เร่ือง สวนพฤกษศษสตร์ ในโรงเรียน ประกอบวิชา ว32101 เทคโนโลย2ี ครูผสู้ อน ครูรัชชนก วงศเ์ ขียว
คานา หนงั สอื อเิ ลก็ ทรอนิกสเ์ ลม่ น้จี ดั ทาข้นึ เพอ่ื ศึกษา เก่ยี วกบั สวนพฤกษศาสตรใ์ นโรงเรยี น โดยเน้อื หาประกอบไปดว้ ยตน้ ไม้ และดอกไมใ้ นโรงเรยี นและประกอบการเรยี นวชิ า ว32101 เทคโนโลย2ี ผูจ้ ดั ทาหวงั วา่ จะเป็นประโยชนืต่อผูศ้ ึกษาไดเ้ป็นอย่างดี ชอ่ื นาย ทรงคล จติ ตถ์ อื ชอ่ื นาย กติ ตคิ ณุ เกตมุ รรค ผูจ้ ดั ทา
กลว้ ยไมด้ อก กลว้ ยไม้ หรอื เอ้อื ง เป็นพชื ดอกท่มี คี วามหลากหลายมาก ท่สี ดุ กลมุ่ หน่ึง โดยมีประมาณ 899 สกลุ และมีประมาณ 27,000 ชนิดท่มี กี ารยอมรบั กลว้ ยไมเ้ ป็ นพชื ใบเล้ยี งเด่ยี ว ในวงศo์ rchidaceae เป็นไมต้ ดั ดอกยอดนิยม เน่ืองจากมีลกั ษณะดอกและสสี นั ลวดลายสวยงาม เป็นไม้ ตดั ดอกท่มี ีอายกุ ารใชง้ านไดน้ าน กลว้ ยไมเ้ ป็นพชื เศรษฐกจิ ท่มี ีความสาคญั ของไทย เพราะเป็นไมส้ ง่ ออกขาย ต่างประเทศทารายไดเ้ ขา้ ประเทศปีละหลายรอ้ ยลา้ นบาท มกี ารปลกู เล้ยี งอยา่ งครบวงจร ตง้ั แต่การผสมเกสร เพาะเล้ยี งเน้ือเย่อื เล้ยี งลกู กลว้ ยไม้ เล้ยี งตน้ กลว้ ยไมจ้ น กระทงั่ ใหด้ อก ตดั ดอกบรรจหุ บี หอ่ และสง่ ออกเอง
เป็นไมต้ น้ ขนาดใหญ่ผลดั ใบในฤดูรอ้ น ลาตน้ เปลาตรงเปลอื ก เรียบหรือแตกเป็นร่องเล็ก ๆ สีเทา โคนเป็นพูพอนตา่ ๆ เรือนยอดเป็นพุ่มทรงกลมค่อนขา้ งทึบ เปลอื กสีเทา เรียบ หรือแตกเป็นร่องต้ืนตามความยาวลาตน้ ข้ึนเป็นหมู่ในป่ า เบญจพรรณทางภาคเหนือ บางส่วนในภาคกลางและภาค ตะวนั ตก มอี ยู่บา้ งทางภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ สกั มกั จะ ไดร้ บั ความเขา้ ใจผดิ เสมอว่าเป็นไมเ้ น้ือแขง็ เน่ืองจากว่ามนั มี ลกั ษณะพเิ ศษท่เี ป็นไมเ้ น้ืออ่อนท่มี คี วามทนทานกว่าไมเ้ น้ือ แขง็ หลาย ๆ ชนิด ช่อื สามญั อน่ื อน่ื : เซบ่าย้,ี ปีฮอื , ปาย้,ี เป้อ ยี สขี ายขนมเสน้
คณุ นายต่นื สาย ชนดิ ทป่ี ลูกประดบั กนั ทกุ วนั น้ี มที ง้ั พนั ธุแ์ ทแ้ ละพนั ธุผ์ สม เป็นไมด้ อกทเ่ี ล้ยี งงา่ ย ปลูกงา่ ยอกี ชนิดหน่งึ ไมต่ อ้ งการการ ดูแลเอาใจใส่มากนกั เหมาะกบั สภาพฟ้าอากาศของประเทศ ไทยเป็นอยา่ งยง่ิ มถี น่ิ กาเนิดในแถบประเทศบราซลิ ไมด้ อกในสกลุ น้สี ่วนใหญ่เป็นไมพ้ มุ่ ตน้ เต้ยี การเจรญิ เตบิ โต ค่อนไปทางเล้อื ย ใบมลี กั ษณะอวบนา้ เป็นแท่งรูปเขม็ ยาว ประมาณ 1 น้วิ สเี ขยี วอ่อนเป็นมนั ออกดอกและบานพรอ้ ม ๆ กนั ดอกจะมขี นาดประมาณ 1-2.5 น้วิ แลว้ แต่พนั ธุ์ กลบี ดอกบางมที งั้ ดอกชนั้ เดยี วและดอกซอ้ นหลายสี เช่น สี มว่ ง อ่อน บานเยน็ สม้ แดง ขาว เหลอื ง ชมพู
ดอกเขม็ ตน้ เขม็ เดิมเป็นพรรณไมพ้ ้นื เมืองของอเมริกาใต้ จดั วา่ เป็นไมพ้ มุ่ ซ่ึงมีความสูง 1-3 เมตร เขม็ หอม หรือเขม็ ขาวมีสาตน้ ขนาดเลก็ แตกกิ่งใกลผ้ วิ ดินจานวนมาก เราจึงพบวา่ เขม็ หอมมกั อยกู่ นั เป็นพมุ่ แน่น โดยแต่ละตน้ มีเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางของลาตน้ 1-2 เซนติเมตร การตอน ใชเ้ วลาในการตอน ประมาณ 30 วนั ไม่มีความ จาเป็นตอ้ งใชฮ้ อร์โมน การขดุ ตน้ อ่อน ที่แตกข้ึนมาใหม่บริเวณโคนตน้ กเ็ ป็นอีก วธิ ีหน่ึงที่ทาไดง้ ่าย (พบในตน้ ที่ปลูกลงพ้นื ท่ีแลว้ อยา่ งนอ้ ย 2 - 3 ปี ข้ึนไป
ชบา ชบาเป็ นไม้พ่มุ ขนาดกลาง ใบค่อนข้างมนรี มปี ลายแหลม ขอบของใบเป็ นจกั เลก็ น้อย และมสี ีเขียวเข้มอ่อน เมอ่ื ขยี้ ใบจะเป็ นเมอื กเหนียว ดอกมที ้งั กลบี ช้ันเดยี วและหลาย ช้ัน หากเป็ นช้ันเดยี วปกติจะมกี ลบี ดอก 5 กลบี มีก้าน เกสรอย่ตู รงกลางดอกหนึ่งก้าน ลกั ษณะของกลบี ดอกชบา จะมขี นาดใหญ่ มหี ลายสีไม่ว่าจะเป็ น ขาว แดง แสด เหลอื ง ม่วง ชมพู และสีอนื่ ๆ โดยดอกชบาแบ่งออกเป็ น 3 ลกั ษณะคอื ดอกบานเป็ นรูปถ้วย ดอกบานเป็ นรูปแผ่แบน และกลบี ดอกบานแบบแผ่โค้ง และขยายพนั ธ์ุด้วยการปัก ชา การต่อตา การติดตา และการเสียบยอด
มะขามเป็ นไม้ยืนต้นขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่แตก กิ่งก้านสาขามากไม่มีหนาม เปลือกต้นขรุขระและหนา สี น้าตาลอ่อน ใบ เป็ นใบประกอบ ใบเล็กออกตามกิ่งกา้ นใบ เป็ นคู่ ใบย่อยเป็ นรูปขอบขนาน ปลายใบและโคนใบมน ประกอบ ดว้ ยใบยอ่ ย 10–15 คู่ แต่ละใบยอ่ ยมีขนาดเลก็ กวา้ ง 2–5 มม. ยาว 1–2 ซม. ออกรวมกนั เป็นช่อยาว 2–16 ซม. ดอก ออกตามปลายก่ิง ดอกมีขนาดเลก็ กลีบดอกสีเหลืองและมีจุด ประสีแดง/ม่วงแดงอยู่กลางดอก ผลเป็ นฝักยาว รูปร่างยาว หรือโค้ง ยาว 3-20 ซม. ฝักอ่อนมีเปลือกสีเขียวอมเทา สี น้าตาลเกรียม เน้ือในติดกับเปลือก เม่ือแก่ฝักเปลี่ยนเป็ น เปลือกแข็งกรอบหักง่าย สีน้าตาล เน้ือในกลายเป็ นสีน้าตาล หุ้มเมลด็ เน้ือมีรสเปร้ียว และ/หรือหวาน ซ่ึงฝักหน่ึง ๆ จะมี/ หุม้ เมลด็ 3–12 เมลด็ เมลด็ แก่จะแบนเป็นมนั และมีสีน้าตาล
โกสน โกสนเป็ นไมม้ งคลเน่ืองจากช่ือพอ้ งกบั คาว่า กุศล จึงนิ ยมปลูกเป็ นไม้ประดับเพ่ือความเป็ นสิ ริ มงคล โดยปลูกในดินร่วน ไดร้ ับแสงแดดคร่ึงวนั ถึง เต็มวัน โกสนเป็ นพืชต้องการน้ าปานกลาง ขยายพนั ธุ์ดว้ ยการเพาะเมล็ด ปักชาหรือตอนกิ่ง ท้งั ตน้ มียางสีขาวที่อาจก่อให้เกิดผิวหนังอกั เสบ ยอด อ่อนโกสนสามารถนามาปรุงเป็ นอาหารหรือลวก กินเป็นผกั แกลม้ น้าพริก ใบแก่มีรสเฝื่ อน โขลกพอก ทอ้ งเดก็ แกโ้ รคทางระบบทางเดินปัสสาวะ
กหุ ลาบเป็นไมต้ ดั ดอกทม่ี กี ารปลูกเป็นการคา้ กนั แพร่หลายทวั่ โลก มานานแลว้ กหุ ลาบเป็นไมต้ ดั ดอกทม่ี กี ารซ้อื ขาย เป็นอนั ดบั หน่งึ ในตลาดประมลู อลั สเมยี ประเทศเนเธอรแ์ ลนด์ ซง่ึ เป็นตลาด ประมลู ไมด้ อก ทใ่ี หญ่ทส่ี ดุ ของโลก เมอ่ื พ.ศ. 2542 มกี ารซ้อื ขาย ถงึ 1,672 ลา้ นดอก และมกั จะมยี อดขายสูงสดุ ในประเทศต่าง ๆ เมอ่ื เปรยี บเทยี บกบั ไมด้ อกชนดิ อน่ื ๆ โดยประเทศทป่ี ลูกกหุ ลาบ รายใหญ่ของโลก
ตน้ กลว้ ย กลว้ ยเป็นไมล้ ม้ ลกุ ขนาดใหญ่ ทกุ ส่วน เหนือพ้นื ดนิ ของกลว้ ยเจรญิ จากสว่ นท่ี เรยี กวา่ \"หวั \" หรอื \"เหงา้ \" ปกตแิ ลว้ ตน้ กลว้ ยจะสูงและแขง็ แรงพอสมควร ทาให้ เขา้ ใจผดิ วา่ เป็นตน้ ไม้ ซง่ึ แทจ้ รงิ แลว้ ส่วนท่ี คลา้ ยกบั ลาตน้ คอื \"ลาตน้ เทยี ม\" ใบของ กลว้ ยประกอบดว้ ย \"กา้ นใบ\"และแผ่นใบ ฐานกา้ นใบแผ่ออกเป็นกาบ
ดอกพดุ เน่ืองจากคนไทยยงั ไม่มีข้อกาหนดทชี่ ัดเจน ในการเรียกชื่อต้นไม้ โดยทัว่ ไปเป็ นความ เข้าใจกนั เองโดยดูจากภาพรวม นับได้ว่า เป็ นการเรียกโดยรวมๆ แล้วยอมรับกนั อยู่ใน คนกลุ่มหน่ึง ในขณะทค่ี นอกี กลุ่มหนึ่งยงั ไม่ เข้าใจ หรือไม่ยอมรับ จึงมคี วามคดิ ในการ เรียกชื่อแตกต่างกนั ออกไปโดยลาดบั ดงั เช่น คาว่า “ดอกพุด” คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าเป็ น ดอกไม้สีขาวหรือดอกสีเหลอื ง กลนิ่ หอม ขนาดใหญ่พอประมาณ แต่ไม่ระบุชัดเจนว่า ดอกใหญ่แค่ไหน มกี กี่ ลบี หรือว่ามลี กั ษณะ เด่นทีจ่ ะบ่งบอกได้ว่า น่ีคอื ลกั ษณะของต้น พดุ และดอกพุด ในขณะทก่ี ารจาแนกพรรณ ไม้ทางพฤกษศาสตร์มีข้อกาหนดทช่ี ัดเจน ว่า ดอกพดุ อยู่ใน สกลุ พดุ (Genus Gardenia) หรือบางคนเรียกสกลุ คามอก อยู่ ในวงศ์เข็ม (Family Rubiaceae) และมี ลกั ษณะตามทก่ี าหนดไว้เท่าน้ัน จงึ จะเรียก ได้ว่าดอกพุด
มะขามเป็นไมย้ นื ตน้ ขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่แตก กิ่งกา้ นสาขามากไม่มีหนาม เปลือกตน้ ขรุขระและหนา สี น้าตาลอ่อน ใบ เป็นใบประกอบ ใบเลก็ ออกตามกิ่งกา้ นใบเป็น คู่ ใบยอ่ ยเป็นรูปขอบขนาน ปลายใบและโคนใบมน ประกอบ ดว้ ยใบยอ่ ย 10–15 คู่ แต่ละใบยอ่ ยมีขนาดเลก็ กวา้ ง 2–5 มม. ยาว 1–2 ซม. ออกรวมกนั เป็นช่อยาว 2–16 ซม. ดอก ออกตาม ปลายก่ิง ดอกมีขนาดเลก็ กลีบดอกสีเหลืองและมีจุดประสีแดง/ ม่วงแดงอยกู่ ลางดอก ผลเป็นฝักยาว รูปร่างยาวหรือโคง้ ยาว 3- 20 ซม. ฝักอ่อนมีเปลือกสีเขียวอมเทา สีน้าตาลเกรียม เน้ือใน ติดกบั เปลือก เม่ือแก่ฝักเปลี่ยนเป็นเปลือกแขง็ กรอบหกั ง่าย สี น้าตาล เน้ือในกลายเป็นสีน้าตาลหุม้ เมลด็ เน้ือมีรสเปร้ียว และ/ หรือหวาน ซ่ึงฝักหน่ึง ๆ จะมี/หุม้ เมลด็ 3–12 เมลด็ เมลด็ แก่จะ แบนเป็นมนั และมีสีน้าตาล
ผจู้ ดั ทา นาย กิตติคุณ เกตุมรรค เลขท่ี 9 อีเมลล์ [email protected] นาย ทรงคล จิตตถ์ ือ เลขที่ 6 อีเมลล์ [email protected]
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: