โครงการสารานกุ รมไทย สาหรับเยาวชนโดยพระราชประสงคใ์ นพระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู วั THAI JUNIOR ENCYCLOPEDIA PROJECT BY ROYAL COMMAND OF H.M. THE KINGนางสาวรวิสรา ทองกร รหสั 60460811 รหสั 60460828นางสาวรกั ษิณา มูรามญั รหสั 60460835 รหสั 60460842นางสาวรนิ ทรป์ ระภา จเู จริญ รหัส 60460859 รหสั 60460866นางสาวลลิต ไชยมงคล รหัส 60460873 รหสั 60460880นางสาววรปรียา ขาปลอด รหัส 60460897 รหัส 60460903นางสาววรพรรณ บรรเจดิ ศิลป์นายวรศักดิ์ วทิ ยถาวรวงศ์นายวรากร จันทร์แสนนางสาววรญิ ญา ขนั ทองนายวรทิ ธ์ิ พินจิ รัตนอนันต์รายงานฉบบั นเี้ ปน็ ส่วนหนึง่ ของวิชาสารสนเทศศาสตรเ์ พ่ือการศึกษาคน้ คว้า คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ปีการศกึ ษา 2560
โครงการสารานกุ รมไทย สาหรบั เยาวชนโดยพระราชประสงคใ์ นพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั THAI JUNIOR ENCYCLOPEDIA PROJECT BY ROYAL COMMAND OF H.M. THE KINGนางสาวรวิสรา ทองกร รหสั 60460811 รหัส 60460828นางสาวรกั ษิณา มูรามญั รหัส 60460835 รหสั 60460842นางสาวรนิ ทรป์ ระภา จเู จริญ รหัส 60460859 รหสั 60460866นางสาวลลิต ไชยมงคล รหสั 60460873 รหสั 60460880นางสาววรปรียา ขาปลอด รหสั 60460897 รหสั 60460903นางสาววรพรรณ บรรเจดิ ศิลป์นายวรศักดิ์ วทิ ยถาวรวงศ์นายวรากร จันทร์แสนนางสาววรญิ ญา ขนั ทองนายวรทิ ธ์ิ พินจิ รัตนอนันต์รายงานฉบบั นเี้ ปน็ ส่วนหนึง่ ของวิชาสารสนเทศศาสตร์เพ่อื การศึกษาค้นควา้ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลยั นเรศวร ปีการศกึ ษา 2560
ก คำนำรายงานนี้เป็นส่วนหน่ึงของวิชาสารสนเทศศาสตร์เพื่อการศึกษาค้นคว้า รหัสวิชา 001221กลุ่มเรยี นที่ 1 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลยั นเรศวรในรปู เล่มรายงานประกอบด้วยเน้อื หาที่เกี่ยวข้องกับ “โครงการสารานุกรมไทยสาหรับเยาวชนโดยพระราชประสงคใ์ นพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั ” เริ่มต้นจากแนวพระราชดาริสู่การเปลี่ยนแปลงคุณภาพการศึกษาของไทย ผ่านรูปเล่มสารานุกรมเล่มสีน้าเงิน ท่ีท่านพบเห็นได้ทั่วไป ตามห้องสมุดหรอื บางคนมไี ว้ประจาบา้ นโดยท่ัวไปแล้วเมื่อเราเห็นหนังสือปกแข็งท่ีมีพื้นหลังสีเข้ม ไม่มีรูปภายนอก และมีเพียงแต่อักษรสีทอง คงไม่ค่อยน่าอ่านสักเท่าไร แต่เช่ือไหม ข้างในนั้นมีคุณค่ามากมายมหาศาล เหลือที่จะพรรณนา คณะผู้จัดทาได้อ่านหนังสือสารานุกรมแล้วพบว่า มีความสวยงาม น่าอ่าน และเน้ือหาชวนตดิ ตาม เม่ือจัดทารายงานฉบับนสี้ าเร็จลุล่วง คณะผู้จัดทาเกิดความทราบซึง้ ในพระมหากรุณาธิคุณอันหาทส่ี ดุ มิได้สุดท้ายน้ี คณะผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รายงานฉบับน้ี จะเป็นการประชาสัมพันธ์ เสมือนประตู สู่เรื่องราวความรู้ท่ีมหาศาล ผ่านทางหนังสือท่ีช่ือว่า สารานุกรม และแน่นอนว่า ท่านจะรู้สึกทราบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ เหมือนกับคณะผู้จัดทา เมื่อท่านได้อ่านรายงานและสารานุกรมจนครบถ้วน ดว้ ยความเคารพ นางสาวรวสิ รา ทองกร นางสาวรกั ษณิ า มรู ามญั นางสาวรินทร์ประภา จเู จรญิ นางสาวลลิต ไชยมงคล นางสาววรปรียา ขาปลอด นางสาววรพรรณ บรรเจดิ ศิลป์ นายวรศักด์ิ วทิ ยถาวรวงศ์ นายวรากร จันทร์แสน นางสาววริญญา ขันทอง นายวริทธ์ิ พนิ ิจรตั นอนันต์
ขชือ่ หัวข้องำน โครงการสารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ใน พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วัผ้ดู ำเนินงำน นางสาวรวสิ รา ทองกร รหสั 60460811 นางสาวรกั ษณิ า มูรามญั รหสั 60460828 นางสาวรนิ ทรป์ ระภา จเู จรญิ รหัส 60460835 นางสาวลลิต ไชยมงคล รหสั 60460842 นางสาววรปรียา ขาปลอด รหัส 60460859 นางสาววรพรรณ บรรเจิดศิลป์ รหัส 60460866 นายวรศกั ด์ิ วทิ ยถาวรวงศ์ รหสั 60460873 นายวรากร จันทรแ์ สน รหัส 60460880 นางสาววรญิ ญา ขันทอง รหสั 60460897 นายวริทธิ์ พินจิ รตั นอนนั ต์ รหสั 60460903ท่ปี รึกษำงำน คณาจารยใ์ นรายวชิ าสารสนเทศศาสตรเ์ พือ่ การศึกษาคน้ คว้าสาขาวชิ า แพทยศาสตร์ปกี ารศกึ ษา 2560...................................................................................................................................................... ....... บทคดั ยอ่รายงานฉบับน้ีเป็นการศึกษาโครงการสารานกุ รมไทยสาหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ ัว โดยในรายงานฉบับนี้ได้มีส่วนประกอบหลักของเน้ือหา 3 สว่ น อันได้แก่ส่วนของความเป็นมา โดยรวบรวมความเป็นมา พระราชดารัส และแนวคิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 และในส่วนท่ีสองคือคณะดาเนินการในปัจจุบัน รวมไปถึงหลักการเขียนสารานุกรม และส่วนสุดท้าย คือ เนื้อหาในสารานุกรม ทาให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจเกี่ยวกับโครงการ และทราบซึ้งในพระราชกรณียกิจ
คTitle Thai Junior Encyclopedia Project by Royal Command of H.M. The KingName Miss Rawisara Thongkorn ID. 60460811 Miss Raksina Muraman ID. 60460828 Miss Rinprapa Chucharoen ID. 60460835 Miss Lalit Chaimongkol ID. 60460842 Miss Worapriya Khamplod ID. 60460859 Miss Worapan Banjerdsilp ID. 60460866 Mr. Worasak Wittayathawornwong ID. 60460873 Mr. Varakorn Chansan ID. 60460880 Miss Warinya kunthong ID. 60460897 Mr. Warith Pinijrathana-Anun ID. 60460903Advisor Instructors in Information Science for Study and ResearchMajor MedicineAcademic year 2560............................................................................................................................. ................................ Abstract Thai Junior Encyclopedia Project by Royal Command of H.M. The King isstudied. In this report, there are three main components of the content, first is thebackground, the presentation of the Royal Speech and the concept of His MajestyKing Bhumibol Adulyadej's 9th, the second is the current Board, Including the principleof writing an encyclopedia, the last part is the content in the encyclopedia. Allowsthe reader to understand the project and remember in his royal duties.
ง กิตตกิ รรมประกำศ รายงานฉบบั นี้ สาเร็จลลุ ่วงได้ด้วยความเรยี บรอ้ ย เน่อื งจากได้รบั การสนบั สนนุ ส่งเสริมจากดร.สุชาติ แยม้ แมน่ ผู้อานวยการสานักหอสมุดมหาวิทยาลัยนเรศวร รวมถึงคณาจารย์ และผู้ชว่ ยสอนในรายวิชาสารสนเทศศาสตร์เพ่ือการศึกษาค้นคว้าทุกท่าน เป็นอย่างดี โดยให้คาแนะนา คาปรึกษาและชว่ ยแกข้ อ้ บกพรอ่ งของงานจนสาเร็จลลุ ว่ ง อีกท้ังยังขอขอบคุณเจ้าหน้าท่ีห้องสมุด ในส่วนของการค้นหา รวมถึงการยืมหนังสืออา้ งอิงทน่ี ามาใชใ้ นการอ้างองิ ในงานนี้ด้วยคณะผ้จู ดั ทาขอขอบพระคุณทุกท่านมา ณ ท่ีนี้ดว้ ย คณะผจู้ ัดทานางสาวรวิสรา ทองกรนางสาวรกั ษณา มรู ามัญนางสาวรนิ ทร์ประภา จเู จริญนางสาวลลติ ไชยมงคลนางสาววรปรียา ขาปลอดนางสาววรพรรณ บรรเจดิ ศิลป์นายวรศักดิ์ วทิ ยถาวรวงศ์นายวรากร จนั ทรแ์ สนนางสาววริญญา ขันทองนายวริทธ์ิ พนิ ิจรตั นอนันต์
สำรบัญ จเรือ่ ง หน้ำคำนำ กบทคดั ยอ่ (ภำษำไทย) ขบทคดั ย่อ (ภำษำอังกฤษ) คกติ ติกรรมประกำศ งสำรบญั จบทนำ 1 1 ความเปน็ มาและความสาคญั 1 วัตถุประสงค์ 1 ประโยชนท์ คี่ าดว่าจะไดร้ ับ 2 ขอบเขตการดาเนนิ งาน 2 ข้นั ตอนของการดาเนนิ งาน 2 แผนการดาเนินงาน 3บทของเนื้อหำหลัก 3 หลักกำรและทฤษฎที เ่ี กี่ยวข้อง 3 17 พระราชดาริ 24 โครงการ 35 เร่อื งในสารานุกรม 37 วธิ กี ำรดำเนินงำน 37บทสรุป 38 ขอ้ เสนอแนะ 40บรรณำนกุ รมประวตั ผิ ดู้ ำเนินงำน
บทที่ 1 บทนำ1. ควำมเป็นมำและควำมสำคญั พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชปรารภว่า การเรียนรู้ในเรื่องราวและวิชาการสาขาต่างๆ โดยกว้างขวาง เป็นเหตุให้เกิดความรู้ ความคิด และความฉลาด ซ่ึงเป็นปัจจัยสาคัญท่ีสุดสาหรับชีวติ ช่วยให้บุคคล สามารถสรา้ งประโยชน์สขุ สร้างความเจริญมน่ั คงใหแ้ ก่ตนเอง ทั้งแก่สังคมและบ้านเมือง อันเป็นที่พึ่งอาศัยได้ ทุกคนจึงควรมีโอกาสท่ีจะศึกษาหาความรู้ได้ ตามความประสงค์และกาลังความสามารถ โดยท่ัวกัน และยังทรงพระราชดาริว่า หนังสือประเภทสารานุกรมนั้น บรรจุสรรพวิชาการอันเปน็ สาระไวค้ รบทุกแขนง เม่ือมีความต้องการ หรือพอใจจะเรียนรู้เร่อื งใด ก็สามารถค้นหา อ่านทราบโดยสะดวก นับว่า เป็นหนังสือที่มีประโยชน์ เก้ือกูลการศึกษา เพ่ิมพูนปัญญาด้วยตนเองของประชาชนอย่างสาคัญ โดยเฉพาะในยามท่ีมีปัญหาการขาดแคลนครู และท่ีเล่าเรียนเช่นขณะนี้ หนงั สอื สารานกุ รมจะช่วย คลี่คลายให้บรรเทาเบาบางลงไดเ้ ป็นอยา่ งดี นอกจากน้ีรายวิชาสารสนเทศศาสตร์เพื่อการศึกษาค้นคว้า ได้เล็งเห็นความสาคัญของโครงการสารานุกรมไทยสาหรับเยาวชนฯ จึงได้มอบหมายให้คณะผู้จัดทา จัดทารายงาน โดยใช้รูปแบบของการเขียนปริญญานิพนธ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ฉบับเดือนธันวาคม2552 นนั้ จึงทาใหค้ ณะผจู้ ดั ทาได้ตระหนักถงึ ความสาคัญ และดาเนินงานสบื มา2. วัตถปุ ระสงค์ 1. เพ่อื ทราบข้อมูลเบ้อื งตน้ ของโครงการสารานุกรมไทยสาหรบั เยาวชนฯ 2. เพอื่ เรยี นรู้ และนาเสนองานในรายวิชาสารสนเทศศาสตรเ์ พอื่ การศึกษาค้นคว้า3. ประโยชนท์ ี่คำดวำ่ จะได้รบั 1. ได้ทราบข้อมลู เบอ้ื งตน้ ของโครงการสารานุกรมไทยสาหรบั เยาวชนฯ 2. เกิดความซาบซงึ้ และสานึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว มหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 3. ได้เรยี นรูว้ ธิ เี ขยี นรายงานในรูปแบบการเขียนปรญิ ญานพิ นธ์ 4. ได้เรียนรู้การทางานร่วมกัน
2 5. ไดเ้ รียนรู้การนาเสนองานดว้ ยเทคนิคที่หลากหลาย 6. ประยุกต์ใช้ความรูใ้ นรายวชิ าผา่ นทางการทางานกลุม่4. ขอบเขตกำรดำเนนิ งำน ศึกษาเรื่อง โครงการสารานุกรมไทยสาหรับเยาวชนฯ โดยเร่ิมจากแนวพระราชดาริ สู่โครงการ และอธบิ ายหวั ขอ้ เนื้อหาภายในแต่ละเล่มของสารานุกรม5. ขน้ั ตอนของกำรดำเนนิ งำน 1. รวมกลุม่ สมาชกิ และหัวขอ้ เรอ่ื งตามท่ีไดร้ ับมอบหมาย 2. ประชมุ เพ่อื หารอื ในส่วนของเนื้อหา เพ่อื กาหนดขอบเขตของการดาเนินงาน 3. แบง่ งาน และแยกกันดาเนินงาน ตามท่ไี ด้รับมอบหมาย 4. ประชมุ กลุ่มเพื่อเตรยี มตวั นาเสนอโครงร่างการดาเนนิ งาน 5. บนั ทกึ และดาเนินการปรบั ปรุงการดาเนนิ งาน ตามที่อาจารยไ์ ด้วิจารณ์ 6. จดั ทาส่อื อเิ ล็กทรอนิกส์ ในสว่ นของรปู เล่ม, งานนาเสนอ และวิดีโอเพือ่ การนาเสนอ 7. เผยแพร่สื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านทาง http://pubhtml5.com ในรูปแบบหนังสืออิเลก็ ทรอนิกส์ (e-book)6. แผนกำรดำเนินงำน ระยะเวลำ สปั ดาหท์ ี่ขนั้ ตอนกำรดำเนินงำน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11รวมสมาชกิ และทราบหัวขอ้ เรือ่ งดาเนนิ การตามท่ีได้รบั มอบหมายนาเสนอโครงรา่ งการดาเนินงานปรับปรงุ การดาเนินงานจัดทารปู เลม่ และสอ่ื นาเสนอเผยแพร่รูปเล่มและสื่อนาเสนอนาเสนอผลการดาเนนิ งานหมายถึง เดอื นกนั ยายน หมายถงึ เดอื นตลุ าคม หมายถงึ เดอื นพฤศจกิ ายน
บทท่ี 2 เนือ้ หาหลัก1. หลักการและทฤษฎีทีเ่ กี่ยวข้องโครงการสารานกุ รมไทยสาหรบั เยาวชน หนังสือสารานุกรมไทย สาหรับเยาวชนฯ เป็นหนังสือเล่มเดียวที่มีพระราชประสงค์ให้ทุกคนได้อ่าน เน่ืองจากเป็นสารานุกรมแบบไทยที่คนไทยทา โดยทรงกาหนดหลักการของการบรรจุสรรพวิชาและเน้ือหา เพ่ือตอบสนองความสามารถในการอ่านของเยาวชนในแต่ละระดับด้วยพระองค์เองทาให้ผู้อ่านเกิดความรู้ ความคิด ความฉลาด และความดี ซึ่งเป็นปัจจัยสาคัญในการดารงชีวิต อันจะชว่ ยบคุ คลสามารถใหป้ ระโยชนแ์ ก่สว่ นรวม และสามารถพึ่งพาสว่ นรวมได้ในอนาคต โดยพระราชประสงคน์ ี้หนังสือสารานุกรมไทยสาหรบั เยาวชนฯ จึงมีการออกแบบในแตล่ ะเล่มให้มีสาระความรู้ที่หลากหลายอย่างน้อย 9 เรื่องสาคัญ เป็นการสนองความต้องการของเยาวชนท่ีจะค้นคว้าสาระวิชาตา่ ง ๆ ไดด้ ว้ ยตนเองอย่างหลากหลายในแตล่ ะเลม่ และนาไปอา้ งองิ ได้ พระมหากรุณาธิคุณน้ีจะปกแผพ่ สกนิกรไปชวั่ นิรันดร์พระราชดาริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชปรารภว่า การเรียนรู้ในเรื่องราวและวิชาการสาขาต่างๆ โดยกว้างขวาง เป็นเหตุให้เกิดความรู้ ความคิด และความฉลาด ซึ่งเป็นปัจจัยสาคัญที่สุดสาหรับชีวิต ช่วยให้บุคคล สามารถสร้างประโยชน์สุข สร้างความเจริญมั่นคงให้แก่ตนเอง ท้ังแก่สังคมและบ้านเมือง อันเป็นที่พึ่งอาศัยได้ ทุกคนจึงควรมีโอกาสท่ีจะศึกษาหาความรู้ได้ ตามความประสงค์และกาลังความสามารถ โดยทว่ั กัน
4 ทรงพระราชดาริว่า หนังสือประเภทสารานุกรมน้ัน บรรจุสรรพวิชาการอันเป็นสาระไว้ครบทุกแขนง เม่ือมีความต้องการ หรือพอใจจะเรียนรู้เร่ืองใด ก็สามารถค้นหา อ่านทราบโดยสะดวกนับวา่ เป็นหนังสือทีม่ ปี ระโยชน์ เกื้อกลู การศกึ ษา เพม่ิ พนู ปญั ญาด้วยตนเองของประชาชนอย่างสาคัญโดยเฉพาะในยามที่มีปัญหาการขาดแคลนครู และที่เล่าเรียนเช่นขณะนี้ หนังสือสารานุกรมจะช่วยคลี่คลายให้บรรเทาเบาบางลงได้เป็นอย่างดี จึงมีพระราชดารัสให้ต้ัง โครงการสารานุกรมไทยสาหรับเยาวชนฯ เพ่อื ดาเนนิ การสร้างหนังสือสารานุกรมฉบับใหม่อีกชุดหนงึ่ มีความมุ่งหมายที่จะนาวชิ าการแขนงต่างๆ ที่ควรศึกษา ออกเผยแพรแ่ ก่เยาวชน ใหแ้ พรห่ ลายท่ัวถึง เพ่อื เยาวชนจักไดห้ าความรู้ ช่วยตัวเองได้ จากการอ่านหนังสือ และเพ่ือให้ได้ประโยชน์อันกว้างขวางย่ิงข้ึน ทรงกาหนดหลักการทาคาอธิบายเรื่องต่างๆ แต่ละเร่ือง เป็นสามตอน หรือสามระดับ สาหรับให้เด็กรุ่นเล็กอ่านเข้าใจระดับหน่ึง สาหรับเด็กรุ่นกลางอ่านเข้าใจได้ระดับหน่ึง และสาหรับเด็กรุ่นใหญ่ รวมถึงผู้ใหญ่ผู้สนใจอ่านได้อีกระดบั หนงึ่ เพ่อื อานวยโอกาสให้บดิ ามารดา สามารถใชห้ นงั สือนนั้ เปน็ เครอ่ื งมือแนะนาวิชาแก่บุตรธิดา และให้พ่ีแนะนาวิชาแก่น้องเปน็ ลาดับกนั ลงไป นอกจากน้ัน เม่อื เรื่องหน่ึงเรื่องใดมีความเกี่ยวพันต่อเนื่องถึงเร่อื งอื่นๆ ก็ใหอ้ ้างองิ ถึงเรื่องนัน้ ๆ ดว้ ยทกุ เร่อื งไป ดว้ ยประสงคจ์ ะให้ผูศ้ กึ ษาทราบตระหนักว่า วชิ าการแตล่ ะสาขา มคี วามสัมพันธ์เก่ียวเนอ่ื งถึงกัน พึงจะศกึ ษาให้ครบถ้วนทวั่ ถงึ พระตาหนักจิตรลดารโหฐาน 7 พฤศจิกายน พุทธศกั ราช 2512
5ประวตั ิความเป็นมาของโครงการสารานกุ รมไทยฯ 1.โครงการสารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ก่อต้ังข้ึนเมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธบิ ดีจักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ทรงพระราชปรารภกับพระยาศัลวิธานนิเทศประธานคนแรก ตงั้ แต่ พ.ศ. 2506 แต่ยังมไิ ด้มีการแตง่ ตงั้ คณะกรรมการดาเนินงาน จนกระทง่ั พ.ศ.2511 จึงมีคณะกรรมการ และได้เข้าเฝ้าฯ ที่พระตาหนักสวนจิตรลดารโหฐาน ต่อมา พ.ศ. 2512คณะกรรมการจึงจัดทาสารานกุ รมไทยฯ เล่มตวั อยา่ งขน้ึ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระราชประสงค์ ท่ีจะให้มีสารานุกรมไทยท่ีคนไทยทา ด้วยความมุ่งหมายที่จะให้เป็นหนังสือที่เป็นประโยชน์ต่อเยาวชน และส่งเสริมให้เยาวชนไทยไดห้ าความรขู้ ้ันพนื้ ฐาน ในเรอ่ื งราวและวชิ าการสาขาต่าง ๆ เปน็ 3 ระดับดว้ ยกัน คือ เดก็รุ่นเล็ก อ่านเข้าใจระดับหน่ึง เด็กรุ่นกลางระดับหน่ึง และเด็กรุ่นใหญ่ รวมท้ังผู้ใหญ่ผู้สนใจอีกระดับหนึ่ง การเขียนบทความแต่ละเรื่อง จึงได้เขียนขึ้นให้ได้ลักษณะที่เหมาะสมสาหรับเยาวชนแต่ละรุ่นและพมิ พ์ไว้โดยใช้อักษรขนาดต่าง ๆ กัน แตล่ ะเรอ่ื งเร่ิมดว้ ยเร่ืองสาหรับเด็กรุ่นเล็กก่อน ถัดไปสาหรับเด็กรุ่นกลาง แลว้ จึงเปน็ เรื่องสาหรับระดับรนุ่ ใหญ่ 2. เร่ิมดาเนินงานใน พ.ศ. 2512 ได้เชญิ คณาจารย์และผู้รู้ในสาขาวชิ าตา่ ง ๆ 7 สาขาวิชา คือวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และส่ิงแวดลอ้ ม สังคมศาสตร์ มนษุ ยศาสตร์ เกษตรศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และแพทยศาสตร์ มาเปน็ กรรมการประสานงาน เพ่ือจดั ทาสารานกุ รมไทยฯ โดยมกี ารร่วมมอื จากวทิ ยากรในสาขาวิชาน้ัน ตลอดจนกรรมการฝา่ ยต่าง ๆ อีกจานวนมาก เช่น ฝ่ายศิลป์ ฝ่ายภาษา ฝ่ายการพมิ พ์จนกระทั่งสารานุกรมไทยฯ เลม่ ที่ 1 ได้จัดพมิ พ์แล้วเสรจ็ ใน พ.ศ. 2516 เปน็ จานวน 10,000 เล่ม และคร่ึงหน่ึงของจานวนพิมพ์ ได้นาทูลเกล้า ฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเพอ่ื พระราชทานให้แก่โรงเรยี น และห้องสมุดต่าง ๆ ทว่ั ราชอาณาจักรตอ่ ไป ส่วนจานวนที่เหลอื ได้นาออกจาหน่ายแก่ประชาชนทว่ั ไป โครงการสารานุกรมไทยสาหรับเยาวชนฯ ได้ผลิตหนังสือสารานุกรมไทยสาหรับเยาวชนฯออกมาแล้วเป็นจานวน 41 เล่ม และขณะนี้ (พ.ศ. 2560) กาลังจัดทาสารานุกรมไทย ฉบับผู้สูงวัย(ฉบับพิเศษ) และจะจดั ทาเลม่ ต่อ ๆ ไป
6 พระราชดารัส เม่ือวนั ที่ 7 พฤศจกิ ายน พทุ ธศกั ราช 2512 พระราชทานแกค่ ณะกรรมการจัดทาสารานกุ รมไทยสาหรบั เดก็ เพอื่ ให้ทราบพระราชประสงค์ด้ังเดิม และสาหรับใชเ้ ป็นแนวทางในการจัดทาสารานกุ รม (คัดมาเฉพาะตอนและข้อความสาคญั เรียงเปน็ ขอ้ ๆ) 1. รู้สึกว่าจุดประสงค์ของการทาสารานุกรมน้ี ทุกคนคงยังไม่ทราบโดยแท้จรงิ ถ้ายังไม่ทราบแท้จริง ก็จะทางานไม่ได้ เพราะยังไม่ทราบว่าจะทาอย่างไร จุดประสงค์ของการทาสารานุกรมสาหรบัเดก็ น้ี มเี หตุผลว่า ในปจั จบุ ันนเ้ี ด็กไมม่ ที ่เี รยี นพอ แลว้ ก็จะไม่มีวนั ทจ่ี ะมีท่เี รยี นพอ 2. ถ้าเราในฐานะผู้มีความรู้คือ อาจารย์ทั้งหลายหวังดี ทาสารานุกรมนี้สาเร็จแล้ว ก็จะได้แพร่หลายออกไป จะเป็นครูอยู่ในตัว และถ้าเป็นครูอย่างนี้ ถ้าเราทาได้ดีก็จะเป็นครูสาหรับเด็กต้ังแต่อายุน้อยถึงอายุมาก แม้แต่ผู้ใหญ่ที่ต้องการทราบความรู้ ต้องการมีความรู้ในสาขาต่างๆ ก็สามารถท่ีจะหาความรู้น้ี ตามปกติควรที่จะให้บิดามารดาเป็นผู้อบรมบุตรธิดา แต่ว่าบิดามารดาเองก็อาจไม่มีความรู้พอ ถ้าอาศัยสารานุกรมได้ ก็จะทาได้ง่ายข้ึน พี่ก็สอนน้องได้ แต่ปัญหาว่ายังไม่มีสารานุกรมอย่างนี้ในเมืองไทย แล้วก็ข้อสังเกตอีกอย่างหน่ึงพวกเด็กๆ ท่ีเป็นอันธพาล มีมากท่ีไม่ใช่เป็นพวกท่ีจนเขาอ้างว่า มีคนจนมากน้ัน ไม่ใช่ คนรวยๆ ลูกคนรวยๆ เป็นอันธพาลแยะ เพราะว่าไม่มีการอบรม ถ้าในบ้านผู้ท่ีมีเงินพอควร ก็จะซ้ือสารานุกรมนี้ได้ ถ้าคนท่ีไม่มีเงิน สารานุกรมน้ีก็นาไปแจกจ่ายตามโรงเรยี นทั่วราชอาณาจักร แล้วยง่ิ มคี วามหวังในทางการเงิน เพราะวา่ สมาคมไลออนส์เขามีการเร่ิมหาเงนิ เพอื่ การนี้ เราจงึ ไมต่ ้องเป็นหว่ งเร่ืองการหาทนุ นกั เพราะวา่ เช่อื ว่าจะมที ุนพอ แม้จะราคาแพงก็จะมพี อ 3. ปัญหาอยู่ที่ว่า ทาอย่างไรจะให้สารานุกรมน้ีเป็นหลัก เป็นครูได้ เป็นผู้ช่วยบิดามารดา ให้บดิ ามารดาสามารถเปน็ ครู ใหร้ ุ่นพ่ีเปน็ ครู สามารถสอนรนุ่ น้อง วธิ ีการเหตผุ ลอนั แรกก็คือ สารานกุ รมนี้จะต้องเป็นตาราที่แสดงให้เห็นว่า วิชาทุกสาขา ทั้งทางสังคมศาสตร์ และทางวิทยาศาสตร์ ทั้งทาง
7อ่ืนๆ ด้วย ท่ีเป็นศาสตร์ท้ังนั้นสัมพันธ์กันหมด จึงได้ต้ังนโยบายเอาไว้ว่า แบ่งเป็นสาขาต่างๆ เป็นส่วนๆ ด้านวิทยาศาสตร์ก็แบ่งเป็นส่วนๆ ด้านสังคม ด้านประวัติศาสตร์ ด้านศิลปะแบ่งเป็นส่วนต่างๆแต่ว่าให้รู้ว่า ส่วนต่างๆ เหล่าน้ีมันสัมพันธ์กัน ถ้าในแขนงใด หรือหัวข้อใด ท่ีจะต้องอาศัยหัวข้ออื่นแทนท่ีจะเขียนซ้าในหัวข้อน้ัน ก็บอกว่า ให้ไปดูหัวข้ออ่ืนตามลาดับที่ท่ีจะบอกให้ดูหน้านั้นๆ หรือข้อนน้ั ๆ 4. วิธีวางเรื่อง ให้แบง่ เปน็ 3 สว่ นสว่ นแรก ต้องพมิ พ์เป็นตวั โตสาหรับให้เดก็ อา่ นได้อนั ท่สี อง เปน็ หวั ขอ้ ขยายสาหรบั เด็กอายมุ ากข้นึ หน่อย อายสุ บิ สองถึงสิบสี่ขอ้ ทีส่ าม กเ็ ปน็ เร่อื งจริงๆ สอนเด็กโต อายเุ กนิ สิบหา้ ขึน้ ไป มีคาพดู ที่ยากพอใช้ แลว้ กอ็ ธบิ ายถึงที่เป็นประโยชน์ต่อเด็กสิบห้าข้ึนไป จนกระท่ังผู้ท่ีเป็นผู้ใหญ่ ท่ีแม้แต่จะเข้ามหาวิทยาลัย หรือถึงข้ันพ่อแม่ที่ไมใ่ ชเ่ ปน็ ผูท้ ีเ่ ข้ามหาวิทยาลยั จะไดส้ อนลกู ตอ่ ไป 5. สารานุกรมที่ไมใ่ ชว่ ิทยานิพนธ์ การเขียนน้ไี ม่ใช่งา่ ย ตอ้ งสัมพนั ธ์กนั ว่า ในเรอ่ื งน้ี ควรจะไปดูในหัวข้อนั้นๆ อันนี้สาคัญท่ีสุด เป็นจุดประสงค์ เป็นนโยบายอยา่ งหนึ่ง ท่ีจะให้เวลาไปเปดิ ในข้อไหนแล้วมีว่า ข้อน้ีให้ชวยคิดไปอย่างอื่น ให้ชวนคิดไปในข้อนั้นๆ ถ้าอยากทราบเพ่ิมเติม ก็ไปดูในสาขาอื่นอาจจะไปแขนงอืน่ หรอื กอ็ าจอยใู่ กล้เคียงกัน 6. สารานกุ รมนท้ี ี่จะทานไี้ ม่เหมือนกนั บุคออฟโนวเลดจ์ท่ีเคยยกตวั อยา่ ง ไม่เหมอื นซิลเดรนส์เอนไซโครปิเดีย แต่เคยบอกให้ น่ีความคิดใหม่อาศัยหลักสองหลักน้ีว่า เด็กตั้งแต่อายุ 8 ขวบ จนถึงอายุ 60 ขวบ อา่ นได้มีประโยชน์ได้ ตามความสามารถ นีแ่ หละหลกั หนึ่ง/เป็นขนั้ สามขั้น แลว้ กอ็ กี หลักหน่ึง/ให้ทราบวา่ หลักวิชาต่างๆ เป็นทางไหนก็ตาม ในด้านวิทยาศาสตร์ หรือในด้านศิลปะ มันโยงกันหมด ชีวิตของเราต้องโยงกันหมด ทั้งในด้านกฎหมายก็มีเศรษฐกิจก็มี อะไรพวกนี้โยงกันหมด ถ้าโยงกันหมดแล้ว ฉันเช่ือวา่ สารานกุ รมนี้อาจจะช่วยชาติใหร้ อดพ้นได้ 7. ลา่ ช้าไมว่ ่า เพราะร้ดู ีวา่ แมจ้ ะให้เวลาอกี หกเดือน (จากเดือนพฤศจิกายน 2512) เพราะว่าจะต้องปรับปรุงที่เขียนไว้ แล้วก็ต้องปรับปรุงอีก แล้วก็จะต้องให้คนอื่นดู อย่างของแต่ละคน ต้องให้อีกคนหนึ่ง ท่ีรู้พอควรในหลักวิชาน้ัน ดูในสายตาของเขาแล้วก็ติ ถ้าติแล้วอย่าโกรธ อย่างฉันพูดน่ีผเู้ ขยี นจะไมโ่ กรธ 8. ส่วนรูปท่ีจะประกอบก็เป็นรูปเขียนบ้าง รูปถ่ายบ้างก็เห็นด้วย จะต้องพยายามเลือกที่เหมาะสมจานวนพอควร ขนาดก็มีใหญ่บา้ ง เล็กบ้างได้ ไม่ใช่จะมาเรยี งแถวเปน็ ทหาร ส่วนมากหนงั สือ
8ท่ีทา ชอบที่จะใส่เป็นเรือ่ งแถวทหารให้ขนาดเท่ากันหมด ไม่ต้องใส่เป็นท่ีเห็นต่างๆ ได้ขนาดเล็กขนาดใหญ่ทง้ั นนั้ รปู สีบ้างรูปเขียนบา้ ง น่ีไมข่ ัดขอ้ ง 9. ภาษาก็ตอ้ งตรวจ ชว่ ยกันตรวจ ไมใ่ ชเ่ สร็จแล้วก็ส่งไปให้พวกภาษาตรวจ บางทกี ็ไม่รู้ภาษาเทคนิคบางอย่าง ก็ไม่กล้าที่จะแก้บ้าง เดี๋ยวจะทาให้โยนกันไปโยนกันมาเสียเวลา แต่ว่า ก็พยายามท่ีจะให้ใส่ภาษาให้เข้าใจ โดยเฉพาะภาษาเด็ก ต้องนึกถึงว่า ตัวเองน่ีเข้าใจ และมีความรู้แก่เด็กอายุ 12ปี ก็ไม่ได้ประสบอะไรมากมาย คาใหม่ๆ ก็ใส่เข้าไปได้ แต่ว่า ต้องอธิบายคาใหม่ๆ ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีประโยชน์ คาใหม่ๆ ทเ่ี ขา้ ไปกค็ วรมอี ธบิ าย 10. เรื่องที่จะเป็นเล่ม การพิมพ์ก็จะต้องปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง ไม่ต้องรีบร้อน ถ้าทาเสร็จชา้ ไปปีกวา่ (คือชา้ ไปจากปี 2512 อีกปกี วา่ ) ก็ยังดี ขอให้ทาให้ดี 11. แบง่ เปน็ สองเลม่ สามเล่ม ส่ีเลม่ กี่เลม่ เท่าทีจ่ ะขนาดจะสวยงามอย่างเหมาะสมกบั การใช้ถ้าเรากะบอกว่าสองเล่ม หนาเท่านั้น เดี๋ยวเกิดอาจารย์โน้นขอเพ่ิมน่ีหน่อยก็ผิดส่วน เดี๋ยวสองเล่มไม่เท่ากนั เกิดปญั หายงุ่ ขึ้น กจ็ ะไม่สวยจะไม่ดี 12. ในการเขียนสมมติว่า คนหน่ึงมีในสาขาที่ตนได้รับมอบหมายจะไปพาดพิงในสาขาอ่ืนๆจงขอพบทา่ นผนู้ น้ั ท่ีเก่ียวข้อง ให้ประชมุ กนั เป็นครงั้ คราว และเหน็ วา่ ท่ีคร้ังนี้จะเขียนอย่างนี้ ทางโน้นเขาจะเขียนในด้านประวัติศาสตร์นะ ก็ตกลงกันได้ แล้วก็จะได้โยนกัน แล้วก็ประชุมใหญ่ทุกสาขาพร้อมกัน ก็นานๆ ที ก็ตอ้ งมีจะไดป้ รบั ความเข้าใจ ประสานงานกัน 13. งานสารานกุ รมนเี่ ปน็ งานยาก แตถ่ ้าสาเรจ็ แลว้ จะเป็นประโยชนใ์ หญ่หลวง 14. สารานุกรมนี้เป็นสารานุกรมในทางที่ประสาทความรู้แก่ทุกคน รวมวิชา ทาให้เกิดความก้าวหน้า เปน็ สารานุกรมสาหรบั ทกุ อายุอเนกประสงค์ 15. สารานุกรมน้จี ะตอ้ งเสียเงินแยะ คา่ พิมพจ์ ะแพงเปน็ ส่วนๆ แต่หาได้ ไลออนสห์ าไมไ่ ด้ ฉันหาได้ ถา้ ตอ้ งไปขดู รีดก็ยอมขดู รีด ได้แน่ 100% ไมอ่ ยากขอฝรง่ั ดว้ ย เป็นสารานกุ รมไทย ความคิดไทย
9 พระราชดารัส พระราชทานในงานวันโครงการสารานกุ รมไทยสาหรับเยาวชน ฯ ณ โรงแรมไฮแอท เซน็ ทรัลพลาซ่า เม่ือวนั ท่ี 5 พฤศจกิ ายน พุทธศกั ราช 2526 วันน้ีเป็นรายการของโครงการสารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน แต่ก็มาเลี้ยงแบบฝร่ัง จึงไม่ทราบว่า ท่ีจะให้พูดนี้ จะให้พูดแบบฝรั่งหรือแบบไทย แต่ต้องขอเข้าใจว่า จะเป็นค่อนข้างแบบฝร่ังเพราะอาหารกฝ็ รัง่ ก็ขอใหไ้ ดน้ งั่ ลงไปทเี่ ดิม เพราะวา่ จะได้สะดวกกว่า ทาตามธรรมเนยี มของฝร่งั ที่บอกว่าสับสน เพราะว่าถ้าเป็นแบบของฝร่ัง เวลามีการเลี้ยงเช่นนี้ จะต้องมีสุนทรพจน์ คือว่า โดยมากคนมานั่งกินเล้ียง ก็เพ่ือประสงค์อะไรอย่างหนึ่ง โดยมากก็ประสงค์ท่ีจะมาฟังสุนทรพจน์ซึ่งเขาทากันแพร่หลายในต่างประเทศ แตค่ ราวน้ีสาหรับในงานเล้ียงของโครงการ ก็ได้แจง้ จุดประสงค์คือ อาจารย์สาเภาได้แจ้งจุดประสงค์ในข้อส่ีว่ามา สาหรับอันน้ีแปลนะ แปลความของอาจารย์สาเภาว่า มาสาหรับมาปลาบปลื้มในโครงการว่า ดาเนินมาถึง 15 ปี และได้มีผลดี คือ ดูผลงานว่า เราได้ทามาถึง 15 ปีแล้ว และมีผลงานที่ได้ออกไปนับเป็นประโยชน์สาหรับเยาวชน และผู้ท่ีไม่ใช่เยาวชนด้วยได้มีความรู้ ได้รับส่ิงที่ตัวไม่รู้หลายอย่าง บางทีก็นึกว่ารู้แล้ว ไปเปิดสารานุกรมก็ได้ความรู้เพิ่มเติมฉะนั้น จุดประสงค์ของการจัดงานนี้ ก็มีที่จะมาปลาบปลื้มว่า งานดี งานมีประโยชน์ และข้อที่สอง ที่จัดงานนี้ ก็เพ่ือท่ีจะมารับ หรือรับรู้ว่า มีผู้บริจาคในการน้ี เพ่ือสนับสนุนงานสร้างสารานุกรม ฉะนั้นก็สรุปว่า งานน้ีมีจุดประสงค์ 2 อย่าง แต่มานึกๆ ดู ก็มีจุดประสงค์เพ่ิมขึ้นอีกบางอย่าง เพราะตามที่อาจารย์สาเภาได้รายงานวา่ พอใจที่ได้มีท่ปี รึกษาพเิ ศษ คอื สมเด็จพระเทพฯ มาเป็นท่ปี รึกษาพิเศษ ก็เลยได้ปรึกษาท่านท่ีปรึกษาพิเศษของโครงการว่า ถ้าเขาขอให้มีสุนทรพจน์ควรจะพูดอะไร ท่านท่ีปรึกษาก็ได้ให้คาปรึกษาว่า ควรที่จะบอกว่า โครงการนี้มีประโยชน์มาก แล้วก็มีคนชมคือ ชาวต่างประเทศก็มาชม บอกว่าโครงการน้ีไม่มีในโลก แบบน้ี ท่ีทางานกันอย่างอุตลุดแต่ว่าไม่เอาสตางค์
10ถ้าเอาสตางค์อย่างท่ีเอาเม่ือกี้ ก็เอามาสาหรับกิจการโดยตรง ไม่มีรั่วไหล ฉะน้ัน ส่ิงหน่ึงที่เราควรช่ืนชมมากก็คือ การที่เราทาส่ิงหน่ึงที่พิเศษ ท่ีไม่เหมือนที่ไหนในโลก จึงสมชื่อที่ว่า เป็นโครงการสารานกุ รมไทย เพราะว่าเปน็ แบบไทย การเลี้ยงวันน้ีก็ว่าได้ว่า เป็นเลี้ยงแบบไทย ท่ีว่าเล้ียงแบบไทยน้ีเห็นได้ชัด เพราะว่าโดยมากเวลาเลีย้ งกันในต่างประเทศ ที่ไหนกต็ าม เวลามกี ารเล้ยี งนะ มเี สียงดังโฉ่งฉา่ งๆ ตลอดเวลา จนกระทั่งถึงเวลามดี นตรีก็ไม่ได้ยินดนตรี อย่างเมื่อตะกี้มดี นตรี กฟ็ ังดนตรไี ดย้ ิน แต่นา่ ฉงนนดิ หนอ่ ยวา่ ตอนต้นทาไม อาจจะเพราะว่ากล่อมอย่างดีมากเกินไป ทาให้ง่วง เลยไม่มีใครรับรู้ว่ามีดนตรี เวลาข้ึนมาเป็นเพลง \"สายฝน\" จบแลว้ ก็เกดิ ตบมอื ขึ้นมา อันนไี้ มท่ ราบว่า เพราะเพลงน้ันเพราะ หรือร้องดี หรือเสียงดัง หรอื อะไร ทาให้มกี ารตบมือ เปน็ ความชนื่ ชมในเพลงนน้ั แต่เดาเอาว่า เพราะวา่ ดใี จท่ีฝนตก ถ้าฝนไม่ตก น้าก็เน่า ถ้าน้าเน่าก็ไม่ถูกสุขลักษณะ ถ้าฝนลงมา อย่างน้อยมีน้าใหม่ มาช่วยให้บรรเทาความเดอื ดรอ้ น อันนี้กต็ ีความเอาอกี ไมท่ ราบว่าถูกต้องหรือไม่ถกู ต้อง จึงมีการตบมือ ต่อจากนั้น เมอ่ื ตบมือเพลงหนึ่งแล้ว ก็ต้องตบมือต่อไป หากว่าตบมือต่อไปแล้ว เม่ืออาหารตกลงไปแล้ว ก็คงรู้สึกเกิดง่วงข้ึนมา ดนตรีเสียงดังเท่าไหร่ๆ ก็ไม่เห็นตบมือ หรือลืม หรือยังไงไม่ทราบ อาจจะสบาย หรือเพลงมันเพราะ กเ็ ลยทาใหห้ ลับ เลยไม่ตบมอื คณุ วิรชั ก็ชักจะน้อยใจ แตว่ า่ ทีหลงั ก็มีการตบมือเป็นการชื่นชมก็คงพอใจแลว้ ก็เป็นอันว่า วันน้ีได้เห็นส่ิงท่ีแปลก แปลกประหลาด คือว่า สาหรับเรา เราเข้าใจกันดีเพราะว่าเวลาเราอยดู่ ว้ ยกัน แล้วกเ็ ลี้ยงกนั คนไทยโดยมากก็ไม่ถือว่าต้องมีมหรสพ เพราะวา่ โดยมากก็ตัวเองเป็นมหรสพ เวลามาสังสรรค์กัน มาในงาน ทุกคนจะต้องมีบทบาท ท้ังชาวบ้านชาวนา เวลาเขาเก็บเกี่ยวแล้ว เขาก็มีการละเล่น มีการมาชุมนุมกัน คนสมัยใหม่ตาหนิติเตียนว่า คนไทยนี่ฟุ่มเฟือยอย่างเช่น เวลาเก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว ก็มีงานมาชุมนุมกัน มาเล่นสนุกสนาน เขาว่าฟุ่มเฟือย หรือเวลาบวชนาค ก็ทาอย่างเอิกเกริก มาเลี้ยงกันใหญ่ หรือในงานอื่นๆ ต้ังแต่เกิดจนกระท่ังถึงงานแต่งงาน จะกระทั่งมีลูกมีเต้า จนกระทั่งตาย ก็ต้องมีงานเอิกเกริกทุกครั้ง ซ่ึงเขาบอกว่าฟุ่มเฟือย แต่แท้จริง ถ้าว่าไปก็ไม่ฟุ่มเฟือย เพราะว่าแต่ละคนท่ีมาในงานถ้าเป็นไทยแท้ หรือตามประเพณีแท้ ก็มาช่วยคนละไม้คนละมือ ไม่ได้ฟุ่มเฟือยมาก เพราะอาหารก็นามา แล้วการแสดงมหรสพต่างๆ ก็ทากันเอง มิได้ต้องสิ้นเปลืองแต่ประการใด อันน้ีโดยมากคนก็ไม่นึก เพราะสมัยใหม่ คนสมัยใหม่เวลามีงานก็จะต้องฟุ่มเฟือย ก็จะต้องเช่าที่ จะต้องมีการแสดงที่จะต้องเสียทรัพย์มากมาย แต่ว่าถ้าทาแบบไทยเดิมของเรา ดัดแปลงเล็กน้อย สาหรับให้เข้ากับสภาพของสมัยนี้ ส่ิงของในสมัยนี้ คืออุปกรณ์อะไรต่างๆ หรือสถานการณ์ ดัดแปลงเล็กน้อย แต่ว่าทาแบบไทย ก็ไม่ใช่เร่ืองว่าจะต้องแสดงว่า รักชาติหรือหวงแหนชาติ เท่าน้ันเอง แต่จะต้องเห็นว่า ความเป็นอยู่ของเรา เรามีของที่ดีๆ ถ้าไปล้มเสีย ก็เป็นความน่า
11เสียดาย และย่ิงกว่าสิ่งท่ีย่ิงกว่าน่าเสียดาย คือ จะเป็นความหายนะของเรา เราอยู่ได้ ก็เพราะว่าเรามีความคิด และสิ่งที่สาคัญท่ีสุดอย่างที่พูดถึง งานร่ืนเริง แต่ละคนก็มีส่วน แต่ละคนช่วยกัน ถ้าพูดแบบโอวาทก็เป็นว่า มีสามัคคีช่วยเหลือเก้ือหนุนซึ่งกันและกัน แต่ถ้าพูดธรรมดาก็หมายความว่า คนไทยนี้รักกัน มีเมตตากัน ฉะนั้น เมื่อมาในงานนี้เป็นการฉลองโครงการสารานกุ รมไทยสาหรับเยาวชน คาวา่\"ไทย\" ก็เปน็ สงิ่ ที่สาคญั คราวนีม้ าถึงเยาวชน คาว่า \"เยาวชน\" เยาวชนกม็ ีเยาวชนสองคนท่อี ยู่ขา้ งซ้ายและอยู่ขา้ งขวาน่ี ก็เร่มิ ท่านทอ่ี ยู่ข้างขวานี้ ท่านก็เคยเป็นเยาวชน แลว้ กเ็ ข้ารับราชการตามท่ีอาจารย์ระวีไดร้ ายงานว่าเข้ารับราชการวันท่ี 2 เมษายน อันเป็นวันที่เยาวชนที่อยู่ข้างซ้ายได้เร่ิมรับราชการเหมือนกัน คือหมายความว่า เกิดวันที่ 2 เมษายน ก็หมายความว่า เยาวชนสองท่านน้ี มีอะไรที่เหมือนกัน ท่ีคลา้ ยคลึงกัน จึงได้มาเปน็ ประธานท่านหนงึ่ มาเป็นทีป่ รึกษาพิเศษท่านหนงึ่ ฉะนน้ั วันนกี้ ็เรม่ิ ดว้ ยทา่ นเจ้าคุณศัลวิธาน ซึ่งได้มีการสดุดีมาแล้ว ซ่ึงทุกคาในคาสดุดีนั้น เราควรจะฟังเอาไว้ แล้วก็ถือว่า มีความสาคัญ เพราะว่าชีวิตท่านเป็นประโยชน์มาตลอด จนถึงแม้เม่ือค่าวันนี้ ท่านก็มาทาหน้าท่ี สมุหพระราชมณเฑียร เวลา 18 นาฬิกา ซ่ึงเป็นเวลาได้รับทูตานุทูตต่างประเทศมาถวายพระราชสาสน์ ก็ได้มาทาหน้าท่ีเป็นสมุหพระราชมณเฑียร นาทูตเข้ามา ถามว่าท่านเหน่ือยหรือเปล่า ท่านบอกนิดหน่อย หมายความว่า ท่านต้ังใจทางานอย่างดีที่สุด แม้จะเป็นผู้ที่มีอายุถึง 93 ปี เป็นตัวอย่างสาหรับพวกเราทุกคน ซ่ึงมีอายุน้อยกว่าท่านว่า งานจะหนักจะเบาแค่ไหน เราต้องทาด้วยความต้ังใจ ด้วยความขยันหม่ันเพียร ด้วยความแน่วแน่ แม้จะอายุมากบอกว่าแก่แล้ว เม่ือยหรือเหนื่อย เราก็ต้องทาฉะนั้น การที่ได้สดุดีท่านว่า เป็นตัวอย่าง ก็ขอให้รับเป็นตัวอย่างจริงๆ ไม่ใช่พูดแต่ปาก การที่ท่านอุตส่าห์ทาหน้าท่ีทุกทาง ท้ังในด้านวิชาการ ทั้งในด้านพิธีการ ทั้งในด้านเป็นอาจารย์ ท่านได้ทาครบถ้วน และยังคงทาต่อไปอีก ถามท่านว่ายังทาต่อไปไม่เลิกหรืองานน้ี ท่านบอกว่าไหว ทาได้ ท่านไหวเรากต็ อ้ งไหวเหมือนกัน ฉะนน้ั สาหรับทา่ น เราก็ได้สดุดีท่าน และยกย่องท่าน เพือ่ ใคร ก็เพ่ือพวกเรา ใหพ้ วกเราสามารถที่จะทาหน้าทีง่ านการใหด้ ีทสี่ ดุ คราวนี้มาถึงเยาวชนท่ีอยู่ข้างซ้าย มีความสาคัญ ไม่ใช่เพราะว่าเป็นลูก แต่มีความสาคัญเพราะว่าเปน็ ตัวตง้ั ตัวตอี ย่างหนึ่งคนหนงึ่ ของการสร้างโครงการสารานุกรมสาหรับเยาวชน ซง่ึ ในระยะนัน้ เขา้ ใจวา่ ไม่ค่อยรู้เร่ืองนัก แต่ว่าเปน็ คนๆ หนงึ่ ทท่ี าให้เกิดความคิดของการสร้างสารานุกรมในรูปที่เป็นอยู่ในปัจจุบนั คอื มขี ้นั ความรูใ้ นวชิ าการแตล่ ะวิชา 3 ขั้น ข้นั หนึง่ ทเี่ ปน็ ตัวหนงั สือตวั โตๆ เหมือนตัวโตๆ ท่ีบนสูจิบัตรน้ีว่า โครงการสารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน คนท่ีสายตาไม่ค่อยดีจะได้อ่านได้หรืออีกอย่างหน่ึง สาหรับผู้ที่กาลังเรียนการอ่าน ก็หมายความว่า เด็กๆ ท่ียังเพ่ิงเริ่มอ่าน ก็จะได้อ่านได้สะดวก ดังนน้ั สาหรบั ในสารานุกรมกจ็ ะได้เห็นวา่ มตี ัวหนงั สือตัวโตๆ แลว้ ก็อา่ นงา่ ยๆ สาหรับเด็กๆ
12ท่ีเริ่มอ่านหนังสือ ก็เป็นการทาให้เด็กท่ีข้ีเกียจเรียน ได้เกิดมานะอดทนในการเรียน เพราะว่าเกิดเห็นอะไรๆ ท่ีแปลก มีรูปสวยๆ แล้วก็มีตัวหนังสือตัวโตๆ พออ่านได้ ขั้นสอง ก็ตัวหนังสือเล็กลงไปหน่อยแลว้ ขอ้ ความก็อาจจะยากข้ึนนิดหน่อย ก็สาหรับเดก็ ที่มีความสามารถที่จะอา่ นไดด้ ีข้ึน หรือสาหรับคนทีม่ สี ายตาทพี่ อดขี นึ้ หนอ่ ย ไมใ่ ชส่ ายตาที่ดูอะไรแลว้ พร่า เหมือนตวั หนังสอื ทีม่ บี นปกของสูจบิ ัตรท่ีมีคาว่า โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วก็ขั้นท่ีสาม ก็มีตัวหนังสือตัวเล็กๆ และเปน็ วิชการทล่ี ะเอยี ด สาหรับผูท้ ี่มสี ายตาที่ดี หรือใสแ่ ว่นตาทีเ่ หมาะสม บอกไมไ่ ดว้ า่ เขยี นอะไร เพราะอ่านไม่ออก เพราะว่าตัวเล็กเกินไปเลยไม่อ่านว่าตรงไหน แต่หมายความว่าท่ีๆ เป็นข้อความท่ีอยู่ข้างใน เปน็ 3 ขัน้ อยา่ งน้ี กเ็ ป็น 3 ขน้ั อายุ สาหรับตัวโตๆ น้ัน เดก็ อายถุ งึ ประมาณ 10 ขวบ 11 ขวบ ก็จะอ่านได้ ซ่ึงในขณะน้ัน เม่ือ 15 ปี ลูกสาวคนเล็กก็อายุขนาด 11 ขวบ สาหรับตัวหนังสือที่เป็นกลางๆหรือตัวเลก็ กวา่ หน่อย วชิ ามากขนึ้ กส็ ามารถที่จะใหเ้ ด็กโตขึน้ อายุ 13 - 14 ไดอ้ า่ นได้ กค็ ือ ลกู สาวคนรองข้ึนมา สาหรับวิชาท่ีสูงข้ึนไป ก็สาหรับผู้ที่มีอายุมากข้ึน คือ อายุ 16 - 17 ในขณะนั้นลูกท้ัง 4 คนมีอายุลดหลั่นกันเป็นลาดับขนาดน้ัน จึงทาให้เกิดความคิดว่า ถ้าเราทาสาเร็จ โครงการนี้จะเป็นประโยชน์สาหรับลูก อันน้ีเป็นประโยชน์ส่วนตัวของโครงการ เพราะว่าเริ่มมาเม่ือ 15 ปี ถ้าเสร็จภายใน 2 ปีก็จะเป็นประโยชน์ เพราะว่าลูกคนโตอ่านหนังสือ แล้วก็จะสอนลูกคนถัดมาได้ ลูกคนถัดมากจ็ ะสอนลูกขนาดนอ้ งท่ีเลก็ ๆ ได้ ฉะนั้น เริ่มต้นของโครงการสารานุกรมเพ่ือเยาวชนนี้ ก็ขึ้นมาจากประโยชน์ส่วนตัว หรือประสบการณ์ส่วนตัว ที่จะให้ลูกได้มีหนังสือท่ีจะเป็นประโยชน์ แต่ว่าโดยที่โครงการนี้ ทาแล้วใช้เวลานานกว่าที่คาดคิด เลยทาให้ผู้ท่ีควรจะได้รับประโยชน์ในตัวหนังสือตัวโตๆ หรือตัวบราห์ม กลับต้องมาอ่านตัวหนังสอื ของตวั เลก็ ๆ และเป็นผู้ท่ีต้องให้คาปรกึ ษากับกรรมการ ท่ีสร้างสารานุกรม ก็ขอรับรองว่า คงเป็นท่ีปรึกษาท่ีมีคุณภาพ เพราะว่าตะกี้ปรึกษา ก็ได้คาปรึกษาท่ีดี ที่เป็นประโยชน์ ทาให้สามารถที่จะพูด แล้วก็ถึงถามเขาว่า ในกาหนดการ ก็เพ่ิงได้เห็นกาหนดการว่า จะต้องมีการพูดการกล่าว ก็ถามว่าควรจะมีสุนทรพจน์หรือเปล่า ก็ได้คาตอบว่า ควรจะมีสุนทรพจน์ จึงกล่าวกับท่านท้ังหลายอย่างน้ี ซ่ึงท่านทั้งหลายผู้ที่ได้บริจาคเงินสาหรับสนับสนุนโครงการน้ี มาในงานเลี้ยงนี้ ก็จะต้องไดค้ า่ ตอบแทน คอื ได้อาหารอย่างหน่ึง แลว้ กไ็ ดม้ หรสพ ได้ฟังดนตรี แล้วกต็ ามแบบฝร่ัง ก็ต้องมาฟังสุนทรพจน์ ทีนี้ท่านผู้บริจาคก็ได้ไปแล้ว ท้ังอาหาร ท้ังดนตรี ทั้งสุนทรพจน์ ส่วนท่านผู้ที่เป็นนักวิชาการมาในงานน้ี ก็เพ่ือมาปลาบปลื้มในงานของตน ท่านผู้ที่เป็นนักวิชการนี้ก็น่าชมมากเพราะว่าได้อุทิศทุ่มเทเวลาของตัว และอาจจะกาลังกายของตัวด้วย นอกจากกาลังความคิด แม้จะกาลังทรัพย์ก็ทุ่มเทเหมือนกัน ตามธรรมดาผู้ท่ีทาอะไรก็หวังประโยชน์หวังตอบแทน ท่านผู้ที่เป็นนักวิชการในโครงการน้ี ไม่มีสักคนท่ีหวังตอบแทน อันนี้ที่ทาให้คนที่ไม่รู้จักพวกเราฉงน นึกว่าใครละที่จะทางานฟรีๆ ไม่มีใคร แต่ก็ปรากฎมาแล้วว่า ทางานด้วยความเข็มแข็ง ตั้งใจ เพื่อท่ีจะให้ความคิดของ
13โครงการสารานุกรมไดบ้ รรลผุ ล และไมใ่ ชเ่ ทา่ น้ี เปน็ การทจี่ ะทาให้อนุชนรุ่นหลัง ไดม้ โี อกาส มหี นังสือที่จะขัดเกลาจิตใจเขา เสริมสร้างวิชาการของเขา ให้เป็นคนท่ีมีความสามารถ มีความดี สามารถที่จะก่อตง้ั หรือรักษาสังคม รักษาความเป็นไทยของเราไดต้ ลอดไป ขอเล่าถึงความรู้สึกที่มีตอนหน่ึง เวลาไปแจกปริญญา คราวที่แล้วก็เป็นของสถาบันเทคนิคพระจอมเกล้า น่ังๆ ดู น่ังๆ แจกปริญญา คิดๆ อยู่ว่า ผู้ท่ีนั่งอยู่ข้างล่าง ที่ข้ึนมารับปริญญานี้ เด็กๆกวา่ เราท้ังนัน้ แมจ้ ะอาจารยม์ ากหลายคน ส่วนใหญก่ ็เด็กกว่าเราทงั้ น้ัน เราก็อายุมากขนึ้ แลว้ เราก็อยู่ค้าฟ้าไม่ได้ พวกที่มารับปริญญานี้ หรือผู้ท่ีอายุน้อยกว่าเรา ก็ต้องรับมรดก รับส่ิงที่มีอยู่ในประเทศเดย๋ี วนี้ แล้วก็รกั ษาไว้ และเสรมิ สรา้ งต่อไป ความจรงิ เราทาหนา้ ที่แล้ว สรา้ งขึน้ มาแล้ว ก็เป็นเร่ืองของอนุชนรุ่นหลัง ที่จะรักษา แต่ถ้าไม่มีอุปกรณ์ หรือไม่ได้ฝึกฝนอบรม ไม่ได้ขัดเกลา เขาจะรับหน้าท่ีเหล่าน้ีไม่ได้ ถ้ารับหน้าท่ีเหล่าน้ีไม่ได้ ทั้งวิชาการ ทั้งคุณธรรม ไม่มีคนอ่ืนท่ีอาจจะมีความเฉลยี วฉลาดมาก ก็อาจจะมาสวมรอยเอาไปจากผู้ที่ควรจะได้รับ แล้วก็จะเป็นส่ิงท่ีน่าเสยี ดายที่สุด เพราะว่าเราได้สร้าง เราคือประชาชนในเมืองไทย ที่ได้มีอายุมากในปัจจุบัน หรือที่ล่วงลับไปแล้ว ได้สร้างขึ้นมา ให้ถ่ายทอดไปถึงอนาคตต่อไป อนุชนรุ่นหลังก็ต้องถ่ายทอดบ้าง ฉะนั้น โครงการสารานุกรมนี้ก็เป็นอุปกรณ์อย่างหนึ่ง สาหรับให้สามารถถ่ายทอดความรู้ นอกจากความรู้ ก็วัฒนธรรม และคุณธรรมต่างๆ ให้แก่ผุ้ท่ีจะมาภายหลัง ถึงว่างานนี้ดูจะเป็นงานท่ีแปลกท่ีว่า ทาไม 15 ปีแล้ว ยังทาต่อ แล้วที่บอกว่าเดิมจะทา 12 เล่ม เดี๋ยวนี้ก็เห็นว่า จะต้องทามากกว่า ความจริงนั้น อาจารย์สาเภาไม่ได้บอกเดิมกะไว้ให้มี 4 เล่มเทา่ นนั้ เอง แต่ว่าเมือ่ ถงึ 4 เลม่ แล้วไมพ่ อ ตอ้ งมมี ากข้นึ ๆ ฉะนนั้ เดย๋ี วนจ้ี ะพูดกันได้ว่า ถ้าเราคิดจะทาก็คงไม่จากัดจานวนเล่ม คงจะทาไปเร่ือยถ้าไม่เบื่อ ถ้าผู้ที่สร้างสารานุกรมน้ีไม่เบ่ือในงาน แต่เข้าใจว่าไม่เบื่อ เพราะแสดงมาแล้ว พิสูจน์มาแล้วว่า ยังคงมีความกระตือรือร้นมากเท่ากับตอนต้น หรือจะมากกว่าตอนต้นด้วยซ้า แล้วเม่ือได้มาประมวลความสาเร็จที่มีมาถึงบัดน้ี ก็คงต้องมีกาลังใจได้วา่ ตอ่ ไป ทาต่อไป จะมปี ระโยชน์ย่ิงๆ ตอ่ ไป และข้อสาคัญ เราทาแบบของเรา มิได้ทาตามแบบของท่ีไหน เราอาจจะไปดูว่า ในต่างประเทศเขามีสารานุกรมสาหรับเยาวชนแบบไหน มีมากหลายๆ ชนดิ แลว้ ก็เราเอามาเปน็ ตัวอย่างได้ แต่ของเราเอาจากตวั อย่างบ้าง และมาดัดแปลงบา้ ง ซึง่ ก็ได้ผลดีแล้ว เป็นที่นิยมของเยาวชนไทย ในโรงเรียนต่างๆ ที่ได้รับสารานุกรมนี้ ก็เห็นว่าแย่งกันอ่านแย่งกันดู สนใจจริงๆ แต่ไม่ใช่ว่าแย่งกันอย่างป่าเถ่ือน แย่งกันอย่างดี ทะนุถนอม คล้ายรู้ว่า หนังสือน้ีถ้าแยง่ กันอย่างไม่ทะนุถนอม ก็ฉกี ขาดเสียประโยชน์ไป หมายความว่าจะบอกได้ว่า โครงการน้ีได้ผลดีได้ผลดีขึ้นมาด้วยการร่วมมือกันทา ท่านทั้งหลายผู้ท่ีเป็นวิทยากรคือเขียน และผู้ที่ขัดเกลา ผู้ที่เรียง ผู้ที่ทาธุรการ ผู้ท่ีสนับสนุนในทางทรัพย์ เพ่ือที่จะให้บรรลุผลได้ก็ต้องเอ่ยถึงผู้ที่พยายามหาทุน คือพวกกรรมการหาทุน ซ่ึงทางานอย่างเข็มแข็ง พยายามที่จะให้คนเข้าใจและยินดีบริจาค ฉะนั้นก็สรุปได้ว่างานในวนั น้ีก็คงไดผ้ ลดี เพราะว่าได้มาพบกนั แลว้ ก็ไดเ้ หน็ ความสาคญั ของโครงการ
14 ที่จริงไม่ได้ต้ังใจท่ีจะพูดมากมาย เพราะว่าคราวก่อนๆ นี้ในงานของสโมสรไลออนส์ เขาเชิญไปเลี้ยงคร้ังแรก ก็ได้พูดถึงโครงการสารานุกรม แล้วได้แจ้งนโยบาย ก็รู้สึกเป็นนโยบายแบบที่บอกไว้ว่า ให้พส่ี อนนอ้ ง หรือจะเปน็ น้าหรือพ่อหรือแม่สอนลูกหลาน อนั นีก้ ็เปน็ นโยบายต้ังแต่ต้น ครงั้ โน้นได้เตรียมรายการพูด ลงทุนไปหาข้อมูลต่างๆ จากกระทรวงศึกษา ดูว่ามีเด็กนักเรียนเท่าไหร่ แล้วก็มีโรงเรียนก่ีโรง ที่เรียนก่ีแห่ง ครูก่ีคน ครั้งโน้นลงทุนที่จะค้นคว้าอย่างมากมาย เพ่ือท่ีจะให้ผู้ท่ีเป็นสมาชิกสโมสรไลออนส์ได้เชือ่ แลว้ กช็ ว่ ยสนบั สนนุ แต่คราวนขี้ อรบั อยา่ งตรงๆ วา่ ไมไ่ ด้คน้ คว้าอย่างใดเลย ไม่ไดแ้ มแ้ ตเ่ ตรียมสักตวั เดยี ว เพราะร้วู ่าไมต่ ้องมาโฆษณาแล้ว รวู้ ่าท่านทั้งหลายท่ีมา ผู้ทบ่ี รจิ าคก็ทราบว่า บรจิ าคเพือ่ อะไร ผ้ทู ที่ างานในด้านวิชาการ ในด้านประชาสัมพันธ์ ในด้านธรุ การ ทุกคนร้ดู วี ่ามหี นา้ ทอี่ ะไร แล้วก็จดุ ประสงคเ์ ป็นยังไง ฉะน้ันกส็ บายมากท่ีทาให้ไมต่ ้องเตรียม ไม่ต้องปวดหัวในการเตรียม เวลาพดู ทป่ี วดหัวที่สดุ คือตอนเตรียม เตรียมพูด ซึ่งเตรยี มไปเตรยี มมา ขีดฆา่ ไปมา ลงท้ายจากที่ทาหัวข้อห้าบรรทัดเสร็จแล้ว เขียนไปสักสามหน้ากระดาษ แล้วก็ขีดฆ่าไปขีดฆ่ามา เหลือครึ่งหน้ากระดาษ แล้วในท่ีสุดเขียนไปเขียนมาเหลอื 3 บรรทัด ก็เคยเหมือนกัน ลงท้ายก็กลุ้มใจว่า จะพูด3 บรรทัดเดี๋ยวเดียวก็หมด ก็เลยต้องขยายข้ึนไปใหม่ แล้วในที่สุดถ้าคิดดู ก็อาจจะเป็นประมาณ 5หน้ากระดาษ อันนี้ เป็นประสบการณ์ท่ีได้พูดเป็นคร้ังแรกต่อหน้าธารกานัล ท่ีในต่าง ประเทศ ท่ีสหรัฐอเมริกา เขาก็มีโต๊ะแบบนี้ ท่ีเรียกว่าเป็นโต๊ะที่อยู่หัว แล้วก็มีโต๊ะที่อยู่ข้างล่าง แล้วก็ใครต่อใครก็จ้องดูว่าจะพูดอะไร น่ังอยู่ คนท่ีอยู่ข้างซ้ายเขาบอกว่า ต้องพูดมากๆ นะ ไม่ได้ ก็เลยบอกเขาว่า เราเตรียมมาสาหรับพูดเพียงประมาณ 5 นาที ก็บอกไม่ได้ เขาบอกว่าต้องอย่างน้อยที่สุดยี่สิบนาที อย่างนี้เราก็แย่ เพราะเขาบอกว่าท่านโน้นคนนี้ ท่านซูกาโน่นั่นนะ ท่านมาพูด 5 ชั่วโมง เราก็ 5 ชั่วโมงไม่ไหวแน่ แต่ว่าแม้จะพระเจ้าโบดวงแห่งเบลเย่ียมท่านมา ท่านก็มาพูดย่ีสิบนาที ก็เลยยอมรับ แต่ไม่ทราบเลยว่าจะทายังไง เวลาลุกขึ้นมาก็เหงื่อแตกเหมือนกัน เตรียมมา 5 นาทีนะมันก็แย่แล้ว ในการเตรียมท่ีจะพูดเพียง 5 นาทีน่ันนะ ต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมง แต่ตอนน้ีเขาบอกอย่างน้อยที่สุดต้องย่ีสิบนาที ก็เลยทาอย่างน้ี เอาท่ีเตรียมมาอ่านสองบรรทัด แล้วจากสองบรรทัดน่ันนะก็ยืดออกไปเท่าท่ีจะยืดได้ ก็คงยืดไดเ้ ป็นแปดบรรทัด ทหี ลังเมื่อหมดพงุ แล้ว ก็อ่านอีกสองบรรทัดต่อไป ก็ยดื ออกไป ทาไปทามาอ่านไปอ่านมาถึงจบ นึกว่าแย่แล้ว น่ีมันไม่มีอะไรท่ีจะพูดแล้ว ก็ลุกขึ้น เขาก็อัธยาศัยดี เขาก็ตบมือ เสร็จแล้วน่ังลง คงจะเป็นผู้ให้ความปลอดภัยรักษาความปลอดภัยของอเมริกัน เขาเดินเข้ามาข้างหลังมากระซิบบอก เก่งมาก สาเร็จแล้ว ดีมาก ดีมาก คือเขาให้กาลังใจ เขาก็เหง่ือแตกเหมือนกัน เราก็เหง่ือแตก เขาก็ดี เขาก็มาบอก ดีมาก ดีมาก ใช้ได้ ยูสบาย ยูชนะแล้ว ทาให้ตั้งแต่นั้นก็เลยสบายใจข้ึนหน่อย แต่วันนี้ที่พูดในวันนี้เรียกว่าเป็นประวัติการณ์ได้ เพราะว่าที่เตรียมไม่ถึงบรรทัด หรือจะว่า
15บรรทัดหน่ึงก็ได้ ตัวโตๆ น่ีนะโครงการสารานุกรมไทยสาหรบั เยาวชน แล้วก็ยืดมาจนถึงน่ี ไม่ทราบว่ากี่นาทีแลว้ ก็ตอ้ งชมตัวเองว่าเกง่ ก็ขอสรุปอย่างเดียวว่า ท่ีมาวันนี้ปลาบปลื้ม ปลาบปลื้มแทนตัวเอง ปลาบปล้ืมแทนผู้ท่ีปฏิบัติงาน ก็อย่างที่ข้อสี่ของอาจารย์สาเภา แล้วก็ท้ังปลาบปล้ืมท่ีมีผู้ท่ีบริจาคสาหรับให้โครงการนี้ดาเนินต่อไปได้ ซึ่งท่านเจ้าคุณศัลวิธานก็เคยมากระซิบบอกว่า ชักจะแย่ ชักจะฝืดเคือง แต่เด๋ียวนี้ก็ต่อไปได้อกี ก็หมายความวา่ จุดประสงคส์ องอย่างของอาจารย์สาเภาก็บรรลผุ ล แลว้ ก็จดุ ประสงค์ท่ีจะมาชื่นชมกบั ทา่ นเจ้าคณุ ตามจดุ ประสงค์ของอาจารยร์ ะวีกไ็ ด้ผลดี จุดประสงค์ของท่านทปี่ รึกษาคือ มาที่นี่มปี ระโยชนอ์ ยา่ งหนึ่ง คอื อาหารดี บอกวา่ ถา้ ไปที่ไหนไมม่ ีอาหาร รสู้ ึกว่างานน้ันไม่ดี วันน้อี าหารดีก็งานนี้ดี นอกจากน้ันก็ได้ฟังดนตรีเรียกฝน หรือฝนเรียกดนตรีไม่ทราบ เพราะว่าต้องขออภัยท่ีมาช้าก็เพราะวา่ แล่นมาเป็นเต่า แลน่ เรว็ ไม่ได้ ต้องทงิ้ รถมอเตอร์ไซด์ไว้ข้างถนน เพราะว่าถา้ รถมอเตอร์ไซด์นาแล่นต่อไป น่ากลัวจะต้องเป็นอันตราย ฝนตกหนัก แต่ฝนตกน้ันก็ปลาบปลื้มท่ีลงมาล้างน้าเน่าออกไปได้ แต่ไม่ทราบว่าจะเอาน้าฝนออกไปได้ยังไง คือว่า น้าฝนน่ี ที่ลงมามาแทนน้าเน่าได้เป็นส่วนหน่ึง แต่ว่าน้าฝนท่ีลงมาจะระบายออกไปก่อนที่จะเน่า น่ีก็เป็นอีกปัญหาหน่ึง ซึ่งไม่เก่ียวข้องกับสารานกุ รม แตว่ ่าถ้าพูดไปกเ็ ก่ยี วเหมอื นกัน เพราะว่าสารานุกรมน้ี มไี ม่ใชส่ าหรับสอนเร่อื งหน่ึงเร่อื งใดโดยเฉพาะ แต่ว่ามีไว้สาหรับท่ีจะให้คนสามารถที่เผชิญกับปัญหาใดๆ ในชีวิต ตอนนี้ก็พูดเหมือนว่าเป็นการพูดเพิ่มเติม คือว่า โครงการการสอนอย่างใดก็ตาม ต้องสอนให้คนรู้จักเผชิญกับปัญหา ไม่ใช่สอนสาหรับให้มาตอบปัญหาตามคาถาม แต่ว่าต้องตอบปัญหาชีวิตได้ ฉะน้ัน สารานุกรมนี้มุ่งที่จะให้คนเม่ือเห็นปัญหาอะไร สามารถท่ีชักเอาวิชาการท้ังหลายที่มีอยู่มาแก้ปัญหา อันน้ีเป็นเพียงพูดเพราะว่าเกิดความคิดขึ้นมาในบดั นี้ว่า ความรู้ท้ังหลายทม่ี ีอยู่ในสารานุกรมสาหรบั เยาวชนน้ียังไม่ครบกว่าจะถึงให้รู้จักโยงเอาวิชาการทั้งหลาย ที่มีอยู่ในสารานุกรมทุกเล่ม ให้เข้ามาเป็น อันหนึ่งอันเดียวคือว่าชีวิตน้ีเราต้องมีวิชาทุกอย่างให้พร้อม ถึงจะผ่านอุปสรรคได้ อันนี้มีในคารายงานตะก้ีว่าเหมือนวา่ จะขอทราบนโยบาย ก็อนั นี้แหละนโยบาย ซ่ึงกม็ ีต้งั แต่ต้นแล้วเหมือนกันว่า ต้องให้ทกุ คนทั้งเยาวชนทงั้ คนแก่ทราบว่า วิชาท้งั หลายต้องโยงกนั และปญั หาทั้งหลายต้องใชว้ ิชาทุกวิชาโยงกันมาแก้ให้สอดคลอ้ งกนั มิฉะนั้นกไ็ ม่มีประโยชน์ ถ้าเรียนวชิ า หรอื อ่านวชิ าอยา่ งหนึง่ อย่างใดแล้วก็ท่องได้ตามตัวหนังสือ ไม่มีประโยชน์เลย ต้องสามารถคิดมาใช้ประโยชน์ แต่เมื่อมาใช้เป็นประโยชน์ จะต้องโยงกบั วชิ าอืน่ ได้หมด ครัง้ นี้พดู เกนิ ไป พูดมากเกนิ ไป เพราะวา่ ยงั ไมถ่ ึงเวลาทีจ่ ะมาพดู ถึงวา่ สารานุกรมน้ีควรจะทาอะไรตอ่ ไป ตอนน้ีก็ขอสรุปจริงๆ ว่า งานนี้มีผลดี สาเร็จดี ทุกคนท่ีมีส่วนคือ ทุกคนที่มีอยู่ในห้องนี้ ควรจะภูมิใจได้ และก็ขอขอบใจทุกคน ท่ีได้ช่วยกันทาให้งานน้ีมีผลสาเร็จ หมายความว่า งานเล้ียงนี้เป็น
16ผลสาเร็จ เพื่อแสดงว่า งานใหญ่ของสารานุกรมนี้ ก็จะมีความสาเร็จ มีประโยชน์สาหรับเยาวชน และสาหรับคนอ่ืนทั่วไปทุกคน เพราะว่าความรู้ท่ีมีอยู่ในนั้น ไม่ใช่เฉพาะสาหรับเยาวชน เป็นความรู้ที่ทุกคนพึงทราบ พึงรู้ และทุกคนจะอวดอ้างไม่ได้ว่ารู้หมด แต่ว่าถ้าได้ประโยชน์จากสารานุกรมน้ี ก็คงรู้ได้มากมาย กข็ อขอบใจทุกคนทเ่ี ก่ยี วข้อง ท่ีทาใหง้ าน ท้ังงานเลีย้ งนี้ ท้ังงานของโครงการ สาเร็จกา้ วหน้าไปด้วยดี และขอให้ทุกคนมีความสุขความสบาย แข็งแรงทั้งกายทั้งใจ เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ของแต่ละคนได้ตามจดุ ประสงค์
17โครงการผู้บริหารโครงการ นายแพทยเ์ กษม วัฒนชัย ประธานกรรมการ นายวิรชั ชนิ วนิ จิ กุล รองประธาน นายจรลั ธาดา กรรณสตู รองประธาน นายกฤษณพงศ์ กีรติกร กรรมการ
18คุณหญิงไขศรี ศรอี รุณกรรมการแพทย์หญิงชนิกา ต้จู นิ ดากรรมการนายศกั ดา ศิริพนั ธุ์กรรมการนายศุภมาศ พนิชศักดิ์พฒั นากรรมการนางสกุ ญั ญา สจุ ฉายากรรมการ
19นางสุมน อมรวิวัฒน์กรรมการนางวฒั นา ศิวะเกื้อกรรมการและเหรญั ญิกนางสาวฑิตติมา วชิ ัยรัตน์กรรมการและเลขาธกิ ารนางสุจิตรา กลิน่ เกษรกรรมการและผชู้ ่วยเลขาธกิ าร
20 หลักการเขยี นเขยี นเร่อื งในสารานกุ รมไทยสาหรบั เยาวชน โดยพระราชประสงคใ์ นพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัว ปรบั ปรงุ เม่ือ 29 ตุลาคม 2538 โดยคณะกรรมการฝา่ ยภาษาเนือ้ หาของเรอ่ื งทีเ่ ขยี น ควรมีลักษณะดังนี้1. ส่งเสริมให้ผู้อ่านมีความรู้ขั้นพื้นฐานในเร่ือง หรือส่ิงท่ีเก่ียวกับวิทยาการสาขาต่างๆ ได้แก่วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี สงั คมศาสตร์ มนษุ ยศาสตร์ เกษตรศาสตร์ คณิตศาสตร์ และแพทย์ศาสตร์2. ให้ทราบว่า ในหัวข้อเรื่องท่ีเขียนน้ัน ประเทศไทยมีเร่ืองหรือสิ่งต่างๆ อะไรบ้าง ที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เช่น มีประวัติความเป็นมา และ/หรือความเจริญก้าวหน้า ตลอดจนมีการประยุกต์ใช้ในประเทศไทย ตงั้ แต่เรม่ิ แรก จนกระทง่ั ปัจจุบันน้ี อยา่ งไร3. ให้ผู้อ่านมีความรู้และเข้าใจว่า เร่ืองและสิ่งต่างๆ ในข้อ 2 เป็นรากฐานแห่งความเจริญความก้าวหน้า และความม่ันคงทางวัฒนธรรม ระบอบการปกครอง การเศรษฐกิจ การศึกษา ฯลฯของประเทศไทย4. ให้ผู้อ่านมีความรู้และเข้าใจว่า เรื่องและสิ่งต่างๆ ดังกล่าวในข้อ 2 และ 3 มีความสัมพันธ์มีความหมาย และประโยชน์อย่างสาคัญต่อชีวิตความเป็นอยู่ของตนเอง ตลอดจนประชาชนคนไทยทั้งชาตใิ นปจั จบุ นั และอนาคต5. ใหผ้ ู้อ่านตระหนักว่า เรอ่ื งและสงิ่ ต่างๆ (ซึ่งเปน็ เนื้อหาและรปู ภาพประกอบ) ดงั กล่าวในข้อ 1 ถงึ 4เป็นมรดก และสมบัติของประเทศชาติ ซึ่งตนและคนไทยทุกคนควรรู้สึกภูมิใจ มีความรัก รู้จักรักษาและช่วยกันสรา้ งสรรคค์ วามเจรญิ กา้ วหนา้ ให้ย่ิงขึ้นหมายเหุตุ1. เน้ือหาของหัวข้อเรื่องต่างๆ และภาพประกอบ ต้องพยายามให้มีลักษณะตามข้อ 1 ถึง 5 โดยเน้นความเป็นไทยให้มากทส่ี ดุ2. เนื้อหา ภาษาเขียน และวิธีการเสนอเนื้อเรื่องแต่ละส่วน (คือ ส่วนเด็กเล็ก ส่วนเด็กกลาง และส่วนเด็กโต) ต้องมีความยากง่าย และเหมาะสมกับความสนใจ และพื้นความรู้ของผู้อ่านแต่ละระดับโดยเฉพาะส่วนท่สี ามนน้ั ไม่ควรใหย้ ากหรือสงู เกินไป จนกระทง่ั ผอู้ ่านธรรมดาสามญั อ่านไม่เข้าใจ ไม่รู้เร่ือง (โปรดอา่ นพระราชดารัสข้อ 2, 4, 9 และ 14 และความรเู้ กี่ยวกบั พัฒนาการและความสนใจของเด็กวัยรุน่ )
21การวางรูปเร่ืองและวิธีดาเนินเรื่อง1. หวั ข้อเร่อื งใหญ่ ไมต่ อ้ งวงเล็บคาภาษาอังกฤษ2. แบ่งเรือ่ งเป็น 3 ส่วน และใหม้ ีความยาวไมเ่ กินจานวนหนา้ ทีร่ ะบไุ ว้ส่วนเดก็ เล็ก ความยาวประมาณ 1 - 1 1/2 หน้าพมิ พ์ดีด ไม่รวมรปู (300 - 600 คา)สว่ นเด็กกลาง ความยาวประมาณ 1 1/2 - 4 หนา้ พมิ พด์ ดี ไมร่ วมรูป (500 - 1,000 คา)ส่วนเด็กโต ความยาวประมาณ 12 - 15 หน้าพิมพ์ดีด ไม่รวมรูป (พิมพ์ดีดคือ ตัวธรรมดา หน่ึงหน้าจุประมาณ 8000 คา)การเขียนส่วนเด็กเล็กและเด็กกลาง ต้องพิจารณาต้นฉบับของส่วนเด็กโตเป็นหลัก และเขียนให้มีลักษณะดังนีค้ อืส่วนเด็กเล็ก เป็นการแนะนาให้รู้จักความหมาย หรือให้นิยามเบ้ืองต้นของเรื่อง อาจเขียนด้วยวิธีนาเข้า (Introduction) โดยเริ่มจากสง่ิ ที่พบใกลต้ ัว ใชค้ าง่ายๆ ประโยคส้นั ย่อหนา้ ไม่ยาว ยกตวั อย่างใหม้ าก ใหม้ ภี าพประกอบส่วนเดก็ เลก็ เป็นภาพนาเรือ่ ง และหรอื ภาพประกอบ ไมเ่ กิน 3 แผ่นภาพสว่ นเดก็ กลาง ดาเนินเรอื่ งของสว่ นนีใ้ ห้จบในตัวเอง โดยมีลักษณะดงั นค้ี ือก. เปน็ ความเรยี งที่สมบูรณ์ กล่าวถงึ เนื้อเร่ืองในสว่ นทเี่ ดก็ ในส่วนนพี้ อรู้เรื่องข. อาจใชเ้ ปน็ บทนา (Inrtoduction) ของเร่อื งในสว่ นเด็กโต กรณีท่เี ด็กโตไมม่ ีบทนาโดยชัดเจนค. เนื้อเร่ืองท่ีจะดาเนินต่อไป ควรมีเน้ือความและสาระเพียงพอ ในลักษณะท่ีเป็นข้อสรุปของส่วนเดก็โต อย่างน้อยก็มีเค้าโครงเร่ืองของส่วนเด็กโตวางไว้ให้เห็นว่า ส่วนเด็กโตเป็นส่วนขยายของเด็กกลางไม่ใช่สว่ นต่อทีเดยี ว ภาพประกอบควรมตี ามความเหมาะสมของเน้ือเรอื่ งส่วนเดก็ โต เป็นส่วนสาหรับเด็กมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย นสิ ติ นักศึกษาปีแรกๆ และผุ้ใหญ่ทม่ี ีพ้ืนความรู้ไม่สูงนัก การเขียนควรจะดาเนินเร่ืองให้จบในตัวเอง ศัพท์บางคาก็ควรให้นิยามและความหมายให้ละเอียดและลึกซึ้งยิ่งข้ึน เน้ือเร่ืองต้องไม่เป็นวิชาการชั้นสูง หรือยากจนกระท่ังคนอ่านโดยทั่วไปๆ ไม่สามารถจะเข้าใจ และนาไปใชป้ ระโยชนก์ ับตัวเอ งได้ ภาพประกอบควรมีตามความเหมาะสมของเน้ือเร่ือง3. การแบ่งตอนในเนื้อเรอ่ื งสว่ นเด็กเลก็ ไม่มีหวั ข้อตอนในเน้ือความ เขียนเปน็ ความเรยี ง
22ส่วนเดก็ กลาง ไม่มหี ัวขอ้ ตอนในเนอ้ื ความ เขยี นเปน็ ความเรียงส่วนเด็กโต มีหัวข้อตอน โดยไม่มีวงเล็บคาภาษาอังกฤษ ส่วนในเน้ือความจะมีคาภาษาอังกฤษได้ โดยวงเลบ็ ไวค้ รัง้ เดียวในเนื้อความครั้งแรก การวางหวั ขอ้ ยอ่ ยไมใ่ ชต้ วั เลขวธิ ีเขียนตน้ ฉบบั1. หัวข้อตอน ช่ือคน คาเฉพาะ ฯลฯ ที่ต้องการให้พิมพ์ตัวอักษรพิเศษ เช่น ตัวหนัก ตัวดา ให้ขีดเส้นใต้มา หัวข้อตามควรขีดสองเส้น นอกนั้นควรขีดเส้นเดียว เพ่ือให้ฝ่ายพิมพ์สามารถจัดขนาดตัวอักษรได้ตา่ งกนั เพราะการพมิ พใ์ นเล่ม ไมม่ กี ารขีดเน้นใต้2. ชื่อคน สัตว์ สิ่งของ และสถานที่เขียนสะกดมาเป็นคาไทย โดยใช้ระเบียบการบัญญัติศัพท์ของราชบัณฑิตยสถาน ถ้าเป็นชื่อชาวต่างประเทศ ให้ใช้ช่ือเต็มในคร้ังแรก และใส่วงเล็บภาษาอังกฤษพร้อม ค.ศ. ท่ีเกิด-ตายเชื้อชาติ นักเคมีหรือนักฟิสิกส์ หรือนักวิทยาศาสตร์ เช่น เซอร์ ไอแซก นิวตัน(Sir Isaac Newton ค.ศ. ... ชาวอังกฤษ, นักฟิสกิ ส์ ) ถ้าเปน็ คนไทยใช้ พ.ศ.3. การเขยี นควรใช้ภาษาท่เี รยี บง่าย ตรงไปตรงมา4. คาเทคนิค ถ้าแปลได้ และคาแปลนั้นสื่อความหมายได้ ก็ให้ใช้คาแปล มิฉนั้นต้องใช้ทับศัพท์ แล้ววงเล็บคาภาษาอังกฤษ (ใช้ตัวนาใหญ่หรือตัวเล็ก ตามแต่ลักษณะของคา) ท้ังนี้ใหวงเล็บคาภาษาอังกฤษเฉพาะการกลา่ งถึงครง้ั แรกครั้งเดียว5. การระบุเวลาในประวตั ิ ใช้เดือนและพุทธศักราช (พ.ศ.) หรือ ศริสต์ศักราช (ค.ศ.) เทา่ นั้น ในกรณีที่ใช้ศตวรรษ จะต้องใสพ่ ุทธศตวรรษ หรือศริสต์ศตวรรษ ถา้ จาเปน็ จึงจะระบวุ ันท่ี6. เมื่อต้องการขยายความ ถ้าสั้นใช้วงเล็บ ถ้ายาวใส่ตัวเลขกากับ แล้วทาเชิงอรรถ (footnote)อธบิ าย ถ้าไมจ่ าเปน็ พยายามไมใ่ ช้7. การใชต้ ัวเลข ใหใ้ ชเ้ ลขไทยทงั้ หมด ยกเว้นในสูตร สมการ สัญลกั ษณ์สากล8. การอ้างอิงเรื่องในสารานุกรม ถ้าอิงเรื่องให้อิงเมื่อจบเรื่อง ถ้าอิงความโดยใส่ไว้ในวงเล็บหลังข้อความน้นั ในวงเล็บเขียนว่า (ดเู ร่ือง ... ช่อื เร่ืองใหญ่ เลม่ ...)9. คาอธบิ ายใต้ภาพ ใหเ้ ขยี นชื่อภาพ และ/หรือคาอธิบายภาพไว้ใตภ้ าพ หรือทารายละเอยี ดคาอธบิ ายแนบมาพรอ้ มภาพประกอบ และใชว้ ธิ ีจัดรูปเขา้ หนา้ ให้ใกล้ข้อความท่ีอา้ งถงึ ในเน้ือเร่ือง ไมต่ ้องระบุว่าให้ดูภาพนั้นภาพนี้ การจัดคาอธิบายภาพเพื่อการพิมพ์ ให้ใช้คาระบุตาแหน่งของภาพ เช่น บน กลางลา่ ง ซา้ ย ลา่ งซ้าย ลา่ งขวา เป็นต้น
23การจดั ภาพประกอบมากับเน้อื เรอ่ื ง1. ให้ระบุว่าเป็นภาพประกอบเน้ือเรื่องหน้าใดของต้นฉบับ ถ้ามีช่ือภาพหรือคาอธิบายใต้ภาพ(caption) ให้เขยี นไวใ้ ต้ภาพด้วย2. เน่ืองจากคาอธิบายในภาพจะใช้ตัวเรียงทั้งหมด ฉะนั้นให้เขียนอธิบายภาพมาในกระดาษอีกแผ่นหนง่ึ3. ในกรณีที่จาเป็นต้องระบุช่ือส่วนย่อยของภาพ (label) ขอให้ผู้เขียนและช่างเขียน เขียนเส้นฉลากช่ือ หรือคาอธิบายเป็นเส้นหมกึ ดา ด้วยตัวบรรจง เส้นฉลากช่อื ไม่ต้องใชต้ ัวลูกศรชี้ วางเสน้ ใหก้ ระจายไม่ยุ่งยาก ไม่คร่อม หรือสับสนกับรูป ความสั้นความยาวให้เหมาะกับการวางตาแหน่งชื่อและคาอธิบาย4. คาอธิบายภาพควรเป็นภาษาไทยเทา่ นน้ั ไมต่ อ้ งวงเล็บคาภาษาองั กฤษ5. ควรใช้ภาพให้เป็นไทยๆ ไม่ควรมีบุคคลต่างชาติปรากฏอยู่ในรูปโดยไม่จาเป็น ควรเป็นรูปท่ีเหมือนจรงิ ทางวทิ ยาศาสตร์ มิใชศ่ ิลป์6. ไม่ควรนาภาพจากแหลง่ อื่นมาใช้โดยตรง ถ้าจาเป็นก็ควรขอมา แล้วอ้างถึงท่ีมาท้ายเล่ม ขอมาจากทไ่ี หน7. ภาพส่วนใหญ่ควรเป็นภาพถ่าย ถ้าไม่สามารถจัดหาภาพถ่ายที่สื่อความหมายหรือให้รายละเอียดท่ีต้องการได้ ก็ใช้ภาพเขยี น8. ภาพในเล่มเดียวกนั ควรมีลวดลาย (pattern) แบบเดียวกัน9. ภาพประกอบเร่ืองที่ผู้เขียนเรื่องต้องการ แต่ไม่สามารถจัดหาด้วยตนเองได้ ขอให้ระบุไว้ตามข้อ 1ว่าเป็นภาพเกี่ยวกับอะไร จะเป็นภาพเขียนหรือภาพถ่าย เพื่อทางสานักงานโครงการสารานุกรมฯ จะไดต้ ดิ ตอ่ ขอรายละเอียดเกี่ยวกับการเขียนหรอื ถ่ายภาพนัน้ ๆ กับผ้เู ขียนตอ่ ไป
24หนงั สอื สารานกุ รมไทยสาหรับเยาวชน โดยพระราชประสงคใ์ นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวพมิ พข์ ึน้ ใน พ.ศ. 2516 จนถึงปัจจุบนั (สาหรบั หนงั สอื สารานกุ รมไทยสาหรับเยาวชนฯ เล่ม 1-12เลิกผลิตและไมม่ ีจาหนา่ ยแล้ว) มรี ายละเอียดดังนี้เลม่ ท่ี 1 พิมพข์ น้ึ ใน พ.ศ. 2516 มที ง้ั หมด 9 เรื่อง คือดวงอาทติ ย์ อปุ ราคา ท้องฟ้ากลางคืน นก ปลา เครื่องจักรกล พลงั งาน อากาศยาน และ ดนตรไี ทยเลม่ ท่ี 2 พิมพ์ขน้ึ ใน พ.ศ. 2518 มที ้ังหมด 10 เร่ือง คอืการจาแนกและจดั ลาดับหมวดหมูข่ องสัตว์ เวลา บรรยากาศ การตรวจอากาศ อตุ สาหกรรม อปุ กรณ์ขยายขอบเขตของสัมผัส มหาราชในประวตั ศิ าสตร์ไทย การศกึ ษา กรุงเทพมหานคร และ ตราไปรษณียากรไทยเลม่ ท่ี 3 พิมพข์ น้ึ ใน พ.ศ. 2520 มีท้งั หมด 10 เร่ือง คอืข้าว ขา้ วโพด ฝา้ ย ยางพารา ทรพั ยากรป่าไม้ ผลิตผลป่าไม้ การทาไม้ วัชพืช วัวควาย และ ช้างเลม่ ที่ 4พิมพข์ นึ้ ใน พ.ศ. 2521 มที ง้ั หมด 10 เร่ือง คอืการเรืองแสงของสงิ่ มชี วี ิต การหายใจ ความสมดลุ ของของเหลวในรา่ งกาย ไวรัส ปรากฎการณ์ของอากาศ ภูมอิ ากาศ รถไฟ การศาสนา การต่างประเทศสมยั รัตนโกสนิ ทร์ และ ลาดบั พระมหากษัตริย์ไทยเลม่ ที่ 5 พมิ พข์ ึ้นใน พ.ศ. 2523 มีทง้ั หมด 8 เรอ่ื ง คือผัก ไม้ผล อ้อย มันสาปะหลงั พืชหวั การขยายพนั ธุ์พชื เปด็ ไก่ และ พันธุ์ไม้ป่าเล่มที่ 6 พมิ พ์ขึ้นใน พ.ศ. 2525 มที ้งั หมด 15 เรื่อง คอืคณติ ศาสตรเ์ บื้องตน้ ประวัติและพฒั นาการเกีย่ วกบั จานวน เซต ตรรกวิทยา ฟงั ก์ชัน สมการและอสมการ จดุ เสน้ และผวิ โคง้ ระยะทาง พื้นที่ ปริมาตร สถิติ ความน่าจะเปน็ เมตรกิ กราฟ และคณติ ศาสตรธ์ รรมชาตแิ ละศลิ ปะเลม่ ที่ 7 พมิ พข์ น้ึ ใน พ.ศ. 2525 มีทั้งหมด 9 เรือ่ ง คือกล้วยไม้ ผีเสื้อในประเทศไทย การปลกู หม่อนเล้ยี งไหม โรคพืช คร่ัง การเลี้ยงปลา การชลประทานบา้ นเรือนของเรา และ โทรคมนาคม
25เล่มที่ 8 พมิ พ์ขนึ้ ใน พ.ศ. 2526 มที ัง้ หมด 7 เรอ่ื ง คอืประวัตกิ ารแพทย์และเภสชั กรรมไทย กายวิภาคศาสตรแ์ ละสรีรวิทยา การกาเนิดของโรค การบริบาลทารกและโรคทางกุมารเวชศาสตร์ ศลั ยศาสตรแ์ ละวสิ ัญญีวิทยา เลอื ดและธนาคารเลือดในประเทศไทย และ อบุ ตั เิ หตแุ ละการปฐมพยาบาลเล่มท่ี 9 พิมพข์ ้ึนใน พ.ศ. 2528 มีทั้งหมด 13 เร่ือง คอืเรอื่ งของยา สูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา วธิ ีการทางการแพทยใ์ นการควบคุมการเจรญิ พนั ธ์ุ การทาแท้งการสาธารณสขุ โรคมะเรง็ รังสวี ทิ ยา ฟันและเหงือกของเรา เวชศาสตรช์ นั สตู ร เวชศาสตรฟ์ น้ื ฟูนิติเวชศาสตร์ โภชนาการ และ ยาเสพตดิ ให้โทษและวัตถุออกฤทธต์ิ อ่ จติ ประสาทเลม่ ท่ี 10 พิมพ์ข้ึนใน พ.ศ. 2530 มีท้ังหมด 10 เร่อื ง คือโรคทางอายรุ ศาสตร์ โรคติดต่อและโรคเขตร้อน โรคภมู แิ พ้ โรคผวิ หนังทพ่ี บบ่อยในประเทศไทย โรคตา โรคหู คอ จมกู จติ เวชศาสตร์และสุขภาพจิต สง่ิ แวดล้อมและสุขภาพ การออกกาลงั กายเพื่อสุขภาพ และ การปลูกกระดูกข้ามคนเล่มท่ี 11 พิมพ์ขึ้นใน พ.ศ. 2531 มีทั้งหมด 9 เรื่อง คือววิ ฒั นาการของคอมพวิ เตอร์ ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ ระบบการสง่ั งานของคอมพิวเตอร์ การประยกุ ต์คอมพิวเตอร์ การใช้คอมพวิ เตอร์ช่วยในการออกแบบ สง่ิ ประดษิ ฐ์จากพฒั นการด้านคอมพวิ เตอร์ ห่นุ ยนต์อุตสาหกรรม ผลของการใชค้ อมพวิ เตอร์ และ พฒั นาการอกั ษรไทยในเคร่ืองคอมพิวเตอร์เล่มท่ี 12 พิมพ์ขน้ึ ใน พ.ศ. 2531 มีทั้งหมด 10 เรอ่ื ง คือการแพทย์ การศึกษา การสงั คมสงเคราะห์ การพฒั นาชาวเขาและการเกษตรท่ีสงู การพัฒนาการเกษตรในชนบท การศึกษาการพฒั นา การสหกรณ์ การพัฒนาแหลง่ นา้ การพัฒนาปจั จัยการผลติและ แผนท่ีเลม่ ท่ี 13 พิมพ์ขึ้นใน พ.ศ. 2532 มีท้ังหมด 11 เรือ่ ง คือเรือนไทย ชวี ิตชนบท หัตกรรมพื้นบา้ น จิตรกรรมไทย นาฏสิลปไ์ ทย ตกุ๊ ตาไทย การละเล่นของไทยอาหารไทย การประดิษฐ์ผกั และผลไม้ การเพาะเลีย้ งกงุ้ กา้ มกราม และ ธนาคาร
26เล่มท่ี 14 พิมพ์ขึน้ ใน พ.ศ. 2533 มที ้ังหมด 10 เรอ่ื ง คอืพระราชวังในกรุงเทพมหานคร พระราชวงั ในส่วนภมู ภิ าค ประตมิ ากรรมไทย อาหารสัตว์ พืชอาหารสตั ว์ การปลูกหญ้าเลย้ี งสตั ว์ ข้าวฟ่าง เทคโนโลยีชวี ภาพ สารพษิ และสิ่งปนเปื้อนอาหาร และสมนุ ไพรเล่มที่ 15 พิมพ์ขึ้นใน พ.ศ. 2534 มีทั้งหมด 10 เรอ่ื ง คอืผ้งึ การเล้ยี งผ้งึ โพรงไทย ยาสูบ ไม้สัก ผา้ ไทย ชุมชนโบราณในเมอื งไทยจากหลักฐานภาพถา่ ยทางอากาศ นา้ เสีย ขยะมูลฝอย มลพษิ ทางอากาศ และ ปัญหาส่ิงแวดล้อมระดับสากลเลม่ ท่ี 16 พิมพ์ขนึ้ ใน พ.ศ. 2535 มีท้ังหมด 10 เรอื่ ง คอืการบูรณะวัดพระศรรี ัตนศาสดาราม พระไตรปฎิ กและการชาระพระไตรปิฎก การอนรุ ักษณ์โบราณสถานและโบราณวัตถุ ศิลาจารึกและการอ่านจารึก สงั คมและวฒั นธรรมไทย การผลติ หนงั สอืการดนตรีสาหรับเยาวชน การชา่ งและหมูบ่ า้ นชา่ ง ดาวเทยี มเพ่ือการเกษตร และ การฟืน้ ฟูสมรรถภาพเยาวชนผูพ้ ิการทางดา้ นการศึกษาเลม่ ที่ 17 พิมพ์ขึน้ ใน พ.ศ. 2536 มีท้ังหมด 10 เรื่อง คอืชา้ งเผือก ฉันทลักษณ์ไทย ระบบนิเวศและความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งธรรมชาตกิ บั ส่ิงมชี ีวิต โรคตบั อักเสบจากไวรัส ของเสียท่เี ป็นอนั ตราย การต้งั ถิ่นฐานของมนษุ ย์ ปอแกว้ ปอกระเจา พชื เส้นใย การปรับปรุงพันธุพ์ ชื และ ข้าวสาลีเล่มท่ี 18 พิมพ์ขึ้นใน พ.ศ. 2537 มที ้ังหมด 10 เรอ่ื ง คือสภาพแวดล้อมกบั การตงั้ ถ่ินฐานของมนุษย์ในประเทศไทย ประเพณีหลวงและประเพณรี าษฎร์ การแต่งกายของคนไทย กฎหมายกับสงั คมไทย ประวัติการพมิ พ์ไทย ภาษาและอกั ษรไทย ยาฆา่ แมลง ดินและปุ๋ย การเล้ียงหมู และ ระบบการค้าผลิตผลการเกษตรเลม่ ท่ี 19 พิมพ์ขน้ึ ใน พ.ศ. 2538 มีทั้งหมด 9 เร่ือง คอืการจัดการทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม พืชนา้ มนั การถนอมผลิตผลการเกษตร ม้า แมลงเครื่องมือทางการแพทยท์ ่ีใช้เทคโนโลยีขั้นสงู ศลิ ปะการนับเบือ้ งตน้ ภมู ปิ ญั ญาชาวบ้าน และ สารกึง่ตวั นา
27เลม่ ท่ี 20 พิมพ์ข้ึนใน พ.ศ. 2538 มีท้ังหมด 10 เรื่อง คอืศาสนาและระบบความเชื่อในประเทศไทย ความสมั พนั ธ์ทางวฒั นธรรมกบั ต่างประเทศ จิตรกรรมไทยแบบประเพณี เสียงและมลภาวะทางเสียง เลเซอร์ เซลลแ์ สงอาทติ ย์ อญั มณี เวชศาสตร์การบิน ภาวะภมู คิ ุ้มกนั บกพร่องหรือโรคเอดส์ และ การปลกู ถ่ายอวยั วะเล่มท่ี 21 พิมพ์ขนึ้ ใน พ.ศ. 2539 มีท้ังหมด 9 เรื่อง คือขบวนพยุหยาตรา วีรสตรีไทย ศลิ ปะการทอผ้าไทย เครื่องถม เครอื่ งปนั้ การตลาดและการส่งออกศิลปหตั ถกรรม พฤกษศาสตร์พ้นื บ้าน การอนุรกั ษแ์ ละพฒั นาทรัพยากรธรรมชาติ และ องค์การสหประชาชาติและองคก์ ารในเครอืเล่มท่ี 22 พิมพ์ขึ้นใน พ.ศ. 2540 มที ั้งหมด 9 เร่ือง คือภาษาศาสตร์ เครื่องถว้ ยไทย เคร่ืองจักสาน ไมด้ อกหอมของไทย เครื่องทุน่ แรงและเครือ่ งจักรกลเกษตร อาชีวอนามัย ครอบครัวไทย สตั วท์ ะเลหน้าดนิ และ ทา่ อากาศยานเล่มท่ี 23 พิมพ์ขน้ึ ใน พ.ศ. 2541 มที ้ังหมด 10 เรอื่ ง คือภมู ิปัญญาไทย วฒั นธรรมทางละครไทย (ละครรา) การละเลน่ พน้ื เมอื ง ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทยชาติพันธ์ุ เฟิร์นไทย ไม้ในวรรณคดไี ทย(ตอน1) การทางานใตน้ ้า ระบบวทิ ยุ และ การผลติ เบียร์เล่มที่ 24 พิมพ์ขนึ้ ใน พ.ศ. 2542 มที ั้งหมด 9 เร่ืองวรรณคดมี รดก ไมใ้ นวรรณคดีไทย (ตอน2) เมอื งหลวงเก่าของไทย การผลติ รถยนต์ การผลติรถจกั รยานยนต์ การผลติ ปูนซีเมนต์ ปิโตเลยี มและการผลติ โรคติดเชอื้ อุบตั ิใหมแ่ ละโรคติดเช้ืออุบัติซ้าและ แผนพฒั นาประเทศเลม่ ที่ 25 พิมพ์ขน้ึ ใน พ.ศ. 2544 มที ั้งหมด 8 เร่ืองซอฟต์แวรพ์ น้ื ฐานสาหรับสานักงาน ระบบฐานข้อมูล วิวฒั นาการของไมโครคอมพิวเตอร์ การพฒั นาซอฟต์แวร์ โครงขา่ ยประสาทเทยี ม อินเทอร์เน็ต การประยุกตใ์ ช้ภาษาไทยบนคอมพวิ เตอร์ และแนวโนม้ ของเทคโนโลยีสารสนเทศในต้นศตวรรษที่ 21เลม่ ที่ 26 พิมพ์ขน้ึ ใน พ.ศ. 2545 มที ้ังหมด 9 เรื่องนทิ านพ้นื บา้ นไทย ห้องสมุดเสยี งแหง่ แรกของไทย ชมุ ชน การใชส้ ื่อประสมส่งเสริมการศกึ ษาเช้ือเพลงิ ยานยนต์ และสิง่ แวดลอ้ ม การจดั การหลงั การเก็บเกี่ยวผกั และผลไม้ สม้ สัตว์ในระบบนิเวศป่าชายเลน และ หอยเปา๋ ฮ้อื
28เล่มท่ี 27 พิมพ์ขน้ึ ใน พ.ศ. 2546 มที ้ังหมด 9 เร่ืองลิเก การบรหิ ารราชการแผ่นดิน การท่องเที่ยวเชงิ นเิ วศ เทคนคิ การผลิตไม้ผลนอกฤดู ไฮโดรพอนิกส์พิษภัยของแอลกอฮอล์ ผสู้ งู อายุ พลังงานนิวเคลยี ร์ และ การปฏิวตั ิทางพันธุกรรมเลม่ ที่ 28 พิมพ์ขน้ึ ใน พ.ศ. 2547 มที ้ังหมด 9 เร่ืองวดั ไทย ประชมุ จารึกวัดพระเชตุพน ตลาด ทเุ รียน เทคโนโลยชี ีวภาพทางการเษตร พิษภัยของบุหร่ีโรงไฟฟ้านวิ เคลยี ร์ พลาสตกิ กับชีวิตในปจั จุบนั และ แผน่ ดนิ ไหวเล่มท่ี 29 พิมพ์ขึ้นใน พ.ศ. 2548 มีท้ังหมด 9 เรื่องศลิ ปาชีพ พระพุทธรปู การผลิตทองรูปพรรณ อุทยานประวัตศิ าสตร์ในประเทศไทย สวนพฤกษาศาสตร์ เงินตรา ปลาสวยงาม ธาลัสซเี มีย และ การดูแลสขุ ภาพท่ีบา้ นเลม่ ที่ 30 พิมพ์ขน้ึ ใน พ.ศ. 2548 มที ั้งหมด 9 เรื่องศลิ ปการเห่เรอื หอพระไตรปิฎก ปราสาทขอมในประเทศไทย กฎหมายตราสามดวง ไม้ดอกหอมของไทย กล้วย ปลากัด คล่นื สนึ ามิ และ วัสดกุ ารแพทย์เลม่ ที่ 31 พิมพ์ขึน้ ใน พ.ศ. 2550 มีท้ังหมด 9 เรื่องตู้พระธรรม วดั ญวณในประเทศไทย วรรณคดีท้องถน่ิ พรรคการเมืองไทย การเพาะเลย้ี งเน้อื เยื่อพชืซากดึกดาบรรพ์ในประเทศไทย ดาวหาง ระบบสรุ ยิ ะ และ อลั ไซเมอร์เล่มที่ 32 พิมพ์ขึ้นใน พ.ศ. 2551 มที ั้งหมด 9 เรื่องตาลปัตร พดั ยศ และสมณศักดิ์ หนุ่ กระบอก หนงั สอื โบราณของไทย สิทธมิ นุษยชน เส้นแบ่งเขตแดนระหวา่ งประเทศ ชวี สนเทศศาสตร์ กายศาสตร์ นาโนเทคโนโลยี และ โรคออทซิ ึมเล่มท่ี 33 พิมพ์ขึ้นใน พ.ศ. 2551 มีท้ังหมด 8 เร่ืองสุนทรภู่ เพลงลูกทงุ่ คลอง วิวัฒนาการของมนุษย์ เซลลเ์ ชือ้ เพลงิ เปลอื กโลกและหิน อาหารกับโรคเร้ือรงั การแพทย์แผนไทยและ โรคออทซิ ึมเลม่ ท่ี 34 พิมพ์ขึน้ ใน พ.ศ. 2552 มที ้ังหมด 9 เร่ืองเทวสถาน โบสถ์พราหมณ์ เพลงพนื้ บ้าน เครื่องประดบั หอยในประเทศไทย บริการธนาคารผ่านส่อือิเล็กทรอนิกส์ พายุและฝนในประเทศไทย โรคพาร์กินสัน และ โรคฉ่หี นู
29เลม่ ที่ 35 พิมพ์ขน้ึ ใน พ.ศ. 2553 มที ้ังหมด 9 เร่ืองวดั จนี สงกรานต์ มวยไทย โรคพืชและการจดั การด้วยวธิ ชี ีวภาพ มาตรวิทยา การพยากรณ์อากาศ โรคข้ออักเสบรมู าทอยด์ โรคเบาหวาน และ โรคสะเก็ดเงนิเล่มท่ี 36 พิมพ์ขึน้ ใน พ.ศ. 2554 มที ้ังหมด 9 เรื่องมสั ยดิ ละครชาตรี เกวียน ทองคา มะคาเดเมีย หุ่นยนต์ แอนเิ มชนั โรคมาลาเรีย และ โรคไตเลม่ ท่ี 37 พิมพ์ข้ึนใน พ.ศ. 2555 มีทั้งหมด 9 เร่ืองพระเจดีย์ หอศลิ ป์ ศลิ ปนิ แหง่ ชาติ วา่ ว หนังสอื พิมพ์ ระบบสารสนเทศภูมศิ าสตร์ การประเมินผลกระทบสง่ิ แวดล้อม โรคเอสแอลอี และโรคไข้หวัดใหญ่เล่มที่ 38 พิมพ์ขึ้นใน พ.ศ. 2556 มีท้ังหมด 9 เรื่องลายไทย-ลายกระหนก บายศรี การอุดมศกึ ษา แกว้ มังกร มะพรา้ วนา้ หอม การผลติ ยารักษาโรค รงั สีโรคกระดูกและขอ้ ในเด็ก และโรคพันธกุ รรมในเด็กเล่มท่ี 39 พิมพ์ข้นึ ใน พ.ศ. 2557 มที ั้งหมด 8 เร่ืองการศึกษาของสงฆ์ เพลงกล่อมเด็ก เรือไทย ภูมิสถาปตั ยกรรม สบู่ดา การประปา โรคเลือดออกงา่ ยฮีโมฟิเลยี และศลั ยกรรมตกแต่ง
30หนงั สือสารานุกรมไทย ฉบับเฉลิมพระเกยี รตฯิ หนังสือสารานุกรมไทย ฉบับเฉลิมพระเกียรติ ในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จัดทาข้ึนเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยประมวลพระราชจริยาวัตร พระราชกรณียกิจ และพระปรีชาสามารถในด้านต่างๆ อันก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและอาณาประชาราษฎร์ พิมพข์ นึ้ ใน พ.ศ. 2550 ประกอบดว้ ยรายละเอยี ด ดังนี้1. ธรรมิกราชา2. พระปรชี าสามารถดา้ นเทคโนโลยีและนวัตกรรม3. เศรษฐกจิ พอเพยี ง4. กษัตรยิ ์-เกษตร5. พระราชกรณยี กจิ ดา้ นการแพทย์และการสาธารณสุข6. พระปรีชาสามารถด้านการพัฒนาปัญญา7. อคั รศลิ ปนิ8. พระราชกรณียกจิ ด้านการสบื สานวัฒนธรรมและขนบประเพณี9. สงั คมสมานฉนั ท์สามารถค้นคว้าหาขอ้ มูลเพิม่ เตมิ ได้จากหนงั สือสารานุกรมไทย ฉบบั เฉลมิ พระเกยี รติฯ
31หนังสือสารานกุ รมไทย ฉบับกาญจนาภเิ ษกพมิ พข์ ึ้นใน พ.ศ. 2542 มีทัง้ หมด 60 เรอื่ งโดยแบง่ เป็น 9 หมวด คือหมวดที่ 1 พระราชประวตั ิและพระราชกรณยี กจิ สาคญัหมวดท่ี 2 พระราชวงค์หมวดที่ 3 องคก์ รและสว่ นราชการหมวดท่ี 4 มูลนิธิ ทนุ รางวัล และโรงเรยี นหมวดท่ี 5 พระราชสถานะและพระราชอานาจตามรัฐธรรมนญูหมวดที่ 6 ราชธรรมและพระราชกรณียกิจเกย่ี วกับศาสนาหมวดที่ 7 พระราชพิธใี นรัชกาลปจั จุบนัหมวดท่ี 8 พระบรมราชสญั ลักษณ์และเรือ่ งราวเก่ียวขอ้ งหมวดที่ 9 เบ็ตเตลด็สามารถคน้ คว้าหาขอ้ มลู เพ่มิ เติมได้จากหนงั สือสารานกุ รมไทย ฉบบั กาญจนาภเิ ษก
32สารานุกรมไทยสาหรบั เยาวชน ฉบบั เสรมิ การเรยี นรู้1. ความเป็นมา การจัดทาหนังสือ สารานุกรมไทยสาหรบั เยาวชน ฉบับเสรมิ การเรียนรู้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์ท่ีปรึกษาโครงการสารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชดาริใหจ้ ดั ทาหนงั สอื สารานกุ รมไทยสาหรบั เยาวชนฯ ท่ีมีขนาดเล็ก พกพาสะดวก ราคาไม่แพง เพม่ิ ขนึ้ จากหนังสือสารานุกรมไทยสาหรับเยาวชนฯ ท่ีได้จัดพิมพ์เผยแพร่อย่างต่อเนื่อง เพ่ือให้มีหนังสือที่เป็นแหล่งคน้ ความรู้ แพร่หลายในหมเู่ ยาวชนให้มากยิง่ ขึ้น2. แนวทางการจัดทาหนังสอื 2.1 เป็นหนังสอื ขนาดพ็อกเก็ตบุ๊ก หนาประมาณ 200 หน้า ภาพประกอบสสี่ ที ั้งเล่ม และให้มีราคาย่อมเยาทเ่ี ด็กจะซ้อื ได้ 2.2 เน้อื หาบรรจเุ ล่มละ 3 เร่อื ง โดยคัดเลอื กเรอ่ื งท่นี ่าสนใจจากหนงั สือสารานกุ รมไทยฯ เลม่ใหญ่ และเน้ือเร่ืองสอดคล้องกันทั้ง 3 เรื่อง เรียบเรียงใหม่ ให้มีสานวนเดียว ให้อ่านง่าย เหมาะแก่เยาวชนอายรุ ะหวา่ ง 10 - 15 ปี หรอื นกั เรยี นระดับประถมศกึ ษาตอนปลาย ถงึ มัธยมศกึ ษาตอนต้น 2.3 จัดทาปีละ 3 เล่ม เล่มแรกออกเดือนพฤษภาคม เล่มที่สองเดือนกันยายน และเล่มท่ีสามออกเดือนธนั วาคมของทุกปี 2.4 ใช้ช่อื หนังสือวา่ สารานุกรมไทยสาหรบั เยาวชนฯ ฉบบั เสริมการเรียนรู้
33เล่มท่ี 1 พิมพข์ น้ึ ใน พ.ศ. 2548 มีทง้ั หมด 3 เรอื่ ง คือไมด้ อกหอมของไทย ไม้ในวรรณคดีไทย และสมนุ ไพรเลม่ ที่ 2 พมิ พข์ ้นึ ใน พ.ศ. 2548 มที ั้งหมด 3 เรอ่ื ง คอือาหารไทย โภชนาการ และการปลูกพืชไร้ดินเล่มท่ี 3 พมิ พ์ขึ้นใน พ.ศ. 2548 มีทัง้ หมด 3 เรือ่ ง คอืลาดับพระมหากษัตริย์ไทย สังคมและวฒั นธรรมไทย ภมู ปิ ญั ญาชาวบ้านเล่มท่ี 4 พิมพข์ น้ึ ใน พ.ศ. 2549 มที งั้ หมด 3 เรอื่ ง คอืการชา่ งและหม่บู า้ นช่าง การละเลน่ พ้นื เมือง นทิ านพื้นบ้านเลม่ ที่ 5 พิมพข์ ึ้นใน พ.ศ. 2549 มที ั้งหมด 3 เรอื่ ง คือการท่องเท่ียวเชงิ นิเวศ สตั วใ์ นระบบนเิ วศป่าชายเลน สวนพฤกษศาสตร์เลม่ ที่ 6 พมิ พข์ ึน้ ใน พ.ศ. 2549 มีทง้ั หมด 3 เรื่อง คอืศลิ ปาชีพ ตุก๊ ตาไทย หตั ถกรรมพน้ื บา้ นเล่ม 7 พิมพ์ขึน้ ใน พ.ศ. 2550 มีทง้ั หมด 3 เร่ือง คอืนก ผีเสอื้ ปลาสวยงามเลม่ 8 พมิ พข์ น้ึ ใน พ.ศ. 2550 มีท้ังหมด 3 เรอื่ ง คอืพระพุทธรปู ผา้ ไทย การผลิตเครื่องทองเล่ม 9 พมิ พ์ขน้ึ ใน พ.ศ. 2551 มีทงั้ หมด 3 เรือ่ ง คอืแผ่นดนิ ไหว สนึ ามิ บรรยากาศและการตรวจอากาศเลม่ 10 พมิ พข์ นึ้ ใน พ.ศ. 2551 มที ้ังหมด 3 เรอื่ ง คือกล้วย ทุเรยี น สม้เล่ม 11 พมิ พ์ขึ้นใน พ.ศ. 2551 มีทั้งหมด 3 เรือ่ ง คือเครือ่ งถม เครื่องปน้ั ดนิ เผาและเครอื่ งถ้วย เครอ่ื งจกั สาน
34เลม่ 12 พิมพข์ ้ึนใน พ.ศ. 2551 มที ้ังหมด 3 เร่อื ง คอืชา้ ง มา้ วัวควายเลม่ 13 พมิ พข์ น้ึ ใน พ.ศ. 2552 มที ง้ั หมด 3 เรื่อง คอืบัว เฟริ น์ กล้วยไม้เลม่ 14 พิมพ์ขน้ึ ใน พ.ศ. 2553 มีทง้ั หมด 3 เรื่อง คอือากาศยาน รถไฟ รถยนต์เลม่ 15 พิมพข์ นึ้ ใน พ.ศ. 2553 มที ั้งหมด 3 เรื่อง คือลเิ ก เพลงลูกทงุ่ เพลงพ้ืนบ้านเล่ม 16 พิมพข์ น้ึ ใน พ.ศ. 2553 มที ง้ั หมด 3 เรอื่ ง คือข้าว ข้าวโพด มนั สาปะหลังเลม่ 17 พมิ พข์ ้นึ ใน พ.ศ. 2554 มที ้งั หมด 3 เรอ่ื ง คอืแมลง ผง้ึ แมลงกินได้เลม่ 18 พิมพ์ขึ้นใน พ.ศ. 2555 มีทง้ั หมด 3 เรอ่ื ง คือหอย ปลาหมึก กงุ้เล่ม 19 พิมพข์ น้ึ ใน พ.ศ. 2556 มีทัง้ หมด 3 เรอ่ื ง คอืวัดไทย วดั ญวน วัดจนีเลม่ 20 พมิ พข์ ้นึ ใน พ.ศ. 2557 มีท้ังหมด 3 เรื่อง คอืเปลือกโลกและหิน ซากดึกดาบรรพ์ อญั มณี
352. วธิ กี ารดาเนินงานวธิ ีท่ใี ช้ในการศึกษาคน้ คว้าเพื่อดาเนินงาน ใช้การสบื คน้ ข้อมลู ผ่านทางระบบเครือข่ายอินเทอรเ์ น็ต และสารสนเทศผ่าน search engineไดแ้ ก่ google นอกจากนี้ ยงั ไดส้ ืบคน้ ขอ้ มลู ผา่ นทางส่ือสิ่งพิมพ์สารานกุ รมไทยสาหรบั เยาวชนฯ ผา่ นทาง Web OPAC ของมหาวิทยาลยั นเรศวรลักษณะของข้อมลู การเลือกขอ้ มูลและเหตุผลในการเลือก ขอ้ มลู ท่ีต้องการสบื ค้น เปน็ ข้อมลู เชิงคณุ ภาพโดยสว่ นใหญ่ เน่อื งจากประเดน็ ศึกษาอยใู่ นสว่ นของลาดบั เหตุการณ์และองค์ประกอบของโครงการ รวมถงึ องค์ประกอบของตัวเล่มสารานกุ รม อาจมีขอ้ มูลเชิงปริมาณในส่วนของปี หรอื ข้อมูลอ่นื ๆ เป็นสว่ นน้อย การเลอื กขอ้ มูล แบ่งหัวข้อของข้อมูลผา่ นการระดมความคิดของคณะผูจ้ ัดทา โดยทาเป็นลาดบั เหตุการณ์ในอดตี โครงการในปัจจบุ ัน และเนื้อหาในสารานุกรม เพื่อให้ง่ายตอ่ ความเข้าใจ และรับทราบถึงประวตั ิความเป็นมา และสามารถเลือกอ่านหนังสือสารานุกรมได้ตรงตามความตอ้ งการรวมไปถงึ ใช้อา้ งองิ งานตา่ งๆ ไดใ้ นอนาคตเคร่อื งมือและวิธีการดาเนนิ งาน1. Web OPAC ของมหาวทิ ยาลัยนเรศวร ในการค้นหาหนังสอื และงานวจิ ยั ท่เี กี่ยวข้อง2. Search Engine ในทน่ี ีใ้ ช้ google เพอื่ สืบค้นเว็บไซต์ท่ีเก่ยี วข้อง3. หนงั สอื สารานกุ รมไทยสาหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 1 ถึงเลม่ ท่ี 10 เพื่อใช้รูปภาพและเน้ือหาท่ีเก่ียวขอ้ งขั้นตอนในการรวบรวมขอ้ มูล1. สบื ค้นข้อมลู เบ้ืองตน้ ผา่ นทางเวบ็ ไซต์ของโครงการสารานุกรมไทยสาหรบั เยาวชน2. แบง่ หวั ข้อ และสบื ค้นอยา่ งละเอยี ดจากเว็บไซตท์ เี่ กย่ี วข้อง3. ยืมหนงั สือสารานกุ รมไทยสาหรบั เยาวชนฯ จากห้องสมุดมหาวิทยาลัยนเรศวร
36วธิ วี ิเคราะห์ขอ้ มูล ใชว้ ธิ กี ารเลอื กประเภทสารสนเทศ โดยใช้ 4 ขั้นตอน (สชุ าติ แย้มเม่น, 2560) คอื สอดคลอ้ งกับเน้อื หาที่ต้องการ, น่าเชื่อถือ, สะดวกต่อการใช้งาน และความทันสมยั ของเนื้อหา
บทท่ี 3 บทสรุปข้อเสนอแนะ 1. ควรใชก้ ารเรียงลาดบั ในการเล่าเรื่อง จะไดเ้ กิดความเขา้ ใจไดง้ ่ายข้ึน 2. การสืบคน้ สารสนเทศ อาจหาจากแหล่งอ่ืน นอกจากหนงั สือ และเวบ็ ไซต์ เช่น วารสาร หรือขา่ วในช่วงเวลาอดีต 3. ควรศึกษาในรูปแบบของปริญญานิพนธ์ เพราะเน้ือหาที่ไดร้ ับมา คณะผจู้ ดั ทาเป็นคนรวบรวมแต่ไมใ่ ช่ผลู้ งมือทาโครงการ จึงทาใหก้ ารเขียนรูปแบบปริญญานิพนธ์อาจไม่สมบูรณ์
38 บรรณานุกรมโครงการสารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน โดยพระราชประสงคใ์ นพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั . (ม.ป.ป.). โครงการสารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู วั . สืบคน้ เมื่อ 15 ตุลาคม 2560, จาก http://saranukromthai.or.th/index.phpมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. (สิงหาคม 2542). โครงการสารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน. สืบคน้ เม่ือ 15 ตุลาคม 2560, จาก https://web.ku.ac.th/king72/2542-08/main3.htmมูลนิธิมน่ั พฒั นา. (ม.ป.ป.). โครงการสารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน (พ.ศ. 2512). สืบคน้ เมื่อ 15 ตุลาคม 2560, จาก http://www.tsdf.or.th/th/royally-initiated-projects/10912กรมประชาสมั พนั ธ์. (3 เมษายน 2560). โครงการสารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน โดยพระราช ประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัว. สืบคน้ เม่ือ 15 ตุลาคม 2560, จาก http://www.prd.go.th/ewt_news.php?nid=165056&filename=prdแอบ รักตประจิต และคณะ. (2533). สารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ใน พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู ัว เล่ม 1. (พิมพค์ ร้ังท่ี 8). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยัแอบ รักตประจิต และคณะ. (2533). สารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ใน พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู ัว เล่ม 2. (พิมพค์ ร้ังท่ี 6). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยัแอบ รักตประจิต และคณะ. (2533). สารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ใน พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว เล่ม 3. (พิมพค์ ร้ังท่ี 9). กรุงเทพฯ: หอรัษฎากรพพิ ฒั น์แอบ รักตประจิต และคณะ. (2534). สารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ใน พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว เล่ม 4. (พิมพค์ ร้ังท่ี 7). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยัแอบ รักตประจิต และคณะ. (2534). สารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ใน พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว เล่ม 5. (พมิ พค์ ร้ังที่ 7). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยัแอบ รักตประจิต และคณะ. (2537). สารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ใน พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู ัว เล่ม 6. (พมิ พค์ ร้ังท่ี 7). กรุงเทพฯ: หอรัษฎากรพพิ ฒั น์แอบ รักตประจิต และคณะ. (2537). สารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เล่ม 6. (พิมพค์ ร้ังที่ 5). กรุงเทพฯ: หอรัษฎากรพพิ ฒั น์
39แอบ รักตประจิต และคณะ. (2533). สารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เล่ม 7. (พมิ พค์ ร้ังท่ี 7). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยัแอบ รักตประจิต และคณะ. (2539). สารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัว เล่ม 8. (พมิ พค์ ร้ังที่ 7). กรุงเทพฯ: หอรัษฎากรพิพฒั น์แอบ รักตประจิต และคณะ. (2535). สารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ใน พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู ัว เล่ม 9. (พิมพค์ ร้ังที่ 5). กรุงเทพฯ: หอรัษฎากรพิพฒั น์แอบ รักตประจิต และคณะ. (2537). สารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เล่ม 9. (พิมพค์ ร้ังที่ 4). กรุงเทพฯ: หอรัษฎากรพิพฒั น์
ประวัตผิ ้จู ัดทำ 1. นางสาวรวิสรา ทองกร นสิ ิตคณะแพทยศาสตรช์ น้ั ปีที่ 1 2. นางสาวรักษณา มูรามญั นิสติ คณะแพทยศาสตร์ชั้นปีที่ 1 3. นางสาวรนิ ทร์ประภา จเู จรญิ นิสิตคณะแพทยศาสตรช์ ั้นปที ี่ 1
414. นางสาวลลติ ไชยมงคล นิสิตคณะแพทยศาสตร์ชน้ั ปที ี่ 15. นางสาววรปรียา ขาปลอด นิสติ คณะแพทยศาสตร์ชน้ั ปีท่ี 16. นางสาววรพรรณ บรรเจิดศลิ ป์ นสิ ิตคณะแพทยศาสตรช์ น้ั ปที ่ี 17. นายวรศักดิ์ วทิ ยถาวรวงศ์ นิสติ คณะแพทยศาสตรช์ น้ั ปีท่ี 1
42 8. นายวรากร จันทร์แสน นสิ ติ คณะแพทยศาสตรช์ น้ั ปที ่ี 1 9. นางสาววริญญา ขนั ทอง นสิ ิตคณะแพทยศาสตรช์ น้ั ปที ่ี 110. นายวริทธิ์ พินิจรตั นอนันต์ นิสติ คณะแพทยศาสตรช์ น้ั ปีที่ 1
Search