แนวขอ้ สอบรายวิชา งานวิจยั ละวรรณกรรมทางพระพทุ ธศาสนา **************************** บทที่ ๑ความร้พู ืน้ ฐานเก่ียวกบั งานวิจยั และวรรณกรรมทางพระพทุ ธศาสนา คาสงั่ . ให้พระนิสิต/นิสิตเติมคาลงในช่องว่างให้ถกู ต้อง ๑.ความหมายของงานวรรณกรรมทางพระพทุ ธศาสนาคอื ......งานเขยี นหนงั สอื ทุกชนิดทเ่ี กย่ี วขอ้ ง กบั พระพทุ ธศาสนา ๒. จุดมุง่ หมายของการวจิ ยั แบบการคาดเหตุการณ์ในอนาคตคอื .... การวจิ ยั เชงิ คณุ ภาพ ๓.จุดมงุ่ หมายของการวจิ ยั ทม่ี สี ภาพเป็นการบรรยาย คอื ...........การวจิ ยั เชงิ บรรยาย ๔.ลกั ษณะเฉพาะของงานวจิ ยั ทางพระพทุ ธศาสนา.คอื ............เป็นการแสวงหาความจรงิ เกย่ี วกบั ปญั ญา ๕.วธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตรม์ อี ยู่ ๕ ชนั้ ตอนคอื ......ขนั้ กาหนดปญั หา ขนั้ ตงั้ สมมตฐิ าน ขนั้ เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ขนั้ วเิ คราะหข์ อ้ มลู และขนั้ สรปุ ผล ๖.เราทาการวจิ ยั ทางพระพทุ ธศาสนา ๒ ดา้ นคอื ....ดา้ นท่ี ๑.การศกึ ษาพระพทุ ธศาสนาเพอ่ื ความ เขา้ ใจสงั คมไทย และเพอ่ื ประโยชน์ของสงั คมไทย ดา้ นท่ี ๒ การศกึ ษาพระพทุ ธศาสนาในแงท่ เ่ี ป็นจดุ สนใจของวชิ าการทางโลกหรอื ของปญั ญาชนในยุคปจั จบุ นั ๗.การวจิ ยั หมายถงึ กระบวนการคน้ ควา้ หาขอ้ เทจ็ จรงิ ทม่ี รี ะเบยี บและมจี ุดมุง่ หมายทแ่ี น่นอนโดยใช้ วธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์ ๘.การใชค้ าวา่ วรรณกรรม มปี รากฏครงั้ แรกใน......พระราชบญั ญตั คิ ุม้ ครองศลิ ปะและวรรณกรรม พ.ศ.๒๔๗๕ ๙.วรรณกรรมหมายถงึ ....งานหนงั สอื คอื งานเขยี นหนงั สอื ทกุ ชนิด ๑๐.วรรณคดหี มายถงึ ......หนงั สอื ทไ่ี ดร้ บั การยกยอ่ งยอ่ งวา่ แต่งดหี รอื ดเี ยย่ี ม ๑๑.ในหลกั คาสอนทางพระพทุ ธศาสนาไดม้ คี าวา่ “วจิ ยั ” ปรากฏอยใู่ น...โพชฌงั คสตู ร ๑๒.การวจิ ยั ทางพระพทุ ธศาสนา คอื ...กจิ หรอื หน้าทต่ี อ้ งทาเกย่ี วกบั การคน้ ควา้ การรวบรวม การ ตรวจตรา การสอบสวน หรอื การเลอื กเฟ้น เพอ่ื ใหไ้ ดม้ าซง่ึ ความรจู้ รงิ ความจรงิ ทางดา้ น พระพทุ ธศาสนา ๑๓.เราจดั แบง่ ลกั ษณะของวรรณะกรรมทางพระพทุ ธศาสนาตามพฒั นาการของคมั ภรึ ท์ าง พระพทุ ธศาสนาแบบเถรวาททใ่ี ชก้ นั อยตู่ งั้ แต่อดตี จนถงึ ปจั จุบนั แบง่ ไดด้ งั น้ี...๑.วรรณกรรมทอ่ี ยใู่ น ชนั้ บาลี ไดแ้ ก่ พระไตรปิฏก ๒.วรรณกรรมทจ่ี ดั อยใู่ นอรรถกถา เชน่ คมั ภรี ท์ ใ่ี ชอ้ ธบิ ายขยายความท่ี ปรากฏขน้ึ ในชนั้ บาลี ๓.วรรณกรรมทเ่ี ป็นชนั้ ฏกี า เชน่ ฏกี ามาลยั ๔.โยชนา ๕. วรรณกรรมทเ่ี ป็น
2 งานเขยี นอ่นื ๆ ๑๔.พระเทพเวที ไดส้ รปุ จดุ มงุ่ หมายของการวจิ ยั ทางพระพทุ ธศาสนา ไว.้ ......ดงั ตอ่ ไปน้ี.... ๓ ประการ คอื ๑. เพอ่ื ใหร้ จู้ กั ตนเองทเ่ี ป็นไทย ๒. เพอ่ื เอาไปใชใ้ นวชิ การสมยั ใหม่ ๓. เพอ่ื ความเป็นนา และเป็นผใู้ ห้ ๑๕. วรรณกรรมคาเทศน์ ไดแ้ ก.่ ...ไตรภมู พิ ระรว่ ง มหาชาตคิ าหลวง พระมาลยั คาหลวง ๑๖.วรรณกรรมคาสอน ไดแ้ ก่...สุภาษติ พระรว่ ง เพลงยาวถวายโอวาท สุภาษติ สอนหญงิ กฤษณา สอนน้อง โลกนิตคิ าโคลง ๑๗.การวจิ ยั ทางพระพทุ ธศาสนาเป็นการแสวงหาความรจู้ รงิ ใน ...... คอื .....๒ ดา้ นคอื ดา้ นท่ี ๑ เป็น การแสวงหาความรจู้ รงิ ดา้ นเกย่ี วกบั วตั ถุ(สสาร) ดา้ นท่ี ๒ เป็นการแสวงหาความรจู้ รงิ ดา้ นเกย่ี วกบั สงิ่ ทม่ี ใิ ชว่ ตั ถุ(อสสาร) ๑๘.พระราชปรยิ ตั ไิ ดแ้ บง่ วรรณกรรมเกย่ี วกบั พระพทุ ธศาสนาออกเป็น ๒ ลกั ษณะคอื .....๑. วรรณกรรมทน่ี าเน้ือหามาจากพระไตรปิฏก หรอื จากคมั ภรี อ์ ่นื ๆโดยตรงมาแต่งหรอื แปลใหม่ ๒. วรรณคดที น่ี าแนวคดิ ทางพระพทุ ธศาสนามาแตง่ ๑๙.การวจิ ยั บรสิ ทุ ธหิ ์ รอื การวจิ ยั พน้ื ฐาน ( Pure Research or Basic Research) คอื .... วจิ ยั ทม่ี งุ่ แสวงหาความรเู้ พอ่ื นาไปสรา้ งเป็นกฎหรอื ทฤษฏี ๒๐. การวจิ ยั ประยกุ ต์( Applied Research)คอื ... การวจิ ยั ทเ่ี น้นการนาผลการวจิ ยั ไปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ ๒๑. การวจิ ยั เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร(Action Research) คอื ...การวจิ ยั ทน่ี าผลการวจิ ยั ไปใชป้ ระโยชน์ในการ ปฏบิ ตั งิ านในทนั ที ๒๒.วรรณกรรมทางพระพทุ ธศาสนาประเภทความเรยี งหรอื รอ้ ยแกว้ เชน่ ....ไตรภมู พิ ระรว่ ง ศาสน วงศ์ ปฐมสมโพธกิ ถา ๒๓.วรรณกรรมทางพระพทุ ธศาสนาประเภทคาประพนั ธห์ รอื รอ้ ยกรอง เช่น...กาพยม์ หาชาติ ปณุ โณ วาทคาฉนั ทส์ ามคั คเี ภทคาฉนั ท์ สมุทรโฆษคาฉนั ท์ โคงนิราศหรภิ ญุ ไชย โคลงชะลอพระพทุ ธ ไสยาสน์ ๒๔.ประโยชน์ของงานวจิ ยั และวรรณกรรมทางพระพทุ ธศาสนา มปี ระโยชน์ต่อ....อารยธรรมของโลก มากมายในดา้ นการสรา้ งองคค์ วามรใู้ หมๆ่ ใหเ้ กดิ ขน้ึ เพอ่ื นาไปสกู่ ารแกป้ ญั หาทเ่ี กดิ ขน้ึ ๒๕.วรรณกรรมทางพระพทุ ธศาสนาในสมยั สโุ ขทยั จดั อยใู่ นประเภทของวรรณกรรมทวั่ ไป วรรณกรรมสมยั น้ี คอื ... เตภมู กิ ถา และสุภาษติ พระรว่ ง ๒๖.รชั กาลท่ี ๕ เกดิ มหาวทิ ยาลยั สงฆ.์ .... คอื ... ๒ แหง่ ๑. มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราช วทิ ยาลยั และมหาวทิ ยาลยั มหามกุฎราชวทิ ยาลยั ๒๗.วรรณกรรมทน่ี ่าสนใจในสมยั กรุงรตั นโกสนิ ทรย์ คุ ปจั จบุ นั ไดแ้ ก่...มงคลวเิ สสกถา แกน่ พทุ ธ ศาสน์ กรรมทปี นี พทุ ธวทิ ยา ๒๘.ผลงานทางวชิ าการดา้ นพระพทุ ธศาสนาทม่ี คี วามโดดเดน่ ใน สมยั กรุงรตั นโกสนิ ทร์ยคุ ปจั จบุ นั
3 ไดแ้ ก.่ . พทุ ธธรรม ๒๙.วรรณกรรมทางพระพทุ ธศาสนาสมยั สุโขทยั ไดส้ ะทอ้ นใหเ้ หน็ .....สภาพทางสงั คมทม่ี วี ฒั นธรรม วถิ ชี วี ติ ความเช่อื ความเช่อื ทม่ี ตี ่อพระพทุ ธศาสนา โดยเฉพาะเรอ่ื ง นรก สวรรค์ ๓๐.วรรณกรรมทางพระพทุ ธศาสนาสมยั ลา้ นนา เป็นสมยั ท.่ี ..มวี รรณกรรมทางพระพทุ ธศาสนาทม่ี ี ภาษาบาลมี คี วามโดดเดน่ ในประเทศไทย บทที่ ๒วรรณกรรมทางพระพทุ ธศาสนาในสมยั สโุ ขทยั ๓๑.พญาลไิ ท นบั เป็นกษตั รยิ อ์ งคแ์ รกของไทยซง่ึ .....ผนวชในพระพทุ ธศาสนาในขณะทข่ี น้ึ เสวย ราชยแ์ ลว้ ณ วดั ปา่ มะมว่ ง ๓๒. “เตภมู กิ ถา” ภายหลงั ไดเ้ ปลย่ี นช่อื เป็น “ไตรภมู พิ ระรว่ ง” เพอ่ื ...เป็นเกยี รตแิ ก่ผนู้ ิพนธค์ อื พระ รว่ งแหง่ กรงุ สโุ ขทยั ๓๓.“เตภมู กิ ถา” จดั ทาเป็นเลม่ หนงั สอื เผยแพร่ ครงั้ แรก เม่อื ....พ.ศ.๒๔๕๕ ๓๔.วตั ถุประสงคใ์ นการนิพนธเ์ ตภมู กิ ถา ทส่ี าคญั ๓ ประการ คอื ...๑.เพอ่ื เผยแพรพ่ ระอภธิ รรม ๒. เพอ่ื เป็นบทเรยี นอภธิ รรมแก่พระมารดาของท่าน ๓.เพอ่ื เผยแพรพ่ ระพทุ ธศาสนาแกป่ ระชาชน ๓๕.หลกั ศลิ าจารกึ ท่ี ๑ ของพอ่ ขนุ รามคาแหงมหาราช แสดงบรรยากาศความเป็นอยขู่ องคนในกรงุ สุโขทยั สมยั นนั้ วา่ ...มคี วามอดุ มสมบรู ณ์ มคี วามสงบสขุ มเี สรภี าพในการทามาหากนิ มเี สรภี าพใน การคา้ ขายและการทาเกษตรกรรม ๓๖.ไตรภมู พิ ระรว่ งวา่ ดว้ ยเร่อื งกามภมู ทิ เ่ี ป็นฝา่ ยอบายภมู ไิ ดแ้ ก.่ ...นรกภูม,ิ ดริ จั ฉานภมู ิ เปตภมู ิ อสรู กายภมู ิ ๓๗.ไตรภมู พิ ระรว่ งวา่ ดว้ ยเรอ่ื งภมู ทิ เ่ี ป็นฝา่ ยสคุ ตภิ มู ไิ ดแ้ ก.่ ....มนุสสภมู ,ิ ชน้ กามาวจรภมู ิ ๓๘.นิรยะ ไดแ้ ก.่ ...นรก สภาวะทไ่ี มม่ คี วามสขุ ความเจรญิ สภาวะทเ่ี รา่ รอ้ น กระวนกระวาย ๓๙.คมั ภรี ท์ ย่ี กมาอา้ งในบานแพนกเดมิ ของหนงั สอื เตภมู กิ ถาเป็นคมั ภรี ช์ นั้ รอง แตง่ ขน้ึ เพอ่ื ...อธบิ าย เพมิ่ เตมิ ขอ้ ความในพระพทุ ธศาสนา ไมใ่ ชเ่ น้ือหาขอ้ เทจ็ จรงิ ของพระพทุ ธศาสนา ไมใ่ ชเ่ น้ือหาเทจ็ จรงิ ของ พระพทุ ธศา แนวขอ้ สอบชุดน้ี เป็นเพียงแนวทางในการดูหนงั สือสอบ สนา ๔๐. การนา วชิ าเศรษฐศาสตร์ในชีวติ ประจาวนั เร่อื งสวรรค์ มากลา่ วไว้ ในเตภมู กิ ถา จงึ เป็น...... การสอนศาสนาทางออ้ ม และไดผ้ ลดกี วา่ สอนโดยตรง ๔๑.ผทู้ เ่ี คยอา่ นหนงั สอื เตภมู กิ ถามาแลว้ จะรสู้ กึ คลา้ ยคลงึ กนั อยา่ งหน่ึงกค็ อื .....รสู้ กึ เมตตาสงสารสตั ว์
4 ทเ่ี วยี นวายตายเกดิ อยใู่ นวฏั ฏะสงสาร ๔๒.เน้ือเร่อื งในเตภมู กิ ถา ทรงไวซ้ ง่ึ คุณคา่ ในดา้ นศาสนาและวรรณคดโี ดย.... วาดภาพโลกมนุษย์ นรก สวรรคไ์ วอ้ ยา่ งวจิ ติ รพสิ ดาร จงู ใจใหค้ นทาดี เวน้ ชวั่ ๔๓.เตภมู กิ ถามบี ทบาทต่อการปกครองราชอาณาจกั รโดย....เร่อื งนรกมผี ลทานองกาหนดโทษแก่ ผกู้ ระทาความผดิ มบี ทบาทแก่การเสรมิ อานาจตามคตพิ ราหมณ์ ๔๔.พญาลไิ ท ทรงปรารถนาใหเ้ ป็นสงั คมทม่ี คี วามสงบสขุ คอื ....พระองคท์ รงตอ้ งการใชห้ ลกั คาสอน ในพระพทุ ธศาสนาเป็นเคร่อื งมอื ในการปกครอง ๔๕.สงั คมในอุดมคตขิ องพญาลไิ ททป่ี รากฏในเตภมู กิ ถาเป็น.....สงั คมทเ่ี ป็นปจั เจกบคุ คลตงั้ มนั ่ อยู่ ในศลิ ธรรม ยอมรบั จรยิ ธรรมเป็นพน้ื ฐานของสงั คม ๔๖.พญาลไิ ทตรสั เกย่ี วกบั สงั คมทพ่ี ระองคท์ รงตอ้ งการคอื ทรงตอ้ งการใหค้ นในสงั คมมคี วามสุข โดย .....เรม่ิ วางนโยบายสง่ เสรมิ ใหค้ นในครอบครวั และชุมชนมศี ลี ธรรมมคี วามสามคั คี ๔๗.พญาลไิ ทไดน้ าหลกั ธรรมคาสอนทางพระพทุ ธศาสนาไปเป็นเคร่อื งมอื ในทางการเมอื ง การ ปกครองโดย...๑.การนาหลกั คาสอนไปใชแ้ ทนกฎหมาย ๒. การใชอ้ งคก์ รทางพระพทุ ธศาสนา ๔๘. พญาลไิ ทไดท้ รงสรา้ งพระและสรา้ งวดั เชน่ .....สรา้ งพระพทุ ธชนิ ราช..สรา้ งวดั จฬุ ามณี ๔๙.อุดมการณ์ของพญาลไิ ททางการปกครองคอื ....การใช้ “ธรรมราชา” ๕๐.พญาลไิ ททรงอุปถมั ภก์ ารศกึ ษาพระพทุ ธศาสนาและวทิ ยาการตา่ งๆโดย...๑.ใหพ้ ระสงฆศ์ กึ ษา พระธรรมวนิ ยั ๒.ตงั้ โรงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรมและศลิ ปะศาสตร์ ๓. สง่ ราชทตู ไปรบั พระบรมธาตุจาก ประเทศศรลี งั กา ๕๑.นโยบายเศรษฐกจิ ของพญาลไิ ทในเตภมู กิ ถา ในเร่อื งการเกบ็ ภาษี โดยวางหลกั ไวว้ า่ ...ถา้ ประชาชนทานาผลติ ขา้ วได้ ๑๐ สว่ น ใหเ้ กบ็ เป็นของหลวง ๑ สว่ น ๕๒.การกเู้ งนิ ทอง ในการประกอบอาชพี ในเตภมู กิ ถา พญาลไิ ททรงกาหนดไวว้ า่ ...ไพรย่ มื เงนิ ลงทุน ในการคา้ ขายไมใ่ หเ้ อาดอกเบย้ี ๕๓.พญาลไิ ททรงสงั่ สอนถงึ ระบบเศรษฐกจิ ทด่ี วี า่ ...... ไมค่ วรลมุ่ หลงในการแสวงหาทรพั ยแ์ ละการ สะสมทรพั ยอ์ ยา่ งไรข้ อบเขต ๕๔.พญาลไิ ทนิพนธเ์ ตภมู กิ ถา ซง่ึ ถอื วา่ เป็น....พระราชนิพนธเ์ ร่อื งแรกของไทย ๕๕.เตภมู กิ ถามสี ว่ นอยา่ งมากในการเสรมิ สรา้ งอานาจพระมหากษตั รยิ ต์ ามคตพิ ราหมณ์โดย...ผนวก ความเช่อื เทพเจา้ กบั ความเชอ่ื ทางพระพทุ ธศาสนาเร่อื งบญุ กรรมเขา้ ไวด้ ว้ ยกนั อยา่ งกลมกลนื ๕๖.จากการพจิ ารณาการวางรปู แบบการแตง่ เตภมู กิ ถาจะเหน็ วา่ ......พญาลไิ ทไดว้ างรปู แบบจากภมู ิ ทต่ี ่าทส่ี ุดคอื นรกภมู ิ ขยายมาสสู่ ุคตภิ มู คิ อื มนุษยภ์ มู ิ ฉกามาวจรภมู ริ ูปพรหมและอรปู พรหม และ ภมู สิ งู สดุ คอื โลกุตตรภมู ิ คอื พระนิพพาน ๕๗.ภาษาทใ่ี ชเ้ ขยี นเตภมู กิ ถานอกจากใชภ้ าษาไทยทวั่ ไปแลว้ ยงั อาศยั หลกั ภาษาทางภาคอสี านและ ภาคพายพั มาประกอบดว้ ยทงั้ น้ีโดยเหน็ วา่ ....ถอ้ ยคาสานวนโวหารทป่ี รากฏอยใู่ นเร่อื งน้ีมสี ว่ น
5 ใกลเ้ คยี งหรอื เหมอื นกบั ภาษาทอ้ งถน่ิ ทงั้ สองเป็นอนั มาก ๕๘.เตภมู กิ ถา กลา่ วถงึ สภาพความเป็นอยขู่ องภมู หิ รอื ภพทท่ี งั้ หลายเกดิ มายอ่ มเวยี นวา่ ยตายเกดิ ใน ภพหรอื ภมู ิ ๓ ประการคอื ....๑.กามภมู ิ ๒. รปู ภูมิ ๓. อรปู ภมู ิ ๕๙.คุณคา่ วรรณกรรมเรอ่ื งเตภมู กิ ถา สามารถแบง่ เป็น......คุณคา่ ทางวรรณกรรม คณุ คา่ ทางการ ดาเนินชวี ติ คุณคา่ ทางภาษา คุณคา่ ทางการเมอื งการปกครอง ๖๐. จดุ เดน่ ของวรรณกรรมเป็นหนงั สอื ทใ่ี ชแ้ นวคดิ ทางพระพทุ ธศาสนา ซง่ึ มจี ุดเดน่ อยู่ ๔ ดา้ น คอื ...... ทาหน้าทแ่ี ทนกฎหมาย เสรมิ สรา้ งอานาจ สง่ เสรมิ การขยายอาณาเขตและปลกู ฝงั แนวคดิ ทางการเมอื ง บทที่ ๓ วรรณกรรมทางพระพทุ ธศาสนาในล้านนา ๖๑.พระนางจามเทวนี าพระเถระผทู้ รงพระไตรปิฏกจานวน ๕๐๐ รปู มาดว้ ย และไดส้ รา้ งวดั ๔ มมุ เมอื ง ทาใหเ้ มอื งน้ีเป็น.......จตุรปราการพระพทุ ธศาสนา ๖๒.ศลิ ปวตั ถุสมยั ในสมยั ของพระนางจามเทวี เราจะเหน็ ไดจ้ าก....วดั ก่กู ูด(วดั จามเทวปี จั จบุ นั ) ๖๓.การสงั คายนาพระไตรปิฏกครงั้ ท่ี ๘ ของโลก ทว่ี ดั เจด็ ยอด จดั ทาในรชั สมยั ของ.......พญาตโิ ลก ราช หรอื พระเจา้ ตโิ ลกราช ๖๔.ผลงานของพระโพธริ งั สเี ถระ ทม่ี ผี อู้ า้ งองิ และศกึ ษาทงั้ ทางศาสนาและประวตั ศิ าสตรค์ อื ............ จามเทววี งศแ์ ละสหิ งิ คนิทาน ๖๕.คมั ภรี ท์ พ่ี ระสริ มิ งั คลาจารยร์ จนาขน้ึ ใหมค่ อื ...จกั กวาฬทปี นี ๖๖.ชนิ กาลมาลี มเี น้ือเร่อื งกลา่ วถงึ กาลของพระพทุ ธเจา้ โดยเรยี บเรยี งอยา่ งมรี ะเบยี บ จงึ ไดช้ อ่ื ว่า.... ชนิ กาลมาลปี กรณ์ ๖๗.พระสวุ ณั ณรงั สเี ถระ ไดร้ จนาคมั ภรี ์ ๒ เร่อื ง คอื ...... คนั ถาภรณฏกี าและ ปฐมสมั โพธกิ ถา ๖๘.พระพรหมราชปญั ญา ทา่ นไดร้ จนาคมั ภรี ช์ ่อื ....รตั นพมิ พวงศ์ อนั เป็นตานานการสรา้ งพระแกว้ มรกต ๖๙.พระสริ มิ งั คลาจารย์ เป็นเจา้ อาวาสวดั เจด็ ยอด(วดั มหาโพธาราม) เป็นประโยชน์ในการคน้ ควา้ เน่ืองจาก.....วดั น้ีเป็นรวบรวมความรลู้ ะคมั ภรี ท์ างพระพทุ ธศาสนา ๗๐.แรงดลใจทพ่ี ระสริ มิ งั คลาจารย์ รจนา คมั ภรี ม์ งั คลตั ถทปี นี คอื ......๑.เกดิ ในสมยั ท่ี พระพทุ ธศาสนาลา้ นนาเจรญิ สุดขดี ๒.ศกึ ษาวชิ าการในสานกั พระพทุ ธวรี ะ เมอ่ื กลบั ไทย อยากจะ เผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา ๓. มนี กั ปราชญข์ องลา้ นนาหลายทา่ นไดร้ จนาคมั ภรี ?์ งพระพทุ ธศาสนาไว้ มากมาย ๗๑.ก่อนทพ่ี ระสริ มิ งั คลาจารย์ รจนา คมั ภรี ม์ งั คลตั ถทปี นี ทา่ นรจนาคมั ภรี ท์ างพระพทุ ศาสนามา กอ่ นแลว้ เชน่ ....เวสสนั ดรทปี นี จกั วาฬทปี นี และสงั ขยาปกาลกฎกี า ๗๒.บุคคลทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั รจนาคมั ภรี ม์ งั คลตั ถทปี นีของพระสริ มิ งั คลาจารย์ มอี ยู่ ๒ สว่ นคอื ...... ๑. พระมหากษตั รยิ ์ พระเจา้ ตโิ ลกราชและพระเมอื งแกว้ ๒. พระเถระ พระพทุ ธวรี ะเถระ พระรตั น ปญั ญาเถระและพระโพธริ งั สี
6 ๗๓.คมั ภรี ม์ งั คลตั ถทปี นีเป็นเรอ่ื งราวทเ่ี กดิ ขน้ึ จาก...การโตเ้ ถยี งและอภปิ รายเร่อื งมงคลของ ประชาชนในชมพทู วปี เม่อื ประมาณ ๒๖ ศตวรรษมาแลว้ ๗๔.ประเทศทส่ี มควร อาจจดั เป็นไดด้ งั น้ี....๑.ประเทศทม่ี พี ระพทุ ธศาสนา ๒. เป็นประเทศทม่ี กี าร กระทาความดี ๓.เป็นสถานทท่ี ม่ี กี ารแนะนาใหม้ กี ารอบรมสงั่ สอน ๗๕.คาวา่ ตงั้ ตนไวช้ อบ หมายถงึ ....บุคคลผนู้ นั้ มคี วามดาริ หรอื ความคดิ ทถ่ี ูกตอ้ งสมั มาทฏิ ฐิ ๗๖.มารดาบดิ านนั้ ทางพระพทุ ธศาสนาถอื วา่ ...เป็นครคู นแรก เป็นพระพรหม เป็นผใู้ หช้ วี ติ แก่บตุ ร ธดิ า ๗๗.ญาตคิ อื บคุ คลทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ทางสายโลหติ ซง่ึ ทา่ นเรยี กวา่ ๗ ชวั่ โคตร คอื .....จากขา้ งบนระดบั ปู่ ยา่ ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา พ่ี ระดบั ลา่ งคอื ระดบั ของน้อง ลกู หลาน เหลน ๗๘.น้าเมา คอื .....สงิ่ ทม่ี แี อลกอฮอลท์ ุกชนิด และเมรยั คอื .....น้าหวานจากดอกไม้ น้าหวานจากน้า ดองผลไม้ น้าดองน้าออ้ ย เป็นตน้ ๗๙.นิพพานแบง่ ออกเป็น ๒ ประเภทคอื ....๑.สอุปาทเิ สสนิพพาน ดบั กเิ สสยงั มชี วี ติ อยู่ ๒.อนุปาทิ เสสนิพพาน ดบั ทงั้ กเิ ลสและเบญจขนั ธ์ ๘๐.คมั ภรี ม์ งั คลตั ถทปี นี มคี ณุ คา่ ทางศาสนาโดย....คณะสงฆใ์ ชเ้ ป็นหลกั สตู รการศกึ ษาของคณะสงฆ์ แผนกบาลใี ชส้ าหรบั ชนั้ เปรยี ธรรม ๔-๕ ประโยค ทาใหค้ ณะสงฆไ์ ดเ้ รยี นรแู้ ละนาไปเผยแผอ่ กี มากมาย ๘๑. เน้ือหาสาระของคมั ภรี ม์ งั คลตั ถทปี นีเป็นเร่อื งของแนวทางการดาเนินชวี ติ ของผคู้ นทต่ี อ้ งการ ความเป็นมงคล ดาเนินชวี ติ อยา่ งมคี วามสุข เชน่ ....มงคลขอ้ ท่ี ๑ อเสวนา จ พาลาน(การไมค่ บคน พาล) ๘๒.คมั ภรี ม์ งั คลตั ถทปี นี ถอื เป็นคมั ภรี ท์ ม่ี คี ุณคา่ ทางภาษาอยา่ งสงู เพราะ....ภาษาบาลที ใ่ี ชร้ จนา เป็นแบบรอ้ ยแกว้ ผสมดว้ ยคาถา การแตง่ กใ็ ชป้ ระโยคงา่ ยๆ ไมย่ ากจนเกนิ ไป ๘๓.คมั ภรี ม์ งั คลตั ถทปี นี เกย่ี วขอ้ งทางออ้ มเศรษฐกจิ เพราะ.....การกนิ ดอี ยดู่ ขี องคนในสงั คมและ ประเทศชาติ ประเทศกจ็ ะเจรญิ ๘๔.อทิ ธพิ ลของคมั ภรี ม์ งั คลตั ถทปี นีทม่ี ตี ่อการเมอื งการปกครองดงั เชน่ ......มงคลขอ้ ท๖่ี ตงั้ ตนไว้ ชอบ(อตฺตสมฺมาปณธิ )ิ ๘๕.คมั ภรี ม์ งั คลตั ถทปี นีมอี ทิ ธพิ ลตอ่ การศกึ ษา ๒ ประการคอื .... ๑.เป็นคมั ภรี ช์ นั้ ยอดในทาง พระพทุ ธศาสนาทค่ี ณะสงฆใ์ ชเ้ ป็นหลกั สตู รการศกึ ษาภาษาบาลี ๒.ผทู้ ศ่ี กึ ษาเลา่ เรยี นสง่ิ ใดกต็ ม ถา้ หากปฎบิ ตั ติ ามมงคลทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การศกึ ษา กจ็ ะประสบความสาเรจ็ ในการศกึ ษาเลา่ เรยี น ๘๖.อทิ ธพิ ลของคมั ภรี ม์ งั คลตั ถทปี นีทม่ี ตี อ่ สงั คมไทย พอสรปุ ไดด้ งั น้ี คอื ...ดา้ นคตธิ รรมคาสอนใน สงั คม ๒.ดา้ นคา่ นิยมทางสงั คม ๓. ดา้ นวฒั นธรรมประเพณี ๘๗.พระสริ มิ งั คลาจารยใ์ ชห้ ลกั การทพ่ี ระโบราณาจารยใ์ ชส้ บื ๆต่อ กนั มาคอื ......๑.สตุ ตะ ๒.สตุ ตานุ โลม ๓. อาจรยิ วาท ๔. อตั โนมตั ิ ๘๘.พระสริ มิ งั คลาจารยม์ กี ลวธิ ใี นการเขยี นหรอื กลวธิ ใี นการใชร้ ปู แบบหลากหลายมที งั้ ....การอา้ งองิ
7 ทม่ี า มกี ารเลอื กใชร้ ปู แบบและเน้ือหาใหเ้ หมาะสมกนั ใชก้ ลวธิ ชี แ้ี นะแนวคดิ หา้ มมใิ หก้ ระทาสง่ิ ไมด่ ี การใชก้ ลวธิ เี ขยี นทช่ี ใ้ี หเ้ หน็ ผลของกรรม ๘๙.คมั ภรี ม์ งั คลตั ถทปี นีสามารถนามาประยกุ ตใ์ ช้ จะเกดิ ประโยชน์แกส่ งั คมอยา่ งมากมาย โดย...ถา้ หากคนไดร้ บั การพฒั นาทถ่ี กู ทค่ี วร สงั คมชมุ ชนกจ็ ะมคี วามเจรญิ ๙๐. เน้ือหาสาระมงคลในพระไตรปิฎก แตกต่างจากทม่ี าในคมั ภรี ม์ งั คลตั ถทปี นีทท่ี า่ นสริ มิ งั คลา จารยไ์ ดร้ จนาไว้ คอื ... พระสริ มิ งั คลาจารยไ์ มไ่ ดแ้ ปลความหมายหรอื แกไ้ ขขอ้ ความทม่ี าในพระ ไตรปิฏก แต่ทา่ นวเิ คราะหเ์ น้ือหาสาระ และเพมิ่ เตมิ ในสว่ นของนิทานชาดก เพอ่ื ใหเ้ กดความเขา้ ใจ เน้ือหาของคาถาบทมากขน้ึ บทท่ี ๔ วรรณกรรมทางพระพทุ ธศาสนาสมยั กรงุ ศรีอยธุ ยาและธนบรุ ี ๙๑.ความเจรญิ ของบา้ นเมอื งในสมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยานนั้ คงศกึ ษาจาก......บนั ทกึ หรอื จดหมายเหตุของ ชาวตา่ งประเทศ ๙๒.ผทู้ ท่ี รงสถาปนากรงุ ศรอี ยธุ ยาคอื ....สมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ่ี ๑(พระเจา้ อทู่ อง) ๙๓.แบบแผนทางกฎหมายบา้ นเมอื งของอยธุ ยานนั้ ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจาก.....คมั ภรี ธ์ รรมศาสตรจ์ ากมอญ ๙๔.สาเหตุทส่ี มเดจ็ พระรามธบิ ดที ่ี ๑ ทรงใหม้ พี ธิ ดี ม่ื น้าสาบาน(ถอื น้าพพิ ฒั น์สตั ยา) คอื ...การ ปกครองแบบเทวราชายงั ไมเ่ ขม้ แขง็ นกั แตพ่ ระบรมวงศานุวงศแ์ ละขา้ ราชการมาจากต่างเมอื ง ๙๕.กลมุ่ บุคคลทอ่ี ยนู่ อกเหนือกฎหมายไทย ไดแ้ ก่....ชาวต่างชาตทิ เ่ี ขา้ มาคา้ ขายในพระ ราชอาณาจกั ร ๙๖.พระสงฆใ์ นสมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยาแบง่ เป็น ๒ ฝา่ ย คอื ...ฝา่ ยคามวาส(ี ฝา่ ยบา้ น)และฝา่ ยอรญั วาสี (ฝา่ ยปา่ ) ๙๗.ฝรงั่ ชาตแิ รกในยโุ รปทเ่ี ขา้ มาตดิ ต่อเจรญิ สมั พนั ธไมตรกี บั กรงุ ศรอี ยธุ ยาคอื ....ชาวโปรตุเกส ๙๘.วรรณกรรมกรุงศรอี ยธุ ยาสว่ นใหญเ่ ป็นรปู งานเขยี นแบบ.....บทกวนี ิพนธร์ อ้ ยกรอง ขอ้ เขยี นรอ้ ย แกว้ ๙๙.ผแู้ ตง่ มหาชาตคิ าหลวงคอื ...นกั ปราชญร์ าชบณั ฑติ หลายคนชว่ ยกนั แต่งตามพระบรมราชโองการ ของสมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ ๑๐๐.วตั ถุประสงคใ์ นการแต่งกาพยม์ หาชาติ คอื ...เพอ่ื ใชเ้ ทศน์ใหอ้ ุบาสกอบุ าสกิ าฟงั ในงานเทศน์ มหาชาติ ๑๐๑.สมุทรโฆษคาฉนั ท์ มสี าระสาคญั เป็นชาดกเมอ่ื .....พระพทุ ธเจา้ ทรงเสวยพระชาตเิ ป็นสมทุ ร โฆษ ตอ่ มาไดอ้ ภเิ ษกสมรสกบั นางพนิ ทุมตี ๑๐๒.โคลงราชสวสั ดิ ์มสี าระสาคญั กลา่ วถงึ ....พระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงโอวาทอนั เป็นหลกั ธรรมสาหรบั ขา้ ราชการชนั้ ผใู้ หญพ่ งึ ประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ ๑๐๓.สาระสาคญั ของโคลงชะลอพทุ ธไสยาสน์ เรมิ่ ตน้ กลา่ วถงึ .....สาเหตุทท่ี าใหต้ อ้ งมกี ารชะลอพระ พทุ ธไสยาสน์ วดั ปา่ โมกข์ ๑๐๔.ฉนั ทเ์ ลม่ เดยี วทเ่ี หลอื ตกทอดมาจากสมยั อยธุ ยาตอนปลายคอื ....ปุณโณวาทคาฉนั ท์
8 ๑๐๕.สาเหตุทท่ี าใหก้ าพยม์ หาชาตเิ สอ่ื มความนิยม คอื ..เกดิ ทศั นศาสนาพระศรอี รยิ ์ ๑๐๖.กาพยม์ หาชาตเิ ป็นวรรณกรรมทแ่ี ตง่ ขน้ึ เพอ่ื ....อธบิ ายเทศน์มหาชาติ คอื มหาชาตคิ าหลวงของ ฉบบั พระบรมไตรโลกนาถใหส้ นั้ ลง ๑๐๗.ปจั จุบนั เน้ือเรอ่ื งของกาพยม์ หาชาตจิ ะเน้นท.่ี ...กาพยก์ ุมารบรรพและกาพยส์ กั กบรรพ ๑๐๘.พระพทุ ธองคต์ รสั เทศน์เร่อื งมหาเวสสนั ดรครงั้ เม่อื ...หลงั จากตรสั รเู้ สดจ็ กลบั ไปโปรดพระญาติ ของพระวงศท์ ก่ี รุงกบลิ พสั ดุ์ ๑๐๙.ความเชอ่ื เร่อื งโชคลางทป่ี รากฏอยใู่ นมหาชาตคิ อื ... การทาพธิ ี “ประทกั ษณิ ” วนเวยี นวงได้ ๓ รอบ ก่อนออกจากบา้ น ๑๑๐.พระยาอนุมานราชธนกลา่ วเปรยี บวรรณคดเี หมอื น.....กระจกเงาสะทอ้ นใหเ้ หน็ สภาพความ เป็นอยขู่ องบคุ คลในสงั คมแตล่ ะยคุ แตล่ ะสมยั ๑๑๑.พทุ ธปรชั ญาทป่ี รากฏในมหาชาติ เช่อื วา่ มนุษยจ์ ะพบความสุขทแ่ี ทจ้ รงิ คอื ...การออกบวช การ บรจิ าคทาน ๑๑๒.คนโบราณเชอ่ื วา่ การทอ่ งชอ่ื ของทศชาติ วนั ละหลายๆจบจะชว่ ยให.้ ....เกดิ สริ มิ งคลและ สามารถคมุ้ ครองป้องกนั ภยั ได้ ๑๑๓.ทานบารมเี ป็นการบาเพญ็ ทานสงู สุด จรงิ ๆแลว้ เป็นทย่ี ากทส่ี ุดทม่ี นุษยจ์ ะทาไดก้ ค็ อื .....บรจิ าค บตุ รและภรรยา ๑๑๔.พระกณั หาและชาลมี คี วามกตญั ญตู อ่ พระราชบดิ าพระราชมารดาคอื .....ยอมไปเป็นทาสของชู ชก ๑๑๕.กรงุ ธนบรุ เี ป็นเมอื งตงั้ อยใู่ กลป้ ากแมน่ ้าเจา้ พระยามผี ลดตี อ่ การปกครองคอื .....การสกดั กนั้ และ หนีขา้ ศกึ ทาไดง้ า่ ย การตดิ ต่อขอซอ้ื อาวุธจากตา่ งประเทศรวดเรว็ ๑๑๖.การเกษตรกรรมของกรงุ ธนบรุ ไี มไ่ ดท้ าเตม็ ทเ่ี พราะ.......บา้ นเมอื งอยใู่ นสภาวะสงคราม พลเมอื งชายหญงิ ตอ้ งเป็นนกั รบดว้ ยความจาเป็น ๑๑๗.สนิ คา้ ออกของกรงุ ธนบรุ ที ส่ี ง่ ไปขายจนี เชน่ ....ขา้ วสาร ไมฝ้ าง ๑๑๘.รายไดจ้ ากการเกบ็ สว่ ยอากรเพอ่ื ....ใชใ้ นสงครามมากกวา่ จะเกบ็ เขา้ ทอ้ งพระคลงั ๑๑๙.วรรณกรรมสมยั กรุงธนบรุ ี แนวโน้มของการแตง่ แตง่ เพอ่ื .....ปลุกใจใหร้ กั ชาตบิ า้ นเมอื งเป็น สว่ นใหญ่ ๑๒๐. วรรณกรรมสมยั อยธุ ยาตอนตน้ จากดั อยใู่ น.....หมผู่ รู้ หู้ รอื กลมุ่ ทา้ วไท กลมุ่ มลู นาย บทท่ี ๕.วรรณกรรมทางพระพทุ ธศาสนาสมยั รตั นโกสินทรต์ อนต้น ๑๒๑.สงั คตี ยิ วงศ์ มเี น้ือหาเป็นพงศาวดาร กลา่ วถงึ .....การทาสงั คายพระไตรปิฏกตงั้ แตพ่ ระพทุ ธ ปรนิ ิพพานมาจนถงึ ทส่ี ุดไดท้ าในรตั นโกสนิ ทร์ ๑๒๒. สงั คตี ยิ วงศ์ เป็นวรรณกรรมภาษาบาลี แตง่ เป็น..คมั ภรี ์ใบลาน ภาษามคธ จานวน ๗ ผกู ๑๒๓. ผแู้ ปลหนงั สอื สงั คตี ยิ วงศเ์ ป็นภาษาไทย คอื ...พระยาปรยิ ตั ธิ รรมธาดา(แพ ตาละลกั ษณ์) ๑๒๔.สมเดจ็ พระพนรตั น(วนั รตั น) ผรู้ จนาสงั คตี ยิ วงศ์ ไดร้ จนาเพอ่ื ....เป็นการเฉลมิ พระเกยี รตยิ ศแด่
9 พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลก ทด่ี ารจิ ะฟ้ืนฟูพระพทุ ธศาสนาใหก้ ลบั รงุ่ เรอ่ื งอกี ครงั้ หน่ึง ๑๒๕. เน้ือหาโดยรวมของสงั คตี ยิ วงศ์ ไดก้ ลา่ วถงึ ...การรวบรวมพระธรรมวนิ ยั (สงั คายนา)ในชมพู ทวปี ๓ ครงั้ ในลงั กาทวปี ๔ ครงั้ เป็นตน้ ๑๒๖.พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลกโปรดใหท้ าการสงั คายนาพระไตรปิฏกและไดส้ าเรจ็ เรยี บรอ้ ย ยอ่ มเป็นนิมติ รหมายคอื ....มกี ารจารกึ เป็นลายลกั ษณ์อกั ษร ยอ่ มเกดิ ประโยชน์แกค่ นหมู่ มากทจ่ี ะไดศ้ กึ ษาและยดึ เป็นแนวทาง ๑๒๗.หนงั สอื สงั คตี ยิ วงศ์ มตี น้ ฉบบั อยู่ ๒ แหง่ คอื .....ประเทศกมั พชู าและประเทศไทยทว่ี ดั อนิ ทาราม ๑๒๘.การสงั คายนาชาระพระไตรปิฏกทาใหเ้ กดิ ผลดใี นทางปฏบิ ตั ขิ องประชาชนคอื ....มที พ่ี ง่ึ มคี วาม สามคั คกี นั เพราะไดธ้ รรมโอสถในทางพระศาสนา ๑๒๙.ปรเิ ฉทท่ี ๘ มเี น้ือหากลา่ วถงึ ....การสรา้ งกรุงรตั นโกสนิ ทร์ วา่ ดว้ ยเหตุการณ์ตา่ งๆและการทา สงั คายนาครงั้ ท่ี ๙ ๑๓๐.หนงั สอื สงั คตี ยิ วงศเ์ ปรยี บเสมอื นเชน่ ...ยาบารุงรา่ งกาย(จติ ใจ)แก่ผปู้ ว่ ย ๑๓๑.เศรษฐกจิ ในยคุ นนั้ เรมิ่ เขา้ สภู าวะปกตเิ พราะ...อาศยั พระพทุ ธศาสนาเป็นสอ่ื นาทางจติ วญิ ญาณ ของประชาชน จงึ ใหเ้ กดิ ความกลา้ ในการเผชญิ กบั เหตุการณ์ตา่ งๆ ๑๓๒.พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจฬุ าโลกทรงใหค้ วามสาคญั กบั การศกึ ษาของ.....พระสงฆเ์ ป็น อนั ดบั แรก ๑๓๓.ผปู้ กครองจะตอ้ งมคี ณุ ธรรม อยา่ งน้อยกต็ อ้ งมธี รรมของผปู้ กครองนัน่ คอื ....ทศพธิ ราชธรรม ๑๓๔.จดุ เดน่ อกี ประกาหน่ึงของหนงั สอื สงั คตี ยิ วงศค์ อื ...........เป็นหนงั สอื ทม่ี เี น้ือหาเกย่ี วกบั ความตงั้ มนั่ แหพ่ ระพทุ ธศาสนา ๑๓๕.พระมงคลวเิ สสกถา เป็นพระนิพนธใ์ น....สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส ๑๓๖.พระมงคลวเิ สสกถา มลี กั ษณะเป็นรอ้ ยแกว้ ชนิดความเรยี งแกก้ ระทธู้ รรมดว้ ยการยกธรรม ภาษติ ตงั้ เป็นอทุ เทส เพอ่ื ......อธบิ ายหลกั ธรรมซง่ึ เป็นการพรรณนาพระราชจรยิ าวตั รของพระเจา้ แผน่ ดนิ เพอ่ื จะไดท้ รงสดบั อนั จะนาไปสคู่ วามปีตปิ ราโมทยใ์ นประโยชน์ทไ่ี ดบ้ าเพญ็ มาแลว้ ๑๓๗.พระมงคลวเิ สสกถา เป็นบทธรรมเทศนาทใ่ี ชแ้ สดง.......ต่อหน้าพระทน่ี งั่ มหาสมาคมสนั นิบาต พระราชพธิ สี าคญั ๑๓๘.เน้ือหาของพระมงคลวเิ สสกถาจงึ แสดง.....หลกั ธรรมของพระเจา้ แผน่ ดนิ ตามหลกั ทศพธิ ราชธรรมและพระจรยิ าวตั ร ๑๓๙. การนิพนธพ์ ระมงคลวเิ สสกถามวี ตั ถุประสงคท์ ส่ี าคญั เพอ่ื ....พรรณนาพระราชกรณยี กจิ สว่ น พระองคท์ งั้ ในสว่ นทเ่ี ป็นอตั ตสมบตั แิ ละปรหติ สมบตั ิ ๑๔๐.พระมหากษตั รยิ ท์ รงบาเพญ็ บุญไวแ้ ต่ชาตปิ างกอ่ น ใหท้ รงบรบิ รู ณ์ดว้ ยสมบติ ๔ ประการคอื ... พระราชสมบตั ิ อสรยิ สมบตั ิ โภคสมบตั ิ พระญาณสมบตั ิ ๑๔๑.ความเชอ่ื ประกอบดว้ ยเหตุผลในสงิ่ ทค่ี วรเชอ่ื ช่อื วา่ ศรทั ธามวี ภิ าคตามวตั ถุเป็นทต่ี งั้ แหง่ ความ เชอ่ื เป็น ๔ ประการคอื ...๑.กมั มสทั ธา เชอ่ื กรรม ๒.วปิ ากสทั ธา เชอ่ื ผลของกรรม ๓.กมั มสั สกตา
10 สทั ธา เช่อื ความทส่ี ตั วม์ กี รรมเป็นตน ๔.ตถาคตโพธสิ ทั ธา เช่อื พระปญั ญาตรสั รขู้ องพระตถาคต ๑๔๒.มติ รมหี ลายประเภทดว้ ยกนั และเม่อื กลา่ วกม็ เี พยี ง ๒ คอื ....๑.ปาปมติ ร สหายทไ่ี มด่ ี ๒. กลั ยาณมติ ร สหายทเ่ี ป็นคนดี ๑๔๓.จงเหน็ ยาวดกี วา่ สนั้ กค็ อื ....คดิ ใหไ้ กลอยา่ คดิ สนั้ หรอื ไตรต่ รองใหด้ กี ่อนอยา่ ดว่ นตดั สนิ ใจใน เรอ่ื งไหนโดยยงั ไมไ่ ดค้ ดิ ๑๔๔.ราชการจงึ ไดเ้ จรญิ เป็นลาดบั สมเดจ็ บรมบพติ รสมภาเจา้ ทรงตอ้ ง....เลอื กหาราชเสวกผเู้ หมาะ ตงั้ ไวใ้ นราชกจิ และทรงสอดสอ่ งถอนผไู้ มส่ มควรออก ๑๔๕.สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรสไดร้ บั คายกยอ่ งจากบรรพชติ และคฤหสั ถ์ วา่ ....ทรงนิพนธห์ นงั สอื ไดล้ กึ ซง้ึ หลกั แหลม ใหศ้ กึ ษาเป็นแบบเรยี นถกู ตอ้ งตามพทุ ธบญั ญตั อิ ยา่ ง แทจ้ รงิ ทุกประการ ๑๔๖.พระมงคลวเิ สสกถาหากมองในงแงค่ ณุ คา่ ทางภาษาจะเหน็ ไดว้ า่ เป็นการใชภ้ าษาทง่ี ดงามมาก การเชอ่ื มโยงเน้ือหาจาก.....พระราชกรณียกจิ ของพระเจา้ แผน่ ดนิ กบั พทุ ธธรรมทย่ี กมาเป็นอุกเข ปบท ๑๔๗.คณุ คา่ ดา้ นการปกครอง บทนิพนธพ์ ระมงคลวเิ สสกถาไดท้ รงกลา่ วถงึ ....พระปรชี าสามารถใน การปกป้องเอกราช มใิ หเ้ ส่อื มเสยี แมภ้ ยั พบิ ตั กิ ร็ บี ขจดั ไปโดยเรว็ ๑๔๘.การดารงเอกราชปกครองประเทศ ป้องกนั ปรปกั ษ์ไมใ่ หม้ าย่ายไี ด้ สมเดจ็ บรมพติ รพระราช สมภารเจา้ ไดท้ รง....แกไ้ ขเปลย่ี นแปลงธรรมเนียมต่างๆใหเ้ จรญิ ขน้ึ ทนั กาลสมยั ทโ่ี ลกดาเนินไปอยู่ ๑๔๙.จดุ เดน่ ของนิพนธพ์ ระมงคลวเิ สสกถา จะเหน็ ไดว้ า่ ...สานวนภาษาทใ่ี ชเ้ ป็นการสดงสานวน โวหารทางภาษาทง่ี ดงาม ๑๕๐.เน้ือหาของพระมงคลวเิ สสกถา ในปรหติ สมบตั ยิ งั แยกออกเป็น ๒ ฝา่ ยคอื ....ฝา่ ยอาณาจกั ร กลา่ วถงึ พระราชกรณียกจิ เกย่ี วกบั บา้ นเมอื ง ฝา่ ยศาสนจกั ร กลา่ วถงึ การทานุบารงุ พระพทุ ธศาสนา บทท่ี ๖.วรรณกรรมทางพระพทุ ธศาสนาสมยั รตั นโกสินทรป์ ัจจบุ นั ๑๕๑.แกน่ พทุ ธศาสน์ เป็นวรรณกรรมประเภท.....ทถ่ี อดความคาปาฐกถาธรรมของทา่ นพทุ ธทาส ภกิ ขุ ๑๕๒.หลกั พระพทุ ธศาสนา ตอ้ งเป็นหลกั ทม่ี .ี ....จุดมงุ่ หมายเฉพาะไปยงั ความดบั ทุกข์ ๑๕๓.ลกั ษณะของโรคทางวญิ ญาณคอื ...ความรสู้ กึ เป็น อหงั การ มมงั การ ๑๕๔.ความวา่ งหมายถงึ .....ความวา่ งอยใู่ นตวั มนั เอง ไมม่ อี ะไรมาแตะตอ้ ง ปรุงแตง่ แกไ้ ข หรอื ทา อะไรกบั มนั ได้ ๑๕๕.ขนั้ ปฏบิ ตั เิ ขา้ สคู่ วามวา่ ง เรม่ิ จาก...สรณคมน์แลว้ กท็ าน ศลี สมาธิ ปญั ญา มรรค ผล นิพพาน ๑๕๖.ธรรมทเ่ี ป็นประโยชน์เกอ้ื กลู แก่ฆราวาส คอื ....เร่อื งสญู ญตา ๑๕๗.ความวา่ งมี ๒ลกั ษณะคอื .....๑.หมายถงึ ลกั ษณะของสง่ิ ทงั้ ปวงคอื ความวา่ ง ๒. ลกั ษณะของจติ ทไ่ี มย่ ดึ มนั่ สงิ่ ทงั้ ปวง ๑๕๘.การปฏบิ ตั เิ พอ่ื เป็นอยดู่ ว้ ยความวา่ ง คอื ...อยา่ ใหค้ วามรสู้ กึ วา่ ตวั ตนเกดิ ขน้ึ
11 ๑๕๙.หนงั สอื แกน่ พทุ ธศาสน์ เป็นหนงั สอื ทไ่ี ดร้ บั รางวลั ......ชนะเลศิ ประเภทหนงั สอื ดี จากองคก์ าร ยเู นสโก แหง่ สหประชาชาติ ประจาปี พ.ศ.๒๕๐๘ ๑๖๐.วธิ เี ขยี นหนงั สอื แกน่ พทุ ธศาสน์ เป็นการเขยี นโดย...การถอดเทปแบบคาตอ่ คา ไมม่ กี ารอธบิ าย เพมิ่ เตมิ ขอ้ ความใดๆ ๑๖๑.กรรมทปี นี เป็นวรรณกรรมทแ่ี ต่งขน้ึ โดย...พระราชวสิ ุทธโิ สภณ(นามเดมิ พระมหาวลิ าศ) ๑๖๒.หนงั สอื ทพ่ี ระราชวสิ ุทธโิ สภณ ไดร้ บั รางวลั ชนะเลศิ ตดิ ต่อกนั ๓ เลม่ คอื ...๑.ภมู วิ ลิ าสนิ ี ๙ เมษายน ๒๕๑๓ ๒. วมิ ุตตริ ตั นมาลี ๑๒ ธนั วาคม ๒๖๑๖ ๓. กรรมทปี นี ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๑๙ ๑๖๓.กรรมทปี นีไดเ้ รม่ิ อารมั ภกถาอธบิ ายใหผ้ มู้ ปี ญั ญาไดเ้ หน็ ถงึ ....ความไมเ่ ขา้ ใจเร่อื งกรรมของ ศาสดาจารยน์ อกศาสนา มบี รู ณกสั สปศาสดาจารยเ์ ป็นตน้ ๑๖๔.การอธบิ ายเรอ่ื งกรรมอนั กวา้ งใหญล่ กึ ซง้ึ ไดแ้ บง่ กรรมไวถ้ งึ ๓ ภาคเชน่ น้ี กม็ คี วามประสงคจ์ ะ .....ทาความเขา้ ใจงา่ ยใหบ้ งั เกดิ ผใู้ ครศ่ กึ ษา เพราะพจิ ารณาเหน็ วา่ เร่อื งกรรมเป็นเรอ่ื งสาคญั สุดทาง พระพทุ ธศาสนา ๑๖๕.การกระทาดหี รอื การกระทาชวั่ เรยี กชอ่ื วา่ “กรรม” แบง่ ออกเป็น ๒ ฝา่ ยคอื ....๑.ฝา่ ยกุศลกรรม ๒.ฝา่ ยอกุศลกรรม ๑๖๖.เร่อื งกรรมปรากฏมใี นพระคมั ภรี ต์ า่ งๆทางพระพทุ ธศาสนาเชน่ ....คมั ภรี ม์ โนรถปรู ณี ๑๖๗.เหตุทท่ี าใหส้ ตั วเ์ วยี นวา่ ยตายเกดิ ในวฏั ฏสงสาร คอื ....กรรม ๑๖๘.ผทู้ ส่ี ามารถเผาผลาญประหารหกั กรรมทงั้ หลายใหห้ มดสน้ิ ไปจากขนั ธสนั ดานตอ้ งเป็นผทู้ ่ี ปฏบิ ตั วิ ปิ สั สนากมั มฎั ฐานจนไดบ้ รรล.ุ ......พระอรยิ มรรคญาณแลว้ ๑๖๙.กรรมทปี นีไดร้ บั การยกยอ่ งเป็นเพชรน้าเอกในวงวรรณกรรมไทยเพราะ.....การรจนาใชส้ านวน ความเรยี งแบบรอ้ ยแกว้ เน้นถงึ หลกั กรรม ทเ่ี ป็นคาสอนทางพระพทุ ธศาสนา สง่ เสรมิ เสนอแนะใหผ้ ู้ ปฏบิ ตั เิ ขา้ ใจหลกั แหง่ ความเป็นจรงิ ตามธรรมชาติ เกรงกลวั ตอ่ บาป ไมก่ ลา้ กระทาชวั่ ๑๗๐.โครงสรา้ งการเขยี นกรรมทปี นี แบง่ ออกเป็น ๓ ภาค คอื ...ภาคท่ี ๑ กลา่ วถงึ ประเภทของกรรม ภาคท่ี ๒ กลา่ วถงึ วบิ ากกรรม ภาคท่ี ๓กลา่ วถงึ การเผาผลาญกรรม ๑๗๑.วธิ กี ารเขยี นกรรมทปี นีเป็นการเขยี นในรปู ...แบบของหนงั สอื วชิ าการ ๑๗๒. การประกาศเรอ่ื งกรรมอนั ถกู ตอ้ งตามความจรงิ น้ี จะปรากฏกแ็ ต่เฉพาะ........กาลทโ่ี ลกมพี ระ บวรพทุ ธศาสนาเทา่ นนั้ ๑๗๓.หนงั สอื พทุ ธธรรมของพระธรรมปิฏก ไดร้ บั การตพี มิ พค์ รงั้ แรกในคราวทด่ี ารงสมณศกั ดทิ ์ .่ี .... พระศรวี สิ ุทธโิ มลี เม่อื พ.ศ. ๒๕๑๔ ๑๘๒.เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๓๗ พระธรรมปิฏกไดร้ บั รางวลั ........สนั ตภิ าพจากUNESCO เป็นคนไทยคนแรก และคนท่ี ๑๔ ของโลก ๑๗๔.เมอ่ื วนั ท่ี ๓๐ สงิ หาคม ๒๕๔๔ พระธรรมปิฏก นบั เป็นพระสงฆร์ ปู แรกของประเทศทไ่ี ดร้ บั ตาแหน่ง.....ศาสตราจารยพ์ เิ ศษ(สาขาพระพทุ ธศาสนา) ๑๗๕.พระธรรมปิฏกนิพนธพ์ ทุ ธธรรมขน้ึ มาเน่ืองจาก....ทศั นะของคนสมยั ใหม่ มกั เกดิ ปญั หาบอ่ ยๆ
12 วา่ พระพทุ ธศาสนานนั้ เป็นศาสนาหรอื ปรชั ญา หรอื เป็นเพยี งวธิ คี รองชวี ติ แบบหน่ึง ๑๗๖.พทุ ธธรรมเป็นหนงั สอื ทไ่ี ดร้ บั การยอมรบั วา่ ....เป็นผลงานทท่ี รงคุณคา่ ดงั เพชรน้าหน่ึง ๑๗๗.หนงั สอื พทุ ธธรรมแบง่ เน้ือหาออกเป็น ๒ ภาคคอื ...ภาคท่ี ๑ วา่ ดว้ ยเรอ่ื งมชั เฌนธรรมเทศนา คอื หลกั ความจรงิ ทเ่ี ป็นกลางตามธรรมชาติ ภาคท่ี ๒ วา่ ดว้ ยเร่อื งมชั ฌมิ าปฏปิ ทา คอื ขอ้ ปฏบิ ตั ทิ ่ี เป็นกลางตามธรรมชาติ ๑๗๘.หนงั สอื พทุ ธธรรมเป็นทย่ี อมรบั และมนี กั วชิ าการจานวนมากนาไปใชใ้ ชอ้ า้ งองิ ในหนงั สอื วชิ าการอยา่ งมากมายเพราะ...........มกี ารเขยี นในรปู แบบของหนงั สอื ทางวชิ าการ โดยมกี าร จดั ลาดบั โครงสรา้ งของเน้ือหาเป็นภาค ตอน และบท มกี ารอา้ งองิ เชงิ วชิ าการทส่ี มบรู ณ์แบบ ๑๗๙.ผเู้ ขยี นหนงั สอื พทุ ธวทิ ยา คอื ........อาจารยพ์ ร รตั นสุวรรณ ๑๘๐.ผเู้ ขยี นหนงั สอื พทุ ธวทิ ยายนื ยนั วา่ เป็นหนงั สอื ท่ไี มต่ าย และทา่ นพยากรณ์ไวว้ า่ ..........ใน อนาคตหนงั สอื เลม่ น้ีจะไดร้ บั การแปลเป็นภาษาตา่ งๆและจะแพรห่ ลายไปทวั่ โลก ๑๘๑.หนงั สอื พทุ ธวทิ ยา ผเู้ ขยี นมคี วามตงั้ ใจทจ่ี ะเขยี นจาก.............ประสบการณ์ทไ่ี ดศ้ กึ ษามาโดย ไดร้ บั รงสนบั สนุนจากพระศรสี ุธรรมมุนี ๑๘๒.ถา้ ไมร่ เู้ ร่อื งปฏจิ จสมุปบาทจะ....แกป้ ญั หาชวี ติ ไมต่ ก และจะพน้ นรกไมไ่ ด้ ๑๘๓.พทุ ธศาสนาถอื วา่ วญิ ญาณเป็น.....ธาตุนามธรรม ๑๘๔.วญิ ญาณมี ๒ ประเภทคอื .....วถิ จี ติ กบั ภวงั คจติ ๑๘๕.มคี วามบรสิ ทุ ธใิ ์ นการสอนคอื ........สอนผอู้ น่ื ดว้ ยมุง่ หวงั ประโยชน์แกเ่ ขาอยา่ งเดยี ว ไมม่ จี ติ ใจ เคลอื บแคลงแฝงดว้ ยผลประโยชน์สว่ นตนหรอื อามสิ ตอบแทนใดๆ ๑๘๖.สอนโดยเคารพคอื .....ตงั้ ใจสอน ทาจรงิ ดว้ ยความรสู้ กึ วา่ เป็นสงิ่ มคี า่ มองเหน็ ความสาคญั ของ ผเู้ รยี น ๑๘๗.กลวธิ แี ละอุบายประกอบการสอน หลวงพอ่ พทุ ธทาสไดใ้ ชว้ ธิ .ี ......ทงั้ วธิ กี ารยกอุทาหรณ์ การ เปรยี บเทยี บดว้ ยขอ้ อปุ มา ๑๘๘.ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั ชวี ติ ตามหลกั พระพทุ ธศาสนาบอกวา่ ชวี ติ น้ีคอื ....การประชมุ กนั เขา้ ของ องคป์ ระกอบต่างๆทเ่ี รยี กวา่ ขนั ธ์ ๕ ๑๘๙.พระพทุ ธศาสนาไดว้ างหลกั การดาเนินชวี ติ อนั มชี อ่ื เรยี กวา่ มรรคมอี งค์ ๘ ไวส้ าหรบั .....เป็น เคร่อื งมอื หรอื เป็นแนวทางใหม้ นุษยไ์ ดน้ าไปประพฤตปิ ฏบิ ตั ใิ นชวี ติ ประจาวนั เพอ่ื ใหบ้ รรลถุ งึ จุดหมาย ของชวี ติ อยา่ งรวดเรว็ ยงิ่ ขน้ึ ๑๙๐.การเกดิ มาจากชลาพชุ ะ คอื ......พวกทเ่ี กดิ มาเป็นตวั ตน ๑๗๙.ผเู้ ขยี นหนงั สอื พทุ ธวทิ ยา คอื ........ อาจารยพ์ ร รตั นสุวรรณ ๑๘๐.หนงั สอื ทางพทุ ธศาสนาเร่อื งทไ่ี ดถ้ กู นาไปอา้ งองิ ทางวชิ าการพทุ ธศาสนามากทส่ี ุดคอื ..........พทุ ธธรรม ๑๘๑.หนงั สอื พทุ ธวทิ ยา ผเู้ ขยี นมคี วามตงั้ ใจทจ่ี ะเขยี นจาก................ประสบการณ์ทไ่ี ดศ้ กึ ษาคน้ ควา้ มาโดยไดร้ บั แรงสนบั สนุนจาก พระศรสี ุธรรมมนุ ี(
13 ๑๘๒.พระเจา้ ในศาสนาใดทห่ี นงั สอื พทุ ธวทิ ยานามาอธบิ ายเชงิ เปรยี บเทยี บวา่ มสี ภาพคลา้ ยกบั วญิ ญาณในพระพทุ ธศาสนา.... ศาสนาครสิ ต์ ๑๘๓.กรรมฑหนะ หมายถงึ .....เผาผลาญกรรมท้งั หลายเสียใหส้ ูญสิ้น ๑๘๔.การเผลาญกรรมตามหนงั สอื กรรมทปี นีคอื .......การทากรรมใหส้ ญู สน้ิ ไปจากขนั ธสนั ดาน. ๑๘๕.จดุ เดน่ ของวรรณกรรมทางพทุ ธศาสนาเร่อื ง “กรรมทปี นี” คอื .....................เน้นหลกั กรรมทเ่ี ป็น คาสอนทางพระพทุ ธศาสนาไดช้ ดั เจน ๑๘๖. “จุดเดน่ ของหนงั สอื “พทุ ธธรรม” คอื .....เป็นหนงั สอื ทถ่ี ูกนาไปอา้ งองิ เชงิ วชิ าการดา้ น พระพทุ ธศาสนา แลพะเป็นทน่ี ิยมมากในแวดวงวชิ าการ เป็นผลงานทท่ี รงคณุ คา่ ดงั เพชรน้าหน่ึง ๑๘๗.หนงั สอื พทุ ธวทิ ยา ไดอ้ ธบิ ายแนวคดิ ทางพุทธศาสนาชดั เจนทส่ี ดุ คอื เรอ่ื ง........แนวทางการ ปฏบิ ตั ทิ างพทุ ธศาสนา ๑๘๘.อาจารยพ์ ร รตั นสวุ รรณไดใ้ หท้ ศั นะเร่อื งการเกดิ ของวญิ ญาณไวว้ า่ .........วญิ ญาณเกดิ จากชวี ติ ตอ้ งอาศยั รา่ งกาย ๑๘๙.การหนงั สอื พทุ ธธรรมมกี ารอา้ งองิ เชงิ วชิ าการทส่ี มบรู ณ์แบบเน่ืองจากสาเหตุ.......ผเู้ ขยี นมี ความรเู้ ฉพาะตวั ระดบั สงู ๑๙๐.คาวา่ วญิ ญาณ ตามหนงั สอื พทุ ธวทิ ยาของอาจารยพ์ ร รตั นสวุ รรณ คอื ......วญิ ญาณมอี ยใู่ น ชวี ติ ทงั้ ปวง แนวขอ้ สอบรายวิชา บทท่ี ๗.งานวิจยั และวรรณกรรมทางพระพทุ ธศาสนาของมหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั ๑๙๑. วมิ ุตตมิ รรค หมายถงึ .......ทางแหง่ ความหลดุ พน้ ๑๙๒.พระเถระผรู้ จนาวมิ ตุ ตมิ รรคมชี ่อื วา่ ..พระอุปตสิ สะ...รจนาเมอ่ื พ.ศ....๖๐๙ – ๖๕๓ ๑๙๓.พระพทุ ธโฆสาจารยแ์ ต่งวสิ ุทธมิ รรคเพราะ.........ตอ้ งการไดร้ บั การยอมรบั ของพระเถระสานกั มหาวหิ าร ๑๙๔.ธดุ งควตั ร หมายถงึ ..........ขอ้ งปฏิบตั ิเพือ่ กาจดั กิเลส ๑๙๕.คมั ภรี ว์ มิ ตุ ตมิ รรคฉบบั ภาษาไทยแปลมาฉบบั ภาษาองั กฤษช่อื วา่ ......The Path of Freedom ๑๙๖.การแต่งคมั ภรี ว์ มิ ตุ ตมิ รรค ผแู้ ตง่ มรี ปู แบบการแตง่ แบบ................เถรวาทอาศยั แหลง่ อา้ งองิ จาดพระไตรปิฏกและออรถกถา ๑๙๗.คมั ภรี ว์ มิ ตุ ตมิ รรครจนาขน้ึ มาเพอ่ื ...............เผยแพรก่ ระจายใหค้ นรจู้ กั ทกุ ทวปี ๑๙๘.คมั ภรี ว์ มิ ตุ ตมิ รรคมคี ุณคา่ ทางเศรษฐกจิ ต่อผเู้ รยี นคอื ...........สารถนามาปรบั ใชเ้ รอ่ื งทอ่ี ยอู่ าศยั ของชวี ติ ๑๙๙.เน้ือหาวมิ ตุ ตมิ รรค เป็นการศกึ ษาหลกั คาสอนของพระพทุ ธศาสนาเพอ่ื จะ........ใหเ้ ขา้ สู่ เป้าหมายของพระพทุ ธศาสนาแลว้ สามารถนาไปแกไ้ ขปญั หาชวี ติ ประจาวนั ได้ ๒๐๐.แรงดลบนั ดาลใจทพ่ี ระธรรมโกศาจารย์ แปลเรอ่ื งวมิ ตุ ตมิ รรค คอื เหน็ วา่ เป็นหนงั สอื ท่ี ทรงคุณคา่ ควรแก่การเผยแพรอ่ ยา่ งยง่ิ
14 ๒๐๑.ผรู้ วบรวมวมิ ุตตมิ รรค เป็นชนชาต.ิ ........ศรลี งั กา ๒๐๒.ศลี ขนั ธ์ หมายถงึ .........สมั มาวาจา สมั มากมั มนั ตะ สมั มาอาชวี ะ เป็นตน้ หรอื คอื กองแหง่ ศลี ชนิดตา่ งๆ ๒๐๓.อพั ยากตศลี หมายถงึ .........กายกรรมและวจกี รรมทป่ี ราศจากอาสวะและอาชวี ะอนั ไรท้ ต่ี ทิ ไ่ี มม่ ี ทงั้ วบิ ตั แิ ละวบิ ากทด่ี ี ๒๐๔.ผมู้ ศี ลี แลว้ ปรารถนาไดอ้ านิสงสแ์ หง่ ธดุ งค์ จะไดร้ บั อานิสงส.์ .....เพอ่ื ความสงดั เพอ่ื ละความมกั น้อย ๒๐๕.ในคมั ภรี ว์ มิ ตุ ตมิ รรค “การอาบน้าโดยตอ้ งไมม่ นี ้า.” เป็นอานิสงสข์ อง.........ศลี ๒๐๖.อุปสรรคของศลี ทเ่ี ป็นขอ้ ขดั ขวางไมท่ าใหศ้ ลี บรบิ รู ณ์ ไดแ้ ก่...ธรรม ๓๔ ประ...โกรธ พยาบาท หลอกลวง ปฏฆิ ะ โลภ รษิ ยา มารยา สาไถย อรติ ววิ าท มานะ อหงั การ อตมิ านะ ปมาทะ เกยี จ ครา้ น ราคะ ไมส่ นั โดษ เป็นตน้ ๒๐๗.การละเมดิ ปาฏโิ มกขส์ งั วรศลี คอื ...ความเสอ่ื มศรทั ธาในพระตถาคตเน่ืองจากอหริ กิ ะ(ไมล่ ะอาย ใจ) และอโนตตปั ปะ(ไมเ่ กรงกลวั บาป) ๒๐๘.ความงามของศลี ในวมิ ตุ ตมิ รรค มี ๓ ประการ คอื อาทกิ ลั ยาณะ(ความดงี ามในเบอ้ื งตน้ ), มชั เฌกลั ยาณะ(ความงามในทา่ มกลาง), ปรโิ ยสานกลั ยาณะ(ความงามในทส่ี ดุ ) ๒๐๙. กุศลศลี คอื ..กุศลกรรมทางกายวาจา และสมั มาอาชวี ะปราศจากวบิ ตั จิ งึ เกดิ วบิ ากทด่ี ตี ามมา ๒๑๐.จดุ เดน่ ของวมิ ุตตมิ รรค คอื ... มคี วามสละสลวยทางภาษา อธบิ ายหลกั ธรรมทางพทุ ธศาสนา ชดั เจน แนวข้อสอบชดุ นี้ เป็นเพียงแนวทางในการดหู นังสือสอบ วิชางานวิจยั และวรรณกรรมทาง พระพทุ ธศาสนาเท่านัน้ หมายเหต.ุ ให้ค้นหาคาตอบจากตาราเรียนก่อนที่จะดเู ฉลย Friday, September 24, 2010
๑.วรรณกรรมท่ีเกิดขึน้ ในสมัยสโุ ขทัยเปน็ วรรณกรรมที่เก่ียวกับเร่ืองใดเปน็ หลัก ก.สภาพสังคม ข.เศรษฐกิจ ค.การเมือง ง.ศาสนา ๒.เตภมู กิ ถา กลา่ วถงึ สภาพความเป็นอยู่ของภมู หิ รือภพทสี่ ตั ว์ทั้งหลายเกดิ มาย่อมเวียนวา่ ยตายเกดิ ในภพหรือภมู ิ ๓ ประการ คือข้อใด ก. มนสุ สภมู ิ สคุ ติภูมิ อรปู ภมู ิ ข. กามภูมิ รูปภูมิ อรูปภมู ิ ค. กามภูมิ สคุ ตภิ ูมิ ทคุ ติภมู ิ ง. อรปู ภมู รูปภมู ิ เดรจั ฉานภมู ิ ๓.ข้อใด ไมใ่ ช่ วัตถปุ ระสงคใ์ นการนิพนธเ์ ตภมู กิ ถาของพญาลิไท ก.เพือ่ เผยแพร่พระอภธิ รรม ข.เพ่ือเป็นบทเรยี นอภธิ รรมแก่พระมารดาของท่าน ค.เพื่อเลา่ ประวัตพิ ญาลไิ ท ง.เพ่ือเผยแพร่พระพุทธศาสนาแกป่ ระชาชน ๔.วรรณกรรมในสมยั สุโขทยั ท่ีสาคัญมีกีเ่ รอื่ ง ก. ๓ เร่ือง ข. ๔ เรอ่ื ง ค. ๕ เรอื่ ง ง. ๖ เร่ือง ๕.วรรณกรรมเร่ืองใดเปน็ วรรณกรรมประเภทลายลักษณ์จารกึ ในแผ่นศลิ าสี่เหล่ยี มจตุรสั ตดิ ไวก้ ับผนงั ก. ศิลาจารึกหลักท่ี ๑ ข. ศิลาจารึกวัดปา่ ม่วง ค. เตภูมกิ ถา ง. สภุ าษติ พระร่วง ๖.ลักษณะในการแตง่ คัมภรี ม์ ังคลตั ถทปี นีเปน็ แบบใด ก.แบบร้อยแกว้ ผสมร้อยกรอง ข.แบบรอ้ ยแก้วผสมคาถา ค.แบบรอ้ ยกรองผสมคาถา ง.แบบรอ้ ยแกว้ ผสมร้อยแก้ว ๗.การปฏบิ ตั ิของบคุ คลใดท่ีจะสามารถเกิดในภพภูมทิ ่ีดที ี่สุดใน เตภูมิกถา
ก.เมธาสทิ ธิป์ ฏิบัตติ ามบุญกิรยิ าวตั ถุ ๓ เป็นนิจ ข.สขุ ขปี ฏบิ ตั วิ ิปสั สนากรรมฐานอย่างเครง่ ครดั ค.สันภพสรา้ งผา้ ปา่ เดือนละ ๒ ครงั้ ง.สมประสงคเ์ ข้าวดั ฟงั ธรรมทุกวนั ๘.คัมภีร์มังคลัตถทปี นี มีคุณค่าทางศาสนาและสาคญั อย่างไรต่อคณะสงฆ์มากท่สี ุด ก.ใชส้ าหรบั ชัน้ เปรยี ญธรรม ๓-๔ ประโยค ข.ใช้สาหรับช้ันเปรียญธรรม ๔-๕ ประโยค ค.ใชส้ าหรบั ช้นั เปรียญธรรม ๕-๖ ประโยค ง. ใชส้ าหรับชน้ั เปรยี ญธรรม ๖-๗ ประโยค ๙.ผู้ใดท่มี ีบทบาทโดดเดน่ ในการแตง่ วรรณกรรมและวรรณคดใี นสมยั ลา้ นนา ก.พระพุทธโฆษาจารย์ ข.พระสริ มิ ังคลาจารย์ ค.พระพุทธปญั ญา ง.พระรัตนปัญญา ๑๐.พระพุทธศาสนาเถรวาทได้เผยแผม่ าสู่ประเทศไทยในพทุ ธศตวรรษใด ก.พทุ ธศตวรรษที่ 2 ข.พุทธศตวรรษท่ี 3 ค.พุทธศตวรรษท่ี 4 ง.พุทธศตวรรษท่ี 5 ๑๑.วรรณคดเี ร่อื งแรกของไทย คอื ก.ศิลาจารกึ วัดป่ามว่ ง ข.ไตรภูมิพระรว่ ง ค.ศลิ าจารกึ หลักท่ี 1 ง.สภุ าษิตพระรว่ ง ๑๒.พระมหากษัตริย์พระองค์แรก ที่ทรงออกผนวช คอื ก.พระยาง้ัวนาถม ข.พญาเลอไท ค.พญาลไิ ท ง.พ่อขุนรามคาแหง ๑๓.ไตรภมู ิกถา ทว่ี ่าด้วยทวีปทงั้ ๔ อยใู่ นภมู ิใด ก.มนสุ สภูมิ ข.นรกภมู ิ ค.อสูรกายภูมิ ง.รปู วจรภมู ิ ๑๔.ขอ้ ใด ไม่ใช่ วรรณกรรมทางพระพุทธศาสนาในล้านนา ก.จักรวาลทีปนี ข.ชนิ กาลมาลี
ค.เวสสันตรทปี นี ง.ตารบั ทา้ วศรจี ฬุ าลักษณ์ ๑๕. มังคลัตถทีปนี เป็นเรอ่ื งราวเก่ยี วกับอะไร ก.อริยสัจ ข.วสิ ุทธิธรรม ค.มงคล 38 ประการ ง.จักรวาลและโลก ๑๖.ข้อใดไม่ใช่พระเถระท่เี ป็นนักปราชญแ์ ห่งล้านนา ก.พระมหาราชครู ข.พระอุตตรารามเถระ ค.พระสวุ ัณณรังสเี ถระ ง.พระพุทธพุกาม ๑๗.ศิลาจารกึ หลักท่ี 1 ตอนท่ี 3 กลา่ วถึงอะไร ก.พระราชประวัติ ข.การใช้ชวี ติ แตก่ ่อน ค.เหตกุ ารณ์ต่างๆ ง.คาสรรเสรญิ และยอพระเกียรติ ๑๘.มงคล 38 ประการ ข้อใดกลา่ วถึงความสันโดษ ก.สปิ ปฺ ญฺจ ข.นวิ าโต จ ค.สนตฺ ุฏฺฐี ง.วิรช ๑๙.วรรณกรรมมังคลตั ถทีปนี มอี ิทธพิ ลต่อบา้ นเมอื งดา้ นใดบ้าง ขอ้ ใดไม่ใช่ ก.ดา้ นเศรษฐกจิ ข.ด้านการรบ ค.ดา้ นการเมือง ง.ดา้ นการศกึ ษา ๒๐.ยคุ ทองของพระพุทธศาสนาในสมัยล้านนา อยูใ่ นสมัยกษัตริย์พระองคใ์ ด ก.พญาเม็งราย ข.พระเจ้ากอื นา ค.พญาติโลกราช ง.พญากาวิละ
๑. วรรณกรรมเร่ืองสังคตี ยิ วงศ์ แตง่ เปน็ ภาษาใด? ก. ภาษาบาลี ข. ภาษาสันสฤต ค. ภาษามคธ ง. ภาษาสงิ หล ๒. วรรณกรรมเรอื่ งสังคตี ิยวงศม์ ีลักษณะการแต่งรปู แบบใด? ก. ร้อยกรอง ข. ร้อยแก้ว ค. ร้อยกรองผสมร้อยแกว้ ง. เทศนาโวหาร ๓. สมเด็จพระพนรัตนวดั พระเชตพุ นวิมงั คลารามแต่งหนังสอื เล่มใด? ก. สังคตี วิ งศ์ ข. พระมงคลวิเสสกถา ค. มังคลตั ถทปี นี ง. สมุทรโฆษคาแนท์ ๔. วรรณกรรมเร่อื งสังคีตยิ วงศ์ มเี นื้อเร่อื งแบ่งเป็นทัง้ หมดเท่าไร? ก. ๕ ปริเฉท ข. ๖ ปรเิ ฉท ค. ๗ ปรเิ ฉท ง. ๙ ปริเฉท ๕. ทา่ นเปรยี บหนงั สือสงั คีติยวงศเ์ ป็นเช่นยาในด้านใด? ก. ยาสมานแผล ข.ยารักษาแผล ค. ยาบารุงรา่ งกาย ง.ยากระตนุ้ หวั ใจ ๖. วรรณกรรมสงั คตี ยิ วงศ์มีอิทธิพลด้านใดมากทีส่ ุด? ก.ด้านเศรษฐกจิ ข. ด้านสงั คม ค. ดา้ นการศึกษา ง. ดา้ นการปกครอง ๗. วรรณกรรมเรอื่ งพระมงคลวเิ สสกถาเปน็ หลักสูตรเปรียญธรรมประโยคใด? ก. ประโยค ๑-๒ ข. ประโยค ๓ ค. ประโยค ๘ ง. ประโยค ๙ ๘. วรรณกรรมพระมงคลวิเสสกถาแบ่งเนื้อหาออกเป็นก่ีฝ่าย?
ก. ๒ ฝา่ ย ข. ๓ ฝา่ ย ค. ๔ ฝา่ ย ง. ๕ ฝา่ ย ๙. จดุ มงุ่ หมายการแตง่ วรรณกรรมพระมงคลวเิ สสกถาคือข้อใด? ก. ใช้เทศนาในงานมหาชาติ ข. ใชส้ วดในวันเขา้ พรรษา ค. ใชใ้ นพระราชพธิ เี ฉลิมพระชนมพรรษา ง.ใชใ้ นพิธีทาบญุ ๑๐. พระมงคลวิเสสกถา ในศกท่ี ๑๑๙ ใชพ้ รรณนาเก่ยี วกบั เรอ่ื งใด? ก. เรื่องอปจายน ข. เรือ่ งปุพเพกตปุญญตา ค. เรื่องสามัตถิยะ ง. เรอื่ งเมตตา ๑๑. พระมงคลวิเสสกถาเป็นสานวนโวหารแบบใด? ก. อธิบายโวหาร ข. เทศนาโวหาร ค. พรรณนาโวหาร ง. ไมม่ ีข้อถกู ๑๒. จดุ เด่นของมงคลวิเสสกถาคอื ขอ้ ใด? ก. สานวนการเขยี น ข. ลักษณะการวางโครงร่าง ค. ลกั ษณะการแปล ง. ถูกทุกขอ้ ๑๓. แก่นพุทธศาสนเ์ ป็นวรรณกรรมประเภทใด? ก. ถอดความจากคาปาฐกถา ข. อธบิ ายพระไตรปฎิ ก ค. อธบิ ายคมั ภีรม์ ูลฐาน ง. ถอดความจากพระไตรปฎิ ก ๑๔. แกน่ พุทธศาสนแ์ สดงเรื่องสาคัญไว้กเี่ ร่อื ง? ก. ๒ เรื่อง ข. ๓ เร่อื ง ค. ๔ เรอ่ื ง ง. ๕ เรอ่ื ง ๑๕. ข้อใดเรยี งลาดับการปาฐกถาทา่ นพทุ ธทาสภิกขุ ๓ คร้ังไดถ้ ูกตอ้ งที่สดุ ? ก. ใจความทัง้ หมดของพระพทุ ธศาสนา วิธปี ฏิบตั เิ พื่ออยูด่ ้วยความวา่ ง
ความว่าง ข. ความว่าง ใจความทั้งหมดของพระพุทธศาสนา วิธีปฎิบตั ิเพือ่ อยกู่ ับ ความว่าง ค. ใจความทั้งหมดของพระพุทธศาสนา ความวา่ ง วิธปี ฏิบัตเิ พ่อื อยดู่ ้วย ความว่าง ง. ไมม่ ขี ้อถกู ๑๖. ในการปาฐกถาของพุทธทาสภกิ ขทุ า่ นกลา่ วว่าหลักพุทธศาสนาขั้นมูลฐานมุ่งเฉพาะเรอ่ื งใด? ก. มุง่ ทดี่ บั ทกุ ข์ ข. มงุ่ ที่สขุ ค. มงุ่ ทคี วามเปน็ ตวั ตน ง.มุ่งทีน่ พิ พาน ๑๗. การปาฐกถาของท่านพุทธทาสภิกขกุ ล่าววา่ “ ความวา่ ง” หมายถึง อะไร? ก. ความว่างในตัวของมนั เอง ข. ความว่างโดยการจินตนาการ ค. ความไม่ไมย่ ดึ ม่ันถอื มั่น ง. การปลอ่ ยวาง ๑๘.อวิชชา วิชา และนพิ พาน ตามทศั นะของท่านพทุ ธทาสภิกขุเหมือนหรอื ต่างกนั ? ก. อวิชชาต่างจาก วิชชาและนิพพาน ข. อวิชชา วชิ า ต่างจากนิพพาน ค. อวิชชา วชิ ชา และนพิ พานเหมือนกนั ง. นพิ พาน อวชิ ชาตา่ งจากวิชชา ๑๙. ความวา่ งตามทศั นะของท่านพทุ ธทาสภิกขุมกี ล่ี กั ษณะ? ก. ๒ ลักษณะ ข. ๓ ลักษณะ ค. ๔ ลกั ษณะ ง. ๕ ลกั ษณะ ๒๐. ขอ้ ใดไม่ใชจ่ ดุ เด่นของหนังสือแกน่ พุทธศาสน์? ก. ได้รับรางวลั หลายรางวลั ข. แสดงจดุ มุ่งหมายตามคาสอนครบถว้ น ค. ให้โลกทศั นแ์ ละชวี ทัศนส์ มบูรณ์ ง. ให้ความละเอียดในการปฎบิ ตั ิ
1. เนือ้ หาในไตรภมู พิ ระรว่ งเกย่ี วกับเร่ืองใด ก. นรก สวรรค์ บาดาล ข. กามภูมิ สวรรค์ นรก ค. กามภูมิ รูปภูมิ อรูปภมู ิ ง. ปฐมภูมิ ทตุ ิยภมู ิ ตตยิ ภูมิ 2. ผแู้ ต่งคอื ใครและมีความสมั พันธก์ ับพ่อขุนรามคาแหงมหาราชอยา่ งไร ก. พระศรสี ุนทรโวหาร- หลาน ข. พระศรสี ุนทรโวหาร- เหลน ค. พญาลไิ ทย-หลาน ง. พญาลไิ ทย-เหลน 3. ไตรภูมพิ ระรว่ งเป็นวรรณคดีสมยั ใด ก. สโุ ขทยั ข. อยธุ ยาตอนตน้ ค. อยธุ ยาตอนกลาง ง. อยธุ ยาตอนปลาย 4. เรอื่ งน้ีแต่งด้วยคาประพนั ธป์ ระเภทใด ก. ความเรียงร้อยแก้ว ข. รา่ ยสุภาพ ค. กาพย์ยานี 11 ง. กลอนสุภาพ 5. ขอ้ ใดไม่เขา้ พวก ก. ดาวดึงส์
ข. ยามะ ค. โสฬส ง. ดุสิต 6. ไตรภมู พิ ระรว่ งเดิมมีช่ือเรยี กว่าอะไร ก. ไตรภูมกิ ถา ข. เตภูมิกถา ค. ไตรภูมกิ ถา หรอื เตภมู กิ ถา ง. ไตรภูมิพระรว่ ง 7. ขอ้ ใดกล่าวถึงไตรภูมิพระรว่ งไม่ถูกตอ้ ง ก. ช้ีให้เหน็ ว่าแดน 3 โลกนีไ้ มน่ า่ อย่เู ลย ข. ความสขุ ในอตุ รกรุ ุทวีปเปน็ ความสุขที่ยิ่งใหญเ่ ป็นอมตะ ค. อนิจจลกั ษณะคือความเป็นอนจิ จงั ของสรรพส่ิงในโลก ง. ถูกทกุ ข้อ 8. ข้อใดไม่มีอุปมาโวหาร ก. จะงอยไส้ดือนน้ั กลวงข้นึ ไปเบ้ืองบนติดหลังท้องแม่ ข. แลสองแกม้ เขานน้ั ไสรง้ ามเปน็ นวลดั่งแกล้งเอาแป้งผดั ค. อนั วา่ สายสะดอื แหง่ กุมารน้นั กลวงด่ังสายก้านบัวอันมีช่อื ว่าอบุ ล ง. ถ้าจะเอามาเปรยี บด้วยสมบัตินิพพานนั้น ประดจุ เอาห่งิ ห้อยมาเปรียบด้วยพระจันทร์ 9. “...แลท้าวพระญาองคใ์ ดกระทาความอันบ่มชิ อบคลองธรรมไสร้ เทวดาฟ้าฝนนั้นกพ็ ปิ ริต แมน้ ทาไรไ่ ถนาก็ บนั ดาลให้เสียหายตายแลง้ แลฝนแล ” จากข้อความนหี้ มายความว่าอย่างไร ก. เทวดาย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติดี ข. ผู้ปกครองประเทศตอ้ งมคี ณุ ธรรม ค. หากพระมหากษัตรยิ ์มคี ณุ ธรรมบา้ นเมอื งจะสงบสุข
ง. ผู้ปกครองประเทศที่ขาดคุณธรรมบา้ นเมืองจะเกิดวปิ รติ 10. ช่ือสถานท่ใี ดไมไ่ ดร้ บั อิทธพิ ลจากวรรณคดีเรอื่ งไตรภมู ิพระร่วง ก. วงั ปารสุ กวัน ข. พระตาหนักจิตรลดารโหฐาน ค. พระราชวังไกลกังวล ง. พระราชวงั ดสุ ิต 11. ข้อใดหมายถึงพยาธิในทอ้ ง ก. เอือน ข. หอ่ น ค. ธรหอ้ ย ง. อมั พทุ ะ 12. “พงึ เกลียดพึงหน่าย อนั ใดอนั อื่น เจบ็ เนอื้ เจ็บตน” ขอ้ ความนแ้ี สดงถึงการใช้ภาษาอย่างไร ก. การใชค้ าเหน็ ภาพพจน์ ข. การใชค้ าท่ีเปน็ จังหวะน่าฟงั ค. การใช้คาทมี่ ีความหมายลึกซ้ึงกนิ ใจ ง. การใชค้ าเปรยี บเทยี บทาใหร้ สู้ ึกเขา้ ใจย่ิงขึน้ 13. “ ไพรฟ่ ้าข้าไทท้งั หลายกอ็ ยเู่ ยน็ เปน็ สุข ได้หลักขาดดีในศรสี มบัติ ” ขอ้ ความท่ีขดี เส้นใตห้ มายถึงอะไร ก. ความถกู ตอ้ ง ข. คุณธรรม ค. ความมน่ั คง ง. ความมวี นิ ัย 15. “ ในกาลท้งั 3” หมายถงึ อะไร ก. สวรรค์ มนุษย์ นรก
ข. กามภมู ิ รูปภมู ิ อรปู ภูมิ ค. เมอ่ื แรกเกดิ เมื่ออยูใ่ นทอ้ งแม่ เม่อื ออกจากท้องแม่ ง. พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
แผนการจัดการเรยี นรู้รายวิชาภาษไทย ๖ รหัสวิชา ท๓๓๑๐๒ ๑ โรงเรียนปราจนี กลั ยาณี ประจาปกการึกึ ษา ๒๕๖๔ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 30 หน่วยการเรยี นที่ 5 วรรณคดแี ละวรรณกรรมเร่ืองไตรภูมพิ ระร่วงตอนมนุสสภมู ิ:ประวตั ิและความเปน็ มา เวลา 1 ชั่วโมง รหสั วิชา ท33102 รายวชิ า ภาษาไทย 6 กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 จานวน 1 หน่วยกติ ผู้สอน นางสาววาสนา แสงบัญดิษฐ์ สอนเม่ือวันที่ .............เดอื น ..................... พ.ศ.2565 ห้อง 236 และหอ้ งเรยี นออนไลน์ 1.มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพอ่ื นาไปใช้ตดั สินใจ แกป้ ัญหาในการดาเนินชวี ติ และมนี สิ ัย รกั การอา่ น ตัวชีว้ ัด ม. ๔–๖/๑ อา่ นออกเสียงบทร้อยแก้วและบทรอ้ ยกรองไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ไพเราะ และเหมาะสมกบั เรื่องท่ีอา่ น ม. ๔-๖/๒ ตคี วาม แปลความ และขยายความเร่ืองที่อ่าน ม. ๔–๖/๓ วิเคราะหว์ จิ ารณเ์ รือ่ งท่ีอา่ นในทุก ๆ ด้าน อยา่ งมเี หตผุ ล ม. ๔-๖/๕ วเิ คราะห์ วิจารณ์ แสดงความคิดเหน็ โตแ้ ย้งเกยี่ วกบั เร่อื งท่ีอ่าน และเสนอความคดิ ใหมอ่ ย่างมเี หตผุ ล สาระท่ี ๕ วรรณคดแี ละวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอยา่ งเห็นคณุ คา่ และนามาประยุกต์ใชใ้ นชีวิตจรงิ ตัวชี้วดั ม. ๔–๖/๑ วิเคราะหแ์ ละวิจารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมตามหลักการวิจารณ์เบื้องต้น 2. สาระสาคัญ ไตรภูมิพระร่วง เปน็ พระราชนิพนธ์ของพระมหาธรรมราชาที่ ๑ หรือพญาลิไทย ซ่ึงแต่งขึ้นเม่ือ วันพฤหัสบดี ข้ึน ๑๕ คา่ เดือน ๔ ปีระกา ตรงกับวันพฤหัสบดที ี่ ๔ มีนาคม พ.ศ.๑๘๖๔ (ปีเก่า) จ.ศ.๖๘๓ ม.ศ.๑๒๔๓ เป็นปีครองราชย์ท่ี ๖ หลังจากที่ ทรงผนวชแล้ว โดยมีพระประสงคท์ ่ีจะเทศนาโปรดพระมารดา และเพอ่ื จาเริญพระอภธิ รรม จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อธิบายความเป็นมาของเรื่อง ไตรภมู ิพระรว่ ง ตอนมนสุ สภมู ิได้ (K) 2. บอกประวตั ผิ ู้แต่งเรื่อง ไตรภูมพิ ระรว่ ง ตอนมนสุ สภมู ิได้ (K) 3. วิเคราะห์จดุ ม่งุ หมายในการแต่งเรอื่ ง ไตรภูมิพระรว่ ง ตอนมนสุ สภมู ไิ ด้ (P) 4. วิเคราะหล์ ักษณะของคาประพันธใ์ นเรือ่ ง ไตรภมู พิ ระรว่ ง ตอนมนสุ สภมู ไิ ด้ (P) 5. มคี วามใฝร่ ู้ ใฝ่เรียน (A) ๓. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทดสอบก่อนเรยี น เรื่อง ไตรภมู ิพระรว่ ง ตอนมนสุ สภมู ิ 3.2 ประวัติ และความเปน็ มาของไตรภมู ิพระร่วง ตอนมนุสสภมู ิ 3.3 ลกั ษณะการแตง่ และจุดประสงค์การแตง่ เรอ่ื งไตรภูมพิ ระรว่ ง 4. กระบวนการเรยี นรู้ ขน้ั ที่ 1 นาเข้าสูบ่ ทเรยี น 1)นกั เรยี นแบง่ กล่มุ กลมุ่ ละ 4-5 คน แต่ละกลุ่มร่วมกันทาแบบทดสอบก่อนเรียน จาก word wall
แผนการจัดการเรียนรูร้ ายวิชาภาษไทย ๖ รหัสวิชา ท๓๓๑๐๒ ๒ โรงเรียนปราจีนกลั ยาณี ประจาปกก ารึกึ ษา ๒๕๖๔ ข้ันท่ี ๒ กจิ กรรมการเรยี นรู้ 2) ครูใหน้ ักเรยี นดู Clip VDO ละครชดุ บนั ทกึ กรรม (ครเู ลือกตอนทแี่ สดงใหเ้ ห็นผลจากการกระทาความชั่วอยา่ งชดั เจน) แล้วใหน้ ักเรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกบั ความเช่อื เร่ืองบุญ-บาป ในพระพุทธศาสนา และความเช่อื เร่ือง ภพภมู ติ ่างๆ โดยครคู อยกระตนุ้ ใหน้ กั เรียนทุกคนมีส่วนร่วมในการแสดงความคดิ เหน็ ใน“MENTIMETER” และรว่ มกนั อภปิ ราย 3) แต่ละกล่มุ ศกึ ษาความรเู้ รอื่ ง ไตรภมู ิพระรว่ ง ตอนมนุสสภูมิ จากบทเรียนคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน รายวิชาภาษาไทย ๖ รหัสวชิ า ท๓๓๑๐๒ เรื่อง ไตรภมู พิ ระร่วง ตอนมนสุ สภูมิ ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ ๖ หนงั สอื เรยี น หนังสอื คน้ คว้าเพม่ิ เติม หอ้ งสมดุ และ แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ ตามประเด็นที่กาหนดให้ ดงั น้ี - หมายเลข ๑ ศกึ ษาความรเู้ ร่ือง ผู้แต่ง ประวตั ิผู้แตง่ - หมายเลข ๒ ศกึ ษาความรู้เรื่อง ที่มาและความสาคญั ของเรอ่ื ง - หมายเลข ๓ ศกึ ษาความรูเ้ ร่ือง จุดมงุ่ หมายในการแตง่ - หมายเลข ๔ ศึกษาความรู้เร่ือง ลกั ษณะคาประพนั ธ์ 4) นกั เรียนแตล่ ะคนสรปุ ความรู้ เร่ือง ประวตั ิและความเป็นมาของเรอื่ ง ไตรภูมพิ ระรว่ ง ตอนมนสุ สภมู ิ เป็นแผนที่ ความคดิ หรือผงั มโนทศั น์ เมอื่ ทาเสรจ็ แล้วร่วมกันอภิปราย แลว้ สรปุ เป็นใบงานของกลุม่ จากน้ันส่งตัวแทนกลุ่มออกมานาเสนอ ผลงานทหี่ นา้ ชน้ั เรยี น โดยครูและเพอ่ื นกลุ่มอนื่ ร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นและให้ข้อเสนอแนะ 5) ครูตั้งคาถามเพื่อกระตุน้ ความคดิ กบั นักเรยี น ดงั น้ี - วัตถุประสงค์หลักในการแต่ง ไตรภมู พิ ระรว่ งของพญาลไิ ทย คืออะไร - รปู แบบทใ่ี ชใ้ นเร่อื ง ไตรภมู พิ ระรว่ ง มคี วามคลา้ ยคลึงหรอื แตกตา่ งจากวรรณคดไี ทยส่วนใหญ่ในสมยั สโุ ขทัยอยา่ งไรบา้ ง ขนั้ ที่ ๓ ฝึกฝนผเู้ รยี น 6) ครูฝึกฝนใหน้ ักเรียนอ่านบทรอ้ ยแกว้ ไดถ้ ูกต้อง ดว้ ยน้าเสียง ลลี า อารมณส์ อดคลอ้ ง กับเนอ้ื เร่ือง ขั้นที่ ๔ นาไปใช้ 7) นกั เรียนนาขอ้ คดิ เร่ือง บาป – บุญ – คุณ – โทษ ท่ไี ด้จาก เร่ือง ไตรภูมพิ ระร่วง ตอนมนสุ สภมู ิ ไปใช้ใน ชีวิตประจาวนั ได้ ข้นั ที่ ๕ สรปุ 8) ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรุปความรเู้ รอื่ ง ไตรภูมพิ ระรว่ ง ตอนมนสุ สภมู ิ ใน Word wall จานวน 5 ขอ้ ในประเดน็ ตอ่ ไปน้ี ๑. ผแู้ ต่ง ประวตั ผิ ู้แตง่ ๒. ท่มี าและความสาคญั ของเรือ่ ง ๓. จุดมุ่งหมายในการแต่ง ๔. ลกั ษณะคาประพันธ์ ๕. ส่อื และแหล่งการเรยี นรู้ ๕.๑ บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน รายวชิ าภาษาไทย ๖ รหสั วชิ า ท๓๓๑๐๒ เรอ่ื ง ไตรภมู ิพระร่วง ตอนมนสุ สภมู ิ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๖ ๕.๒ คมู่ อื การใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน รายวิชาภาษาไทย ๖ รหสั วชิ า ท๓๓๑๐๒ เรือ่ ง ไตรภมู พิ ระร่วง ตอน มนุสสภมู ิ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี ๖ ๕.๓ เคร่ืองฉายภาพ (Projector) ๕.๔ เครือ่ งคอมพิวเตอร์ ลาโพง และอปุ กรณ์ตอ่ พ่วงต่างๆ 5.5 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น Word wall 5.6 กิจกรรมสรปุ ความรู้ Word wall จานวน 5 ขอ้ 5.7 หอ้ งสมุด และ Internet
แผนการจัดการเรียนรรู้ ายวชิ าภาษไทย ๖ รหัสวิชา ท๓๓๑๐๒ ๓ โรงเรียนปราจีนกลั ยาณี ประจาปกการึกึ ษา ๒๕๖๔ ๖. กระบวนการวัดผลประเมินผล ๖.๑ วธิ ีวัดผล ๖.๑.๑ นักเรียนอภิปรายในช้นั เรยี น ๖.๑.๒ การเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่ ของนักเรยี น ๖.๑.๓ ครสู ังเกตพฤติกรรมการปฏบิ ัติกิจกรรมการเรยี นของนกั เรยี น 6.1.4 กิจกรรมสรุปความรู้ Word wall จานวน 5 ขอ้ ๖.๒ เคร่อื งมอื วดั ผล ๖.๒.๑ แบบประเมินการอภิปราย(โดยครูและเพื่อนสมาชกิ ในกลมุ่ ) ๖.๒.๒ แบบประเมินพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่ ๖.๒.๓ แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบตั กิ ิจกรรมการเรยี น 6.2.4 แบบสรุปความรู้ และแบบทดสอบกอ่ นเรยี น ด้วย Word wall ๖.๓ เกณฑ์การประเมนิ ๖.๓.๑ นักเรียนผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ การอภิปรายได้ตามเกณฑท์ ี่กาหนดไมต่ า่ กว่าในระดบั ดี ๖.๓.๒ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมกลุ่ม (โดยครแู ละเพื่อนสมาชิกในกลุ่ม) ตามเกณฑท์ ก่ี าหนด ไมต่ า่ กวา่ ในระดบั ดี ๖.๓.๓ นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์การประเมนิ การปฏบิ ตั กิ ิจกรรมในการเรยี นไดต้ ามเกณฑ์ ที่กาหนดไวไ้ มต่ า่ กวา่ ในระดับดี ๗. การวัดผลประเมนิ ผล วดั ผลประเมินผล วิธวี ดั ผลประเมินผล เครื่องมือวัดผล เกณฑก์ ารวดั ผลประเมนิ ผล ตามจุดประสงค์ ประเมนิ ผล ๗.๑ ด้านความรู้ (K) - ทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน - แบบทดสอบ - นกั เรียนทาแบบทดสอบ ๗.๑.๑ วดั ความรพู้ นื้ ฐานของนักเรยี น จานวน ๔๐ ข้อ Word wall กอ่ นเรียน ดว้ ย Word กอ่ นเรียนถูกต้องรอ้ ยละ 5๐ จึง ก่อนเรียนเรอื่ งไตรภมู พิ ระรว่ ง (K) - ทาแบบสรุปการเรยี น ดว้ ย wall ผา่ น ๗.๑.๒ วัดความรจู้ ากการสรุปการเรียน Word wall จานวน 4 ขอ้ -แบบสรุปการเรยี น ดว้ ย - นกั เรยี นสามารถตอบจาก Word wall จานวน 4 ข้อ กิจกรรมสรปุ ได้ 2 ขอ้ จึงผา่ น ๗.๒ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) ๗.๒.๑ ออกเสยี งชดั เจนถูกตอ้ งตาม - สงั เกตจากการตอบคาถาม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ผ่านเกณฑก์ ารประเมินการ อักขรวิธี ในชั้นเรียน การปฏิบตั กิ จิ กรรมการ ปฏบิ ตั ิกจิ กรรม ๗.๒.๒ การแบ่งวรรคตอนในการอา่ น เรียน ในการเรียนไดต้ าม ๗.๒.๓ ความคลอ่ งแคล่ว ชดั เจน เกณฑ์ทีก่ าหนด ๗.๒.๔ น้าเสยี ง ลลี า อารมณส์ อดคลอ้ ง ไมต่ ่ากว่าในระดับดี กบั เนื้อเรื่อง ๗.๒.๕ บุคลิกภาพในการอ่าน ๗.๓ ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นยิ ม (A) - สังเกตจากการตอบคาถาม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ การ ๗.๓.๑ มวี ินยั ในชัน้ เรยี น การปฏิบัตกิ จิ กรรมการ ปฏิบตั ิกิจกรรม ๗.๓.๒ ใฝ่เรยี นรู้ - สังเกตจากการรว่ ม เรียน ในการเรียนไดต้ าม ๗.๓.๓ ความรบั ผดิ ชอบ กจิ กรรม เกณฑ์ท่กี าหนด ๗.๓.๔ ความมนี า้ ใจชว่ ยเหลอื ผู้อื่น ไม่ตา่ กวา่ ในระดับดี ๗.๓.๕ มเี จตคตทิ ด่ี ตี ่อวิชาท่เี รยี น กจิ กรรมเสนอแนะ ............................................................................................................................................................................................................. ลงชือ่ ..... ............................. ผ้เู ขยี นแผนจดั การเรียนรู้ 2๑ / ตลุ าคม / 256๔
แผนการจดั การเรียนรรู้ ายวิชาภาษไทย ๖ รหัสวิชา ท๓๓๑๐๒ ๔ โรงเรียนปราจีนกัลยาณี ประจาปกก ารึกึ ษา ๒๕๖๔ บันทึกหลงั การสอน 1. ผลการสอน / ผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ............................................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................................ ด้านทักษะ / กระบวนการ (P) ............................................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................................ ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม และค่านิยม (A) ............................................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................................ สมรรถนะของผเู้ รยี น / แนวความคิดเพ่ือการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ............................................................................................................................................................................................................ .......................................................................................................................................................................................................... 2. ปญั หา / อปุ สรรค และขอ้ คน้ พบ .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... 3. ขอ้ เสนอแนะแนวทางการแกไ้ ข ผลการแกไ้ ข .................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................... ลงช่ือ.............. ....... .........................ผู้สอน (..นางสาววาสนา แสงบัญดษิ ฐ์....) ..... / .................... / 2565
แผนการจดั การเรียนรูร้ ายวิชาภาษไทย ๖ รหัสวิชา ท๓๓๑๐๒ ๕ โรงเรียนปราจนี กลั ยาณี ประจาปกการึกึ ษา ๒๕๖๔ แบบทดสอบกอ่ นเรยี น บทเรยี นคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน/เกม Word wall รายวชิ าภาษาไทย ๖ รหสั วิชา ท๓๓๑๐๒ เรือ่ ง ไตรภูมพิ ระรว่ ง ตอนมนสุ สภูมิ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๖ คำชแี้ จงแบบทดสอบก่อนเรียน ก่อนเข้าสบู่ ทเรียนนักเรยี นจะต้องทาแบบทดสอบก่อนเรยี น โดยการใช้เมาสค์ ลิก เพ่ือเลอื กคาตอบท่ีถกู ตอ้ ง เมอ่ื ทา แบบทดสอบก่อนเรยี นครบ ๓๐ ขอ้ แล้ว คลิกที่ปุ่มเลกิ ทำ/สง่ คำตอบจะปรากฏผลคะแนนที่นกั เรียนทาไดอ้ ยบู่ นหนา้ จอขอใหน้ กั เรยี น ตง้ั ใจทาแบบทดสอบเพราะผลคะแนนทไี่ ด้นน้ั จะถกู บันทกึ ลงในคอมพิวเตอร์ และนาไปประเมินผลการเรยี นรู้เปรยี บเทยี บกับการทา แบบทดสอบหลงั เรียน ๑. ไตรภูมิพระร่วงมชี ื่อเดิมตามขอ้ ใด ก. เตภูมิกถา ข. ไตรภูมิวทิ ยา ค. ไตรภูมิภาค ง.ไตรภมู ศิ าสตร์ ๒. ช่ือสถานทใ่ี ดไมไ่ ด้รบั อิทธพิ ลจากวรรณคดีเร่อื งไตรภูมพิ ระร่วง ก. วงั ปารุสกวนั ข. พระราชวังดสุ ิต ค. พระราชวงั ไกลกงั วล ง. พระตาหนักจติ รลดารโหฐาน ๓. ไตรภูมิพระรว่ งเปน็ บทพระราชนิพนธข์ องใคร ก. พระรว่ ง ข. พระยาลไิ ท ค. พ่อขนุ รามคาแหง ง. พ่อขนุ ศรีอินทราทติ ย์ ๔. ขอ้ ใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกบั พระราชกรณยี กจิ ของผู้แต่งเรอื่ งไตรภูมิพระร่วง ก. สร้างศลิ าจารึกหลักท่ี ๑ ข. สรา้ งพระพทุ ธชินราชทพ่ี ิษณโุ ลก ค. ทรงอาราธนา พระมหาสวามีสังฆราชมาจากเมอื งลังกา ง. การทานบุ ารงุ พระพทุ ธศาสนาศูนย์รวมจติ ใจของคนในชาติ ๕. ข้อใดคอื จดุ มงุ่ หมายในการแตง่ เรอ่ื งไตรภูมพิ ระรว่ ง ก. ชใ้ี หเ้ หน็ ผลการทาบญุ และบาป ข. ช้ใี หม้ นษุ ยเ์ ขา้ ใจอนจิ จังของชีวิต ค. ชี้ให้เหน็ ความสุขสบายในแตล่ ะภพภมู ิ ง. ชนี้ าใหม้ นุษยห์ าทางหลดุ พ้นและบรรลุนพิ พาน ๖. “ ไพร่ฟ้าข้าไททงั้ หลายก็อยเู่ ย็นเป็นสขุ ไดห้ ลกั ขาดดใี นศรสี มบัต”ิ ข้อความทข่ี ีดเสน้ ใต้มีความหมายตรงกับข้อใด ก. คณุ ธรรม ข. ความถกู ต้อง ค. ความมัน่ คง ง. ความมวี ินัย
แผนการจดั การเรยี นรู้รายวชิ าภาษไทย ๖ รหัสวิชา ท๓๓๑๐๒ ๖ โรงเรยี นปราจีนกัลยาณี ประจาปกก ารึึกษา ๒๕๖๔ ๗. ไตรภมู พิ ระร่วง มลี กั ษณะการแตง่ พเิ ศษอย่างไรจงึ สามารถกล่าวไดว้ ่า “ผู้แต่งมีพระปรชี าสามารถในความรอบรเู้ ร่ือง พระพุทธศาสนาอยา่ งยอดเย่ียมเปน็ วทิ ยานพิ นธท์ กี่ า้ วล้าหน้าสมบรู ณแ์ บบ” ก. บอกชื่อผ้แู ตง่ ข. บอกศักราชที่แต่ง ค. เขียนดว้ ยอักษรขอม ง. อา้ งคัมภรี ์ท่ใี ช้ประกอบในการแตง่ ๘. “...ดูกรเจ้าโชฏกิ เศรษฐแี ลนางผู้เป็นเมยี เจ้านไ้ี ปง่ ามนักหนาแลเหน็ กมู าดงั น้ีไส้ใช่เราจะมาชิงเอาสมบัติอันเป็นมลากเปน็ ดี แหง่ เจา้ แลนางจงึ รอ้ งไหฤ้ ๅครานเี้ รามาไส้แต่ว่าเรามาชมบุญเจา้ ไส้ จงเจา้ ว่าแก่นางอยา่ ใหน้ างร้องไห้เลยฯเศรษฐกี ราบไหว้ทลู แดพระญาวา่ ดังน้ีตนเป็นข้าผู้เป็นเจา้ แลวา่ นางบมไิ ด้ร้องไห้บดั นี้อายรูปอนั อบรมเคร่ืองสนิมอาภรณอ์ นั ที่พระเจา้ ทรงนั้นหาก มาตอ้ งตานางขา้ ผู้เป็นเจ้า...”จากข้อความไตรภมู พิ ระร่วงข้างต้นน้เี ปน็ ลกั ษณะคาประพันธ์ประเภทใด ก. รา่ ยโบราณ ข. กลอนสุภาพ ค. กาพยย์ านี ๑๑ ง. ความเรียงร้อยแกว้ ๙. ไตรภูมหิ มายถึงขอ้ ใด ก. สวรรค์ นรก บาดาล ข. กามภูมิ รูปภมู ิ และอรูปภมู ิ ค. สวรรค์ โลกมนษุ ย์ และนรก ง. ความสขุ ความทุกขแ์ ละนพิ พาน ๑๐. “ในกาลท้งั ๓” จากเรอื่ งไตรภมู พิ ระรว่ ง หมายถึงขอ้ ใด ก. สวรรค์ มนุษย์ นรก ข. กามภมู ิ รูปภูมิ อรูปภมู ิ ค. พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ง. เมอื่ แรกเกิด เมือ่ อยูใ่ นทอ้ งแม่ เมือ่ ออกจากทอ้ งแม่ ๑๑. อุปปาตกิ ะคือ การเกดิ ตามขอ้ ใด ก. ชีวติ ท่เี กดิ จากไข่ ข. ชวี ติ ท่เี กิดขึน้ เอง ค. ชีวติ ที่เกิดจากไคล ง. ชวี ิตท่ีเกดิ จากน้าฝน ๑๒. “...ไขเ้ จ็บเหน็บเหน่อื ยวิการดงั นไ้ี สบ้ ห่ อ่ นจะบังเกดิ มีแกช่ าวอุตรกุรนุ นั้ แตส่ ักคาบหนึ่งเลยฯ” คาวา่ “วิการ” ปัจจบุ นั ใช้ว่า อย่างไร ก. วริ การ ข. ไวการ ค. พกิ าร ง. พิจการ ๑๓. “เป็นดง่ั น้าล้างเน้ือ” หมายถึงขน้ั ตอนใดของการกาเนิดมนษุ ย์ ก. กลละ ข. เปสิ ค. ฆนะ ง. อัมพุทะ
แผนการจัดการเรียนร้รู ายวชิ าภาษไทย ๖ รหัสวิชา ท๓๓๑๐๒ ๗ โรงเรยี นปราจนี กัลยาณี ประจาปกการึกึ ษา ๒๕๖๔ ๑๔. “ดจุ ด่ังฝงู นรกอนั ยมบาลกุมตีนและหยอ่ นหัวลงในขุมนรก” ข้อความน้ีกลา่ วถึงตอนใด ก. ขณะเดก็ กาลังจะคลอด ข. ท่านง่ั ของเด็กในท้องแม่ ค. รูปของการกอ่ กาเนดิ เดก็ ในช่วงสปั ดาห์ที่ ๒ ง. ขณะเด็กอยใู่ นท้องของแมท่ กี่ าลงั เคล่ือนไหว ๑๕.“...แลท้าวพระญาองคใ์ ดกระทาความอนั บ่มิชอบคลองธรรมไส้ เทวดาฟ้าฝนน้ันก็พปิ ริต แมน้ ทา ไร่ไถนาก็บันดาลให้ เสยี หายตายแลง้ แลฝนแล” จากขอ้ ความน้หี มายความวา่ อยา่ งไร ก. เทวดายอ่ มคุ้มครองผ้ปู ระพฤตดิ ี ข. ผู้ปกครองประเทศตอ้ งมีคณุ ธรรม ค. หากพระมหากษตั ริยม์ ีคณุ ธรรมบา้ นเมืองจะสงบสขุ ง. ผู้ปกครองประเทศท่ีขาดคณุ ธรรมบา้ นเมอื งจะเกิดวปิ รติ ๑๖. “.......แลมฝี งู ผหู้ ญิงอนั อย่ใู นแผ่นดินนน้ั งามทกุ คน รปู ทรงเขานั้นบ่มติ ่า บ่มสิ งู บ่มิพี บ่มผิ อม บม่ ขิ าว บม่ ิดา สสี มบรู ณ์ งามดั่งทองอันสกุ เหลอื งเรืองเปน็ ท่พี อใจฝูงชายทกุ คนแล น้ิวตีน นวิ้ มอื เขานนั้ กลมงามนะแน่ง เลบ็ ตนี เลบ็ มอื เขานั้นแดงด่งั น้า คลง่ั อันทา่ นแตง่ แลว้ แลแตม้ ไว้ แลสองแก้มเขานั้นไสง้ ามเปน็ นวลด่งั แกล้งเอาแปง้ ผัด หน้าเขานั้นหมดเกล้ียงปราศจากมลทนิ หาฝ้าหาไฝบม่ ิไดแ้ ลเห็นดวงหน้าเขาไสด้ จุ ดั่งพระจนั ทร์วนั เพญ็ บูรณน์ ั้น.....” จากขอ้ ความข้างต้น “แผ่นดนิ น้ัน” หมายถงึ ขอ้ ใด ก. ป่าหิมพานต์ ข. อุตรกรุ ุทวีป ค. สวรรค์ชน้ั โสฬส ง. สวรรค์ชัน้ ดาวดงึ ส์ ๑๗. นรกภมู ิ มที ัง้ หมดก่ีขมุ ใหญ่ ก. ๕ ขุม ข. ๖ ขมุ ค. ๗ ขมุ ง. ๘ ขมุ ๑๘. ทา้ ววิรุฬปักษค์ อื ใคร ก. พญายมผเู้ ป็นใหญ่นรกขมุ โลกันต์ ข. มหาเทพผเู้ ป็นใหญแ่ ดนใตข้ องสวรรคช์ ้นั แรก ค. ยกั ษ์ผเู้ ป็นใหญ่ทศิ ตะวันออกของแดนอสุรกาย ง. นาคผู้เป็นใหญป่ กครองเมอื งบาดาล ๑๙. เมอื่ เกิด ไฟ น้า ลม ล้างโลก ช้ันพรหมใดไม่ถูกทาลาย ก. พรหมชั้น อวหิ าภมู ิ ข. พรหมชน้ั สทุ ัสสภี ูมิ ค. พรหมชน้ั อกนฏิ ฐาภูมิ ง. พรหมชน้ั มหาพรหมภมู ิ ๒๐. “คารบ......จงึ เป็นขน เป็นตีน เล็บมอื เป็นเคร่ืองสาหรับเปน็ มนษุ ย์ถว้ นทกุ อันแล” ข้อใดเตมิ ลงใน ชอ่ งวา่ งได้ถูกตอ้ ง ก. ๒๑ ข. ๒๘ ค. ๓๕ ง. ๔๒
แผนการจดั การเรียนรรู้ ายวชิ าภาษไทย ๖ รหัสวิชา ท๓๓๑๐๒ ๘ โรงเรียนปราจนี กัลยาณี ประจาปกการึกึ ษา ๒๕๖๔ ๒๑. ข้อใดเรียงลาดับกอ่ น-หลงั เก่ียวกับการเกิดของมนุษยจ์ ากเรอื่ งไตรภูมิพระรว่ ง ก. กลละ ฆนะ เปสิ อมั พุทะ ข. อมั พทุ ะ เปสิ ฆนะ กลละ ค. กลละ อมั พุทะ เปสิ ฆนะ ง. อัมพทุ ะ ฆนะ กลละ เปสิ ๒๒. ขอ้ ใดถูกตอ้ งเก่ียวกับอายขุ องผูห้ ญิงในอุตรกุรุทวปี ก. อายุ ๑๕ ปี ตลอดสิ้นอายขุ ยั ข. อายุ ๑๖ ปี ตลอดสิ้นอายขุ ยั ค. อายุ ๑๗ ปี ตลอดส้นิ อายขุ ัย ง. อายุ ๑๘ ปี ตลอดสิน้ อายขุ ยั ๒๓. ขอ้ ใดกล่าวถึงไตรภมู ิพระร่วงถูกต้อง ก. ชใ้ี ห้เหน็ วา่ แดน ๓ โลกนไ้ี ม่นา่ อยเู่ ลย ข. ความสุขในอตุ รกรุ ุทวีปเปน็ ความสุขท่ีสดุ ค. อนจิ ลกั ษณะคือความเปน็ อนิจจงั ของสรรพสงิ่ ในโลก ง. นรกภมู ใิ หม้ นุษยล์ ดหย่อนบาปบ้าง ๒๔. การฆ่านักบวช ภิกษุ สามเณร เมอ่ื ตายไปอย่ใู นนรกขมุ ใด ก. นรกขมุ ท่ี ๑ สัญชพี นรก ข. นรกขุมท่ี ๒ กาฬสุตตนรก ค. นรกขุมท่ี ๖ ตาปะนรก ง. นรกขุมที่ ๘ อเวจมี หานรก ๒๕. หากพระอินทร์จะไปเฝ้าพระอคานามี แล้วตอ้ งเหาะกลบั สวรรค์ชน้ั ดาวดึงส์ จะต้องเหาะผา่ นสวรรค์ฉกามาพจรชั้นใดก่อน ก. ยามา ข. ดสุ ติ ค. จตุมหาราชกิ า ง. ปรนิมมิตวัสตตี ๒๖. ขอ้ ใดกลา่ วถูกตอ้ งเกีย่ วกบั อรูปภมู ิ ก. เปน็ ผู้มีอานาจสงู สุดในไตรภมู ิ ข. เป็นสตั ว์ที่เกดิ จากอานาจของกรรมทไ่ี ดก้ ระทามา ค. เป็นพรหมท่อี บุ ัตขิ น้ึ เพราะเหตแุ ห่งการบาเพ็ญฌานกศุ ล ง. เป็นพรหมในโสฬสพรหม เมื่อส้นิ อายขุ ัยไปเกดิ อยูใ่ นช้นั รูปภมู ิ ๒๗. หนอนเกดิ จากเกสรดอกไมช้ นดิ หนึง่ ดังนั้น หนอนมกี ารเกิดแบบใด ก. แบบอุปปาตกิ ะ ข. แบบชลามพชุ ะ ค. แบบอณั ฑชะ ง. แบบสังเสทชะ ๒๘. นายปรีชามปี ัญหาชีวติ รกั ได้มาปรกึ ษากบั นายไกรวชิ ญว์ ่าอยากฆ่าตัวตาย จะได้หลดุ พ้นจากปญั หาไปเสียที หากนกั เรียน เป็นนายไกรวชิ ญ์ จะนาขอ้ คดิ ท่ไี ดจ้ ากเร่ืองไตรภูมพิ ระร่วง ตอนมนสุ สภูมิ ไปเตอื นสตนิ ายปรีชา ไมใ่ ห้คดิ ส้นั อย่างไร ก. เตอื นว่าการคดิ ฆ่าตัวตายและการฆ่าตวั ตายเป็นบาป และไม่ควรกระทาอย่างยิ่ง ข. เตอื นว่ากว่าเราจะไดเ้ กดิ เปน็ มนษุ ย์ได้นั้นแสนลาบาก จงึ ควรเหน็ คณุ คา่ และรักษาชีวติ ของตนเองไว้สุดกาลงั ค. เตือนวา่ ควรหมนั่ ไปทาบญุ ในชาติน้ี เพ่ือชาติหน้าจะไดไ้ ปเกิดในสวรรค์และไมต่ อ้ งเสยี ใจเหมอื นในชาตนิ ้ี ง. เตือนวา่ ควรหาทางหลดุ พน้ จากความทาทุกข์ ด้วยการออกบวชสืบทอดพระพทุ ธศาสนา เพ่ือหาทางหลดุ พน้ สงสารวฏั
แผนการจัดการเรยี นรู้รายวิชาภาษไทย ๖ รหัสวิชา ท๓๓๑๐๒ ๙ โรงเรียนปราจนี กลั ยาณี ประจาปกก ารึึกษา ๒๕๖๔ ๒๙. “คนผู้ใดอยู่ในท้องแม่เจ็ดเดือนแลคลอดนนั้ แมเ่ ลย้ี งเป็นคนก็บม่ ไิ ด้กล้าแขง็ บม่ ิทนแดดทนฝนได้แลฯ” ข้อใดคอื ความหมายของขอ้ ความข้างต้น ก. หากแม่ท้อง ๗ เดือนแลว้ คลอดลกู ลูกจะตัวออ่ น ข. หากแม่ท้อง ๗ เดือนแลว้ คลอดลูก ลูกจะไม่แขง็ แรง ค. หากแมท่ อ้ ง ๗ เดือนแลว้ คลอดลูก ลกู จะตากแดดตากฝน ง. หากแมท่ อ้ ง ๗ เดอื นแล้วคลอดลูก ลูกจะป่วยมีโรคประจาตวั ๓๐. เมื่อคืนสุจารีนอนหลับและฝันว่าได้ไปเมืองนรก เมื่อต่ืนขึ้นมา สุจารีต้องการเขียนบรรยายลักษณะของนรกท่ีได้เห็นใน ความฝันให้เพื่อนนักเรียนในห้องอ่าน สุจารีจะเลือกใช้โวหารประเภทใด ในการเขียนเพื่อให้เพื่อนเกิดจินตนาการ ก. เทศนาโวหาร ข. สาธกโวหาร ค. บรรยายโวหาร ง. พรรณนาโวหาร ๓๑. ขอ้ ใดไมใ่ ชป่ ระโยชน์ท่ีได้รับจากเร่อื งไตรภมู พิ ระร่วง ก. ได้เรียนรศู้ พั ทท์ างพระพทุ ธศาสนามากขนึ้ ข. ไดเ้ รียนรู้คาศัพท์ที่มรี ากศพั ท์มาจากภาษาตะวันตกมากยิง่ ข้นึ ค. ได้เรยี นรคู้ วามหมายของคาศัพทภ์ าษาถิน่ และคาศพั ทโ์ บราณ ง. ไดเ้ รยี นรคู้ วามแตกต่างระหวา่ งคาสมยั สุโขทยั กบั คาท่ใี ช้ในปจั จบุ นั ๓๒. ขอ้ ใดเป็นประโยคสมั พนั ธก์ นั โดยใช้คาเชอื่ ม ก. คนฝงู นั้นเรี่ยวแรงอยู่ชวั่ ตนแตห่ นุ่มเถงิ เฒา่ บม่ ริ ู้ถอยกาลงั เลย ข. แลเขาอยูด่ ว้ ยกนั แลเสพเมถนุ ได้แต่ ๗ วนั น้ันแลพน้ กวา่ นัน้ ไปเขามิไดเ้ สพด้วยเมถนุ เลย ค. แลไมน้ น้ั หาดว้ งหาแลงมไิ ด้ แลไม่มที คี่ ดทโี่ กงหาพกุ หาโพรงหาพลวงมไิ ด้ ซอ่ื ตรงกลมงามนกั หนา ง. คนทัง้ หลายฝงู นนั้ เอาขา้ วสารนั้นมาใส่ในหมอ้ ทองอันเรอื งงามดงั แสงไฟ จึงยกไปต้ังลงเหนอื ศลิ าอนั ชื่อวา่ โชตปิ ราสาท ๓๓. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ลักษณะเดน่ ของขอ้ ความต่อไปนี้ “....แลมฝี ูงผ้หู ญงิ อันอยู่ในแผ่นดินนั้นงามทุกคน รูปทรงเขาน้ันบม่ ติ ่า บม่ สิ งู บ่มพิ ี บม่ ิผอม บ่มขิ าว บม่ ิดา สสี มบรู ณ์ งาม ด่ังทองอนั สุกเหลืองเรอื งเป็นทพ่ี อใจฝูงชาย ทุกคนแล นิว้ ตนี นิ้วมอื เขาน้นั กลมงามนะแนง่ เลบ็ ตีนเลบ็ มือเขานน้ั แดงดงั่ นา้ คลัง่ อันทา่ นแต่งแล้วแลแตม้ ไว้ แลสองแก้มเขาน้นั ไสง้ ามเปน็ นวลด่ังแกล้งเอาแปง้ ผัดหน้าเขานั้นหมดเกล้ียงปราศจากมลทินหา ฝา้ หาไฝบ่มไิ ด้ แลเห็นดวงหนา้ เขาไสด้ ุจดัง่ พระจนั ทร์วันเพญ็ บูรณ์นนั้ .....” ก. การพรรณนาให้เกดิ จินตภาพ ข. การใชโ้ วหารภาพพจน์แบบอุปมา ค. การแสดงแง่คดิ เกี่ยวกับความประพฤติปฏิบตั ิของสตรี ง. การใชค้ าขยายเพ่อื บง่ บอกถึงสสี ันที่ช่วยสอ่ื ความให้ชัดเจนยง่ิ ขนึ้ ๓๔.“พงึ เกลียดพึงหน่าย อันใดอันอน่ื เจ็บเนื้อเจ็บตน” ขอ้ ความนแี้ สดงถงึ การใช้ภาษา อย่างไร ก. การใชค้ าเห็นภาพพจน์ ข. การใชค้ าทเี่ ปน็ จงั หวะนา่ ฟัง ค. การใชค้ าทมี่ คี วามหมายลกึ ซง้ึ กินใจ ง. การใช้คาเปรียบเทียบทาให้รสู้ ึกเข้าใจย่งิ ข้ึน ๓๕. ขอ้ ใดเปน็ ทัศนะของกวีเก่ียวกับการเกดิ ของมนษุ ย์ในทอ้ งมารดา ก. เปน็ สุขแบบหนงึ่ ข. เปน็ ความยินดีอยา่ งหนึง่ ค. เปน็ ความทุกขอ์ ย่างหนึ่ง ง. เปน็ สจั ธรรมประการหนงึ่
แผนการจดั การเรียนรูร้ ายวชิ าภาษไทย ๖ รหัสวิชา ท๓๓๑๐๒ ๑๐ โรงเรียนปราจีนกลั ยาณี ประจาปกก ารึึกษา ๒๕๖๔ ๓๖. “...แลกุมารนั้นอยู่เหนืออาหารนั้นเบื้องหลังกุมารนั้นต่อหลังท้องแม่แลน่ังยองอยู่ในท้องแม่แลกามือทั้งสองคู้ตัวต่อหัวเข้า ท้ังสองเอาหัวไว้เหนือหัวเข่าเมื่อนั่งอยู่ดังนั้นเลือดแลนา้ เหลืองย้อยลงเต็มตนหยดทุกเมื่อแลทุกเมื่อ” ข้อความน้ีดีเด่นด้านใด มากที่สุด ก. การใช้ความเปรียบ ข. การใช้คาโบราณดี ค. พรรณนาให้เห็นภาพชัดเจน ง. การสรรคาท่ีเป็นจังหวะน่าฟัง ๓๗. “แลอยูธ่ รห้อยผบิ ่มีดุจดงั่ คนอนั เมาเลา่ ผิบม่ ดี จุ ดัง่ ลูกงูอนั หมองเู อาไปเล่นนั้นแลฯ”ข้อความข้างตน้ มกี ารใชภ้ าพพจนใ์ ด เดน่ ชัดท่สี ดุ ก. อปุ มา ข. ปฏิพากย์ ค. บุคคลวัต ง. อนนุ ามนยั ๓๘. ข้อใดคอื คุณคา่ ดา้ นศาสนาจากเร่ืองไตรภมู ิพระร่วงทส่ี มั พนั ธ์กับคณุ คา่ ดา้ นศลิ ปะ ก. การมัดดอกไม้ธปู เทียนในมอื คนตาย เพราะเชื่อวา่ จะนาไปไหว้พระธาตจุ ุฬามณี ข. ภาพวาดจติ รกรรมฝาผนังเกีย่ วกบั นรกสวรรคต์ ามศาลาวดั ทจ่ี งู ใจให้คนทาดีละเว้นบาป ค. ไตรภมู พิ ระร่วงผสมผสานความเช่ือเทพเจ้า กับความเชื่อพระพทุ ธศาสนาไวด้ ว้ ยกัน ง. ไตรภมู ิพระร่วงทาใหเ้ กดิ อทิ ธิพลความเชอ่ื เรือ่ งปา่ สตั ว์ หมิ พานต์ ปรากฏในวรรณคดรี ุ่นตอ่ มา ๓๙. ในเรอื่ งกาพย์มหาชาติ “...พระกายหวาดไหวระริกสั่น ดังพระยาชา้ งสารซบั มนั มหมึ า อันพระญาไกรสรสิงหราคาบคน้ั ไว้ มิฉะน้นั ไซร้เหมือนพระจนั ทร์ อันเขา้ ไปในปากมหันตราหู มอิ าจยับยงั้ อยนู่ ัน้ ได้ นา้ พระเนตรไหลลงหลงั่ หล่ังกเ็ สด็จเข้ายังพระ บรรณศาลา” จากข้อความข้างต้นแสดงให้เห็นคุณค่าด้านใดของเร่อื งไตรภูมิพระรว่ ง ก. ดา้ นศาสนา ข. ด้านวรรณคดี ค. ดา้ นจริยธรรม ง. ดา้ นสถาปตั ยกรรม ๔๐. “หางไก่วา่ ยแหวกวา่ ย หางไกค่ ลา้ ยไม่มีหงอน คดิ อนงค์องคเ์ อวอร ผมประบา่ อา่ เอย่ี มไร” จากเร่อื งกาพยเ์ หเ่ รอื กลา่ วถงึ ลักษณะของสตรี คือผมยาวประบ่า และมกี ล่นิ หอม ผิวเหลอื งทอง ซ่ึงเปน็ ลกั ษณะของหญงิ สาว ในอุตรกรุ ุทวีปนั้นแสดงให้เหน็ คุณค่าในดา้ นใดของเรอ่ื งไตรภูมิพระร่วง ก. ดา้ นสงั คม ข. ดา้ นวรรณคดี ค. ด้านจรยิ ธรรม ง. ดา้ นประติมากร
แผนการจัดการเรยี นรรู้ ายวิชาภาษไทย ๖ รหัสวิชา ท๓๓๑๐๒ ๑๑ โรงเรียนปราจีนกลั ยาณี ประจาปกก ารึกึ ษา ๒๕๖๔ แบบทดสอบสรปุ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 30 เรอ่ื งไตรภมู ิพระรว่ ง ตอนมนุสสภมู ิ 1. ขอ้ ใดคอื จุดมงุ่ หมายของไตรภมู พิ ระร่วง ก. ช้ใี ห้เหน็ ความสุขสบายในแตล่ ะภพภมู ิ ข. ชีใ้ ห้เห็นผลของการทาบุญทาบาป ค. ชี้นาใหม้ นุษยห์ าทางหลดุ พ้นและบรรลนุ ิพพาน ง. ชนี้ าใหม้ นุษยเ์ ขา้ ใจอนิจจงั ของชวี ิต 2. ข้อใดกล่าวไมถ่ ูกตอ้ งเก่ยี วกบั วรรณคดเี ร่ืองไตรภูมพิ ระร่วง ก. เรียกอกี ชอ่ื หนึ่งว่า เตภมู ิกถา ข. เปน็ ผลงานพระราชนิพนธข์ องพญาเลอไทย ค. กวที รงพระราชนพิ นธ์ขึน้ เพ่ือใช้เทศนาโปรดพระราชมารดา ง. เป็นวรรณคดที ม่ี ีอิทธิพลตอ่ ความคดิ ความเช่ือเรื่องโลกและจักรวาลของคนไทย 3. ขอ้ ใดกลา่ วไม่ถูกต้องเก่ียวกบั กวีผูท้ รงพระราชนิพนธ์เร่อื งไตรภมู พิ ระร่วง ก. ผนวชเปน็ พระภกิ ษขุ ณะครองราชย์ ข. เปน็ พระมหากษัตริยอ์ งค์ท่ี 5 แห่งราชวงศส์ ุโขทยั ค. เมื่อคร้ังทรงดารงตาแหนง่ พระมหาอุปราช ทรงครองเมืองศรสี ัชนาลยั อยู่ 6 ปี ง. เม่ือทรงครองราชย์แล้ว มพี ระนามเรยี กอกี ชอื่ หนง่ึ วา่ พระมหาธรรมราชาธริ าชท่ี 1 4. “ไตรภูม”ิ ซึ่งหมายถงึ ภูมทิ ้งั สาม น้ี หมายถงึ ภูมใิ ดบา้ ง ก. สวรรค์ มนุษย์ นรก ข. สวรรค์ มนุษย์ บาดาล ค. กามภมู ิ รปู ภมู ิ อรูปภมู ิ ง. กามภูมิ อกามภูมิ นิพพาน 5. ลกั ษณะคาประพนั ธ์ เรื่อง ไตรภมู พิ ระร่วง ตอนมนุสสภมู ิ ตรงตามข้อใด ก. ร่ายโบราณ ข. กลอนสภุ าพ ค. กาพย์ยานี ๑๑ ง. ความเรียงร้อยแก้ว
แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษไทย ๖ รหัสวิชา ท๓๓๑๐๒ ๑๒ โรงเรยี นปราจีนกลั ยาณี ประจาปกก ารึกึ ษา ๒๕๖๔ แบบประเมนิ การนาเสนอ/อภิปรายหนา้ หอ้ ง หนว่ ยการเรียนที่ 5 วรรณคดีและวรรณกรรมเรอ่ื งไตรภูมพิ ระรว่ งตอนมนสุ สภูมิ:ประวัติและความเปน็ มา สมาชกิ กลุ่ม 1………………………………2.……………………………3. ………………………4. ……………………… ประเมนิ ตนเอง รายการประเมนิ พฤตกิ รรมบ่งช้ี รวม รวม 5 (ดี 4(ด)ี 3(ปาน 2 1(นอ้ ย รวม มาก) กลาง) (นอ้ ย) ที่สดุ ) 1. มกี ารวางแผนการทางาน 2. มีความพรอ้ มในการนาเสนอ 3. ความนา่ สนใจในการนาเสนอ 4. มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ 5. ประโยชน์-ความถกู ต้องของงานนาเสนอ เพ่อื นประเมิน รายการประเมิน พฤตกิ รรมบ่งช้ี 5 (ดี 4(ด)ี 3(ปาน 2 1(นอ้ ย มาก) กลาง) (นอ้ ย) ที่สุด) 1. มกี ารวางแผนการทางาน 2. มคี วามพร้อมในการนาเสนอ 3. ความนา่ สนใจในการนาเสนอ 4. มคี วามคิดสร้างสรรค์ 5. ประโยชน์-ความถูกต้องของงานนาเสนอ ครูประเมิน รายการประเมิน พฤตกิ รรมบ่งชี้ 5 (ดี 4(ดี) 3(ปาน 2 1(น้อย มาก) กลาง) (นอ้ ย) ทสี่ ดุ ) 1. มีการวางแผนการทางาน 2. มคี วามพร้อมในการนาเสนอ 3. ความน่าสนใจในการนาเสนอ 4. มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ 5. ประโยชน์-ความถกู ตอ้ งของงานนาเสนอ ลงชือ่ …………….…ผปู้ ระเมิน ลงชือ่ …………….…ผู้ประเมนิ ลงชอื่ …………….…ผู้ประเมนิ
แผนการจดั การเรยี นรูร้ ายวชิ าภาษไทย ๖ รหัสวิชา ท๓๓๑๐๒ ๑๓ โรงเรียนปราจนี กัลยาณี ประจาปกก ารึึกษา ๒๕๖๔ แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม คาชแ้ี จง: ให้ประเมินจากการสังเกตการรว่ มอภิปรายในระหวา่ งเรยี น และการปฏิบตั ิกิจกรรมกลุม่ โดยให้ระดับคะแนนลงในตารางท่ีตรงกับพฤตกิ รรมของผ้เู รยี น เกณฑ์การให้คะแนน 3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ตอ้ งปรบั ปรงุ รายการประเมิน ผลการ ประเมิน เลขท่ี ชือ่ -นามสกุล การแสดงความคิดเห็น(3) รวม ไม่ ยอมรับ ัฟงความคิดเห็นของ ผ่าน ผู้ ื่อน(3) ผ่าน ตรงประเด็น(3) สมเห ุตสมผล(3) ีมความเ ่ืชอม่ันในการ แสดงออก(3) ลงช่อื ...................................................... ผูป้ ระเมนิ (.............................................) เกณฑ์การประเมนิ : นกั เรียนได้คะแนน 12 คะแนนขึ้นไป ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์
แผนการจดั การเรยี นรรู้ ายวิชาภาษไทย ๖ รหัสวิชา ท๓๓๑๐๒ ๑๔ โรงเรยี นปราจนี กัลยาณี ประจาปกก ารึกึ ษา ๒๕๖๔ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 8 ประการ ช่ือ-สกุลนักเรยี น.....................................................................หอ้ ง..............................เลขท่ี……. คาชีแ้ จง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงในชอ่ งว่าง ทีต่ รงกับระดับคะแนน คณุ ลักษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อันพึงประสงค์ด้าน 321 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเมื่อไดย้ ินเพลงชาติ รอ้ งเพลงชาติได้ และบอกความหมายของ กษัตริย์ เพลงชาติ 1.2 ปฏบิ ตั ติ นตามสิทธแิ ละหนา้ ที่ของนกั เรียน ใหค้ วามรว่ มมอื ร่วมใจ ในการ ทางานกบั สมาชกิ ในหอ้ งเรียน 1.3 เขา้ รว่ มกิจกรรมทส่ี ร้างความสามัคคี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ตอ่ โรงเรียนและชุมชน 1.4 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาท่ตี นนบั ถือ ปฏบิ ัตติ นตามหลกั ของศาสนา และเปน็ ตวั อยา่ งท่ดี ีของศาสนกิ ชน 1.5 เข้าร่วมกิจกรรมและมสี ว่ นร่วมในการจดั กจิ กรรมทเี่ ก่ยี วกับสถาบัน พระมหากษตั รยิ ์ตามท่ีโรงเรยี นและชมุ ชนจัดขน้ึ ช่นื ชมในพระราชกรณยี กิจ พระปรชี าสามารถของพระมหากษตั รยิ แ์ ละพระราชวงศ์ 2. ซอื่ สัตย์ สุจริต 2.1 ให้ขอ้ มูลท่ถี ูกตอ้ ง และเปน็ จรงิ 2.2 ปฏิบตั ิในส่งิ ทถี่ กู ต้อง ละอาย และเกรงกลัวท่ีจะทาความผดิ ทาตาม สญั ญาที่ตนใหไ้ วก้ ับ พ่อแม่หรือผ้ปู กครอง และครู 2.3 ปฏบิ ตั ติ นต่อผู้อนื่ ด้วยความซอื่ ตรง และเป็นแบบอยา่ งทดี่ แี กเ่ พื่อนดา้ นความซื่อสตั ย์ 3. มวี ินยั รบั ผิดชอบ 3.1 ปฏิบตั ิตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บงั คับของครอบครวั และ โรงเรยี น มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมต่างๆ ในชีวติ ประจาวนั มคี วามรับผิดชอบ 4. ใฝ่เรยี นรู้ 4.1 ตง้ั ใจเรยี น 4.2 เอาใจใส่ในการเรียน และมีความเพยี รพยายามในการเรียน 4.3 เข้าร่วมกจิ กรรมการเรียนร้ตู ่างๆ 4.4 ศกึ ษาคน้ ควา้ หาความรจู้ ากหนังสือ เอกสาร สิง่ พิมพ์ สอื่ เทคโนโลยีตา่ งๆ แหล่งการเรยี นรทู้ ้ังภายในและภายนอกโรงเรียน และเลอื กใชส้ ่อื ได้อยา่ ง เหมาะสม 4.5 บนั ทึกความรู้ วเิ คราะห์ ตรวจสอบบางส่งิ ที่เรยี นรู้ สรปุ เป็นองคค์ วามรู้ 4.6 แลกเปลี่ยนความรู้ ดว้ ยวธิ ีการตา่ งๆ และนาไปใช้ในชวี ิตประจาวัน ลงช่อื ...................................................ผ้ปู ระเมนิ (...............................................) ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน พฤติกรรมท่ีปฏิบัติชดั เจนและสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน พฤติกรรมทปี่ ฏิบตั ิชัดเจนและบอ่ ยคร้ัง ให้ 2 คะแนน พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบัติบางครงั้ ให้ 1 คะแนน
แผนการจดั การเรยี นร้รู ายวชิ าภาษไทย ๖ รหัสวิชา ท๓๓๑๐๒ ๑๕ โรงเรียนปราจีนกลั ยาณี ประจาปกก ารึึกษา ๒๕๖๔ แบบประเมิน คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คาชีแ้ จง : ให้ ผู้สอน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งวา่ ง ท่ีตรงกับระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน อันพึงประสงค์ด้าน 321 5. อยูอ่ ย่างพอเพยี ง 5.1 ใช้ทรพั ยส์ นิ และสงิ่ ของของโรงเรียนอย่างประหยดั 5.2 ใช้อุปกรณก์ ารเรยี นอย่างประหยดั และรคู้ ณุ คา่ 6. ม่งุ มน่ั ในการ 5.3 ใชจ้ ่ายอย่างประหยดั และมีการเกบ็ ออมเงิน ทางาน 6.1 มีความตง้ั ใจและพยายามในการทางานท่ไี ด้รับมอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไมท่ ้อแท้ตอ่ อุปสรรคเพือ่ ให้งานสาเรจ็ 7. รักความเปน็ ไทย 7.1 มีจติ สานึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภมู ิปัญญาไทย 7.2 เห็นคณุ คา่ และปฏิบัตติ นตามวฒั นธรรมไทย 8. มจี ติ สาธารณะ 8.1 รจู้ ักชว่ ยพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครทู างาน 8.2 อาสาทางาน ช่วยคดิ ชว่ ยทา และแบ่งปนั สิง่ ของใหผ้ ูอ้ ่นื 8.3 รูจ้ กั การดแู ล รักษาทรัพยส์ มบตั แิ ละสง่ิ แวดลอ้ มของห้องเรยี น โรงเรียน ชุมชน 8.4 เขา้ รว่ มกิจกรรมเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรียน ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมิน (...............................................) ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิชดั เจนและสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ตั ิชดั เจนและบ่อยครง้ั ให้ 1 คะแนน พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบตั ิบางคร้ัง
แผนการจดั การเรยี นรรู้ ายวิชาภาษไทย ๖ รหัสวิชา ท๓๓๑๐๒ ๑๖ โรงเรียนปราจนี กัลยาณี ประจาปกการึึกษา ๒๕๖๔ แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม (ในชน้ั เรยี น) คาชี้แจง ให้ทาเคร่ืองหมาย / ลงในชอ่ งรายการสังเกตพฤติกรรมท่นี ักเรียนปฏิบตั ิ เลขที่ ชือ่ - สกุล รว่ มมอื ในการ รายการ เข้าร่วม สรปุ ผล ทากิจกรรม กจิ กรรมด้วย การประเมนิ กลา้ ออกมาแสดง ความสนุกสนาน ผ่าน ไม่ผา่ น ความสามารถ เพลิดเพลิน ผ่าน ไมผ่ ่าน ผา่ น ไม่ผ่าน ผ่าน ไมผ่ ่าน เกณฑ์การประเมิน ผา่ นตง้ั แต่ 2 รายการ ถอื วา่ ผ่าน ผ่าน 1 รายการ ถอื วา่ ไม่ผ่าน ลงชื่อ ผู้ประเมนิ () ……………./………………../……….
Search
Read the Text Version
- 1 - 40
Pages: