Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานพีท

รายงานพีท

Published by suttita kaewketpong, 2021-02-09 15:35:44

Description: รายงานพีท

Search

Read the Text Version

รายงาน เร่ือง เศรษฐกิจพอเพยี ง จดั ทาโดย นายวสิษฐพ์ ล ต่างเกสี ม.3/7 เลขท่ี13 เสนอ คุณครูศิริรักษ์ สมพงษ์ รายงานน้ีเป็นส่วนประกอบของรายวชิ าอาชีพ 3 รหสั วชิ า ง23201 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ

คานา รายงานนฉี้ บบั นี้ เป็นสว่ นหน่งึ ของรายวชิ าการงานอาชพี และเทคโนโลยชี น้ั มธั ยมปีท่ี 3 มจี ดุ ประสงคเ์ พ่ือศกึ ษาความรูท้ ่ไี ดจ้ ากเรอ่ื งเศรษฐกจิ พอเพียงชว่ ยพฒั นาใหผ้ เู้ รียนมีความรู้ ความเขา้ ใจ มีทกั ษะพนื้ ฐานท่จี าเป็นตอ่ การดารงชวี ติ การงานอาชีพและรูเ้ ทา่ ทนั การ เปล่ยี นแปลง สามารถนาความรูเ้ ก่ยี วกบั ผศู้ กึ ษาขอขอบพระคณุ คณุ ครู ศริ ริ กั ษ์ สมพงษ์ ท่ไี ดก้ รุณาใหแ้ นวคิดตา่ งๆขอ้ แนะนา หลายประการ ทาใหร้ ายงานเลม่ นสี้ มบรู ณม์ ากย่งิ ขนึ้ สดุ ทา้ ยนี้ ขา้ พเจา้ หวงั วา่ เนอื้ หาในรายงานฉบบั นที้ ่ไี ดเ้ รียบเรียงมาเป็นประโยชนต์ อ่ ผสู้ นใจเป็นอยา่ งดี หากมีส่งิ ใดในรายงานฉบบั นจี้ ะตอ้ งปรบั ปรุง ขา้ พเจา้ ขอนอ้ มรบั ในขอ้ ชแี้ นะ และจะนาไปแกไ้ ขหรือพฒั นาใหถ้ กู ตอ้ งสมบรู ณต์ ่อไป ผจู้ ดั ทา นายวสิษฐพ์ ล ต่างเกสี

สารบญั หนา้ 1-2 เร่อื ง ความหมายของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 3 จดุ เร่มิ ตน้ แนวคดิ เศรษฐกิจพอเพยี ง 4-7 พระราชดารสั ดา้ นเศรษฐกิจพอเพยี ง ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 8 การดาเนนิ ชีวิตตามแนวพระราชดารพิ อเพียง 9 ตวั อยา่ งเศรษฐกจิ พอเพยี ง 10-17 ความพอเพยี งระดบั บคุ คลและครอบครวั 18 เศรษฐกจิ พอเพียงระดบั ชมุ ชน 19 เศรษฐกจิ พอเพียงระดบั ประเทศ 20-21 บรรณานกุ รม 22



1 ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกจิ พอเพยี ง เป็นปรชั ญาชถี้ งึ แนวการดารงอยู่ และปฏบิ ตั ิตนของประชาชนในทกุ ระดบั ตง้ั แตร่ ะดบั ครอบครวั ระดบั ชมุ ชนจนถงึ ระดบั รฐั ทง้ั ในการพฒั นา และบริหารประเทศให้ ดาเนนิ ไปใน ทางสายกลาง โดยเฉพาะการพฒั นาเศรษฐกิจเพอ่ื ใหก้ า้ วทนั ตอ่ โลกยคุ โลกาภิ วตั น์ ความพอเพียง หมายถงึ ความพอประมาณ ความมเี หตผุ ล รวมถงึ ความจาเป็นท่จี ะตอ้ ง มรี ะบบภมู ิคมุ้ กนั ในตวั ท่ดี ีพอสมควร ต่อการมผี ลกระทบใดๆ อนั เกดิ จากการเปลย่ี นแปลงทงั้ ภายนอก และภายใน ทง้ั นจี้ ะตอ้ งอาศยั ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมดั ระวงั อย่าง ย่งิ ในการนาวชิ าการต่าง ๆ มาใชใ้ นการวางแผน และการดาเนนิ การทกุ ขนั้ ตอน และ ขณะเดียวกนั จะตอ้ งเสรมิ สรา้ งพนื้ ฐานจิตใจของคนในชาติโดยเฉพาะเจา้ หนา้ ท่ขี องรฐั นกั ทฤษฎี และนกั ธุรกิจในทกุ ระดบั ใหม้ สี านกึ ในคณุ ธรรม ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ และใหม้ ีความรอบรู้ ท่เี หมาะสม ดาเนินชีวติ ดว้ ยความอดทน ความเพยี ร มสี ติ ปัญญา และความรอบคอบ เพ่ือให้ สมดลุ และพรอ้ มต่อการรองรบั การเปล่ยี นแปลงอย่างรวดเรว็ และกวา้ งขวางทงั้ ดา้ นวตั ถุ ส่งิ แวดลอ้ ม และวฒั นธรรมจากโลกภายนอกไดเ้ ป็นอยา่ งดี ๑. ความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดที ่ไี มน่ อ้ ยเกินไปและไม่มากเกนิ ไป โดยไม่เบยี ดเบยี น ตนเองและผอู้ ่นื เชน่ การผลติ และการบรโิ ภคท่อี ยใู่ นระดบั พอประมาณ ๒. ความมีเหตผุ ล หมายถงึ การตดั สนิ ใจเก่ยี วกบั ระดบั ความพอเพยี งนน้ั จะตอ้ งเป็นไปอย่างมี เหตผุ ล โดยพจิ ารณาจากเหตปุ ัจจยั ท่เี ก่ยี วขอ้ ง ตลอดจนคานงึ ถงึ ผลท่ีคาดวา่ จะเกดิ ขนึ้ จากการ กระทานน้ั ๆ อย่างรอบคอบ ๓. ภมู คิ มุ้ กนั หมายถงึ การเตรียมตวั ใหพ้ รอ้ มรบั ผลกระทบและการเปล่ยี นแปลงดา้ นตา่ งๆ ท่จี ะ เกดิ ขนึ้ โดยคานึงถงึ ความเป็นไปไดข้ องสถานการณต์ ่างๆ ท่คี าดว่าจะเกดิ ขนึ้ ในอนาคต โดยมี เงอ่ื นไข ของการตดั สนิ ใจและดาเนนิ กิจกรรมตา่ งๆ ใหอ้ ย่ใู นระดบั พอเพียง ๒ ประการ ดงั นี้

2 ๑. เง่อื นไขความรู้ ประกอบดว้ ย ความรอบรูเ้ ก่ยี วกบั วชิ าการตา่ งๆ ท่เี ก่ยี วขอ้ งรอบดา้ น ความ รอบคอบท่จี ะนาความรูเ้ หลา่ นนั้ มาพิจารณาใหเ้ ช่ือมโยงกนั เพ่อื ประกอบการวางแผนและ ความระมดั ระวงั ในการปฏบิ ตั ิ ๒. เง่อื นไขคณุ ธรรม ท่จี ะตอ้ งเสรมิ สรา้ ง ประกอบดว้ ย มีความตระหนกั ใน คณุ ธรรม มีความ ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ และมคี วามอดทน มีความเพยี ร ใชส้ ติปัญญาในการดาเนินชีวิต

3 จุดเริ่มตน้ แนวคิดเศรษฐกิจพอเพยี ง ผลจากการใชแ้ นวทางการพฒั นาประเทศไปสคู่ วามทนั สมยั ไดก้ อ่ ใหเ้ กดิ การ เปลย่ี นแปลงแก่สงั คมไทยอยา่ งมากในทกุ ดา้ น ไมว่ า่ จะเป็นดา้ นเศรษฐกจิ การเมอื ง วฒั นธรรม สงั คมและสง่ิ แวดลอ้ ม อกี ทง้ั กระบวนการของความเปล่ยี นแปลงมคี วามสลบั ซบั ซอ้ นจนยากท่ี จะอธิบายใน เชงิ สาเหตแุ ละผลลพั ธไ์ ด้ เพราะการเปลย่ี นแปลงทง้ั หมดตา่ งเป็นปัจจัยเช่ือมโยง ซง่ึ กนั และกนั สาหรบั ผลของการพฒั นาในดา้ นบวกนนั้ ไดแ้ ก่ การเพ่มิ ขนึ้ ของอตั ราการเจริญเติบโตทาง เศรษฐกจิ ความเจรญิ ทางวตั ถุ และสาธารณูปโภคต่างๆ ระบบสอ่ื สารท่ที นั สมยั หรือการขยาย ปริมาณและกระจายการศกึ ษาอยา่ งท่วั ถงึ มากขนึ้ แตผ่ ลดา้ นบวกเหลา่ นสี้ ว่ นใหญ่กระจายไป ถงึ คนในชนบท หรือผดู้ อ้ ยโอกาสในสงั คมนอ้ ย แต่ว่า กระบวนการเปล่ยี นแปลงของสงั คมได้ เกดิ ผลลบติดตามมาดว้ ย เช่น การขยายตวั ของรฐั เขา้ ไปในชนบท ไดส้ ง่ ผลใหช้ นบทเกิดความ อ่อนแอในหลายดา้ น ทงั้ การตอ้ งพ่งึ พงิ ตลาดและพ่อคา้ คนกลางในการส่งั สนิ คา้ ทนุ ความเสอ่ื ม โทรมของทรพั ยากรธรรมชาติ ระบบความสมั พนั ธแ์ บบเครอื ญาติ และการรวมกลมุ่ กนั ตาม ประเพณีเพ่ือการจดั การทรพั ยากรท่เี คยมีอย่แู ตเ่ ดมิ แตก สลายลง ภมู ิความรูท้ ่เี คยใชแ้ กป้ ัญหา และส่งั สมปรบั เปลย่ี นกนั มาถกู ลมื เลอื นและเร่มิ สญู หายไป สง่ิ สาคญั กค็ ือ ความพอเพียงในการดารงชวี ิต ซง่ึ เป็นเง่ือนไขพนื้ ฐานท่ที าใหค้ นไทยสามารถ พง่ึ ตนเอง และดาเนนิ ชวี ิตไปไดอ้ ยา่ งมศี กั ดิ์ศรีภายใตอ้ านาจและความมีอิสระในการกาหนด ชะตาชีวิตของตนเอง ความสามารถในการควบคมุ และจดั การเพ่ือใหต้ นเองไดร้ บั การสนองตอบ ต่อความตอ้ ง การต่างๆ รวมทง้ั ความสามารถในการจดั การปัญหาต่างๆ ไดด้ ว้ ยตนเอง ซ่งึ ทงั้ หมดนถี้ อื วา่ เป็นศกั ยภาพพนื้ ฐานท่คี นไทยและสงั คมไทยเคยมีอยแู่ ต่ เดมิ ตอ้ งถกู กระทบ กระเทือน ซง่ึ วกิ ฤตเศรษฐกจิ จากปัญหาฟองสบแู่ ละปัญหาความออ่ นแอของชนบท รวมทง้ั ปัญหาอ่นื ๆ ท่เี กิดขนึ้ ลว้ นแต่เป็นขอ้ พสิ จู นแ์ ละยืนยันปรากฎการณน์ ไี้ ดเ้ ป็นอย่างดี

4 พระราชดารัสดา้ นเศรษฐกิจพอเพยี ง “การใชจ้ ่ายโดยประหยดั นนั้ จะเป็นหลกั ประกนั ความสมบรู ณพ์ นู สขุ ของผปู้ ระหยดั เองและ ครอบครวั ชว่ ยปอ้ งกนั ความขาดแคลนในวนั ขา้ งหนา้ การประหยดั ดงั กลา่ วนี้ จะมผี ลดไี ม่ เฉพาะแกผปู้ ระหยดั เทา่ นนั้ ยงั จะเป็นประโยชนแ์ ก่ประเทศชาตดิ ว้ ย” พระราชดารสั เน่อื งในโอกาสวนั ขนึ้ ปีใหม่ 31 ธันวาคม 2502 “การพัฒนาประเทศจาเป็ นต้องทาตามลาดับขั้น ตอ้ งสร้างพืน้ ฐานคือ ความ พอมีพอกิน พอใช้ ของประชาชนส่วนใหญ่เป็ นเบือ้ งต้นก่อน โดยใช้วิธีการและใช้ อุปกรณ์ที่ประหยัด แต่ถูกต้องตามหลักวิชา เมื่อได้พืน้ ฐานม่ันคงพร้อมพอควรและ ปฏิบัติไดแ้ ลว้ จึงค่อยสร้างเสริมความเจริญและฐานะเศรษฐกิจชั้นที่สูงขึ้นโดย ลาดับต่อไป” พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยขอนแก่น 20 ธันวาคม 2516

5 “...เศรษฐศาสตร์เป็ นวิชาของเศรษฐกิจ การที่ตอ้ งใช้รถไถต้องไปซื้อ เราตอ้ งใช้ ต้องหาเงินมาสาหรับซื้อนา้ มันสาหรับรถไถ เวลารถไถ เก่าเราต้องย่ิงซ่อมแซม แต่ เวลาใช้นั้นเราก็ต้องป้อนนา้ มันให้เป็ นอาหาร เสร็จแล้วมันคายควัน ควันเราสูดเข้า ไปแลว้ ก็ปวดหัว ส่วนควายเวลาเราใช้เราก็ ตอ้ งป้อนอาหาร ตอ้ งให้หญ้าให้อาหาร มันกิน แต่ว่ามันคายออกมา ที่มันคายออกมาก็เป็ นป๋ ยุ แล้วก็ใช้ได้สาหรับให้ที่ดิน ข อ ง เ ร า ไ ม่ เ สีย . . . ” พระราชดารัส เน่ืองในพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ณ ศาลาดุสิ ดาลัย วันท่ี ๙ พฤษภาคม ๒๕๒๙ “...เราไม่เป็นประเทศร่ารวย เรามพี อสมควร พออยไู่ ด้ แต่ไม่เป็นประเทศท่กี า้ วหนา้ อย่างมาก เราไมอ่ ยากจะเป็นประเทศกา้ วหนา้ อยา่ งมาก เพราะถา้ เราเป็นประเทศกา้ วหนา้ อย่างมากกจ็ ะ มแี ตถ่ อยกลบั ประเทศเหลา่ นั้นท่เี ป็นประเทศอตุ สาหกรรมกา้ วหนา้ จะมีแต่ถอยหลงั และถอย หลงั อย่างนา่ กลวั แต่ถา้ เรามีการบรหิ ารแบบเรียกว่าแบบคนจน แบบท่ไี มต่ ิดกบั ตารามาก เกนิ ไป ทาอย่างมสี ามคั คีน่แี หละคอื เมตตากนั จะอยไู่ ดต้ ลอดไป...” พระราชดารสั เน่อื งในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ดิ าลยั วนั ท่ี ๔ ธนั วาคม ๒๕๓๔

6 “การกเู้ งนิ ท่นี ามาใชใ้ นสง่ิ ท่ไี มท่ ารายไดน้ น้ั ไมไ่ ด้ อนั นเี้ ป็นขอ้ สาคญั เพราะวา่ ถา้ กเู้ งินและทาให้ มรี ายได้ ก็เทา่ กบั จะใชห้ นไี้ ด้ ไมต่ อ้ งติดหนี้ ไม่ตอ้ งเดือดรอ้ น ไมต่ อ้ งเสยี เกียรติ” พระราชดารัสเน่ืองในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 4 ธันวาคม 2540 “...ตามปกติคนเราชอบดสู ถานการณใ์ นทางดี ท่เี ขาเรยี กว่าเลง็ ผลเลศิ กเ็ หน็ ว่าประเทศไทย เรา น่กี า้ วหนา้ ดี การเงินการอตุ สาหกรรมการคา้ ดี มีกาไร อีกทางหน่งึ ก็ตอ้ งบอกวา่ เรากาลงั เส่อื ม ลงไปสว่ นใหญ่ ทฤษฎีว่า ถา้ มีเงินเท่านนั้ ๆ มกี ารกเู้ ทา่ นนั้ ๆ หมายความว่าเศรษฐกจิ กา้ วหน้า แลว้ กป็ ระเทศกเ็ จริญมีหวงั ว่าจะเป็นมหาอานาจ ขอโทษเลยตอ้ งเตอื นเขาว่า จรงิ ตวั เลขดี แต่วา่ ถา้ เราไมร่ ะมดั ระวงั ในความตอ้ งการพนื้ ฐานของประชาชนนนั้ ไมม่ ีทาง...” พระราชดารสั เน่อื งในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ดิ าลยั วนั ท่ี ๔ ธนั วาคม ๒๕๓๖

7 “เศรษฐกิจพอเพยี งนใี้ หป้ ฏบิ ตั เิ พียงคร่งึ เดยี ว คือไมต่ อ้ งทงั้ หมด หรอื แมจ้ ะเศษหน่งึ สว่ นส่กี ็พอ ไดป้ ฏบิ ตั ิเก่ยี วกบั การพฒั นามาชา้ นานแลว้ มาบอกวา่ เศรษฐกิจพอเพียงน่ดี ีมาก แลว้ กเ็ ขา้ ใจวา่ ปฏิบตั ิเพยี งเศษหน่งึ สว่ นสก่ี ็พอนนั้ หมายความว่า ถา้ ทาไดเ้ ศษหนง่ึ สว่ นส่ขี องประเทศกจ็ ะพอ ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียงและทาไดเ้ พยี งเศษหน่งึ สว่ นส่กี ็พอนนั้ ไม่ไดแ้ ปลวา่ เศษหน่งึ สว่ นส่ขี องพนื้ ท่ี แต่เศษหนง่ึ สว่ นสข่ี องการกระทา” พระราชดารสั เน่อื งในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา 4 ธันวาคม 2541 “คาว่าพอเพยี งความหมายอกี อยา่ งหน่งึ มคี วามหมายกวา้ งออกไปอกี ไมไ่ ดห้ มายถงึ การมีพอ สาหรบั ใชเ้ องเทา่ นน้ั แตม่ คี วามหมายวา่ พอมพี อกนิ พอมพี อกินนกี้ แ็ ปลวา่ เศรษฐกิจพอเพียง น่นั เอง” พระราชดารสั เน่อื งในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา 4 ธันวาคม 2541

8 ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เศรษฐกจิ พอเพยี ง เป็นปรชั ญาชถี้ งึ แนวการดารงอยแู่ ละปฏิบตั ิตนของประชาชนในทกุ ระดบั ตง้ั แตร่ ะดบั ครอบครวั ระดบั ชมุ ชน จนถงึ ระดบั รฐั ทงั้ ในการพฒั นาและบริหารประเทศให้ ดาเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพฒั นาเศรษฐกจิ เพ่อื ใหก้ า้ วทนั ต่อโลกยคุ โลกาภิวตั น์ ความพอเพยี ง หมายถงึ ความพอประมาณ ความมเี หตผุ ล รวมถงึ ความจาเป็นท่จี ะตอ้ งมรี ะบบ ภมู คิ มุ้ กนั ในตวั ท่ดี ีพอสมควร ต่อการกระทบใดๆ อนั เกิดจากการเปล่ยี นแปลงทงั้ ภายใน ภายนอก ทงั้ นี้ จะตอ้ งอาศยั ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมดั ระวงั อยา่ งย่งิ ในการนา วชิ าการตา่ งๆ มาใชใ้ นการวางแผนและการดาเนนิ การ ทกุ ขนั้ ตอน และขณะเดยี วกนั จะตอ้ ง เสริมสรา้ งพนื้ ฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจา้ หนา้ ท่ขี องรฐั นกั ทฤษฎี และนกั ธุรกจิ ใน ทกุ ระดบั ใหม้ ีสานกึ ในคณุ ธรรม ความซ่อื สตั ยส์ จุ ริต และใหม้ คี วามรอบรูท้ ่เี หมาะสม ดาเนิน ชวี ติ ดว้ ยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพ่อื ใหส้ มดลุ และพรอ้ มตอ่ การรองรบั การเปล่ยี นแปลงอยา่ งรวดเร็วและกวา้ งขวาง ทง้ั ดา้ นวตั ถุ สงั คม ส่งิ แวดลอ้ ม และ วฒั นธรรมจากโลกภายนอกไดเ้ ป็นอยา่ งดี

9 การดาเนินชีวติ ตามแนวพระราชดาริพอเพยี ง พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงเขา้ ใจถึงสภาพสงั คมไทย ดงั น้นั เมื่อไดพ้ ระราชทาน แนวพระราชดาริ หรือพระบรมราโชวาทในดา้ นตา่ งๆ จะทรงคานึงถึงวถิ ีชีวิต สภาพสงั คมของ ประชาชนดว้ ย เพ่ือไมใ่ ห้เกิดความขดั แยง้ ทางความคิด ที่อาจนาไปสู่ความขดั แยง้ ในทางปฏิบตั ิ ได้ แนวพระราชดาริในการดาเนินชีวิตแบบพอเพียง ๑. ยดึ ความประหยดั ตดั ทอนคา่ ใชจ้ ่ายในทุกดา้ น ลดละความฟ่ ุมเฟื อยในการใชช้ ีวิต ๒. ยึดถือการประกอบอาชีพดว้ ยความถูกตอ้ ง ซ่ือสตั ยส์ ุจริต ๓. ละเลิกการแก่งแยง่ ผลประโยชนแ์ ละแข่งขนั กนั ในทางการคา้ แบบตอ่ สูก้ นั อยา่ งรุนแรง ๔. ไม่หยดุ นิ่งท่ีจะหาทางใหช้ ีวิตหลุดพน้ จากความทกุ ขย์ าก ดว้ ยการขวนขวายใฝ่ หาความรู้ใหม้ ี รายไดเ้ พ่ิมพนู ข้ึน จนถึงข้นั พอเพียงเป็นเป้าหมายสาคญั ๕. ปฏิบตั ิตนในแนวทางท่ีดี ลดละส่ิงชว่ั ประพฤติตนตามหลกั ศาสนา

10 ตวั อยา่ งเศรษฐกิจพอเพียง ทฤษฎใี หม่ ทฤษฎใี หม่ คอื ตวั อยา่ งทเ่ี ป็ นรูปธรรมของ การประยกุ ตใ์ ชเ้ ศรษฐกจิ พอเพียงท่เี ด่นชดั ท่สี ดุ ซ่งึ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ไดพ้ ระราชทานพระราชดารินี้ เพ่อื เป็นการชว่ ยเหลอื เกษตรกรท่ี มกั ประสบปัญหาทงั้ ภยั ธรรมชาตแิ ละปัจจยั ภาย นอกท่มี ผี ลกระทบตอ่ การทาการเกษตร ให้ สามารถผ่านพน้ ชว่ งเวลาวกิ ฤต โดยเฉพาะการขาดแคลนนา้ ไดโ้ ดยไม่เดือดรอ้ นและยากลาบาก นกั ความเส่ยี งท่เี กษตรกร มกั พบเป็นประจา ประกอบดว้ ย ๑. ความเสย่ี งดา้ นราคาสนิ คา้ เกษตร ๒. ความเสย่ี งในราคาและการพง่ึ พาปัจจยั การผลติ สมยั ใหมจ่ ากตา่ งประเทศ ๓. ความเส่ยี งดา้ นนา้ ฝนทงิ้ ชว่ ง ฝนแลง้ ๔. ภยั ธรรมชาติอ่นื ๆ และโรคระบาด ๕. ความเส่ยี งดา้ นแบบแผนการผลิต - ความเส่ยี งดา้ นโรคและศตั รูพชื - ความเสย่ี งดา้ นการขาดแคลนแรงงาน - ความเส่ยี งดา้ นหนสี้ นิ และการสญู เสยี ท่ดี ิน ทฤษฎใี หม่ จงึ เป็นแนวทางหรอื หลกั การในการบรหิ ารการจดั การท่ดี ินและนา้ เพ่ือการเกษตรใน ท่ดี นิ ขนาดเลก็ ใหเ้ กิดประโยชนส์ งู สดุ ทฤษฎใี หม่ ความสาคญั ของทฤษฎใี หม่ ๑. มีการบริหารและจดั แบง่ ท่ดี นิ แปลงเลก็ ออกเป็นสดั สว่ นท่ชี ดั เจน เพ่อื ประโยชนส์ งู สดุ ของ เกษตรกร ซง่ึ ไมเ่ คยมีใครคิดมากอ่ น ๒. มีการคานวณโดยใชห้ ลกั วิชาการเก่ยี วกบั ปรมิ าณนา้ ท่จี ะกกั เก็บใหพ้ อเพียงต่อการ เพาะปลกู ไดอ้ ย่างเหมาะสมตลอดปี ๓. มีการวางแผนท่สี มบรู ณแ์ บบสาหรบั เกษตรกรรายย่อย โดยมีถงึ ๓ ขน้ั ตอน

11 ทฤษฎใี หมข่ ัน้ ตน้ ใหแ้ บง่ พนื้ ท่อี อกเป็น ๔ สว่ น ตามอตั ราสว่ น ๓๐:๓๐:๓๐:๑๐ ซ่งึ หมายถงึ พนื้ ท่สี ว่ นท่หี น่งึ ประมาณ ๓๐% ใหข้ ดุ สระเกบ็ กกั นา้ เพ่ือใชเ้ ก็บกกั นา้ ฝนในฤดฝู น และใชเ้ สรมิ การปลกู พืชในฤดแู ลง้ ตลอดจนการเลยี้ งสตั วแ์ ละพืชนา้ ตา่ งๆ พนื้ ท่สี ว่ นท่สี อง ประมาณ ๓๐% ใหป้ ลกู ขา้ วในฤดฝู นเพ่อื ใชเ้ ป็นอาหารประจาวนั สาหรบั ครอบครวั ใหเ้ พยี งพอตลอด ปี เพ่ือตดั คา่ ใชจ้ า่ ยและสามารถพง่ึ ตนเองได้ พนื้ ท่สี ว่ นท่สี าม ประมาณ ๓๐% ใหป้ ลกู ไมผ้ ล ไมย้ นื ตน้ พชื ผกั พืชไร่ พืชสมนุ ไพร ฯลฯ เพ่อื ใช้ เป็นอาหารประจาวนั หากเหลอื บรโิ ภคกน็ าไปจาหน่าย พนื้ ท่สี ว่ นท่สี ่ี ประมาณ ๑๐% เป็นท่อี ย่อู าศยั เลยี้ งสตั ว์ ถนนหนทาง และโรงเรอื นอ่นื ๆ ทฤษฎใี หม่ขนั้ ทสี่ อง เม่อื เกษตรกรเขา้ ใจในหลกั การและไดป้ ฏิบตั ิในท่ดี นิ ของตนจนไดผ้ ลแลว้ กต็ อ้ งเร่มิ ขนั้ ท่สี อง คือ ใหเ้ กษตรกรรวมพลงั กนั ในรูป กลมุ่ หรือ สหกรณ์ ร่วมแรงร่วมใจกนั ดาเนินการในดา้ น (๑) การผลติ (พนั ธพุ์ ืช เตรยี มดนิ ชลประทาน ฯลฯ) - เกษตรกรจะตอ้ งรว่ มมอื ในการผลติ โดยเร่มิ ตง้ั แตข่ น้ั เตรียมดนิ การหาพนั ธพุ์ ืช ป๋ ยุ การจดั หา นา้ และอ่นื ๆ เพ่อื การเพาะปลกู (๒) การตลาด (ลานตากขา้ ว ยงุ้ เคร่อื งสขี า้ ว การจาหน่ายผลผลติ ) - เม่อื มผี ลผลติ แลว้ จะตอ้ งเตรยี มการต่างๆ เพ่อื การขายผลผลติ ใหไ้ ดป้ ระโยชนส์ งู สดุ เช่น การ เตรียมลานตากขา้ วร่วมกนั การจดั หายงุ้ รวบรวมขา้ ว เตรียมหาเคร่อื งสขี า้ ว ตลอดจนการ รวมกนั ขายผลผลติ ใหไ้ ดร้ าคาดแี ละลดค่าใชจ้ ่ายลงดว้ ย (๓) การเป็นอยู่ (กะปิ นา้ ปลา อาหาร เคร่อื งน่งุ หม่ ฯลฯ) - ในขณะเดยี วกนั เกษตรกรตอ้ งมคี วามเป็นอย่ทู ่ดี ีพอสมควร โดยมีปัจจยั พนื้ ฐานในการ ดารงชีวิต เช่น อาหารการกนิ ต่างๆ กะปิ นา้ ปลา เสอื้ ผา้ ท่พี อเพยี ง (๔) สวสั ดกิ าร (สาธารณสขุ เงนิ ก)ู้ - แตล่ ะชมุ ชนควรมีสวสั ดิภาพและบริการท่จี าเป็น เชน่ มสี ถานีอนามยั เมอ่ื ยามป่วยไข้ หรือมี กองทนุ ไวก้ ยู้ มื เพ่ือประโยชนใ์ นกจิ กรรมตา่ งๆ ของชมุ ชน (๕) การศกึ ษา (โรงเรียน ทนุ การศกึ ษา)

12 - ชมุ ชนควรมบี ทบาทในการสง่ เสริมการศกึ ษา เช่น มกี องทนุ เพ่อื การศกึ ษาเลา่ เรยี นใหแ้ ก่ เยาวชนของชมชนเอง (๖) สงั คมและศาสนา - ชมุ ชนควรเป็นท่รี วมในการพฒั นาสงั คมและจิตใจ โดยมีศาสนาเป็นท่ยี ดึ เหน่ยี ว โดยกจิ กรรมทงั้ หมดดงั กลา่ วขา้ งตน้ จะตอ้ งไดร้ บั ความรว่ มมอื จากทกุ ฝ่ายท่เี ก่ยี วขอ้ ง ไมว่ ่าสว่ น ราชการ องคก์ รเอกชน ตลอดจนสมาชกิ ในชมุ ชนนน้ั เป็นสาคญั ทฤษฎใี หม่ขัน้ ทสี่ าม เม่อื ดาเนินการผา่ นพน้ ขนั้ ท่สี องแลว้ เกษตรกร หรอื กลมุ่ เกษตรกรกค็ วรพฒั นากา้ วหนา้ ไปสขู่ น้ั ท่สี ามตอ่ ไป คอื ติดต่อประสานงาน เพ่อื จดั หาทนุ หรอื แหลง่ เงนิ เชน่ ธนาคาร หรอื บริษัท หา้ ง รา้ นเอกชน มาช่วยในการลงทนุ และพฒั นาคณุ ภาพชีวิต ทง้ั นี้ ทงั้ ฝ่ายเกษตรกรและฝ่ายธนาคาร หรือบรษิ ัทเอกชนจะไดร้ บั ประโยชนร์ ว่ มกนั กลา่ วคือ - เกษตรกรขายขา้ วไดร้ าคาสงู (ไมถ่ กู กดราคา) - ธนาคารหรือบรษิ ัทเอกชนสามารถซอื้ ขา้ วบริโภคในราคาต่า (ซอื้ ขา้ วเปลอื กตรงจากเกษตรกร และมาสเี อง) - เกษตรกรซอื้ เคร่อื งอปุ โภคบรโิ ภคไดใ้ นราคาต่า เพราะรวมกนั ซอื้ เป็นจานวนมาก (เป็นรา้ น สหกรณร์ าคาขายสง่ ) - ธนาคารหรอื บรษิ ัทเอกชน จะสามารถกระจายบคุ ลากร เพ่อื ไปดาเนนิ การในกิจกรรมตา่ งๆ ให้ เกดิ ผลดีย่ิงขนึ้ หลักการและแนวทางสาคญั ๑. เป็นระบบการผลติ แบบเศรษฐกจิ พอเพียงท่เี กษตรกรสามารถเลยี้ งตวั เองไดใ้ นระดบั ท่ี ประหยดั ก่อน ทง้ั นี้ ชมุ ชนตอ้ งมคี วามสามคั คี ร่วมมอื รว่ มใจในการช่วยเหลอื ซง่ึ กนั และกนั ทานองเดยี วกบั การ “ลงแขก” แบบดงั้ เดิมเพ่ือลดคา่ ใชจ้ ่ายในการจา้ งแรงงานดว้ ย ๒. เน่อื งจากขา้ วเป็นปัจจยั หลกั ท่ที กุ ครวั เรอื นจะตอ้ งบริโภค ดงั นนั้ จงึ ประมาณวา่ ครอบครวั หน่งึ ทานาประมาณ ๕ ไร่ จะทาใหม้ ขี า้ วพอกนิ ตลอดปี โดยไมต่ อ้ งซอื้ หาในราคาแพง เพ่ือยดึ หลกั พ่งึ ตนเองไดอ้ ย่างมีอิสรภาพ ๓. ตอ้ งมีนา้ เพ่อื การเพาะปลกู สารองไวใ้ ชใ้ นฤดแู ลง้ หรือระยะฝนทงิ้ ชว่ งไดอ้ ยา่ งพอเพยี ง ดงั นน้ั

13 จงึ จาเป็นตอ้ งกนั ท่ดี ินสว่ นหน่งึ ไวข้ ดุ สระนา้ โดยมหี ลกั วา่ ตอ้ งมีนา้ เพียงพอท่จี ะเพาะปลกู ได้ ตลอดปี ทงั้ นี้ ไดพ้ ระราชทานพระราชดารเิ ป็นแนวทางว่า ตอ้ งมีนา้ ๑,๐๐๐ ลกู บาศกเ์ มตร ตอ่ การเพาะปลกู ๑ ไร่ โดยประมาณ ฉะนน้ั เม่อื ทานา ๕ ไร่ ทาพชื ไร่ หรอื ไมผ้ ลอีก ๕ ไร่ (รวมเป็น ๑๐ ไร่) จะตอ้ งมนี า้ ๑๐,๐๐๐ ลกู บาศกเ์ มตรต่อปี ดงั นน้ั หากตง้ั สมมติฐานว่า มพี นื้ ท่ี ๕ ไร่ ก็จะสามารถกาหนดสตู รคร่าวๆ วา่ แต่ละแปลง ประกอบดว้ ย - นาขา้ ว ๕ ไร่ - พชื ไร่ พชื สวน ๕ ไร่ - สระนา้ ๓ ไร่ ขดุ ลกึ ๔ เมตร จนุ า้ ไดป้ ระมาณ ๑๙,๐๐๐ ลกู บาศกเ์ มตร ซง่ึ เป็นปริมาณนา้ ท่ี เพยี งพอท่จี ะสารองไวใ้ ชย้ ามฤดแู ลง้ - ท่อี ยอู่ าศยั และอ่นื ๆ ๒ ไร่ รวมทงั้ หมด ๑๕ ไร่ แต่ทงั้ นี้ ขนาดของสระเก็บนา้ ขนึ้ อยกู่ บั สภาพภมู ปิ ระเทศและสภาพแวดลอ้ ม ดงั นี้ - ถา้ เป็นพนื้ ท่ที าการเกษตรอาศยั นา้ ฝน สระนา้ ควรมลี กั ษณะลกึ เพ่อื ปอ้ งกนั ไม่ใหน้ า้ ระเหย ไดม้ ากเกินไป ซง่ึ จะทาใหม้ ีนา้ ใชต้ ลอดทง้ั ปี - ถา้ เป็นพืน้ ท่ที าการเกษตรในเขตชลประทาน สระนา้ อาจมลี กั ษณะลกึ หรือตนื้ และแคบ หรือ กวา้ งก็ได้ โดยพิจารณาตามความเหมาะสม เพราะสามารถมีนา้ มาเติมอยเู่ ร่อื ยๆ การมีสระเกบ็ นา้ กเ็ พ่ือใหเ้ กษตรกรมนี า้ ใชอ้ ยา่ งสม่าเสมอทง้ั ปี (ทรงเรียกวา่ Regulator หมายถงึ การควบคมุ ใหด้ ี มรี ะบบนา้ หมนุ เวยี นใชเ้ พ่อื การเกษตรไดโ้ ดยตลอดเวลาอยา่ ง ต่อเน่อื ง) โดยเฉพาะอย่างย่งิ ในหนา้ แลง้ และระยะฝนทงิ้ ช่วง แตม่ ิไดห้ มายความวา่ เกษตรกร จะสามารถปลกู ขา้ วนาปรงั ได้ เพราะหากนา้ ในสระเกบ็ นา้ ไมพ่ อ ในกรณีมเี ข่อื นอยบู่ รเิ วณ ใกลเ้ คยี งกอ็ าจจะตอ้ งสบู นา้ มาจากเข่อื น ซ่งึ จะทาใหน้ า้ ในเข่อื นหมดได้ แตเ่ กษตรกรควรทานา ในหนา้ ฝน และเม่อื ถงึ ฤดแู ลง้ หรือฝนทงิ้ ชว่ งใหเ้ กษตรกรใชน้ า้ ท่เี ก็บตนุ นน้ั ใหเ้ กิดประโยชนท์ าง การเกษตรอย่างสงู สดุ โดยพิจารณาปลกู พืชใหเ้ หมาะสมกบั ฤดกู าล เพ่อื จะไดม้ ีผลผลติ อ่นื ๆ ไว้ บรโิ ภคและสามารถนาไปขายไดต้ ลอดทัง้ ปี ๔. การจดั แบง่ แปลงท่ดี ินเพ่อื ใหเ้ กดิ ประโยชนส์ งู สดุ นี้ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัวทรง คานวณและคานงึ จากอตั ราการถอื ครองท่ดี นิ ถวั เฉล่ยี ครวั เรอื นละ ๑๕ ไร่ อยา่ งไรก็ตาม หาก

14 เกษตรกรมพี นื้ ท่ถี ือครองนอ้ ยกวา่ นี้ หรอื มากกวา่ นี้ ก็สามารถใชอ้ ตั ราสว่ น ๓๐:๓๐:๓๐:๑๐ เป็นเกณฑป์ รบั ใชไ้ ด้ กลา่ วคอื รอ้ ยละ ๓๐ สว่ นแรก ขดุ สระนา้ (สามารถเลยี้ งปลา ปลกู พชื นา้ เช่น ผกั บงุ้ ผกั กะเฉด ฯลฯ ได้ ดว้ ย) บนสระอาจสรา้ งเลา้ ไกแ่ ละบนขอบสระนา้ อาจปลกู ไมย้ นื ตน้ ท่ไี ม่ใชน้ า้ มากโดยรอบ ได้ รอ้ ยละ ๓๐ สว่ นท่สี อง ทานา รอ้ ยละ ๓๐ สว่ นท่สี าม ปลกู พืชไร่ พืชสวน (ไมผ้ ล ไมย้ ืนตน้ ไมใ้ ชส้ อย ไมเ้ พ่อื เป็นเชอื้ ฟื น ไม้ สรา้ งบา้ น พืชไร่ พชื ผกั สมนุ ไพร เป็นตน้ ) รอ้ ยละ ๑๐ สดุ ทา้ ย เป็นท่อี ยอู่ าศยั และอ่นื ๆ (ทางเดิน คนั ดนิ กองฟาง ลานตาก กองป๋ ยุ หมกั โรงเรอื น โรงเพาะเห็ด คอกสตั ว์ ไมด้ อกไมป้ ระดบั พชื สวนครวั หลงั บา้ น เป็นตน้ ) อยา่ งไรกต็ าม อตั ราสว่ นดงั กลา่ วเป็นสตู ร หรือหลกั การโดยประมาณเทา่ นน้ั สามารถปรบั ปรุง เปล่ยี นแปลงไดต้ ามความเหมาะสม โดยขนึ้ อย่กู บั สภาพของพนื้ ท่ดี นิ ปริมาณนา้ ฝน และ สภาพแวดลอ้ ม เช่น ในกรณีภาคใตท้ ่มี ีฝนตกชกุ หรอื พนื้ ท่ที ่มี ีแหลง่ นา้ มาเตมิ สระไดต้ อ่ เน่อื ง ก็ อาจลดขนาดของบอ่ หรือสระเก็บนา้ ใหเ้ ลก็ ลง เพ่อื เกบ็ พนื้ ท่ไี วใ้ ชป้ ระโยชนอ์ ่นื ต่อไปได้ ๕. การดาเนินการตามทฤษฎีใหม่ มปี ัจจยั ประกอบหลายประการ ขนึ้ อยกู่ บั สภาพภมู ิประเทศ สภาพแวดลอ้ มของแต่ละทอ้ งถ่นิ ดังนนั้ เกษตรกรควรขอรบั คาแนะนาจากเจา้ หนา้ ท่ดี ว้ ย และท่ี สาคญั คือ ราคาการลงทนุ คอ่ นขา้ งสงู โดยเฉพาะอย่างย่งิ การขดุ สระนา้ เกษตรกรจะตอ้ งไดร้ บั ความชว่ ยเหลอื จากสว่ นราชการ มลู นิธิ และเอกชน ๖. ในระหวา่ งการขดุ สระนา้ จะมดี ินท่ถี กู ขดุ ขนึ้ มาจานวนมาก หนา้ ดินซ่งึ เป็นดนิ ดี ควรนาไป กองไวต้ า่ งหากเพ่อื นามาใชป้ ระโยชนใ์ นการปลกู พชื ต่างๆ ในภายหลงั โดยนามาเกล่ยี คลมุ ดนิ ชน้ั ลา่ งท่เี ป็นดนิ ไม่ดี หรืออาจนามาถมทาขอบสระนา้ หรอื ยกรอ่ งสาหรบั ปลกู ไมผ้ ลกจ็ ะได้ ประโยชนอ์ ีกทางหนง่ึ ตวั อยา่ งพชื ทคี่ วรปลูกและสัตวท์ คี่ วรเลยี้ ง ไมผ้ ลและผกั ยนื ตน้ : มะมว่ ง มะพรา้ ว มะขาม ขนนุ ละมดุ สม้ กลว้ ย นอ้ ยหนา่ มะละกอ กะ ทอ้ น แคบา้ น มะรุม สะเดา ขเี้ หลก็ กระถนิ ฯลฯ ผกั ลม้ ลกุ และดอกไม้ : มนั เทศ เผอื ก ถ่วั ฝักยาว มะเขอื มะลิ ดาวเรอื ง บานไม่รูโ้ รย กหุ ลาบ รกั และซ่อนกล่นิ เป็นตน้

15 เห็ด : เห็ดนางฟ้า เหด็ ฟาง เหด็ เป๋ าฮอื้ เป็นตน้ สมนุ ไพรและเคร่อื งเทศ : หมาก พลู พรกิ ไท บกุ บวั บก มะเกลอื ชมุ เห็ด หญา้ แฝก และพชื ผกั บางชนดิ เช่น กะเพรา โหระพา สะระแหน่ แมงลกั และตะไคร้ เป็นตน้ ไมใ้ ชส้ อยและเชือ้ เพลงิ : ไผ่ มะพรา้ ว ตาล กระถินณรงค์ มะขามเทศ สะแก ทองหลาง จามจรุ ี กระถนิ สะเดา ขเี้ หลก็ ประดู่ ชงิ ชนั และยางนา เป็นตน้ พืชไร่ : ขา้ วโพด ถ่วั เหลอื ง ถ่วั ลสิ ง ถ่วั พมุ่ ถ่วั มะแฮะ ออ้ ย มนั สาปะหลงั ละหงุ่ น่นุ เป็นตน้ พืช ไรห่ ลายชนดิ อาจเก็บเก่ยี วเม่อื ผลผลติ ยงั สดอยู่ และจาหน่ายเป็นพชื ประเภทผกั ได้ และมรี าคา ดีกว่าเก็บเม่อื แก่ ไดแ้ ก่ ขา้ วโพด ถวั เหลอื ง ถ่วั ลสิ ง ถ่วั พ่มุ ถ่วั มะแฮะ ออ้ ย และมนั สาปะหลงั พืชบารุงดินและพืชคลมุ ดิน : ถ่วั มะแฮะ ถ่วั ฮามาตา้ โสนแอฟรกิ นั โสนพนื้ เมือง ปอเทอื ง ถ่วั พรา้ ขเี้ หลก็ กระถนิ รวมทง้ั ถ่วั เขียวและถ่วั พมุ่ เป็นตน้ และเม่อื เกบ็ เก่ยี วแลว้ ไถกลบลงไปเพ่ือ บารุงดนิ ได้ หมายเหตุ : พืชหลายชนดิ ใชท้ าประโยชนไ์ ดม้ ากกวา่ หนง่ึ ชนิด และการเลอื กปลกู พชื ควรเนน้ พืช ยนื ตน้ ดว้ ย เพราะการดแู ลรกั ษาในระยะหลงั จะลดนอ้ ยลง มีผลผลติ ทยอยออกตลอดปี ควร เลอื กพืชยืนตน้ ชนดิ ต่างๆ กนั ใหค้ วามรม่ เย็นและชมุ่ ชนื้ กบั ท่อี ยอู่ าศยั และส่งิ แวดลอ้ ม และควร เลอื กตน้ ไมใ้ หส้ อดคลอ้ งกบั สภาพของพนื้ ท่ี เช่น ไม่ควรปลกู ยคู าลปิ ตสั บริเวณขอบสระ ควรเป็น ไมผ้ ลแทน เป็นตน้ สตั วเ์ ลยี้ งอ่นื ๆ ไดแ้ ก่ สตั วน์ า้ : ปลาไน ปลานลิ ปลาตะเพยี นขาว ปลาดกุ เพ่ือเป็นอาหารเสรมิ ประเภทโปรตีน และยงั สามารถนาไปจาหนา่ ยเป็นรายไดเ้ สรมิ ไดอ้ กี ดว้ ย ในบางพนื้ ท่ีสามารถเลยี้ งกบได้ สกุ ร หรือ ไก่ เลยี้ งบนขอบสระนา้ ทงั้ นี้ มลู สกุ รและไกส่ ามารถนามาเป็นอาหารปลา บางแห่ง อาจเลยี้ งเป็ดได้ ประโยชนข์ องทฤษฎใี หม่ ๑. ใหป้ ระชาชนพออย่พู อกนิ สมควรแกอ่ ตั ภาพในระดบั ท่ปี ระหยดั ไมอ่ ดอยาก และเลยี้ งตนเอง ไดต้ ามหลกั ปรชั ญา “เศรษฐกจิ พอเพียง” ๒. ในหนา้ แลง้ มนี า้ นอ้ ย ก็สามารถเอานา้ ท่เี กบ็ ไวใ้ นสระมาปลกู พชื ผกั ต่างๆ ท่ใี ชน้ า้ นอ้ ยได้ โดย ไม่ตอ้ งเบยี ดเบยี นชลประทาน

16 ๓. ในปีท่ฝี นตกตามฤดกู าลโดยมีนา้ ดีตลอดปี ทฤษฎใี หมน่ สี้ ามารถสรา้ งรายไดใ้ หแ้ ก่เกษตรกร ไดโ้ ดยไมเ่ ดอื ดรอ้ นในเรอ่ื งค่า ใชจ้ ่ายต่างๆ ๔. ในกรณีท่เี กิดอทุ กภยั เกษตรกรสามารถทจ่ี ะฟื้นตวั และชว่ ยตวั เองไดใ้ นระดบั หน่งึ โดยทาง ราชการไม่ตอ้ งชว่ ยเหลอื มากนกั ซ่งึ เป็นการประหยดั งบประมาณดว้ ย ทฤษฎีใหม่ท่สี มบรู ณ์ ทฤษฎีใหมท่ ่ดี าเนนิ การโดยอาศยั แหลง่ นา้ ธรรมชาติ นา้ ฝน จะอย่ใู นลกั ษณะ “หม่นิ เหม่” เพราะหากปีใดฝนนอ้ ย นา้ อาจจะไมเ่ พียงพอ ฉะนน้ั การท่จี ะทาใหท้ ฤษฎีใหมส่ มบรู ณไ์ ดน้ น้ั จาเป็นตอ้ งมีสระเกบ็ กกั นา้ ท่มี ปี ระสทิ ธิภาพและเต็มความสามารถ โดยการมแี หลง่ นา้ ขนาด ใหญ่ท่สี ามารถเพ่ิมเติมนา้ ในสระเก็บกกั นา้ ใหเ้ ต็มอยู่ เสมอ ดงั เช่น กรณีของการทดลองท่ี โครงการพฒั นาพนื้ ท่บี รเิ วณวดั มงคลชยั พฒั นาอนั เน่อื งมาจาก พระราชดาริ จงั หวดั สระบรุ ี ระบบทฤษฎีใหมท่ สี่ มบูรณ์ อา่ งใหญ่ เตมิ อา่ งเลก็ อ่างเลก็ เตมิ สระนา้ จากภาพ วงกลมเลก็ คือสระนา้ ท่เี กษตรกรขดุ ขนึ้ ตามทฤษฎใี หม่ เม่อื เกดิ ช่วงขาดแคลนนา้ ใน ฤดแู ลง้ เกษตรกรสามารถสบู นา้ มาใชป้ ระโยชนไ์ ด้ และหากนา้ ในสระนา้ ไมเ่ พียงพอก็ขอรบั นา้

17 จากอ่างหว้ ยหินขาว (อ่างเลก็ ) ซ่งึ ไดท้ าระบบสง่ นา้ เช่อื มต่อทางท่อลงมายงั สระนา้ ท่ไี ดข้ ดุ ไวใ้ น แต่ละแปลง ซง่ึ จะช่วยใหส้ ามารถมนี า้ ใชต้ ลอดปี กรณีท่เี กษตรกรใชน้ า้ กนั มาก อ่างหว้ ยหนิ ขาว (อา่ งเลก็ ) ก็อาจมปี รมิ าณนา้ ไมเ่ พยี งพอ ก็ สามารถใชว้ ธิ ีการผนั นา้ จากเข่อื นป่าสกั ชลสทิ ธิ์ (อา่ งใหญ่) ต่อลงมายงั อ่างเกบ็ นา้ หว้ ยหินขาว (อ่างเลก็ ) ก็จะช่วยใหม้ ปี รมิ าณนา้ มาเติมในสระของเกษตรกรพอตลอดทง้ั ปีโดยไมต่ อ้ งเส่ยี ง ระบบการจดั การทรพั ยากรนา้ ตามแนวพระราชดารพิ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั สามารถทา ใหก้ ารใชน้ า้ มปี ระสทิ ธิภาพอย่างสงู สดุ จากระบบสง่ ท่อเปิดผา่ นไปตามแปลงไร่นาตา่ งๆ ถงึ ๓- ๕ เทา่ เพราะยามหนา้ ฝน นอกจากจะมีนา้ ในอา่ งเกบ็ นา้ แลว้ ยงั มนี า้ ในสระของราษฎรเกบ็ ไว้ พรอ้ มกนั ดว้ ย ทาใหม้ ีปรมิ าณนา้ เพ่ิมอยา่ งมหาศาล นา้ ในอ่างท่ตี อ่ มาสสู่ ระจะทาหนา้ ท่เี ป็น แหลง่ นา้ สารอง คอยเติมเท่านน้ั เอง แปลงสาธิตทฤษฎใี หมข่ องมูลนิธชิ ยั พฒั นา ท่านท่สี นใจสามารถขอคาปรกึ ษาและเย่ยี มชมแปลงสาธิตทฤษฎีใหม่ได้ ดงั นี้ ๑. สานกั บรหิ ารโครงการ สานกั งานมลู นธิ ิชยั พฒั นา โทรศพั ท์ ๐ ๒๒๘๒ ๔๔๒๕ โทรสาร ๐ ๒๒๘๒ ๓๓๔๑ ๒. โครงการพฒั นาพนื้ ท่บี ริเวณวดั มงคลชยั พฒั นาอนั เน่อื งมาจากพระราชดาริ จงั หวดั สระบรุ ี โทรศพั ท์ / โทรสาร ๐ ๓๖๔๙ ๙๑๘๑ ๓. โครงการแปลงสาธิตการเกษตรแบบผสมผสานตามแนวพระราชดาริ (ทฤษฎีใหม)่ อาเภอ ปากท่อ จงั หวดั ราชบรุ ี โทรศพั ท์ / โทรสาร ๐ ๓๒๓๓ ๗๔๐๗ ๔. โครงการสวนสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี อาเภอชะอา จงั หวดั เพชรบรุ ี โทรศพั ท์ / โทรสาร ๐ ๓๒๕๙ ๔๐๖๗ ๕. โครงการสาธิตทฤษฎีใหม่ อาเภอเขาวง จงั หวดั กาสสนิ ธุ์ โทรศพั ท์ / โทรสาร ๐ ๔๓๘๕ ๙๐๘๙ ๖.โครงการสาธิตทฤษฎใี หม่ อาเภอปักธงชยั จงั หวดั นครราชสมี า โทรศพั ท์ / โทรสาร ๐ ๔๔๓๒ ๕๐๔๘

18 ความพอเพียงระดบั บุคคลและครอบครัว แนวปฏิบตั โิ ดยเร่มิ จากตวั เองก่อน โดยเร่มิ จากการขม่ ใจตวั เองกอ่ น และอบรมเลยี้ งดู คนในครอบครวั ใหม้ คี ณุ ธรรม กนิ อย่ตู ามอตั ภาพ พง่ึ พาตนเองอยา่ งเตม็ ความสามารถ ไม่ทา อะไรเกินตวั ไมล่ งทนุ เกินขนาด ดาเนนิ ชวี ติ โดยไมเ่ บยี ดเบยี นตนเองและผอู้ ่นื ใฝ่รู้ ใฝ่ศกึ ษา และมกี ารพฒั นาตนเองอยา่ งต่อเน่อื ง เพ่ือความม่นั คงในอนาคต และเป็นท่พี ่งึ ของผอู้ ่นื ไดใ้ น ท่สี ดุ

19 เศรษฐกิจพอเพยี งระดบั ชุมชน เศรษฐกิจพอเพยี งในระดบั ชมุ ชนนน้ั เป็นเศรษฐกจิ พอเพยี งระดบั ท่สี อง ซง่ึ เป็น เศรษฐกิจพอเพียงแบบกา้ วหนา้ ท่เี นน้ ความพอเพยี งในระดบั กลมุ่ หรอื องคก์ ร คือ เม่อื บคุ คล/ ครอบครวั มคี วามพอเพยี งในระดบั ท่หี น่งึ แลว้ ก็จะรวมพลงั กนั ในรูปกลมุ่ หรือสหกรณ์ เพอ่ื รว่ มกนั ดาเนนิ งานในดา้ นต่างๆ ทง้ั ดา้ นการผลติ การตลาด ความเป็นอยู่ สวสั ดิการ การศกึ ษา สงั คมและศาสนา โดยอาจจะไดร้ บั ความรว่ มมือจากหนว่ ยงานท่เี ก่ยี วขอ้ ง ท้ังหน่วยราชการ มลู นิธิ และเอกชน ชมุ ชนพอเพยี ง ประกอบดว้ ย บคุ คลและครอบครวั ต่างๆ ท่ใี ฝ่หาความกา้ วหนา้ บนพนื้ ฐานของ ปรชั ญาแห่งความพอเพียง คอื มคี วามรูแ้ ละคณุ ธรรมเป็นกรอบในการดาเนนิ ชีวติ จนสามารถ พ่งึ ตนเองได้ บคุ คลเหลา่ นมี้ ารวมกลมุ่ กนั ทากจิ กรรมตา่ งๆท่สี อดคลอ้ งเหมาะสมกบั สถานภาพ ภมู สิ งั คมของ แตล่ ะชมุ ชน โดยพยายามใชท้ รพั ยากรตา่ งๆ ท่มี อี ยใู่ นชมุ ชนใหเ้ กิดประโยชนส์ งู สดุ ผา่ นการร่วม แรง รว่ มใจ ร่วมคิด รว่ มทา แลกเปล่ยี นเรยี นรูก้ บั บคุ คลหลายสถานภาพในสง่ิ ท่จี ะสรา้ ง ประโยชนส์ ขุ ของคนสว่ นรวม และความกา้ วหนา้ ของชมุ ชนอย่างมเี หตผุ ล โดยอาศยั สติปัญญา ความสามารถของทกุ ฝ่ายท่เี ก่ยี วขอ้ ง อีกทงั้ ยงั ตอ้ งอย่บู นพนื้ ฐานของความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ อด กลน้ั ต่อการกระทบกระท่งั ขยนั หม่นั เพยี ร มคี วามเออื้ เฟื้อเผ่อื แผ่ และชว่ ยเหลอื แบง่ ปันกนั ระหว่างสมาชกิ ชมุ ชน จนนาไปสคู่ วามสามคั คีของคนในชมุ ชน ซง่ึ เป็นภมู ิคมุ้ กนั ท่ดี ีของชมุ ชน นาไปสกู่ ารพฒั นาของชมุ ชนท่สี มดลุ และพรอ้ มรบั ตอ่ การเปลย่ี นแปลงตา่ งๆ จนกระท่งั สามารถ พฒั นาไปสเู่ ครือข่ายระหวา่ งชมุ ชนตา่ งๆ การประยกุ ตใ์ ชห้ ลกั เศรษฐกจิ พอเพยี งในระดบั ชมุ ชนนน้ั จงึ เรยี กไดว้ า่ เป็นการใชห้ ลกั ปรชั ญาในขอบเขตท่กี วา้ งขนึ้ กวา่ ในระดบั บคุ คลและครอบครวั ซง่ึ ตอ้ งอาศยั ความรว่ มแรง ร่วมมอื และร่วมใจ จากคนจานวนมากขนึ้ เพ่อื จะรว่ มกนั ทาสง่ิ ต่างๆ ท่เี กดิ ประโยชนแ์ ก่คนกลมุ่ อ่นื ในชมุ ชนดว้ ย มไิ ดส้ รา้ งประโยชนใ์ หแ้ ตต่ นเองหรือครอบครวั เพียงอยา่ งเดยี ว

20 เศรษฐกิจพอเพียงระดบั ประเทศ ความพอเพยี งในระดบั ประเทศ เป็นเศรษฐกจิ พอเพียงแบบกา้ วหน้า ซ่งึ ครอบคลมุ ทฤษฎี ใหมข่ นั้ ท่ี 3 ซ่งึ สง่ เสรมิ ใหช้ มุ ชนหรอื เครอื ข่ายวิสาหกจิ สรา้ งความรว่ มมอื กบั องคก์ รอ่นื ๆ ใน ประเทศ เชน่ บริษัทขนาดใหญ่ ธนาคาร สถาบนั วิจยั เป็นตน้ การสรา้ งเครือขา่ ยความรว่ มมอื ในลกั ษณะเชน่ นจี้ ะเป็นประโยชนใ์ นการสบื ทอดภมู ิปัญญา แลกเปล่ยี นความรู้ เทคโนโลยี และบทเรยี นจากการพฒั นา หรือรว่ มมอื กนั พฒั นา ตามแนวทาง เศรษฐกิจพอเพียง ทาใหป้ ระเทศอนั เป็นสงั คมใหญ่อนั ประกอบดว้ ยชมุ ชน องคก์ ร และธุรกจิ ต่าง ๆ ท่ดี าเนนิ ชวี ิตอย่างพอเพียงกลายเป็นเครือข่ายชมุ ชนพอเพียงท่เี ช่ือมโยงกนั ดว้ ยหลกั ไม่ เบยี ดเบยี น แบง่ ปันและชว่ ยเหลอื ซ่งึ กนั และกนั ไดใ้ นท่สี ดุ การสรา้ งขบวนการขบั เคลอ่ื นเศรษฐกจิ พอเพยี ง สานักงานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ (สศช.) เสนอให้ รเิ ร่มิ การสรา้ งขบวนการขบั เคลอ่ื นเศรษฐกจิ พอเพียงเพ่อื สานต่อความคดิ และเช่อื มโยงการ ขยายผลท่เี กิดจากการนาหลกั ปรชั ญาฯ ไปใชอ้ ย่างหลากหลาย รวมทง้ั เพ่อื จดุ ประกายใหเ้ กดิ ความรูค้ วามเขา้ ใจท่ถี กู ตอ้ ง ซง่ึ จะนาไปสกู่ ารยอมรบั และการนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ กิดผลในทาง ปฏิบตั ิในทกุ ภาคสว่ นของสงั คมอย่างจรงิ จงั จากพระบรมราโชวาทและพระราชดารสั ของพระองค์ นบั ตง้ั แตป่ ี 2517 เป็นตน้ มา จะ พบวา่ พระองคท์ ่านไดท้ รงเนน้ ยา้ แนวทางการพฒั นาท่อี ยบู่ นพนื้ ฐานของการพ่งึ ตนเอง ความ พอมพี อกนิ พอมพี อใช้ การรูจ้ กั ความพอประมาณ การคานงึ ถงึ ความมีเหตผุ ล การสรา้ ง ภมู ิคมุ้ กนั ท่ดี ใี นตวั และทรงเตอื นสติประชาชนคนไทยไม่ใหป้ ระมาท ตระหนกั ถงึ การพฒั นา ตามลาดบั ขน้ั ตอนท่ถี กู ตอ้ งตามหลกั วชิ าการ ตลอดจนมีคณุ ธรรมเป็นกรอบในการดารงชวี ิตซง่ึ ทงั้ หมดนเี้ ป็นท่รี ูก้ นั ภายใตช้ ่อื ว่า เศรษฐกิจพอเพยี ง สศช. จงึ ไดเ้ ชญิ ผทู้ รงคณุ วฒุ ิจากสาขาต่าง ๆ มาร่วมกนั กล่นั กรองพระราชดารสั ฯ สรุปเป็น นยิ าม ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และไดอ้ ญั เชญิ มาเป็นปรชั ญานาทางในการจดั ทา แผน

21 พฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 9 เพ่ือสง่ เสริมใหป้ ระชาชนทกุ ระดบั มีความเขา้ ใจและนาไปประกอบการ ดาเนินชีวิต การขบั เคลอ่ื นเศรษฐกิจพอเพียง มีเปา้ หมายหลกั เพ่อื สรา้ งเครอื ขา่ ยเรียนรู้ ใหม้ ีการนาหลกั เศรษฐกิจพอเพยี งไปใชเ้ ป็นกรอบความคิด เป็นแนวทางในการปฏบิ ตั ิ ตลอดจนเป็นสว่ นหน่งึ ของวิถชี วี ิตของคนไทยในทกุ ภาคสว่ น วตั ถปุ ระสงคข์ องการขับเคล่อื นเพ่อื สรา้ งความรูค้ วามเขา้ ใจท่ถี กู ตอ้ ง เก่ยี วกบั หลกั เศรษฐกจิ พอเพียงใหป้ ระชาชนทกึ คนสามารถนาหลกั ปรชั ญาฯ ไปประยกุ ตใ์ หไ้ ดอ้ ยา่ ง เหมาะสม และปลกู ฝัง ปรบั เปลย่ี นกระบวนทศั นใ์ นการดารงชีวิตใหอ้ ย่บู นพนื้ ฐานของเศรษฐกิจ พอเพยี ง ตลอดจนนาไปสกู่ ารปรบั แนวทางการพฒั นาใหอ้ ย่บู นพนื้ ฐานของเศรษฐกิจพอเพียง การขบั เคลอ่ื นเศรษฐกจิ พอเพียง เป็นการเสริมพลงั ใหป้ ระเทศไทยสามารถพฒั นาไปได้ อย่างม่นั คง ภายใตก้ ระแสโลกาภิวตั น์ โดยใหค้ วามสาคญั กบั การสรา้ งฐานรากทางเศรษฐกจิ และสงั คมใหเ้ ขม้ แข็ง รกั ษาความสมดลุ ของทนุ และทรพั ยากรในมิตติ า่ ง ๆ ตลอดจนสามารถ ปรบั ตวั พรอ้ มรบั ตอ่ การเปล่ยี นแปลงต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งเท่าทนั และนาไปสคู่ วามเอย่เู ย็นเป็นสขุ ของประชาชนชาวไทย

22 บรรณานุกรม https://www.chaipat.or.th/publication/publish-document/sufficiency-economy/item/ https://ka.mahidol.ac.th/king_9/sufficiency-economy.html https://blog.sellsuki.co.th/sufficiency-eco-and-sme/ https://porlaewdeethecreator.com/about-pd/ https://sites.google.com/site/kidtipat0124/-khwam-phx-pheiyng-ni-radab-prathes


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook