยกู่ ับ ลักษณะของปญั หำ แตท่ กุ ปญั หำ จะตอ้ งได้อลั กอริทึมในกำรแก้ปัญหำทถ่ี ูกต้อง รวดเร็ว และมีประสทิ ธภิ ำพ

บทท่ี2 กำรแกป้ ัญหำดว้ ยไพทอน บทท2ี่ กำรแกป้ ัญหำด้วยไพทอน ❖ ตัวอย่ำงระบบคำนวณคำ่ โดยสำรรถประจำทำง ❖ ตวั ดำเนนิ กำรบลนี ❖ กำรวนซำ้ ดว้ ยคำสงั่ while ❖ เงอ่ื นไขทำงเลือก ❖ ฟงั กช์ ัน จดุ ประสงค์ของบทเรียน เม่อื เรียนจบบทนแ้ี ลว้ นกั เรยี นสำมำรถ ❖ เขียนโปรแกรมไพหอนทีม่ กี ำรใชง้ ำนฟงั กช์ นั ทสี่ รำ้ งข้ึนเอง ❖ เขยี นโปรแกมไพหอนท่มี ีกำรใชต้ วั ดำเนนิ กำรบลนี

ตัวอยำ่ งระบบคำนวณค่ำโดยสำรรถประจำทำง หำกผู้ปกครองพำนกั เรยี นอนุบำลขึน้ รถโดยสำรประจำทำง ไปโรงเรยี น คนเกบ็ คำ่ โดยสำรตอ้ งคำนวณว่ำ ผ้ปู กครองและนักเรยี น จะตอ้ งเสยี คำ่ โดยสำรคนละเท่ำใด โดยขึน้ อยู่กับเงือ่ นไขอำยุหรอื ส่วนสงู เปน็ ต้น หำกตอ้ งกำรระบบ เกบ็ ค่ำโดยสำรอัตโนมตั ิ ระบบนี้ จะต้องคำนวณคำ่ โดยสำรไดเ้ อง จำกเงอื่ นไขทีถ่ ูกกำหนดไว้ล่วงหน้ำแลว้ ตวั ดำเนนิ กำรบูลนี ในชั้นมัธยมศกึ ษำปที ่ี 1 นกั เรียนสำมำรถเขยี นโปรแกรมไพหอนใหม้ กี ำรตัดสนิ ใจทำงำนแบบมที ำงเลอื ก โดยใช้ คำสัง่ if และ if-else ในเบ้ืองตันมำแล้ว ในบทนี้นกั เรียนจะได้เรยี นรู้นพิ จนเ์ ปรยี บเทียบ และ ตัวดำเนินกำรบูลีน เพอ่ื ทีจ่ ะ สำมำรถกำหนดเงอื่ นไขสำหรับกำรทำงำนแบบมที ำงเลอื กของคำส่งั if ไดอ้ ยำ่ ง มีประสทิ ธิภำพมำกขึ้น กำรวนซำดว้ ยคำส่ัง while ในกำรเขยี นโปรแกรมใหท้ ำงำนวนซ้ำชุดคำสงั่ เดมิ นอกจำกคำส่งั fr แล้ว ภำษำไพหอนยังมคี ำสั่ง while ให้ เลือกใชง้ ำน ซง่ึ คำสั่ง while จะเหมำะสมกับกรณกี ำรวนซ้ำที่ไมท่ รำบจำนวนรอบหรือจำนวนครงั้ ของกำรวนซำ้ ทีแ่ นน่ อน

เงอ่ื นไขทำงเลอื ก คำส่ัง if-else ช่วยให้โปรแกรมไพหอนสำมำรถตัดสินใจเลือกทำงำนชุดคำส่ังตำมผลลัพธ์ของเง่ือนไข ซึ่งมีสอง ทำงเลือก และหำกมีทำงเลือกมำกกว่ำน้ัน ผู้เขียนโปรแกรมต้องใช้คำส่ังif-else ร่วมกัน หรือซ้อนกัน เพื่อให้ได้จำนวน ทำงเลือกตำมท่ตี ้องกำร ไพหอนยงั มีคำสงั่ ให้ใชใ้ นกรณีท่มี หี ลำยทำงเลือกคอื คำส่ัง if-elif-else ซ่ึงจะช่วยให้สะดวกข้ึน โดย มรี ูปแบบกำรใช้ดงั นี้ ฟงั ก์ชนั ฟังก์ชัน (function) เปน็ โปรแกรมยอ่ ยท่ีเขียนขึ้นพอ่ื ให้ทำงำนเฉพำะตำมทกี่ ำหนด ผู้เขียนโปรแกรมสำมำรถ เรยี กใช้ฟงั ก์ชันไดส้ ะดวกโดยไม่ต้องเขยี นชดุ คำสง่ั ซ้ำอีก ทำใหก้ ำรเขยี นโปรแกรมขนำดใหญ่ทำไดร้ วดเรว็ และ ตรวจสอบ ควำมถูกต้องของโปรแกรมไดง้ ำ่ ยขึน้

บทที่3 กำรแกป้ ัญหำดว้ ย Scratch บทท3่ี กำรแก้ปญั หำด้วย Scratch ❖ ฟงั ก์ชัน ❖ ตัวดำเนินกำรบูลนี ❖ กำรรับค่ำและส่งค่ำให้ฟงั กช์ นั จดุ ประสงคข์ องบทเรยี น เมอื่ เรียนจบบทนแี้ ล้ว นกั เรยี นสำมำรถ ❖ เขยี นโปรแกรม Scratch ท่ีมกี ำรสรำ้ งฟงั ก์ชัน ❖ เขียนโปรแกรม Scratch ท่ีมีกำรใช้ตวั ดำเนนิ กำรบูลีน

ฟงั กช์ นั โปรแกรมขนำดใหญป่ ระกอบด้วยคำสั่งจำนวนมำกเพอื่ ทำงำนหลำยหน้ำที่ หำกเขยี นคำสง่ั เหลำ่ นนั้ ตอ่ เนอ่ื ง เรียง ต่อกนั ไป จะทำให้กำรตรวจสอบและแกไ้ ขโปรแกรมทำได้ยำก ถำ้ นกั เรียนจดั กลุ่มคำสง่ั เหลำ่ น้ีให้เปน็ โปรแกรมย่อย ท่ี ทำงำนเฉพำะอยำ่ ง จะทำให้งำ่ ยตอ่ กำรตรวจสอบและแก้ไข อกี ท้งั ยงั สำมำรถนำโปรแกรมย่อยทีม่ อี ยูแ่ ล้วไปใช้ ในโปรแกรม อน่ื ที่มีลักษณะคลำ้ ยคลงึ ได้ ใน Scratch มีคำส่ังสร้ำงโปรแกรมยอ่ ย (subroutine) หรอื ฟงั ก์ชนั (function) ให้ใช้งำน โดย ผใู้ ช้จะนยิ ำมช่ือฟังชันเพือ่ ใชอ้ งอิงในกำรเรียกใชง้ ำน และกำหนดคำส่ังทีต่ อ้ งกำร ภำยในฟงั ก์ชนั นั้น ชอ่ื ฟงั กช์ ันควร กำหนดให้เหมำะสมกบั หน้ำท่กี ำรทำงำนเพอื่ ให้งำ่ ยต่อกำรทำควำมเขำ้ ใจ ตัวดำเนนิ กำรบูลนี นักเรยี นเคยเขยี นโปรแกรมที่มีกำรคำนวณโดยใช้ตัวดำเนนิ กำรทำงคณติ ศำสตร์ - * / และโปรแกรมทีม่ ี กำร ตรวจสอบเง่อื นไขท่ีมกี ำรใชต้ วั ดำเนินกำรเปรยี บเทยี บ > <= มำแล้ว ในส่วนนีน้ กั เรยี นจะได้เรยี นรเู้ กี่ยวกบั ตัวดำเนินกำรบู ลนิ่ ทใี่ ชเ้ ขียนโปรแกรมในกรณีทม่ี ีเง่อื นขมำกกวำ่ หนง่ึ เงอื่ นไข ตัวดำเนินกำรบูลนี แสดงดังตำรำง

กำรรบั ค่ำและสง่ ค่ำจำกฟังกช็ ัน กำรสรำ้ งฟงั ก์ชันใน Scratch นักเรียนสำมำรถหนดให้มีกำรรับค่ำพำรำมิเตอร์ (parameter) เพ่ือนำไปใช้ ในฟังก์ชันได้ โดยสำมำรถกำหนดให้รับได้หลำยค่ำ และเมื่อเรียกใช้งำนฟังก็ชันจะต้องส่งค่ำอำร์ กิวเมนต์ (argument) ที่ต้องกำรไปให้ฟังก์ชันตัวย ซ่ึงจำนวนอำร์กิวเมนติ และพำรำมิตร์ที่กำหนดจะต้องเท่ำกันและเป็น ขอ้ มลู ชนิด เดยี วกนั เพื่อใหส้ ำมำรถทำงำนได้อยำ่ งถูกตอ้ ง

บทท4่ี หลกั กำรทำงำนของระบบคอมพวิ เตอร์ บทท่ี4หลักกำรทำงำนของระบบคอมพวิ เตอร์ ❖ องคป์ ระกอบของระบบคอมพวิ เตอร์ ❖ หลกั กำรทำงำนของระบบคอมพิวเตอร์ ❖ ซอฟตแ์ วรป์ ระยุกต์ จุดประสงคข์ องบทเรยี น เมือ่ เรียนจบบทนแี้ ล้ว นักเรยี นจะสำมำรถ ❖ บอกองคป์ ระกอบของระบบคอมพวิ เตอร์และเขำ้ ใจหนำ้ ท่ขี องแตล่ ะองค์ประกอบ ❖ อธบิ ำยหลักกำรทำงำนของระบบคอมพวิ เตอร์ ❖ ยกตวั อยำ่ งกำรประยุกตร์ ะบบคอมพิวเตอรใ์ นชวี ติ ประจำวัน

องคป์ ระกอบของระบบคอมพิวเตอร์ ระบบคอมพวิ เตอร์ (computersystem)ประกอบ ด้วยสองสว่ นหลัก คือ ฮำร์ดแวร์ (hardware) และ ซอฟตแ์ วร์ (software) ฮำรด์ แวร์ หมำยถงึ สว่ นประกอบของเครอื่ ง คอมพวิ เตอรแ์ ละอปุ กรณ์ ซึง่ ประกอบด้วย 3 หนว่ ย 1.หนว่ ยระมวลผลกลำง (Central 2.หน่วยควำมจำและจดั เกบ็ (memory and storage unit) ซอฟตแ์ วร์ หมำยถงึ โปรแกรมหรือชุดของโปรแกรมที่ทำหน้ำที่ควบคุมกำรทำงำนของฮำร์ดแวร์ เพ่ือให้สำมำรถ ดำเนนิ กำรตำ่ ง ๆ กบั ขอ้ มลู ตำมท่ผี ูใ้ ชก้ ำหนด โดยแบง่ ออกเป็น 2 ประเภท ดงั น้ี 1.ซอฟต์แวร์ระบบ (systemsoftware)แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ระบบปฏิบัติกำร (operatingsystem) และ โปรแกรม อรรถประโยชน์ (utility program) 2.ซอฟตแ์ วรป์ ระยกุ ต์ (application software)

หลักกำรทำงำนของระบบคอมพิวเตอร์ หนว่ ยประมวลผลกลำง หรือ ซพี ยี ู หน่วยรบั เข้ำและหน่วยส่งออก เช่น คียบ์ อรด์ และจอภำพ เป็นตน้ หนว่ ยควำมจำและจดั เกบ็ เชน่ RAM เปน็ ตน้ ซอฟต์แวรป์ ระยกุ ต์ ในปจั จุบันมผี ู้พฒั นำซอฟต์แวรส์ ำหรับใช้งำนจำนวนมำก เพอ่ื ตอบสนองกำรใชง้ ำน ด้ำนตำ่ ง ๆ เรำอำจแบ่ง ซอฟต์แวร์ประยุกตไ์ ด้ 2 แบบดังนี้ 1.ซอฟตแ์ วร์ประยกุ ตต์ ำมลกั ษณะของแผลฟอร์ม 2.ซอฟตแ์ วรป์ ระยุกตต์ ำมลักษณะกำรไชงน

บทท่ี5 เทคโนโลยีกำรสื่อสำร บทท่ี5เทคโนโลยกี ำรสือ่ สำร ❖ องคป์ ระกอบของกำรสอ่ื สำร ❖ เครือขำ่ ยคอมพวิ เตอร์ ❖ อนิ เทอรเ์ น็ต ❖ บรกิ ำรบนอนิ เทอรเ์ นต็ ❖ คลำวด์คอมพิวติง จดุ คะสงคข์ องบทเรยี น เมอ่ื เรียนจบบทนีแ้ ล้ว นักเรียนจะสำมำรถ ❖ รู้จักและใช้งำนเครือข่ำยคอมพวิ เตอร์ ❖ เลือกใชบ้ รกิ ำรบนอินเทอร์เนต็ ได้อย่ำงถกู ต้อง

องค์ประกอบของกำรส่อื สำร องคป์ ระกอบพ้นื ฐำนของกำรส่ือสำรข้อมูลได้แกผ่ สู้ ่งผรู้ บั ขอ้ มูลข่ำวสำร ตวั กลำง และขอ้ ตกลงรว่ มกัน (protocol) ในกรสือ่ สร ตัวอย่ำงเชน่ กำรพดู คยุ สอ่ื สำรกนั ระหว่ำงนกั เรยี นและครใู นชีวติ ประจำวัน ผ้สู ่งคือครู ผูร้ ับ คือนกั เรยี น ข้อมูลข่ำวสำรคือสงิ่ ท่ีครูพดู ตัวกลำงคืออำกำศ กระดำนดำ หรือไวต์บอร์ด สำหรบั ขอ้ ตกลงรว่ มกนั คอื ภำษำที่ใช้ เครอื ขำ่ ยคอมพวิ เตอร์ เครือขำ่ ยคอมพวิ เตอร์เกิดจำกกำรนำเครื่อง คอมพวิ เตอรต์ ั้งแตส่ องเครอื่ งขึน้ ไปมำเช่ือมต่อกัน ผ่ำนตัวกลำง ในกำรส่อื สำรเพอื่ แลกเปลย่ี นขอ้ มูล ระหวำ่ งกัน และใช้ทรัพยำกรของระบบุ รว่ มกัน (resource sharing) เชน่ กำร เชอ่ื มตอ่ คอมพวิ เตอร์ และอุปกรณ์ต่ำง ๆ เพ่ือทำงำนร่วมกัน สง่ ผลให้เกดิ ควำมสะดวก เพรำะสมำรถปรบั ปรงุ แกไ้ ข ข้อมลู ร่วมกนั ไดแ้ มว้ ่ำจะทำงำนอยตู่ ำ่ งสถำนทีก่ ัน

อนิ เทอรเ์ นต็ อนิ เทอรเ์ นต็ เปน็ เครอื ข่ำยสำธำรณะทีม่ ขี นำดใหญ่ที่สดุ ในโลก เช่ือมต่อเครือข่ำยยอ่ ยจำนวนมำกจำก ทุกมมุ โลก เข้ำด้วยกนั ทำให้สำมำรถส่ือสำรข้อมลู ระหวำ่ งคอมพิวเตอรห์ รอื อปุ กรณต์ ำ่ ง ๆ ได้ กำรเช่อื มต่อทำได้ หลำยช่องทำง เชน่ ผ่ำนระบบสำยโทรศัพท์ ระบบเสน้ ใยนำแสง ระบบเอดีเอสแอล (Asymmetric Digital Subscriber Line: ADSL) ระบบ ดำวเทียม ระบบโทรศัพทเ์ คลอื่ นที่ บรกิ ำรบนอนิ เทอรเ์ น็ต เครือ่ งบริกำรแตล่ ะเครอื่ งอำจให้บรกิ ำรท่แี ตกตำ่ งกัน อินเทอร์เน็ตชว่ ยใหผ้ ู้ใชส้ ำมำรถเขำ้ ถงึ บริกำรตำ่ ง ๆ ได้ อยำ่ งสะดวกและรวดเรว็ สำมำรถทำได้ทุกที่ทุกเวลำ ไม่ข้นึ กบั ระยะทำง เปรยี บเสมอื นกำรสอื่ สำรไร้พรมแดน คลำวด์คอมพิวติง เป็นบริกำร บนอินเทอร์เน็ต ผู้ใช้บริกำรไม่จำเป็นต้องรู้ว่ำมีระบบ ติดต้ังอยู่ที่ไหน มีขนำดเท่ำไร และไม่ จำเป็นต้องติดตัง้ ซอฟต์แวรใ์ นเครื่องผู้ใช้ กำรใช้บริกำรบนคลำวด์ เช่น กำรใช้ พื้นที่จัดเก็บข้อมูล หรือใช้โปรแกรมต่ำง ๆ ทำงำนร่วมกนั ในปจั จุบันมีกำรใช้คลำวด์กันอย่ำงกว้ำงขวำง เพรำะประหยัด งบประมำณ สำมำรถใช้งำนได้โดยไม่จำกัด สถำนที่ ช่วยให้ ทำงำนได้ตลอดเวลำ และอำนวยควำมสะดวกในกำรทำงำน ร่วมกัน ซึ่งต้องกำหนดสิทธ์ิผู้ใช้งำนให้ เหมำะสม เชน่ ผูใ้ ช้ บำงคนอำจอำ่ นไดอ้ ย่ำงเดียว แต่ผูใ้ ชบ้ ำงคนสำมำรถแก้ไขได้

บทท่ี6 กำรใช้งำนเทคโนโลยสี ำรสนเทศอยำ่ งมีควำมรบั ผดิ ชอบ บทท่ี6 กำรใชง้ ำนเทคโนโลยีสำรสนเทศอย่ำงมคี วำมรบั ผดิ ชอบ ❖ แนวทำงปฏิบัติเม่อื พบเน้อื หำท่ีไมเ่ หมำะสม ❖ ผลกระทบกำรเผยแพร่ขอ้ มลู ทไ่ี ม่เหมำะสม ❖ แนวทำงกำรพจิ ำรณำเนือ้ หำก่อนกำรเผยแพรข่ ้อมูล ❖ กำรสรำ้ งและแสดงสทิ ธ์คิ วำมเปน็ เจำ้ ของผลงำน ❖ มำรยำทในกำรตดิ ตอ่ สื่อสำร จดุ ประสงค์ของบทเรียน เมอื่ เรียนจบบทนแี้ ล้ว นักเรยี นจะสำมำรถ ❖ เลอื กแนวทำงปฏิบัติเม่ือพบเนื้อหำทไ่ี ม่เหมำะสม ❖ ใช้ไอทไี่ ดอ้ ย่ำงมคี วำมรับผดิ ชอบ ❖ สร้ำงและแสดงสทิ ธคิ์ วำมเป็นเจำ้ ของผลงำน ❖ ตดิ ตอ่ สื่อสำรผำ่ นเครอื ข่ำยสังคมอยำ่ งปลอดภัย

แนวทำงปฏิบัตเิ มื่อพบเนอื หำทไ่ี มเ่ หมำะสม กำรใช้งำนอนิ เทอร์เน็ตนักเรยี นจะพบขอ้ มลู ทหี่ ลำกหลำย ทัง้ ขอ้ มูลทีถ่ กู ต้องและข้อมูลที่มกี ำรบิดเบอื น หรือ สรำ้ งข้ึนเพอื่ ให้เกิดควำมเสียหำยต่อผ้อู นื่ หรือสว่ นรวม และหำกนกั เรยี นพบขอ้ มูลที่ไมเ่ หมำะสมเหล่ำนนั้ นักเรียนควร ปฏบิ ัตดิ งั นี้ 1.ปฏเิ สธกำรรบั ข้อมลู 2.ไม่ส่งตอ่ ไมแ่ ชร์ ไมเ่ ผยแพร่ 3.แจง้ ครหู รือผู้ปกครอง 4.แจง้ ผเู้ กย่ี วข้องที่ดแู ลเว็บไซตน์ ้ัน 5.แจง้ เจ้ำหนำ้ ทรี่ ฐั หรอื ตำรวจ ผลกระทบกำรเผยแพรข่ ้อมูลที่ไมเ่ หมำะสม กำรไม่คำนึงถึงควำมถกู ตอ้ งของขอ้ มลู ก่อนกำรเผยแพร่หรือส่งต่อ อำจจะสง่ ผลกระทบต่อตนเองและผอู้ ื่น กำรกระทำทไ่ี มไ่ ด้ไตรต่ รองใหถ้ ถ่ี ว้ นถงึ ควำมเหมำะสม อำจสง่ ผลโดยตรงตอ่ จิตใจ กำรเรียนรู้ กำรเขำ้ สงั คม ซง่ึ จะสผ่ ล ต่อเดก็ และวัยรุ่นที่ยังรเู้ ท่ำไม่ถงึ กำรณ์ และไม่มีทกั ษะชวี ติ ทดี่ ีพอ

แนวทำงกำรพิจำรณำเนอื หำก่อนกำรเผยแพรข่ อ้ มูล ก่อนท่ีนักเรียนจะเผยแพร่ข้อมูลใดลงในอินเทอร์เน็ต ควรพิจำรณำ ถึงจริยธรรมท่ีเกี่ยวข้องกับข้อมูลและกำร ติดตอ่ ส่อื สำร ซง่ึ ประกอบดว้ ย ควำมเป็นสว่ นตัว (privacy) ควำมถูกต้อง (accuracy) ทรัพย์สิน (property) และกำรเข้ำถึง (access) หรือเรียกย่อว่ำ พำพำ (PAPA) ซ่ึงมีรำยละเอียดดังน้ี ควำมเป็นส่วนตัว ต้องเข้ำใจเก่ียวกับข้อมูลว่ำข้อมูลน้ัน เกี่ยวกับใครหรือองค์กรใด สำมำรถเปิดเผยต่อ ผู้อื่นได้หรือไม่ ภำยใต้เงื่อนไขใดและด้วยมำตรกำรป้องกันอย่ำงไร ควำม ถกู ตอ้ ง ขอ้ มลู ทใ่ี ช้หรอื นำเสนอต้องมีควำมถกู ตอ้ ง มีควำมนำ่ เชอ่ื ถอื และตอ้ งรบั ผิดชอบตอ่ ควำมผิดพลำดของข้อมูล ดังน้ัน ตอ้ งมีกำรตรวจสอบควำมถกู ตอ้ งของข้อมลู กอ่ นท่ีจะนำไปใช้หรือเผยแพร่ ทรัพย์สินหรือควำมเป็นเจ้ำของ ต้องรู้ว่ำใครเป็น เจำ้ ของข้อมูล มีควำมสำคัญหรือมูลค่ำมำกนอ้ ยเพียงใด เพอ่ื ให้กำรจัดกำรมีควำมเหมำะสม รวมทั้งกำรเคำรพสิทธ์ิของผู้อื่น เพอ่ื ใหญ้ หำกำรละเมิดลขิ สิทธล์ิ ดนอ้ ยลง กำรเขำ้ ถงึ เปน็ กำรกำหนดหรอื ระบุใหบ้ ุคคลหรือองค์กรใดมีสิทธ์ิหรือสิทธิพิเศษใน กำรเขำ้ ถงึ หรือไดร้ ับ สทิ ธิภ์ ำยใต้เง่อื นไขใดและมีมำตรกำรป้องกันอยำ่ งไร

กำรสรำ้ งและแสดงสิทธ์คิ วำมเปน็ เจ้ำของผลงำน ขอ้ มลู และสำรสนเทศในรปู แบบเอกสำร รปู ภำพ หรือวดี ทิ ศั น์ นับวำ่ เปน็ ทรัพย์สนิ ประเภทหนง่ึ ที่เจำ้ ของ สำมำรถ แสดงสิทธิค์ วำมเป็นเจ้ำของไดห้ ลำยรูปแบบ ท้ังแบบทีเ่ หน็ ชัดเจนหรือซ่อนไว้ เช่น กำรใสช่ ่ือ กำรระบุ สญั ลกั ษณ์ กำรใสล่ ำย นำ้ นอกจำกนย้ี ังสำมำรถระบเุ ง่ือนไขกำรอนุญำตให้ผ้อู ่นื นำไปใช้งำนได้ มำรยำทในกำรตดิ ตอ่ สอ่ื สำร กำรตดิ ตอ่ ส่ือสำรผำ่ นบรกิ ำรบนอนิ เทอรเ์ น็ตมี ควำมหลำกหลำยและมีผ้ใู ช้งำนจำนวนมำก มที ้ังแบบ ผใู้ ชส้ ื่อสำร ส่วนตวั สอ่ื สำรในกลุ่ม หรือสื่อสำรสำธำรณะ จึงควรมีมำรยำทและปฏบิ ตั ติ นอยำ่ งเหมำะสม มีกำร จำกัดกล่มุ สนทนำใหอ้ ยู่ ในกลมุ่ สมำชิกท่ีเก่ียวขอ้ งและ ใช้ในช่วงเวลำท่ีเหมำะสม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook