(รา่ ง) นโยบายด้านภาษีที่เกี่ยวขอ้ งกบั การท่องเท่ียว อคั รพงศ์ อนั้ ทอง คณะพฒั นาการทอ่ งเทย่ี ว มหาวทิ ยาลยั แมโ่ จ้ บทคดั ย่อ บทความน้ีมวี ตั ถุประสงคเ์ พ่อื นําเสนอความรเู้ ก่ยี วกบั นโยบายดา้ นภาษีทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั การท่องเทย่ี ว โดยการทบทวน และสงั เคราะห์การศกึ ษาทงั้ ในระดบั นานาชาตแิ ละระดบั ประเทศ เพ่อื สรา้ งความเขา้ ใจเบอ้ื งตน้ เก่ยี วกบั โครงสรา้ งและ ระบบภาษีทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั การท่องเทย่ี ว สาํ หรบั นําไปสกู่ ารศกึ ษาผลกระทบจากการเกบ็ และ/ลดหยอ่ นภาษที เ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั การทอ่ งเทย่ี ว รวมทงั้ การศกึ ษาเพ่อื หาแนวทางการจดั เกบ็ ภาษี ค่าธรรมเนียม และคา่ บรกิ ารพเิ ศษทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั กจิ กรรม การทอ่ งเทย่ี วในอนาคต ภาษกี ารท่องเทย่ี วมที งั้ ระบบภาษที วั่ ไปและภาษเี ฉพาะทม่ี ลี กั ษณะการจดั เกบ็ ตามมลู ค่าและต่อหน่วย โดยมี การเรยี กเก็บทงั้ จากภาคธุรกจิ และนักท่องเท่ยี ว เพ่อื เพมิ่ รายไดใ้ หก้ บั ภาครฐั เรยี กคนื ต้นทุนการใหบ้ รกิ ารสาธารณะ และทําให้ต้นทุนภายนอกถูกรวมอยู่ในราคาท่ีนักท่องเท่ยี วจ่าย รวมทงั้ เพ่อื การกระตุ้น สนับสนุน และส่งเสรมิ การ ทอ่ งเทย่ี ว ทผ่ี า่ นมามกี ารศกึ ษาผลของการเกบ็ ภาษกี ารทอ่ งเทย่ี ว 2 ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ 1) การศกึ ษาผลกระทบของการเกบ็ ภาษี และ 2) การศกึ ษาเกย่ี วกบั ภาระภาษี การกระจายภาระภาษี และการสง่ ออกภาระภาษี สาํ หรบั ไทยมรี ายการภาษี ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การท่องเทย่ี วหลายรายการทงั้ ทภ่ี าษที วั่ ไปและภาษเี ฉพาะ รวมทงั้ มาตรการใหส้ ทิ ธปิ ระโยชน์ทางภาษี ซ่ึงเกือบทงั้ หมดเป็นนโยบายระดบั ชาติ อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทยยงั ขาดการศึกษาผลของการเก็บภาษีการ ทอ่ งเทย่ี ว โดยเฉพาะในระดบั ทอ้ งถน่ิ ทาํ ใหอ้ งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ บางแห่งทม่ี แี หลง่ ทอ่ งเทย่ี วทม่ี ชี ่อื เสยี งตอ้ งแบก รบั ภาระต้นทุนการดูแลนักท่องเท่ยี ว สงิ่ แวดล้อม ทรพั ยากรธรรมชาติ รวมทงั้ สาธารณูปโภคต่างๆ ท่สี นับสนุนการ ทอ่ งเทย่ี วในทอ้ งถน่ิ คาํ สาํ คญั : นโยบายภาษี การทอ่ งเทย่ี ว ภาษกี ารทอ่ งเทย่ี ว
1. บทนํา อุตสาหกรรมทอ่ งเทย่ี วเป็นหน่ึงในภาคเศรษฐกจิ ทส่ี รา้ งรายไดภ้ าษแี ก่ภาครฐั ในปี พ.ศ. 2558 กรมการทอ่ งเทย่ี ว (2559) ประมาณการวา่ การท่องเทย่ี วก่อใหเ้ กดิ ภาษโี ดยตรงและโดยออ้ มประมาณรอ้ ยละ 15.06 ของภาษที งั้ หมดของ ประเทศ (หรอื ประมาณ 0.33 แสนลา้ นบาท) และคาดวา่ ในปี พ.ศ. 2560 จะเพมิ่ เป็น 0.40 แสนลา้ นบาท (หรอื ประมาณ ร้อยละ 16.93 ของภาษีทงั้ หมดของประเทศ) ขณะเดยี วกนั การขยายตวั อยา่ งต่อเน่ืองของการท่องเทย่ี วและการเพมิ่ ขน้ึ ของการแข่งขนั ดา้ นการท่องเทีย่ วทําใหภ้ าครฐั ตอ้ งจดั สรรงบประมาณเพ่อื ดูแลรบั ผดิ ชอบในเร่ืองทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั การท่องเทย่ี วหลายเร่อื ง เช่น การสง่ เสรมิ การขายและการทําการตลาด การจดั ใหม้ บี รกิ ารและสงิ่ อํานวยความสะดวก ทจ่ี ําเป็นเพ่อื รองรบั นักท่องเทย่ี ว การดูแลรกั ษาความปลอดภยั ของผูม้ าเยอื น การดแู ลรกั ษาทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ สง่ิ แวดล้อม โดยเฉพาะในแหล่งท่องเท่ียว เป็นต้น การดําเนินการเหล่าน้ีทําให้ในแต่ละปีภาครฐั ต้องแบกรบั ภาระ ทางการคลงั ในดา้ นงบประมาณรายจา่ ยเพมิ่ ขน้ึ ตามการขยายตวั ของการทอ่ งเทย่ี ว ภาษกี ารท่องเทย่ี ว (Tourism tax)1 เป็นหน่ึงในแหลง่ รายไดข้ องภาครฐั ทช่ี ว่ ยลดแรงกดดนั ทางการคลงั ในเรอ่ื งงบประมาณของภาครฐั และยงั ทาํ ใหภ้ าครฐั มรี ายไดส้ าํ หรบั การลงทุนสาธารณะในสง่ิ อาํ นวยความสะดวก บรกิ าร และสงิ่ ต่างๆ ทส่ี นับสนุนการพฒั นาการท่องเทย่ี วทงั้ ในระดบั ประเทศและทอ้ งถนิ่ เพ่อื ใหส้ ามารถรองรบั การขยายตวั ของการท่องเทย่ี วทอ่ี าจเกดิ ขน้ึ ในอนาคต รวมทงั้ ช่วยเสรมิ สรา้ งความสามารถในการแขง่ ขนั ดา้ นการท่องเทย่ี วใหก้ บั ประเทศ (Gooroochurn and Sinclair, 2005; OECD, 2014) นอกจากน้ี ภาษกี ารทอ่ งเทย่ี วยงั สามารถใชเ้ ป็นเครอ่ื งมอื แกไ้ ขปัญหาความลม้ เหลวของตลาด (Market failure) 2 ทอ่ี าจนํามาสกู่ ารจดั สรรทรพั ยากรทไ่ี มเ่ ป็นธรรมภายในประเทศ เช่น การนําพน้ื ท่สี าธารณะมาใชป้ ระโยชน์เพ่อื การท่องเทย่ี วของคนบางกลุ่ม ปัญหาสง่ิ แวดลอ้ มจากการท่องเท่ยี ว เช่น ขยะ น้ําเสยี เป็นต้น ซ่งึ ชุมชนและ/ทอ้ งถนิ่ เป็นผู้แบกรบั ต้นทุนดงั กล่าว การเขา้ มาดําน้ําของนักท่องเท่ยี วจนเกนิ ขดี ความสามารถในการรองรบั ของทรพั ยากรธรรมชาติ เป็นตน้ ขณะเดยี วกนั ภาครฐั สามารถใชม้ าตรการลดหยอ่ นภาษี (Tax reduction) และ/สทิ ธปิ ระโยชน์ทางภาษี (Tax incentive) กระตุน้ การลงทุนทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การท่องเทย่ี ว รวมทงั้ กระตุน้ การทอ่ งเทย่ี วภายในประเทศ (Domestic tourism) การเกบ็ ภาษกี ารท่องเทย่ี วยอ่ มมผี ลกระทบต่ออุปสงคข์ องนักทอ่ งเทย่ี ว เน่ืองจากภาษที เ่ี รยี กเกบ็ จะมผี ลต่อ ราคาและ/ตน้ ทุนการท่องเทย่ี วของนกั ท่องเทย่ี ว ขณะเดยี วกนั กส็ ง่ ผลกระทบต่อประเทศทเ่ี ป็นจุดหมายปลายทางทเ่ี กบ็ ภาษีการท่องเทย่ี ว เช่น กระทบต่อความสามารถในการแข่งขนั ทเ่ี กดิ จากการเพม่ิ ขน้ึ ของราคา กระทบต่อคุณภาพชวี ติ ของ ประชาชนหากนํารายไดภ้ าษมี าพฒั นาสาธารณูปโภคและโครงสรา้ งพน้ื ฐาน เป็นตน้ ความแตกต่างของผลกระทบขน้ึ อยกู่ บั ความยดื หยุน่ ของอุปสงคแ์ ละอุปทานของการท่องเทย่ี ว (Gooroochurn and Sinclair, 2005; Gago et al., 2009; Dwyer, Forsyth and Dwyer, 2010) โดยผลประโยชน์สทุ ธจิ ากการเกบ็ ภาษกี ารทอ่ งเทย่ี วจะขน้ึ อยกู่ บั การออกแบบระบบ การคลงั สาธารณะ (Public finance) หรอื รายไดจ้ ากภาษีท่จี ะจดั เก็บจากการท่องเท่ยี วในแต่ละประเทศและ/พน้ื ท่ที ่เี ป็น แหลง่ ทอ่ งเทย่ี ว/จุดหมายปลายทางของนกั ทอ่ งเทย่ี ว (Gooroochurn and Sinclair, 2005; Dwyer, Forsyth and Dwyer, 2010) ดงั นนั้ เพอ่ื สรา้ งความเขา้ ใจเบอ้ื งตน้ เกย่ี วกบั โครงสรา้ งและระบบภาษที เ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การท่องเทย่ี ว บทความฉบบั น้ี นําเสนอผลการทบทวนและสงั เคราะห์ความรูเ้ ก่ยี วกบั ภาษกี ารท่องเท่ยี วทงั้ ในระดบั นานาชาตแิ ละในระดบั ประเทศ ซึ่งเป็นพ้นื ฐานความรู้สําคญั ท่จี ะนําไปสู่การต่อยอดสําหรบั ศกึ ษาวจิ ยั ถึงผลกระทบจากการเก็บและ/ลดหย่อนภาษี ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั การท่องเท่ยี ว รวมทงั้ การศกึ ษาเพ่อื หาแนวทางความเป็นไปไดใ้ นการจดั เกบ็ ภาษี ค่าธรรมเนียม และ ค่าบรกิ ารพเิ ศษทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั ภาคเศรษฐกจิ และ/อุตสาหกรรมท่องเทย่ี ว เพ่อื ลดภาระทางการคลงั ทงั้ ในระดบั ประเทศ และท้องถิ่น และปรบั ปรุงแก้ไขความบิดเบือนในการจดั สรรทรพั ยากรอนั เป็นผลมาจากความล้มเหลวของตลาด 1 นบั รวมภาษี (Tax) คา่ ธรรมเนยี ม (Free) และคา่ บรกิ ารเฉพาะ (Charges special) ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั กจิ กรรมการทอ่ งเทย่ี ว (Tourism activities) 2 เกดิ จากการทแ่ี หล่งท่องเทย่ี วมลี กั ษณะพเิ ศษจนทําใหเ้ กดิ อํานาจการผกู ขาด (Monopoly power) การทแ่ี หล่งท่องเทย่ี วเป็น สนิ คา้ สาธารณะ (Public goods) และการทก่ี ารทอ่ งเทย่ี วก่อใหเ้ กดิ ผลกระทบภายนอก (Externalities) (Hazair and Ng, 1993; Gooroochurn and Sinclair, 2005; Dwyer, Forsyth and Dwyer, 2010) 2 - 19
โดยเฉพาะในระดบั ทอ้ งถน่ิ ทซ่ี ่งึ ปัจจุบนั ตอ้ งแบกรบั ภาระในการดูแลนักทอ่ งเทย่ี ว สง่ิ แวดลอ้ ม ทรพั ยากรการท่องเทย่ี ว รวมทงั้ สาธารณูปโภคตา่ งๆ ทจ่ี าํ เป็นสาํ หรบั การสนบั สนุนการทอ่ งเทย่ี วภายในทอ้ งถนิ่ 2. ประเภทของภาษีการท่องเที่ยว องคก์ รการท่องเทย่ี วโลก (UNWTO) ไดน้ ิยามภาษกี ารท่องเท่ยี ว (Tourism tax) พอมใี จความสาํ คญั ว่า “เป็นภาษีทีใ่ ช้เฉพาะสําหรบั นักท่องเทีย่ วและอุตสาหกรรมท่องเทีย่ ว หรอื อาจใช้กบั จุดหมายปลายทางด้าน การท่องเทยี่ วทเี่ ป็นค่แู ขง่ ” (WTO, 1998) จากนิยามดงั กล่าวมขี อ้ สงั เกตและขอ้ โตแ้ ยง้ ทส่ี าํ คญั ว่า สนิ คา้ และบรกิ าร หลายรายการอาจถกู บรโิ ภคและใชโ้ ดยทงั้ นกั ท่องเทย่ี วและไมใ่ ช่นกั ทอ่ งเทย่ี ว ดงั นนั้ รายการภาษบี างรายการทเ่ี รยี กเกบ็ จาก นักท่องเท่ียวจงึ อาจไม่เก่ียวขอ้ งกบั กิจกรรมการท่องเท่ียว และบางรายการก็ไม่ได้กําหนดฐานภาษี (Tax base) จากกจิ กรรมการท่องเทย่ี ว เช่น ภาษมี ลู ค่าเพมิ่ เป็นต้น (Gago et al. 2009; OECD, 2014) การศกึ ษาทผ่ี ่านจงึ มี การพจิ ารณาใหม่วา่ ภาษกี ารทอ่ งเทย่ี วเป็นภาษที างออ้ ม (Indirect taxes) คา่ ธรรมเนียม (Fee) และค่าบรกิ ารพเิ ศษ (Charge) ทส่ี ง่ ผลกระทบต่อกจิ กรรมท่เี ก่ียวขอ้ งกบั การท่องเทย่ี ว แบ่งเป็น 1) ภาษที วั ่ ไป (General taxes) เช่น ภาษีมูลค่าเพมิ่ ภาษนี ําเขา้ ภาษกี ารขาย เป็นตน้ และ 2) ภาษเี ฉพาะ (Specific taxes) สาํ หรบั กจิ กรรมทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การทอ่ งเทย่ี ว เชน่ ภาษโี รงแรม ภาษสี นามบนิ ค่าธรรมเนียมวซี ่า เป็นตน้ (Gooroochurn and Sinclair, 2005; Gago et al., 2009; Dwyer, Forsyth and Dwyer, 2010; OECD, 2014) ในปี พ.ศ. 2541 องคก์ รการท่องเทย่ี วโลก รายงานวา่ นกั ทอ่ งเทย่ี วและ/ธุรกจิ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การท่องเทย่ี วตอ้ งจา่ ย ภาษี ค่าธรรมเนียม และคา่ บรกิ ารพเิ ศษทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั กจิ กรรมการทอ่ งเทย่ี ว รวม 45 รายการ ครอบคลุม 12 กจิ กรรม (WTO, 1998) กว่า 30 รายการ เรยี กเกบ็ จากนกั ท่องเทย่ี วโดยตรง (มผี ลทาํ ใหเ้ สน้ อุปสงคย์ า้ ย) สว่ นอกี 15 รายการ เรยี กเกบ็ จากธุรกิจท่ีเก่ียวข้องกับการท่องเท่ียว (มีผลทําให้เส้นอุปทานย้าย) กิจกรรมโรงแรม/สถานท่ีพกั แรม Hotel/accommodation) มรี ายการภาษที ถ่ี ูกเรยี กเกบ็ มากทส่ี ดุ 15 รายการ (11 รายการ เรยี กเกบ็ จากนกั ทอ่ งเทย่ี ว และ อกี 4 รายการ เรยี กเกบ็ จากธุรกจิ ) (ดูรายละเอยี ดในตารางท่ี 1) โดยมลี กั ษณะการจดั เกบ็ 2 รปู แบบ คอื 1) ภาษตี ามมลู ค่า (Ad valorem tax)3 ทเ่ี รยี กเกบ็ ตามอตั ราทค่ี ดิ จากราคาสนิ คา้ และ/บรกิ าร เช่น ภาษมี ลู ค่าเพมิ่ ภาษสี รุ าและเบยี ร์ คา่ ธรรมเนียมจากผเู้ ขา้ พกั โรงแรม ภาษนี ้ํามนั เชอ้ื เพลงิ สาํ หรบั เคร่อื งบนิ เป็นตน้ และ 2) ภาษตี ่อหน่วย (Specific tax)4 ทเ่ี รยี กเก็บตามหน่วยของสนิ คา้ และ/บรกิ ารในอตั ราคงทีเ่ ท่ากนั ทุกๆ ระดบั ราคา หรอื อาจเรยี กเกบ็ เป็นจํานวนเงนิ กอ้ นท่คี งท่ี (หรอื ภาษีแบบเหมาจา่ ย (Lump sum tax)) โดยนกั ทอ่ งเทย่ี วหรอื ธรุ กจิ จะจ่ายภาษตี ามจาํ นวนหน่วยของสนิ คา้ และ/บรกิ ารทใ่ี ชใ้ นอตั ราคงทไ่ี มแ่ ปรผนั ตามราคาสนิ คา้ และ/บรกิ าร เช่น ค่าธรรมเนียมวซี ่า ภาษีสนามบนิ ค่าบรกิ ารเขา้ อุทยานแหง่ ชาติ เป็นตน้ จากโครงสรา้ งรายการภาษีในตารางท่ี 1 สรุปไดว้ ่า ประเทศต่างๆ เรยี กเกบ็ ภาษจี ากนักท่องเท่ยี วและธุรกจิ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การท่องเทย่ี ว บนพน้ื ฐานของระบบภาษี 2 ระบบ ไดแ้ ก่ 1) ระบบภาษที วั่ ไป (General tax system) ทเ่ี รยี ก เกบ็ จากทงั้ นกั ท่องเท่ยี วและคนทอ้ งถน่ิ หรอื เรยี กเกบ็ จากธุรกจิ ทวั่ ไปและธุรกจิ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การท่องเทย่ี วในอตั ราท่ี เหมอื นกนั โดยไม่มกี ารเลอื กปฏบิ ตั ิ เช่น ภาษมี ลู ค่าเพมิ่ ภาษนี ้ํามนั เชอ้ื เพลงิ เป็นตน้ และ 2) ระบบภาษเี ฉพาะสาํ หรบั การท่องเทย่ี ว (Specific taxes for tourism) ทเ่ี รยี กเกบ็ เฉพาะจากนกั ท่องเทย่ี วและ/ธุรกจิ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การทอ่ งเทย่ี ว เช่น ภาษกี ารเดนิ ทางเขา้ -ออกประเทศ ภาษคี ่าหอ้ งพกั ของโรงแรม เป็นตน้ สามารถสรุปโครงสรา้ งการเรยี กเกบ็ ภาษี การทอ่ งเทย่ี วตามผจู้ า่ ยภาษไี ดพ้ อสงั เขป ดงั น้ี ก. ภาษที เ่ี รยี กเกบ็ จากธุรกจิ การทอ่ งเทย่ี ว (Taxing tourism business) แบง่ เป็น 5 กลมุ่ ธรุ กจิ ใหญ่ ไดแ้ ก่ 1) ธุรกจิ สายการบนิ และสนามบนิ (Airlines and airports) เช่น ภาษนี ้ํามนั เชอ้ื เพลงิ ของสายการบนิ (Airline fuel tax) เป็นตน้ 3 เมอ่ื มกี ารจดั เกบ็ ภาษจี ากผซู้ อ้ื (หรอื ผขู้ าย) จะทาํ ใหเ้ สน้ อุปสงค์ (หรอื อุปทาน) ยา้ ยไปโดยมคี วามยดื หยุน่ แตกต่างจากเดมิ 4 เมอ่ื มกี ารจดั เกบ็ ภาษจี ากผซู้ อ้ื (หรอื ผขู้ าย) จะทาํ ใหเ้ สน้ อุปสงค์ (หรอื อุปทาน) ยา้ ยไปโดยมคี วามยดื หยุน่ เทา่ เดมิ 3 - 19
2) ธุรกจิ โรงแรมและสถานทพ่ี กั แรม (Hotels and accommodation) เช่น ภาษกี ารคา้ (Turnover tax) ภาษศี ลุ กากรและสรรพสามติ (Customs and excise) คา่ ธรรมเนียมประกอบธรุ กจิ โรงแรม เป็นตน้ 3) ธุรกจิ รา้ นขายอาหารและเครอ่ื งด่มื (รวมทงั้ ภตั ตาคาร) เชน่ ภาษ/ี อากรสรุ า (Liquor taxes/duties) เป็นตน้ 4) ธุรกจิ การขนสง่ ทางบก (รวมรถเชา่ ) เชน่ ภาษ/ี อากรเชอ้ื เพลงิ (Fuel taxes/ duties) เป็นตน้ 5) ธุรกจิ และ/ผทู้ ใ่ี หบ้ รกิ ารดา้ นการทอ่ งเทย่ี ว เชน่ ภาษกี ารพนนั (Betting tax) เป็นตน้ ข. ภาษที เ่ี รยี กเกบ็ จากนกั ทอ่ งเทย่ี วโดยตรง (Taxing tourists directly) แบง่ เป็น 2 ประเภทหลกั ไดแ้ ก่ 1) ภาษบี รโิ ภคทวั่ ไป (General consumption tax: GCT) เป็นภาษที เ่ี รยี กเกบ็ จากทงั้ คนทอ้ งถน่ิ และ นกั ทอ่ งเทย่ี วทบ่ี รโิ ภคสนิ คา้ และ/บรกิ าร เช่น ภาษสี นิ คา้ และบรกิ าร (Good and service tax: GST) หรอื ภาษมี ลู คา่ เพม่ิ (Value-added tax: VAT) เป็นตน้ 2) ภาษเี ฉพาะการท่องเทย่ี ว (Special tourism taxes) เป็นภาษที เ่ี รยี กเกบ็ จากนักท่องเทย่ี วทบ่ี รโิ ภค สนิ คา้ และ/บรกิ ารพเิ ศษทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั การท่องเทย่ี ว เช่น ภาษีการเดนิ ทางเขา้ -ออกประเทศ ภาษีและ/ค่าธรรมเนียม ทเ่ี รยี กเกบ็ จากการใหบ้ รกิ ารแก่ผูโ้ ดยสาร (เช่น ภาษสี นามบนิ ค่าธรรมเนียมการจอดยานพาหนะ เป็นตน้ ) ภาษหี อ้ งพกั ของโรงแรม เป็นตน้ ตารางท่ี 1 การจดั ประเภทของภาษกี ารทอ่ งเทย่ี ว (Tourism tax typology) กิจกรรม รปู แบบภาษีการท่องเท่ียว ผจู้ ่าย, ระบบ ประเทศไทย1/ 1. การเขา้ / ออกประเทศ 1. ภาษอี อกนอกประเทศ/ภาษเี ดนิ ทางไปต่างประเทศ [T, S] - (Entry/ exit) (Resident departure tax/Foreign travel tax) [T, S] [T, S] 2. คา่ ธรรมเนยี มวซี ่า/ใบอนุญาตเดนิ ทาง (Visa/travel permit) [T, S] - [B, S] 2. การเดนิ ทางทางอากาศ 3. อากรผโู้ ดยสารทางอากาศ (Air passenger duty) [T, S] [T, S] - (Air travel) 4. ภาษตี วั ๋ เครอ่ื งบนิ (Air ticket tax) [T, S] - [T, S] 5. ภาษเี ชอ้ื เพลงิ ของสายการบนิ (Airline fuel tax) [T, S] - 3. สนามบนิ ทา่ เรอื และ 6. ภาษอี อกนอกประเทศ (Departure tax) [T, S] - ถนนชายแดน 7. ภาษบี รกิ ารผโู้ ดยสาร (Passenger service tax) [T, S] - [T, S] - (Airports/ sea ports/ road 8. ภาษคี วามปลอดภยั ของสนามบนิ (Airport security tax) [T, S] - [T, S] - borders) 9. ภาษกี ารจอดยานพาหนะในสนามบนิ (Airport parking tax) [T, S] - [T, G] - 10. ภาษสี าํ หรบั ผา่ นประเทศ (Transit taxes) [T, S] - [B, G] - 11. ค่าธรรมเนียมเดนิ ทางป่ า/การขน้ึ ภูเขาสูง [T, S] - [T, S] - (Trekking/mountaineering fees) [T, S] [T, S] - 4. โรงแรม/สถานทพ่ี กั แรม 12. ภาษสี าํ หรบั ทน่ี อนพกั คา้ งแรม (Bed night tax) [B, S] - [B, G] - (Hotels/accommodation) 13. ภาษสี าํ หรบั ทน่ี อน (Bed tax) [B, G] 14. ภาษกี ารครอบครองทช่ี วั่ คราว (Occupancy tax) 15. ภาษอี ตั ราต่างกนั ของภาษมี ลู คา่ เพมิ่ (Differential VAT rate) 16. ภาษเี สรมิ พเิ ศษ (Surtax) 17. ภาษกี ารขาย (Sales tax) 18. ภาษบี รกิ าร (Service tax) 19. ภาษกี ารคา้ (Turnover tax) 20. ภาษโี รงแรมและภตั ตาคาร (Hotel and restaurant tax) 21. ภาษที เ่ี ชา่ พกั ชวั่ คราว (Temporary lodging tax) 22. ภาษโี รงแรมทพ่ี กั (Hotel accommodation tax) 23. ภาษที เ่ี ชา่ พกั (Lodging tax) 24. ภาษปี ระโยชน์พเิ ศษทใ่ี หก้ บั ลกู จา้ ง (Fringe benefit tax) 25. ภาษเี งนิ เดอื น (Payroll tax) 26. ภาษศี ุลกากรและสรรพสามติ (Customs and excise) 4 - 19
ตารางที่ 1 (ตอ่ ) กิจกรรม รปู แบบภาษีการท่องเท่ียว ผจู้ ่าย, ระบบ ประเทศไทย1/ 5. ภตั ตาคาร 27. ภาษกี ารขาย/ภาษมี ลู คา่ เพม่ิ (Sales tax/VAT) [T, G] (Restaurants) 28. ภาษ/ี อากรสรุ า (Liquor taxes/duties) [B, G] 6. การใชถ้ นน 29. คา่ ผา่ นทาง (Toll charges) [T, G] (Road taxes) 30. ภาษ/ี อากรเชอ้ื เพลงิ (Fuel taxes/duties) [B, G] 7. การเชา่ ยานพาหนะ 31. ภาษเี ทศบาล/ภาษที อ้ งท่ี (Municipal/local tax) [T, G] - (Car rental) 32. ภาษโี ภคภณั ฑ์ (Purchase duty) [B, S] - 33. ภาษเี บนซนิ /ดเี ซล (Petrol/diesel duty) [T, G] 8. รถผา่ นเขา้ เมอื งต่างๆ 34. ภาษโี ภคภณั ฑ์ (Purchase duty) [T, S] - (Coaches) 35. ภาษเี พม่ิ เตมิ จาํ เพาะ (Specific additional tax) [B, S] - 36. ภาษขี นสง่ นกั ทอ่ งเทย่ี ว (Tourist transport tax) [T, S] - 9. แหล่งทอ่ งเทย่ี ว 37. ภาษแี หลง่ ดงึ ดดู นกั ทอ่ งเทย่ี ว (Visitor attractions tax) [T, S] - (Tourism attractions) 38. ภาษมี ลู คา่ เพม่ิ /ภาษกี ารขาย (VAT/sales tax) [T, G] 10. การฝึกอบรม 39. ภาษกี ารฝึกอบรมในอุตสาหกรรม (Industry training tax) [B, G] - (Training) 40. ภาษกี ารขายอาหาร (Catering tax) [B, G] - 11. สงิ่ แวดลอ้ ม 41. ภาษที อ่ งเทย่ี วเชงิ อนุรกั ษ์ (Eco-tourism tax) [B, S] - (Environment) 42. ภาษคี ารบ์ อนไดออกไซด์ (Carbon tax) [B, G] - 43. ภาษรี ะบบการทง้ิ ขยะฝังกลบ (Landfill tax) [B, G] 12. การพนนั 44. ภาษกี ารพนนั (Betting tax) [B, S] - (Gambling) 45. ภาษบี อ่ นการพนนั /คาสโิ น (Casino tax) [T, S] - หมายเหตุ: T = จา่ ยโดยนกั ทอ่ งเทย่ี ว, B = จา่ ยโดยธุรกจิ , G = เป็นระบบภาษที วั่ ไป และ S = เป็นระบบภาษเี ฉพาะสาํ หรบั การทอ่ งเทย่ี ว 1/ เป็นขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ ทส่ี บื คน้ จากอนิ เตอรเ์ น็ต ทม่ี า: ปรบั ปรงุ จากตารางท่ี 5.5 ของ WTO (1998) และตารางท่ี 1 ของ Gooroochurn and Sinclair (2005) รายการภาษกี ารท่องเทย่ี วในตารางท่ี 1 มที งั้ ทเ่ี ป็นภาษี (Taxes) และคา่ ธรรมเนียมการใชบ้ รกิ าร (User charges) ทม่ี คี วามแตกตา่ งกนั ดงั พอสรปุ ไดด้ งั น้ี ก. ภาษี (Taxes) คอื เงนิ ทร่ี ฐั บาลบงั คบั เกบ็ จากบคุ คล ภาคเอกชน หรอื องคก์ รตา่ งๆ เป็นเงนิ โอน (Transfer payment) จากบุคคลหรอื องคก์ รนนั้ ๆ มาสรู่ ฐั บาล แบ่งเป็น ภาษที เ่ี กบ็ โดยตรงจากนกั ท่องเทย่ี ว (ปรากฏอยใู่ นใบเสรจ็ หรอื บิลค่าสนิ ค้า) และภาษีท่ีเก็บจากธุรกิจท่ีเก่ียวข้องกบั การท่องเท่ียว ซ่ึงจะกลายเป็นส่วนหน่ึงของต้นทุน การดาํ เนินการของธุรกจิ นนั้ ๆ ข. คา่ ธรรมเนียมการใชบ้ รกิ าร (User charges) คอื รายจ่ายทถ่ี ูกตอ้ งตามกฎหมาย สาํ หรบั การใชส้ นิ คา้ และ/ บรกิ ารประเภทต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียมการจอดเคร่อื งบนิ ในสนามบนิ ค่าธรรมเนียมการเข้าชมสถานท่ีท่องเท่ียว คา่ ธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบธรุ กจิ นําเทย่ี ว คา่ ธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบธรุ กจิ โรงแรม เป็นตน้ จากความแตกต่างดงั กล่าวจะเหน็ ไดว้ า่ ค่าธรรมเนียมการใชบ้ รกิ ารเปรยี บเสมอื นราคาทภ่ี าครฐั เรยี กเกบ็ จาก การใหบ้ รกิ ารสาธารณะบางอย่างเฉพาะนักท่องเท่ยี วและ/ธุรกจิ ท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั การท่องเท่ยี ว หรอื เพ่อื ใหส้ ทิ ธสิ ําหรบั การเขา้ รว่ มกจิ กรรมหรอื ใชบ้ รกิ ารบางอยา่ ง หรอื ประกอบธุรกจิ บางอยา่ ง เชน่ คา่ ธรรมเนียมการใชส้ นามบนิ ค่าธรรมเนียม บรกิ ารเขา้ อุทยาน คา่ ธรรมเนียมสาํ หรบั ประกอบธรุ กจิ โรงแรม เป็นตน้ ซง่ึ นกั ทอ่ งเทย่ี วและ/ธุรกจิ สามารถเลอื กปฏเิ สธการใช้ บรกิ ารไดห้ ากเหน็ ว่าค่าธรรมเนียมท่จี ดั เกบ็ ไม่สมเหตุสมผล ส่วนการจดั เกบ็ ภาษีส่วนใหญ่มเี ป้าหมายเพ่อื เพม่ิ รายได้ ให้กบั ภาครฐั เป็นสําคญั ดงั นัน้ ค่าธรรมเนียมการใช้บรกิ ารจงึ เหมาะสําหรบั กรณีท่ภี าครฐั สามารถระบุกลุ่มผู้ท่ไี ด้รบั ประโยชน์จากการลงทนุ หรอื การใหบ้ รกิ ารสาธารณะไดอ้ ยา่ งชดั เจน และตอ้ งการเกบ็ ค่าธรรมเนียมดงั กล่าวเพอ่ื เรยี กคนื ตน้ ทุนและ/นํามาใชเ้ ป็นค่าใชจ้ ่ายในการดําเนินการหรอื ใหบ้ รกิ ารดงั กล่าว รวมทงั้ ต้องการแก้ไขปัญหาท่เี กดิ จากความ ลม้ เหลวของตลาด แต่ถา้ ภาครฐั มเี ป้าหมายเพอ่ื ตอ้ งการเพมิ่ รายไดค้ วรดาํ เนินการจดั เกบ็ ในลกั ษณะของภาษี 5 - 19
นอกจากนี้ จากรายงานการสํารวจการเก็บภาษีที่เกี่ยวขอ้ งกบั กจิ กรรมการท่องเที่ยวในระดบั ประเทศ จากกว่า 30 ประเทศ ของ OECD ในปี พ.ศ. 2556 สามารถแบ่งนโยบายดา้ นภาษที เ่ี กย่ี วขอ้ งกบั กจิ กรรมการทอ่ งเทย่ี ว ออกเป็น 6 กลุม่ หลกั ซง่ึ แตล่ ะกลมุ่ มนี โยบายทน่ี ิยมใชแ้ ตกตา่ งกนั ดงั แสดงรายละเอยี ดพอสงั เขปในตารางท่ี 2 ตารางที่ 2 นโยบายดา้ นภาษที เ่ี กย่ี วขอ้ งกบั กจิ กรรมการทอ่ งเทย่ี ว กิจกรรมที่เก่ียวข้องกบั การท่องเท่ียว นโยบายด้านภาษีการท่องเท่ียวท่ีนิ ยมใช้ 1. การเดนิ ทางเขา้ / ออกประเทศ คา่ ธรรมเนียมวซี า่ ซง่ึ รปู แบบหลกั ทน่ี ิยมใช้ คอื วซี า่ แบบระยะสนั้ (Arrival/ departure ) 2. การเดนิ ทางทางอากาศ ค่าธรรมเนียมการใชบ้ รกิ ารสนามบนิ ซ่งึ มกั รวมอยู่ในราคาตวั ๋ เคร่อื งบนิ และส่วนใหญ่ (Air travel) ใหเ้ หตุผลของการจดั เกบ็ ว่า นํามาใชจ้ า่ ยในการดรู กั ษาความปลอดภยั การใหบ้ รกิ ารต่างๆ แก่ผโู้ ดยสาร และการใหบ้ รกิ ารอ่นื ๆ ของสนามบนิ นอกจากน้ี บางสนามบนิ ใชค้ ่าธรรมเนียม ดงั กลา่ วสาํ หรบั ประชาสมั พนั ธก์ ระตุน้ พฤตกิ รรมทเ่ี ป็นมติ รกบั สงิ่ แวดลอ้ มของผโู้ ดยสาร 3. โรงแรมและสถานทพ่ี กั แรม สว่ นใหญ่เป็นภาษเี ฉพาะสาํ หรบั โรงแรมและสถานทพ่ี กั แรม แมว้ า่ จะมกี ารจดั เกบ็ ทงั้ ใน (Hotel and accommodation) ระดบั ชาตแิ ละทอ้ งถนิ่ แตส่ ว่ นใหญจ่ ะจดั เกบ็ ในระดบั ทอ้ งถน่ิ 4. มาตรการลดหยอ่ นอตั ราภาษกี ารบรโิ ภค ลดหย่อนภาษีการบรโิ ภคสําหรบั กจิ กรรมทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั การท่องเท่ยี ว ส่วนใหญ่มุ่งเน้นท่ี (Reduced rates of consumption tax) โรงแรมและรา้ นอาหารเพอ่ื กระตุน้ ใหม้ กี ารใชบ้ รกิ ารมากขน้ึ 5. สงิ่ แวดลอ้ ม ภาษีส่ิงแวดล้อมในรูปแบบต่างๆ ซ่ึงได้รับความสนใจมากข้ึนทัง้ จากภาคธุรกิจและ (Environment) นักท่องเท่ียว โดยมีเป้ าหมายเพ่ือกระตุ้นให้เกิดการเปล่ียนพฤติกรรมท่ีเป็ นมิตรกับ สงิ่ แวดล้อมมากขน้ึ และเพ่อื เป็นเงนิ ทุนสําหรบั จดั การกบั ผลกระทบด้านสงิ่ แวดล้อม ทเ่ี กดิ จากการทอ่ งเทย่ี ว 6. สทิ ธปิ ระโยชน์ทางภาษี นโยบายลดหย่อนและ/ยกเว้นภาษี เช่น ภาษีรายได้ ภาษีนําเข้า เป็นต้น เพ่ือส่งเสริม (Tax incentive) การลงทุนในธุรกจิ ท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั การท่องเท่ยี ว เช่น โรงแรม สง่ิ อํานวยความสะดวกท่ี เก่ียวข้องกับการท่องเท่ียว เป็นต้น รวมทงั้ การคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้กบั นักท่องเท่ียว เพ่อื กระตุน้ การใชจ้ ่ายของนักท่องเทย่ี ว หรอื ใชม้ าตรการลดหย่อนภาษรี ายไดเ้ พ่อื ส่งเสรมิ การทอ่ งเทย่ี วภายในประเทศ ทม่ี า: สงั เคราะหจ์ าก OECD (2014) 3. วตั ถปุ ระสงคข์ องการเกบ็ ภาษีการท่องเท่ียว โดยทวั่ ไปการเกบ็ ภาษมี วี ตั ถุประสงคส์ าํ คญั 3 ประการ ไดแ้ ก่ กระจายรายไดใ้ หม่ (Income redistribution) การจดั สรรทรพั ยากร (Resource allocation) และการรกั ษาเสถยี รภาพทางเศรษฐกจิ ของประเทศ (Economic stabilization) (Dwyer, Forsyth and Dwyer, 2010) แต่สาํ หรบั ภาษที เ่ี กบ็ จากกจิ กรรมทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การทอ่ งเทย่ี ว (หรอื เรยี กว่า “ภาษีการท่องเทย่ี ว”) มวี ตั ถุประสงค์การเกบ็ ท่แี ตกต่างจากขา้ งตน้ การศกึ ษาในอดตี มกั จะใหเ้ หตุผลท่สี าํ คญั 3 ประการ เมอ่ื ตอ้ งเกบ็ ภาษกี ารทอ่ งเทย่ี ว (Hazair and Ng, 1993; Gooroochurn and Sinclair, 2005; Gago et al., 2009) ไดแ้ ก่ 1) การเกบ็ ภาษกี ารท่องเทย่ี วเป็นเคร่อื งมอื ท่ชี ่วยเพมิ่ รายไดใ้ หก้ บั ภาครฐั ภาคเศรษฐกจิ การท่องเท่ียว เป็นหน่ึงในภาคเศรษฐกจิ สําคญั ในหลายประเทศ และเป็นแหล่งรายได้จากการเกบ็ ภาษีท่สี ําคญั ของภาครฐั เน่ืองจาก มฐี านภาษขี นาดใหญ่ (WTO, 1998; Dwyer, Forsyth and Dwyer, 2010) WTO (1998) ประมาณการวา่ ประเทศทเ่ี ป็น จุดหมายปลายทางของการท่องเท่ียวท่ีสาํ คญั ของโลกมรี ายได้จากภาษีการท่องเท่ียวในสดั ส่วนประมาณรอ้ ยละ 10-25 ของรายไดจ้ ากภาษที งั้ หมดของประเทศ การเกบ็ ภาษกี ารทอ่ งเทย่ี วจะเป็นเครอ่ื งมอื ทด่ี ใี นการสรา้ งรายไดใ้ หก้ บั ภาครฐั และอยบู่ นพน้ื ฐานของหลกั ประสทิ ธภิ าพ (Efficiency) เม่อื อุปสงคก์ ารท่องเทย่ี วมคี วามยดื หยุน่ ต่ํา (Inelasticity) ทาํ ใหภ้ าระภาษที จ่ี ดั เกบ็ โดยสว่ นใหญ่ ตกอยกู่ บั นกั ทอ่ งเทย่ี วชาวต่างชาติ (Exportability) ผลกระทบของภาษที ม่ี ตี ่อราคาจะมผี ลต่ออุปสงคก์ ารท่องเทย่ี วน้อย และผลของภาษีจะทําใหเ้ กดิ การบดิ เบอื นและเปล่ยี นแปลงพฤตกิ รรมของนักท่องเทย่ี วเพยี งเลก็ น้อย (Palmer and 6 - 19
Riera, 2003; Gooroochurn and Sinclair, 2005) ดงั นนั้ การเกบ็ ภาษกี ารทอ่ งเทย่ี วโดยรฐั บาลกลาง (Central taxes) จากนักท่องเทีย่ วชาวต่างชาตจิ ะช่วยใหส้ ามารถผลกั ภาระภาษใี หก้ บั นักท่องเทีย่ วไดด้ ขี นึ้ ในขณะเดยี วกนั ภาษี การท่องเท่ยี วในระดบั ท้องถนิ่ (Local taxes) จะถูกผลกั ภาระใหแ้ ก่นักท่องเท่ยี วไดด้ ขี น้ึ หากจดั เก็บโดยตรงจาก นกั ทอ่ งเทย่ี วทม่ี ใิ ชค่ นทอ่ี าศยั อยใู่ นทอ้ งถน่ิ (Non-resident) (Gooroochurn and Sinclair, 2003; Gago et al., 2009) 2) การเก็บภาษีการท่องเท่ยี วเป็นเคร่อื งมอื สําคญั ในการระดมทุน (หรอื เรยี กคนื ต้นทุน) สําหรบั การเพมิ่ สนิ คา้ และบรกิ ารสาธารณะตามความตอ้ งการทเ่ี พม่ิ ขน้ึ จากการขยายตวั ของการท่องเทย่ี ว กล่าวคอื การขยายตวั ของ การทอ่ งเทย่ี วทาํ ใหภ้ าครฐั ทงั้ ในระดบั ประเทศและทอ้ งถนิ่ ตอ้ งลงทุนเพมิ่ ขน้ึ ในการจดั หาสนิ คา้ และบรกิ ารสาธารณะ เชน่ สาธารณูปโภค โครงสรา้ งพ้นื ฐาน เป็นต้น หรอื ต้องแบกรบั ภาระต้นทุนท่เี พมิ่ ขน้ึ จากการให้บรกิ ารสาธารณะแก่ นกั ทอ่ งเทย่ี วทข่ี ยายตวั มากขน้ึ เชน่ การดแู ลความปลอดภยั การใหบ้ รกิ ารดา้ นสาธารณสขุ การดแู ลในเร่อื งของสง่ิ แวดลอ้ ม การซ่อมบาํ รุงและขยายถนนและ/ทางน้ํา เป็นตน้ ดงั นนั้ ตามหลกั ผลประโยชน์ (Benefit principle) ภาษกี ารทอ่ งเทย่ี ว จึงเป็นเคร่อื งมือท่ีทําหน้าท่ีเป็นราคาสินค้าและบริการสาธารณะท่ีนักท่องเท่ียวต้องใช้ระหว่างเดินทางท่องเท่ียว ภายในประเทศและ/แหล่งท่องเทย่ี วทเ่ี ป็นจุดหมายปลายทาง (เรยี กเกบ็ จากนกั ท่องเทย่ี วทเ่ี ป็นผูท้ ไ่ี ดร้ บั ประโยชน์จาก การใชบ้ รกิ ารสาธารณะ) เพ่อื ลดภาระทางการคลงั (Fiscal burden) ใหก้ บั ผเู้ สยี ภาษที เ่ี ป็นคนทอ้ งถนิ่ และ/มใิ ชน่ กั ทอ่ งเทย่ี ว (Gooroochurn and Sinclair, 2003; Gago et al., 2009) อยา่ งไรกต็ าม บางกรณีอาจเป็นไปไดว้ า่ รายไดจ้ ากภาษี ทเ่ี กบ็ จากนกั ทอ่ งเทย่ี วอาจสงู กวา่ บรกิ ารสาธารณะทน่ี กั ทอ่ งเทย่ี วไดร้ บั (Gooroochurn and Sinclair, 2005) 3) การเก็บภาษีการท่องเท่ียวเป็นเคร่ืองมือหน่ึงท่ีบรรเทาและเยียวยาปัญหาท่ีเกิดจากการท่องเท่ียว โดยเฉพาะปัญหาสงิ่ แวดลอ้ มและความเสอ่ื มโทรมของทรพั ยากรธรรมชาติ และยงั เป็นเครอ่ื งมอื ทส่ี ง่ ออกผลกระทบสว่ นหน่ึง ไปยงั ต่างประเทศ ทาํ ใหล้ ดการบดิ เบอื นการผลติ และการบรโิ ภคภายในประเทศ (Gago et al., 2009) เน่ืองจากการเกบ็ ภาษกี ารทอ่ งเทย่ี วเป็นการทาํ ใหต้ น้ ทุนภายนอก (External costs) ทเ่ี กดิ จากการทอ่ งเทย่ี วกลบั เขา้ มาเป็นตน้ ทุนภายใน ทงั้ น้ีเป็นท่ที ราบกนั ดวี ่าการท่องเท่ยี วเป็นกจิ กรรมหน่ึงท่อี าจมตี ้นทุนภายนอกสงู เช่น ก่อให้เกดิ ความแออดั เพมิ่ ข้นึ (Congestion) ภายในชุมชนและ/ทอ้ งถนิ่ เกดิ ตน้ ทุนทางดา้ นสงิ่ แวดลอ้ ม (ปัญหามลพษิ เกดิ สุนทรยี ภาพอนั ไมพ่ งึ ประสงค์ ของเมอื ง และปัจจยั อ่นื ๆ ทม่ี ผี ลทาํ ใหค้ ุณภาพชวี ติ ของประชาชนในทอ้ งถน่ิ ลดลง) เป็นตน้ โดยสง่ิ ต่างๆ เหลา่ น้ีต่างกม็ ี ผลกระทบเชงิ ลบต่อกจิ กรรมการท่องเท่ยี ว เน่ืองจากการท่องเทย่ี วตอ้ งพง่ึ พาทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มของ ชุมชนและ/ทอ้ งถน่ิ (Palmer and Riera, 2003; Gooroochurn and Sinclair, 2005; Gago et al., 2009; Dwyer, Forsyth and Dwyer, 2010) ดงั นนั้ เพ่อื ใหเ้ กดิ ประสทิ ธภิ าพทางเศรษฐกจิ (Economic efficiency) ภาครฐั จงึ เขา้ มาแทรกแซงดว้ ยการ จดั เกบ็ ภาษีการท่องเท่ยี ว โดยเฉพาะภาษที างออ้ ม (Indirect taxes) ซง่ึ เป็นเคร่อื งมอื ทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพในการรวม ตน้ ทุนภายนอก (External costs) ไวใ้ นราคาสดุ ทา้ ย (Final price) ทจ่ี า่ ยโดยนกั ท่องเทย่ี ว (Clarke and Ng, 1993; Gago et al., 2009) ภาษกี ารทอ่ งเทย่ี วอาจสง่ ผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพของอุปสงคก์ ารท่องเทย่ี วและ/คุณภาพของ นกั ท่องเทย่ี ว และการเพม่ิ ขน้ึ ของรายรบั จากภาคเศรษฐกจิ การท่องเทย่ี วอนั เป็นผลมาจากการเพม่ิ ขน้ึ ของความเตม็ ใจจ่าย (Wiliness to pay) ของนกั ทอ่ งเทย่ี ว ซง่ึ เกดิ จากการทน่ี กั ท่องเทย่ี วมอี รรถประโยชน์ (Utility) เพมิ่ ขน้ึ จากการลดความแออดั และ/ปัญหาสง่ิ แวดลอ้ มต่างๆ ภายในแหล่งทอ่ งเทย่ี ว (Gago et al., 2009) นอกจากน้ี ยงั สามารถใชภ้ าษกี ารทอ่ งเทย่ี ว เป็นเคร่อื งมอื จดั การความหนาแน่นของนกั ท่องเทย่ี ว และขจดั ความเป็นฤดูกาลของการท่องเทย่ี ว ซง่ึ จะนํามาสกู่ ารเพม่ิ ขน้ึ ของประสทิ ธภิ าพทางเศรษฐกจิ สาํ หรบั รายการภาษแี ละ/ค่าธรรมเนียมบางประเภททจ่ี ดั เกบ็ จากนักท่องเท่ยี วทเ่ี ป็นผูใ้ ชบ้ รกิ ารกจิ กรรม การทอ่ งเทย่ี วทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ ตน้ ทุนภายนอก เช่น ภาษรี ถเชา่ ทม่ี วี ตั ถุประสงคเ์ พอ่ื ลดความแออดั ของการจราจรทอ่ี าจทาํ ให้ เกิดอุบตั ิเหตุและ/มลพษิ ทางอากาศเพมิ่ ข้นึ เป็นต้น ทงั้ น้ีหากพจิ ารณาตามหลกั ประสทิ ธภิ าพ (Efficiency) และ หลกั ความเท่าเทยี มกนั (Equity) ในกรณีของตน้ ทุนภายนอก คนทอ้ งถน่ิ และนกั ทอ่ งเทย่ี วควรจา่ ยภาษแี ละ/ค่าธรรมเนียม ดงั กล่าวเหมอื นกนั ไมค่ วรเลอื กปฏบิ ตั โิ ดยเกบ็ เฉพาะนกั ท่องเทย่ี ว เน่ืองจากคนทอ้ งถนิ่ และนกั ท่องเทย่ี วต่างกม็ สี ว่ นทาํ ให้ 7 - 19
เกิดต้นทุนภายนอก เช่น เกิดความแออดั ของการจราจรอนั เป็นผลให้เกิดอุบตั ิเหตุและมลพิษทางอากาศเพิ่มข้ึน การรว่ มกนั ใชท้ รพั ยากรธรรมชาตจิ นเกดิ ความเสอ่ื มโทรม เป็นตน้ นอกจากน้ี จากการทห่ี ลายประเทศในยโุ รปมนี โยบายใหค้ วามสาํ คญั กบั สงิ่ แวดลอ้ มมากขน้ึ (OECD, 2014) จึงมีนโยบายภาษีและมาตรการสนับสนุนการท่องเท่ียวท่ีเป็ นการส่งเสริมการลงทุนในจุดหมายปลายทางเพ่ือ การทอ่ งเทย่ี วและโครงสรา้ งพน้ื ฐานทเ่ี ป็นมติ รกบั สงิ่ แวดลอ้ ม สนบั สนุนการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมทอ่ งเทย่ี วใหม้ กี ารใช้ อุปกรณ์หรอื เทคโนโลยที ่ชี ่วยลดของเสยี เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพการใช้พลงั งานและน้ํา หรอื ก่อให้เกดิ การอนุรกั ษ์ความ หลากหลายทางชวี ภาพ และสรา้ งความเช่อื มโยงระหวา่ งธุรกจิ ทอ้ งถนิ่ กบั องคก์ รชุมชน (UNEP, 2011; OECD, 2014) เชน่ การเกบ็ ภาษสี งิ่ แวดลอ้ ม (Eco-tax) การเกบ็ ภาษคี ารบ์ อน การเกบ็ ภาษนี ้ํามนั ทม่ี ตี ะกวั่ สงู เป็นตน้ ภาษกี ารท่องเทย่ี วนอกจากจะช่วยสรา้ งรายไดแ้ ละสนับสนุนการลงทุนของภาครฐั ในการพฒั นาการท่องเทย่ี ว ยงั มปี ระโยชน์ดา้ นอ่นื ๆ อกี ขน้ึ อยกู่ บั รปู แบบของภาษแี ละความเกย่ี วขอ้ งกบั กจิ กรรมการทอ่ งเทย่ี วทแ่ี ตกต่างกนั ในแต่ละ ประเทศ ซง่ึ จากรายงานของ OECD (2014) พบวา่ ภาษี คา่ ธรรมเนียม และคา่ บรกิ ารพเิ ศษ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การท่องเทย่ี ว มปี ระโยชน์สาํ คญั ทเ่ี หน็ ไดช้ ดั เจน ดงั น้ี ก. ใช้สนับสนุนกองทุนในการคุ้มครองดูแลป้องกนั สงิ่ แวดล้อม และพฒั นาโครงสร้างพ้นื ฐานท่จี ดั การกบั ผลกระทบทเ่ี กดิ จากนกั ทอ่ งเทย่ี ว โดยเฉพาะในพน้ื ทท่ี ม่ี คี วามอ่อนไหวเป็นพเิ ศษ เช่น “Iceland’s accommodation tax” ไดจ้ ดั สรรรายไดส้ ว่ นหน่ึงใหก้ บั Tourist site protection fund เพอ่ื สง่ เสรมิ การพฒั นา ดแู ลและบาํ รุงรกั ษา และคุม้ ครอง สถานทท่ี อ่ งเทย่ี วทางธรรมชาตทิ เ่ี ป็นพน้ื ทส่ี าธารณะ เป็นตน้ ข. เป็นการเรยี กคนื ตน้ ทุน (Cost recovery) ทเ่ี กดิ จากการดาํ เนินงานเพอ่ื ใหบ้ รกิ ารผโู้ ดยสาร ณ สนามบนิ และ/พอรต์ ตา่ งๆ รวมถงึ การดาํ เนินงานเกย่ี วกบั ศลุ กากร การตรวจคนเขา้ เมอื ง การรกั ษาความปลอดภยั และการกกั กนั โรค และการดําเนินงานเพ่อื ออกวซี ่าระยะสนั้ ใหแ้ ก่นักท่องเทย่ี ว เช่น การเกบ็ ค่าธรรมเนียมการใชบ้ รกิ ารสนามบนิ จาก ผโู้ ดยสาร ซง่ึ คา่ ธรรมเนียมดงั กลา่ วถกู นํามาใชจ้ า่ ยในการดาํ เนินงานและลงทุนในการใหบ้ รกิ ารตา่ งๆ ณ สนามบนิ เป็นตน้ ค. ใช้เป็นค่าใช้จ่ายสําหรบั ดูแลรกั ษาความปลอดภยั เป็นพเิ ศษให้แก่ผู้ท่ีเดินทางเขา้ -ออกประเทศ และ ภายในประเทศทเ่ี ป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเทย่ี ว เช่น นิวซแี ลนดเ์ รยี กเกบ็ “Passenger security charges” จากผู้โดยสารขาออกทงั้ เท่ียวบนิ ภายในและระหว่างประเทศท่เี ดินทางจากสนามบนิ นิวซแี ลนด์ เพ่อื ใช้เป็นเงนิ ทุน สาํ หรบั ใหบ้ รกิ ารรกั ษาความปลอดภยั ดา้ นการบนิ (Aviation security service) ทด่ี แู ลรบั ผดิ ชอบโดยหน่วยงานของ ภาครฐั เป็นตน้ ง. ใชส้ ่งเสรมิ การลงทุนโครงสรา้ งพน้ื ฐานดา้ นการท่องเท่ยี ว เช่น ออสเตรเลยี ใหส้ ทิ ธปิ ระโยชน์ทางดา้ นภาษี สาํ หรบั การลงทุนโรงแรมและการพฒั นาสถานทพ่ี กั แรมระยะสนั้ ทเ่ี รยี กว่า “Concessional tax treatment” โดยกจิ การ ดงั กล่าว (โรงแรมและสถานทพ่ี กั แรม) สามารถนําค่าใชจ้ ่ายในการลงทุนก่อสรา้ ง (อาคารและ/สง่ิ ก่อสรา้ ง) มาหกั ลดภาษี ในอตั รารอ้ ยละ 4 ตอ่ ปี เป็นเวลา 25 ปี ซง่ึ สงู กวา่ กจิ การอ่นื ๆ ทม่ี อี ตั ราการหกั ลดรอ้ ยละ 2.5 ตอ่ ปี เป็นเวลา 40 ปี เป็นตน้ จ. ใช้เป็นเคร่อื งมอื กระตุ้นการใช้จ่ายของผู้มาเยอื น (Visitors) และสร้างงานให้กบั คนท้องถิน่ เช่น ไอร์แลนด์ มนี โยบายลดภาษมี ลู คา่ เพมิ่ ในโรงแรมและรา้ นอาหารเพอ่ื สง่ เสรมิ การทอ่ งเทย่ี วและกระตุน้ ใหเ้ กดิ การจา้ งงานในโรงแรมและ รา้ นอาหาร เป็นตน้ ฉ. ใช้เป็นเงินทุนสนับสนุนกิจกรรมด้านการตลาดและส่งเสริมการขายทงั้ ภายในและต่างประเทศ เช่น เมก็ ซโิ กมกี ารจดั สรรรายไดร้ อ้ ยละ 80 จาก “Non-immigrant tax” ทจ่ี ดั เกบ็ จากบุคคลทเ่ี ดนิ ทางเขา้ มาเพ่อื ท่องเทย่ี วใหก้ บั Mexico tourism board สาํ หรบั ใชส้ ง่ เสรมิ กจิ กรรมดา้ นการตลาดและสง่ เสรมิ การขายทงั้ ภายในและตา่ งประเทศ เป็นตน้ แมว้ ่าแต่ละประเทศจะมนี โยบายดา้ นภาษีท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั กจิ กรรมการท่องเท่ยี วแตกต่างกนั แต่ส่วนใหญ่แต่ละ ประเทศจะมรี ูปแบบของนโยบายดา้ นภาษกี ารท่องเทย่ี วทใ่ี กลเ้ คยี งกนั รวมทงั้ มวี ตั ถุประสงคข์ องการใชน้ โยบายดงั กล่าว ทส่ี อดคลอ้ งไปในทศิ ทางเดยี วกนั ดงั พอสรปุ ไดส้ งั เขปตามตารางท่ี 3 8 - 19
ตารางที่ 3 รปู แบบนโยบายดา้ นภาษกี ารทอ่ งเทย่ี วทน่ี ิยมใชแ้ ละวตั ถุประสงคข์ องนโยบาย กิจกรรมที่เก่ียวข้องกบั รปู แบบนโยบายด้าน วตั ถปุ ระสงคข์ องนโยบาย การท่องเที่ยว ภาษีการท่องเที่ยวท่ีนิ ยมใช้ การเดนิ ทางเขา้ / ออกประเทศ คา่ ธรรมเนียมวซี า่ เป็นค่าใช้จ่ายในการบรหิ ารจดั การเก่ยี วกบั ศุลกากร การตรวจคน (Arrival/ departure) (VISA free) และการดําเนินงานต่างๆ ท่ีเก่ียวข้องกับออกวีซ่าระยะสนั้ ให้แก่ นกั ทอ่ งเทย่ี ว รวมทงั้ กจิ กรรมการประชาสมั พนั ธแ์ ละการตลาด การเดนิ ทางทางอากาศ คา่ ธรรมเนียมการใชบ้ รกิ าร เป็นคา่ ใชจ้ า่ ยภายในสนามบนิ ทงั้ ในเรอ่ื งการบรหิ ารจดั การ การดูแล (Air travel) สนามบนิ ความปลอดภยั การให้บรกิ ารกบั นักท่องเท่ยี ว เช่น ห้องน้ํา น้ําด่มื (Airport charges) การใหข้ อ้ มลู การบนิ เป็นตน้ โรงแรมและสถานทพ่ี กั แรม ภาษหี อ้ ง/ทน่ี อนพกั คา้ งแรม ประชาสมั พนั ธแ์ ละสง่ เสรมิ การตลาดท่องเทย่ี ว พฒั นาและสนบั สนุน (Hotel and accommodation) (Room/ bed night taxes) กจิ กรรมการทอ่ งเทย่ี วในระดบั ทอ้ งถนิ่ ภาษโี รงแรม/ ทพ่ี กั (Occupancy taxes) มาตรการลดหยอ่ นอตั ราภาษี ลดหยอ่ นภาษมี ลู คา่ เพมิ่ กระตุน้ การพฒั นาและการขยายตวั ของอุตสาหกรรมทอ่ งเทย่ี วรวมทงั้ การบรโิ ภค (Reduced rates (Reduced VAT) การสรา้ งงานจากอุตสาหกรรมท่องเทย่ี ว เชน่ นโยบายการลดหยอ่ น of consumption tax) VAT ของรา้ นอาหารในประเทศสวเี ดนเมอ่ื ปี พ.ศ. 2555 พบวา่ การลด ราคาลง 4% ทําใหเ้ กดิ การขยายตวั ของอุปสงค์ 3% และช่วยเพมิ่ ชวั่ โมงการทาํ งาน 4% เป็นตน้ สงิ่ แวดลอ้ ม ภาษสี งิ่ แวดลอ้ ม เป็นเงนิ กองทุนสําหรบั ดูแลรกั ษาสง่ิ แวดล้อม และพฒั นาโครงสรา้ ง (Environment) (Green/eco-tax) พ้นื ฐานทส่ี ามารถจดั การกบั ผลกระทบท่เี กดิ จากนักท่องเท่ยี ว เช่น Iceland’s tourist site protection fund (ใชเ้ มอ่ื ปี พ.ศ. 2554) เป็นตน้ สทิ ธปิ ระโยชน์ทางภาษี มาตรการลดหยอ่ นภาษรี ายได้ กระตุ้นให้เกิดการลงในธุรกิจท่ีเก่ียวข้องกับการท่องเท่ียว เช่น (Tax incentive) (Reduced income tax rate) โรงแรม ศูนย์แสดงสนิ คา้ สวนสนุก เป็นตน้ อย่างเช่น “Concessional tax treatment” ของออสเตรเลยี ทม่ี า: สงั เคราะหจ์ ากรายงานของ OECD (2014) นอกจากน้ี แมว้ ่าในปัจจุบนั จะมกี ารเกบ็ ภาษที เ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั กจิ กรรมการท่องเท่ยี วในหลายประเทศ แต่ท่ผี ่านมา ยงั ขาดการเฝ้าตดิ ตาม ประเมนิ ผล และวเิ คราะห์ผลกระทบของภาษีท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั กจิ กรรมการท่องเท่ยี วว่ามผี ลต่อ ความสามารถในการแขง่ ขนั ดา้ นการทอ่ งเทย่ี วของประเทศหรอื ไมอ่ ยา่ งไร 4. ผลของการจดั เกบ็ ภาษีที่เกี่ยวข้องกบั กิจกรรมการท่องเท่ียว เมอ่ื ตอ้ งพจิ ารณาถงึ ผลของการเกบ็ ภาษี (Effect of taxation) ในเบอ้ื งตน้ นกั เศรษฐศาสตรม์ กั ใหค้ วามสาํ คญั กบั สองประเดน็ สาํ คญั ไดแ้ ก่ ภาระภาษสี ว่ นเกนิ (Excess burden)5 และการกระจายของภาระภาษี (Tax incidence)6 ซึ่งขึ้นอยู่กบั ความยดื หยุ่นของอุปสงค์และอุปทาน รวมทัง้ ประเภทของภาษีที่จดั เก็บว่าเป็นภาษีต่อหน่วยหรอื ภาษตี ามมลู คา่ โดยภาษที อ่ี ยบู่ นหลกั ความเป็นธรรม (Equity) และหลกั ประสทิ ธภิ าพ (Efficiency)7 จะมภี าระภาษสี ว่ นเกนิ ต่าํ 5 การเกบ็ ภาษที าํ ใหเ้ กดิ การบดิ เบอื นในการตดั สนิ ใจของผบู้ รโิ ภค (หรอื ผผู้ ลติ ) ซง่ึ ทาํ ใหส้ วสั ดกิ ารโดยรวมของสงั คมลดลงมากกวา่ รายไดท้ ่ี ภาครฐั จดั เกบ็ ผลต่างน้ีเรยี กวา่ การสญู เปล่าทางเศรษฐกจิ (Deadweight loss) โดยภาษที ม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพจะตอ้ งไมท่ าํ ใหเ้ กดิ การบดิ เบอื น ในการตดั สนิ ใจของผบู้ รโิ ภค (หรอื ผผู้ ลติ ) 6 เป็นการพจิ ารณา/ประเมนิ วา่ ภาษที จ่ี ดั เกบ็ โดยสว่ นใหญต่ กเป็นภาระของใคร (ผบู้ รโิ ภค/ผผู้ ลติ ) (หรอื เรยี กวา่ ภาระภาษที แ่ี ทจ้ รงิ ) 7 การจดั เกบ็ ภาษที วั ่ ไป (General tax) มหี ลกั สาํ คญั ไดแ้ ก่ หลกั ความเป็นธรรม (Equity) หลกั ประสทิ ธภิ าพ (Efficiency) หลกั ความแน่นอน (Certainty/ stability) หลกั ความสะดวก (Simplicity) และหลกั การมปี ระสทิ ธภิ าพในการจดั เกบ็ (Cost efficiency) สาํ หรบั ภาษเี ฉพาะ (Specific tax) มหี ลกั สาํ คญั ไดแ้ ก่ หลกั ผลประโยชน์ (Benefit principle) หลกั การกนั เงนิ (Earmarking principle) และหลกั เหตุผลในเชงิ สญั ญา (The contractual rationale principle) 9 - 19
และผทู้ แ่ี บกรบั ภาระภาษสี ว่ นใหญ่เป็นผูท้ ่ไี ดร้ บั ประโยชน์ ยกเวน้ ภาษีแบบเหมาจ่าย (Lump sum tax) ดงั นัน้ ในลําดบั แรกนกั เศรษฐศาสตรจ์ งึ ใหค้ วามสาํ คญั กบั หลกั ความเป็นธรรม (Equity)8 และหลกั ประสทิ ธภิ าพ (Efficiency)9 ของภาษีท่จี ดั เก็บ อย่างไรก็ตาม หลกั ทงั้ สองมกั สวนทางกนั กล่าวคอื ตามหลกั ประสทิ ธภิ าพควรเก็บภาษีต่ําสาํ หรบั สนิ คา้ และบรกิ ารทอ่ี ุปสงคม์ คี วามยดื หยุน่ มาก และควรเกบ็ ภาษสี งู สาํ หรบั สนิ คา้ และบรกิ ารทอ่ี ุปสงคม์ คี วามยดื หยุน่ ต่ํา ขณะท่ีตามหลกั ความเป็นธรรมควรเก็บภาษีในระดบั เดียวกนั หากมีความสามารถในการเสยี ภาษีเท่ากนั หรือ ผูท้ ่จี ่ายภาษใี นอตั ราเดยี วกนั ควรไดร้ บั ผลประโยชน์เหมอื นกนั (เรยี กวา่ Horizontal equity) และควรเกบ็ ภาษมี ากกว่า หากมคี วามสามารถสงู กว่า หรอื ผูท้ จ่ี ่ายภาษมี ากกว่าควรไดร้ บั ประโยชน์สงู กว่า (เรยี กว่า Vertical equity) ดงั นัน้ จากกรณีตวั อย่างของสนิ คา้ อุปโภคบรโิ ภคที่มคี วามจําเป็นสําหรบั การดํารงชีพ ซ่ึงอุปสงค์มกั มีความยดื หยุ่นต่ํา แต่ภาครฐั ไมส่ ามารถเรยี กเกบ็ ภาษกี บั สนิ คา้ ดงั กลา่ วในอตั ราทส่ี งู ได้ เน่ืองจาก จะกระทบต่อคนทม่ี ฐี านะยากจนของสงั คม (สอดคลอ้ งกบั หลกั ความเป็นธรรม แตไ่ มเ่ ป็นไปตามหลกั ประสทิ ธภิ าพ) เป็นตน้ สาํ หรบั การเกบ็ ภาษที เ่ี กย่ี วขอ้ งกบั กจิ กรรมการทอ่ งเทย่ี ว (หรอื ภาษกี ารทอ่ งเทย่ี ว) สว่ นใหญ่เป็นไปตามหลกั ทงั้ สอง (ความเป็นธรรม และประสทิ ธภิ าพ) (Gooroochurn, 2003) เน่ืองจาก การเกบ็ ภาษีการท่องเท่ยี วมผี ลต่อ การกระจายรายได้ระหว่างประเทศท่ีเป็นแหล่งท่องเท่ียวหรือเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเท่ียว รวมทงั้ การกระจายรายไดร้ ะหวา่ งประชาชนภายในทอ้ งถน่ิ เน่ืองจาก 1) ภาระภาษสี ว่ นหน่ึงตกอย่กู บั ซพั พลายเออร์ (Supplier) ทเ่ี ป็นของคนทอ้ งถน่ิ ขณะเดยี วกนั อุตสาหกรรมทอ่ งเทย่ี วเป็นอุตสาหกรรมทม่ี กี ารใชแ้ รงงานไรฝ้ ีมอื อยา่ งเขม้ ขน้ ดงั นนั้ การเกบ็ ภาษกี ารท่องเทย่ี วจงึ มี negative equity effects และ 2) สนิ คา้ และบรกิ ารท่องเทย่ี วส่วนใหญ่เป็นสนิ คา้ ฟุ่มเฟือย (Luxuries goods) ทม่ี คี วามยดื หยุน่ ต่อรายได้ ซง่ึ การเกบ็ ภาษกี ารท่องเทย่ี วจะสง่ ผลเชงิ บวกต่อ Vertical equity หรอื เป็นไปตามหลกั ความสามารถในการจ่ายเงนิ (Ability-to-pay doctrine) ทีอ่ ยู่ภายใตห้ ลกั ความเท่าเทยี ม (Gooroochurn and Sinclair, 2005; Gooroochurn, 2009) ภาษกี ารท่องเทย่ี ว โดยเฉพาะรายการภาษีสาํ หรบั กจิ กรรมท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั การท่องเท่ยี วโดยตรง ไม่มผี ลทําให้ สวสั ดกิ ารภายในประเทศ (Domestic welfare) ลดลง (Gooroochurn, 2009) แต่สามารถช่วยเพม่ิ สวสั ดกิ าร ภายในประเทศไดอ้ กี ดว้ ย เน่ืองจาก การทอ่ งเทย่ี วเป็นสนิ คา้ ทอ่ี ุปสงคม์ คี วามยดื หยนุ่ ต่อรายไดม้ ากกวา่ 1 (Income elasticity) ทาํ ใหม้ ฐี านภาษี (Tax base) ในการสรา้ งรายไดส้ งู ขณะเดยี วกนั ภาระภาษสี ว่ นหน่ึงถกู ผลกั ไปยงั นกั ทอ่ งเทย่ี วชาวต่างชาติ (Tax exportability) ซ่งึ ไม่ถูกนับรวมในสวสั ดกิ ารภายในประเทศ ดงั นนั้ การเพมิ่ ขน้ึ ของอตั ราภาษจี งึ มภี าระสว่ นเกนิ (Excess burden/ deadweight loss) ต่าํ กวา่ กรณีของภาคเศรษฐกจิ อ่นื ๆ (Jensen and Wanhill, 2002; Gooroochurn and Sinclair, 2005) หรอื อาจกลา่ วไดว้ า่ การเกบ็ ภาษกี ารทอ่ งเทย่ี วมปี ระสทิ ธภิ าพมากกวา่ ภาษอี ่นื ๆ ในขณะเดยี วกนั ก็อยู่บนหลกั ความเป็นธรรม ตามท่ีได้นําเสนอขา้ งต้น นอกจากน้ี ภาษีการท่องเท่ียวยงั มสี ่วนช่วยควบคุมอุปสงค์ การท่องเท่ยี วให้สมดุลกบั ความสามารถในการรองรบั ของแหล่งท่องเท่ียว และชดเชยต้นทุนท่ีเกิดข้นึ ต่อสงั คมและ สงิ่ แวดล้อม ดงั นัน้ การขยายตวั ของการท่องเท่ยี วนอกจากจะช่วยเพมิ่ รายได้เขา้ ประเทศแล้วยงั สามารถช่วยเพม่ิ สวสั ดกิ ารใหก้ บั สงั คมไปพรอ้ มกนั (Copeland, 1990; Clarke and Ng, 1993; Gooroochurn and Sinclair, 2005; Wattanakuljarus, 2007) แมว้ า่ ภาษกี ารทอ่ งเทย่ี วจะเป็นแหลง่ รายไดท้ ม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพของภาครฐั ชว่ ยเพม่ิ สวสั ดกิ ารภายในประเทศ และ มผี ลกระทบต่อผบู้ รโิ ภคภายในประเทศน้อยกวา่ ภาษอี ่นื ๆ อยา่ งไรกต็ าม Dwyer and Forsyth (1993) ไดต้ งั้ ขอ้ สงั เกตว่า การจดั เก็บภาษีการท่องเท่ยี วอาจนํามาสู่การบดิ เบอื นของราคาสนิ ค้าและบรกิ ารในตลาด ทําให้นักท่องเท่ยี วเลอื ก เดนิ ทางไปยงั ประเทศทม่ี กี ารเกบ็ ภาษสี นิ คา้ และบรกิ ารทต่ี ่าํ กว่าได้ หรอื ทเ่ี รยี กวา่ “Tourism problem” (Bradford, 2004) โดยระดบั ของปัญหาดงั กล่าวจะขน้ึ อย่กู บั ระดบั ของภาษีที่จดั เก็บโดยเปรยี บเทยี บ การทดแทนกนั ของการบรโิ ภค 8 ตอ้ งเสยี ภาษเี ทา่ กนั หากไดป้ ระโยชน์เทา่ กนั ไมเ่ ลอื กปฏบิ ตั ิ เสยี ตามความสามารถของผเู้ สยี ภาษี 9 การเสยี ภาษจี ะต้องบดิ เบอื นการตดั สนิ ใจของผูบ้ รโิ ภคหรอื ผูผ้ ลติ น้อยทส่ี ุด ซง่ึ การบดิ เบอื นจะทําใหเ้ กดิ ความสญู เปล่าทางเศรษฐกจิ (Deadweight loos: DWL) 10 - 19
ระหว่างภายในและต่างประเทศ และความยดื หยุ่นต่อราคาของอุปสงคก์ ารท่องเท่ยี ว (อนนั ต์ วฒั นกูลจรสั , 2555) ขอ้ สงั เกตดงั กล่าวได้รบั การศกึ ษาเพมิ่ เตมิ ในเวลาต่อมาและพบว่า การเกบ็ ภาษีการท่องเทีย่ วทําใหน้ ักท่องเทีย่ ว มกี ารบดิ เบอื นพฤตกิ รรม (Mak, 2004) โดยเฉพาะในกรณีทน่ี ักท่องเทย่ี วมคี วามยดื หยุ่นต่อราคา และแหลง่ ท่องเทย่ี ว สามารถถกู ทดแทนดว้ ยแหลง่ ทอ่ งเทย่ี วอ่นื ไดง้ า่ ย ดงั นนั้ การเพม่ิ ขน้ึ ของราคาอนั เป็นผลมาจากภาษจี ะนําไปสกู่ ารลดลงของ อุปสงคก์ ารท่องเทย่ี ว และทาํ ใหร้ ายไดจ้ ากภาษที จ่ี ดั เกบ็ ลดลง (Mahadevan, Amir and Nugroho, 2017) นอกจากน้ี เน่ืองจากคุณลกั ษณะเฉพาะของการท่องเทย่ี วประกอบดว้ ยกจิ กรรมท่หี ลากหลาย ดงั นัน้ การเกบ็ ภาษกี ารท่องเท่ยี ว ในบางกจิ กรรมการท่องเทย่ี วอาจสง่ ผลทําใหก้ ารใชจ้ ่ายในสว่ นอ่นื ๆ ของนกั ท่องเทย่ี วลดลง (Papatheodorou, 2001) และอาจทาํ ใหค้ วามสามารถในการแขง่ ขนั ลดลงเน่ืองจากการเพมิ่ ขน้ึ ของราคา (Blake, 2000) การศกึ ษาเก่ยี วกบั ผลของการจดั เก็บภาษีการท่องเท่ยี วท่ผี ่านมา ส่วนใหญ่ให้ความสําคญั กบั การศกึ ษาถงึ บทบาทของภาษกี ารท่องเทย่ี วในฐานะของการเป็นแหล่งรายไดส้ าํ หรบั งบประมาณรายจ่ายของภาครฐั การกระจาย ภาระภาษี และการส่งออกภาระภาษไี ปยงั นักท่องเท่ยี วชาวต่างชาติ รวมทงั้ ผลกระทบต่อสวสั ดกิ ารภายในประเทศ โดยประยุกตใ์ ชก้ รอบการวเิ คราะหด์ ุลยภาพบางสว่ น (Partial equilibrium) และดุลยภาพทวั่ ไป (General equilibrium) ตรวจสอบผลกระทบของการจดั เกบ็ ภาษกี ารท่องเทย่ี วต่อเศรษฐกจิ และสวสั ดกิ าร (Welfare) รวมทงั้ การกระจายรายได้ และความเหล่อื มล้าํ (Blake, 2000; Jensen and Wanhill, 2002; Gooroochurn and Sinclair, 2005; Gooroochurn, 2009; Gago et al., 2009; อนนั ต์ วฒั นกลู จรสั , 2555, Mahadevan, Amir and Nugroho, 2017) งานศกึ ษาทป่ี ระยุกต์ใชก้ รอบการวเิ คราะหด์ ุลยภาพทวั่ ไปจะทราบถงึ ผลกระทบของการเกบ็ ภาษกี ารท่องเทย่ี ว ทม่ี ตี ่อผลติ ภณั ฑม์ วลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP) การลงทุน การบรโิ ภคทวั่ ไปและของภาค การท่องเที่ยว ดุลการค้า และสวสั ดกิ าร การศกึ ษาส่วนใหญ่ให้ผลลพั ธ์ที่สอดคล้องไปในทศิ ทางเดยี วกนั ว่า ภาษกี ารทอ่ งเทย่ี วชว่ ยเพม่ิ สวสั ดกิ ารภายในประเทศ และมปี ระสทิ ธภิ าพมากกวา่ ภาษอี ่นื ๆ นอกจากน้ี ภาษเี ฉพาะสาํ หรบั กจิ กรรมทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั การท่องเทย่ี ว โดยเฉพาะภาษแี บบเหมาจ่ายจะช่วยกระจายรายไดไ้ ดด้ กี ว่าการเกบ็ ภาษีในสาขา การผลติ อ่นื ๆ (อนนั ต์ วฒั นกูลจรสั , 2555) และการเกบ็ ภาษใี นสาขาการผลติ ทม่ี คี วามเขม้ ขน้ ของการท่องเทย่ี วสงู จะชว่ ย สรา้ งรายไดส้ งู กวา่ การเกบ็ แบบครอบคลุมทุกสาขาทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การทอ่ งเทย่ี ว (Gooroochurn and Sinclair, 2005) เช่น การเกบ็ ภาษใี นโรงแรมทผ่ี เู้ ขา้ พกั เป็นผรู้ บั ภาระภาษจี ะใหผ้ ลดตี ่อเศรษฐกจิ มากกวา่ การเพม่ิ มูลค่าภาษีในกจิ กรรม ท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั การท่องเทย่ี ว ซ่งึ ทาํ ใหม้ กี ารกระจายภาระภาษีไปยงั ผูบ้ รโิ ภคภายในประเทศ (Gago et al., 2009) ในขณะท่งี านศกึ ษาท่ปี ระยุกต์ใช้การวเิ คราะห์ดุลยภาพบางส่วนจะใหค้ วามสําคญั กบั อุปสงค์และภาระภาษีใน สาขาเศรษฐกจิ ทถ่ี ูกจดั เกบ็ ภาษี (Gooroochurn and Sinclair, 2005) สว่ นใหญ่ศกึ ษาในธุรกจิ โรงแรมและ/สถานทพ่ี กั แรม งานศกึ ษาในยุคแรก พบวา่ การจดั เกบ็ ภาษแี บบเหมาจ่าย (Lump sum tax) ทาํ ใหภ้ าระภาษตี กกบั ผผู้ ลติ ขณะเดยี วกนั หากอุปสงคก์ ารท่องเทย่ี วมคี วามยดื หยุ่น (Elastic) จะทําใหภ้ าระภาษีสว่ นใหญ่ตกอย่กู บั ผูผ้ ลติ และมเี พยี งเลก็ น้อยท่ี นกั ทอ่ งเทย่ี วเป็นผแู้ บกรบั ภาระภาษี แต่ในกรณีทอ่ี ุปสงคม์ คี วามยดื หยนุ่ น้อย (Inelastic) อยา่ งในกรณีทน่ี กั ทอ่ งเทย่ี วมี เป้าหมายหรอื มคี วามตงั้ ใจอย่างแน่นอนว่าจะซ้อื ของท่รี ะลกึ เพ่อื ใชเ้ ป็นของฝากให้กบั คนท่ใี กล้ชดิ จะทําให้ภาษี ทจ่ี ดั เกบ็ สว่ นใหญ่ตกเป็นภาระของนกั ท่องเท่ยี ว ขณะทก่ี ารรวมตวั กนั ของโรงแรมเพ่อื สรา้ งอํานาจต่อรองกบั บรษิ ทั ทวั ร์ (Tour operators) สง่ ผลทําใหอ้ ุปสงคก์ ารท่องเทย่ี วมคี วามยดื หยุ่นน้อย ภาระภาษที แ่ี ทจ้ รงิ ของโรงแรมกจ็ ะลดต่ําลง (Fish, 1982) ช่วงปี พ.ศ. 2524-2543 (ค.ศ. 1980-2000) มกี ารศกึ ษาจาํ นวนมากในต่างประเทศเกย่ี วกบั ความยดื หยุน่ ของ อุปสงคแ์ ละการกระจายภาระภาษรี ะหวา่ งนกั ทอ่ งเทย่ี วกบั ธุรกจิ โรงแรมและและสถานทพ่ี กั แรม สว่ นใหญ่ใหผ้ ลการศกึ ษา ทส่ี อดคลอ้ งกนั ว่า หากอุปสงค์มคี วามยดื หยุ่นน้อยการเกบ็ ภาษจี ะมผี ลกระทบน้อยต่อรายไดข้ องโรงแรมและจํานวนวนั พกั (Mak and Nishimura, 1979; Bonham and Gangnes, 1996) แตท่ าํ ใหภ้ าครฐั มรี ายไดเ้ พม่ิ ขน้ึ แสดงวา่ ภาระภาษตี กอยกู่ บั ผู้เขา้ พกั ท่มี าใช้บรกิ าร ในทางตรงขา้ มหากอุปสงค์มคี วามยดื หยุ่นต่อราคา การเก็บภาษีห้องพกั ของโรงแรม (Hotel room tax) จะมผี ลกระทบอยา่ งมนี ยั สาํ คญั ต่อสถานะทางการเงนิ ของโรงแรม (Hiemstra and Ismail, 1992; Im and 11 - 19
Sakai, 1996) และการลดลงของจาํ นวนนกั ท่องเทย่ี ว ซง่ึ ไดร้ บั การตรวจสอบและยนื ยนั จากการศกึ ษาในหมเู่ กาะบาเรยี รคิ (Balearic Islands) สเปน (Aguiló, Rieri and Rosselló, 2005) การศกึ ษาในอดตี ยงั แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ประเดน็ สาํ คญั ทว่ี า่ การกระจายภาระภาษี (Tax incidence) แตกต่างจาก การสง่ ออกภาระภาษี (Tax exportability) กลา่ วคอื การพจิ ารณาการกระจายภาระภาษเี ป็นการพจิ ารณาเกย่ี วกบั การกระจาย ภาระภาษีระหว่างผู้ซ้อื (นักท่องเท่ยี ว) กบั ผู้ผลติ (ธุรกิจ) ขณะท่กี ารพจิ ารณาการส่งออกภาระภาษีเป็นการพจิ ารณา เกย่ี วกบั การกระจายภาระภาษรี ะหวา่ งคนทอ้ งถนิ่ (Residents) กบั ผมู้ าเยอื น (Visitors) เช่น นกั ทอ่ งเทย่ี วชาวต่างชาติ เป็นตน้ (Durbarry and Sinclair, 2001) หากธรุ กจิ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั กจิ กรรมการทอ่ งเทย่ี ว เชน่ โรงแรม เป็นตน้ มผี ใู้ ชบ้ รกิ าร เป็นนักท่องเท่ยี วชาวต่างชาตใิ นสดั ส่วนทส่ี งู มาก จะทาํ ใหไ้ ม่เหน็ ความแตกต่างระหว่างการกระจายภาระภาษีและ การสง่ ออกภาระภาษี เน่ืองจากภาระภาษสี ว่ นใหญ่ถกู ผลกั ไปยงั นกั ทอ่ งเทย่ี วชาวต่างชาติ (หรอื ถูกสง่ ออก) นอกจากน้ี ความยดื หยนุ่ ของอุปสงคย์ งั มผี ลอยา่ งมนี ยั สาํ คญั ต่อการสง่ ออกภาระภาษี และอาจมกี ารสง่ ออกภาระภาษที แ่ี ตกต่างกนั ระหว่างส่วนประกอบของสนิ ค้าและบรกิ ารของการท่องเท่ยี ว เช่น โรงแรมท่ใี ห้บรกิ ารหอ้ งพกั พรอ้ มทงั้ มรี า้ นอาหาร ใหบ้ รกิ ารแก่นักทอ่ งเทย่ี วชาวต่างชาติ หากมกี ารจดั เกบ็ ภาษที งั้ การใหบ้ รกิ ารหอ้ งพกั และรา้ นอาหาร อาจทําใหก้ ารสง่ ออก ภาระภาษขี องธุรกจิ ทงั้ สองแตกต่างกนั เป็นตน้ (Fujii, Kahaled and Mak, 1985) อยา่ งไรกต็ าม หากนกั ท่องเทย่ี ว ชาวต่างชาตเิ ป็นผูแ้ บกรบั ภาระภาษีท่จี ดั เกบ็ สวสั ดกิ ารภายในประเทศทเ่ี ป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเท่ยี วจะดขี น้ึ และทาํ ใหภ้ าครฐั มรี ายไดจ้ ากภาษเี พม่ิ ขน้ึ ดว้ ย (Gooroochurn and Sinclair, 2005) จากขา้ งตน้ จะเหน็ ไดว้ า่ ทผ่ี า่ นมามกี ารศกึ ษาจาํ นวนในต่างประเทศเกย่ี วกบั ผลของการเกบ็ ภาษกี ารท่องเทย่ี ว แต่ขาดการศกึ ษาทแ่ี สดงใหเ้ หน็ ถงึ ผลกระทบของภาษกี ารท่องเทย่ี วต่อความสามารถในการแขง่ ขนั ดา้ นการท่องเทย่ี ว ของประเทศตามท่ี OECD (2014) ไดต้ งั้ ขอ้ สงั เกตไว้ สําหรบั ในประเทศไทยยงั มกี ารศกึ ษาเกี่ยวกบั ภาษีที่เกี่ยวขอ้ งกบั การท่องเที่ยวจํานวนน้อยมาก (มิง่ สรรพ์ ขาวสอาด และอคั รพงศ์ อนั้ ทอง, 2557) โดยเฉพาะการศกึ ษาเก่ยี วกบั ผลกระทบและผลของการจดั ภาษี ที่เกี่ยวขอ้ งกบั การท่องเที่ยว รวมทัง้ การศกึ ษาถงึ แนวทางการจดั เก็บภาษีหรอื ค่าธรรมเนียมพเิ ศษในท้องถิ่น ที่มกี ารท่องเท่ยี วอย่างเขม้ ขน้ การศกึ ษาสว่ นใหญ่เป็นการประเมนิ ค่าธรรมเนียมการเขา้ แหล่งท่องเท่ยี ว โดยเฉพาะ แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วทางธรรมชาติ วฒั นธรรมและประวตั ศิ าสตร์ โดยประยกุ ตใ์ ชก้ ารวดั มลู ค่าสงิ่ แวดลอ้ มและ/วดั ความเตม็ ใจ ทจ่ี ะจ่ายทเ่ี ป็นแนวคดิ การประเมนิ มลู คา่ ในกรณีทไ่ี มม่ ตี ลาด (Non-market) เชน่ contingent valuation method (CVM) travel cost model (TCM) hedonic price เป็นตน้ ดว้ ยเทคนิคและวธิ วี เิ คราะหท์ ห่ี ลากหลาย แต่เป็นทน่ี ่าสงั เกตว่า สว่ นใหญ่เป็นงานวจิ ยั ระดบั ปรญิ ญาโทท่มี จี ํานวนตวั อย่างน้อยไม่เพยี งพอจะนํามาส่นู โยบายการกําหนดค่าธรรมเนียม ในเชงิ รปู ธรรม (มงิ่ สรรพ์ ขาวสอาด และอคั รพงศ์ อนั้ ทอง, 2557) 5. ภาษีท่ีเกี่ยวข้องกบั การท่องเท่ียวในประเทศไทย ประเทศไทยมรี ายการภาษีท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั กจิ กรรมการท่องเท่ยี วหลายรายการ ดงั แสดงในตารางท่ี 4 มที งั้ ทเ่ี ป็นภาษที วั่ ไป (General tax) เช่น ภาษมี ลู ค่าเพมิ่ ภาษสี รรพสามติ ภาษเี งนิ ไดบ้ ุคคลธรรมดาและนิตบิ ุคคล เป็นตน้ และภาษเี ฉพาะสาํ หรบั การท่องเทย่ี ว (Specific taxes for tourism) เช่น คา่ ธรรมเนียมวซี ่า คา่ บรกิ ารผโู้ ดยสารขาออก ค่าธรรมเนียมสาํ หรบั ประกอบธุรกจิ โรงแรม คา่ ธรรมเนียมจากผเู้ ขา้ พกั โรงแรม คา่ ธรรมเนียมการเขา้ อุทยานฯ เป็นตน้ นอกจากน้ี ยงั มกี ารใช้มาตรการให้สทิ ธปิ ระโยชน์ทางภาษีในการกระตุ้นการท่องเท่ยี ว เช่น ประชาชนสามารถนํา ค่าใช้จ่ายการท่องเท่ยี วมาลดหย่อนภาษีรายได้ การยกเว้นค่าธรรมเนียมวซี ่าแก่นักท่องเท่ยี วชาวต่างชาติ เป็นต้น รวมทงั้ มาตรการใหส้ ทิ ธปิ ระโยชน์ทางภาษีเพ่อื กระตุ้นใหเ้ กดิ การลงทุนในอุตสาหกรรมทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั การท่องเทย่ี ว เช่น การยกเวน้ ภาษเี งนิ ไดน้ ิตบิ ุคคล การยกเว้นอากรขาเขา้ สําหรบั วตั ถุดบิ ตามนโยบายการส่งเสรมิ การลงทุนของ สาํ นกั งานคณะการสง่ เสรมิ การลงทุน (The Board of Investment of Thailand: BOI) เป็นตน้ ทงั้ น้ีเป็นทน่ี ่าสงั เกตว่า รายการภาษีโดยสว่ นใหญ่เป็นมาตรการในระดบั ประเทศ แต่มบี างรายการทร่ี ฐั บาลส่วนกลางจดั เกบ็ ใหแ้ ละแบ่งใหก้ บั องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ (อปท.) 12 - 19
ตารางท่ี 4 ภาษที เ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การทอ่ งเทย่ี วทม่ี กี ารจดั เกบ็ ในประเทศไทย ระบบภาษี รปู แบบมาตรการภาษี 1) ภาษีทวั ่ ไป (General tax) - ภาษีมูลค่าเพิ่ม เก็บในอัตราร้อยละ 7 ของมูลค่าของสินค้าหรือบริการท่ีเพิ่มข้นึ ในแต่ละขนั้ ของการผลติ และการจาํ หน่าย [T] - ภาษสี รรพสามติ (ภาษนี ้ํามนั ภาษสี รุ าและเบยี ร์ ภาษยี าสบู ) [T] - ภาษเี งนิ ไดบ้ คุ คลธรรมดา [B] - ภาษเี งนิ ไดน้ ิตบิ ุคคล [B] 2) ภาษีเฉพาะสาํ หรบั การท่องเท่ียว (Specific tax for tourism) ก. การเดนิ เขา้ ประเทศไทย คา่ ธรรมเนียมวซี ่า แบง่ เป็น [T] - คนเดนิ ทางผา่ นราชอาณาจกั ร (Transit visa) 800 บาทตอ่ ครงั้ - ประเภททอ่ งเทย่ี ว (Tourist visa) 1,000 บาทตอ่ ครงั้ - ประเภทคนอยชู่ วั่ คราว (Non-immigrant visa) เขา้ ไดค้ รงั้ เดยี ว (Single entry) 2,000 บาท เขา้ ไดห้ ลายครงั้ (Multiple entries) 5,000 บาท ข. การเดนิ ทางทางอากาศ - คา่ บรกิ ารผโู้ ดยสารขาออก (ขน้ึ อยกู่ บั สนามบนิ ) [T] เดนิ ทางภายในประเทศ 50-400 บาท/ครงั้ เดนิ ทางไปต่างประเทศ 400-700 บาท/ครงั้ - ภาษนี ้ํามนั เชอ้ื เพลงิ สาํ หรบั เครอ่ื งบนิ [B] อตั ราภาษตี ามมลู คา่ รอ้ ยละ 23 อตั ราตามปรมิ าณ 3 บาท/ลติ ร - ภาษนี ้ํามนั หล่อลน่ื [B] น้ํามนั หล่อล่นื เหลว อตั ราภาษตี ามปรมิ าณ 5 บาท/ลติ ร น้ํามนั หลอ่ ล่นื ไมเ่ หลว อตั ราภาษตี ามปรมิ าณ 5 บาท/กโิ ลกรมั - คา่ บรกิ ารในการขน้ึ ลงของอากาศยาน (ขน้ึ อยกู่ บั สนามบนิ )2/ [B] - คา่ บรกิ ารทเ่ี กบ็ อากาศยาน (ขน้ึ อยกู่ บั สนามบนิ )2/ [B] ค. โรงแรม - คา่ บรกิ ารควบคุมจราจรทางอากาศ (ขน้ึ อยกู่ บั สนามบนิ ) [B] - คา่ ธรรมเนียมสาํ หรบั การประกอบธุรกจิ โรงแรมปีละ 40 บาทต่อหอ้ งพกั 1/ [B] - ภาษโี รงเรอื นและทด่ี นิ [B] - คา่ ธรรมเนยี มผเู้ ขา้ พกั โรงแรมไมเ่ กนิ รอ้ ยละ 3 ของอตั ราคา่ เชา่ หอ้ งพกั [T] - คา่ ธรรมเนียมการจดั การขยะมลู ฝอย กฎกระทรวงสาธารณสุขฯ พ.ศ. 2559 กาํ หนดให้ อปท. สามารถคดิ คา่ บรกิ ารเพมิ่ จากสถานทพ่ี กั นกั ทอ่ งเทย่ี วไดใ้ นอตั รา 2 บาท/คน/วนั [T] - ค่าธรรมเนียมเกบ็ ขนขยะมลู ฝอย เช่น อบต. อ่าวนางเกบ็ จากโรงแรมหอ้ งละ 30 บาท/ เดอื น/หอ้ ง [B] เป็นตน้ ง. สทิ ธปิ ระโยชน์ทางภาษี - นําคา่ ใชจ้ า่ ยการทอ่ งเทย่ี วมาลดหยอ่ ยภาษรี ายได้ - การสง่ เสรมิ การลงทุนโดยสาํ นักงานคณะการส่งเสรมิ การลงทุน (BOI) ในกจิ การท่ี เกย่ี วขอ้ งกบั การท่องเทย่ี ว เช่น โรงแรม หอประชุมขนาดใหญ่ สวนสนุก ศูนยแ์ สดงสนิ คา้ ศูนย์ฟ้ืนฟูสุขภาพ บรกิ ารท่จี อดเรอื ท่องเท่ยี ว เป็นต้น โดยจะได้รบั สทิ ธปิ ระโยชน์ เช่น ยกเวน้ ภาษเี งนิ ไดน้ ติ บิ คุ คล ยกเวน้ อากรขาขา้ เป็นตน้ - การคนื ภาษมี ูลค่าเพม่ิ สําหรบั นักท่องเท่ยี ว โดยนักท่องเท่ยี วต้องซ้อื สนิ คา้ มมี ูลค่ารวม ไมน่ ้อยกว่า 2,000 บาท (ราคาสนิ คา้ และรวมภาษมี ลู ค่าเพมิ่ ) จากสถานประกอบการ แหง่ เดยี วกนั ในวนั เดยี วกนั 13 - 19
ตารางท่ี 4 (ตอ่ ) ระบบภาษี รปู แบบมาตรการภาษี จ. อ่นื ๆ - คา่ ธรรมเนียมการเขา้ ชมอุทยานแหง่ ชาตขิ องประเทศไทย (ขน้ึ อยกู่ บั อุทยานฯ) [T] นกั ทอ่ งเทย่ี วชาวไทย เดก็ 10-50 บาท ผใู้ หญ่ 20-100 บาท นกั ทอ่ งเทย่ี วชาวตา่ งชาติ เดก็ 100-300 บาท ผใู้ หญ่ 200-500 บาท - คา่ ธรรมเนียมการใหบ้ รกิ ารพเิ ศษ เชน่ ค่าธรรมเนียมรกั ษาความสะอาดเกาะพพี ี 20 บาท/คน (จดั เก็บจากนักท่องเท่ยี ว โดย อบต. อา่ วนาง ณ ทา่ เทยี บเรอื เกาะพพี )ี [T] คา่ ผา่ นทางพเิ ศษ (ขน้ึ อยกู่ บั เสน้ ทาง) [T] หมายเหตุ: T จา่ ยโดยนกั ทอ่ งเทย่ี ว และ B จา่ ยโดยธุรกจิ 1/ ในการประกอบกจิ การโรงแรม ผปู้ ระกอบการธุรกจิ โรงแรมตอ้ งจา่ ยค่าธรรมเนียมใบอนุญาตโรงแรมตามประเภทของโรงแรม ทจ่ี ะเปิดดาํ เนนิ การ 2/ เกบ็ ตามมวลวง่ิ ขน้ึ สงู สดุ ทร่ี ะบุไวใ้ นคมู่ อื การบนิ ของอากาศยานนนั้ (มหี น่วยเป็นเมตรกิ ตนั ) ทม่ี า: รวบรวมจากประกาศของหน่วยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งทเ่ี ผยแพรท่ างเวบ็ ไซต์ รายการภาษีเฉพาะท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั กจิ กรรมการท่องเทย่ี วในประเทศไทย มที งั้ ท่เี ป็นภาษที างออ้ มทเ่ี รยี กเกบ็ จาก ผใู้ หบ้ รกิ าร (หรอื ภาคธุรกจิ ) เชน่ ภาษนี ้ํามนั เชอ้ื เพลงิ สาํ หรบั เครอ่ื งบนิ คา่ ธรรมเนียมสาํ หรบั การประกอบธุรกจิ โรงแรม ค่าธรรมเนียมผู้เขา้ พกั โรงแรม เป็นต้น และภาษีท่ีเรยี กเก็บจากนักท่องเท่ยี วโดยตรง เช่น ค่าธรรมวซี ่า ค่าบรกิ าร ผโู้ ดยสารขาออก ค่าธรรมการเขา้ ชมอุทยานฯ เป็นตน้ โดยเรยี กเกบ็ ทงั้ ในลกั ษณะภาษตี ามมลู ค่า (Ad valorem tax) เชน่ คา่ ธรรมเนียมผเู้ ขา้ พกั โรงแรมทส่ี ามารถเรยี กเกบ็ ไดไ้ มเ่ กนิ รอ้ ยละ 3 ของอตั ราคา่ เชา่ หอ้ งพกั เป็นตน้ และภาษตี ่อหน่วย (Specific tax) เช่น ค่าธรรมเนียมวซี ่าประเภทท่องเทย่ี ว (Tourist visa) ทน่ี กั ท่องเทย่ี วตอ้ งจา่ ยในอตั ราเดยี วกนั ท่ี 1,000 บาทต่อครงั้ เป็นตน้ โดยสามารถแบง่ รายการภาษอี อกเป็น 5 หมวดหมสู่ าํ คญั ดงั มรี ายละเอยี ดพอสงั เขปดงั น้ี 1) มาตรการด้านภาษีทีเ่ กีย่ วข้องกบั การเดินทางเข้าประเทศ แมว้ า่ ประเทศไทยมกี ารเกบ็ คา่ ธรรมวซี ่าประเภททอ่ งเทย่ี ว (Tourist visa) ในอตั รา 1,000 บาท/คน/ครงั้ แต่ทีผ่ ่านมามกี ารยกเว้นการตรวจลงตราให้กบั คนต่างด้าวท่ถี ือหนังสอื เดนิ ทางของ 57 ประเทศ/เขตเศรษฐกจิ ท่เี ดินทางเข้ามาในราชอาณาจกั รเป็นการชวั่ คราวเพ่อื การท่องเท่ียว (กล่าวง่ายๆ ว่าเป็นการยกเว้นการเก็บ คา่ ธรรมเนียมวซี ่า) แบ่งเป็น การยกเวน้ โดยปกตจิ าํ นวน 44 ประเทศ และภายใตค้ วามตกลงรว่ มกนั 13 ประเทศ จากขอ้ มลู ดงั กลา่ ว จงึ เปรยี บเสมอื นวา่ ปัจจุบนั ประเทศไทยมกี ารเกบ็ คา่ ธรรมวซี า่ ประเภทนกั ทอ่ งเทย่ี วเพยี งเลก็ น้อยเทา่ นนั้ 2) มาตรการด้านภาษีทีเ่ กีย่ วข้องกบั การเดินทางทางอากาศ มาตรการภาษีในส่วนน้ีมที งั้ ท่เี รยี กเก็บจากผู้ให้บรกิ าร ได้แก่ ภาษีน้ํามนั เช้อื เพลงิ และน้ํามนั หล่อล่ืน สาํ หรบั เครอ่ื งบนิ (มที งั้ เกบ็ ตามมลู คา่ และปรมิ าณ) คา่ บรกิ ารในการขน้ึ ลงของอากาศยาน คา่ บรกิ ารทเ่ี กบ็ จากอากาศยาน และค่าบรกิ ารควบคุมจราจรทางอากาศ และเรยี กเก็บจากนักท่องเท่ยี วโดยตรง ไดแ้ ก่ ค่าบรกิ ารผูโ้ ดยสารขาออก (เก็บได้เฉพาะสนามบนิ ท่ไี ด้รบั อนุญาตให้บรกิ ารแก่สาธารณะ) โดยผู้โดยสารจ่ายผ่านสายการบิน (Indirect tax) ในลกั ษณะของจาํ นวนเงนิ กอ้ นทค่ี งท่ี (Lump sum tax) ค่าบรกิ ารดงั กล่าวถูกรวมไวใ้ นตวั ๋ เคร่อื งบนิ ซ่งึ มอี ตั ราท่ี แตกต่างกนั ตามสนามบนิ และประเภทของการเดนิ ทาง โดยผูโ้ ดยสารทเ่ี ดนิ ทางต่างประเทศตอ้ งเสยี ค่าบรกิ ารดงั กล่าว ในอตั รา 400-700 บาท/ครงั้ สว่ นผโู้ ดยสารทเ่ี ดนิ ทางภายในประเทศเสยี คา่ บรกิ ารดงั กลา่ วในอตั รา 50-400 บาท/ครงั้ นอกจากค่าบริการผู้โดยสารขาออกแล้ว สนามบินยงั เรยี กเก็บค่าธรรมเนียมการจอดรถ ซ่ึงมอี ตั ราท่ี แตกต่างกนั ตามสนามบนิ ชวั่ โมงการจอด และประเภทของรถ เชน่ สนามบนิ เชยี งใหมม่ อี ตั ราการคา่ ธรรมเนียมการจอดรถท่ี สนามบนิ ตงั้ แต่ 20-250 บาท สาํ หรบั รถยนต์ 4 ลอ้ ขณะทภ่ี เู กต็ มคี า่ ธรรมเนียมดงั กลา่ วตงั้ แต่ 20-200 บาท เป็นตน้ 14 - 19
นอกจากน้ี สายการบินยงั ต้องจ่ายค่าบรกิ ารในการข้นึ ลงของอากาศยานและค่าบรกิ าร ณ สนามบิน อนุญาตตามขอ้ บงั คบั ของคณะกรรมการบนิ พลเรอื น (ราชกจิ จานุเบกษา เล่ม 132 ตอนพเิ ศษ 152 ง) ตวั อย่างเช่น ในกรณีของสนามบินท่ีอยู่ในความรบั ผิดชอบของบรษิ ัทท่าอากาศยานไทย จํากดั (มหาชน) สายการบนิ ต้องจ่าย คา่ บรกิ ารในการขน้ึ ลงของอากาศยาน และค่าบรกิ ารตามมวลวงิ่ ขน้ึ สงู สดุ ทร่ี ะบุไวใ้ นค่มู อื ของการบนิ ของอากาศยานนนั้ และหากเป็นเทย่ี วบนิ ภายในประเทศจา่ ยครง่ึ หน่ึง เป็นตน้ 3) มาตรการด้านภาษีทีเ่ กีย่ วข้องกบั ธรุ กิจโรงแรม ในการประกอบกจิ การโรงแรม ผใู้ หบ้ รกิ ารตอ้ งจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตโรงแรม (ใบอนุญาตมอี ายุหา้ ปี) ซง่ึ มอี ตั ราระหวา่ ง 10,000-50,000 บาท สาํ หรบั โรงแรมทไ่ี ม่เคยไดร้ บั ใบอนุญาต และมคี ่าธรรมเนียมก่งึ หน่ึง สาํ หรบั โรงแรมท่ีต่ออายุใบอนุญาต โดยค่าธรรมเนียมดังกล่าวจะแตกต่างกันตามประเภทของโรงแรมท่ีประกาศไว้ใน กฎกระทรวง กําหนดประเภทและหลกั เกณฑ์การประกอบธุรกจิ โรงแรม พ.ศ. 255110 นอกจากค่าธรรมเนียมดงั กล่าวแลว้ ในแต่ละปีผปู้ ระกอบการธุรกจิ โรงแรมตอ้ งจ่ายค่าธรรมเนียมประกอบธุรกจิ โรงแรมปีละ 40 บาทต่อหอ้ งพกั รวมทงั้ ภาษี โรงเรอื นและทด่ี นิ ทจ่ี ดั เกบ็ โดยองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ (อปท.) แมว้ ่าประเทศไทยมกี ารกาํ หนดใหอ้ งคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั (อบจ.) สามารถเกบ็ ค่าธรรมเนียมจากผเู้ ขา้ พกั โรงแรมไดไ้ ม่เกนิ รอ้ ยละ 3 ของอตั ราค่าหอ้ งพกั แต่จากการตรวจสอบในเบอ้ื งต้น พบว่า ในปี พ.ศ. 2560 มี อบจ. เพยี ง 1 ใน 3 เทา่ นนั้ ทจ่ี ดั เกบ็ คา่ ธรรมเนียมดงั กลา่ ว โดยมกี ารจดั เกบ็ ในอตั รารอ้ ยละ 0.5-2.0 โดยในปี พ.ศ. 2560 อบจ. มรี ายได้ จากค่าธรรมเนียมผูเ้ ขา้ พกั โรงแรม จาํ นวน 426.59 ลา้ นบาท เพมิ่ ขน้ึ จาก 372.45 ลา้ นบาท ในปี พ.ศ. 2559 (หรอื เพมิ่ ขน้ึ ประมาณรอ้ ยละ 14.54) และ อบจ. ทส่ี ามารถจดั เกบ็ ค่าธรรมเนียมดงั กล่าวไดส้ งู สุด 5 อนั ดบั แรก เป็นจงั หวดั ทเ่ี ป็นแหลง่ ทอ่ งเทย่ี วสาํ คญั ของไทย เชน่ ภเู กต็ สรุ าษฏรธ์ านี (เกาะสมยุ ) เชยี งใหม่ ชลบุรี (พทั ยา) เป็นตน้ 4) ค่าธรรมเนียมการเข้าชมอทุ ยานแห่งชาติของประเทศไทย การเข้าชมอุทยานแห่งชาติของประเทศไทย นักท่องเท่ียวต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการเข้าชม (หรือ เขา้ พน้ื ทร่ี บั ผดิ ชอบของอุทยานแหง่ ชาต)ิ โดยอุทยานแห่งชาตแิ ต่ละแหง่ มอี ตั ราคา่ บรกิ ารเขา้ อุทยานฯ แตกต่างกนั และ เรยี กเกบ็ จากนักท่องเทย่ี วชาวไทยและชาวต่างชาตใิ นอตั ราท่แี ตกต่างกนั นอกจากน้ี อุทยานฯ ยงั เรยี กเกบ็ ค่าบรกิ าร เขา้ อุทยานฯ จากเดก็ ทม่ี อี ายตุ งั้ แต่ 14 ปี ลงมา ต่าํ กวา่ ผใู้ หญ่ สว่ นเดก็ ทม่ี อี ายตุ ่าํ กวา่ 3 ปี จกั ไมเ่ รยี กเกบ็ คา่ ธรรมเนียม ดงั กลา่ ว สาํ หรบั นกั เรยี น นิสติ นกั ศกึ ษา อุทยานฯ เรยี กเกบ็ คา่ ธรรมเนียมในอตั ราสาํ หรบั เดก็ 5) มาตรการด้านภาษีทีก่ ระต้นุ การท่องเทีย่ ว ทผ่ี ่านมา เพอ่ื กระตุน้ เศรษฐกจิ ของประเทศ รฐั บาลมกี ารใชม้ าตรการทางดา้ นภาษที ส่ี าํ คญั ในการกระตุน้ การท่องเทย่ี วของประเทศ ไดแ้ ก่ มาตรการยกเวน้ ค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา (หรอื ยกเวน้ ค่าธรรมเนียมวซี ่า) เพอ่ื ดงึ ดดู นักท่องเทย่ี วชาวต่างชาติ และมาตรการลดหย่อนภาษีจากการท่องเทย่ี วเพ่อื กระตุน้ การท่องเทย่ี วภายในประเทศ (ไทยเท่ยี วไทย) จากขา้ งต้นจะเหน็ ไดว้ ่า นโยบายด้านภาษีท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั การท่องเท่ยี วของไทยโดยส่วนใหญ่เป็นนโยบาย ในระดบั ชาติ ซ่งึ จากการทบทวนโครงสรา้ งรายไดข้ ององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ (อปท.) พบว่า มภี าษีบางรายการ ทอ่ี าจเกย่ี วขอ้ งกบั กจิ กรรมการท่องเทย่ี ว ซง่ึ มที งั้ ท่ี อปท. จดั เกบ็ เอง เช่น ภาษโี รงเรอื นและทด่ี นิ ค่าธรรมเนียมผเู้ ขา้ พกั โรงแรม เป็นตน้ ภาษที ่รี ฐั บาลจดั เกบ็ ให้ เช่น ภาษมี ลู ค่าเพมิ่ ภาษสี ุราและสรรพสามติ เป็นตน้ และภาษีทร่ี ฐั บาลแบ่งให้ เช่น ภาษมี ลู ค่าเพมิ่ ตาม พ.ร.บ. กําหนดแผนฯ เป็นตน้ รวมทงั้ ค่าบรกิ ารเขา้ อุทยานแห่งชาติ ซ่งึ กรมอุทยานฯ แบ่งให้ 10 ตามกฎกระทรวง กาํ หนดประเภทและหลกั เกณฑก์ ารประกอบธุรกจิ โรงแรม พ.ศ. 2551 ไดแ้ บง่ โรงแรมไว้ 4 ประเภท ไดแ้ ก่ 1) โรงแรม ประเภทท่ี 1 คอื โรงแรมทใ่ี หบ้ รกิ ารเฉพาะหอ้ งพกั ประเภทท่ี 2 คอื โรงแรมทใ่ี หบ้ รกิ ารหอ้ งพกั และหอ้ งอาหาร ประเภทท่ี 3 คอื โรงแรมท่ี ให้บรกิ ารห้องพกั ห้องอาหาร สถานบรกิ ารหรอื ห้องประชุมสมั มนา และโรงแรมประเภทท่ี 4 โรงแรมท่ใี ห้บรกิ ารห้องพกั ห้องอาหาร สถานบรกิ าร และหอ้ งประชุมสมั มนา 15 - 19
ในอตั รารอ้ ยละ 5 ของเงนิ ท่เี ก็บได้ แบ่งใหเ้ ฉพาะองคก์ ารบรหิ ารส่วนตําบล (อบต.) เท่านัน้ ซ่งึ ในปี พ.ศ. 2559 มพี ้นื ท่ี อุทยานแหง่ ชาตติ งั้ อย่ใู นเขตขององคก์ ารบรกิ ารสว่ นตาํ บลจาํ นวน 679 แหง่ นอกจากน้ี ในปี พ.ศ. 2559 คณะกรรมการ กระจายอํานาจใหแ้ ก่องคป์ กครองส่วนทอ้ งถน่ิ มมี ตเิ สนอให้ กรมอุทยานฯ แบ่งรายไดใ้ ห้ อบต. เพม่ิ เป็นรอ้ ยละ 40 ของ เงนิ ทเ่ี กบ็ ได้ (สรปุ มตกิ ารประชมุ คณะกรรมการกระจายอาํ นาจใหแ้ กอ่ งคป์ กครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ครงั้ ท่ี 6/2559) 6. สรปุ และข้อเสนอแนะ บทความน้ีมวี ตั ถุประสงค์เพ่อื ทบทวนและสงั เคราะห์ความรเู้ ก่ยี วกบั ภาษกี ารท่องเทย่ี วทงั้ ในระดบั นานาชาติ และในระดบั ประเทศ ซ่งึ สามารถสรุประบบภาษี ลกั ษณะการจดั เกบ็ และผู้ท่ถี ูกเรยี กเก็บภาษีทเ่ี ป็นรายการภาษีท่ี เก่ยี วขอ้ งกบั กจิ กรรมการท่องเทย่ี วไดด้ งั แสดงในรปู ท่ี 1 โดยสามารถแบ่งรายการภาษที เ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั กจิ กรรมการท่องเทย่ี ว ไดเ้ ป็น 6 กลุ่มหลกั ได้แก่ 1) กลุ่มท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั การเดินทางเขา้ -ออกประเทศ 2) กลุ่มท่เี ก่ียวขอ้ งกบั การเดนิ ทาง ทางอากาศ 3) กลุ่มทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ธุรกจิ โรงแรมและสถานทพ่ี กั แรม 4) กลุ่มทเ่ี ป็นมาตรการลดหยอ่ นอตั ราภาษกี ารบรโิ ภค 5) กลุ่มท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั การดูแลสงิ่ แวดลอ้ ม และ 6) กลุ่มทเ่ี ก่ยี วกบั สทิ ธปิ ระโยชน์ทางภาษี โดยวตั ถุประสงคห์ ลกั ของ มาตรการภาษี คอื 1) เพมิ่ รายได้ให้กบั ภาครฐั 2) เรยี กคืนต้นทุนการให้บรกิ ารสาธารณะท่เี พมิ่ ข้นึ อนั เน่ืองมาจาก การขยายตวั ของการท่องเทย่ี ว และ 3) ทาํ ใหต้ น้ ทุนภายนอกทเ่ี กดิ ขน้ึ จากการทอ่ งเทย่ี วกลบั มาเป็นตน้ ทุนภายในและรวมไว้ ในราคาท่นี ักท่องเทย่ี วจ่าย (ชดเชย เยยี วยาปัญหาท่เี กดิ จากการท่องเท่ยี ว เช่น ปัญหาสงิ่ แวดลอ้ ม ความเส่อื มโทรม ของทรพั ยากรธรรมชาติ เป็นตน้ ) นอกจากวตั ถุประสงคท์ งั้ สามประการแลว้ ยงั มกี ารใชม้ าตรการลดหยอ่ นภาษใี นการ กระตุน้ การใชจ้ ่ายของนกั ทอ่ งเทย่ี ว เชน่ การคนื ภาษมี ลู ค่าเพมิ่ ใหก้ บั นกั ท่องเทย่ี ว เป็นตน้ การสนบั สนุนการท่องเทย่ี ว ภายในประเทศ เช่น การนําค่าใชจ้ ่ายการท่องเท่ยี วมาลดหย่อนภาษีรายได้ เป็นต้น และการสง่ เสรมิ การลงทุนใน อุตสาหกรรมทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การทอ่ งเทย่ี ว เชน่ การลดหยอ่ นภาษรี ายไดน้ ิตบิ ุคคล การยกเวน้ อากรขาเขา้ เป็นตน้ ระบบภาษี ภาษีการท่องเที่ยว ลกั ษณะการจดั เกบ็ (Tourism taxation) 1) ภาษตี ามมลู คา่ 1) ระบบภาษที วั ่ ไป 2) ภาษตี อ่ หน่วย 2) ระบบภาษเี ฉพาะ เรยี กเกบ็ จาก เรยี กเกบ็ จาก ธรุ กจิ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ทอ่ งเทย่ี ว นกั ทอ่ งเทย่ี ว ธุรกจิ สายการบนิ และสนามบนิ ภาษบี รโิ ภคทวั่ ไป ธุรกจิ โรงแรมและสถานทพ่ี กั แรม ภาษเี ฉพาะการทอ่ งเทย่ี ว ธรุ กจิ รา้ นขายอาหารและเครอ่ื งดม่ื ธรุ กจิ การขนสง่ ทางบก (รวมรถเชา่ ) ผใู้ หบ้ รกิ ารดา้ นการทอ่ งเทย่ี ว รปู ที่ 1 ระบบภาษี ลกั ษณะการจดั เกบ็ และผทู้ ถ่ี กู เรยี กเกบ็ ภาษกี ารทอ่ งเทย่ี ว การศกึ ษาผลของการเกบ็ ภาษกี ารทอ่ งเทย่ี วทผ่ี า่ นมา มลี กั ษณะการศกึ ษา 2 รปู แบบ (ตารางท่ี 5) คอื 1) การศกึ ษาผลกระทบของการเกบ็ ภาษใี นระดบั มหภาค เช่น ผลต่อผลติ ภณั ฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ภาคเศรษฐกจิ ต่างๆ สวสั ดกิ ารภายในประเทศ การกระจายรายได้ ฯลฯ เป็นตน้ โดยประยุกต์ใชก้ รอบดุลยภาพทวั่ ไป (General equilibrium) ในการศกึ ษา การศกึ ษาเกอื บทงั้ หมดทงั้ ในต่างประเทศและในประเทศไทยประยุกต์ใช้ 16 - 19
แบบจําลองดุลยภาพโดยทวั่ ไป (CGE) ในการศกึ ษา และส่วนใหญ่ให้ผลลพั ธ์ท่สี อดคลอ้ งเป็นไปในทศิ ทางเดยี วกนั ว่า ภาษกี ารท่องเทย่ี ว (โดยเฉพาะรายการภาษเี ฉพาะสาํ หรบั กจิ กรรมทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การท่องเทย่ี ว) มปี ระสทิ ธภิ าพมากกวา่ ภาษอี ่นื ๆ ช่วยเพมิ่ สวสั ดกิ ารภายในประเทศ ช่วยใหม้ กี ารกระจายรายไดด้ กี วา่ การเกบ็ ภาษอี ่นื ๆ และการเกบ็ ภาษี ในสาขาการผลิตท่มี คี วามเขม้ ข้นของการท่องเท่ยี วสูงจะช่วยสรา้ งรายได้สูงกว่าการเก็บแบบครอบคลุมทุกสาขาท่ี เกย่ี วขอ้ งกบั การทอ่ งเทย่ี ว 2) การศกึ ษาในประเดน็ เร่อื งของภาระภาษี (Tax burden) การกระจายภาระภาษี (Tax incidence) และ การสง่ ออกภาระภาษี (Tax exportability) สว่ นใหญ่ศกึ ษาในธุรกจิ โรงแรมและสถานทพ่ี กั แรม โดยประยุกตใ์ ชก้ รอบ ดุลยภาพบางสว่ น (Partial equilibrium) ในการศกึ ษา (จากการสบื คน้ ในวารสารวชิ าการและรายงานวจิ ยั ยงั ไมพ่ บวา่ มกี ารศกึ ษาในลกั ษณะน้ีในประเทศไทย) ผลการศกึ ษาสว่ นใหญ่ พบวา่ ความยดื หยุ่นของอุปสงคต์ ่อราคามผี ลต่อภาระภาษี และการกระจายของภาระภาษี กล่าวคอื หากอุปสงค์มคี วามยดื หยุ่นน้อย (Inelastic) การเก็บภาษีจะมผี ลกระทบน้อยต่อ รายไดข้ องธุรกจิ และอุปสงคก์ ารท่องเทย่ี ว เช่น จาํ นวนวนั พกั เป็นตน้ ในทางตรงขา้ มหากอุปสงคท์ ม่ี คี วามยดื หยุน่ ต่อราคา (Elastic) การเก็บภาษีจะมผี ลกระทบอย่างมนี ัยสําคญั ต่อสถานะทางการเงนิ ของธุรกิจ (รายได้ลดลง) และการลดลงของ จํานวนนักท่องเท่ยี ว (รวมทงั้ จํานวนวนั พกั ) สําหรบั การส่งออกภาระภาษีขน้ึ อยู่กบั ความยดื หยุ่นของอุปสงค์ของ นกั ท่องเทย่ี วชาวต่างชาติ และอาจมกี ารสง่ ออกภาระภาษที แ่ี ตกต่างกนั ระหว่างสว่ นประกอบของสนิ คา้ และบรกิ ารของ การทอ่ งเทย่ี ว ตารางท่ี 5 สาระสาํ คญั ของผลการศกึ ษาเกย่ี วกบั ผลของการเกบ็ ภาษกี ารท่องเทย่ี วในอดตี ลกั ษณะของการศึกษา กรอบการศึกษา ตวั อย่างงานศึกษา ผลการศึกษา ผลกระทบของการเก็บ ดุลยภาพทวั่ ไป - Blake (2000) ภาษีการท่องเท่ียว โดยเฉพาะรายการภาษีเฉพาะ ภาษีในระดับมหภาค (General equilibrium) - Jensen and Wanhill (2002) สําหรับกิจกรรมท่ีเก่ียวข้องกับการท่องเท่ียว เชน่ เศรษฐกจิ ในภาพรวม - Gooroochurn and Sinclair มีประสิทธิภาพมากกว่าภาษีอ่ืนๆ ช่วยเพ่ิม สาขาเศรษฐกิจต่ างๆ (2005) สวสั ดิการภายในประเทศ ช่วยกระจายรายได้ สวัสดิการ การกระจาย - Gago, Labandeira, Picos ดีกว่าการเก็บภาษีในสาขาการผลิตอ่ืนๆ และ รายได้ ฯลฯ and Podriquez (2009) การเกบ็ ภาษใี นสาขาการผลติ ทม่ี คี วามเขม้ ขน้ ของ - อนนั ต์ วฒั นกลู จรสั (2555) การท่องเทย่ี วสงู จะช่วยสรา้ งรายไดส้ งู กว่าการเก็บ - Mahadevan, Amir and แบบครอบคลุมทุกสาขาทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การทอ่ งเทย่ี ว Nugroho (2017) ภาระภาษี (Tax burden) ดลุ ยภาพบางสว่ น - Mak and Nishimura (1979) - ความยดื หยนุ่ ของอุปสงคต์ ่อราคามผี ลต่อภาระภาษี การกระจายภาระภาษี (Partial equilibrium) - Fish (1982) และการกระจายของภาระภาษี กล่าวคือ หาก (Tax incidence) และ - Fujii, Kahaled and Mak (1985) อุปสงค์มีความยืดหยุ่นน้อย การเก็บภาษีจะมี การสง่ ออกภาระภาษี (Tax exportability) - Hiemstra and Ismail (1992) ผลกระทบน้อยต่อรายได้ของธุรกจิ และอุปสงค์ - Bonham and Gangnes (1996) การทอ่ งเทย่ี ว เชน่ จาํ นวนวนั พกั เป็นตน้ ในทาง ต ร ง ข้ า ม อุ ป ส ง ค์ ท่ี มี ค ว า ม ยื ด ห ยุ่ น ต่ อ ร า ค า - Im and Sakai (1996) - Durbary and Sinclair (2001) การเก็บภาษีจะมผี ลกระทบอย่างมนี ัยสําคญั ต่อ สถานะทางการเงนิ ของธุรกจิ และการลดลงของ - Aguiló , Rieri and จาํ นวนนกั ทอ่ งเทย่ี ว Rosselló, (2005) - การสง่ ออกภาระภาษขี น้ึ อยกู่ บั ความยดื หยุ่นของ อุปสงค์ และอาจมีการส่งออกภาระภาษีท่ี แตกต่างกนั ระหว่างส่วนประกอบของสนิ คา้ และบรกิ ารของการท่องเทย่ี ว ทม่ี า: สงั เคราะหโ์ ดยผเู้ ขยี น 17 - 19
จากการสาํ รวจเบอ้ื งตน้ พบว่า ไทยมรี ายการภาษที เ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั กจิ กรรมการท่องเทย่ี วทงั้ ทเ่ี ป็นภาษที วั ่ ไป และภาษีเฉพาะสําหรบั การท่องเท่ียว นอกจากน้ียังมีการใช้มาตรการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในการกระตุ้น การทอ่ งเทย่ี วและการลงทุนในอุตสาหกรรมทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การทอ่ งเทย่ี ว อยา่ งไรกต็ าม รปู แบบมาตรการภาษที เ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การท่องเท่ยี วของไทยมอี ย่างจํากดั ส่วนใหญ่เป็นนโยบายและมกี ารจดั เก็บในระดบั ชาตแิ ละยงั ไม่มกี ารศกึ ษาในเชงิ ประจกั ษถ์ งึ ผลกระทบของการใชร้ ายไดจ้ ากภาษี ทผ่ี า่ นมามกี ารศกึ ษาจาํ นวนน้อยมากถงึ ผลกระทบของการจดั เกบ็ ภาษี การท่องเทย่ี วในระดบั ประเทศ และยงั ไม่พบงานศกึ ษาเก่ยี วกบั ภาษกี ารท่องเทย่ี วในระดบั ทอ้ งถน่ิ ซ่งึ ในปัจจุบนั และ อนาคตอนั ใกลน้ ้ี องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ (อปท.) ทม่ี แี หลง่ ท่องเทย่ี วทม่ี ชี ่อื เสยี งทงั้ ในระดบั ประเทศและนานาชาติ ตอ้ งมภี าระทางการคลงั เพมิ่ ขน้ึ อนั เน่ืองมาจากการแบกรบั ภาระตน้ ทนุ ทเ่ี พมิ่ ขน้ึ จากการใหบ้ รกิ ารสาธารณะ เช่น การดแู ล ซ่อมบํารุงถนน การดูแลความปลอดภัย การจัดบริการสาธารณูปโภคต่างๆ เป็นต้น และต้นทุนภายนอกท่ีเกิดจาก การท่องเท่ยี ว เช่น ปัญหาสง่ิ แวดลอ้ ม อุบตั เิ หตุ ความแออดั เป็นต้น ดงั นัน้ การศกึ ษาวจิ ยั เพ่อื คน้ หาแนวทางการเกบ็ คา่ ธรรมเนียมการใชบ้ รกิ าร (User charge) และ/คา่ ธรรมเนียมพเิ ศษทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การทอ่ งเทย่ี ว สาํ หรบั รองรบั การขยายตวั ของการทอ่ งเทย่ี วในทอ้ งถนิ่ จงึ เป็นสงิ่ ทจ่ี าํ เป็นเรง่ ดว่ นทต่ี อ้ งมกี ารดาํ เนินการวจิ ยั ในประเดน็ ดงั กลา่ ว 7. เอกสารอ้างอิง กรมการท่องเทย่ี ว. 2559 สรุปสถานการณ์การท่องเทย่ี วของไทยทส่ี าํ คญั ไตรมาสท่ี 4 ปี 2559. รายงานภาวะเศรษฐกิจ ท่องเท่ียว. 6(ตุลาคม – ธนั วาคม 2559), 10-25. มง่ิ สรรพ์ ขาวสอาด และอคั รพงศ์ อนั้ ทอง. 2557. ปริทศั น์สถานภาพความร้เู ศรษฐกิจท่องเท่ียวของประเทศไทย. กรงุ เทพฯ: สาํ นกั งานคณะกรรมวจิ ยั แหง่ ชาต.ิ อนนั ต์ วฒั นกุลจรสั . 2555. เศรษฐกิจการท่องเที่ยวมหภาค. เชยี งใหม:่ ล๊อคอนิ ดไี ซน์เวริ ค์ . Aguiló, E., Riera, A. and Rosselló. 2005. The short-term price effect of a tourist tax through a dynamic demand model: The case of the Balearic Islands. Tourism Management, 26(3), 359-365. Blake, A. 2000. The Economic Effects of Taxing Tourism in Spain. Discussion Paper Series 2000/2. Christel DeHaan Tourism and Travel Research Institute, University of Nottingham. Bonham, C. and Gangnes, B. 1996. Intervention analysis with cointegrated time series: The case of the Hawaii hotel room tax. Applied Economics, 28(10), 1281-1293. Bradford, D.F. 2004. The X tax in the world economy. National Bureau of Economic Research (NBER) working paper 10676. http://www.nber.org/papers/w10676 Clarke, H. and Ng, Y. 1993. Tourism, economic welfare and efficient pricing. Annals of Tourism Research, 20(4), 613-632. Copeland, B. 1991. Tourism, welfare and de-industrialization in a small open economy. Economica, 58(232), 515-529. Durbarry, R. and Sinclair, T. 2001. Tourism Taxation in the UK. Discussion Paper Series 2000/1, Christel DeHaan Tourism and Travel Research Institute, University of Nottingham. Dwyer, L. and Forsyth, P. 1993. Assessing the benefits and costs of inbound tourism. Annals of Tourism Research, 20(4), 751-768. Dwyer, L., Forsyth, P. and Dwyer, W. 2010. Tourism Economics and Policy. Bristol: Chanel View. Fish, M. 1982. Taxing international tourism in West Africa. Annals of Tourism Research, 9(1), 91-103. Fujii E., Khaled M. and Mak, J. 1985. The exportability of hotel occupancy and other tourist taxes. National Tax Journal, 38(2), 169-177. 18 - 19
Gago, A. Labandeira, X., Picos, F. and Rodriguez, M. 2006. Taxing Tourism in Spain: Results and Recommendations, Department of Applied Economics, University of Vigo, Spain. Gago, A. Labandeira, X., Picos, F. and Rodriguez, M. 2009. Specific and general taxation of tourism activities. Evidence from Spain. Tourism Management, 30(3), 381-392. Gooroochurn, N. 2003. Optimal Tourism Taxation. Mimeo: Nottingham University Business School. Gooroochurn, N. 2009. Optimal commodity taxation in the presence of tourists. International Economic Journal, 23(2), 197-209. Gooroochurn, N. and Sinclair, M. 2003. The Welfare Effects of Tourism Taxation. Discussion Paper Series 2003/2, Christel DeHaan Tourism and Travel Research Institute, University of Nottingham. Gooroochurn, N. and Sinclair, M.T. 2005. Economics of tourism taxation: Evidence from Mauritius. Annals of Tourism Research, 32(2), 478-498. Hazari, B., and Ng, A. 1993. An analysis of tourists’ consumption of non-traded goods and services on the welfare of the domestic consumers. International Review of Economics and Finance, 2(1), 43-58. Hiemstra, S. and Ismail, J. 1992. Analysis of room taxes levied on the lodging industry. Journal of Travel Research, 31(1), 42-49. Im, E. and Sakai, M. 1996. A note on the effect of changes in ad valorem tax rates on net revenue of firms: An application to the hotel room tax. Public Finance Quarterly, 24(3), 397-402. Jensen, T.C. and Wanhill, S. 2002. Tourism's taxing times: Value added tax in Europe and Denmark. Tourism Management, 23(1), 67-79. Mahadevan, R., Amir, H. and Nugroho, A. 2017. How Pro-Poor and income equitable are tourism taxation policies in developing country? Evidence from a computable general equilibrium model. Journal of Travel Research, 56(3), 334-346. Mak, J. 2004. Tourism and the Economy, Understanding the Economics of Tourism. Honolulu: University of Hawaii Press. Mak, J. and Nishimura, E. 1979. The economics of a hotel room tax. Journal of Travel Research, 17(4), 2-6. OECD. 2014. OECD Tourism Trends and Policies 2014. OECD Publishing. Palmer, T. and Riera, A. 2003. Tourism and environmental taxes. With special reference to the \"Balearic ecotax”. Tourism Management, 24(6), 665-674. Papatheodorou, A. 2001 Why People Travel to Different Places. Annals of Tourism Research, 28(1), 164-179. UNEP. 2011. Towards a Green Economy: Pathways to Sustainable Development and Poverty Eradication. www.unep.org/greeneconomy Wattanakuljarus, A. 2007. A basic analytical model for an open tourism economy: An application of international trade theory. NIDA Economic Review, 2(1), June 2007. WTO. 1998. Tourism Taxation: Striking a Fair Deal. Madrid: World Tourism Organization. 19 - 19
Search
Read the Text Version
- 1 - 19
Pages: