Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 64-07-23-หน่วยที่ 3 คู่มือครู ป.2 คณิต

64-07-23-หน่วยที่ 3 คู่มือครู ป.2 คณิต

Published by elibraryraja33, 2021-07-23 04:25:46

Description: 64-07-23-หน่วยที่ 3 คู่มือครู ป.2 คณิต

Search

Read the Text Version

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2 กลุ่มส�ระก�รเรียนรคู ณติ ศ�สตร์ แผนก�รจัดก�รเรียนรทู ี่ ๘ 2 2 หนว่ ยที่ ๓ เรข�คณิต ชั้น ป.๒ เวล� ๑ ชวั่ โมง 1 6 5 7 90 ขอบเขตเนื้อห� กิจกรรมก�รเรยี นรู สื่อ/แหล่งเรยี นรู ข้นั น�ำ รปู เรขาคณิตในชวี ิตจริง 1. ชุดบัตรภาพรูปเรขาคณิตสองมิติ 1. ครูทบทวนลักษณะของรูปหลายเหลี่ยม วงกลม และวงรี โดยใชการถาม - ตอบ ที่ประกอบดวยรูปหลายเหลี่ยม ส�ระสำ�คญั พรอ มใหชวยกนั จาํ แนกบัตรภาพตามชนดิ ของรูปเรขาคณติ สองมติ ิ วงกลม และวงรี ท่ีมีลักษณะและ ขนาดแตกตา งกัน ส่ิงตาง ๆ ในธรรมชาติ เมื่อมองจาก ขนั้ สอน 2. ของจริงจากธรรมชาติและสิ่งที่อยู ขอบภายนอกแลวอาจมีลักษณะคลาย รอบตัวท่ีขอบนอกมีลักษณะคลาย รูปหลายเหลี่ยม วงกลม หรอื วงรี 2. ครนู าํ ภาพถา ยหรอื ภาพวาดของสง่ิ ตา ง ๆ ในธรรมชาติ ใหน กั เรยี นสงั เกตวา ถา ลากเสน รูปเรขาคณิตสองมิติ เชน ดอกชบา ตามขอบนอก หรือลากเสนเชื่อมจุดปลายของสิ่งตาง ๆ เหลาน้ัน จะมีลักษณะคลาย ดอกแพงพวย ใบมะขาม ดอกบานชน่ื จดุ ประสงค์ก�รเรยี นรู รปู เรขาคณิตสองมติ ชิ นดิ ใด ใหช ว ยกนั ตอบพรอ มอธบิ ายเหตุผล เชน หอยเจดีย มะเขือไข หอยทับทิม ด�นคว�มรู รถบรรทกุ หอยหลอด ดอกกลวยไม คลายรปู หา เหลี่ยม 3. ภาพถายส่ิงตาง ๆ ในธรรมชาติ เพ่ือใหนักเรียนสามารถประดิษฐภาพ เชน ดอกทานตะวัน ดอกลําดวน จากรูปหลายเหล่ียม วงกลม และวงรี ปล�ด�วทะเล ปลาดาวทะเล ตนเสมา รังผ้ึง 2 โดยเชื่อมโยงกบั ธรรมชาติ รอยแตกของดนิ โคลน แตงโม ตน สน คลายรปู หกเหลย่ี ม 4. กระดาษรูปเรขาคณิตสองมิติท่ีมี ด�นทกั ษะและกระบวนก�รท�ง สแี ละขนาดตาง ๆ กัน คณติ ศ�สตร์ 5. กระดาษ A4 ๔๓ เพือ่ ใหน กั เรยี นสามารถ รังผึง้ 1. ใหเหตผุ ล 2. สื่อสารและสื่อความหมาย ทางคณิตศาสตร 3. เช่ือมโยง

๔๔ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลมุ่ ส�ระก�รเรียนรคู ณติ ศ�สตร์ แผนก�รจัดก�รเรยี นรทู ่ี ๘ ช้ัน ป.๒ 01 9 หนว่ ยท่ี ๓ เรข�คณติ เวล� ๑ ชัว่ โมง 2 แตงโม คลา ยวงรี 6. กาว รอยแตกของดิน คลา ยรูปสีเ่ หลย่ี ม 7. สเี ทียนหรอื สีไม คลา ยรปู สามเหล่ยี ม 8. ปากกาเคมี ตน สน คลา ยรปู สามเหลย่ี ม 9. แบบฝกหดั 3.6 ดอกลำ�ดวน ก�รประเมนิ 5 47 1. วธิ กี �ร 2 1.1 ตรวจแบบฝกหัด 3.6 1.2 สงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู 2. เครอ่ื งมอื 2.1 แบบฝกหดั 3.6 2.2 แบบประเมินทักษะและ กระบวนการทางคณติ ศาสตร 3. เกณฑ์ 3.1 ผ ล ง า น มี ค ว า ม ถู ก ต  อ ง ไมนอยกวา รอยละ 80 3.2 คะแนนรวมดานทักษะ และกระบวนการทางคณิตศาสตร ไมน อ ยกวา รอยละ 60

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2 แผนก�รจดั ก�รเรียนรทู ี่ ๘ 2 กล่มุ ส�ระก�รเรยี นรคู ณติ ศ�สตร์ คลายวงรี ช้นั ป.๒1 6 5 7 90 หนว่ ยท่ี ๓ เรข�คณิต เวล� ๑ ชว่ั โมง ตนเสม� 2 2 ดอกท�นตะวนั คลายวงกลม คลา ยรปู สบิ เหลยี่ ม ดอกเส�วรส คลา ยวงรี ๔๕ ภ�พถ่�ยใบหน�

๔๖ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลมุ่ ส�ระก�รเรยี นรูคณิตศ�สตร์ แผนก�รจัดก�รเรียนรทู ี่ ๘ ชนั้ ป.๒01 9 หน่วยท่ี ๓ เรข�คณิต เวล� ๑ ชวั่ โมง 3. ครใู หน กั เรยี นสงั เกตสงิ่ ตา ง ๆ ในธรรมชาตแิ ละสง่ิ ทอี่ ยรู อบตวั แลว นาํ สนทนาเกย่ี วกบั 2 รปู รา งของส่งิ ตาง ๆ เหลา นั้น โดยอธบิ ายเช่อื มโยงกบั รปู เรขาคณติ สองมติ ิ จากนัน้ ครนู ํา ของจริง เชน ดอกชบา ใบมะขาม เปลอื กหอยชนดิ ตาง ๆ เชน หอยเจดยี  หอยทับทมิ หอยทาก หอยหลอด มาใหนักเรียนดู แลวใหบอกวาเมื่อมองจากขอบนอกหรือมอง โดยอาศยั การลากเสน เชอ่ื มจดุ ปลายของสงิ่ ตา ง ๆ เหลา นนั้ แลว จะมลี กั ษณะใกลเ คยี งหรอื คลา ยกับรปู เรขาคณติ สองมิตชิ นิดใด เชน ดอกชบา คลา ยวงกลม ใบมะขาม คลายวงรี 5 47 หอยเจดยี  คลายรปู สามเหลี่ยม หอยทับทมิ หรือหอยทาก คลา ยวงกลม หอยหลอด คลา ยรปู สี่เหล่ียม ดอกแพงพวย คลายรูปหา เหลย่ี ม มะเขือไข คลา ยวงรี 2 ดอกบานชน่ื คลายวงกลม ดอกกลว ยไม คลายรูปสามเหล่ียม รถบรรทุก คลายรูปสีเ่ หลย่ี ม

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2 แผนก�รจดั ก�รเรยี นรูท่ี ๘ 2 1 6 5 7 90 กลุ่มส�ระก�รเรยี นรูคณิตศ�สตร์ จากน้ันใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเก่ียวกับรูปรางของส่ิงตาง ๆ ในธรรมชาติและ ชั้น ป.๒ หนว่ ยท่ี ๓ เรข�คณติ สงิ่ ทอ่ี ยรู อบตวั กบั รปู รา งของรปู เรขาคณติ สองมติ ิ จนไดข อ สงั เกตวา สงิ่ ตา ง ๆ ในธรรมชาติ เวล� ๑ ช่ัวโมง และสิง่ ที่อยูร อบตวั อาจมีลักษณะคลายกบั รปู สามเหลีย่ ม รปู สี่เหล่ยี ม วงกลม หรือวงรี 2 4. แบงนักเรียนเปน กลุม กลุมละ 3 - 4 คน ชวยกันทําแบบฝกหัด 3.6 โดยครเู ตรียม 2 กระดาษรูปเรขาคณติ สองมติ ทิ ม่ี ีสแี ละขนาดตา ง ๆ กัน ใหแ ตละกลมุ เลอื กไปประดิษฐ เปนภาพตามจินตนาการแลวติดลงในกระดาษ A4 พรอมตกแตงหรืออาจเขียน รายละเอียดของส่งิ ตาง ๆ เหลาน้นั เพม่ิ เตมิ ใหแตละกลุมนําผลงานไปติดบนกระดาน แลวใหเพ่ือนกลุมอ่ืนชวยกันทายวา รูปเรขาคณิตสองมิติท่ีใชนั้นแทนส่ิงใด พรอมใหเหตุผล ถาทายไดถูกตองแสดงวา ผูประดิษฐและผูทายสามารถเชื่อมโยงรูปเรขาคณิตสองมิติกับสิ่งตาง ๆ ในธรรมชาติ รอบตัวได ขน้ั สรุป 5. ครูและนักเรียนชวยกันสรุปใหไดวา ส่ิงตาง ๆ ในธรรมชาติและส่ิงท่ีอยูรอบตัว เมือ่ มองจากขอบนอกหรอื ลากเสนเชื่อมจดุ ปลายของสิง่ ตาง ๆ เหลา น้ัน อาจมลี กั ษณะ คลา ยรูปหลายเหล่ยี ม วงกลม หรอื วงรี ๔๗

๔๘ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนก�รจดั ก�รเรียนรูท่ี ๙ 01 9 แนวก�รจัดกจิ กรรมก�รเรยี นรู ขัน้ นำ� ทบทวนรปู เรขาคณติ สองมิตทิ ี่นักเรียนรูจกั โดยใชการซกั ถาม และ บตั รภาพรูปเรขาคณติ สองมติ ิ ข้นั สอน ครสู าธิตการเขยี นรปู เรขาคณิตสองมติ โิ ดยใชแ บบของรูปเรขาคณติ สองมติ ชิ นดิ เจาะ 5 47 แลว ใหนักเรยี นฝก ทักษะการเขียนรปู เรขาคณติ สองมติ ิเปน รายบุคคล ข้ันสรุป ครซู กั ถามถงึ ประโยชนข องการใชแ บบของรูปเขยี นรปู เรขาคณติ สองมิติชนดิ ตาง ๆ แลว ใหทาํ แบบฝก หดั 3.7 เปน รายบุคคล 2 ก�รวัดและประเมินผล - ประเมินจากการตอบคําถาม การปฏบิ ตั ิ และการทาํ แบบฝกหดั 3.7 2 - ประเมินจากการใหเ หตผุ ล การสือ่ สารและการสอื่ ความหมายทางคณติ ศาสตร การเชอื่ มโยง

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2 กลมุ่ ส�ระก�รเรยี นรูคณิตศ�สตร์ แผนก�รจดั ก�รเรียนรูที่ ๙ 2 2 หน่วยที่ ๓ เรข�คณิต ชน้ั ป.๒ เวล� ๑ ชัว่ โมง 1 6 5 7 90 ขอบเขตเนอ้ื ห� กิจกรรมก�รเรียนรู ส่ือ/แหลง่ เรยี นรู 2 ข้ันน�ำ การเขียนรูปเรขาคณิตสองมิติโดยใช 1. ชดุ บตั รภาพรปู เรขาคณติ สองมติ ิ แบบของรปู 1. ครซู กั ถามถงึ รปู เรขาคณติ สองมติ ทิ นี่ กั เรยี นรจู กั วา มชี นดิ ใดบา ง แตล ะชนดิ มลี กั ษณะ ชนิดตา ง ๆ หลาย ๆ ลักษณะ อยา งไร ครชู บู ตั รภาพรปู เรขาคณติ สองมติ ชิ นดิ ตา ง ๆ ใหน กั เรยี นชว ยกนั ตอบวา เปนรูป 2. แบบของรูปเรขาคณิตสองมิติ ส�ระส�ำ คัญ เรขาคณติ สองมิตชิ นิดใด เพราะเหตใุ ด แบบลากเสนตามขอบในของแบบ 2. นําสนทนาเก่ียวกับการเขียนรูปเรขาคณิตสองมิติ วาอาจจะเขียนไดโดยไมใช ของรปู (ชนดิ เจาะ) 1. การเขียนรูปเรขาคณิตสองมิติโดย เครื่องมือชวย ครูสาธิตการเขียนรูปเรขาคณิตสองมิติโดยไมใชเคร่ืองมือชวย แลวให 3. ไมบ รรทดั ทม่ี แี บบของรปู เรขาคณติ ไมใชเคร่ืองมือชวยในการเขียนรูปเปน นักเรียนทุกคนฝกเขียนรูปเรขาคณิตสองมิติทีละชนิดโดยไมใชเครื่องมือ แลวผลัดกันให สองมติ ิ การเขยี นรปู แบบครา ว ๆ เพื่อน ๆ ดู ครูใหนักเรียนสังเกตผลงานของตนเองและเพื่อน ๆ แลวรวมกันอภิปราย 4. แบบของรูปเรขาคณิตสองมิติ เก่ียวกับความถูกตอง ความสวยงามของรูปเรขาคณิตสองมิติเหลาน้ัน ซ่ึงอาจจะไดวา ชนิดที่ลากเสนตามขอบนอกของ 2. การเขยี นรปู เรขาคณติ สองมติ อิ าจใช ผลงานสวนใหญมีเสน ขอบของรปู ไมเ ปนแนวตรง เสน โคงไมเ ปนโคง เรยี บ รปู มลี กั ษณะ แบบของรปู แบบของรูปเรขาคณิตสองมิติแบบเจาะมา บดิ เบยี้ ว ไมส วยงามเทา ทค่ี วร เปนตน ครูแนะนําวา การเขียนรูปในลักษณะดังกลาว 5. แบบฝกหดั 3.7 เปนแบบเพ่ือชวยในการเขียนรูป โดยลาก เปน การเขยี นรปู อยา งครา ว ๆ เทา นน้ั และถา ตอ งการใหไ ดร ปู เรขาคณติ สองมติ ทิ ถ่ี กู ตอ ง จากขอบในของรูปจะทําใหไดรูปเรขาคณิต สวยงาม อาจใชแ บบของรปู เรขาคณติ สองมิติชว ยในการเขยี นรปู ก�รประเมิน สองมิติทถ่ี ูกตองสวยงาม 1. วธิ กี �ร จุดประสงคก์ �รเรยี นรู 1.1 ตรวจแบบฝกหัด 3.7 ด� นคว�มรู 1.2 สงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู ๔๙ เพอื่ ใหน กั เรยี นสามารถเขยี นรปู เรขาคณติ สองมติ โิ ดยใชแ บบของรปู เรขาคณติ สองมติ ิ ชนิดเจาะ

๕๐ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลมุ่ ส�ระก�รเรียนรคู ณติ ศ�สตร์ แผนก�รจดั ก�รเรยี นรูที่ ๙ ช้นั ป.๒ 01 9 หน่วยท่ี ๓ เรข�คณติ เวล� ๑ ชัว่ โมง ด� นทักษะและกระบวนก�ร ข้นั สอน 2. เคร่ืองมอื ท�งคณิตศ�สตร์ 2.1 แบบประเมินผลงาน 3. ครแู นะนาํ แบบของรปู เรขาคณติ สองมติ ทิ ง้ั สองชนดิ คอื แบบของรปู ขนดิ เจาะซง่ึ เขยี น เพ่ือใหนักเรียนสามารถ รูปไดโ ดยลากเสนไปตามขอบในของรูป เชน เชิงคุณภาพ 1. ใหเหตุผล 2.2 แบบประเมินทักษะและ 2. ส่ือสารและสื่อความหมาย 5 47 ทางคณิตศาสตร กระบวนการทางคณิตศาสตร 3. เชื่อมโยง 3. เกณฑ์ 3.1 ผลงานมีคณุ ภาพไมต ํ่ากวา ระดับ 2 3.2 คะแนนรวมดานทักษะ และกระบวนการทางคณิตศาสตร ไมน อยกวารอ ยละ 60 รวมทง้ั แบบของรูปชนิดเจาะทม่ี ีขายตามทอ งตลาดท่ัวไป 22

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ )2 แผนก�รจัดก�รเรียนรูที่ ๙ 2 1 6 5 7 90 กลุ่มส�ระก�รเรยี นรคู ณติ ศ�สตร์ และแบบของรูปชนิดที่เขยี นรปู โดยลากเสนไปตามขอบนอกของแบบของรปู ชัน้ ป.๒ หนว่ ยท่ี ๓ เรข�คณติ เวล� ๑ ช่วั โมง จากนั้นครูชูแบบของรูปเรขาคณิตสองมิติทีละช้ิน แลวใหนักเรียนชวยกันตอบวา 2 เปนแบบของรปู ชนิดใด เพราะเหตุใด 4. ครูแจกแบบของรูปเรขาคณิตสองมิติชนิดเจาะท่ีมีลักษณะแตกตางกัน ใหนักเรียน คนละ 1 ชน้ิ แลว ใหแตล ะคนบอกวา ไดแ บบของรปู ชนดิ ใด 5. ครูสาธิตการเขียนรูปเรขาคณิตสองมิติโดยใชแบบของรูปเรขาคณิตสองมิติชนิด เจาะบนกระดาน แลวใหนักเรียนใชแบบของรูปที่ไดรับฝกเขียนรูปเรขาคณิตสองมิติ พรอ มเขยี นชอ่ื ของรปู เรขาคณติ สองมติ นิ น้ั จากนน้ั ใหน กั เรยี นเปลยี่ นแบบของรปู กบั เพอ่ื น แลวฝกเขียนรูปเรขาคณิตสองมิติชนิดอื่น ๆ พรอมเขียนชื่อของรูปเรขาคณิตสองมิติ จนครบ 2 ข้นั สรปุ 6. ครูใหนักเรียนชวยกันบอกถึงประโยชนของการใชแบบของรูปเรขาคณิตสองมิติเปน แบบในการเขียนรูป ซึ่งควรจะไดวา จะทําใหไดรูปเรขาคณิตสองมิติที่มีความถูกตอง สวยงาม จากนัน้ ใหท าํ แบบฝก หดั 3.7 เปนรายบุคคล ๕๑

๕๒ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนก�รจดั ก�รเรยี นรูที่ ๑๐ 01 9 แนวก�รจัดกิจกรรมก�รเรยี นรู ขั้นน�ำ ทบทวนชนิดของแบบของรปู เรขาคณิตสองมิติท่ใี ชเปน แบบในการเขียนรูป พรอมสมุ นักเรยี นใหออกมาเขยี นรูปเรขาคณิตสองมิตโิ ดยใชแบบของรูปชนิดเจาะบนกระดาน ขนั้ สอน ครสู าธติ การเขยี นรปู เรขาคณติ สองมติ โิ ดยใชแ บบของรปู เรขาคณติ สองมติ ชิ นดิ ทเ่ี ขยี นรปู 5 47 โดยลากตามเสน ขอบนอกของรปู แลว ใหน กั เรยี นฝก ทกั ษะการเขยี นรปู เรขาคณติ สองมติ เิ ปน รายบคุ คล จากนน้ั แนะนาํ สง่ิ ตา ง ๆ ท่อี ยรู อบตัวทีส่ ามารถนาํ มาเปนแบบในการเขยี นรูปเรขาคณติ สองมิติ พรอมสาธิตวธิ เี ขียนรูปซ่งึ ใชวธิ ีเดียวกับการเขียนโดยใชแ บบของรปู เรขาคณติ สองมติ ิ ขัน้ สรปุ ครูซักถามถึงชนิดของแบบของรปู เรขาคณิตสองมิติ และประโยชนของการเขียนรูปเรขาคณติ สองมติ ิ โดยใชแ บบของรูป แลว ใหทาํ แบบฝก หดั 3.8 เปนรายบคุ คล 22 ก�รวัดและประเมินผล - ประเมนิ จากการตอบคาํ ถาม การปฏบิ ตั ิ และการทาํ แบบฝก หดั 3.8 - ประเมินจากการใหเ หตุผล การส่อื สารและการสื่อความหมายทางคณติ ศาสตร และการเชอื่ มโยง

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2 กลมุ่ ส�ระก�รเรยี นรคู ณติ ศ�สตร์ แผนก�รจัดก�รเรยี นรูท่ี ๑๐ 2 2 หน่วยท่ี ๓ เรข�คณติ ชั้น ป.๒ เวล� ๑ ชัว่ โมง 1 6 5 7 90 ขอบเขตเนอื้ ห� กิจกรรมก�รเรียนรู สื่อ/แหล่งเรยี นรู 2 ขน้ั นำ� การเขียนรูปเรขาคณิตสองมิติโดยใช 1. แบบของรูปเรขาคณิตสองมิติ แบบของรปู 1. ครูนําสนทนาถึงการเขียนรูปเรขาคณิตสองมิติที่ตองการใหมีความถูกตอง สวยงาม ชนิดเจาะ และเครอื่ งมือท่ีชว ยในการเขียนรปู คือแบบของรูปเรขาคณิตสองมิตทิ ั้งสองแบบ จากน้นั 2. แบบของรูปเรขาคณิตสองมิติ ส�ระส�ำ คัญ สมุ นักเรยี น 5 คน ใหออกมาเขียนรปู สามเหลี่ยม รปู สเ่ี หลี่ยม รูปหา เหลย่ี ม รูปหกเหลีย่ ม ชนิดทเ่ี ขียนรปู โดยลากเสน ตามขอบ วงกลม และวงรี คนละ 1 รูป โดยใชแ บบของรูปชนดิ เจาะบนกระดาน พรอมเขยี นช่อื นอกของรปู การเขียนรูปเรขาคณิตสองมิติอาจใช ของรปู เรขาคณิตสองมิติใตร ปู ทเี่ ขยี น 3. บรรจุภัณฑตาง ๆ ท่ีมีขอบของ แบบของรปู เรขาคณติ สองมติ ชิ นดิ ทเี่ ขยี นรปู รูปเปนรูปเรขาคณติ สองมติ ิ โดยลากตามขอบนอกมาเปน แบบ เพอื่ ชว ย ข้ันสอน 4. ตัวอยางภาพท่ีประดิษฐขึ้นจาก ในการเขียนรูป จะทําใหไดรูปเรขาคณิต การใชแบบของรูปเรขาคณิตสองมิติ สองมติ ิทถ่ี ูกตอง สวยงาม 2. ครูแนะนําแบบของรูปเรขาคณิตสองมิติชนิดท่ีเขียนรูปโดยลากเสนตามขอบนอกของรูป ในการเขยี นรปู แลวชูแบบของรูปทีละชิ้น ใหนักเรียนชวยกันตอบวา เปนแบบรูปของรูปเรขาคณิต 5. กลอ งยาสฟี น จุดประสงคก์ �รเรยี นรู สองมติ ชิ นิดใด เพราะเหตุใด จากนน้ั แจกแบบของรูปเรขาคณติ ใหนกั เรียนคนละ 1 ช้นิ 6. แกว นา้ํ ด� นคว�มรู ใหแ ตละคนบอกวา ไดรบั แบบของรูปเรขาคณิตสองมิติชนิดใด 7. แบบฝก หัด 3.8 3. ครูสาธิตการเขียนรูปเรขาคณิตสองมิติ โดยใชแบบของรูปเรขาคณิตสองมิติชนิดที่ เพอ่ื ใหน กั เรยี นสามารถเขยี นรปู เรขาคณติ เขียนรูปโดยลากเสนตามขอบนอกของรูปบนกระดาน แลวใหนักเรียนใชแบบของรูปท่ี ก�รประเมนิ สองมิติโดยใชแบบของรูปท่ีลากตาม ไดรับฝกเขียนรูปเรขาคณิตสองมิติ พรอมเขียนชื่อของรูปเรขาคณิตสองมิตินั้น จากน้ัน 1. วธิ ีก�ร ขอบนอกของรูป ใหนักเรียนเปล่ียนแบบของรูปกับเพ่ือน แลวฝกเขียนรูปเรขาคณิตสองมิติชนิดอ่ืน ๆ พรอมเขยี นชือ่ ของรูปเรขาคณติ สองมิติจนครบ 1.1 ตรวจแบบฝก หดั 3.8 1.2 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู ๕๓

๕๔ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุ่มส�ระก�รเรียนรคู ณติ ศ�สตร์ แผนก�รจัดก�รเรียนรูที่ ๑๐ ชัน้ ป.๒ 01 9 หน่วยท่ี ๓ เรข�คณิต เวล� ๑ ชวั่ โมง ด�นทกั ษะและกระบวนก�รท�ง 4. ครูแนะนําเพม่ิ เตมิ วา นอกเหนอื จากแบบของรปู เรขาคณิตสองมติ ิชนดิ เจาะและชนดิ 2. เครอ่ื งมือ คณติ ศ�สตร์ ทีเ่ ขียนรูปโดยลากเสนตามขอบนอกของรูปแลว เรายังอาจใชส ิ่งตาง ๆ ทอี่ ยรู อบตัวที่มี 2.1 แบบประเมินผลงาน ขอบเปนรูปเรขาคณิตสองมิติ มาเปน แบบในการเขียนรปู ได ครูนาํ ตัวอยา งสงิ่ ตาง ๆ รอบตัว เชิงคุณภาพ เพอ่ื ใหนักเรียนสามารถ ใหนักเรียนดู เชน กลองยาสีฟน แกวน้ํา แลวใหนักเรียนชวยกันบอกวาเราอาจใชสิ่งใด 2.2 แบบประเมินทักษะและ 1. ใหเ หตุผล 2. ส่ือสารและส่ือความหมายทาง มาเปนแบบไดอีก จากนั้นครูสาธิตการเขียนรูปโดยใชบรรจุภัณฑที่มีขอบของรูปเรขาคณิต กระบวนการทางคณติ ศาสตร คณิตศาสตร สองมิติ ซึ่งมีวิธีเขียนโดยลากเสนไปตามชอบนอกเชนเดียวกัน ครูใหตัวแทนนักเรียน 3. เกณฑ์ ทดลองเขียนรูปเรขาคณิตสองมิติโดยใชบรรจุภัณฑเปนแบบ พรอมใหบอกวารูป 3.1 ผลงานมีคุณภาพไมต่ํากวา 3. เช่อื มโยง ทเ่ี ขียนไดเปน รปู เรขาคณติ สองมิตชิ นดิ ใด ระดบั 2 5 47 ข้นั สรุป 3.2 คะแนนรวมดานทักษะ และกระบวนการทางคณิตศาสตร 5. ครซู กั ถามเกย่ี วกบั ชนดิ ของแบบของรปู เรขาคณติ สองมติ ทิ ใี่ ชเ ปน แบบในการเขยี นรปู พรอ มวธิ เี ขยี น รวมถงึ ประโยชนข องการใชแ บบของรปู เรขาคณติ สองมติ ชิ ว ยในการเขยี นรปู ไมน อ ยกวา รอยละ 60 6. ครูนําภาพท่ีประดิษฐข้ึนจากการเขียนรูปเรขาคณิตสองมิติโดยใชแบบของรูปมา ติดบนกระดานแลวใหนักเรียนชวยกันบอกวาเปนภาพอะไร และประกอบดวย 2 2รูปเรขาคณติ สองมิตชิ นิดใดบา ง จากนน้ั ใหนกั เรียนทาํ แบบฝกหัด 3.8 เปน รายบุคคล

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2 2 2 แผนก�รจดั ก�รเรียนรูที่ ๑๑ 1 6 5 7 90 แนวก�รจดั กจิ กรรมก�รเรยี นรู ขนั้ นำ� ครนู ําสนทนาเก่ยี วกับรปู เรขาคณิตสองมติ ิชนิดตา ง ๆ ที่นักเรียนรจู ัก แลว ใหต ัวแทนนกั เรยี นหยบิ ขัน้ สอน กระดาษสรี ปู เรขาคณิตสองมิตแิ ตละชนดิ จากกลอ ง ตามจาํ นวนที่ครูกาํ หนด ข้ันสรุป ก�รวัดและประเมนิ ผล ครูนําของจรงิ / ภาพ ของสิง่ ตา ง ๆ ที่มีการนํารูปเรขาคณติ สองมติ ไิ ปใชในการออกแบบ ใหนกั เรยี นชว ยกนั สํารวจรูปเรขาคณติ สองมติ ทิ ใ่ี ชใ นการออกแบบ แบงนักเรียนเปนกลุม กลุม ละ 2 - 3 คน ชวยกันออกแบบลายกระเบอ้ื งจากรปู เรขาคณิตสองมิติ โดยใชก ระดาษสรี ูปเรขาคณิตสองมิติชนดิ ตาง ๆ ติดบนกระดาษแข็งท่ีครูกําหนด - ประเมนิ จากการตอบคําถาม และการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม 2 - ประเมนิ จากการใหเ หตผุ ล การสอ่ื สารและการสอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร และการเชอ่ื มโยง ๕๕

๕๖ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุ่มส�ระก�รเรียนรูค ณติ ศ�สตร์ แผนก�รจดั ก�รเรยี นรทู ี่ ๑๑ ชนั้ ป.๒01 9 หนว่ ยท่ี ๓ เรข�คณติ เวล� ๑ ชวั่ โมง ขอบเขตเนอ้ื ห� กิจกรรมก�รเรียนรู ส่ือ/แหล่งเรยี นรู รปู เรขาคณิตสองมิติ ข้ันน�ำ 1. กระดาษสีอยางบางที่ตัดเปน ส�ระส�ำ คัญ 1. ครูนําสนทนาเกี่ยวกับชนิดของรูปเรขาคณิตสองมิติท่ีนักเรียนรูจัก ครูนํากระดาษสี รูปเรขาคณิตสองมติ ิชนิดตา ง ๆ โดย 5 47 อยางบางท่ีตัดเปนรูปเรขาคณิตสองมิติ ที่มีสี รูปราง และขนาดตาง ๆ กันใสกลองไว ใหม ีสี รปู รา ง และขนาดตาง ๆ กัน 1. เราสามารถพบรูปเรขาคณิตสองมิติ หนาช้ันเรียน ใหตัวแทนนักเรียนออกมาเลือกกระดาษสีรูปเรขาคณิตสองมิติ 2. ผาท่ีมีลวดลายเปนรูปเรขาคณิต ชนิดตา ง ๆ ไดจากส่ิงตาง ๆ ในธรรมชาติ จากกลอง จํานวน 5 ช้ิน ที่ตางชนิดกัน แลวชูใหเพื่อนในชั้นดูพรอมบอกวาเปน สองมติ ิ และสิ่งทอ่ี ยรู อบตัว รปู เรขาคณิตสองมติ ชิ นดิ ใด เพอื่ เปนการตรวจสอบความเขา ใจ 3. ภาพลายเหลก็ ดดั ทเี่ ปน รปู เรขาคณติ สองมติ ิ 2. รปู เรขาคณติ สองมติ ิ สามารถนาํ มา ข้นั สอน ใชในการออกแบบลวดลายของสิ่งตาง ๆ 2. ครูใหนักเรียนรวมกันสนทนาเก่ียวกับสิ่งตาง ๆ ที่พบเห็นในชีวิตประจําวันที่มี 4. แผนกระเบ้ืองหรือภาพแผน ในชวี ติ จริง รูปเรขาคณิต สองมิติประกอบอยู จากน้ันครูนําส่ิงตาง ๆ ท่ีพบเห็นในชีวิตประจําวัน กระเบอื้ งทมี่ ลี วดลายเปน รปู เรขาคณติ จุดประสงค์ก�รเรยี นรู ที่มีการนํารูปเรขาคณิตสองมิติมาใชประโยชนมาแสดงใหนักเรียนดู เชน ลวดลายผา สองมติ ิ ด�นคว�มรู ลวดลายบนแผนกระเบื้อง ลวดลายของเหล็กดัด ลวดลายบนภาชนะตาง ๆ โดยให 5. ภาชนะดินเผา หรือชาม จานที่มี เพื่อใหนักเรียนสามารถนํารูปเรขาคณิต สองมติ มิ าใชประโยชนใ นการออกแบบ 2 2ด� นทกั ษะและกระบวนก�รท�ง คณติ ศ�สตร์ เพ่ือใหนักเรียนสามารถ นักเรียนชวยกันสํารวจวาในลวดลายท่ีปรากฏเหลานั้น ประกอบดวยรูปเรขาคณิต ลวดลายเปนรูปเรขาคณติ สองมติ ิ สองมิติชนิดใดบาง ตวั อยา งลวดลายบนสงิ่ ตา ง ๆ ทพ่ี บเห็นในชีวติ ประจาํ วนั 6. ภ า พ ที่ อ อ ก แ บ บ โ ด ย ใช  รู ป เรขาคณติ สองมติ ิ 7. กระดาษแข็งรูปส่ีเหล่ียมจัตุรัส ยาวดานละ 20 เซนตเิ มตร 8. กาว 1. ใหเหตุผล 2. สื่อสารและสื่อความหมาย 9. ปากกาเคมี ทางคณิตศาสตร 3. เช่ือมโยง

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2 แผนก�รจัดก�รเรยี นรูท่ี ๑๑ 2 กลุ่มส�ระก�รเรยี นรูค ณิตศ�สตร์ ช้ัน ป.๒ หนว่ ยท่ี ๓ เรข�คณิต เวล� ๑ ช่ัวโมง 1 6 5 7 90 2 3. ครูนําภาพประดษิ ฐท อี่ อกแบบโดยใชรปู เรขาคณติ สองมติ ชิ นดิ ตา ง ๆ ตดิ บนกระดาน ก�รประเมนิ 2 เพื่อใหนักเรียนเห็นถึงความสวยงามของการออกแบบลวดลาย โดยใชรูปเรขาคณิต สองมติ ิ พรอมใหชว ยกันบอกวา ลวดลายเหลาน้นั มีรปู เรขาคณิตสองมติ ิชนดิ ใดบาง 1. วิธีก�ร 1.1 ตรวจผลงานการออกแบบ ขน้ั สรปุ ลวดลายบนแผนกระเบื้อง 4. แบงนักเรยี นเปนกลมุ กลมุ ละ 2 - 3 คน ใหชวยกันออกแบบลวดลายบนกระเบอ้ื ง 1.2 สังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู รูปส่ีเหล่ียมโดยใชกระดาษสีรูปเรขาคณิตสองมิติท่ีครูเตรียมใหประดิษฐเปนลวดลาย แลวติดลงในกระดาษแข็งรูปสี่เหล่ียมจัตุรัสที่ยาวดานละ 20 เซนติเมตร จากน้ัน 2. เครือ่ งมือ นําผลงานของทุกกลุมตดิ บอรดหนาชัน้ เรียน 2.1 แบบประเมินผลงานเชิง คุณภาพ 2.2 แบบประเมินทักษะและ กระบวนการทางคณิตศาสตร 3. เกณฑ์ 3.1 ผลงานมีคุณภาพไมต่ํากวา ระดบั 2 3.2 คะแนนรวมดานทักษะ และกระบวนการทางคณิตศาสตร ไมน อยกวารอยละ 60 ๕๗



ภาคผนวก



ภาคผนวก ก เฉลยแบบฝกึ หัด



๓ เฉลย เรขาคณติ 1 6 5 4 7 9 0ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2 ๖๓ 2

ขนั้ นำา แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๑ ฝ.๓.๑/ผ.๑ ขั้นสอน แนวการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั สรปุ การวัดและประเมินผล ทบทวนสถานการณ์การบวกและการลบจำานวนนบั ไม่เกิน 100 การบวกและการลบจำานวนนบั ไม่เกิน 100 ทาำ แบบฝึกหัด 2.1 ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรุป การบวกและการลบจาำ นวนนับไม่เกิน 100 - ประเมนิ จากการตอบคำาถามและการทาำ แบบฝึกหดั 2.1 - ประเมินจาก การแกป้ ัญหา และการส่อื สารและส่อื ความหมายทางคณติ ศาสตร์

22 1 65 7 90 22 หนว่ ยที่ ๓ เรข�คณิต แบบฝกึ หัด 3.1 ฝ.๓.๑/ผ.๑ 1 เขยี น ใน หน� ขอคว�มทีส่ มั พันธ์กับภ�พ ตวั อย่�ง รูปเรขาคณิตสามมติ ิ รูปเรขาคณติ สองมิติ ทรงสี่เหลีย่ มมุมฉาก ทรงกระบอก รูปสามเหล่ียม รปู สี่เหลีย่ ม ทรงกลม กรวย วงกลม วงรี 1) รูปเรขาคณิตสามมติ ิ รูปเรขาคณติ สองมิติ ทรงสเี่ หลยี่ มมุมฉาก ทรงกระบอก รปู สามเหล่ยี ม รปู สเี่ หลี่ยม ทรงกลม กรวย วงกลม วงรี 2) รูปเรขาคณิตสามมติ ิ รปู เรขาคณติ สองมติ ิ ทรงสเ่ี หลยี่ มมมุ ฉาก ทรงกระบอก รูปสามเหล่ยี ม รปู สีเ่ หลีย่ ม ทรงกลม กรวย วงกลม วงรี 1 6 5 4 7 9 0ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๖๕

01 57 22 9 4 หน่วยท่ี ๓ เรข�คณิต เรข�คณิต ฝ.๓.๑/ผ.๑ 3) รปู เรขาคณติ สามมิติ รปู เรขาคณิตสองมิติ ทรงส่ีเหลยี่ มมมุ ฉาก ทรงกระบอก รปู สามเหลย่ี ม รูปสี่เหลี่ยม ทรงกลม กรวย วงกลม วงรี 4) รปู เรขาคณติ สามมิติ รปู เรขาคณิตสองมติ ิ ทรงส่ีเหลยี่ มมุมฉาก ทรงกระบอก รูปสามเหลย่ี ม รูปสเ่ี หลีย่ ม ทรงกลม กรวย วงกลม วงรี 5) รูปเรขาคณิตสามมติ ิ รูปเรขาคณติ สองมติ ิ ทรงสเี่ หลี่ยมมมุ ฉาก ทรงกระบอก รูปสามเหลี่ยม รูปสเ่ี หลยี่ ม ทรงกลม กรวย วงกลม วงรี 1 6 5 4 7 9 0๖๖ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

65 7 90 ฝ.๓.๑/ผ.๑ 22 1 22 หนว่ ยท่ี ๓ เรข�คณิต 6) รปู เรขาคณติ สามมิติ รปู เรขาคณติ สองมิติ ทรงส่เี หล่ยี มมมุ ฉาก ทรงกระบอก รูปสามเหลี่ยม รปู สเ่ี หลี่ยม ทรงกลม กรวย วงกลม วงรี 7) รูปเรขาคณิตสามมิติ รปู เรขาคณิตสองมิติ ทรงสี่เหลี่ยมมมุ ฉาก ทรงกระบอก รูปสามเหล่ยี ม รูปสีเ่ หล่ยี ม ทรงกลม กรวย วงกลม วงรี 8) รปู เรขาคณติ สามมิติ รูปเรขาคณิตสองมติ ิ ทรงสี่เหลีย่ มมมุ ฉาก ทรงกระบอก รปู สามเหลี่ยม รูปสี่เหล่ียม ทรงกลม กรวย วงกลม วงรี 1 6 5 4 7 9 0ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๖๗

01 57 22 9 4 หนว่ ยท่ี ๓ เรข�คณิต เรข�คณิต ฝ.๓.๑/ผ.๑ 2 เขยี น P ในภ�พท่เี ปน รูปปด และเขยี น ✕ ในภ�พทเ่ี ปน รปู เปด 1) ✕ 2) P 3) P 4) P 5) ✕ 6) ✕ 7) P 8) 9) P P 10) ✕ 11) P 12) ✕ 1 6 5 4 7 9 0๖๘ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

65 7 90 ฝ.๓.๒/ผ.๒ 22 1 22 หน่วยท่ี ๓ เรข�คณิต แบบฝกึ หดั 3.2 1 เขยี น P ในรูปเรข�คณติ สองมติ ทิ ม่ี ขี อบเปน แนวตรง และ เขยี น ✕ ในรปู เรข�คณิตสองมติ ิที่มขี อบเปนเสน โคง 1) 2) P 3) P ✕ 4) P 5) P 6) ✕ 7) P 8) P 9) P 10) ✕ 11) ✕ 12) ✕ 1 6 5 4 7 9 0ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๖๙

01 57 22 ฝ.๓.๒/ผ.๒ 9 4 หน่วยที่ ๓ เรข�คณิต เรข�คณิต 2 เขียน P ในรูปเรข�คณติ สองมิติท่มี มี ุม และเขียน ✕ ใน รปู เรข�คณติ สองมิตทิ ่ไี ม่มมี ุม 1) 2) 3) P ✕ P 4) P 5) P 6) ✕ 7) ✕ 8) 9) P P 10) ✕ 11) P 12) P 1 6 5 4 7 9 0๗๐ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

65 7 90 22 1 22 ฝ.๓.๒/ผ.๒ หนว่ ยท่ี ๓ เรข�คณิต 3 ระบ�ยสีรปู เรข�คณติ สองมิตติ อ่ ไปน้ี รปู ส�มเหลีย่ ม - สีเขียว รูปสี่เหลยี่ ม - สฟี � วงกลม - สีเหลอื ง วงรี - สีแดง 1 6 5 4 7 9 0ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๗๑

01 57 22 9 4 หน่วยที่ ๓ เรข�คณิต เรข�คณิต ฝ.๓.๓/ผ.๓ แบบฝกึ หัด 3.3 1 เติมจ�ำ นวนด� น จ�ำ นวนมุม และชนิดของรปู เรข�คณติ สองมติ ิ ตัวอย่�ง 1) จ�กรปู มีด� น 4 ด� น จ�กรูป มีด� น 6 ด�น มีมุม 4 มุม มีมมุ 6 มมุ รปู สีเ่ หลี่ยม รปู หกเหลี่ยม เรียกว่� เรียกว�่ 2) 3) จ�กรปู มดี �น 5 ด�น จ�กรูป มีด� น 6 ด�น มีมมุ 5 มุม มมี ุม 6 มุม รปู ห�เหลี่ยม รูปหกเหลยี่ ม เรยี กว่� เรยี กว่� 1 6 5 4 7 9 0๗๒ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

65 7 90 ฝ.๓.๓/ผ.๓ 22 1 225) หน่วยที่ ๓ เรข�คณิต 4) จ�กรปู มดี � น 10 ด�น จ�กรูป มีด� น 9 ด� น มีมมุ 10 มุม มมี มุ 9 มมุ รปู สบิ เหลีย่ ม รูปเก� เหลีย่ ม เรยี กว่� เรยี กว่� 6) 7) จ�กรูป มดี �น 5 ด�น จ�กรปู มดี �น 8 ด� น มมี มุ 5 มุม มมี มุ 8 มุม รปู ห�เหล่ยี ม รปู แปดเหล่ียม เรียกว�่ เรียกว่� 1 6 5 4 7 9 0ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๗๓

01 57 22 9 4 หน่วยท่ี ๓ เรข�คณิต เรข�คณิต ฝ.๓.๓/ผ.๓ 2 เติมคำ�ตอบ 1) รปู สบิ สองเหลี่ยมเปน รูปท่ีมดี า น 12 ดา น และมีมมุ 12 มุม 2) รปู เกา เหล่ยี มเปน รูปที่มีดาน 9 ดา น และมีมุม 9 มุม 3) รูปย่สี บิ เหลย่ี มเปน รปู ทม่ี ดี า น 20 ดา น และมีมมุ 20 มมุ 4) รปู ที่มีดา น 15 ดา น และมมี มุ 15 มมุ เรียกวา รปู สบิ ห� เหลย่ี ม 5) รปู ท่ีมีดา น 10 ดาน และมมี มุ 10 มุม เรียกวา รูปสิบเหลยี่ ม 6) รูปท่ีมีดาน 7 ดา น และมีมมุ 7 มมุ เรยี กวา รปู เจด็ เหล่ียม 1 6 5 4 7 9 0๗๔ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

65 7 90 ฝ.๓.๔/ผ.๖ 22 1 22 หน่วยที่ ๓ เรข�คณิต แบบฝกึ หัด 3.4 ล�กเสน ตอ่ จดุ ใหเ ปน รปู หล�ยเหลย่ี มต�มทกี่ �ำ หนด โดยใหแ ตล่ ะรปู แตกต�่ งกนั 1 รปู สเ่ี หล่ยี ม — ————— ————— — ————— ————— ———— — ————— ————— ———— — ————— ————— ———— — ————— ————— ———— ———— 2 รูปห� เหล่ยี ม — ————— ————— — ————— ————— ———— — ————— ————— ———— — ————— ————— ———— — ————— ————— ———— ———— ————— ————— ————— ————— 3 รปู หกเหลย่ี ม — ————— ————— — ————— ————— ———— — ————— ————— ———— — ———— — ———— ———— 1 6 5 4 7 9 0ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๗๕

01 57 22 9 4 หน่วยที่ ๓ เรข�คณิต เรข�คณิต ฝ.๓.๔/ผ.๖ 4 รปู แปดเหลี่ยม ————— ————— ————— ————— ————— ————— ————— ————— ————— ————— ————— ————— ————— ————— ————— ————— ————— ————— ————— 5 รูปสบิ ส�มเหลย่ี ม ————— ————— ————— ————— ————— ————— ————— ————— ————— ————— ————— ————— ————— ————— ————— ————— ————— ————— ————— 6 รปู สบิ แปดเหล่ียม ————— ————— ————— ————— ————— ————— ————— (ค�ำ ตอบอยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของผสู อน) 1 6 5 4 7 9 0๗๖ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

22 1 65 7 90 22 หน่วยที่ ๓ เรข�คณิต แบบฝกึ หดั 3.5 ฝ.๓.๕/ผ.๗ 1 เขียน P ใน ใตว งกลม และเขยี น ✕ ใน ใตวงรี 1) 2) 3) ✕ P ✕ 4) 5) 6) ✕ ✕ P 7) 8) 9) P✕ P 1 6 5 4 7 9 0ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๗๗

01 5 7 22 9 4 ฝ.๓.๕/ผ.๗ หน่วยท่ี ๓ เรข�คณิต เรข�คณิต 2 ระบ�ยสใี หส วยง�ม พรอ มเตมิ ค�ำ ตอบ ภ�พนีม้ ีวงกลม 25 รูป วงรี 7 รูป 1 6 5 4 7 9 0๗๘ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

65 7 90 22 1 22 ฝ.๓.๖/ผ.๘ หนว่ ยท่ี ๓ เรข�คณิต แบบฝึกหดั 3.6 ประดิษฐ์ภ�พในธรรมช�ตโิ ดยใชรปู เรข�คณิตสองมติ ิ (ค�ำ ตอบอยู่ในดลุ ยพินจิ ของผสู อน) 1 6 5 4 7 9 0ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๗๙

01 57 22 9 4 หน่วยท่ี ๓ เรข�คณิต เรข�คณิต ฝ.๓.๗/ผ.๙ แบบฝึกหดั 3.7 ใชแบบของรูปเรข�คณิตสองมิติ เขียนรูปเรข�คณิตสองมิติต�มท่ีกำ�หนด แลวตกแตง่ ใหเปน ภ�พต่�ง ๆ ต�มจินตน�ก�ร และระบ�ยสใี หส วยง�ม ตัวอย�่ ง รูปสี่เหลี่ยม 1) รปู ส�มเหลี่ยม 2) รูปส่เี หลย่ี ม 1 6 5 4 7 9 0๘๐ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

5 7 90 ฝ.๓.๗/ผ.๙ 22 1 6 22 หนว่ ยที่ ๓ เรข�คณิต 3) รปู หกเหลย่ี ม 4) วงกลม 5) วงรี (ค�ำ ตอบอย่ใู นดลุ ยพนิ จิ ของผสู อน) 1 6 5 4 7 9 0ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๘๑

01 57 22 9 4 หนว่ ยท่ี ๓ เรข�คณิต เรข�คณิต ฝ.๓.๘/ผ.๑๐ แบบฝกึ หัด 3.8 ประดิษฐ์ภ�พต�มจินตน�ก�ร โดยใชแบบของรูปเรข�คณิตสองมิติ หล�ย ๆ ชนดิ ตกแต่งและระบ�ยสใี หสวยง�ม พรอ มตอบคำ�ถ�ม 1. ภาพน้ีมีชอื่ อะไร ................................................................................................................... 2. ภาพนีป้ ระกอบดว ยรูปเรขาคณิตสองมิติกีช่ นิด อะไรบาง และชนดิ ละกรี่ ูป ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. (คำ�ตอบอยู่ในดุลยพนิ จิ ของผูส อน) 1 6 5 4 7 9 0๘๒ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

ภาคผนวก ข แบบประเมนิ ทกั ษะและ กระบวนก�รท�งคณติ ศ�สตร์



1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2 แบบประเมนิ ทักษะและกระบวนกำรทำงคณติ ศำสตร์ : ดำ้ นกำรให้เหตุผล 1 6 5 7 902 2 กลุ่มสำระกำรเรยี นรคู้ ณิตศำสตร์ หนว่ ยกำรเรยี นรู้ที่ ….…… หน่วยยอ่ ยท่ี ……… เร่ือง ……………….………………………………………... ชน้ั ………………………..… 2 ภำคเรียนที่………….…ปีกำรศึกษำ ………….… วัน เดอื น ปที ี่บนั ทกึ ……………………………………………… ช่อื ผู้บันทึก ………….……………………………………..……. คำชแี้ จง จงบันทึกการปฏิบัตหิ รอื การแสดงพฤติกรรมของนักเรียนแตล่ ะคนท่ีสะท้อนทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ในด้านต่อไปน้ี โดยทาเครอ่ื งหมาย  ลงในช่องทีต่ รงกับ ระดบั คณุ ภาพทน่ี กั เรยี นแสดงออกและเกิดขึน้ จริง เกณฑก์ ำรประเมิน นกั เรียนตอ้ งได้คะแนนรวมต้งั แต่ร้อยละ ๖๐ จงึ ผา่ นเกณฑ์ (ประมาณ ๔ คะแนนข้ึนไป) ระดบั คณุ ภำพ ดีเย่ยี ม ดี ผ่ำน ไม่ผำ่ น เกณฑ์กำรพิจำรณำ ได้คะแนนรวม ๖ คะแนน ได้คะแนนรวม ๕ คะแนน ไดค้ ะแนนรวม ๔ คะแนน ได้คะแนนรวม ๒-๓ คะแนน พฤติกรรมท่แี สดงออก / ระดบั คณุ ภำพ เลขที่ ชือ่ - สกลุ นำควำมรทู้ ีเ่ รยี นมำใช้ประกอบกำรให้เหตุผล ใหเ้ หตผุ ลประกอบกำรตัดสนิ ใจ คะแนนรวม ผลกำรประเมิน ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ และสรุปผลได้เหมำะสม (๖) ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ (๓) (๒) (๑) (๓) (๒) (๑) ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๘๕ ๑๐

๘๖ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แบบประเมนิ ทักษะและกระบวนกำรทำงคณิตศำสตร์ : ดำ้ นกำรแกป้ ญั หำ 01 9 กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้คณติ ศำสตร์ หนว่ ยกำรเรียนรู้ที่ ….…… หนว่ ยยอ่ ยที่ ……… เรอ่ื ง ……………….………………………………………... ช้นั ………………………..… ภำคเรียนที่………….…ปกี ำรศึกษำ ………….… วัน เดอื น ปที บี่ นั ทกึ ……………………………………………… ช่อื ผู้บนั ทึก ………….……………………………………..……. คำชีแ้ จง จงบนั ทกึ การปฏบิ ัตหิ รอื การแสดงพฤตกิ รรมของนักเรียนแต่ละคนท่สี ะท้อนทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตรใ์ นดา้ นต่อไปนี้ โดยทาเครอื่ งหมาย  ลงในชอ่ งทีต่ รงกับ ระดบั คุณภาพทนี่ ักเรยี นแสดงออกและเกดิ ข้นึ จริง เกณฑ์กำรประเมิน นักเรียนตอ้ งได้คะแนนรวมตัง้ แต่รอ้ ยละ ๖๐ จงึ ผา่ นเกณฑ์ (ประมาณ ๔ คะแนนข้ึนไป) ระดับคณุ ภำพ ดเี ย่ียม ดี ผำ่ น ไมผ่ ่ำน เกณฑก์ ำรพิจำรณำ ไดค้ ะแนนรวม ๖ คะแนน ได้คะแนนรวม ๕ คะแนน ได้คะแนนรวม ๔ คะแนน ได้คะแนนรวม ๒-๓ คะแนน พฤติกรรมที่แสดงออก / ระดับคุณภำพ เลขที่ ช่ือ - สกลุ เข้ำใจปญั หำที่ผู้สอนกำหนด แสดงวธิ ีกำรแกป้ ัญหำได้ครบถว้ นสมบรู ณ์ คะแนนรวม ผลกำรประเมิน 5 47 (๖) ๑ ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ ดี พอใช้ ควรปรับปรุง ๒ (๓) (๒) (๑) (๓) (๒) (๑) ๓ ๔ 2 2๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2 แบบประเมนิ ทกั ษะและกระบวนกำรทำงคณติ ศำสตร์ : ด้ำนกำรสอ่ื สำรและกำรสือ่ ควำมหมำยทำงคณิตศำสตร์ 1 6 5 7 902 2 กล่มุ สำระกำรเรยี นรคู้ ณิตศำสตร์ หนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี ….…… หน่วยยอ่ ยท่ี ……… เรอื่ ง ……………….………………………………………... ชน้ั ………………………..… 2 ภำคเรยี นที่………….…ปกี ำรศกึ ษำ ………….… วนั เดอื น ปีทบี่ นั ทกึ ……………………………………………… ชอ่ื ผู้บนั ทึก ………….……………………………………..……. คำช้แี จง จงบนั ทึกการปฏิบัตหิ รอื การแสดงพฤติกรรมของนกั เรียนแตล่ ะคนทสี่ ะท้อนทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ในด้านต่อไปนี้ โดยทาเครื่องหมาย  ลงในชอ่ งทตี่ รงกับ ระดับคุณภาพทนี่ กั เรียนแสดงออกและเกดิ ข้นึ จริง เกณฑก์ ำรประเมิน นกั เรียนตอ้ งไดค้ ะแนนรวมตั้งแต่รอ้ ยละ ๖๐ จึงผา่ นเกณฑ์ (ประมาณ ๔ คะแนนข้นึ ไป) ระดบั คุณภำพ ดเี ยีย่ ม ดี ผ่ำน ไม่ผำ่ น เกณฑก์ ำรพจิ ำรณำ ไดค้ ะแนนรวม ๖ คะแนน ได้คะแนนรวม ๕ คะแนน ได้คะแนนรวม ๔ คะแนน ไดค้ ะแนนรวม ๒-๓ คะแนน พฤตกิ รรมที่แสดงออก / ระดบั คุณภำพ ใช้ภำษำและสญั ลักษณ์ในกำรสือ่ สำรและ นำเสนอแนวคิด/ควำมคิดเห็นท่ีเหมำะสม คะแนนรวม ผลกำรประเมิน (๖) เลขที่ ชอ่ื - สกลุ กำรส่อื ควำมหมำยทำงคณติ ศำสตร์ไดถ้ ูกต้อง กับปัญหำ ๑ ดี พอใช้ ควรปรับปรุง ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ ๒ ๓ (๓) (๒) (๑) (๓) (๒) (๑) ๔ ๘๗ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐

๘๘ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แบบประเมินทักษะและกระบวนกำรทำงคณิตศำสตร์ : ดำ้ นกำรเช่อื มโยง 01 9 กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้คณิตศำสตร์ หน่วยกำรเรียนรู้ที่ ….…… หน่วยยอ่ ยท่ี ……… เร่อื ง ……………….………………………………………... ช้ัน ………………………..… ภำคเรยี นที่………….…ปกี ำรศึกษำ ………….… วัน เดอื น ปีทบี่ นั ทกึ ……………………………………………… ชือ่ ผู้บันทึก ………….……………………………………..……. คำชี้แจง จงบันทกึ การปฏบิ ัติหรือการแสดงพฤติกรรมของนักเรียนแต่ละคนทีส่ ะท้อนทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ในด้านต่อไปนี้ โดยทาเครื่องหมาย  ลงในช่องทต่ี รงกับ ระดับคุณภาพท่นี กั เรียนแสดงออกและเกดิ ข้ึนจริง เกณฑก์ ำรประเมิน นักเรียนตอ้ งไดค้ ะแนนรวมตั้งแต่รอ้ ยละ ๖๐ จงึ ผ่านเกณฑ์ (ประมาณ ๔ คะแนนขึน้ ไป) ระดบั คุณภำพ ดเี ยีย่ ม ดี ผำ่ น ไมผ่ ำ่ น เกณฑ์กำรพจิ ำรณำ ไดค้ ะแนนรวม ๖ คะแนน ไดค้ ะแนนรวม ๕ คะแนน ได้คะแนนรวม ๔ คะแนน ไดค้ ะแนนรวม ๒-๓ คะแนน พฤตกิ รรมทแ่ี สดงออก / ระดับคุณภำพ เลขท่ี ช่ือ - สกลุ เชือ่ มโยงควำมรู้ในสำระคณิตศำสตรห์ รือสถำนกำรณ์ในชีวิตจริง คะแนนรวม ผลกำรประเมนิ 5 47 (๖) ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง (๖) (๔) (๒) 22

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ )22 แบบประเมนิ ทักษะและกระบวนกำรทำงคณิตศำสตร์ : ดำ้ นกำรคดิ สร้ำงสรรค์ กลุม่ สำระกำรเรียนรูค้ ณิตศำสตร์ หน่วยกำรเรียนรู้ที่ ….…… หนว่ ยยอ่ ยที่ ……… เร่อื ง ……………….………………………………………... ชัน้ ………………………..… ภำคเรยี นที่………….…ปีกำรศึกษำ ………….… วนั เดอื น ปีทีบ่ นั ทกึ ……………………………………………… ชือ่ ผู้บันทกึ ………….……………………………………..……. 1 6 5 7 90 คำช้ีแจง จงบันทกึ การปฏบิ ัตหิ รือการแสดงพฤติกรรมของนักเรียนแต่ละคนท่สี ะท้อนทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตรใ์ นด้านต่อไปนี้ โดยทาเคร่ืองหมาย  ลงในช่องทีต่ รงกบั ระดับคุณภาพทีน่ ักเรียนแสดงออกและเกิดขน้ึ จริง เกณฑก์ ำรประเมิน นกั เรียนตอ้ งได้คะแนนรวมต้ังแต่รอ้ ยละ ๖๐ จงึ ผ่านเกณฑ์ (ประมาณ ๔ คะแนนขึ้นไป) ระดบั คณุ ภำพ ดีเยี่ยม ดี ผ่ำน ไม่ผ่ำน เกณฑ์กำรพิจำรณำ ไดค้ ะแนนรวม ๖ คะแนน ไดค้ ะแนนรวม ๕ คะแนน ไดค้ ะแนนรวม ๔ คะแนน ได้คะแนนรวม ๒-๓ คะแนน พฤติกรรมทแี่ สดงออก / ระดบั คณุ ภำพ เลขที่ ช่ือ - สกลุ คิดแปลกใหม่/ ดัดแปลง/ ประยกุ ต์ แตกตำ่ งจำกเดิม และนำไปใช้ไดถ้ ูกต้อง คะแนนรวม ผลกำรประเมนิ (๖) ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง (๖) (๔) (๒) 22 ๘๙

01 9 5 47 22 คณะผจู ดั ทำ� ทป่ี รึกษ�มูลนธิ ิก�รศึกษ�ท�งไกลผ่�นด�วเทียม ในพระบรมร�ชูปถมั ภ์ พลเอกดาวพ งษ รตั นสวุ รรณ ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิการศึกษาทางไกลผา นดาวเทียม รองศาสตราจารยนราพร จนั ทรโอชา ในพระบรมราชปู ถัมภ รองประธานกรรมการบรหิ ารมลู นิธกิ ารศกึ ษาทางไกลผา น ดาวเทยี มในพระบรมราชปู ถมั ภ นายอนุสรณ ฟูเจริญ ผูชวยเลขาธิการมูลนิธิการศึกษาทางไกลผานดาวเทียม ในพระบรมราชปู ถัมภ ที่ปรึกษ�สำ�นกั ง�นโครงก�รสมเด็จพระเทพรัตนร�ชสดุ � ฯ นายสมเกียรติ ชอบผล ท่ีปรึกษาสาํ นักงานโครงการสมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ นายสุชาติ วงศส วุ รรณ ขา ราชการบํานาญ อดีตผูตรวจราชการกระทรวงศกึ ษาธิการ ทป่ี รึกษ�สำ�นกั ง�นคณะกรรมก�รก�รศกึ ษ�ขัน้ พ้นื ฐ�น นายบญุ รกั ษ ยอดเพชร เลขาธกิ ารคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน นายณรงค แผวพลสง รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน นางสาวอุษณยี  ธโนศวรรย รองเลขาธกิ ารคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน นางสกุ ญั ญา งามบรรจง รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พื้นฐาน นายอัมพร พนิ ะสา รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นายสนทิ แยม เกษร รองเลขาธกิ ารคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน ที่ปรึกษ�กลุ่มส�ระก�รเรียนรคู ณิตศ�สตร์ สถ�บนั ส่งเสริมก�รสอนวิทย�ศ�สตร์และเทคโนโลยี ศาสตราจารย ดร.ชูกจิ ลิมปจ าํ นงค ผอู ํานวยการสถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ผูชว ยผอู ํานวยการสถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร ดร.กุศลนิ มสุ ิกุล และเทคโนโลยี ผอู าํ นวยการสํานกั คณติ ศาสตรแ ละเทคโนโลยี ดร.ศรเทพ วรรณรัตน สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ผูอาํ นวยการสาขาคณิตศาสตรประถมศกึ ษา นายสมเกยี รติ เพ็ญทอง สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 1 6 5 4 7 9 0๙๐ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

1 6 5 7 90 22 22ผรู ับผิดชอบโครงก�ร นางนิรมล ตูจนิ ดา ผเู ชีย่ วชาญดานพัฒนาหลักสูตรและการเรียนรู ขา ราชการบํานาญ สพฐ. คณะทำ�ง�นกลุ่มส�ระก�รเรยี นรูค ณติ ศ�สตร์ ผศ.เปรมฤดี เน้ือทอง ขาราชการนาํ นาญ ร.ร.สาธติ แหงมหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร นางสาวจิราพร พรายมณี ขาราชการบํานาญ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนนั ทา นางนงลักษณ ศรีสวุ รรณ นกั วิชาการอสิ ระ ดร.ตอ งตา สมใจเพ็ง คณะศกึ ษาศาสตร มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร ดร.กนิษฐา เชาววัฒนกลุ คณะศกึ ษาศาสตรแ ละพัฒนศาสตร มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร วิทยาเขตกําแพงแสน นางคนึงนิตย ชาญวฒุ ิธรรม ขา ราชการบํานาญ โรงเรยี นคลองทรงกระเทยี ม นายสมเกยี รติ เพ็ญทอง สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ดร.ภัทรวดี หาดแกว สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี นางณตั ตยา มังคลาสริ ิ สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี นางสาวคงขวญั ทิพยอ ักษร สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี คณะบรรณ�ธิก�รกจิ ศรีสวุ รรณ นกั วิชาการอสิ ระ สมใจเพ็ง คณะศึกษาศาสตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร นางนงลกั ษณ หาดแกว สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ดร.ตอ งตา ดร.ภัทรวดี ฝ�ยสนบั สนุนวิช�ก�ร นางสาวละออ เจรญิ ศรี สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ออกแบบรูปเล่ม องคก ารคาของ สกสค. 1 6 5 4 7 9 0ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๙๑

01 9 5 47 22 1 6 5 4 7 9 0๙๒ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook