บทที่ 8 ภ(าCวoะmนาmกuบั nกiาcรaสt่อืioสnา)ร
ผู้นากบั .....ความสาคัญของการส่ือสาร ผู้นาทไ่ี ด้รับการยอมรบั จากทีมงานต้องมกี ารสอื่ สารท่ดี ี ยิ่งเปน็ ผนู้ าทม่ี คี วามรับผิดชอบสงู มาก เท่าไรจะต้องมีการส่ือสารทีด่ ีมากขึ้นเพราะ • การสื่อสารหัวใจสาคัญของผูน้ าในการพฒั นาทมี งาน • ผนู้ ายงั ต้องใช้หลกั ในการสือ่ สารสรา้ งความสัมพันธ์กับผูอ้ น่ื • การนาหลกั การส่ือสารท่ีดไี ปปรบั ใชแ้ ละพัฒนาตวั เองอยา่ งตอ่ เนือ่ ง ยอ่ มทาให้เป็นผู้นาท่ีมคี ุณภาพ • การส่อื สารเปน็ การเชื่อมโยงกนั ภายในทเ่ี ป็นกระบวนการ ไดแ้ ก่ การวางแผน การจดั การ การจดั ทมี งานการสั่งการ การรว่ มมือ และการรายงานผล (POSDCoRB) • จดุ มงุ่ หมายของการส่ือสารในองคก์ ารคือ การจดั หาแนวทางเพอ่ื ถา่ ยโยงขอ้ มลู ไปสูค่ วามสาเร็จตาม เปา้ หมายลกั ษณะ • ผู้นาจะได้รับการยอมรับจากทมี งาน
ผ้นู าจะมกี ารสื่อสารที่สรา้ งสรรค์ไดอ้ ย่างไร
“การสือ่ สาร (communication)” การส่อื สารเปน็ กระบวนการทเ่ี กยี่ วกับการส่งและรับสญั ลกั ษณท์ ก่ี ่อใหเ้ กิดความหมายขนึ้ ในใจของ ผู้เก่ยี วข้อง โดยบุคคลเหลา่ นนั้ มปี ระสบการณ์อยา่ งเดยี วกัน Kelley, Robert (1977 : 9. อ้างอิงมาจาก เสนาะ ติเยาว์. 2538 : 33) “ก. นาหนงั สอื หรอื ข้อความของฝา่ ยหน่ึงสง่ ให้อีกฝา่ ยหนงึ่ ” พจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 (2539) “การส่อื สารหมายถึงกระบวนการท่ีมนษุ ยเ์ ช่อื มโยงความนกึ คิดและความรู้สกึ ใหถ้ ึงกันเพ่อื ให้เกดิ การ ตอบสนองในเชิงพึ่งพาอาศัยซ่งึ กนั และกนั ” โอภส์ แก้วจาปา (2547 : 1)
สรุปได้ว่า การสอ่ื สาร (communication) “กระบวนการถา่ ยทอดขอ้ มูล ข่าวสาร และเร่ืองราวต่าง ๆ จากผูส้ ่งสารไปสู่ ผรู้ ับสารโดยวธิ ีการใดวิธกี ารหนงึ่ ในสภาพแวดลอ้ มหนง่ึ ๆ จนเกดิ การเรยี นรู้ ความหมายในสิ่งทีถ่ า่ ยทอดรว่ มกนั และตอบสนองต่อกนั ได้ตรงตามเจตนาของทัง้ สอง ฝ่าย ซง่ึ อาจจะมลี กั ษณะเปน็ การสอ่ื สารระหวา่ งบคุ คลและการส่ือสารขององค์กร” กระบวนการในการแลกเปลย่ี นข่าวสาร ขอ้ เทจ็ จรงิ หรอื ความรูส้ ึกระหว่าง บคุ คลตง้ั แต่สองฝา่ ยขนึ้ ไป เพื่อทาให้เกิดความเขา้ ใจรว่ มกนั (Common Understanding
องคป์ ระกอบของการสื่อสาร สาหรบั องคป์ ระกอบของการส่ือสารโดยทัว่ ไปมี 4 ประการ คอื 1. ผ้สู ่งสาร (Sender) 2. สาร (Message) 3. ช่องทางการสอื่ สารหรอื ส่ือ (Channel) 4. ผรู้ บั สาร (Receiver)
ความสาคญั ของการสือ่ สาร หากจะพิจารณาถงึ ความสาคัญของการสอ่ื สารท่มี ตี ่อมนุษยแ์ ลว้ สามารถแบง่ ได้ เปน็ 5 ประการคอื 1. ความสาคัญตอ่ ความเปน็ สงั คม 2. ความสาคัญตอ่ ชีวติ ประจาวัน 3. ความสาคัญตอ่ อุตสาหกรรมและธุรกจิ 4. ความสาคญั ตอ่ การปกครอง 5. ความสาคญั ต่อการเมืองระหวา่ งประเทศ
ประเภทของการติดต่อสือ่ สาร 1. จานวนผู้ทาการสอ่ื สาร 1.1 การสือ่ สารภายในตวั บคุ คล (intrapersonalcommunication) เชน่ - การพูดกับตวั เอง- การคิดคานึงเรอ่ื งตา่ ง ๆ- การรอ้ งเพลงฟังเอง- การคดิ ถงึ งานท่จี ะทา เปน็ ต้น 1.2 การสือ่ สารระหว่างบุคคล (interpersonalcommunication) เชน่ - การพดู คยุ ระหว่างบคุ คล 2 คนข้นึ ไป- การพดู คุย- การเขียนจดหมาย- การโทรศัพท์- การประชุม กลุ่มย่อย เป็นตน้ 1.3 การสือ่ สารกลมุ่ ใหญ(่ large group communication) เช่น - การอภปิ รายในหอประชุม- การพดู หาเรอื่ งเลือกตงั้ - การปราศรยั ในงานสงั คม - การกล่าวปาฐกถา ในหอประชมุ
ประเภทของการตดิ ตอ่ สอื่ สาร 1.4 การสอื่ สารในองค์กร (organizationalcommunication) เช่น - การส่อื สารในบรษิ ัท- การส่อื สารในหนว่ ยงาน ราชการ- การ สอ่ื สารในโรงงาน- การสือ่ สารของธนาคารเป็นตน้ 1.5 การส่ือสารมวลชน(mass communication) การสอื่ สารท่ผี า่ นสอ่ื เหลา่ นี้ คือ- หนังสอื พมิ พ์, นติ ยสาร- วิทยุ- โทรทัศน-์ ภาพยนตรเ์ ปน็ ตน้
การสื่อสารกับการบรหิ ารจัดการองคก์ ร • การสอื่ สารไดก้ ลายมาเปน็ ปัจจยั หรอื องคป์ ระกอบท่ีสาคัญของการบริหารงานเปน็ ท้ังปจั จยั และทรพั ยากรทีจ่ ะใชใ้ นการบริหารจัดการองค์กร ถา้ หากไม่มกี ารส่อื สาร กไ็ มส่ ามารถท่จี ะบรหิ ารองค์กรไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ • การสือ่ สารจงึ เป็นกลยุทธ์ที่มคี วามสาคัญต่อองค์กรในการบรหิ ารท่จี ะทาให้งาน ขององค์กรดาเนินตอ่ ไปและชว่ ยในการประสานงานของหนว่ ยงาน
ความจาเปน็ ต้องมกี ารสื่อสารขององคก์ ร ทองใบ สุดชารี. 2542 1. ลกั ษณะขององคก์ ร 2. วัฒนธรรมขององค์กร 3. ระดับและเปา้ หมายขององคก์ ร 4. ขนาดขององค์กร 5. ความตอ้ งการเปน็ อสิ ระ 6. คุณภาพของชีวติ ในงาน
1.ประเภทของการส่อื สาร แบ่งโดยใช้จานวนตวั บุคคลเป็นเกณฑ์ แบ่งได้ 6 ประเภท (ปรมะ สตะเวทนิ . 2540:34-35) ดังนี้ การสอ่ื สารภายในตัวบคุ คล การส่ือสารระหว่างบคุ คล การสอื่ สารกลุ่มใหญ่ การสอ่ื สารในองค์การ การส่อื สารมวลชน การสอ่ื สารในที่สาธารณะ
ประเภทของการส่ือสาร การเห็นหน้าคา่ ตาเป็นเกณฑ์ แบง่ ไดเ้ ปน็ 2 ประเภทดังน้ี การสื่อสารแบบเหน็ หน้าคา่ ตา เปน็ การสื่อสารท่ผี สู้ ง่ สารและผรู้ บั สารมีโอกาสเห็นหนา้ กนั เวลาส่ือสาร ทาให้สามารถปรับเปล่ยี น อากัปกริ ิยาท่าทางขณะทส่ี ือ่ สารกันได้ เชน่ การสนทนากันแบบซึ่งหนา้ เป็นตน้ การสอื่ สารแบบไม่เห็นหน้าคา่ ตากัน เปน็ การส่อื สารทผ่ี สู้ ง่ สารและ ผู้รบั สารไม่มีโอกาสเหน็ หนา้ กันโดยตรงในเวลาท่สี อ่ื สารกนั เช่น การ สนทนาทางโทรศัพท์ การประชมุ ผา่ นทางเครอื่ งรบั ทางไกล เปน็ ต้น
ประเภทของการสือ่ สาร ทใ่ี ช้ทศิ ทางการสือ่ สารเป็นเกณฑ์ แบ่งได้ 2 ประเภท ดงั นี้ การสอื่ สารทางเดยี ว (one-way communication) การสือ่ สารท่ผี ่านสอ่ื มวลชนทกุ ชนิด คือ - วทิ ยุ/โทรทศั น์/วดี ทิ ัศน์ - โทรเลข/โทรสาร - ภาพยนตร์ เปน็ ต้น การสอ่ื สารสองทาง (two-way communication) - การส่อื สารระหวา่ งบุคคล - การส่ือสารในกลุ่ม - การพดู คยุ / การสนทนา เปน็ ตน้
ประเภทของการส่ือสาร ตามลักษณะการใช้เปน็ เกณฑ์ แบง่ ได้ 2 ประเภท ดงั น้ี การสือ่ สารแบบเปน็ ทางการ เปน็ การสื่อสารทีม่ ีโครงสร้าง แบบแผนใน การปฏสิ ัมพันธ์ระหวา่ งผ้สู อื่ สาร เชน่ การรายงานผลการปฎิบัติงานให้ ผบู้ งั คบั บัญชารับทราบ การกล่าวรายงานจุดมุ่งหมายของการจดั งานแก่ ประธานในพิธี เปน็ การสือ่ สารทีม่ ปี ระสิทธิภาพ บทบาท และสภาพบริบท เปน็ สิ่งกาหนดวิธีการสือ่ สาร การสื่อสารแบบไมเ่ ป็นทางการ เป็นการสอื่ สารที่ไม่มีข้อกาหนด กฎเกณฑท์ จ่ี ะเกดิ ขน้ึ เมื่อผู้สือ่ สารจะต้องการสอ่ื สาร หรอื มีปฏสิ ัมพนั ธก์ นั ก็ สามารถส่ือสารได้ โดยไม่ตอ้ งมีพิธกี าร มักใช้กบั คนที่คุ้นเคย เพอ่ื นสนิท คนใน ครอบครวั หรอื ในสถานท่รี โหฐาน
การส่ือสารท่เี ปน็ ทางการ (formal communication) มีลกั ษณะดงั นี้ 1.1 ช่องทางการสือ่ สารควรประกาศใหร้ ูอ้ ยา่ งชดั เจนและแนน่ อน 1.2 อานาจหน้าท่ปี รากฏอยใู่ นช่องทางของการสอ่ื สารอย่างเปน็ ทางการ 1.3 เส้นทางของการสอื่ สาร (line of communication) ตอ้ งสัน้ และตรงประเด็น 1.4 ผ้ทู ่ีมีความสามารถจะเปน็ ศนู ยก์ ลางของการสื่อสาร ซงึ่ ได้แก่ เจ้าหนา้ ที่ หวั หนา้ งาน 1.5 เมอ่ื องคก์ รกาลังดาเนนิ การไม่ควรขดั ขวางเส้นทางของการสอื่ สาร 1.6 ระบบการสอ่ื สารทกุ ระบบตอ้ งเชอ่ื ถอื ได้
การส่อื สารท่ีไมเ่ ป็นทางการ (informalcommunication) มลี กั ษณะดังน้ี 2.1 ตอบสนองความต้องการและความร้สู ึกของปจั เจกบุคคลในเรอ่ื งของ การรวมตัวกันเป็นอัน หนึง่ อันเดยี วกัน การเคารพตนเอง และการ ตัดสินใจเลือกทีเ่ ปน็ อสิ ระ 2.2 ก่อให้เกดิ ความสามัคคีภายในองคก์ ร
ประเภทของการสอ่ื สาร ท่ีใชช้ ่องทางเดนิ สารเปน็ เกณฑ์แบง่ ได้ 3 ประเภท ดงั นี้ การตดิ ต่อส่ือสารจากบนลงล่าง (Downward communication) การสื่อสารแบบล่างข้นึ บน (Upwaed organizational) การส่อื สารตามแนวนอน (Laterl organizational)
การติดตอ่ สื่อสาร แนวราบ การติดต่อสื่อสารจากระดับบนลงสู่ ระดับลา่ ง •คาแนะนาต่อแผนกอ่นื •ความรว่ มมอื กับแผนกอ่ืน •แผนงาน นโยบาย ขัน้ ตอน และกฎระเบียบ •การแกป้ ัญหาสาหรบั แผนกอื่น •ข้อมูลป้อนกลบั เกย่ี วกับผลการปฏบิ ตั งิ าน •การแก้ปัญหาภายแผนก •เปา้ หมาย (Carrell et al., 1997) •การสงั่ สอน ผู้ดแู ล (Supervisor) การตดิ ตอ่ สื่อสารจากระดบั ลา่ งสู่ ระดบั บน •ขอ้ แนะนาในการปรบั ปรุง •การโต้เถยี ง •เร่อื งพเิ ศษ •รายงานผลการปฏบิ ตั งิ าน
ประเภทของการส่ือสาร โดยใชล้ ักษณะของสารเป็นเกณฑ์ แบ่งได้ 2 ประเภท ดงั น้ี การส่ือสารเชงิ วัจนภาษา (verbal communication) การพูด, การบรรยาย- การเขียนจดหมาย, บทความ เปน็ ต้น การสอื่ สารเชิงอวจั นภาษา (non-verbal communication) การสื่อสารโดยไม่ใชถ้ ้อยคา, คาพูด - อาการภาษา, กาลภาษา, เทศภาษา, สัมผสั ภาษา, เนตรภาษา, วัตถภุ าษา และปริภาษา เป็นตน้
ประเภทของการติดตอ่ ส่ือสาร ความแตกต่างระหว่างผรู้ บั สารและผ้สู ง่ สาร การส่ือสารระหวา่ งเชือ้ ชาติ (interracial communication) เช่น ชาวไทยส่ือสารกบั คน ต่างประเทศ - คนจีน, มาเลย,์ อินเดีย ใน ประเทศมาเลเซีย สอ่ื สารกนั เป็นตน้ การสือ่ สารระหว่างวฒั นธรรม (gosscultural communication) - การสื่อสารระหว่างคนไทยภาคใตก้ ับภาคเหนือหรือภาคอนื่ ๆ ชาวไทยสื่อสารกบั ชาวเขา เปน็ ตน้ การส่อื สารระหวา่ งประเทศ (international communication) - การเจรจาติดตอ่ สมั พันธ์ทางการทตู - การเจรจาในฐานะตัวแทน รฐั บาล เปน็ ต้น
กระบวนการติดตอ่ ส่ือสาร(Communication Process) เสยี ง (Noise)/อปุ สรรค(Barriers)/ตัวกรอง (Filters) ที่มา (Source)/ ช่องทางการสือ่ สาร ผ้รู บั (Receiver) ผู้สง่ (Sender) (Communication Channel) ความหมายท่ีจง การใสร่ หสั ข่าวสาร (Message) การถอดรหสั ความหมายท่ี (Encoding) ใจจะสอ่ื ขอ้ มลู ป้อนกลับ (Decoding) รบั รู้ (Feedback) (MPeearcneinivge)d M(Inetaennidneg)d เสียง (Noise)/อปุ สรรค(Barriers)/ตวั กรอง (Filters)
ภาพ องคป์ ระกอบการสือ่ สาร Sender Message channel Receiver Feedback ใคร กลา่ วอะไร ชอ่ งทางใด ถึงใคร ผลเปน็ อย่างไร
กระบวนการตดิ ตอ่ สอ่ื สาร ความคดิ ประมวลความคิด ถ่ายทอด การใหข้ อ้ มลู ย้อนกลบั ถอดความ รับสาร พฤตกิ รรม ตอบสนอง
กระบวนการติดต่อส่อื สาร • ความคิด :ผู้สง่ สารเกิดความคิดและตอ้ งการส่ง • ประมวลความคิด : เรยี บเรียงและกลัน่ กรองความคิด • ถา่ ยทอด : ผสู้ ่งสารเลือกสอ่ื ในการถา่ ยทอด • รับสาร : ผ้รู ับสารรบั ความคดิ จากสื่อตา่ งๆ • ถอดความ: แปลความจากสญั ลักษณ์ ความคิด การสัมผัส • ตอบสนอง : แสดงท่าทางตอบสนองผ้สู ง่ สาร • ขอ้ มลู ยอ้ นกลับ : สาคัญเพราะชว่ ยให้เขา้ ใจตรงกัน
ทศิ ทางของช่องทางการติดต่อสือ่ สารแบบเปน็ ทางการ (Direction of Formal Communication Channels) • การสอ่ื สารจากระดับบนลงสรู่ ะดบั ล่าง (Downward Communication) • การสอ่ื สารจากระดบั ล่างขนึ้ ไปสรู่ ะดบั บน (Upward Communication) • การส่ือสารระดบั เดยี วกนั / แนวราบ (Lateral or Horizontal Communication) (ศิริวรรณ เสรีรัตน์ และคณะ 2541)
ความเข้มของสือ่ และการประยกุ ต์ใช้ สื่อ (Media) คณุ สมบัติ (Characteristics) ความเขม้ ของส่ือ เหมาะสาหรับการสื่อสารที่ (Media richness) (Best forthcaotmamreu:)nications ข้อมูลป้ อนกลับ (cชh่อaงnทnาeงls) คลุมเครือ มีอารมณเ์ ขา้ มา (feedback) เก่ียวขอ้ ง ต่างกนั ในเร่ืองของ พูดแบบเผชิญหนา้ คาพดู ทนั ที การไดย้ นิ และมองเห็น สูง ภูมิหลงั (ambiguous, (face-to-face) (immediate) (audio and visual) (high) emotional, divergent in โทรศพั ท์ (Oral) รวดเร็ว การไดย้ นิ background) (telephone) (rapid) (audio) การมองเห็นท่จี ากดั ชดั เจน มีเหตุผล เป็นทางการ เอกสารที่ระบผุ รู้ ับ ชา้ (limited visual) มีความเหมือนกนั ของภมู ิ (slow) หลงั (clear, rational, official, (addressed เขียน similar in background) documents) เอกสารทไ่ี ม่ระบุ (written) ชา้ มากทส่ี ุด การมองเห็นที่จากดั ต่า (slowest) (limited visual) (low) ผรู้ ับ (unaddressed documents) (Carrell et al., 1997)
ผลกระทบของการจัดระยะต่อการตดิ ตอ่ สอ่ื สาร A B การร่วมมือ(Cooperation) การแขง่ ขนั (Competition) C D การติดต่อส่ือสาร ไ(มN่มoีกncาoรmตmิดuตn่อicสa่ือtioสnา)ร (Communication) (Carrell et al., 1997)
ปจั จัยท่มี ีผลกระทบตอ่ การตดิ ตอ่ ส่อื สาร การรับรู้ (Perception) การฟัง (Listening) อิทธิพลทางสังคม (Social Influences) ความเขม้ ขน้ ของขอ้ มลู /คุณภาพของขอ้ มลู (Information Richness/ Quality of Information ระยะหา่ ง (Proxemics) การจัดระยะ (Spatial Arrangement) การสื่อสารทางอีเลค็ ทรอนิกส์ (Electronic Communications)
อุปสรรคของการติดต่อสือ่ สาร (Barriers to Communication) อปุ สรรคส่วนบุคคล อุปสรรคภายในองคก์ าร (Individual Barriers) (Organizational Barriers)
อุปสรรคส่วนบุคคล (Individual Barriers) • ความนา่ เช่ือถอื ของแหล่งทีม่ า (The Credibility of the Source) • การลาเอยี งของการรบั รู้ (Perceptual Biases)/ การรับร้แู บบเลอื กสรร (Selective Perception) • กรอบความขดั แยง้ ของสงิ่ อา้ งอิง (Conflicting Frame of Reference) • ความหมายของคา (Semantics)/ ภาษา (Language) • ทกั ษะในการสือ่ สาร (Communication Skills) • อารมณ์ (Emotions) • ความแตกต่างทางวัฒนธรรม (Cultural Diversity) และคา่ นิยมทางสังคม (Social Values)
อปุ สรรคภายในองคก์ าร (Organizational Barriers) • ขนาดขององค์การ (Size of Organization) • ปรมิ าณของขอ้ มูลทีม่ ากจนเกินไป (Information Overload) • การจดั โครงสรา้ ง (Structural Arrangements) • ความแตกต่างทางสถานภาพ (Status Differences) • การเจาะจงของงาน (Task Specialization) • การกรองข่าวสาร (Filtering) • เวลา (Timeliness) • บรรยากาศขององค์การ (Organizational Climate) • เทคโนโลยี (Technology)
Search
Read the Text Version
- 1 - 33
Pages: