รายงาน เร่ือง เศษฐกิจพอเพยี ง จดั ทาโดย นายวรี พงษ์ พรมประดิษฐ์ ม.3/7 เลขท่ี 14 เสนอ คุณครูศิริรักษ์ สมพงษ์ รายงานน้ีเป็นส่วนประกอบของรายวิชาอาชีพ 3 รหสั วชิ า ง23201 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ
คำนำ รายงานเล่มน้ีจดั ทาข้ึนเพื่อเป็นส่วนหน่ึงของวชิ าการงานช้นั ม.3/7เพอื่ ใหไ้ ดศ้ ึกษาหา ความรู้ในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงและไดศ้ ึกษาอยา่ งเขา้ ใจเพ่ือเป็นประโยชนก์ บั การเรียน ผจู้ ดั ทาหวงั วา่ รายงานเล่มน้ีจะเป็นประโยชนก์ บั ผอู้ า่ นหรือนกั เรียน นกั ศึกษาท่ีกาลงั หาขอ้ มูลเรื่องน้ีอยู่ หากมีขอ้ แนะนาหรือขอ้ ผดิ พลาดประการใด ผจู้ ดั ทาขอนอ้ มรับไว้ และขออภยั มา ณ ที่น้ีดว้ ย ผจู้ ดั ทา นายวีรพงษ์ พรมประดิษฐ์ 10 กมุ ภาพนั ธ์ 2564
สำรบญั หนา้ ก เรื่อง 1 คานา 1 ความหมายของเศรษฐกิจพอเพยี ง 2 จุดเริ่มตน้ แนวคิดเศรษฐกิจพอเพยี ง 4 หลกั แนวคิดของเศรษฐกิจพอเพยี ง 6 ประเทศไทยกบั เศรษฐกิจพอเพียง เกษตรทฤษฎีใหม่ 6 6 • ความสาคญั ของทฤษฎีใหม่ 8 • ทฤษฎีใหม่ข้นั ตน้ 9 • ทฤษฎีใหม่ข้นั ท่ีสอง 10 • ทฤษฎีใหมข่ ้นั ท่ีสาม • หลกั การและแนวทางสาคญั ของเกษตรทฤษฏีใหม่ 13 14 ตวั อยา่ งพชื ที่ควรปลูกและสตั วท์ ี่ควรเล้ียง 15 ประโยชน์ของทฤษฎีใหม่ บรรณานุกรม
ควำมหมำยของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เศรษฐกิจพอเพียง คือ ปรัชญาท่ีพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงช้ีแนวทางการดาเนิน ชีวติ ใหแ้ ก่ปวงชนชาวไทยมาเป็นระยะเวลานาน ในช่วงต้งั แต่ก่อนการเกิดวิกฤต เศรษฐกิจ เพ่ือมุ่งใหพ้ สกนิกรไดด้ ารงชีวิตอยไู่ ดอ้ ยา่ งยง่ั ยนื มน่ั คง และปลอดภยั ภายใต้ ความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ท่ีเกิดข้ึนตามกระแสโลกาภิวฒั น์ อีกท้งั พระองคย์ งั ไดท้ รง พระราชทานความหมายของ เศรษฐกิจพอเพยี ง เอาไวเ้ ป็นภาษาองั กฤษวา่ Sufficiency Economy ดงั พระราชดารัสท่ีไดท้ รงตรัสไวเ้ ม่ือวนั ที่ 23 ธนั วาคม 2554 จุดเริ่มต้นแนวคดิ เศรษฐกจิ พอเพยี ง ผลจากการใชแ้ นวทางการพฒั นาประเทศไปสู่ความทนั สมยั ไดก้ ่อใหเ้ กิดการ เปลี่ยนแปลงแก่สงั คมไทยอยา่ งมากในทุกดา้ น ไม่วา่ จะเป็นดา้ นเศรษฐกิจ การเมือง วฒั นธรรม สงั คมและสิ่งแวดลอ้ ม อีกท้งั กระบวนการของความเปลี่ยนแปลงมีความ สลบั ซบั ซอ้ นจนยากที่จะอธิบายใน เชิงสาเหตุและผลลพั ธไ์ ด้ เพราะการเปล่ียนแปลง ท้งั หมดต่างเป็นปัจจยั เช่ือมโยงซ่ึงกนั และกนั สาหรับผลของการพฒั นาในดา้ นบวกน้นั ไดแ้ ก่ การเพิ่มข้ึนของอตั ราการ เจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ความเจริญทางวตั ถุ และสาธารณูปโภคต่างๆ ระบบสื่อสารท่ี ทนั สมยั หรือการขยายปริมาณและกระจายการศึกษาอยา่ งทว่ั ถึงมากข้ึน แต่ผลดา้ นบวก เหล่าน้ีส่วนใหญ่กระจายไปถึงคนในชนบท หรือผดู้ อ้ ยโอกาสในสงั คมนอ้ ย แต่วา่ กระบวนการเปลี่ยนแปลงของสงั คมไดเ้ กิดผลลบติดตามมาดว้ ย เช่น การขยายตวั ของ รัฐเขา้ ไปในชนบท ไดส้ ่งผลใหช้ นบทเกิดความอ่อนแอในหลายดา้ น ท้งั การตอ้ งพ่ึงพงิ ตลาดและพอ่ คา้ คนกลางในการสง่ั สินคา้ ทุน ความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ ระบบความสมั พนั ธแ์ บบเครือญาติ และการรวมกลุ่มกนั ตามประเพณีเพื่อการจดั การ ทรัพยากรท่ีเคยมีอยแู่ ต่เดิมแตก สลายลง ภูมิความรู้ท่ีเคยใชแ้ กป้ ัญหาและสงั่ สม ปรับเปลี่ยนกนั มาถูกลืมเลือนและเร่ิม สูญหายไป
สิ่งสาคญั กค็ ือ ความพอเพยี งในการดารงชีวิต ซ่ึงเป็นเงื่อนไขพ้ืนฐานท่ีทาใหค้ น ไทยสามารถพ่ึงตนเอง และดาเนินชีวิตไปไดอ้ ยา่ งมีศกั ด์ิศรีภายใตอ้ านาจและความมี อิสระในการกาหนด ชะตาชีวิตของตนเอง ความสามารถในการควบคุมและจดั การ เพ่ือใหต้ นเองไดร้ ับการสนองตอบต่อความตอ้ ง การต่างๆ รวมท้งั ความสามารถในการ จดั การปัญหาต่างๆ ไดด้ ว้ ยตนเอง ซ่ึงท้งั หมดน้ีถือวา่ เป็นศกั ยภาพพ้นื ฐานที่คนไทยและ สงั คมไทยเคยมีอยแู่ ต่ เดิม ตอ้ งถูกกระทบกระเทือน ซ่ึงวิกฤตเศรษฐกิจจากปัญหาฟอง สบู่และปัญหาความอ่อนแอของชนบท รวมท้งั ปัญหาอื่นๆ ท่ีเกิดข้ึน ลว้ นแต่เป็นขอ้ พิสูจน์และยนื ยนั ปรากฎการณ์น้ีไดเ้ ป็นอยา่ งดี หลกั แนวคดิ ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง การพฒั นาตามหลกั แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง คือการพฒั นาที่ต้งั อยบู่ นพ้นื ฐานของ ทางสายกลางและความไม่ประมาท โดยคานึงถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การ สร้างภูมิคุม้ กนั ที่ดีในตวั ตลอดจนใชค้ วามรู้ความรอบคอบ และคุณธรรม ประกอบการ วางแผน การตดั สินใจและการกระทา ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง มหี ลกั พจิ ำรณำอยู่ ๕ ส่วน ดงั นี้ 1. กรอบแนวควำมคดิ เป็นปรัชญาท่ีช้ีแนะแนวทางการดารงอยแู่ ละปฏิบตั ิตนในทางท่ีควรจะเป็น โดยมี พ้นื ฐานมาจากวิถีชีวิตด้งั เดิมของสงั คมไทย สมารถนามาประยกุ ตใ์ ชไ้ ดต้ ลอดเวลา และ เป็นการมองโลกเชิงระบบท่ีมีการเปลี่ยนแปลงอยตู่ ลอดเวลา มุ่งเนน้ การรอดพน้ จากภยั และวกิ ฤต เพอื่ ความมน่ั คง และ ความยง่ั ยนื ของการพฒั นา 2. คุณลกั ษณะ เศรษฐกิจพอเพยี งสามารถนามาประยกุ ตใ์ ชก้ บั การปฏิบตั ิตนไดใ้ นทุกระดบั โดยเนน้ การปฏิบตั ิบนทางสายกลาง และการพฒั นาอยา่ งเป็นข้นั ตอน 3. คำนิยำม ความพอเพยี งจะตอ้ งประกอบดว้ ย ๓ คุณลกั ษณะ พร้อม ๆ กนั ดงั น้ี 3.1 ควำมพอประมำณ: หมายถึง ความพอดีที่ไม่นอ้ ยเกินไปและไม่มากเกินไปโดยไม่ เบียดเบียนตนเองและผอู้ ื่น เช่นการผลิตและการบริโภคที่อยใู่ นระดบั พอประมาณ
3.2 ควำมมเี หตุผล: หมายถึง การตดั สินใจเกี่ยวกบั ระดบั ของความพอเพียงน้นั จะตอ้ ง เป็นไปอยา่ งมีเหตุผลโดยพิจารณาจากเหตุปัจจยั ท่ีเกี่ยวขอ้ งตลอดจนคานึงถึงผลที่คาด วา่ จะเกิดข้ึนจากการกระทาน้นั ๆ อยา่ งรอบคอบ 3.3 กำรมภี ูมคิ ุ้มกนั ที่ดใี นตวั : หมายถึง การเตรียมตวั ใหพ้ ร้อมรับผลกระทบและการ เปลี่ยนแปลงดา้ นต่าง ๆ ที่จะเกิดข้ึนโดยคานึงถึงความเป็นไปไดข้ องสถานการณ์ ต่าง ๆ ท่ีคาดวา่ จะเกิดข้ึนในอนาคตท้งั ใกลแ้ ละไกล 4. เง่ือนไข การตดั สินใจและการดาเนินกิจกรรมต่าง ๆ ใหอ้ ยใู่ นระดบั พอเพียงน้นั ตอ้ งอาศยั ท้งั ความรู้ และคุณธรรมเป็นพ้ืนฐาน กล่าวคือ 1.เงื่อนไขควำมรู้: ประกอบดว้ ย ความรอบรู้เกี่ยวกบั วิชาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวขอ้ งอยา่ งรอบ ดา้ น ความรอบคอบท่ีจะนาความรู้เหล่าน้นั มาพิจารณาใหเ้ ชื่อมโยงกนั เพือ่ ประกอบการวางแผน และความระมดั ระวงั ในข้นั ปฏิบตั ิ 2.เง่ือนไขคุณธรรม: ที่จะตอ้ งเสริมสร้างประกอบดว้ ย มีความตระหนกั ในคุณธรรม มี ความซ่ือสัตยส์ ุจริตและมีความอดทน มีความเพียร ใชส้ ติปัญญาในการดาเนินชีวิต 5. แนวทำงปฏบิ ตั ิ/ผลท่ีคำดว่ำจะได้รับ ผลจากการนาปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยกุ ตใ์ ช้ คือ การพฒั นาท่ีสมดุลและ ยง่ั ยนื พร้อมรับต่อการเปล่ียนแปลงในทุกดา้ น ท้งั ดา้ นเศรษฐกิจ สงั คม สิ่งแวดลอ้ ม ความรู้และเทคโนโลยี
ประเทศไทยกบั เศรษฐกจิ พอเพยี ง เศรษฐกิจพอเพยี ง มุ่งเนน้ ใหผ้ ผู้ ลิต หรือผบู้ ริโภค พยายามเริ่มตน้ ผลิต หรือบริโภค ภายใตข้ อบเขต ขอ้ จากดั ของรายได้ หรือทรัพยากรที่มีอยไู่ ปก่อน ซ่ึงกค็ ือ หลกั ในการ ลดการพ่ึงพา เพิม่ ขีดความสามารถในการควบคุมการผลิตไดด้ ว้ ยตนเอง และลด ภาวะการเสี่ยงจากการไม่สามารถควบคุมระบบตลาดไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ เศรษฐกิจพอเพยี งมิใช่หมายความถึง การกระเบียดกระเสียนจนเกินสมควร หากแต่อาจ ฟ่ มุ เฟื อยไดเ้ ป็นคร้ังคราวตามอตั ภาพ แต่คนส่วนใหญ่ของประเทศ มกั ใชจ้ ่ายเกินตวั เกินฐานะท่ีหามาได้ เศรษฐกิจพอเพียง สามารถนาไปสู่เป้าหมายของการสร้างความมน่ั คงในทางเศรษฐกิจ ได้ เช่น โดยพ้นื ฐานแลว้ ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม เศรษฐกิจของประเทศ จึงควรเนน้ ท่ีเศรษฐกิจการเกษตร เนน้ ความมน่ั คงทางอาหาร เป็นการสร้างความมนั่ คง ใหเ้ ป็นระบบเศรษฐกิจในระดบั หน่ึง จึงเป็นระบบเศรษฐกิจที่ช่วยลดความเสี่ยง หรือ ความไม่มนั่ คงทางเศรษฐกิจในระยะยาวได้ เศรษฐกิจพอเพยี ง สามารถประยกุ ตใ์ ชไ้ ดใ้ นทุกระดบั ทุกสาขา ทุกภาคของเศรษฐกิจ ไม่จาเป็นจะตอ้ งจากดั เฉพาะแต่ภาคการเกษตร หรือภาคชนบท แมแ้ ต่ภาคการเงิน ภาค อสงั หาริมทรัพย์ และการคา้ การลงทุนระหวา่ งประเทศ โดยมีหลกั การท่ีคลา้ ยคลึงกนั คือ เนน้ การเลือกปฏิบตั ิอยา่ งพอประมาณ มีเหตุมีผล และ สร้างภูมิคุม้ กนั ใหแ้ ก่ตนเองและสงั คม กำรดำเนินชีวติ ตำมแนวพระรำชดำริพอเพยี ง พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงเขา้ ใจถึงสภาพสงั คมไทย ดงั น้นั เม่ือไดพ้ ระราชทาน แนวพระราชดาริ หรือพระบรมราโชวาทในดา้ นต่างๆ จะทรงคานึงถึงวิถีชีวติ สภาพ สงั คมของประชาชนดว้ ย เพ่อื ไม่ใหเ้ กิดความขดั แยง้ ทางความคิด ท่ีอาจนาไปสู่ความ ขดั แยง้ ในทางปฏิบตั ิได้ แนวพระราชดาริในการดาเนินชีวิตแบบพอเพียง ๑. ยดึ ความประหยดั ตดั ทอนคา่ ใชจ้ ่ายในทุกดา้ น ลดละความฟ่ ุมเฟื อยในการใชช้ ีวิต ๒. ยดึ ถือการประกอบอาชีพดว้ ยความถกู ตอ้ ง ซ่ือสตั ยส์ ุจริต
๓. ละเลิกการแก่งแยง่ ผลประโยชน์และแข่งขนั กนั ในทางการคา้ แบบต่อสู้กนั อยา่ ง รุนแรง ๔. ไม่หยดุ นิ่งท่ีจะหาทางใหช้ ีวิตหลุดพน้ จากความทุกขย์ าก ดว้ ยการขวนขวายใฝ่ หา ความรู้ใหม้ ีรายไดเ้ พ่ิมพนู ข้ึน จนถึงข้นั พอเพียงเป็นเป้าหมายสาคญั ๕. ปฏิบตั ิตนในแนวทางท่ีดี ลดละส่ิงชวั่ ประพฤติตนตามหลกั ศาสนา
เกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรทฤษฎใี หม่ คือ ตัวอย่ำงทเี่ ป็ นรูปธรรมของ การประยกุ ตใ์ ชเ้ ศรษฐกิจ พอเพยี งท่ีเด่นชดั ที่สุด ซ่ึงพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ไดพ้ ระราชทานพระราชดาริน้ี เพอื่ เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรท่ีมกั ประสบปัญหาท้งั ภยั ธรรมชาติและปัจจยั ภาย นอก ที่มีผลกระทบต่อการทาการเกษตร ใหส้ ามารถผา่ นพน้ ช่วงเวลาวกิ ฤต โดยเฉพาะการ ขาดแคลนน้าไดโ้ ดยไม่เดือดร้อนและยากลาบากนกั ความเสี่ยงท่ีเกษตรกร มกั พบเป็นประจา ประกอบดว้ ย ๑. ความเส่ียงดา้ นราคาสินคา้ เกษตร ๒. ความเสี่ยงในราคาและการพ่ึงพาปัจจยั การผลิตสมยั ใหม่จากต่างประเทศ ๓. ความเสี่ยงดา้ นน้า ฝนทิ้งช่วง ฝนแลง้ ๔. ภยั ธรรมชาติอ่ืนๆ และโรคระบาด ๕. ความเส่ียงดา้ นแบบแผนการผลิต - ความเส่ียงดา้ นโรคและศตั รูพืช - ความเสี่ยงดา้ นการขาดแคลนแรงงาน - ความเส่ียงดา้ นหน้ีสินและการสูญเสียท่ีดิน ทฤษฎีใหม่ จึงเป็นแนวทางหรือหลกั การในการบริหารการจดั การที่ดินและน้า เพอ่ื การเกษตรในที่ดินขนาดเลก็ ใหเ้ กิดประโยชนส์ ูงสุด ควำมสำคญั ของทฤษฎใี หม่ ๑. มีการบริหารและจดั แบ่งท่ีดินแปลงเลก็ ออกเป็นสดั ส่วนที่ชดั เจน เพ่อื ประโยชน์ สูงสุดของเกษตรกร ซ่ึงไม่เคยมีใครคิดมาก่อน ๒. มีการคานวณโดยใชห้ ลกั วิชาการเก่ียวกบั ปริมาณน้าที่จะกกั เกบ็ ใหพ้ อเพยี งต่อการ เพาะปลูกไดอ้ ยา่ งเหมาะสมตลอดปี ๓. มีการวางแผนท่ีสมบูรณ์แบบสาหรับเกษตรกรรายยอ่ ย โดยมีถึง ๓ ข้นั ตอน ทฤษฎใี หม่ข้นั ต้น ใหแ้ บ่งพ้นื ท่ีออกเป็น ๔ ส่วน ตามอตั ราส่วน ๓๐:๓๐:๓๐:๑๐ ซ่ึงหมายถึง พ้ืนที่ส่วนที่หน่ึง ประมาณ ๓๐% ใหข้ ดุ สระเกบ็ กกั น้าเพื่อใชเ้ กบ็ กกั น้าฝนในฤดู
ฝน และใชเ้ สริมการปลูกพชื ในฤดูแลง้ ตลอดจนการเล้ียงสตั วแ์ ละพืชน้าต่างๆ พ้ืนท่ีส่วนท่ีสอง ประมาณ ๓๐% ใหป้ ลูกขา้ วในฤดูฝนเพ่ือใชเ้ ป็นอาหารประจาวนั สาหรับครอบครัวใหเ้ พยี งพอตลอด ปี เพื่อตดั คา่ ใชจ้ ่ายและสามารถพ่ึงตนเองได้ พ้นื ที่ส่วนท่ีสาม ประมาณ ๓๐% ใหป้ ลูกไมผ้ ล ไมย้ นื ตน้ พชื ผกั พชื ไร่ พืช สมุนไพร ฯลฯ เพ่อื ใชเ้ ป็นอาหารประจาวนั หากเหลือบริโภคกน็ าไปจาหน่าย พ้ืนที่ส่วนท่ีสี่ ประมาณ ๑๐% เป็นที่อยอู่ าศยั เล้ียงสตั ว์ ถนนหนทาง และโรงเรือน อ่ืนๆ
ทฤษฎใี หม่ข้นั ที่สอง เมื่อเกษตรกรเขา้ ใจในหลกั การและไดป้ ฏิบตั ิในที่ดินของตนจนไดผ้ ลแลว้ กต็ อ้ ง เร่ิมข้นั ท่ีสอง คือใหเ้ กษตรกรรวมพลงั กนั ในรูป กลุ่ม หรือ สหกรณ์ ร่วมแรงร่วมใจกนั ดาเนินการในดา้ น (๑) การผลิต (พนั ธุพ์ ชื เตรียมดิน ชลประทาน ฯลฯ) - เกษตรกรจะตอ้ งร่วมมือในการผลิต โดยเร่ิม ต้งั แต่ข้นั เตรียมดิน การหาพนั ธุพ์ ืช ป๋ ุย การจดั หาน้า และอื่นๆ เพอื่ การเพาะปลูก (๒) การตลาด (ลานตากขา้ ว ยงุ้ เคร่ืองสีขา้ ว การจาหน่ายผลผลิต) - เม่ือมีผลผลิตแลว้ จะตอ้ งเตรียมการต่างๆ เพอ่ื การขายผลผลิตใหไ้ ดป้ ระโยชน์สูงสุด เช่น การเตรียมลานตากขา้ วร่วมกนั การจดั หายงุ้ รวบรวมขา้ ว เตรียมหาเคร่ืองสีขา้ ว ตลอดจนการรวมกนั ขายผลผลิตใหไ้ ดร้ าคาดีและลดคา่ ใชจ้ ่ายลงดว้ ย (๓) การเป็นอยู่ (กะปิ น้าปลา อาหาร เคร่ืองนุ่งห่ม ฯลฯ) - ในขณะเดียวกนั เกษตรกรตอ้ งมีความเป็นอยทู่ ่ีดีพอสมควร โดยมีปัจจยั พ้ืนฐานในการ ดารงชีวติ เช่น อาหารการกินต่างๆ กะปิ น้าปลา เส้ือผา้ ที่พอเพียง (๔) สวสั ดิการ (สาธารณสุข เงินก)ู้ - แต่ละชุมชนควรมีสวสั ดิภาพและบริการท่ีจาเป็น เช่น มีสถานีอนามยั เม่ือยามป่ วยไข้ หรือมีกองทุนไวก้ ยู้ มื เพือ่ ประโยชนใ์ นกิจกรรมต่างๆ ของชุมชน (๕) การศึกษา (โรงเรียน ทนุ การศึกษา) - ชุมชนควรมีบทบาทในการส่งเสริมการศึกษา เช่น มีกองทุนเพื่อการศึกษาเล่าเรียน ใหแ้ ก่เยาวชนของชมชนเอง (๖) สงั คมและศาสนา - ชุมชนควรเป็นที่รวมในการพฒั นาสงั คมและจิตใจ โดยมีศาสนาเป็นที่ยดึ เหน่ียว โดยกิจกรรมท้งั หมดดงั กล่าวขา้ งตน้ จะตอ้ งไดร้ ับความร่วมมือจากทุกฝ่ ายท่ีเก่ียวขอ้ ง ไม่วา่ ส่วนราชการ องคก์ รเอกชน ตลอดจนสมาชิกในชุมชนน้นั เป็นสาคญั
ทฤษฎใี หม่ข้นั ท่สี ำม เมื่อดาเนินการผา่ นพน้ ข้นั ที่สองแลว้ เกษตรกร หรือกลุ่มเกษตรกรกค็ วรพฒั นา กา้ วหนา้ ไปสู่ข้นั ท่ีสามต่อไป คือติดต่อประสานงาน เพ่อื จดั หาทุน หรือแหล่งเงิน เช่น ธนาคาร หรือบริษทั หา้ งร้านเอกชน มาช่วยในการลงทุนและพฒั นาคุณภาพชีวติ ท้งั น้ี ท้งั ฝ่ ายเกษตรกรและฝ่ ายธนาคาร หรือบริษทั เอกชนจะไดร้ ับประโยชน์ร่วมกนั กล่าวคือ - เกษตรกรขายขา้ วไดร้ าคาสูง (ไม่ถูกกดราคา) - ธนาคารหรือบริษทั เอกชนสามารถซ้ือขา้ วบริโภคในราคาต่า (ซ้ือขา้ วเปลือกตรงจาก เกษตรกรและมาสีเอง) - เกษตรกรซ้ือเคร่ืองอุปโภคบริโภคไดใ้ นราคาต่า เพราะรวมกนั ซ้ือเป็นจานวนมาก (เป็ นร้านสหกรณ์ราคาขายส่ง) - ธนาคารหรือบริษทั เอกชน จะสามารถกระจายบุคลากร เพ่ือไปดาเนินการในกิจกรรม ต่างๆ ใหเ้ กิดผลดียงิ่ ข้ึน
หลกั กำรและแนวทำงสำคญั ของเกษตรทฤษฏีใหม่ ๑. เป็นระบบการผลิตแบบเศรษฐกิจพอเพยี งที่เกษตรกรสามารถเล้ียงตวั เองไดใ้ น ระดบั ที่ประหยดั ก่อน ท้งั น้ี ชุมชนตอ้ งมีความสามคั คี ร่วมมือร่วมใจในการช่วยเหลือ ซ่ึงกนั และกนั ทานองเดียวกบั การ “ลงแขก” แบบด้งั เดิมเพื่อลดคา่ ใชจ้ ่ายในการจา้ ง แรงงานดว้ ย ๒. เนื่องจากขา้ วเป็นปัจจยั หลกั ที่ทุกครัวเรือนจะตอ้ งบริโภค ดงั น้นั จึงประมาณวา่ ครอบครัวหน่ึงทานาประมาณ ๕ ไร่ จะทาใหม้ ีขา้ วพอกินตลอดปี โดยไม่ตอ้ งซ้ือหาใน ราคาแพง เพื่อยดึ หลกั พ่งึ ตนเองไดอ้ ยา่ งมีอิสรภาพ ๓. ตอ้ งมีน้าเพ่อื การเพาะปลูกสารองไวใ้ ชใ้ นฤดูแลง้ หรือระยะฝนทิ้งช่วงไดอ้ ยา่ ง พอเพยี ง ดงั น้นั จึงจาเป็นตอ้ งกนั ที่ดินส่วนหน่ึงไวข้ ดุ สระน้า โดยมีหลกั วา่ ตอ้ งมีน้า เพียงพอท่ีจะเพาะปลูกไดต้ ลอดปี ท้งั น้ี ไดพ้ ระราชทานพระราชดาริเป็นแนวทางวา่ ตอ้ งมีน้า ๑,๐๐๐ ลูกบาศกเ์ มตร ต่อการเพาะปลูก ๑ ไร่ โดยประมาณ ฉะน้นั เมื่อทานา ๕ ไร่ ทาพืชไร่ หรือไมผ้ ลอีก ๕ ไร่ (รวมเป็น ๑๐ ไร่) จะตอ้ งมีน้า ๑๐,๐๐๐ ลูกบาศก์ เมตรต่อปี ดงั น้นั หากต้งั สมมติฐานวา่ มีพ้นื ท่ี ๕ ไร่ กจ็ ะสามารถกาหนดสูตรคร่าวๆ วา่ แต่ละ แปลง ประกอบดว้ ย - นาขา้ ว ๕ ไร่ - พืชไร่ พืชสวน ๕ ไร่ - สระน้า ๓ ไร่ ขดุ ลึก ๔ เมตร จุน้าไดป้ ระมาณ ๑๙,๐๐๐ ลูกบาศกเ์ มตร ซ่ึงเป็นปริมาณ น้าท่ีเพียงพอท่ีจะสารองไวใ้ ชย้ ามฤดูแลง้ - ท่ีอยอู่ าศยั และอื่นๆ ๒ ไร่ รวมท้งั หมด ๑๕ ไร่ แต่ท้งั น้ี ขนาดของสระเก็บน้าข้ึนอยกู่ บั สภาพภูมิประเทศและสภาพแวดลอ้ ม ดงั น้ี - ถา้ เป็นพ้นื ท่ีทาการเกษตรอาศยั น้าฝน สระน้าควรมีลกั ษณะลึก เพื่อป้องกนั ไม่ใหน้ ้า ระเหยไดม้ ากเกินไป ซ่ึงจะทาใหม้ ีน้าใชต้ ลอดท้งั ปี - ถา้ เป็นพ้นื ท่ีทาการเกษตรในเขตชลประทาน สระน้าอาจมีลกั ษณะลึก หรือต้ืน และ แคบ หรือกวา้ งกไ็ ด้ โดยพิจารณาตามความเหมาะสม เพราะสามารถมีน้ามาเติมอยู่
เรื่อยๆ การมีสระเกบ็ น้ากเ็ พือ่ ใหเ้ กษตรกรมีน้าใชอ้ ยา่ งสม่าเสมอท้งั ปี (ทรงเรียกวา่ Regulator หมายถึงการควบคุมใหด้ ี มีระบบน้าหมุนเวียนใชเ้ พื่อการเกษตรไดโ้ ดยตลอดเวลาอยา่ ง ต่อเนื่อง) โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในหนา้ แลง้ และระยะฝนทิ้งช่วง แต่มิไดห้ มายความวา่ เกษตรกรจะสามารถปลกู ขา้ วนาปรังได้ เพราะหากน้าในสระเกบ็ น้าไม่พอ ในกรณีมี เขื่อนอยบู่ ริเวณใกลเ้ คียงกอ็ าจจะตอ้ งสูบน้ามาจากเขื่อน ซ่ึงจะทาใหน้ ้าในเขื่อนหมดได้ แต่เกษตรกรควรทานาในหนา้ ฝน และเม่ือถึงฤดูแลง้ หรือฝนทิ้งช่วงใหเ้ กษตรกรใชน้ ้า ที่เกบ็ ตุนน้นั ใหเ้ กิดประโยชน์ทางการเกษตรอยา่ งสูงสุด โดยพจิ ารณาปลูกพชื ให้ เหมาะสมกบั ฤดูกาล เพอื่ จะไดม้ ีผลผลิตอื่นๆ ไวบ้ ริโภคและสามารถนาไปขายไดต้ ลอด ท้งั ปี ๔. การจดั แบ่งแปลงที่ดินเพือ่ ใหเ้ กิดประโยชนส์ ูงสุดน้ี พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงคานวณและคานึงจากอตั ราการถือครองที่ดินถวั เฉลี่ยครัวเรือนละ ๑๕ ไร่ อยา่ งไร กต็ าม หากเกษตรกรมีพ้นื ท่ีถือครองนอ้ ยกวา่ น้ี หรือมากกวา่ น้ี กส็ ามารถใชอ้ ตั ราส่วน ๓๐:๓๐:๓๐:๑๐ เป็นเกณฑป์ รับใชไ้ ด้ กล่าวคือ ร้อยละ ๓๐ ส่วนแรก ขดุ สระน้า (สามารถเล้ียงปลา ปลูกพชื น้า เช่น ผกั บุง้ ผกั กะเฉด ฯลฯ ไดด้ ว้ ย) บนสระอาจสร้างเลา้ ไก่และบนขอบสระน้าอาจปลูกไมย้ นื ตน้ ท่ีไม่ใชน้ ้า มากโดยรอบ ได้ ร้อยละ ๓๐ ส่วนที่สอง ทานา ร้อยละ ๓๐ ส่วนท่ีสาม ปลูกพืชไร่ พชื สวน (ไมผ้ ล ไมย้ นื ตน้ ไมใ้ ชส้ อย ไมเ้ พอื่ เป็น เช้ือฟื น ไมส้ ร้างบา้ น พืชไร่ พชื ผกั สมุนไพร เป็นตน้ ) ร้อยละ ๑๐ สุดทา้ ย เป็นท่ีอยอู่ าศยั และอื่นๆ (ทางเดิน คนั ดิน กองฟาง ลานตาก กองป๋ ุย หมกั โรงเรือน โรงเพาะเห็ด คอกสตั ว์ ไมด้ อกไมป้ ระดบั พชื สวนครัวหลงั บา้ น เป็น ตน้ ) อยา่ งไรกต็ าม อตั ราส่วนดงั กล่าวเป็นสูตร หรือหลกั การโดยประมาณเท่าน้นั สามารถ ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไดต้ ามความเหมาะสม โดยข้ึนอยกู่ บั สภาพของพ้ืนที่ดิน ปริมาณ น้าฝน และสภาพแวดลอ้ ม เช่น ในกรณีภาคใตท้ ี่มีฝนตกชุก หรือพ้นื ท่ีที่มีแหล่งน้ามา เติมสระไดต้ ่อเน่ือง กอ็ าจลดขนาดของบ่อ หรือสระเกบ็ น้าใหเ้ ลก็ ลง เพือ่ เกบ็ พ้นื ที่ไวใ้ ช้
ประโชนอ์ ่ืนต่อไปได้ ๕. การดาเนินการตามทฤษฎีใหม่ มีปัจจยั ประกอบหลายประการ ข้ึนอยกู่ บั สภาพภูมิ ประเทศ สภาพแวดลอ้ มของแต่ละทอ้ งถิ่น ดงั น้นั เกษตรกรควรขอรับคาแนะนาจาก เจา้ หนา้ ท่ีดว้ ย และที่สาคญั คือ ราคาการลงทุนคอ่ นขา้ งสูง โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การขดุ สระน้า เกษตรกรจะตอ้ งไดร้ ับความช่วยเหลือจากส่วนราชการ มูลนิธิ และเอกชน ๖. ในระหวา่ งการขดุ สระน้า จะมีดินท่ีถูกขดุ ข้ึนมาจานวนมาก หนา้ ดินซ่ึงเป็นดินดี ควรนาไปกองไวต้ ่างหากเพ่ือนามาใชป้ ระโยชนใ์ นการปลูกพชื ต่างๆ ในภายหลงั โดย นามาเกลี่ยคลุมดินช้นั ล่างท่ีเป็นดินไม่ดี หรืออาจนามาถมทาขอบสระน้า หรือยกร่อง สาหรับปลูกไมผ้ ลกจ็ ะไดป้ ระโยชน์อีกทางหน่ึง
ตวั อย่ำงพืชท่คี วรปลกู และสัตว์ทีค่ วรเลยี้ ง ไม้ผลและผกั ยืนต้น : มะม่วง มะพร้าว มะขาม ขนุน ละมุด สม้ กลว้ ย นอ้ ยหน่า มะละกอ กะทอ้ น แคบา้ น มะรุม สะเดา ข้ีเหลก็ กระถิน ฯลฯ ผกั ล้มลุกและดอกไม้ : มนั เทศ เผอื ก ถว่ั ฝักยาว มะเขือ มะลิ ดาวเรือง บานไม่รู้โรย กหุ ลาบ รัก และซ่อนกลิ่น เป็นตน้ เห็ด : เห็ดนางฟ้า เห็ดฟาง เห็ดเป๋ าฮ้ือ เป็นตน้ สมุนไพรและเคร่ืองเทศ : หมาก พลู พริกไท บกุ บวั บก มะเกลือ ชุมเห็ด หญา้ แฝก และพชื ผกั บางชนิด เช่น กะเพรา โหระพา สะระแหน่ แมงลกั และตะไคร้ เป็นตน้ ไม้ใช้สอยและเชื้อเพลงิ : ไผ่ มะพร้าว ตาล กระถินณรงค์ มะขามเทศ สะแก ทองหลาง จามจุรี กระถิน สะเดา ข้ีเหลก็ ประดู่ ชิงชนั และยางนา เป็นตน้ พืชไร่ : ขา้ วโพด ถวั่ เหลือง ถว่ั ลิสง ถวั่ พมุ่ ถวั่ มะแฮะ ออ้ ย มนั สาปะหลงั ละหุ่ง นุ่น เป็นตน้ พืชไร่หลายชนิดอาจเกบ็ เกี่ยวเมื่อผลผลิตยงั สดอยู่ และจาหน่ายเป็นพชื ประเภท ผกั ได้ และมีราคาดีกวา่ เกบ็ เมื่อแก่ ไดแ้ ก่ ขา้ วโพด ถวั เหลือง ถวั่ ลิสง ถว่ั พมุ่ ถว่ั มะแฮะ ออ้ ย และมนั สาปะหลงั พืชบำรุงดนิ และพืชคลุมดนิ : ถว่ั มะแฮะ ถว่ั ฮามาตา้ โสนแอฟริกนั โสนพ้นื เมือง ปอ เทือง ถว่ั พร้า ข้ีเหลก็ กระถิน รวมท้งั ถวั่ เขียวและถว่ั พมุ่ เป็นตน้ และเม่ือเกบ็ เก่ียวแลว้ ไถกลบลงไปเพอ่ื บารุงดินได้ หมำยเหตุ : พชื หลายชนิดใชท้ าประโยชนไ์ ดม้ ากกวา่ หน่ึงชนิด และการเลือกปลูกพชื ควรเนน้ พืชยนื ตน้ ดว้ ย เพราะการดูแลรักษาในระยะหลงั จะลดนอ้ ยลง มีผลผลิตทยอย ออกตลอดปี ควรเลือกพืชยนื ตน้ ชนิดต่างๆ กนั ใหค้ วามร่มเยน็ และชุ่มช้ืนกบั ท่ีอยอู่ าศยั และส่ิงแวดลอ้ ม และควรเลือกตน้ ไมใ้ หส้ อดคลอ้ งกบั สภาพของพ้นื ที่ เช่น ไม่ควรปลูก ยคู าลิปตสั บริเวณขอบสระ ควรเป็นไมผ้ ลแทน เป็นตน้ สตั วเ์ ล้ียงอ่ืนๆ ไดแ้ ก่ สัตว์นำ้ : ปลาไน ปลานิล ปลาตะเพียนขาว ปลาดุก เพอ่ื เป็นอาหารเสริมประเภท โปรตีน และยงั สามารถนาไปจาหน่ายเป็นรายไดเ้ สริมไดอ้ ีกดว้ ย ในบางพ้นื ท่ีสามารถ เล้ียงกบได้
สุกร หรือ ไก่ เล้ียงบนขอบสระน้า ท้งั น้ี มูลสุกรและไก่สามารถนามาเป็นอาหารปลา บางแห่งอาจเล้ียงเป็ ดได้ ประโยชน์ของทฤษฎีใหม่ ๑. ใหป้ ระชาชนพออยพู่ อกินสมควรแก่อตั ภาพในระดบั ที่ประหยดั ไม่อดอยาก และ เล้ียงตนเองไดต้ ามหลกั ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพยี ง” ๒. ในหนา้ แลง้ มีน้านอ้ ย กส็ ามารถเอาน้าท่ีเกบ็ ไวใ้ นสระมาปลูกพืชผกั ต่างๆ ที่ใชน้ ้า นอ้ ยได้ โดยไม่ตอ้ งเบียดเบียนชลประทาน ๓. ในปี ท่ีฝนตกตามฤดูกาลโดยมีน้าดีตลอดปี ทฤษฎีใหม่น้ีสามารถสร้างรายไดใ้ หแ้ ก่ เกษตรกรไดโ้ ดยไม่เดือดร้อนในเรื่องคา่ ใชจ้ ่ายต่างๆ ๔. ในกรณีท่ีเกิดอุทกภยั เกษตรกรสามารถท่ีจะฟ้ื นตวั และช่วยตวั เองไดใ้ นระดบั หน่ึง โดยทางราชการไม่ตอ้ งช่วยเหลือมากนกั ซ่ึงเป็นการประหยดั งบประมาณดว้ ย
บรรณำนุกรม เศรษฐกิจพอเพียง - เศรษฐกิจพอเพยี ง (chaipat.or.th) เศรษฐกิจพอเพียง (คืออะไร หมายถึง ความหมาย) - Sanook! พีเดีย
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: