๔๑ อย่าปากจาลังล้าว อย่าฟังฟ้าวกลัวเกรงก็ข้าเทอญ ครันว่า ชำยกำพร้ำกล่าวสันนั้นแล้ว พี่เขยท้ังหก ก็มีใจชมช่ืนยินดีมากนัก แล้วก็ลวดเบิกสะเภาไป เพ่ือจักเมือเมืองพำรำณสี ให้ได้เห็นหน้าลูก แลเมียแห่งเขา แล้วก็ไปกระจัดกระจายเฮียฮวายทั่วทิศแม่น้าทั้งมวล แล้วก็พ้นจากอาณารัฏฐาเมืองตานีราชธานี แล้วก็เมือฮอดอาณา รัฏฐาบ้านนอกขอกเมืองพำรำณสี แล้วบางพ่องก็เบิกสะเภา เมือโดยพลัน บางพ่องก็เอาสะเภาเข้าไปจอดอยู่ในฝ่ังน้ามหาสมุทร แล้วก็ไปเว้าว่า จาต้านทั่วบ้านนอก อันอยู่เลียบแคมน้าที่น้ัน ด้วยคาว่า ชายกาพร้าไปขายส้มอุ้มคะลุ้มไหเดียว ได้สะเภาห้าฮ้อยเลม่ ทั้งไพร่พลโยธา มีคนแสนหนึ่งกับท้ังเมีย ๕๐๐ แลข้าวของท้ังมวล แลสิ่งละ ๕๐๐ ว่าดังน้ัน ทุกๆ คนทั่วบ้านน้อยแลเมืองใหญ่ทั้งมวล ก็ลวดลือซาปรากฏไปเถิงเมืองพาราณสที งั้ มวลหั้นแล เมื่อนั้น นางหล้าอันเป็นเมียชายกาพร้า ก็ได้ยินข่าวสารอาการ อันคนท้ังหลายเว้าจาต้านสืบๆ กันมาเถิงตน ว่าผัวตนไปขายส้ม ไหเดียว ได้ร้ีพลโยธาแสนหน่ึง กับท้ังสะเภา ๕๐๐ เล่ม แลเข้า (ข้าว) ของแลส่ิงละ ๕๐๐ ว่าดังน้ัน ก็มีใจอันชมช่ืนมากนัก ก็ฟ้าวฮีบ แล่นไปหาพี่หญิงแห่งตน แล้วกล่าวว่า ข้าแต่ พ่ีหญิงเป็นเจ้าเฮย ข้าผู้น้องก็ได้ยินคนทั้งหลายกล่าวเชิงว่า ผัวผู้ข้าไปขายส้มไหเดียว ก็ได้เข้าของมากนัก ว่าดังนั้นก็ข้านา เมื่อนั้น พี่หญิงท้ังหก
๔๒ ได้ยินคานางหล้ากล่าวสันนั้น ก็พร้อมกันถ่มน้าลายใส่หัวนำงหล้ำ เปียกอ่ืน หมดทุกตนทุกคน แม่นว่าผมแห่งนางแลเคร่ืองนุ่งทั้งมวล ก็เปียกชุ่มอืนหมดท่ัวทั้งคีง ประดุจดังอาบน้านั้นแล แล้วกล่าวว่า ดูรา อีหญิงเกถ่อยฮ้ายมึง ส่วนดังส้มมึงไหน้ัน ก็มีกล่ินอันเหม็น เหมือนดั่งควายตายห่าแท้ดีหลี เป็นดังฤามึงจิงกล่าวว่า ไปขายส้ม ไหเดียว ได้สะเภา ๕๐๐ เล่ม ว่าดังน้ัน บ่ห่อนมีจักเท่ือแลนา ส่วนดังไหส้มโอ่เน่าของมึงนั้น ท่อว่ายังแก่นดีแท้ เอาถิ้ม ใส่น้า ใหป้ ลากนิ เสยี ผวิ ่า บม่ ดี งั น้ัน ใหไ้ ปขดุ ขมุ ฝังเสยี ก็ยงั ดีแต่ทอ่ น้ันแล้ว แม่นวา่ ถ้มิ ให้หมา กบ็ ่กนิ แทด้ ีหลแี ลนา ครันว่า พ่ีหญิงทั้งหก กล่าวหย่อหยัน เป็นคาบ่งามสันนั้น นางก็เซ็ดน้าตาแลฮ้องไห้ เมือหาตูบแห่งตน แล้วก็เข้าไปในท่ีนอน แห่งตน ฮ้องไห้อยู่บ่ขาดสาย ประดุจด่ังหามขอนผีลงเฮือน ไปจูดเสียน้ันแล เมื่อนั้น ส่วนดังสะเภาท้าวกาพร้าท้ัง ๕๐๐ เล่ม กับทั้งสะเภาพี่เขยท้ังหก ก็พร้อมเบิกสะเภา คืนมาด้วยลาดับแม่น้า วังปลาท้ังมวล นาน ได้ ๓ เดือนปลาย ๗ วัน ก็มาฮอด พร้อมกันจอดเซาอยู่ในแคมท่าน้าสมุทร เป็นอันมืดมน อนธกาล เต็มทิศาท่าน้าที่นั้น พวกพ่ีเขยท้ังหก ก็ให้ข้อยข้าทาสาท้ังหลาย ข ว น ข ว า ย เ อ า ข้ า ว ข อ ง เ มื อ สู่ เ ฮื อ น ห ม ด เ สี่ ย ง บ่ เ ศ ษ ห ล อ แล้วก็กล่าวเซ่ิงกันว่า ดูรา เจ้าทั้งหลายเอย ส่วนดังชำยกำพร้ำ
๔๓ ลูกเขยหล้ามหาเศรษฐี ไปขายส้มไหเดียว ก็ได้ข้าวของเต็มสะเภา ๕๐๐ เล่มแท้ๆ เหมอื นคาลือชาผากฎมาเถิงน้ันแทด้ หี ลี ส่วนดังลูกเขยทั้งหกมหาเศรษฐี ไปขายของเต็มสะเภาเล่มหน่ึง ก็ยังบ่ได้ข้าวของหลายปุนปาน ดังนั้น ส่วนดัง ลูกเมียแห่งเขาทั้งหก คื อ ว่ า ลู ก สา ว เศ ร ษ ฐี น้ันก็ดี เขา ก็บ่ป า กบ่จา กับด อม ผั ว เขาอันใดอันหน่ึง เขาก็เฮ็ดกะจิกกะแจก แล้วเฮ็ดหน้าเคียดอุ่นอู บ่เว้าบ่จา เป็นด่ังในกาลเมื่อก่อน แม่นว่าผัวเขาหาบขนเข้า (ข้าว) ของขึ้นสู่เฮือนก็ดี เขาก็จับถ้ิมแกว่งไปมาทั่วกลางเฮือนทั้งมวล แล้วก็ป้อยด่า ด้วยคาว่า ดูรา ท่านท้ังหลาย อันเป็นผู้ชาย หาผญาปัญญาบ่ได้ เป็นดังฤา ท่านท้ังหลาย ไปขายลัวแฮแพรจีน เต็มสะเภาเล่มหน่ึง เล่าบ่ได้ข้าวของแลข้อยข้าหญิงชาย แลร้ีพลโยธา แลสะเภา ๕๐๐ เล่ม เหมอื นด่งั น้องเขยหล้ากนู ี้จา ส่วนดังน้องเขยกูไปขายส้มไหเดียว ก็ยังได้สะเภา ๕๐๐ เล่ม และข้อยข้ายิงชาย แลรี้พลโยธาทั้งมวลดาย ผิว่า ตามน้องเขยหล้า ขายไหส้มหน่วยเดียว ได้ข้าวของปุนปานดังน้ัน ผิว่า น้องเขยหล้ากู เอาข้าวของไปขายมากนักหลายบ้านนั้น ก็ส่วนจักได้สะเภาแสนเล่ม กับทั้งข้อยข้าทาสา พอล้านโกฎิแสนอสงไชยชะแล ครันว่า ลูกเมียป้อยด่าเขาสันนั้นแล้ว ผัวเขาท้ังหลาย คือว่า เขยทั้งหกนั้น ก็บ่ปากต้านจารจายังถ้อยคาอันใดอันหน่ึง ก็ท่อนั่งซกมก
๔๔ เ ห มื อ น ดั่ ง ค น ผี บ้ า แ ล้ ว เ จ้ า ก็ ใ ช้ ข้ า ยิ ง แ ห่ ง ต น ไ ป ๕ ค น ด้วยคาว่า ดูรา ข้ายิงทั้ง ๕ คน ท่านท้ังหลาย อันเป็นเจ้าแห่งสู ท่านทั้งหลาย ในตูบตองท่ีนั้น มาฮับกูพระองค์ อันอยู่ในสะเภาท่ีนี่ เทอญ เม่ือนั้น ข้าหญิงทั้ง ๕ คน ได้ยินคาเจ้าตน คือว่า ท้ำวกำพร้ำ เขาพร้อมกันประดับประดาเน้ือตนทั้งมวล ให้ดูดีดูงาม แก่ตาคนทั้งหลายมากนัก แล้วเขาก็ถามท้าวกาพร้าว่า ข้าแต่เจ้ากู ส่วนดังตูบตองอันเป็นที่อยู่แห่งเจ้ากูนั้น อยู่ท่ีใดก็ข้าจา เมอ่ื นั้น ท้าวกาพรา้ จงิ ยกมอื ชบ้ี อกวา่ ดรู า ท่านทง้ั หลาย ส่วนตบู ตอง อันที่อยู่แห่งเจ้าสูท่านท้ังหลาย ก็อยู่ท่ามกลางทุ่งนามหาเศรษฐี อั น เ ป็ น พ่ อ เ มี ย กู น้ั น แ ล ค รั น ว่ า ท้ ำ ว ก ำ พ ร้ ำ บ อ ก ดั ง น้ัน เขาก็ตามหลังกันออกไปในกลางท่งนา บ่นานท่อใด ก็ลวดไปฮอด ตูบตองอันนั้นแล ข้าหญิงท้ัง ๕ คน ก็ลวดข้ึนสู่ตูบตอง แล้วก็เห็นนำงหล้ำน่ังฝิงไฟ เช็ดน้าตาฮ้องไห้หาผัวตนอยู่สันนั้น ข้ายิงทั้ง ๕ คน ก็พร้อมกันยกมือขึ้นแล้วแลกล่าวว่า ข้าแต่เจ้ากู บัดน้ี ท้ำวกำพร้ำ อันเป็นผัวเจ้ากู ไปค้ามาฮอดแล้ว อัญเชิญเจ้ากู ไปฮบั ก็ขา้ เทอญ เมื่อน้ัน นางหล้าได้ยินคาข้าหญิงกล่าวสันนั้นนำงหล้ำก็เช็ด น้าตา สว่างหายคาทุกข์ เพื่อว่า เขามาบอกว่าผัวตนมาแล้ว
๔๕ นางจิงมาถามว่า ดูรา ท่านท้ัง ๕ คน ท่านมาแต่ท่ีใด จิงฮู้ว่าผัวเฮา มาแล้วน้ันจา เมื่อน้ัน ข้ายิงทั้ง ๕ คน จิงพร้อมกันขานว่า ข้าแต่เจ้ากู ตูข้าท้ัง ๕ คนนี้ แม่นข้าหญิงแห้งเจ้ากูน้ันแล้ว เจ้ากูไปขายไหส้ม ได้ตูข้าท้ังหลาย แล้วเอาตูข้าทั้งหลายใส่สะเภา มาจอดในท่าน้าสมุทรที่น่ี แล้วจิงใช้ฝูงข้าทั้งหลาย มาอัญเชิญเจ้ากู ไปตกแต่งเอาขา้ วของ มาไวใ้ นตูบตองท่นี ่ี กข็ ้าเทอญ เม่ือนั้น นำงหล้ำ ได้ยินคาข้ายิงมาบอกดังนั้น นางก็มีใจ อันสว่างหายเสียยังทุกข์โศกโศกา แล้วก็ฟ้าวจับเอาผ้าสไบมาพาดบา่ แล้วก็ลงจากตูบตองไป่ก่อน ข้ายิงท้ัง ๕ คน ก็ไปตามหลัง ตราบต่อเทา่ เถิงฝ่ังนา้ สมทุ ร แล้วนางกห็ ลิงแลดู ก็เหน็ สะเภาเตม็ ท่านา้ ท่ีน่ันเป็นอันมืดมน แต่คนทั้งหลาย มียิงชายน้อยใหญ่ หมูหมาเป็ดไก่ ช้างม้างัวควายเป็นอันมาก คร้ามหลวงหลายยิ่งนัก ก็บ่เห็นผัวตน ในท่ีใด นางก็คะนิงใจว่า ส่วนดังข้าหญิงทั้ง ๕ คนน้ี ฮอยว่าตัวะ พรางกู มาหาร้ีพลโยธาครอกครัวท้าวพญา ให้จับเอากูไปกระทา อันใดอันหนง่ึ บ่อย่าชะแล ครันว่า นางคะนิงใจแล้ว ก็บ่ลงไปหาสะเภา นางก็น่ังไห้ อยู่ในแคมฝั่งน้าสมุทรที่นั่นหั้นแล เมื่อน้ัน ข้ายิงทั้ง ๕ คน ก็เห็นนำงหล้ำบ่ไปบ่มาท่ีใด ก็ท่อนั่งไห้เช็ดน้าตาอยู่สันนั้น เขากล่าวว่า ข้าแต่เจ้านาง บัดนี้ อัญเชิญเจ้านางลงสู่สะเภา
๔๖ ไปหาเจ้าแห่งเฮาเทอญ ว่าดังน้ัน เม่ือน้ัน นำงหล้ำก็บ่ปาก ก็ท่อย้านกลัวข้าหญิงตัวะพราง ไปหาท้าวพญาตนใดตนหน่ึง ในสะเภาท่นี ัน่ ก็ท่อนั่งไหอ้ ยู่ในแคมนา้ ที่นัน่ ห้นั แล เมื่อน้ัน ท้ำวกำพร้ำ ก็ออกจากสะเภา มานั่งอยู่ในหัวสะเภา อันมีนางท้ังหลาย ๕๐๐ เป็นบริวารมากนัก เจ้าก็คองหาเมียตน บ่มาจักเท่ือ เจ้าก็เหลียวเหลือดขึ้นเมื่อแคมฝั่งน้า ก็เห็นนำงหล้ำ นั่งกอดหัวเข่า ฮ้องไห้อยู่หั้นแล ครันว่า เจ้าเห็นแล้ว เจ้าก็เอ้ินหา ด้วยคาว่า ดูรา นางเอย เมียพ่ีเป็นดังฤา เจ้าจิงบ่ลงมาหาพี่เลย เล่าฮ้องไห้อยู่นี่จา เมื่อนั้น นางก็ได้ยินเสียงผัวตนเอิ้นสันนั้น นางก็หลิงหล่าดูหัวสะเภาที่น่ัน ก็เห็นท้าวกาพร้าทงเคร่ืองกกุธภัณฑ์ ๕ ประการ เป็นอนั เลือ่ มใส ผู้ดีผงู้ ามมากนัก นางกส็ ลั้งสงกาย้านกลัว ผัวแหง่ ตน นางกอ็ ตส่าหเ์ ยอื้ นลงไปหา มหี น้าตาอนั หลา่ เหลืองมากนัก เมื่อนั้น ท้าวกาพร้าก็บอกเมียตนท้ัง ๕๐๐ ออกมาแห่แหน นำงหล้ำลงสู่สะเภา แล้วเจ้าก็เอาเครื่องกกุธภัณฑ์ ๕ ประการ มาให้นางหล้าเอ้หย้องแลประดับประดาสังวาลคา อันมีม้าวใส่แขน แหวนใส่ก้อย ปัทม์น้อยสร้อยสังวาลท้ังหมด แล้วนางก็มีโสมอันงาม ยิ่งกว่านางท้ัง ๕๐๐ คน อันเป็นค่าไหส้มนั้นฮ้อยส่วน พันส่วนหั้นแล ครันว่า ประดับประดานางหล้าบรบวรแล้ว ท้าวกาพร้าก็ป่าวเติน ไพร่พลโยธาตกแต่งบรบวรแล้ว ท้าวกาพร้าก็เสด็จออกจากสะเภา
๔๗ ไปก่อน แล้วนางหล้าก็เสด็จไปตามหลังท้าว แลนางทั้ง ๕๐๐ คน ก็ไหลหลั่งไปตามหลังและไพร่พลโยธาท้ังมวล ก็แหนแห่ออกจากฝ่ัง น้าไปมากหลวงหลาย บางพ่องขึ้นขว่ีช้างและม้า ยกย่างเลยไปก็มี บางพ่องถือหาบบุงแลซ้าหลอด บางพ่องหาบข้าวเปือกแลข้าวสาร บางพ่องหาบข้าวปลูก อันจักไปเฮ็ดไฮ่และนา บางพ่องหาบเส้ือผ้า ทังมวล เขาก็ไหลหลั่งไปตามหลังชายกาพร้า เป็นอันมืดมนอนธการ เต็มท่งนามหาเศรษฐที น่ี ั่นกม็ แี ล เม่ือน้ัน ชายกาพร้าอันเป็นหัวหน้า ก็ไปเถิงตูบตอง อันเป็นที่อยู่แห่งตนเมื่อก่อนห้ันแล ชายกาพร้าก็ให้ร้ีพลโยธาแห่งตน คนแสนนั้น ให้สร้างเวียงแลต้าย แวดล้อมอ้อมทุกก้าทุกภาย พอประมาณเป็นที่อยู่หมดเสี้ยงไพร่พลโยธาแห่งตน แล้วเขาก็ปุกผาม ผาสาท ๗ หลัง มีพื้นอันเดียวกัน แล้วเจ้าเอานางท้ัง ๕๐๐ อันมีนำงหลำ้ เป็นเค้า ข้ึนอยู่ในผาสาท ท่ีน่ันเป็นท่ีสขุ สาราญแกใ่ จตน มากนัก ฝูงหมู่ไพร่พลโยธาท้ังม วล มีหลังเฮือนได้ ๕๐๐ อันมีกาลังรี้พลคนเศิกได้แสนหน่ึง อันมีเสนาแม่ทัพเศิกท้ัง ๔ คน ผู้หน่ึงชื่อว่า ขุนฟ้ำแดด มีร้ีพลโยธาได้ ๒๕๐๐๐ อันแคล้วคงยิ่งนัก ผู้หน่ึงช่ือว่า ขุนกั้งฮ่มแสดลำยเหลือง อันมีพลโยธาได้ ๒๕๐๐๐ อันมีเตชะกล้าแข็งย่ิงนัก ผู้หน่ึงช่ือว่า ขุนฮุ่งเฮืองทังบ้ำน อันมีรี้พลโยธา ๒๕๐๐๐ อันมีผญาปัญญาดียิ่งนัก ผู้หนึ่งชื่อว่า
๔๘ ขุนคนสะท้ำนย้ำนท้ังเมือง อันมีรี้พลโยธา ๒๕๐๐๐ อันมีใจกล้าแข็ง บ่ย้านกลวั บคุ คะผใู้ ดในโลกนัน้ เมื่อน้ัน ส่วนดังมหาเศรษฐี ก็ได้ยินข่าวสารอาการว่า ลูกเขยหล้าแห่งตน ไปขายส้มไหเดียว ก็ได้ไพร่พลโยธา ช้างม้า ข้อยข้าหญิงชาย แลสิ่งละ ๕๐๐ ว่าดังน้ัน ส่วนดังลูกเขยท้ังหก หาบขนเอาข้าวของไปขายเต็มสะเภาหน่ึง ยามเมื่อขายหมดแล้ว ก็ท่อคืนมาแต่สะเภาเล่มเดียวของเก่า ก็บ่ได้สะเภามาต่ืมมาแถม พอประมาณ ๑๐ เล่ม ๒๐ เล่มสะเภา แม่นว่าสะเภาเล่มเดียว ก็บ่เห็นคือเก่า ก็ท่อควรกูไปเอาลูกเขยหล้ามาเป็นเศรษฐีแทนสมบัติ แห่งกูเทอญ ครันว่า มหาเศรษฐีได้ยินกิจจะเหตุการณ์สันน้ันแล้ว ก็ใช้คนเฮือนแห่งตน ไปราธนาอัญเชิญลูกเขยหล้าแห่งตน มาท้ังสองผัวเมีย แล้วก็มอบเวนยังสมบัติข้าวข้องท้ังมวล ใหแ้ กล่ ูกเขยหล้าเปน็ มหาเศรษฐแี ทนตน กม็ แี ล ครันว่า ชำยกำพร้ำได้เป็นมหาเศรษฐี ก็ตกแต่งให้ทานยาจก ค น ข อ แ ล ะ ส ม ณ พ ร า ห ม ณ์ เ จ้ า บ่ ข า ด ทุ ก ๆ วั น ห้ั น แ ล เมื่อน้ัน พญำพำรำณสี ก็บ่มีลูกหญิงลูกชาย อันจักสืบราชการ บ้านเมือง ดังนั้น พญาก็แต่งรี้พลโยธา ไปแห่แหนเอาชำยกำพร้ำ มาเสวยราชการบ้านเมืองแทนตน ก็มีแล ส่วนดังชำยกำพร้ำได้เป็นดี เพื่อว่าได้ขายส้มไหเดียวนั้น ก็เพื่อเจ้าได้เอาไหส้มผักกุ่มไปบังสุกุล
๔๙ คนทุกข์ ในกาลเมื่อก่อนน้ันแล อติเตกำเล ในกาลเม่ือล่วงไปแล้ว วันนั้น ชำยกำพร้ำพอได้เกิดเป็นคนทุกข์ไฮ้ อยู่ในเมืองอินทปัต ถำนคร วันนั้น เจ้าก็ได้ไปเก็บเอาผักกุ่ม มาค้ันส้มไว้ดีแล้ว ยังมีในวันหน่ึง ชายทุกข์ไฮ้ผู้น้ัน ก็เดินไปในป่าดงท่ีหนึ่ง ก็ไปเห็นคนทุกข์ไฮ้ผู้หนึ่ง ไปขอข้าวได้แล้ว มาน่ังอิงเค้าไม้ต้นหน่ึง มีแต่ข้าวดายดอก บ่มีสังกินกับข้าว สวนดังชายทุกข์ไฮ้ผู้มีส้มผักกุ่ม ก็ลงไปเอาไหส้มมาแล้ว ก็หักฟดไม้มาปกไหส้มอันนั้นไปทอดบังสุกุล แก่ชายทุกข์ไฮ้ ผู้บ่มีสังกินกับข้าวนั้น แล้วมันก็หนีเมือเฮือน แหง่ ตนห้นั แล ครันว่า ชายทุกข์ไฮ้ได้บงั สกุ ุลส้มผักก่มุ แล้ว มันก็ตั้งอยู่ตามอายุ แห่งตน ครันจุติตายแล้ว ก็ได้มาเกิดเป็นชำยกำพร้ำตูบตอง ผู้ นี้ แ ล ด้ ว ย ผ ล า อ า นิ ส ง ส์ อั น ไ ด้ ไ ห ส้ ม ผั ก กุ่ ม เ ป็ น ท า น ในกาลเมื่อก่อนพุ้น พญำอินทร์ จิงเอาไหส้มอุ้มคะลุ้มมาให้แก่เจ้า ในกาลบัดน้ีแล สตฺถำ อิม อำหำริตฺวำ สมฺโม ทเนสิ ดังน้ี สตฺถำ อันว่าพระพุทธเจ้า อำหำริตฺวำ นามาแล้ว อิม ธมฺมเทสน ยังธรรมเทศนาดวงน้ี สโมทำเนสิ พระเจ้าก็หวนเอามายังอดีตชาติ แลปัจจุบันชาติมาคาดวัณณากัปด้วยว่า สกฺโก อำนุรุทโธ ดังน้ีเป็นเค้า ภิกฺขเว ดูรา ภิกขุท้ังหลาย ส่วนดังพญำอินทร์ อั น ไ ด้ เ อ า ไ ห ส้ ม อุ้ ม ค ะ ลุ้ ม ม า ใ ห้ แ ก่ ช า ย ก า พ ร้ า ป า ง น้ั น
๕๐ บั ด น้ี ก็ ห า ก แ ม่ น อ ำ นุ รุ ท ธ เ ถ ร ะ ใ น ก า ร บั ด นี้ แ ล ส่ ว น ดั ง พญำพรหมทัต อันมาเอาชายกาพร้าไปเสวยราชบ้านเมือง ในกาลปางนั้น บัดน้ี ก็หากแม่นพญำปเสนทิโกศล ในกาลบัดนี้แล ส่ ว น ดั ง พ ญ ำ ต ำ นี ร ำ ช ธ ำ นี อั น ไ ด้ ซ้ื อ เ อ า ไ ห ส้ ม อุ้ ม ค ะ ลุ้ ม บัดนี้ ก็หากแม่น อำนนทเถระ ในกาลบัดน้ีแล ส่วนดังมหำเศรษฐี อันได้ป้อยด่าลูกสาวตน บัดน้ี ก็หากแม่น นำยอำนันทบิณฑถเศรษฐี ในกาลบัดน้ีแล ส่วนนำงมหำเศรษฐี อันเป็นแม่นางหล้า วันน้ัน ก็หากแม่นนำงวิสำขำอุบำสิกำ ในกาลบัดน้ีแล ส่วนดังพ่ีเขยท้ังหก และพี่หญิงทั้งหก อันได้ป้อยด่านางหล้าวันน้ัน ก็หากแม่น เทวทัต และนำงกิญจมำนวิกำ ในกาลบัดน้ีแล ส่วนดังนำงหล้ำ อันเป็นเมียชำยกำพร้ำแห่งโพธิสัตว์วันน้ัน บัดนี้ ก็หากแม่น นำงยโสธรำเถรีภิกขุณี ในกาลบัดน้ีแล ส่วนดังชำยกำพร้ำ ไปขายไหส้มมาเลี้ยงเมียวันน้ัน บัดน้ี ก็หากแม่น พระพุทธเจ้ำ ตนเป็นที่เพ่ิงแก่โลกทั้งสาม ในกาลบัดน้ีแล ส่วนดังบริษัททั้งมวล อันเป็นลูกบ่าวแห่งเจ้าวันนั้น บัดนี้ ก็หากแม่น บริษัทท้ัง ๔ ในกาลบดั นแี้ ล ตุมเห ภวนฺต ดูรา ท่านท้ังหลาย จงพากันฟังตานานนิทาน อันน้ี ให้เข้าใจทุกๆ คนเทอญ หากจักได้ด่ังคามักคาปรารถนา ในกาลอันจักมาในภายหนา้ บค่ ลาดบค่ ลาแล กปฺปนนฺ ำวตถฺ ุ ซตก อัน
๕๑ ว่า กริยาอันกล่าว ชายทุกข์ไฮ้ อันได้ขายส้มมาเลี้ยงเมีย ก็ท่อนี้แล พุทธสังกาด ๒๔๗๙ ริจนาแล้วยามงาย เดือน ๑๐ ออกใหม่ ๑๔ ค่า วันจันทร์ ปีชวด เอกศก ตกอยู่ในวสันตฤดูฝน ข้าพเจ้าพระครูสาย ได้สร้างลาพ้ืนท้าวกาพร้าตูบตอง ให้เป็นทาน ไวใ้ นพุทธศาสนา ๚๛
๕๒ บรรณำนกุ รม ธวัช ปุณโณทก. วรรณกรรมท้องถิ่น. กรงุ เทพฯ : โอเดยี นสโตร์, ๒๕๒๕. นยิ ม ศุภวุฒ.ิ ลำท้ำวกำพรำ้ ตูบตอง. สกลนคร : สกลนครการพมิ พ,์ ๒๕๒๙. ปรชี า พณิ ทอง. สำรำนกุ รมภำษำอีสำน – ไทย – องั กฤษ. อุบลราชธานี : โรงพมิ พศ์ ิริธรรม, ๒๕๓๒ ภูวดล อย่ปู าน. นกเต็นด่อน. มหาสารคาม : หจก.อภชิ าติการพิมพ์, ๒๕๖๒. ราชบณั ฑิตยสถาน. พจนำนกุ รม ฉบับรำชบณั ฑิตยสถำน พ.ศ.๒๕๔๒. กรุงเทพฯ : นานมบี คุ สพ์ บั ลเิ คชั่นส์, ๒๕๔๖. หอสมดุ แห่งชาติ, กรมศลิ ปากร. ประมวลคำศัพทภ์ ำษำลำว ในเอกสำรโบรำณ เลม่ ท่ี ๑ อักษร ก – ง. กรงุ เทพฯ : เอ.พี.กราฟฟิคดีไซด,์ ๒๕๔๔. หอสมดุ แหง่ ชาติ, กรมศิลปากร. ประมวลคำศัพทภ์ ำษำลำว ในเอกสำรโบรำณ เล่มท่ี ๒ อกั ษร จ – ถ. กรุงเทพฯ : เอ.พี.กราฟฟิคดไี ซด์,๒๕๔๔.
๕๓ หอสมดุ แหง่ ชาติ, กรมศิลปากร. ประมวลคำศัพทภ์ ำษำลำว ในเอกสำรโบรำณ เล่มที่ ๓ อกั ษร ท – ฝ. กรงุ เทพฯ : เอ.พ.ี กราฟฟคิ ดีไซด์,๒๕๔๔. หอสมดุ แห่งชาติ, กรมศิลปากร. ประมวลคำศัพทภ์ ำษำลำว ในเอกสำรโบรำณ เล่มที่ ๔ อักษร พ – ษ. กรุงเทพฯ : เอ.พี.กราฟฟคิ ดไี ซด,์ ๒๕๔๔. หอสมุดแห่งชาติ, กรมศลิ ปากร. ประมวลคำศพั ท์ภำษำลำว ในเอกสำรโบรำณ เลม่ ที่ ๕ อกั ษร ส – ฮ. กรงุ เทพฯ : เอ.พี.กราฟฟคิ ดีไซด,์ ๒๕๔๔.
๕๔ อภิธำนศัพท์ ในการอธิบายศัพท์วรรณกรรมชาดก เรื่อง ลาท้าวกาพร้า ตูบตอง ผู้ปริวรรตใช้รูปแบบ ตามหลักการอภิธานศัพท์ ของกลุ่มงานอนุรักษ์เอกสารโบราณ สถาบันวิจัยศิลปวัฒนธรรม อสี าน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม โดยกาหนดอกั ษรย่อดงั นี้ น. = คานาม ส. = คาสรรพนาม ก. = คากิริยา ว. = คาวิเศษณ์ สัน. = คาสนั ธาน กา้ ก. ก กาฮาบ ก. ข้าง,ฝ่าย,พวก,สว่ น. กณู า ก. ราราบ. กินงาย ก. กรุณา. กระจกิ กระแจก ก. รบั ประทานอาหารเชา้ . กลองงาย น. กระแทกแดกดนั . กดค่า น. ตีเวลา ๙ – ๑๐ นาฬิกา. กาหนดราคา.
ขนี ใจ ว. ๕๕ ขาน ก. ขม่อม น. ข ขัน้ ได น. เข็ญใจ. ขา ส. กล่าว,เรียก,เอ่ย,พดู ,ตอบ. ขนั ก. กระหม่อม. ขา้ เศกิ น. บันได. ข้าวดายดอก ว. สรรพนาม. ข้าวปลกู น. อาสา. ขุม น. ข้าศกึ ษา. ขอนผี น. ขา้ วเปล่าไมม่ กี บั . เขยี ว ก. เมลด็ พันธ์ขุ า้ ว หลมุ . ควดั ก. ซากศพ. ไปอย่างรบี รอ้ น. ควา ก. คองเห็น ก. ค คคี ้อย ว. สบั เจาะ แทง ถาก หรือคุ้ยเอาดิน หรือสิง่ ท่อี ยใู่ นดนิ ขนึ้ มา. ไคว่คว้า. พบ. เนืองๆ,บอ่ ยๆ,เสมอๆ.
แคม ว. ๕๖ คองสงสาร น. ใกล้. คนู ก. ความใคร,่ ความปรารถนา, เครอื เขา น. ความใครท่ างเมถุน. คะนงิ ก. พูน,ทบั ให้สูงข้ึน. คีไฟ น. เถาวลั ย์. ควา่ หา ก. คดิ ,คานงึ . คร้าม ก. ท่สี าหรับตัง้ เตาหรือก้อนเส้าบนเรือน. คีง น. เสาะ,แสวงหา,คน้ ดนั้ . คืนเมอื ก. เกรงกลัว,ขยาด. แคมทา่ น. รา่ งกาย,ตัวตน. คนเฮอื น น. กลับคืน. คองถ้า ก. ริมทา่ นา้ . คองเหน็ ก. คนใช้. คาทกุ ข์ ก. คอยทา่ . ได้พบ. งอย ก. ความโศกเศร้า. ง จับ,เกาะ.
ไจว้ๆ ๕๗ จกั หยาด จงิ จ จา่ ว ว. บอ่ ยๆ. แจ ว. สกั หนอ่ ย. จนั้ ๆ สนั . จงึ . จาต้าน ก. ป่าวประกาศ. จุบ น. มมุ . จดู ก. ไม่ขาดสาย. ก. พดู ต่อๆ กนั ไป. ซิก ว. ครบ,ถ้วน. เซา ก. เผา. เซง่ิ ซะแล ซ ซกุ ก. สะบัดใหห้ ลดุ ออก,ซัดออกไป. แซบซอ้ ย ก. หยุด. ซา ส. ซึง่ . ซวาซวา ว. เช่นนนั้ . ก. ผลัก. ก. เอร็ดอร่อยยิ่งนกั . ก. สมดลุ ,มีน้าหนักเสมอกัน. ว. เสียงสน่ัน.
๕๘ ซ้า น. ตะกรา้ ซอด ว. ตลอด,ถึง. ซกมก ก. อาการนงั่ หรือยนื คอตก. ด ดอม ว. ทาร่วมกนั . ด้ง น. กระดง้ . ดหี ลีแล ว. จริงๆ,แท้จรงิ . ดายดอก ว. ว่าง,ไม่มีอะไรบรรจุไว้ภายในส่ิงนน้ั . ไดเ้ ป็นดี ก. ได้ดบิ ได้ด.ี ต ตา้ น ก. พูด. ตบู น. เรือนเคร่อื งผูกขนาดเลก็ ทาพออาศัย อย่ไู ดไ้ มค่ งทนถาวร. ตอ้ งซูน ก. ยงุ่ เกย่ี ว,แตะตอ้ ง. ต่าว ก. ผนิ กลับ. ตุ้ม ก. หม่ . โตน ก. กระโดดลงจาก. ตีนเมอื ง น. รมิ เมอื ง,ขอบของเมอื ง. ต้าย น. เสาเข่ือน,หลกั รั้ว.
๕๙ ต่มื ก. เพ่ิมเตมิ . ตบเอิ๊ก ก. ตอี ก. ตวั ะ ก. โกหก. ถ ถอก ก. เท เถียง น. โรงเรือนท่ีชาวไรช่ าวนาปลูก ในเขตไร่นาเพ่ือพักอาศัยช่ัวคราว หรือเพื่ออยูเ่ ฝา้ พืชผล หรอื เพื่อเก็บพชื ผล. ถือไป ก. ซาบซา่ น. ถกื ซูน ก. เตะตอ้ ง. ท เท่า ว. เท่า,เสมอ ทงคัพ น. ท้อง,ใชแ้ ก่หญิงที่มีลูกอยใู่ นทอ้ ง. ถิ้ม ก. ขวา้ ง โยน เท สง่ิ ทไี่ มต่ อ้ งการออกไป. ท่าว ก. ลม้ ครืน. ทัดๆ ก. อาการหนาวสน่ั . ทัน ก. เรียกให้มาหา,ไปตาม. ทุกขไ์ ฮ้ ก. ยากไร้
ท่ง น. ๖๐ นาบด่า ก. ทงุ่ . นวั ว. น บรบวร ก. ตวาดใหก้ ลัว. บุง น. เข้ากันพอดี,มักใช้แก่รสอาหาร. บาย ก. บ่กว่า ว. บ บ่ปาก ก. บริบรู ณ์,มาก. บจ่ า ก. กระบงุ . บต่ ีง ก. จบั . บ่ทนั ว. ไมเ่ ทา่ เทียม. บเ่ ศษหลอ ว. ไม่พดู . บา่ น ก. ไมพ่ ูด. บางพ่อง น. ไมข่ ยบั เขยือ้ น. ไมท่ ัน. ป่องเยย่ี ม น. ไม่มีเหลอื . ปอด ว. บนิ่ ,หลดุ ออก. บางคน,บางพวก. ป หน้าต่าง. ด,ี บรสิ ทุ ธ์ิ.
๖๑ เป้ ก. เบี้ยว,บิด,ออ่ น ปอ้ ย ก. ด่า. เปดิ ก. เบ่ือหน่าย. ปิ่นเปลยี้ ก. ซ้าแล้วซ้าเลา่ . ปักตู น. ประต.ู ปุก ก. ปลกู ,สร้าง. ปนุ ปาน ว. มากมาย. ผ ผัด ก. กระพอื . ผปิ อง ก. มุง่ มาดปรารถนา,หมายไว,้ หวังไว้. เผือ ส. ฉัน,ขา้ . ผวิ า่ สนั . หากว่า,แมน้ ว่า. ผญา น. ปัญญา. ผักกุ่ม น. ตน้ ไม้ชนดิ หนงึ่ เกดิ ที่ริมน้า ก้านหนงึ่ มี ๓ ใบ ใบอ่อนกินได้ เอามาหมักดองเรยี กวา่ ส้มผกั ก่มุ . ผากฎ ก. ปรากฏ. ผาสาท น. ปราสาท. ผาม น. ท่พี ักชวั่ คราว,ตูบ.
ผบี า้ น. ๖๒ โผดผาย ว. ไผ ส. คนบ้า. โปรดปราน. พนุ้ เด ส. ใคร. พร่าเพง็ ก. พวกน้อย น. พ พางาน ก. นน่ั ไง. พกึ พาก ก. บาเพ็ญ,เพียรพยายาม. พนุ้ ส. หมูม่ หาดเล็ก,คนรบั ใช.้ เพอ่ื นขา้ ง ก. แสร้งกล่าวหาความ. ววิ าท,พิพาท. ฟดไม้ น. นนู้ ,โน้น. ฟา้ ว ก. อยู่เปน็ เพอื่ น ฟา้ วฮบี ก. ฟ มตี ้นว่า ว. กิง่ ไม.้ เมถุนาฮัมมาสนั น. รบี เร่ง. รีบเร่ง. ม เป็นอนั ดบั แรก,เบ้อื งตน้ . ความเป็นคกู่ ัน, การร่วมสงั วาส ระหวา่ งชายหญิง.
มนั่ แกน่ ว. ๖๓ ยาดูด น. ม่ันคง. ยูท่าง ก. ย ยอม ก. ยา้ น ก. บุหรี่มวนดว้ ยใบตองแห้ง. ยามงาย น. สะดวก,สบาย. ประหยัด,กระเหม็ดกระแหม่. ราธนา ก. กลัว. รจิ นา ก. ยามสาย, เวลา ๙ –๑๐ นาฬกิ า. ลวด ก. ร เชื้อเชิญ. ลัว้ แฮ น. คดั ลอก,แต่ง,เขียน. แลงงาย น. ลางเทื่อ ว. ล ละเวละวา ก. พ้น,เกิน,เลย,ผา่ น,ผ่านจากจุดหนึง่ ลงั ลา้ ว ก. ไปยังอกี จุดหน่งึ . ลูกบ่าว น. ผา้ แพรชนดิ บางอ่อนและลน่ื เปน็ มัน. อาหารเย็นและเชา้ . บางที. สาละวน. แสนงอน. บา่ วไพร่.
๖๔ ว เวียง น. เมอื ง เวา้ จ้อยๆ ก. พดู จาไพเราะ. ส เสยี ว. ดาย ใช้มีดหรอื จอบ เปน็ ต้น ถากตน้ หญา้ ที่ขึน้ ตดิ ดินให้เตยี นเรียบ. เส้ียง ก. หมดลมหายใจ,สิ้นใจ,ส้ินชวี ิต,เสียชวี ิต, ไมค่ งอยู่อีกต่อไป,สิ้นสภาพการมชี วี ิต. ส่งสการ ว. ไวอ้ าลยั . สัง ว. ใด,ไร,ไหน. สาง น. ยุ้ง,ฉาง สีหเบ็งชร (สหี บญั ชร) น. ชอ่ งหน้าต่าง. สงั จา ว. เพราะเหตไุ ร,เพราะอะไร,เพอื่ อะไร. สนั อื่น ว. อย่างอ่นื . สว่ ย ก. ล้าง,ชาระ. สะหนอ่ ย ว. สกั เล็กน้อย. สวด ก. เป่ียม,นนู . สะน้า ก. ตกั นา้ ออกจาก. สุดผอ่ ก. สุดสายตา.
๖๕ สกั เทา้ ก. ถือไมเ้ ท้า. สวา่ ง ก. โลง่ อก,โลง่ ใจ,สบายขึ้น. สวนไล น. ป่ชี นิดหน่งึ . เสี้ยง ก. หมดสิน้ . ห หลิงแล ก. มองดู. หยบิ ก. เย็น. หัว ก. หวั เราะ. หลวั น. ฟนื แห้ง. เหนี่ยง ก. บีบ,ขยาใหเ้ ข้ากันสนทิ . หลอนวา่ สนั . หากว่า. เหงิ ว. นาน. เหลือขนึ้ ก. ยังเหลืออกี มาก. หลา้ ก. สดุ ท้าย,สดุ ทอ้ ง. หลอด น. ไม้กลมๆ ทป่ี ่ันดา้ ยและไหมใสเ่ ตม็ . หยกิ ก. เอานิ้วมอื จบั ส่ิงของนนั้ ขึ้น. หย่อหยนั ก. ดูถกู ,เหยียดหยาม. หลา่ แยง ก. ดูแล.
เอิน้ ก. ๖๖ แอว น. อดี ู ก. อ เอ้หย้อง ก. กลา่ ว,เรยี ก,เอ่ย,พดู ,ตอบ. อดึ ก. เอว อมุ้ คะลมุ้ ว. เอ็นด.ู เอาเพศ ก. ประดับประดา,ตบแต่ง. อดั ฮี่ ก. อดอยาก. อยทู่ ่า ก. กลมดกิ . ออนซอน ก. แปลงเพศ. อาณารฏั ฐา น. ปิดกั้นไม่ใหเ้ ผยออก อวา่ ย ก. คอยท่า,รอ,คอย. อืน ก. อรชร,ซาบซง้ึ ,ตรงึ ใจ,เพราะพรง้ิ . อุน่ อู ก. อาณาเขต. ออกใหม่ ว. ผนิ กลบั . อ่องป่อง ก. เปยี ก,ชื้น,แฉะ. เออ้ ่ง ก. บึ้งตงึ . อดโทษ ก. ข้างขน้ึ . ปอ่ ง,พอง. ถือตวั ,หยง่ิ . อยา่ ลงโทษ.
โอ่ น. ๖๗ ฮอด ว. กลิน่ เหมน็ เปรยี้ วหรือเหมน็ ตๆุ . ฮูปโสม น. ฮ เฮอื น น. ถึง. ฮับ ก. รูปรา่ งหนา้ ตา,ทรวดทรง. เฮย่ี ฮวาย ว. ทีอ่ ยอู่ าศัย,สิง่ ปลกู สรา้ ง สาหรับอย่อู าศัย. ฮ้าย ก. รบั ฮส น. กระจายไปอยา่ งเลอะเทอะ, ฮอง ก. กระจายอย่างไม่มีระเบยี บ. ฮกั ษา ก. ดดุ ่า. ฮา น. รส. ฮีบ ก. รอง. ไฮ้ ว. รกั ษา. ไฮ่ น. ตวั เรา. ฮงุ่ สวาย น. เร่งรีบ เฮ็ด ก. ไร้. ไร่นา. ร่งุ สาย. ทา.
๖๘ โฮม ก. รวมกัน. ฮอยว่า ว. ชะรอยวา่
๖๙
๗๐ ----------------------------- พิพธิ ภัณฑ์เมอื งสกลนคร งานวชิ าการและวจิ ัย สถาบนั ภาษา ศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลยั ราชภัฏสกลนคร เลขที่ ๖๘๐ ถนนนิตโย ตาบลธาตเุ ชิงชุม อาเภอเมืองสกลนคร จงั หวดั สกลนคร โทร. ๐ ๔๒๗๔ ๔๐๐๙
๗๑
Search