Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 6. สลองข้าวประดับดิน

6. สลองข้าวประดับดิน

Published by wilawan phiwon, 2021-02-18 03:50:01

Description: 6. สลองข้าวประดับดิน

Search

Read the Text Version

1

2

3 สลองข้าวประดับดนิ (วา่ ด้วยอานสิ งส์การให้ทานในประเพณีบญุ เดือน ๙ ดับ “ขา้ วประดบั ดิน”) ฉบบั วัดศรแี กว้ เหล่าอดุ ม บา้ นเหล่า ตาบลเหลา่ โพนคอ้ อาเภอโคกศรีสพุ รรณ จังหวดั สกลนคร พิพธิ ภัณฑ์เมอื งสกลนคร งานวิชาการและวจิ ยั สถาบันภาษา ศิลปะและวัฒนธรรม มหาวทิ ยาลัยราชภัฏสกลนคร จัดพิมพ์เผยแพร่

4 สลองข้าวประดบั ดิน (ว่าดว้ ยอานสิ งสก์ ารใหท้ านในประเพณบี ุญเดือน ๙ ดบั “ข้าวประดบั ดิน”) พมิ พค์ ร้ังท่ี ๑ จานวน ๓๐๐ เล่ม เอกสุดา ไชยวงศ์คต ปริวรรต/เรยี บเรียง คณะทปี่ รกึ ษา ประธานศูนยอ์ นุรกั ษ์วฒั นธรรมพนื้ บ้านหทยั ภพู าน พระครปู ลดั ศรีธรรมวัฒน์ เจ้าอาวาสวดั ศรแี กว้ เหล่าอดุ ม พระอธกิ ารอฐั พล สริ ิจนโฺ ท มหาวทิ ยาลยั นครพนม ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.อธิราชย์ นนั ขนั ตี ผูอ้ านวยการสถาบันภาษาฯ นายสรุ สทิ ธิ์ อุ้ยปดั ฌาวงศ์ รองผู้อานวยการสถาบันภาษาฯ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พุฒจกั ร สิทธิ รองผู้อานวยการสถาบันภาษาฯ นางสาววชิ ญานกาญต์ ขอนยาง บรรณาธกิ าร รองผู้อานวยการสถาบันภาษาฯ ดร.สถติ ย์ ภาคมฤค คณะบรรณาธิการ ศิลปกรรม/แบบปก นางสาวชตุ ิมา ภูลวรรณ นายหตั ธไชย ศิรสิ ถติ นายประกาศติ บญุ ตาวัน สอบทาน/พสิ ูจนอ์ ักษร นายพจนวราภรณ์ เขจรเนตร จดั ทาโดย พพิ ธิ ภณั ฑเ์ มืองสกลนคร มหาวิทยาลยั ราชภัฏสกลนคร พิมพท์ ่ี พพิ ธิ ภัณฑ์เมืองสกลนคร มหาวทิ ยาลัยราชภัฏสกลนคร สงวนลขิ สทิ ธต์ิ ามกฎหมาย

ก คานา การปริวรรตเอกสารโบราณ มีความสาคัญ อย่างยิ่ง เพราะเป็นงานท่ีต้องใช้ความพากเพียรพยายาม ในการศึกษา และทาความเข้าใจวัฒนธรรมทางภาษาผ่านวรรณกรรมพ้ืนถิ่น พ ร้ อ ม ถ่ า ย ท อ ด อ อ ก ม า ใ น รู ป แ บ บ อั ก ษ ร ห นึ่ ง ไ ป สู่ อั ก ษ ร ห น่ึ ง โดยยังคงรักษาความสละสลวยทางภาษาของต้นฉบับเดิมเอาไว้ ใ น ท่ า ม ก ล า ง ก ร ะ แ ส แ ห่ ง โ ล ก า ภิ วั ฒ น์ ใ น ปั จ จุ บั น การศึกษาวรรณกรรม หรือเรื่องราวของท้องถิ่นมักไม่เป็นท่ีนิยม ถูกมองวา่ เป็นเรอื่ งเก่าล้าสมัย แตต่ รงกนั ข้ามการศึกษาเรือ่ งราวใดๆ ในทั้งถ่ินนับเป็นส่ิงสาคัญอย่างหนึ่ง อันจะก่อให้เกิดความรู้ และความเข้าใจ ที่ทาให้คนเห็นรากเหง้าของตนเอง เกิดสานึก ความเห็นคุณค่าความภูมิใจ และศักด์ิศรีของส่ิงท่ีตนเองมีอยู่ ท่ีเป็นมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษในท้องถิ่น ความภูมิใจนี้ ทาให้คนเรามีความเชื่อมั่นในตัวเองว่ามีของดีอยู่ สู่การพัฒนา ท้องถ่นิ ให้มคี วามเจรญิ ในอนาคต พิพิธภัณฑ์เมืองสกลนคร งานวิชาการและวิจัย สถาบันภาษา ศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนครได้เล็งเห็น ความสาคัญ ของวรรณกรรมต่างๆ ท่ีจัดเก็บรักษาภายในศูนย์ สกลนครศึกษา จึงได้จัดให้มีการปริวรรตจากอักษรธรรมอีสาน

ข เป็นอักษรไทยปัจจุบัน เพ่ือทาการเผยแพร่อันจะยังประโยชน์ ต่อผู้ศึกษาวิชาวรรณกรรมท้องถิ่น คติชนวิทยา มานุษยวิทยา และสังคมวิทยา นอกจากน้ียังได้ช่วยอนุรักษ์และเผยแพร่วัฒนธรรม ทอ้ งถน่ิ ซ่ึงเปน็ สมบัติอนั มีคา่ ย่ิงให้คงอยู่ต่อไป ขอขอบคุณและช่ืนชมในความวิริยะอุตสาหะของผู้ปริวรรต ที่ได้สร้างสรรค์ผลงานช้ินน้ี หวังเป็นอย่างยิ่งว่า วรรณกรรมฉบับนี้ จะอานวยประโยชน์ต่อผ้สู นใจศึกษาวรรณกรรมท้องถ่ิน คตชิ นวิทยา มานุษยวิทยา และสังคมวิทยา พร้อมต่อยอดองค์ความรู้ มรดกภูมิปัญญาของบรรพชนสืบต่อไป พิพิธภัณฑ์เมอื งสกลนคร งานวชิ าการและวจิ ยั สถาบนั ภาษา ศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร

ค หนา้ สารบญั ก ๑ คานา ๖ บทนา ๑๑ เน้ือเรือ่ ง “ฉลองขา้ วประดบั ดนิ ” ๑๓ บรรณานุกรม อภธิ านศัพท์

ง พระธาตุพนม ทีม่ า : สานักหอจดหมายเหตแุ หง่ ชาติ กรมศลิ ปากร

๑ บทนา “สลอง” หรือ “ฉลอง” เป็นหนังสอื แสดงให้เหน็ ถึงที่มาของการ ทาบุญต่างๆ ของบุคคล เมื่อคร้ังสมัยพุทธกาลและกล่าวถึงอานิสงส์ อันเป็นก่อให้เกิดธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติสบื ทอดมาจวบจนปัจจุบัน ในสว่ นของ “สลองข้าวประดับดิน” เป็นการแสดงอานิสงส์การทาบุญ ในประเพณบี ญุ ขา้ วประดบั ดนิ เพื่ อ ใ ห้ ผู้ อ่ า น เกิ ด ค ว า ม เข้ า ใ จ ใ น ส า รั ต ถ ะ ท า ง ค ว า ม คิ ด เน่ืองในงานประเพณีอันดีงามของท้องถ่ิน จึงใคร่ขอนาเสนอประวัติ ท่ีมาของประเพณีบุญข้าวประดับดิน และหลักเกณฑ์ในการปริวรรต เอกสาร และเนอื้ หาโดยย่อก่อนนาเข้าสูเ่ นอ้ื หาตอ่ ไป ประเพณบี ุญข้าวประดับดิน บุญข้าวประดับดิน เป็นการประกอบ “เปตพลี” และ “บุญพิธี” ท่ีกาหนดข้ึนในวันแรม ๑๔ ค่า เดือน ๙ หรอื เดือน ๙ ดับ (ประมาณ เดอื นสิงหาคม) โดยแต่ละครวั เรือนจะจัดทาห่อข้าวนอ้ ย ประกอบด้วย ข้าว อาหาร คาวหวาน ผลไม้ หมาก พลู บุหรี่ อย่างละเล็ก อย่างละน้อย ห่อด้วยใบตองทาเป็นห่อเล็กๆ นาไปวางไว้ตามริม กาแพงหรือต้นไม้บริเวณวัดในเวลาประมาณ ๐๓.๐๐ – ๐๔.๐๐ น.

๒ ของวันแรม ๑๔ ค่า เดือน ๙ เพ่ือเป็น “เปตพลี” แก่ญาติพ่ีน้อง ผู้ล่วงลับไปแล้ว ตามความเช่ือว่า ในรอบปีท้าวจตุโลกบาล จ ะ เปิ ด ป ร ะ ตู น ร ก ใ ห้ สั ต ว์ น ร ก ขึ้ น ม า รั บ ส่ ว น บุ ญ ใ น โ ล ก ม นุ ษ ย์ นอกจากนี้ในเวลาเช้าจัดให้มีการทาบุญอุทิศส่วนกุศล อาทิ ทาบุญ ตักบาตร ถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์สามเณร และมีการแสดง อานสิ งส์ “สลองข้าวประดบั ดนิ ” อกี ดว้ ย ประวตั ทิ ่มี าของเอกสาร หนังสือ เรื่อง “สลองข้าวประดับดิน” ฉบับน้ี เป็นเอกสาร โบราณ ในครอบครองของวัดศรีแก้วเหล่าอุดม บ้านเหล่า ตาบลเหล่าโพนค้อ อาเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร สร้างโดยพระภิกษุคาผล มหาปญฺโญ วัดโพนแพง ตาบลนาถ่อน อาเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ไม่ปรากฏปี พ.ศ.ที่สร้าง โดยจารลงในใบลานดิบ อักษรจารึกที่ใช้เป็นอักษรธรรมอีสาน ด้วยสาน วน ร้อยแก้วท้ั งหมด โดยเอกสารโบราณ ฉบับน้ี ยงั ไม่ได้รบั การปริวรรตเผยแพรม่ ากอ่ น

๓ หลักเกณฑก์ ารปรวิ รรต วรรณกรรม เรื่อง “สลองข้าวประดับดิน” เล่มนี้ ต้นฉบับเดิม บันทึกเป็นข้อความร้อยแก้ว เขียนต่อกันยาวไม่ได้เว้นวรรคตอน ผู้ ป ริ ว ร ร ต จึ ง ไ ด้ จั ด รู ป แ บ บ ก า ร เขี ย น โ ด ย ก า ร เว้ น ว ร ร ค ต อ น เพื่อให้มีความสละสลวยทางภาษา นอกจากนี้ผู้ปริวรรตทาการ อธิบายคาศัพท์เฉพาะ อีกท้ังอธิบายศัพท์เพิ่มเติม และข้อความ สันนิษฐานศัพท์อ่ืนๆ ในวงเล็บท้ายข้อความ กรณีท่ีต้นฉบับบันทึก ตกหลน่ หรือเอกสารขาดชารุด ในการปริวรรตวรรณกรรม เร่ือง “สลองข้าวประดับดิน” ฉบบั น้ี ผู้ปริวรรตใช้รูปแบบอักขรวิธีปัจจุบัน ท้ังนี้ยังคงรักษาคาศัพท์ ภาษาเดิมซึ่งมีความหมาย การออกเสียงที่คล้ายหรือแตกต่าง จากภาษาไทยปัจจุบันเอาไว้ เพื่อให้ผู้อ่านได้รับอรรถรสของถ้อยคา ภาษาถนิ่ อนั เปน็ เอกลกั ษณ์เฉพาะของท้องถนิ่ น้ันๆ คาที่มีความหมายแตกต่างจากภาษาไทยปัจจบุ ัน เชน่ ตน้ ฉบับอกั ษรธรรม คาที่ใช้ในเลม่ ภาษาไทยปจั จุบนั ดีหลี ดีจรงิ ผญา ปญั ญา พญา กษตั รยิ ์ วนั ลุน วันถดั ไป

๔ คาทอ่ี อกเสียงคลา้ ยหรอื แตกตา่ งจากภาษาไทยปจั จุบัน เช่น ต้นฉบับอกั ษรธรรม คาทใ่ี ชใ้ นเล่ม ภาษาไทยปัจจบุ นั จักฮู้ จะรู้ บฮู าน โบราณ ฮับ รบั ฮักษา รักษา ท้ังนี้ ผู้ปริวรรตได้จัดทาอภิธานศัพท์จากเน้ือหาไว้บางส่วน เพื่อให้ผู้อ่านมีความเข้าใจในความหมายของคาท้องถิ่นอีสาน ท่ีปรากฏในวรรณกรรมเรื่องนดี้ ้วย เนื้อเร่อื งยอ่ “สลองข้าวประดับดิน” เป็นหนังสือแสดงอานิสงส์การให้ทาน ประเพณีบุญข้าวประดับดิน ในวันแรม ๑๔ ค่า เดือน ๙ มีเน้ือเร่ือง โดยย่อดังนี้ เม่ือครั้งพญาปเสนธิโกศล พระราชาแห่งเมืองสาวัตถี เสด็จไปเข้าเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อทูลถามเก่ียวกับ อานิสงส์ การทานข้าวห่อในเดือน ๙ ดับ ครั้งน้ัน พระสมั มาสัมพุทธ เจ้าทรงตรัสตอบว่า ในเมื่อเดือน ๙ ดับนั้น ท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔ จะทาการเปิดประตูนรก ผู้ล่วงลับไปแล้วทั้งหลายก็ออกมารับอาหาร

๕ ท่ีญาติทั้งหลายจัดเตรียมไว้ให้คร้ันเมอื่ ได้กินแล้วบ้างก็ได้ไปเกิดใหม่ ส่วนผู้ที่ญาติไม่ได้ทาบุญให้ทานอุทิศหาให้หรือได้เตรียมห่อข้าวให้ กร็ อ้ งไห้เสียใจกลับไปยังภพภูมขิ องตน ครน้ั แลว้ พระพุทธเจา้ ทรงตรัส ว่า ผู้ใดให้ทานแก่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และนาข้าวห่อ ข้ า ว แ ก ง ไ ป ว า ง ไ ว้ ต า ม พ ร ะเจ ดี ย์ แ ล ะพ ร ะศ รี ม ห า โ พ ธ์ิ ทานท่ีกระทาเหล่านั้นก็จะไดแ้ ก่ผลู้ ่วงลับไปแล้ว พระพุทธเจ้าทรงตรัส ถึงอานิสงส์ว่า บุคคลผู้ที่ได้กระทาบุญให้ทานในเดือน ๙ ดับ จะได้ไปเกิดในสวรรค์หากเป็นมนุษย์ก็จะมีปัญญาอันมาก มีอายุยืน มีสมบัติขา้ วของมาก มฤี ทธานภุ าพในท่ที ้ังปวง กุศลบุญท่ีข้าพเจ้าได้ทาการปริวรรตและเรียบเรียงธรรมเทศนา เร่ือง สลองข้าวประดับดิน ฉบับนี้ จงเป็นพลวปัจจัย เป็นนิสัยตามส่ง ให้เกิดปัญญาญาณท้ังชาตินี้และชาติหน้า ตลอดชาติอย่างย่ิง จนถึงความพ้นทุกข์ คือ พระนิพพาน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสาร ปริวรรตฉบับนี้ จะอานวยประโยชน์ต่อการศึกษาของผู้ที่ สนใจต่อไป. เอกสุดา ไชยวงศ์คต ผปู้ รวิ รรตและเรยี บเรยี ง

๖ เนอื้ เร่ือง “สลองขา้ วประดบั ดิน” ฉบบั วดั ศรแี ก้วเหล่าอุดม บา้ นเหลา่ ตาเหล่าโพนค้อ อาเภอโคกศรสี ุพรรณ จังหวดั สกนคร เอวมฺเม สุต ฯ เอก สมย ภควา สาวตฺถิย วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม ฯ อถ โข ในการเม่ือนั้น ปเสนทิโก สโร ราชา อันว่า พญาปเสนธิโกสราชัง ก็ได้เสวยยังสมบัติอันเป็นพญา ในเมืองสาวัตถนี ครราชธานกี ็มแี ล สตฺถา อันวา่ สพั พญั ญูเจ้า อถิ ก็มี เยนถาเน ในสถานท่ีใด คนฺตวา พญาก็เข้าไปในสถานท่ีนั้น คันว่า เข้าไปแล้ว วนฺทิตฺวา ก็ไหว้ยังพระพุทธเจ้าแล้วแลนั่งอยู่ในสถานท่ี ควรแก่ตนดังนั้น ปุจฉิตุกาโม มักใคร่เพื่อจักถามยังพระพุทธเจ้าว่า ดังนี้ ภณฺเต ข้าไหว้ พระพุทธเจ้า โย ปุคฺคโล อันว่าบุคลละผใู้ ดมีใจ ใสกุศลเจตนามาให้ทานข้าวห่อ ในเม่ือเดือน ๙ ดับ ดังนั้น โส ปุคฺค โล อันว่า บุคละผู้น้ันจักได้ผลาอานิสงส์ดังลือก็ข้าจา คันว่า พญาถามดังนั้นยังพระพุทธเจ้าดังนั้น ภควา อันว่า พระพุทธเจ้า สุตฺวา ได้ยิน ตวจน ยังคาแห่งพญ าว่าดังน้ันแล้ว ภควา อันว่า พระพุทธเจ้า อห กล่าวเป็นคาถา จาเม่ือหน้า กณฺหปกฺเขน วมเส จตฺตาโร วิวริตวา นิริเยเตสตฺตา อันว่า สัตว์ นิกฺขมิตวา อาหารา ภุญติ ดงั นีเ้ ปน็ เค้าแล

๗ มหาราชา ดูรามหาราช นวกณฺหปกฺเขน ในเมื่อเดือน ๙ ดับ น้ัน จตุโร อันว่า ท้าวจตุโลกบาลทัง ๔ วิวริตฺตวา ไขเสียยังปักตู นรกแล้ว เต สตฺตา อันว่าสัตว์ทังหลายฝูงตกนรกก็ออกมาหา ภิกข ยังอาหารแลข้าวห่อแลเข้าแกงทังมวล นิริยสตฺตา อันว่า สัตว์นรกบางพ่อง อญฺเตติ ก็ได้กินยังห่อข้าวแลห่อแกงแล้ว ภตฺติ ก็ได้เกิดในตาวติงสาก็มีแล พราหมโณ อันว่า พราหมณ์ก็ดี พราหมณี วา อันวา่ นางพราหมณ์ก็ดี เวโส วา พ่อคา้ ก็ดี สุทโธ วา พ่อเฮ่ือนก็ดี วตฺวา แลมาให้ มตฺติกา ทาน ยังห่อเข้าประดับดิน เป็นทานในเม่ือเดือน ๙ ดับ แก่พระพุทธเจ้าแลพระธรรมเจ้า แลพระสงฆ์เจ้า พระเจดีย์โพธิ์ศรีมหาโพธิสัตว์เจ้าดังน้ัน ทานอันนั้น ก็ไปฮอดไปเถิงยังสัตว์นรกฝงู นนั้ ออกหากนิ ในเมือ่ เดอื นดับนนั้ แล มหาราชา ดูรามหาราช โย ปุคฺคโล อันว่า บุคคละผู้ใดก็ดีแล้ว บ่ให้ทาน บ่กระทาบุญไปเถิงดังน้ัน สัตว์นรกฝูงมีญาติกาพ่ีน้อง เขาก็หนีคืนหานรกดังเก่าแล้ว มหาราชา ดูรามหาราช โย ปุคฺคโล อันว่าบุคละผู้ใด ได้มาให้ ภิกขา มตฺติกา ทน ยังห่อเข้าประดับดิน เป็นทาน โส ปุคฺคโล อันว่า บุคละผู้น้ัน จุโต คันว่า จุติตายจาก มนุษย์สาโลกเมืองคน นิพพนฺติ กไ็ ดไ้ ปเกิดในสวรรค์สถานทใี่ ดๆ ก็ดี เทียรย่อมมีอายุหมั้นยืน แลสมบัติเข้าของก็มาก มีฤทธีอานุภาพ ในท่ีน้ันๆ แท้ดีหลีแล บางพ่องสัตว์นรกก็เอาตนเม่ือเกิดในสวรรค์

๘ เทวโลก นิริยสตฺตา อันว่า สัตว์นรกบางพ่อง เย ตวา เขาก็บ่ได้กิน ภิกฺขา ยังห่อเข้าแลห่อแกง โลทนฺตา เขาคอนไห้ไปมาเป็นอันมากนัก เขากล่าวว่า สพฺเพ ญาติกาโย อันว่า ญาติกา พี่น้อง พ่อแม่ ในมนุษย์เมืองคนเขาบ่กระทาบุญฝากห่อเข้ามาหาแน่นอ เขากล่าว ดังนน้ั กเ็ อาตนเมือ่ นรกดงั เกา่ ก็มีแล มหาราชา ดูรามหาราช ทาน นาม ชื่อว่า ทานอันบุคละ ทังหลายหากปรารถนาหาสุข ๓ ประการ คือว่า สุขในเมืองคน แลเป็นต้นว่า พญาจักพรรติ สุขในเมืองฟ้าคือว่า เป็นพญาอินทร์ สุขในนรี พานเปน็ ที่แลว้ แท้ดหี ลีแล มหาราชา ดูรามหาราช โย ปุคคโล อันว่า บุคละผู้ใด อิตถีวา ผู้ยิงก็ดี ปุริโสวา ผู้ชายก็ดี ราชาโนวา ท้าวพญาก็ดี มหาปุญฺญา มีบุญก็มาก มหาปญฺโญ มีผญาปัญญาก็มาก ยศศักด์ิบริวารก็มาก ในที่นี้ มหาโภโค มีเข้าของบริโภคก็มาก สุวณฺโณ มีวรรณเนื้อตน ผิวหนังอันผ่องภาพสวยงามเป็นดังคา เทียรย่อมเป็นที่ฮักท่ีมัก แก่คนแลเทวดาทังหลาย แลมีผลาอานิสงส์แห่งบุคละผู้ใดให้ มตฺติกา ทาน ยังเข้าประดบั ดนิ เป็นทานนนั้ แล มหาราชา ดูรามหาราช ทาน อันว่า การให้ท านน้ี เทียรย่อมนาเอายังคาทุกข์ไฮ้ขีนใจให้หายเสียแล ทาน อันว่า ทานนี้ สกฺกสฺโสปน อันเปรียบน้าเทียรย่อมไปก้ังบังไว้ยังนรกบ่ให้ตกได้แล

๙ ทาน อันว่า ทานน้ีเทียรย่อมนาตนให้พ้นจากโอฆสงสารแล ทาน อันว่า ทานนี้ พุทธานโคจร หากเป็นอารมณ์แห่งพระพุทธเจ้า แต่ในการเมื่อก่อนก็มีแล มาตา อันว่า แม่ สโมม แลจักเสมอดังท่าน นตถฺ ิ กบ็ ม่ แี ล ปติ ตา อันว่า พอ่ สโมม จกั เสมอดังท่าน นตฺถิ กบ็ ม่ ีแล ญาติกาโส อันว่า ญาติพี่น้อง สโมม แลจักเสมอ ดังท่าน นตถิ ก็มีแล เหตุดังนั้นจาแท้แล ในเมื่อตนตายไปพ่อแลแม่พี่น้องญาติกา วงศาไปด้วยไปตามบ่มีแล ทาน อันว่า ทานน้ี อนุภวนฺติ ก็หากไป ดว้ ยไปตามตน โสรช อิว เปน็ ประดุจดง่ั เงาเทียมตนน้ันแล เทศนาปริโยสาเน ในเม่ือแล้วรสธรรมเทศนาแห่งพระพุทธเจ้า มหานาโม อันว่า มหานาม สุตฺวา ได้ฟังธรรมเทศนาปางน้ัน ปาปุนงิ สุ ก็ได้เถิงโสดาอรหันตก็มีแล มติกาทาน นิสค กล่าวอานิสงส์ อันได้ให้ข้าวประดับดินเป็นทาน นิตถิต ก็แล้วเท่าน้ีก่อนแล ๚๛ พระภิกษุคาผล มีใจในศรัทธาสร้างไว้ในศาสนาพระพุทธเจ้าเข้าสู่ นรี พานก็ข้าเทอญ. พระภิกษุคาผล มหาปญฺโญ นธ.ตรี บ้านเดิมอยู่ทุ่งมน ตาบล เขียนท่ีวัดโพนแพง ตาบลนาถ่อน อาเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม มณฑลอุดร มีจิตเหล่ือมใสในศาสนาพระพุทธเจ้า แลสร้างสลองเข้าประดับดินไว้ ขอบุญกุศลผลบุญที่ข้าพเจ้าได้สร้างนี้ จงเถิงบิดามารดาของข้าพเจ้า แลพวกญาติทังหลายทุกตนทุกคน

๑๐ จงได้จากทุกข์อยู่ในวัตตสงสารทุกคนก็ข้าเทอญ หมดท่อนี้ จวนใกล้สวดมนต์ จนเวลาค่าค้อยไปก้าอัน ๑ ฟามัวมืดจิงดาย ขอให้ไปเสวยในเมอื งคนจรงิ แทเ้ ทอญ.

๑๑ บรรณานกุ รม ธวชั ปณุ โณทก. (๒๕๓๕) วรรณกรรมทอ้ งถิน่ . กรุงเทพฯ : โอเดยี นสโตร.์ ปรชี า พณิ ทอง. (๒๕๓๒) สารานุกรมภาษาอสี าน – ไทย – อังกฤษ. อบุ ลราชธานี : โรงพิมพ์ศริ ธิ รรม. ราชบณั ฑติ ยสถาน. (๒๕๔๖). พจนานกุ รม ฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๔๒. กรุงเทพฯ : นานมบี ุคส์พบั ลเิ คช่นั ส.์ หอสมุดแห่งชาติ, กรมศิลปากร. (๒๕๔๔). ประมวลคาศัพท์ภาษาลาว ในเอกสารโบราณ เลม่ ที่ ๑ อกั ษร ก – ง. กรุงเทพฯ : เอ.พี.กราฟฟิคดีไซด์. หอสมุดแห่งชาติ, กรมศิลปากร. (๒๕๔๔). ประมวลคาศัพท์ภาษาลาว ในเอกสารโบราณ เล่มที่ ๒ อักษร จ – ถ. กรุงเทพฯ : เอ.พี.กราฟฟคิ ดีไซด์. หอสมุดแห่งชาติ, กรมศิลปากร. (๒๕๔๔). ประมวลคาศัพท์ภาษาลาว ในเอกสารโบราณ เลม่ ท่ี ๓ อกั ษร ท – ฝ. กรุงเทพฯ : เอ.พี.กราฟฟิคดีไซด์. หอสมุดแห่งชาติ, กรมศิลปากร. (๒๕๔๔). ประมวลคาศัพท์ภาษาลาว ในเอกสารโบราณ เลม่ ท่ี ๔ อักษร พ – ษ. กรุงเทพฯ : เอ.พี.กราฟฟคิ ดีไซด์.

๑๒ หอสมุดแห่งชาติ, กรมศิลปากร. (๒๕๔๔). ประมวลคาศัพท์ภาษาลาว ในเอกสารโบราณ เล่มท่ี ๕ อกั ษร ส – ฮ. กรงุ เทพฯ : เอ.พี.กราฟฟิคดีไซด์.

๑๓ อภธิ านศัพท์ ในการอธิบายศัพท์ เรื่อง “สลองข้าวประดับดิน” ผู้ปริวรรตใช้ รูปแบบตามหลกั การอภิธานศัพท์ของกล่มุ งานอนุรักษ์เอกสารโบราณ สถาบันวิจัยศิลปวัฒนธรรมอีสาน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม โดยกาหนดอกั ษรย่อดังนี้ น. = คานาม ส. = คาสรรพนาม, สนั สกฤต ก. = คากริ ยิ า ว. = คาวเิ ศษณ์ สัน. = คาสันธาน ก กะอบู น. กลอ่ งหรือหบี ทอง. กะเสิม น. ความสขุ สบาย, รื่นเรงิ , ปลอดภยั . กง้ั บัง ก. ปิดบัง, อาพราง. ก้า น. ฝ่าย, ข้าง, ทาง, สว่ น. ข ขา้ เศิก น. ศตั รขู องบา้ นเมอื ง, คนทีม่ งุ่ ปองรา้ ย. ขนี ใจ ก. ไมพ่ อใจ, ไมช่ อบใจ.

๑๔ ข้อย น. บ่าวไพร,่ คนรับใช,้ ทาสรบั ใช.้ เข้าของ น. ขา้ วของ. ค คันวา่ สนั . แม้ว่า, หากวา่ (ใชเ้ ป็นคานาหนา้ คานามท่เี ปน็ ประธานหรือใช้ขึ้นต้น ข้อความตา่ งๆ). คนื หา ก. กลบั มาหา. คมฮบ ก. การให้ความสาคญั และไม่ล่วงละเมดิ . คา น. ทองคา. คาผา่ ย ว. แพรวพราว, แวววาว, สว่างไสว. คาเคยี ด ก. ความไมพ่ อใจหรือโกรธเคอื ง. จ จกั ฮู้ ก. พงึ รู้. จารจา ก. พูด, พดู จา, สนทนา. จวน ว. เกือบ, ใกล้ ซ ซะกว่ั น. ตะกัว่ . ซ่นื ก. สดช่ืน. ซคุ น ว. ทุกคน.

ซอุ นั ว. ๑๕ ดังรอื ว. ทกุ อยา่ ง. ดงั เก่า ว. ด ดินจ่ี น. ดีหลี ว. อย่างไรเล่า. ดรู า ว. เหมือนเดมิ . อิฐเผา. ดอม ว. ดจี รงิ . คาข้นึ ต้นขอ้ ความใหผ้ ฟู้ งั สนใจ เช่น ตาวตงิ สา ป. ดรู าภกิ ษทุ ้ังหลาย. ด้วยกัน. ตั่ง น. ต ตา้ น ก. เป็นชื่อของสวรรค์ (ภูมขิ องเทวดา แตม้ ก. ทั้งหลาย). ท่สี าหรบั น่งั ไม่มีพนกั ลกั ษณะคลา้ ยแคร่ ถวย ก. อาจมขี าหรือไมม่ ีก็ได้. เปล่งเสียงออกมาเป็นถ้อยคา. ขดี , เขียน, วาด. ถ ให,้ มอบให.้

ทจ่ี ้ัง ๑๖ ที่ฮกั ทุกขไ์ ฮ้ ท แทก ก. ที่พกั พิง, อาศยั . แทด้ ีหลี ก. ทรี่ กั เทียร ว. ลาบาก, ขัดสน ก. วัดหรือเทยี บขนาด. นีรพาน ว. แน่แท้, แท้จรงิ . ก. เกดิ ขนึ้ ตามปกติ. บางพอ่ ง บคุ ละ น บูฮาน ส. ความดับสนทิ แห่งกิเลสและกอง บรบวร ทุกข.์ บ่ บ ว. บางกลุ่ม, บางพวก. น. บุคคล. ว. มีมาแต่เกา่ ก่อน. ว. ไม่ขาดไม่เกิน, เต็มหรือพอดีกับ จานวนทก่ี าหนดไว้, พร้อมสรรพ. ว. ไม.่

ปักตู ๑๗ ไปฮอดไปเถิง ป ผละ, ผลา น. ประต.ู ก. ไปถึง. พระเจ้า พชี ผ น. สง่ิ ท่ีเกดิ จากการกระทา. ม้าง เมอื หน้า พ น. พระพทุ ธเจ้า, พระพทุ ธรปู . ยอ น. เมล็ดพันธไ์ุ ม้, พชื พนั ธ.์ุ ยาแยง ม ก. มล้าง, ทาลาย, ล้าง, รอ้ื . ลมุ่ ว. ไปขา้ งหนา้ . ย ก. เคลื่อนย้ายหรอื เอาขนึ้ ให้สงู จากทีเ่ ดมิ . ก. แสดงอาการนบั ถอื . ล น. ล่าง.

๑๘ ว วัสสา ว. พรรษาหรอื เดอื น. แวน ก. ยงิ่ กวา่ . เวยี ง น. เมอื ง. พ พญา น. พระมหากษตั ริย์, พระเจา้ มหาชวี ติ . เพงิ ฮู้ ก. พงึ รู้. ส สลอง ก. ฉลอง (ทาบุญ หรือบูชาส่ิงใดสิ่งหน่ึง เป็นงานครกึ ครืน้ เอิกเกรกิ เพอื่ แสดง ความปตี ยิ ินดี). สงั กาส น. ศักราช. เสวย ก. รบั ประทาน. สนี ก. ฟนั ให้ขาด, ทาให้ขาดดว้ ยของมีคม. สูดเฮียน ก. เลา่ เรยี นท่องบ่น. สาฮบั น. ของ หรอื คนท่รี วมกนั เข้าเป็นชดุ . ห หลงิ ดู ก. มอง, ด.ู หล่นิ ก. เลน่ เพลดิ เพลิน หรือผ่อนคลายอารมณ.์

ห่อเข้า ก. ๑๙ อาสนา น. ห่อขา้ ว. อ อุทิยาน น. โอฆสงสาร น. อาสนะ, ท่ีน่ัง, ที่รองนัง่ , เครือ่ งปรู องน่ัง. ฮักษา ก. อทุ ยาน, สวน. ฮับ ก. การเวียนเกิดเวยี นตายในหว้ ง ฮปู น. ของกิเลส. ฮ้อง ก. ฮอย ก. ฮ เฮอื งเฮือ่ ว. รักษา. รบั . รปู . เปล่งเสียงดังออกมา. รอย. สวา่ งไสว.

๒๐ ----------------------------- พิพธิ ภัณฑ์เมอื งสกลนคร งานวชิ าการและวจิ ัย สถาบนั ภาษา ศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลยั ราชภัฏสกลนคร เลขที่ ๖๘๐ ถนนนิตโย ตาบลธาตเุ ชิงชุม อาเภอเมืองสกลนคร จงั หวดั สกลนคร โทร. ๐ ๔๒๗๔ ๔๐๐๙

๒๑


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook