การบญั ชเี บือ้ งต้น (20200-1002) (Basic Accounting) By T. Kanyaporn Suwannapan ครปู ระจาสาขาวิชาการบญั ชี วทิ ยาลัยการอาชีพนวมนิ ทราชนิ ีมกุ ดาหาร
จดุ ประสงคร์ ายวชิ า เพ่อื ให้ 1. มีความเข้าใจหลักการ วิธีการ และ ขั้นตอนการจัดทาบัญชีสาหรับกิจการ เจ้าของคนเดียวประเภทธุรกิจบริการ 2. มีทักษะปฏิบัติงานบัญชีตามหลักการ บัญชีท่ีรับรองทั่วไปสาหรับกิจการ เจา้ ของคนเดยี วประเภทธรุ กจิ บรกิ าร 3. มกี ิจนิสัย มีระเบียบ ละเอียด รอบคอบ ซ่ือสัตย์ มีวินัย ตรงต่อเวลา และมีเจต คตทิ ด่ี ตี ่อวิชาชีพบัญชี
สมรรถนะรายวชิ า 1. แสดงความรู้เก่ียวกับหลักการ วิธีการ และขน้ั ตอนการจัด ทาบัญชสี าหรับกจิ การ เจ้าของคนเดียวประเภท ธุรกจิ บริการ 2. ปฏิบัติงานบัญชีสาหรับกิจการเจ้าของคน เดียวประเภทธุรกิจบริการตามหลักการ บัญชที รี่ บั รองทวั่ ไป
บทท่ี 1 ความรู ้ เกย่ี วกบั การบญั ชี 1. กฎหมายทเ่ี กย่ี วขอ้ ง 2. การรายงานทางการเงนิ 3. รูปแบบของธุรกจิ 4. กิจกรรมพน้ื ฐานทางธุรกจิ 5. การเขียนตัวเลขตามหลักบญั ชี
ความหมายของการบญั ชี สมาคมนักบญั ชแี หง่ ประเทศ สหรัฐอเมริกา American Institute of Certified Public Accountants หรือ AICPA “การบัญชีเป็นศิลปะของการจดบันทึก รายการหรือเหตุการณ์และรายการต่างๆ ที่เก่ียวข้อง กับการเงินไว้ในรูปของ เงินตรา การจัดหมวดหมู่รายการ เหล่าน้ัน การสรุปผล รวมทั้งการ ตีความหมาย ของผลนน้ั ”
กระบวนการทางการบญั ชี (The Accounting Process) มี 4 ขั้นตอน ได้แก่ ข้นั ตอนที่ 1 การรวบรวมข้อมลู (Data gathering) ขั้นตอนท่ี 2 การบันทกึ รายการ (Recording) ข้ันตอนที่ 3 การสรปุผล (Summarizing) ข้นั ตอนท่ี 4 การสื่อข้อมลู เพ่ือการตดั สินใจ (Communicating)
การรวบรวมข้อมลู Data gathering เป็นการรวบรวมข้อมูลและข้อเท็จจริงในรูปแบบของ เอกสารและจัดเก็บเข้าแฟ้ม โดยเรียงลาดับวันที่ข้อมูล หรือรายการใดไม่มีเอกสาร เช่น ค่าใช้จ่ายท่ีผู้รับเงินไม่ สามารถออกหลักฐาน การรับเงินได เช่น ค่ารถรับจ้าง คา่ จา้ งคนส่งเอกสาร ให้จดั ทา ใบรับรองแทนใบสาคัญรับ เงิน
การบนั ทึกรายการที่เกิดขน้ึ ประจาวัน(Recording) เป็นการจดบันทึกรายการค้าเฉพาะที่สามารถ ตีค่าเป็นตัวเงินได้ โดยเรียงลาดับวันท่ี ที่เกิด รายการในสมุดบันทึกรายการขั้นต้นและผ่าน รายการไปสมุดบนั ทึกรายการข้นั ปลาย
การสรุปผลของข้อมูล (Summarizing) เป็ นการตีความหมายของรายการในสมุด บนั ทกึ รายการขน้ั ปลาย และนามาสรุปในรูป ของ รายงานทางการเงนิ
การส่อื สารขอ้ มลู เพอื่ การตดั สนิ ใจ (Communicating) เป็นการนาเสนอรายงานทางการเงินเพ่ือการ ตัดสินใจของผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้บริหาร สถาบนั การเงนิ ผูถ้ ือหุ้น
วตั • Iถnfoปุ graรpะhiสc Sงtyคle ข์ องการบญั ชี • 1. เพอื่ จดบนั ทกึ เหตกุ ารณท์ างการเงนิ ทเี่ กดิ ขนึ้ ตามประเภทรายการ และเรยี งลาดบั กอ่ นหลงั อย่าง ครบถว้ น • 2. เพอื่ จดบนั ทกึ รายการคา้ ให ้ ถกู ตอ้ ง เป็ นตาม หลกั การบญั ชแี ละตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการบญั ชี • 3. เพอื่ แสดงผลการดาเนินงานใน รอบระยะเวลาหนึง่ (งบกาไรขาดทนุ ) • 4. เพอื่ แสดงฐานะการเงนิ ของกจิ การ ณ วนั ใดวนั หนึง่ (งบดลุ ) • 5. เพอื่ เป็ นการ ป้ องกนั การทจุ รติ ทอี่ าจเกดิ ขนึ้
ป•รInะfoโgยrapชhicนStข์yleองการบญั ชี • 1. ชว่ ยใหเ้ จา้ ของกจิ การสามารถ ควบคมุ ดแู ล รกั ษา สนิ ทรพั ยข์ องกจิ การได ้ • 2. ชว่ ยใหท้ ราบ ผลการดาเนินงาน ของกจิ การ – งบกาไร/ขาดทนุ • 3. ชว่ ยใหท้ ราบ ฐานะทางการเงนิ ของกจิ การ - งบ ดลุ • 4. ชว่ ยในการ กาหนดนโยบาย วางแผนการ ดาเนินงาน • 5. ชว่ ยในการ ตดั สนิ ใจในการบรหิ าร การ ดาเนินงาน • 6. ชว่ ยในการ ตรวจสอบ หาขอ้ ผดิ พลาด • ชว่ ย ใหข้ อ้ มูล แกบ่ คุ คลภายใน และภายนอก
ประวตั ิความเปน็ มาของบญั ชี การบัญชีเกิดขึ้นคร้ังแรกในประเทศอิตาลี โดยลูกา ปาซิโอลิ (Luca Pacioli) ชาวอิ ตาเลียน เป็นคนแรกที่วางรากฐานทางการบัญชี จนได้รับฉายาว่าเป็นบิดาแห่งงบดุล (The Father of the Balance Sheet) ปาซิโอลิ เป็นคนที่ช่างสังเกต เขาสังเกตว่าพ่อค้าชาวอิตาเลียน นิยมเกบ็ ข้อมลู ทางธุรกิจโดยแบ่งเป็น 2 ดา้ น คือ เดบิตและเครดิต และข้อมูลน้ันจะถูกแยกออกเป็นหมวดหมู่ แนวคิดของปาซิโอลิ เก่ียวกับระบบบัญชีคู่เป็นท่ียอมรับและ ถือปฏิบัติมาจนทุกวันน้ี ดงั นัน้ ปาซโิ อลิ จงึ ได้รับการยกยอ่ งว่าเปน็ บดิ าแห่งการบัญชี
ขอ้ สมมติทางบญั ชี ขอ้ สมมตทิ างบญั ชตี ามมาตรฐานการรายงานทางการเงนิ สาหรบั กจิ การที่ ไม่มสี ว่ นไดเ้ สยี สาธารณะ สภาวชิ าชพี บญั ชใี นพระบรมราชปถู มั ภม์ ี รายละเอยี ดดงั นี้ ข้อสมมติท่ีใช้ในการนาเสนองบการเงินตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน สาหรับกิจการที่ ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ ได้แก่ เกณฑ์คงค้าง และการดาเนินงาน ต่อเน่ือง 1. เกณฑ์คงค้าง (Accrual Basis) กาหนดให้กิจการต้องรับรู้รายการนั้นซ่งึ อาจเป็นรอบ ระยะเวลา บญั ชีเดยี วกันหรือต่างกนั กบั รอบระยะเวลาบญั ชีที่กจิ การได้รับหรือจ่ายชาระ เงินสด 2. การดาเนินงานต่อเน่ือง (Going Concern) คือ ข้อสมมติว่ากิจการจะยังคง ดาเนินงานอยู่ต่อไป ในอนาคตหากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดาเนินงานต่อเนื่อง กิจการ ต้องวัดมูลค่ารายการท่ีรับรู้ในงบการเงินด้วยเกณฑ์ที่ต่างจากเกณฑ์ที่มีมาตรฐานการ รายงานทางการเงินฉบบั น้ีกาหนดไว้
ความแตกตา่ งระหว่างนกั บัญชีและผูท้ าบญั ชี นกั บญั ชี ผูท้ าบญั ชี Accountants Bookkeepers บนั ทกึ และรวบรวมขอ้ มูล ปฏบิ ตั งิ านเกยี่ วกบั การ เกยี่ วกบั การเงนิ ประจาวนั บญั ชี ออกแบบเอกสารทางธรุ กจิ เก็บรวบรวมขอ้ มูล หรอื วางระบบบญั ชี จดั ทางบประมาณ จดบนั ทกึ ขอ้ มูลประจาวนั ออกแบบรายงานทางบญั ชี จดั ทารายงานทางการเงนิ
รายงานทางการบัญชี รายงานทางการบรหิ าร Managerial Reports รายงานเฉพาะหรอื รายงานพเิ ศษ Special Reports รายงานทางการเงิน Financial Reports DDDD D
ผู้ใช้ขอ้ มูล 2017 2018 2019 ภายใน 2016 ผใู้ ช้ขอ้ มลู ทางบัญชี ผใู้ ชข้ อ้ มูล ภายนอก
อาชพี ทางการบญั ชี การบญั ชสี ว่ นบคุ คล Private Accounting การบญั ชสี าธารณะ Public Accounting การบญั ชรี ฐั บาลหรอื สว่ นราชการ Government Accounting
จรรยาบรรณผู้ประกอบวชิ าชพี บัญชี ความซื่อสัตยส์ ุจรติ ความเที่ยงธรรม และความเปน็ อสิ ระ ความรู้ ความสามารถ ความเอาใจใส่ และการรักษามาตรฐานการปฏิบตั งิ าน การรกั ษาความลับ พฤติกรรมทาง ความโปรง่ ใส วิชาชีพ
พระราชบญั ญตั ิการบญั ชี พ.ศ. 2543 และพระราชบัญญตั วิ ิชาชพี บัญชี พ.ศ. 2547 พระราชบัญญตั กิ ารบัญชี พ.ศ. 2543 โดยท่ีเป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการ บัญชี พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติ บางประการเกี่ยวกับ การจากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซ่ึงมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 35 มาตรา 48 และมาตรา 50 ของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทาได้ โดยอาศัยอานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ในที่นี้จะ กล่าวถงึ เฉพาะบางมาตราเท่านน้ั
มาตรา 4 ในพระราชบญั ญัตินี้ “งบการเงิน” หมายความว่า รายงานผลการดาเนินงาน ฐานะการเงินหรือการเปลี่ยนแปลงฐานะการเงินของกิจการ ไม่ว่า จะรายงานโดยงบดุล (งบแสดงฐานะการเงิน) งบกาไรขาดทุน งบ กาไรสะสม งบกระแสเงินสด งบแสดงการเปล่ียนแปลงส่วนของผู้ ถือหุ้น งบประกอบหรือ หมายเหตุประกอบงบการเงิน หรือ คาอธิบายอน่ื ซึ่งระบุไว้วา่ เป็นสว่ นหน่งึ ของงบการเงนิ “มาตรฐานการบัญชี” หมายความวา่ หลักการบัญชแี ละวิธี ปฏิบัติทางการบัญชีท่ีรับรองทั่วไป หรือมาตรฐานการบัญชีท่ี กาหนดตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการนั้น
“ผู้มีหน้าที่จัดทาบัญชี” หมายความว่า ผู้มีหน้าท่ีจัดให้มีการทาบัญชี ตาม พระราชบญั ญตั ินี้ “ผู้ทาบัญชี” หมายความว่า ผู้รับผิดชอบในการทาบัญชีของผู้มีหน้าที่จัดทาบัญชีไม่ ว่าจะไดก้ ระทาในฐานะเป็นลกู จ้างของผมู้ หี น้าทจ่ี ัดทาบัญชหี รอื ไมก่ ต็ าม “สารวัตรใหญ่บัญชี” หมายความว่า อธิบดี และให้หมายความถึงผู้ซ่ึงอธิบดี มอบหมายดว้ ย “สารวัตรบัญชี” หมายความว่า ผู้ซ่ึงอธิบดีแต่งตั้งให้เป็นสารวัตรบัญชีประจา สานักงานบัญชปี ระจาทอ้ งที่ “อธบิ ด”ี หมายความว่า อธิบดกี รมทะเบยี นการค้า “รัฐมนตรี” หมายความวา่ รัฐมนตรีผ้รู กั ษาการตามพระราชบัญญัตนิ ้ี
ผู้มีหนา้ ทจี่ ดั ทาบัญชี มาตรา 8 ให้ห้างหนุ้ ส่วนจดทะเบียน บริษัทจากัด บริษัทมหาชนจากัด ที่จัดตง้ั ขน้ึ ตาม กฎหมายไทย นิติบุคคลทต่ี ้งั ขน้ึ ตามกฎหมายต่างประเทศทป่ี ระกอบธุรกจิ ในประเทศไทย กิจการ รว่ มคา้ ตามประมวลรษั ฎากร เป็นผูม้ หี น้าทีจ่ ัดทาบัญชี และต้องจัดให้มีการทาบญั ชสี าหรับ การ ประกอบธรุ กิจของตนโดยมีรายละเอยี ด หลักเกณฑแ์ ละวธิ กี ารตามที่บญั ญตั ไิ วใ้ นพระราชบัญญตั ิน้ี มาตรา 10 ผู้มหี น้าทจี่ ดั ทาบัญชีต้องปิดบญั ชีครั้งแรกภายในสิบสองเดอื นนบั แต่วนั เรม่ิ ทา บัญชที ่กี าหนดตามมาตรา 8 วรรคหกหรอื วนั เร่มิ ทาบญั ชีตามมาตรา 9 แลว้ แตก่ รณี และปิดบญั ชี ทุกรอบสิบสองเดอื นนบั แต่วันปดิ บญั ชคี รงั้ ก่อน เวน้ แต่ 1. เมื่อได้รบั อนญุ าตจากสารวัตรใหญบ่ ัญชหี รือสารวัตรบัญชีให้เปลย่ี นรอบบญั ชแี ลว้ อาจ ปดิ บัญชีกอ่ นครบรอบสิบสองเดือนได้ 2. ในกรณมี หี น้าทจ่ี ดั ทาบญั ชีตามมาตรา 8 วรรคสอง ให้ปิดบญั ชีพร้อมกับสานักงานใหญ่
มาตรา 11 ผมู้ ีหน้าทีจ่ ดั ทาบญั ชีซึ่งเปน็ ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ที่จัดตั้งข้ึนตามกฎหมายไทย นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมาย ต่างประเทศ และกิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร ต้องจัดทางบ การเงิน และย่ืนงบการเงินดังกล่าวต่อสานักงานกลางบัญชี หรือ สานักงานบัญชีประจาท้องที่ภายในห้าเดือนนับแต่วันปิดบัญชีตาม มาตรา 10 สาหรับกรณีของบริษัทจากัดหรือบริษัทมหาชนจากัดที่ จัดตั้งตามกฎหมายไทย ให้ยื่นภายในหน่ึงเดอื นนับแต่วันที่งบการเงิน น้ันได้รับอนุมัติในที่ประชุมใหญ่ ทั้งนี้ เว้นแต่มีเหตุจาเป็นทาให้ผู้มี หน้าที่จัดทาบัญชีไม่สามารถจะปฏิบัติตามกาหนดเวลาดังกล่าวได้ อธิบดีอาจพิจารณาส่ังให้ขยายหรือเลื่อนกาหนดเวลาออกไปอีกตาม ความจาเปน็ แกก่ รณีได้
มาตรา 12 ในการจัดทาบัญชีผ้มู หี นา้ ทจ่ี ัดทาบัญชีต้องสง่ มอบเอกสารทตี่ อ้ งใช้ ประกอบการลงบญั ชใี ห้แก่ผู้ทาบัญชีใหถ้ กู ตอ้ งครบถ้วน เพ่ือให้บญั ชีท่จี ัดทาข้ึน สามารถแสดงผลการดาเนินงาน ฐานะการเงนิ หรือการเปลี่ยนแปลงฐานะการเงนิ ที่ เปน็ อยูต่ ามความเป็นจรงิ และตามมาตรฐานการบัญชี มาตรา 13 ผ้มู หี นา้ ทีจ่ ดั ทาบัญชีตอ้ งเก็บรักษาบญั ชแี ละเอกสารทตี่ อ้ งใช้ ประกอบ การลงบัญชไี ว้ ณ สถานท่ีทาการ หรอื สถานท่ีทีใ่ ช้เปน็ ที่ทาการผลติ หรอื เก็บ สนิ คา้ เปน็ ประจาหรือสถานที่ท่ใี ช้เป็นท่ที างานเป็นประจา เว้นแต่ผูม้ หี น้าทจ่ี ดั ทาบญั ชี จะได้รับอนญุ าตจากสารวตั รใหญ่บญั ชี หรือสารวตั รบญั ชี ให้เก็บรักษาบัญชีและ เอกสารท่ีต้องใช้ประกอบการลงบญั ชไี ว้ ณ สถานท่อี น่ื ได้ การขออนญุ าตและการอนุญาตตามวรรคหนึ่งให้เปน็ ไปตามหลักเกณฑแ์ ละ วิธกี ารทอี่ ธบิ ดกี าหนด และระหว่างรอการอนุญาตให้ผมู้ ีหนา้ ทจี่ ดั ทาบญั ชีเกบ็ รกั ษา บญั ชีและเอกสารที่ตอ้ งใช้ ประกอบการลงบัญชีไว้ในสถานท่ที ี่ยน่ื ขอนน้ั ไปพลางก่อน ได้
ในกรณที จี่ ัดทาบัญชดี ว้ ยเครอื่ งคอมพิวเตอร์หรือเครอื่ งมืออ่นื ใด ในสถานท่ีอน่ื ใด ใน ราชอาณาจกั ร ทมี่ ิใชส่ ถานทตี่ ามวรรคหนึง่ แต่มกี ารเชือ่ มโยงเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ หรอื เครื่องมอื นั้น มายังสถานทตี่ ามวรรคหนง่ึ กรณดี งั กลา่ วนีใ้ ห้ถือวา่ ไดม้ ีการเกบ็ รักษาบัญชีไว้ ณ สถานทีต่ ามวรรคหนงึ่ แล้ว มาตรา 14 ผู้มหี น้าท่ีจัดทาบญั ชีตอ้ งเก็บรกั ษาบญั ชีและเอกสารที่ตอ้ งใช้ ประกอบการลงบญั ชีไว้เปน็ เวลาไม่น้อยกว่าหา้ ปี นบั แต่วนั ปดิ บัญชีหรอื จนกว่าจะมี การสง่ มอบบัญชแี ละเอกสารตามมาตรา 17 เพ่อื ประโยชน์ในการตรวจสอบบัญชขี องกิจการประเภทใดประเภทหนึ่ง ให้ อธบิ ดีโดยความเหน็ ชอบของรฐั มนตรมี อี านาจกาหนดใหผ้ ู้มีหนา้ ที่จดั ทาบญั ชเี กบ็ รักษา บัญชีและเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบญั ชีไวเ้ กนิ ห้าปี แต่ต้องไมเ่ กนิ เจ็ดปีได้
มาตรา 17 เมื่อผมู้ ีหน้าท่ีจัดทาบัญชีเลิกประกอบธุรกิจด้วยเหตใุ ดๆ โดยมิได้มี การชาระบัญชี ให้ส่งมอบบัญชีและเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีแก่สารวตั ร ใหญ่บัญชี หรือสารวัตรบัญชีภายในเก้าสิบวันนับแต่วันเลิกประกอบธุรกิจ และให้ สารวัตรใหญ่บัญชีหรือสารวัตรบัญชี เก็บรักษาบัญชีและเอกสารท่ีต้องใช้ ประกอบการลงบญั ชดี งั กลา่ วไวไ้ ม่น้อยกว่าห้าปี มาตรา 19 ผู้มีหน้าที่จัดทาบัญชีต้องจัดให้มีผู้ทาบัญชีซึ่งเป็นผู้มีคุณสมบัติ ตามที่อธิบดีกาหนด ตามมาตรา 7(6) เพื่อจัดทาบัญชีตามพระราชบัญญัตินี้ และมี หน้าท่ีควบคุมดูแลผู้ทาบัญชีให้จัดทาบัญชีตรงต่อความเป็นจริงและถูกต้องตาม พระราชบญั ญตั ิ
ผู้มีหน้าท่ีจัดทาบัญชีซ่ึงเป็นบุคคลธรรมดาจะเป็นผู้ทาบัญชีสาหรับ กิจการของตนเองกไ็ ด้ มาตรา 20 ผู้ทาบัญชีต้องจัดทาบัญชีเพื่อให้มีการแสดงผลการ ดาเนินงาน ฐานะการเงินหรือการเปล่ียนแปลงฐานะการเงินของผู้มีหน้าท่ี จัดทาบัญชีท่ีเป็นอยู่ตามความเป็นจริงและตามมาตรฐานการบัญชี โดยมี เอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชใี ห้ถกู ตอ้ งครบถว้ น มาตรา 21 ในการลงรายการในบัญชี ผทู้ าบัญชตี ้องปฏบิ ัตดิ ังต่อไปนี้ 1. ลงรายการเป็นภาษาไทย หากลงรายการเป็นภาษาต่างประเทศให้มี ภาษาไทยกากับ หรือลงรายการเป็นรหัสบัญชีให้มีคู่มือคาแปลรหัสที่เป็น ภาษาไทยไว้ 2. เขียนด้วยหมกึ ดดี พิมพ์ ตีพมิ พ์ หรือทาด้วยวิธีอ่นื ใดที่ได้ผลในทานอง เดียวกัน
พระราชบญั ญตั วิ ชิ าชีพบัญชี พ.ศ. 2547 เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เน่ืองจากใน ปัจจุบันน้ีการประกอบ วิชาชีพบัญชีได้ขยายครอบคลุมออกไปหลายด้านไม่ว่า การทาบญั ชี การสอบบัญชี การบัญชีบริหาร การวางระบบบัญชี การบัญชภี าษี อากร การศึกษาและเทคโนโลยีการบัญชี หรือบริการด้านอ่ืน ซ่ึงมีความ เก่ียวข้องสัมพันธ์กับกิจกรรมในทางธุรกิจต่างๆ อย่างกว้างขวาง สมควร ส่งเสริมให้ ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีอยู่ภายใต้การดูแลของสภาวิชาชีพเดียวกัน เพื่อเป็นศูนย์รวมและส่งเสริมความเป็นปึกแผ่น รวมท้ังให้ความรู้และพัฒนา สง่ เสริมมาตรฐานการประกอบวชิ าชีพ เพ่ือให้ ผู้ประกอบวิชาชีพมีคุณภาพและ มาตรฐาน และมีความก้าวหน้าในวิชาชีพ ตลอดจนเพื่อให้มีการควบคุม จรรยาบรรณการประกอบวิชาชีพ จึงจาเป็นต้องตราพระราชบัญญัติน้ี ในท่ีนี้ จะกล่าวถึงเฉพาะบางมาตราเทา่ นนั้
สภาวชิ าชพี บญั ชี มาตรา 6 ให้มีสภาวิชาชีพบัญชี มีฐานะเป็นนิติบุคคล โดยมีวัตถุประสงค์ เพือ่ สง่ เสรมิ และพฒั นาวชิ าชพี บัญชี มาตรา 7 สภาวิชาชีพบัญชีมอี านาจหนา้ ที่ ดงั ต่อไปนี้ (1) ส่งเสริมการศึกษา การอบรม และการวจิ ยั เกย่ี วกบั วชิ าชีพบญั ชี (2) สง่ เสรมิ ความสามัคคีและผดุงเกียรติของสมาชิก จัดสวัสดิการและการ สงเคราะห์ระหว่างสมาชกิ (3) กาหนดมาตรฐานการบัญชี มาตรฐานการสอบบัญชี และมาตรฐานอนื่ ทเี่ กย่ี วกบั วิชาชีพบัญชี (4) กาหนดจรรยาบรรณผปู้ ระกอบวชิ าชีพบัญชี (5) รับข้ึนทะเบียนการประกอบวิชาชีพบัญชี ออกใบอนุญาต พักใช้ หรือ เพกิ ถอน ใบอนญุ าตผ้ปู ระกอบวิชาชพี บัญชี
(6) รับรองปริญญาหรือประกาศนยี บัตรในวชิ าการบญั ชขี องสถาบนั การศึกษาตา่ งๆ เพอื่ ประโยชนใ์ นการรบั สมคั รเปน็ สมาชิก (7) รับรองความรคู้ วามชานาญในการประกอบวชิ าชีพบัญชี (8) รบั รองหลักสูตรการฝกึ อบรมเป็นผู้ชานาญการและการศึกษาต่อเนื่องในด้านตา่ งๆ ของผู้ ประกอบวชิ าชพี บญั ชี (9) ควบคมุ ความประพฤตแิ ละการดาเนนิ งานของสมาชิกและผขู้ ้นึ ทะเบียนอันเก่ียวกับการ ประกอบวิชาชพี บญั ชใี ห้ถูกตอ้ งตามจรรยาบรรณแหง่ วิชาชีพบญั ชี (10) ช่วยเหลือ แนะนา เผยแพร่ และให้บรกิ ารวชิ าการแก่ประชาชนเก่ียวกับวิชาชพี บญั ชี (11) ออกข้อบงั คบั สภาวชิ าชพี บัญชี (12) เปน็ ตัวแทนของผู้ประกอบวิชาชพี บญั ชี (13) ให้คาปรกึ ษาและเสนอแนะต่อรฐั บาลเกี่ยวกับนโยบายและปญั หาของวชิ าชีพบัญชี (14) ดาเนินการอ่นื เพอ่ื ใหเ้ ปน็ ไปตามวัตถุประสงคแ์ ละอานาจหนา้ ทข่ี องสภาวิชาชพี บญั ชี ตามพระราชบญั ญัติน้ี
มาตรา 9 ภายใต้บังคับบทบัญญัติหมวด 5 การควบคุมการประกอบวิชาชีพบัญชี ดา้ นการสอบบัญชแี ละหมวด 6 การควบคุมการประกอบวชิ าชีพด้านการทาบัญชี ในกรณี ท่ีการประกอบ วิชาชีพบัญชีด้านใดมีผลกระทบต่อประโยชน์ได้เสียของประชาชน หรือ เพ่ือประโยชน์ที่จะให้มีการคุ้มครองประชาชนและพัฒนาหรือจัดระเบียบการประกอบ วชิ าชีพบัญชดี า้ นใด จะตรา พระราชกฤษฎีกากาหนดให้การประกอบวิชาชพี บญั ชดี ้านนั้น ต้องได้รับใบอนญุ าตหรอื ตอ้ งขึ้นทะเบยี นไว้กับสภาวชิ าชพี บัญชกี ไ็ ด้
มาตรา 10 เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา 9 ใช้บังคับสาหรับ วชิ าชพี ด้านใด ห้ามมใิ หผ้ ใู้ ดประกอบวชิ าชพี บญั ชดี ้านนนั้ เว้นแต่ได้รับใบอนุญาต หรือข้ึนทะเบียนกับสภาวิชาชีพบัญชีการขอรับใบอนุญาตการอนุญาตการออก ใบอนุญาตและการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบวิชาชีพตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตาม แบบหลกั เกณฑ์วิธีการและเง่ือนไขที่กาหนดในข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชใี นการ ข้ึนทะเบียนประกอบวิชาชีพบัญชี สภาวิชาชีพบัญชีจะกาหนดให้ผู้ขึ้นทะเบียน ซึ่งมิได้เป็น สมาชิกต้องเสียค่าธรรมเนียมเป็นรายปีก็ได้ แต่จะกาหนด ค่าธรรมเนียมดังกล่าวให้สูงกวา่ ค่าบารุงสมาชิก และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตที่ เรยี กเก็บจากสมาชกิ สภาวชิ าชพี บญั ชเี ปน็ รายปไี ม่ได้
การควบคุมการประกอบวิชาชพี ดา้ นการสอบบญั ชี มาตรา 38 ผ้ใู ดจะเปน็ ผสู้ อบบญั ชีรับอนญุ าตตอ้ งได้รบั ใบอนุญาตจากสภาวิชาชีพบัญชี การขอรับใบอนุญาต การอนุญาต และการออกใบอนุญาตเป็นผูส้ อบบัญชีรับอนุญาต ให้เป็นไป ตามแบบและหลกั เกณฑท์ กี่ าหนดในขอ้ บงั คับสภาวชิ าชพี บญั ชี การควบคมุ การประกอบวชิ าชีพด้านการทาบญั ชี มาตรา 44 ห้ามมิให้ผ้ใู ดประกอบวิชาชีพเป็นผทู้ าบัญชี เว้นแต่เป็นสมาชิกสภาวิชาชีพ บัญชี หรือขึน้ ทะเบียนไวก้ ับสภาวิชาชีพบัญชี หลกั เกณฑ์ วธิ กี ารและเงอื่ นไขในการขึ้นทะเบียน ตามวรรคหนึง่ ใหเ้ ปน็ ไปตามขอ้ บังคบั สภาวิชาชพี บัญชี บทกาหนดโทษ มาตรา 65 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 10 ต้องระวังโทษจาคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหก หม่ืนบาท หรือท้งั จาทงั้ ปรับ
กรอบแนวคิดสาหรบั การรายงานทางการเงนิ สภาวิชาชีพบญั ชี ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ ไดป้ รับปรงุ แม่บทการบญั ชี (ปรับปรงุ 25 52) เพ่ือให้สอดคล้องกบั สภาพแวดล้อมธุรกิจในประเทศไทยและเพือ่ ให้เป็นไปตามเกณฑ์ ที่กาหนดขึ้นโดยมาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศ เร่ือง กรอบแนวคิดสาหรับการ รายงานทางการเงนิ ถึงแม้ว่ากรอบแนวคิดสาหรับการรายงานทางการเงิน จะกล่าวถึงแนวคิดหลัก เก่ียวกับ การจัดทาและการนาเสนองบการเงินแก่ผู้ใช้งบการเงิน แต่ไม่ถือเป็นมาตรฐาน การรายงาน ทางการเงนิ เน่อื งจากไมไ่ ดก้ าหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการวดั มลู ค่าหรอื การ เปดิ เผยขอ้ มลู สาหรับ การจัดทางบการเงินโดยเฉพาะ
วตั ถุประสงค์และสถานะ กรอบแนวคิดฉบับน้ีกาหนดแนวคิดท่ีใช้เป็นเกณฑ์ในการจัดทาและการนาเสนองบ การเงนิ สาหรับผู้ใชภ้ ายนอก วตั ถปุ ระสงค์ของกรอบแนวคดิ คอื 1. เพื่อช่วยคณะกรรมการฯ พัฒนามาตรฐานการรายงานทางการเงินในอนาคตและ ทบทวนมาตรฐานการรายงานทางการเงินทีม่ ีอยู่ 2. เพื่อช่วยคณะกรรมการฯ ส่งเสริมการทาให้กฎระเบียบ มาตรฐานการบัญชีและ กระบวนการเกี่ยวกับการนาเสนองบการเงินสอดคล้องกันโดยให้เกณฑ์เพื่อลดวิธีปฏิบัติทาง บัญชี ทีเ่ ปน็ ทางเลือกตามทีม่ าตรฐานการรายงานทางการเงนิ อนญุ าต 3. เพื่อช่วยหน่วยงานกาหนดมาตรฐานการรายงานทางการเงินของประเทศพัฒนา มาตรฐานการรายงานทางการเงินของประเทศ 4. เพื่อช่วยผู้จัดทางบการเงินปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินและจัดการ กับประเดน็ ทีย่ ังไม่ไดม้ กี ารนามาพจิ ารณากาหนดเปน็ มาตรฐานการรายงานทางการเงนิ
วัตถุประสงคแ์ ละสถานะ 5. เพ่อื ช่วยผู้สอบบญั ชใี นการแสดงความเห็นวา่ งบการเงินเปน็ ไปตามมาตรฐาน การ รายงานทางการเงินหรือไม่ 6. เพอื่ ชว่ ยผู้ใช้งบการเงนิ ตคี วามข้อมูลทแ่ี สดงในงบการเงนิ ซึง่ ไดจ้ ดั ทาขึ้นตาม มาตรฐานการรายงานทางการเงิน และ 7. เพื่อใหข้ อ้ มลู แก่ผสู้ นใจงานของคณะกรรมการฯ เก่ยี วกับแนวทางการกาหนด มาตรฐานการรายงานทางการเงิน กรอบแนวคดิ นไี้ ม่ใชม่ าตรฐานการรายงานทางการเงิน ดังน้นั จงึ ไม่ไดก้ าหนดมาตรฐานตา่ งๆ สาหรับประเด็นการวดั มลู ค่าหรือการเปิดเผยขอ้ มลู ในเรอ่ื งใด เรอื่ งหนงึ่ กรอบแนวคดิ นไ้ี ม่มีเร่ืองใดที่อยูเ่ หนอื กว่ามาตรฐานการรายงานทางการเงนิ
วตั ถุประสงค์ของการรายงานทางการเงินเพ่ือวตั ถปุ ระสงคท์ ่วั ไป วัตถุประสงค์ของการรายงานทางการเงินเพ่ือวัตถุประสงค์ทั่วไป คือ การให้ข้อมูลทางการเงินเก่ียวกับกิจการท่ีเสนอรายงานที่มีประโยชน์ต่อผู้ ลงทุน ผู้ให้กู้ยืม หรือเจ้าหน้ีอ่ืนท้ังในปัจจุบันและในอนาคตเพื่อตัดสินใจ เกี่ยวกับการให้ทรัพยากรแก่กิจการ การตัดสินใจเหล่านี้เก่ียวกับการซ้ือขาย หรือถือตราสารทุนและตราสารหนี้ และการให้หรอื ชาระเงินกู้และสินเช่ือใน รูปแบบอ่นื ผู้ใช้กลุ่มอ่ืน เช่น หน่วยงานกากับดูแลและสาธารณชนนอกจากผู้ ลงทุน ผู้ให้กู้และเจ้าหนี้อื่น อาจพบว่ารายงานทางการเงินเพ่ือวัตถุประสงค์ ทั่วไปมีประโยชน์ อย่างไรก็ดี รายงานเหล่าน้ันไม่ได้ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ ประโยชน์ของผูใ้ ช้กล่มุ อืน่ ดังกลา่ ว
ลกั ษณะเชิงคณุ ภาพของข้อมูลทางการเงินทีม่ ปี ระโยชน์ หากต้องการให้ข้อมูลทางการเงินมีประโยชน์ ข้อมูลนั้นต้องเก่ียวข้อง กับการตัดสินใจและเป็นตัวแทนอันเที่ยงธรรมของสิ่งท่ีต้องการนาเสนอ ประโยชน์ของข้อมูลทางการเงนิ จะเพ่ิมข้ึน ถ้าข้อมูลน้ันเปรียบเทียบได้ พิสจู น์ ยืนยนั ได้ ทนั เวลาและเข้าใจได้ 1. ลักษณะเชิงคุณภาพพื้นฐาน คือ ความเก่ียวข้องกับการตัดสินใจ และความเปน็ ตวั แทนอันเที่ยงธรรม 2. ลักษณะเชิงคุณภาพเสริม คือ ความสามารถเปรียบเทียบได้ ความสามารถพสิ ูจนย์ ืนยนั ได้ ความทนั เวลา และความสามารถเข้าใจได้
กรอบแนวคดิ ข้อความสว่ นทีเ่ หลอื จากแม่บทการบญั ชี (ปรับปรงุ 2552) ข้อสมมติ การดาเนินงานต่อเนื่อง โดยทั่วไป งบการเงินจัดทาข้ึนตามข้อสมมติท่ีว่ากิจการจะ ดาเนินงานอย่างต่อเน่ือง (Going Concern) และดารงอยู่ต่อไปใน อนาคตที่คาดการณ์ได้ ดังนั้น จึงสมมติว่ากิจการไม่มีเจตนาหรือมีความ จาเป็นท่ีจะเลิกกิจการ หรือลดขนาดของการดาเนินงานอย่างมี สาระสาคัญ หากกิจการมีเจตนาหรือความจาเป็นดังกล่าว งบการเงิน อาจต้องจัดทาโดยใช้เกณฑ์อื่น และตอ้ งเปดิ เผยเกณฑ์น้ันในงบการเงิน
องค์ประกอบของงบการเงนิ งบการเงินแสดงถึงผลกระทบทางการเงินของรายการและเหตุการณ์อ่ืน โดยการจัดประเภทรายการและเหตุการณ์อื่นตามลักษณะเชิงเศรษฐกิจ ประเภทของรายการดังกล่าวเรยี กว่าองค์ประกอบของงบการเงิน องค์ประกอบ ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับการวัดฐานะการเงินในงบดุล (งบแสดงฐานะการเงิน) ได้แก่ สินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของ องค์ประกอบซึ่งเก่ียวข้องโดยตรง กับการวัดผลการดาเนินงานในงบกาไรขาดทุน ได้แก่ รายได้และค่าใช้จ่าย โดยทั่วไป งบแสดงการเปล่ียนแปลงฐานะการเงินสะท้อนถึงองค์ประกอบในงบ กาไรขาดทุนและการเปลี่ยนแปลง องค์ประกอบในงบดุล (งบแสดงฐานะ การเงิน) ดังน้ันกรอบแนวคิดน้ีจึงมิได้ระบุองค์ประกอบ ของงบแสดงการ เปลีย่ นแปลงฐานะการเงนิ ไว้เปน็ การเฉพาะ
รปู แบบของธุรกิจ ในการดาเนินธรุ กจิ น้ัน เจ้าของกจิ การหรือผ้ลู งทุนจะจดั ตั้งธรุ กจิ ในรปู แบบใดข้นึ อยูก่ ับสง่ิ ตอ่ ไปนี้ 1. เงินทุน 2. ลกั ษณะของการดาเนนิ ธุรกจิ 3. จานวนผ้ลู งทนุ 4. นโยบายของเจา้ ของกิจการหรอื ผ้ลู งทุน
รูปแบบของธรุ กจิ แบง่ ออกเปน็ 3 รูปแบบ คอื 1. กิจการเจ้าของคนเดียว (Sole proprietorship) เป็นกิจการท่ีมีบุคคลคน เดียวเป็นเจ้าของ เงินทุนจะมาจากบุคคลคนเดียว ผลกาไรขาดทุนท่ีเกิดข้ึนจะเป็นของ เจ้าของกิจการ แต่เพียงผู้เดียว รวมท้ังหน้ีสินและภาระผูกพันใดๆ ผู้เป็นเจ้าของจะต้อง รบั ผิดชอบแต่เพียงผเู้ ดยี ว 2. ห้างหุ้นส่วน (Partnerships) เป็นกิจการท่ีมีบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปมาลงทุน ร่วมกันโดยมีวัตถุประสงค์ในการแบ่งกาไรขาดทุนกัน ส่วนความรับผิดชอบในหนี้สินและ ภาระผูกพันใดๆ ข้ึนอยู่กับประเภทของผู้เป็นหุ้นส่วนและประเภทของห้างหุ้นส่วน ซ่ึงแบ่ง ออกเปน็ 2 ประเภท คอื 1. ห้างหนุ้ ส่วนจากัด (Limited Partnerships) 2. หา้ งห้นุ ส่วนสามัญ (Ordinary Partnerships)
3. บริษัทจากดั (Company Limited or Corporation) คือ บริษัทประเภทซึ่ง ต้ังขึน้ ด้วยการ แบ่งทุนออกเป็นหุ้น แตล่ ะหุ้นมีมูลค่าเท่ากัน โดยผถู้ ือหุ้นต่างรับผิดจากัดไม่เกิน จานวนเงนิ ท่ตี นยงั ส่งใชไ้ ม่ครบ บรษิ ัทจากดั แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คอื 1. บริษัทเอกชนจากดั (Private Company Limited) 2. บริษัทมหาชนจากัด (Public Company Limited) ลักษณะของการดาเนนิ ธรุ กิจ ไม่วา่ จะจดั ตัง้ ในรปู แบบใดแบง่ ออกเป็น 2 ลักษณะ คือ 1. ธุรกิจให้บรกิ าร (Service Business) 2. ธุรกิจเก่ียวกับสินค้า เป็นธุรกิจที่ดาเนินกิจการจาหน่ายสินค้าแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ - ธุรกจิ ซ้อื ขายสินคา้ หรอื ซอ้ื มาขายไป (Merchandising Business) - ธุรกจิ อตุ สาหกรรม/กจิ การผลิต (Manufacturing Business)
กิจกรรมพื้นฐานทางธุรกิจ ในการดาเนินธุรกิจไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใดหรือจัดต้ังในรูปแบบใด จะมีกิจกรรมพ้ืนฐาน เกดิ ขน้ึ 3 กิจกรรม คอื 1. กิจกรรมในการจดั หาเงิน (Financing Activities) หมายถึง กิจกรรมในการจัดหา เงนิ ทุนเพือ่ เร่ิมต้นดาเนินธรุ กิจและรวมถงึ การจัดหาเงินทุนเพื่อขยายกิจการในอนาคต 2. กิจกรรมในการลงทุน (Investing Activities) หมายถึง กิจกรรมเพ่ือให้ได้มาซ่ึง สนิ ทรพั ย์ เพอ่ื นามาใชใ้ นการดาเนินงาน 3. กิจกรรมในการดาเนินงาน (Operating Activities) หมายถึง กิจกรรมท่ีก่อให้เกิด รายได้และค่าใช้จ่าย ถ้ากิจกรรมท่ีก่อให้เกิดรายได้มากกว่าค่าใช้จ่ายธุรกิจจะมีกาไร ถ้ากิจกรรม ทก่ี อ่ ให้เกดิ รายได้นอ้ ยกวา่ คา่ ใชจ้ ่ายธรุ กิจจะขาดทนุ
การเขยี นตัวเลขตามหลักบญั ชี 1. เขยี นด้วยลายมือบรรจงและเขยี นใหช้ ัดเจนโดยให้มีขนาดพอเหมาะไม่เลก็ หรอื ใหญ่เกนิ ไป 2. ใสเ่ ครอื่ งหมายจลุ ภาค ( , ) คั่นตวั เลข ถา้ จานวนเงินเป็นตวั เลข 3 หลกั ข้ึนไป เช่น 11,525 1, 500,500 เปน็ ตน้ 3. เขียนให้ชิดเส้นทางด้านขวา ถ้าเขียนลงในช่องจานวนเงิน แต่ถ้าไม่ได้เขียนลงในช่องจานวน เงนิ ใหใ้ ส่จุด ( . ) และเครื่องหมายขีด ( - ) แสดงวา่ สิ้นสดุ แลว้ เช่น 3,000.- 4. เขียนจานวนเงินเป็นตัวอักษรกากบั ทุกครัง้ เพ่ือปอ้ งกันความผิดพลาดและการทุจริต 5. เขียนจานวนเงินให้ตรงหลกั กรณที ่ีมหี ลายบรรทัด 6. การเขียน วนั เดือน ปี ใหใ้ ชห้ ลักเกณฑ์ดังนี้ ถา้ ข้อมูลอยู่ในหนา้ เดียวกนั ใหเ้ ขยี นปี พ.ศ. เพียง คร้ังเดียว การเขียนเดือน ให้ใช้อกั ษรยอ่ 7. การแก้ไขตัวเลขที่เป็นจานวนเงิน ห้ามใช้ยางลบ น้ายาลบคาผิด หรือเทปลบคาผิด แต่ให้ขีด ฆา่ ด้วยปากกา โดยเขียนเพียงเสน้ เดียวเพื่อให้เห็นจานวนเงินเดมิ ท่ีผิด และเขียนจานวนที่ถูกต้องข้างบน พรอ้ มลงลายมอื ช่อื กากบั
Thank You ขอบคณุ คะ่
Search
Read the Text Version
- 1 - 49
Pages: