Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารมงคลสูตรคำฉันท์

เอกสารมงคลสูตรคำฉันท์

Published by aeabkai, 2022-04-12 13:22:51

Description: เอกสารมงคลสูตรคำฉันท์

Search

Read the Text Version

สือ่ ประกอบการเรยี นการสอน เรือ่ ง มงคลสตู รคาฉันท์ รายวิชา ภาษาไทยพื้นฐาน ๒ รหัสวิชา ท๓๑๑๐๒ ผ ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๔ ครทู ัศวรรณ วงคบ์ ญุ มา ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ชานาญการ โรงเรียนพานพทิ ยาคม สานักงานเขตพ้นื ทมี่ ธั ยมศกึ ษาเชียงราย

คานา หนังสือ E-book เล่มนี้ จัดทาขน้ึ เพ่ือเปน้ ส่ือประกอบการเรยี นการสอน ในรายวชิ า ภาษาไทยพน้ื ฐาน 2 รหสั วชิ า ท๓๑๑๐๒ ขา้ พเจา้ ได้รวบรวมข้อมลู เก่ียวกับ เรื่อง มงคลสตู รคาฉนั ท์ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี ๔ โดยมเี นื้อหาตอ่ ไปนี้ ผพู้ ระราชนิพนธ์ ลกั ษณะคาประพันธ์ ความเป็นมา กลวธิ ีการประพนั ธ์ เนอ้ื เรื่อง ยอ่ เนื้อหามงคล ๓๘ ประการ คณุ คา่ ด้านตา่ ง ๆ เพอ่ื ใหผ้ ้เู รียนไดร้ ับความรู้ ความเขา้ ใจเนื้อหามากยิ่งขึน้ ข้าพเจ้าหวังเป้นอย่างยง่ิ วา่ หนังสอื E-book เลม่ นี้ จะเป็นประโยชน์ แกผ่ ู้เรียนตอ่ ไป ทศั วรรณ วงคบ์ ญุ มา

สารบญั หนา้ ๑ เรอื่ ง ๒ ผูพ้ ระราชนพิ นธ์ ๓ ลักษณะคาประพันธ์ ๓ จุดประสงค์ในการแตง่ ๔ กลวธิ ีการประพันธ์ ๕ ความเปน็ มา ๖ เนอ้ื เรือ่ งย่อ ๑๒ เนื้อหามงคล ๓๘ ประการ ๑๓ คุณค่าด้านเนื้อหา ๑๔ คณุ ค่าด้านวรรณศลิ ป์ คุณคา่ ด้านสงั คม

ผู้พระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจ้าอยหู่ ัว พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาวชิราวธุ ฯ พระมงกฎุ เกลา้ เจ้าอยู่หัว เป็นพระมหากษตั ริย์รชั กาลท่ี ๖ แห่งพระบรมราชจักรวี งศ์ เสดจ็ พระราชสมภพ เม่อื วันเสาร์ เดอื นยี่ ข้ึน ๒ ค่า ปมี ะโรง ตรงกับวนั ท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๒๓ เปน็ พระราชโอรสพระองค์ที่ ๒๙ ในพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั เสวยราชสมบัตเิ มือ่ วันเสารท์ ี่ ๒๓ ตุลาคม ปจี อ พุทธศกั ราช ๒๔๕๓ และเสดจ็ สวรรคตเมอื่ วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๘ รวมพระชนมพรรษา ๔๕ พรรษา เสด็จดา่ รงราชสมบตั ริ วม ๑๕ ปี พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยู่หวั ทรงพระราชอัจฉริยภาพและทรง บ่าเพญ็ พระราชกรณยี กจิ ในหลายสาขา ท้งั ดา้ นการเมืองการปกครอง การทหาร การศกึ ษา การสาธารณสุข การต่างประเทศ และทส่ี ่าคัญท่สี ุดคอื ด้านวรรณกรรมและ อักษรศาสตร์ ได้ทรงพระราชนิพนธ์บทรอ้ ยแก้วและร้อยกรองไว้นับพันเรื่อง กระทงั่ ทรงได้รับการถวายพระราชสมญั ญาเมื่อเสด็จสวรรคตแลว้ วา่ \"สมเด็จพระมหาธรี าช เจ้า\" ใน พ.ศ. ๒๕๒๔ องค์การการศึกษาวิทยาศาสตรแ์ ละวัฒนธรรมแหง่ สหประชาชาติ (UNESCO) ได้ยกย่องพระเกยี รตคิ ุณของพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยู่หวั ว่าทรงเป็นบคุ คลส่าคัญของโลก ผ้มู ผี ลงานดีเดน่ ด้านวัฒนธรรม ในฐานะท่ีทรงเปน็ นกั ปราชญ์ นักประพันธ์ กวี และนักแต่งบทละครไวเ้ ป็นจา่ นว

ลกั ษณะคาประพนั ธ์ ❖ กาพย์ฉบัง ๑๖ ❖ อนิ ทรวเิ ชยี รฉันท์ ๑๑ ❖ แทรกคาถาบาลี

จุดประสงค์ในการแต่ง เพื่อใหต้ ระหนักว่าสิรมิ งคลจะเกดิ แกผ่ ใู้ ดก็เพยี งผลมา จากการปฏิบตั ิของตนทั้งส้นิ ไมม่ ีผู้ใดหรือสง่ิ ใดจะทาให้เกดิ สริ มิ งคล แกเ่ ราได้ นอกจากตัวเราเอง กลวธิ ีในการแต่ง นามงคลสูตรมาแต่งเป็นบทรอ้ ยกรองประเภทคาฉนั ท์ โดยใช้คา ประพันธ์ ๒ ชนดิ คือ กาพย์ฉบัง ๑๖ และอนิ ทรวิเชียรฉนั ท์ ๑๑ ทรงนา คาถาภาษาบาลจี ากพระไตรปฎิ กตง้ั แล้วแปลถอดความเปน็ รอ้ ยกรอง ภาษาไทย

ความเปน็ มา บทพระราชนพิ นธ์ในพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจ้าอยู่หัว มีเนอื้ หาวา่ ด้วย มงคล ๓๘ อนั เป็นพระสูตร หนึ่งในพระไตรปฎิ ก พระสุตตันปฏิ กขุททก นกิ าย หมวดขุททกปาฐะ คาวา่ มงคล หมายถงึ เหตแุ ห่งความเจรญิ กา้ วหน้า และ สตู ร หมายถงึ คาสอนในพระพุทธศาสนา มงคลสูตร จึงหมายความวา่ พระธรรมหรือคาสอน ในพระพทุ ธศาสนาที่จะนามาซงึ่ ความสขุ และความ เจรญิ ก้าวหนา้ เม่ือ พ.ศ. ๒๔๖๖ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยู่หัวทรงนามงคล สตู รมาทรงพระราชนพิ นธเ์ ป็นบท ประพนั ธร์ อ้ ยกรองประเภทคาฉนั ท์ โดยทรงใช้ คาประพันธ์เพียง ๒ ชนดิ คอื กาพยฉ์ บงั ๑๖ และอินทรวเิ ชยี รฉนั ท์ ๑๑ ในดา้ น กลวธิ กี ารประพันธ์ พระองค์ได้ทรงนาพระคาถาภาษาบาลจี ากพระไตรปฎิ กตง้ั แล้วแปลถอดความอย่างคอ่ นขา้ งจะตรงตัวออกมาเป็นบทรอ้ ยกรองภาษาไทย การจัดวางลาดบั ของมงคลแตล่ ะขอ้ ก็เป็นไปตามทีป่ รากฏอยู่ในพระคาถาเดมิ ดังตัวอย่าง เชน่ ในพระคาถาที่ ๒ ประกอบด้วยมงคลประการท่ี ๔-๖ กลา่ วถึง การอยใู่ นสถานทอ่ี นั สมควร การทาบุญไว้ในกาลกอ่ น และการตัง้ ตนไว้ชอบ พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าเจา้ อยหู่ วั ทรงถอดความมงคลทั้ง ๓ ประการ อยา่ งตรงตวั และเรียงตามลาดับในพระคาถา

เนอื้ เร่ืองย่อ เร่ิมต้นกล่าวถึงมนษุ ยแ์ ละเทวดาได้พยายามค้นหาคาตอบวา่ อะไรคือมงคล เปน็ เวลานานถงึ ๑๒ ปี พระอานนท์ได้เลา่ ให้ฟัง ว่าเมือ่ ครั้งสมเดจ็ พระสัมมาสมั พทุ ธเจ้าประทบั ณ เชตะวนั มหา- วหิ ารซึ่งอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐีได้สร้างถวายไว้ ณ เมืองสาวัตถี มีเทวดาองคห์ น่ึงไดเ้ ขา้ เฝ้าพระพุทธเจ้าในเวลาปฐมยามแล้วได้ ทลู ถามเรื่อง มงคล พระพทุ ธองคจ์ งึ ตรสั ตอบถึงส่งิ ทไ่ี มเ่ ปน็ มงคล ๓๘ ประการ หลังจากรบั ฟังเทศนาจบ เหล่าเทวดาก็ บรรลธุ รรมมงคลทัง้ ๓๘ ประการ พระพุทธเจา้ ทรงแสดงเปน็ คาถาบาลเี พียง ๑๐ คาถา แต่ละคาถาประกอบด้วย ๓-๕ ขอ้ และมีคาถมสรปุ ตอนทา้ ย ๑ บท ช้ใี ห้เหน็ เหล่าเทวดาและมนษุ ย์ ทัง้ หลาย ถ้าปฏบิ ตั ติ ามมงคลอนั สูงสุด ๓๘ ประการนไี้ ด้ จะไม่ พ่ายแพแ้ กข่ ้าศกึ ศตั รแู ละจะมแี ตค่ วามเจริญรงุ่ เรอื งสบื ไป

เนอื้ หา ๑. อเสวนา จ พาลาน ปณฺ ฑติ านญฺจ เสวนา ปชู า จ ปูชนียาน เอตมฺมงคฺ ลมตุ ตฺ ม เพราะจะพาประพฤติผดิ หน่งึ คือบ่คบพาล เพราะจะพาประสพผล หนง่ึ คบกะบัณฑิต อภิปชู นยี ช์ น หน่งึ กราบและบูชา อดิเรกอดุ มดี ข้อนี้แหละมงคล คาถาบทที่ ๑ ไม่ควรคบคนชั่วเพราะจะพาใหเ้ ราประพฤตชิ ว่ั ไปด้วย ควรคบคนดมี คี วามรู้เพราะจะนาเราไปสูค่ วามสาเรจ็ และควรบูชาคนดี ๒. ปฏริ ูปเทสวาโส จ ปพุ เฺ พ จกตปุญญฺ ตา อตฺตสมมฺ าปณิธิจ เอตมฺมงฺคลมตุ ตฺ ม เหมาะและควรจะสขุ ี ความอยปู่ ระเทศึซ่ง ณ อดตี ะมาดล อกี บุญญะการที่ ณ สภาวะแห่งตน อกี หม่ันประพฤตชิ อบ อดิเรกอดุ มดี ขอ้ นแ้ี หละมงคล คาถาบทท่ี ๒ ควรปฏิบัติตนและอยใู่ นทีท่ เี่ หมาะท่คี วรแหง่ ตน ทาบญุ ไวแ้ ต่ ปางกอ่ น

เน้ือหา (๒) ๓. พาหสุ จจญฺจ สิปฺปญจฺ วินโย จ สสุ กิ ฺขิโต สุภาสิตา จ ยาวาจา เอตมฺมงคฺ ลมุตฺตม และกาหนดสุวาที ความไดส้ ดับมาก จะประกอบมนญุ การ อกี ศิลปะศาสตรม์ ี นรเรียนและเชีย่ วชาญ อกี หน่ึงวนิ ัยอัน ฤตแิ หง่ ประชาชน อีกคาเพราะบรรสาน จะประสิทธมิ์ นุญผล ท้งั ส่ปี ระการลว้ น อดเิ รกอดุ มดี ขอ้ นแี้ หละมงคล คาถาบทท่ี ๓ รจู้ ักฟงั ร้จู ักพดู มวี นิ ยั ใฝศ่ กึ ษาหาความรู้ ๔. มาตาปิ ตอุ ุปฏฐาน ปตุ ตฺ ทารสฺส สงคฺ โห อนากลุ า จกมฺมนตฺ า เอตมฺมงคลมุตฺตม ตุระดว้ ยหทัยปรีย์ บารงุ บิดามา- ก็ถนอมประหน่ึงตน หากลูกและเมียมี บ่มยิ งุ่ และสบั สน การงานกระทาไป อดิเรกอดุ มดี ขอ้ นี้แหละมงคล คาถาบทท่ี ๔ ดแู ลบดิ ามารดา บตุ ร ภรรยาเป็นอยา่ งดี ทางานด้วย ความตง้ั ใจ

เนื้อหา(๓) ๕. ทานญฺจ ธมฺมจริยา จ ญาตกานญจฺ สงคฺ โห อนวชชฺ านิกมฺมานิ เอตมมฺ งฺคลมตุ ตฺ ม และประพฤตส์ิ ุธรรมศรี ใหท้ าน ณ กาลควร ปฏบิ ัตบิ าเรอตน อกี สงเคราะห์ญาติที่ ทษุ ะกล้ัวและมวั มล กอบกรรมะอนั ไร้ อดิเรกอดุ มดี ข้อนแ้ี หละมงคล คาถาบทท่ี ๕ รูจ้ ักใหท้ าน ชว่ ยเหลือญาติพ่ีน้อง ทาแต่ความดี มีสมั มาอาชพี ๖. อารตี วริ ตี ปาปา มชฺชปานา จ สญฺญโม อปฺปมาโท จ ธมเฺ มสุ เอตมฺมงฺคลมตุ ตฺ ม อกศุ ลบใ่ ห้มี ความงดประพฤต์ิบาป และสรุ าบเ่ มามล สารวมวรนิ ทรยี ์ พหธุ รรมะโกศล ความไม่ประมาทใน อดเิ รกอดุ มดี ขอ้ นีแ้ หละมงคล คาถาบทที่ ๖ ไมป่ ระพฤติชวั่ ไมล่ ะเลยในการประพฤติ เวน้ การดื่มน้าเม

เนอื้ หา(๔) ๗. คารโว จ นิวาโต จ สนฺตฏฐี จ กตญญตุ า กาเลน ธมมฺ สสฺ วน เอตมมฺ งฺคลมตุ ฺตม จะประณตและนอบศรี ์ เคารพณผ้คู วร จะกระด้างและจองหอง อกี หน่งึ มิได้มี บม่ โิ ลภทยานปอง ยินดีณของตน นรผู้ประคองตน อกี รู้คุณาของ ละเจริญคณุ านนท์ ฟงั ธรรมะโดยกา อดิเรกอุดมดี ข้อนี้แหละมงคล คาถาบทที่ ๗ ให้ความเคารพผ้คู วรเคารพ มคี วามอ่อนนอ้ มถอ่ มตน มีความพอใจในสง่ิ ท่ีตนมี มีความกตัญญูรู้คณุ และ ร้จู กั ฟงั ธรรมในโอกาสอนั ควร ๘. ขฺนตี จ โสวจสฺสตา สมณานญฺจ ทสฺสน กาเลน ธมมสฺ ากจฺฉา เอตมฺมงฺคลมุตตฺ ม และสถติ ณขนั ตี มจี ติ ตะอดทน ฤดิด้อื ทนงหาญ อกี หน่งึ บ่พึงมี สมณาวราจารย์ หนึ่งเห็นคณาเลิด วรกจิ จะโกศล กล่าวธรรมะโดยกาล จะประสทิ ธ์ิมนุญผล ท้ังสี่ประการล้วน อดเิ รกอุดมดี ขอ้ นี้แหละมงคล คาถาบทที่ ๘ มคี วามอดทน วา่ นอนสอนง่าย หาโอกาสพบผูด้ ารงคุณธรรมเพื่อสนทนา ธรรม

เนอื้ หา(๕) ๙. ตโป จ พรฺ หฺมจรยิ ญฺจ อริยสจฺจานทสฺสน นพิ ฺพานสจฉฺ ิกิรยิ า จ เอตมมฺ งฺคลมุตฺตม มละโทษะยายี เพยี รเผากเิ ลสล้าง ดจุ ะพรหมพึสิทธ์สิ รรพ์ อีกหน่งึ ประพฤติดี พระอะรียสจั อนั เหน็ แจ้งณส่ีองค์ ติระข้ามทเลวน อาจนามนุษผัน นะประจักษะแกช่ น อกี ทาพระนพิ พา- อดิเรกอดุ มดี ข้อน้ีแหละมงคล คาถาบทที่ ๙ พยายามกาจัดกเิ ลส ประพฤติพรหมจรรย์ เข้าใจในความเป็นจรงิ ของชีวิตเพ่ือจิตสงบถึงซงึ่ นิพพาน ๑๐. ผฏุ ฐฺ สสฺ โลกธมฺเมหิ จิตตฺ ยสสฺ น กมปฺ ติ อโสกวริ ชเขม เอตมฺมงฺคลมตุ ฺตม วรโลกะธรรมศรี จติ ใครผิไดต้ อ้ ง จะประหว่ันฤกังวล แล้วยอ่ มบพ่ งึ มี และสบายบ่มวั มล ไรโ้ ศกธลุ ีสูญ อดิเรกอดุ มดี ขอ้ นี้แหละมงคล คาถาบทท่ี ๑๐ มีจิตอนั สงบ รูจ้ ักปล่อยวางไม่หว่นั ไหวกับสิง่ ทมี่ ากระทบ

เนอื้ หา(๖) ๑๑. เอตาทิสานิ กตฺวาน สพฺพตถฺ มปราชติ า สพฺพตฺถ โสตถฺ คจฺฉนฺติ ตนเฺ ตสมฺ งคฺ ลมตุ ฺตมนตฺ ิ วรมงคะลาฉนี้ เทวามนุษท่า บ่ มิแพ้ ณ แห่งหน เปน็ ผปู้ ระเสริฐท่ี สริ ิทกุ ประเทศดล ย่อมถงึ สวัสดี อดเิ รกอุดมดีฯ ขอ้ นีแ้ หละมงคล คาถาบทที่ ๑๑ เทวดาและมนุษย์ปฏิบัติส่งิ ท่เี ปน็ มงคลเหล่านี้แล้วจะไมพ่ ่ายแพ้ ให้แกข่ ้าศึกทัง้ ปวงมแี ตค่ วามสขุ ความเจรญิ ทุกเม่อื

คณุ ค่าด้านเน้อื หา มงคลสูตรคาฉันท์ เปน็ วรรณคดีท่ีมีเนอ้ื หาเปน็ คาสอนทางพระพทุ ธศาสนา ว่าด้วยเร่อื งของ มลคล ๓๘ ประการ ซึ่งเปน็ คาสอนทสี่ ามารถพิสจู น์ใหเ้ หน็ จรงิ ได้ โดยเน้น ว่า “การปฏบิ ัติด้วยตนเอง” เปน็ ลาดับจากงา่ ยไปยาก และถ้าหากปฏบิ ตั ิไดแ้ ลว้ จะทาใหช้ ีวติ มีแต่ความกา้ วหนา้ และผาสกุ โดยไมต่ ้องอาศยั ปจั จัยใด ๆ ภายนอก เนือ่ งจากการปฏิบตั ิด้วย ตนเองย่อมมอบความเปน็ มงคลที่แท้จริงใหแ้ ก่ชีวิต ซง่ึ นอกจากจะนาพาชวี ิตของแต่ละคนไป ในทางท่เี จรญิ แลว้ ยงั พลอยทาใหส้ งั คมโดยรวมสงบสขุ และเจริญกา้ วหน้าตามไปดว้ ย นอกจากนค้ี าสอนในมงคล ๓๘ ประการยงั เปน็ แนวทางทท่ี ุกคนสามารถปฏบิ ัติได้ด้วยมี ความสอดคล้องกบั การดาเนนิ ชวี ติ ในทกุ วัย โดยเร่มิ ตน้ จากระดับพน้ื ฐานที่สาคญั คอื การคบ คน ดงั ทีก่ ลา่ ววา่ (๑) อวเสนา จ พาลาน ปณฑติ านญจฺ เสวนา ปูชา จ ปูชะนยี าน เอตมมฺ งฺคลมตุ ตฺ ม หน่งึ คอื บ่คบพาล เพราะจะพาประพฤตผิ ดิ หนึง่ คบกะบัณฑติ เพราะจะพาประสบผล หน่ึงกราบและบูชา อภิบชู นีย์ชน ข้อนแ้ี หละมงคล อดิเรกอดุ มดี คาประพันธบ์ ทนกี้ ลา่ วถึงมงคลประการที่ ๑ ถึง ๓ ซ่งึ เปน็ ขอ้ แนะนาเกี่ยวกบั การคบคน หรอื การมีปฏสิ มั พันธก์ ับบุคลรอบข้าง เรม่ิ ต้ังแต่การหลกี เลย่ี งจากคนพาล การสมาคมกบั คน ดี และการมสี มั มาคารวะต่อบคุ ลทเ่ี คารพ ซึ่งล้วนเปน็ พน้ื ฐานทส่ี าคญั สาหรบั ทกุ คน เนอ่ื งจาก การทีเ่ ราคบคนเช่นใด โอกาสทจี่ ะทาใหเ้ รากลายเป็นคนเชน่ น้ันหรอื มีพฤตกิ รรมท่ีคลา้ ยกัน และ นอกจากการรจู้ ักเลอื กคบคนแลว้ การมสี มั มาคารวะหรอื การรู้จกั เคารพตอ่ บคุ คลทค่ี วรบูชา เคารพ ยอ่ มทาให้เราเปน็ ท่รี ักใคร่ของบคุ คลทว่ั ไป และยงั ไดร้ บั ความเมตตาหรือคาแนะนาทดี่ ี และเป็นประโยชนต์ อ่ ชวี ติ อกี ดว้ ย

คณุ ค่าด้านวรรณศิลป์ เนอ้ื ความในมงคลสตู รคา่ ฉันท์แม้จะมีท่มี าจากคาถาบาลแี ละมีค่าศพั ทใ์ นทางพระพทุ ธศาสนา อยเู่ ปน็ อันมาก แตก่ เ็ ปน็ คา่ ท่เี ขา้ ใจความหมายไดไ้ มย่ าก เช่น โสตถิ ภควนั ต์ อภบิ ชู นยี ช์ น เปน็ ตน้ นอกจากนพ้ี ระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อย่หู วั ทรงสามารถถ่ายทอดและเรียบเรยี ง เน้อื ความเปน็ ภาษาไทยได้อยา่ งเรยี บงา่ ย แต่มคี วามไพเราะสละสลวย และสามารถสือ่ ความหมาย ไดอ้ ยา่ งชดั เจน ดงั เชน่ ครงั้ นั้นแลเทวดา องค์หน่งึ มหา- นภุ าพมหิทธิ์ฤทธี ลว่ งประถมยามราตรี เธอเปลง่ รัศมี อันเรืองระยับจบั เนตร แสงกายเธอปลง่ั ยงั เขต สวนแหง่ เจ้าเชต สวา่ งกระจา่ งทวั่ ไป องคภ์ ควนั ต์นัน้ ไซร้ ประทับแหง่ ใด ก็เข้าไปถึงที่นน้ั ฯ คร้ันเขา้ ใกล้แล้วจง่ึ พลนั ถวายอภวิ ันท์ แด่องคส์ มเดจ็ ทศพล แล้วยืนทค่ี วรด่ากล เสงีย่ มเจียมตน แสดงความเคารพนบศรี ์ ขอ้ ความขา้ งตน้ เปน็ บทประพันธท์ ม่ี ถี อ้ ยค่าเรยี บงา่ ย แต่สามารถบรรยายให้เห็นถึง มหทิ ธานภุ าพของสมเดจ็ พระสมั มาสมั พุทธเจ้าท่ียง่ิ ใหญ่กว่าสิ่งใด แตว่ า่ เทวดาซง่ึ มฤี ทธ์แิ ละมรี ศั มี เปล่งประกายไปท่ัวเชตวนั มหาวิหาร กย็ ัง “ถวายอภวิ ันท”์ แด่ “สมเดจ็ ทศพล” หรือพระพุทธเจา้ ดว้ ย ความ “เสง่ียมเจยี มตน”

คณุ ค่าด้านสงั คม มงคลสูตรคาฉนั ท์ เปน็ วรรณคดที ่มี มี าจาก “มงคลสตู ร” ซง่ึ เปน็ คาสอนในทาง พระพุทธศาสนาทีท่ ุกคนโดยเฉพาะพุทธศาสนิกชน เม่อื ไดน้ าไปปฏบิ ัติแล้ว ย่อมจะทาให้ ชวี ิตประสบกับ “มงคล” หรอื ความสุขอยา่ งแทจ้ รงิ เนื่องจากแนวทางตา่ ง ๆ ทป่ี รากฏ อยู่ในมงคลสูตรท้ัง ๓๘ ประการ เน้นไปทีก่ ารนาไปปฏิบัตใิ ห้บังเกิดผลเป็นรปู ธรรมด้วย ตนเองเปน็ สาคญั นอกจากน้หี ากทุกคนไดย้ ึดถอื เปน็ แนวทางในการดาเนินชีวติ อยา่ ง เหมาะสม ยอ่ มส่งผลใหส้ งั คมเจริญก้าวหน้าตามไปด้วย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook