ระบบประสาท
แบบฝึกหัดก่อนเรียน 1. การปฏิบัติตนตามข้อใดช่วยให้ระบบประสาททำงานตามปกติ ก. รับประทานอาหารเสริมเป็นประจ้า ข. เข้านอนเร็วและต่ืนนอนเช้าตรู่ ค. เล่นเกมคอมพิวเตอร์ทุกวัน ง. ดูแลร่างกายให้สะอาดอยู่เสมอ 2. ข้อใดเป็นการปฏิบัติตนที่ส่งผลเสียต่อระบบประสาทและ ระบบต่อมไร้ท่อ ก. เล่นอินเตอร์เน็ตวันละ 1-2 ช่ัวโมง ข. รับประทานอาหารทะเลเป็นประจ้า ค. ดื่มน้้ำอัดลมผสมแอลกอฮอล์ ง. เล่นกีฬากับเพื่อนในเวลาว่าง 3. อวัยวะใดเป็นอวัยวะหลักของระบบประสาท ก. เส้นประสาท ข. สมอง ค. ต่อมไร้ท่อ ง. เซลล์ประสาท 4. การสดุ้งเม่ือสัมผัสของร้อนเกิดจากการท้างานส่วนใด ก. สมองส่วนเซรีบรัม ข. สมองส่วนกลาง ค. เส้นประสาทสมอง ง. ไขสันหลัง 5. การเป็นอัมพาตหรืออัมพฤกษ์เกิดจากความปกติใดใน ร่างกาย ก. ระบบสืบพันธุ์ ข. ระบบหายใจ ค. ระบบประสาท ง. ระบบต่อมไร้ท่อ
ระบบประสาท ประกอบด้วยสมอง ไขสันหลัง และเส้นประสาท ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมและประสานการทำงานของระบบต่าง ๆ ใน ร่างกายให้ดำเนินไปด้วยดี โดยมีสมองเป็นอวัยวะหลักระบบประสาท จึงมีความสำคัญต่อภาวะสุขภาพ การเจริญเติบโตของร่างกาย และ พัฒนาการด้านต่าง ๆ คือ เป็นตัวควบคุมการทำงานและรับความรู้สึก ของอวัยวะทุกส่วนในร่างกาย รวมถึงความรู้สึกนึกคิด อารมณ์ และ ความทรงจำต่าง ๆ โครงสร้างของระบบประสาท ระบบประสาทเป็นระบบศูนย์กลางที่ควบคุมการทำงานของร่างกาย เป็นระบบที่ทำหน้าที่รับความรู้สึก ควบคุมความคิด ถ้ามีอันตรายเกิด ขึ้นกับสมอง ก็จะทำให้ร่างกายพิการหรือเสียชีวิต แบ่งเป็น 1) ระบบประสาทส่วนกลาง - สมอง แบ่งออกเป็น สมองส่วนหน้า(เซรีบรัม ทาลามัส และไฮโพทาลามัส) สมองส่วนกลาง การมองเห็นได้ยินและสัมผัส สมองส่วนท้าย(พอนส์ เมดัลลา ออบลองกาตาและซีรีเบลลัม 2) ไขสันหลัง มีหน้าที่ ถ่ายทอดกระแสประสาทระหว่างสมองและ ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย รวมทั้งควบคุม การเกิดปฏิกิริยาตอบสนอง ต่อ สิ่งกระตุ้นอย่างฉับพลันทันที
การทำงานของระบบประสาท ระบบประสาทอัตโนมัติ เป็นการท้างานที่เกิดกับ หน่วยปฏิบัติงานที่ บังคับไม่ได้ 1) ระบบประสาทซิมพาเทติก มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะ บางอย่าง ซึ่งทำงานอยู่นอกเหนืออ้านาจจิตใจ มีศูนย์กลางอยู่ที่ ไขสันหลังการท้างานเมื่อมีเหตุฉุกเฉิน เช่น ไฟไหม้ หรือก้าลังจะมี อันตรายเกิดขึ้น ระบบจะสั่งให้สู้หรือหนี (2) ระบบประสาทพาราซิมพาเทติก มีหน้าที่ ควบคุมการทำงานของ อวัยวะบางอย่าง ซึ่งทำงานอยู่นอกเหนืออำนาจจิตใจเช่นเดียวกับ ระบบประสาทซิมพาเทติก มีศูนย์กลางอยู่ที่เส้นประสาทสมองคู่ที่ 3, 7, 9, 10 (บริเวณเมดัลลา ออบลองกาตา) และไขสันหลังส่วน กระเบน เหน็บ (ก้นกบ) โดยจะทำงานควบคู่กับระบบประสาทซิมพา เทติก เพื่อให้ร่างกายกลับสู่ภาวะปกติหรือภาวะผ่อนคลาย
แบบฝึกหัดหลังเรียน 1. หากการทำงานของระบบประสาทผิดปกติ จะส่งผลอย่างไรต่อ ร่างกาย ก. ใช้ความคิดต่าง ๆ ได้ดีกว่าเดิม ข. หัวใจเต้นไม่เป็นปกติ ค. มีอาการเซ่ืองซึม ง. ไม่มีผลใด ๆ ต่อร่างกาย 2. สารไอโอดีนมีความส้าคัญต่อร่างกายอย่างไร ก. ช่วยสร้างเสริมพัฒนาการของสมอง ข. ช่วยละลายสารพิษในร่างกาย ค. ช่วยป้องกันการเกิดโรคผิวหนัง ง. ช่วยบำรุงสายตา 3. ข้อใดเป็นส่วนประกอบของสมองท้าย ก. ทาลามัส ข. เซรีบรัม ค. เมดัลลา ออบลองกาตา ง. ไฮโพทาลามัส 9. ระบบประสาทพาราซิมพาเทติก มีผลต่อการท้างานของ ร่างกายอย่างไร ก. เส้นเลือดหดตัว ข. หัวใจเต้นช้าลง ค. รูม่านจะขยาย ง. หัวใจเต้นเร็ว 10. พฤติกรรมไดที่แสดงให้เห็นถึงการท้างานของระบบ ประสาทที่มีผลต่อพัฒนาการ ก. การแสองออกของอารมณ์ต่าง ๆ ข. การดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงสมบูรณ์ ค. การพักผ่อนที่ไม่พอเพียงท้าให้อ่อนเพลีย ง. การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะกับความต้องการของ ร่างกาย
เฉลยแบบฝึกหัด ก่อนเรียน 1. ข. เข้านอนเร็วและต่ืนนอนเช้าตรู่ 2. ค. ดื่มน้ำอัดลมผสมแอลกอฮอล์ 3. ข. สมอง 4. ง. ไขสันหลัง 5. ค. ระบบประสาท หลังเรียน 1. ค. มีอาการเซื่องซึม 2. ก. ช่วยสร้างเสริมพัฒนาการของสมอง 3. ค. เมดัลลา ออบลองกาตา 4. ข. หังใจเต้นช้าลง 5. ก. การแสดงออกของอารมณ์ต่าง ๆ
การเคลื่อนที่ ของสิ่งมีชีวิต
แบบฝึกหัดก่อนเรียน 1, plasmosol ของอะมีบามีลักษณะอย่างไร ก. เป็นของแข็งอยู่ด้านใน ข. เป็นของแข็งอยู่ด้านนอก ค. เป็นของเหลวอยู่ด้านใน ง. เป็นของเหลวอยู่ด้านใน 2. การเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของ sol และ gel เป็นการทำให้ เกิดการเคลื่อนที่ของโพโทซัวชนิดใด ก. ยูกลีนา ข.พลาสโมเดียม ค. พารามีเซียม ง.อะมีบา 3. การเคลื่อนที่ของพารามีเซียมโดยอาศัยการพัดโบกของของ ซิเลียจะหยุดทำงานเมื่อตัดสิ่งใดออก ก. basal body ข. kinetosome ค. microtubule ง. ข้อ ก และ ข 4. การเคลื่อนที่ของแมงกะพรุนมีลักษณะเช่นเดียวกับการ เคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตชนิดใด ก. ดาวทะเล ข. ปลิงทะเล ค. หมึกกล้วย ง. ดอกไม้ทะเล 5. tube feet พบได้ในสัตว์พวกใด ก. ดอกไม้ทะเล ข. ปะการัง ค. ดาวทะเล ง. ปลิงทะเล
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว - ไซโทพลาซึม หมายถึง ส่วนของโพรโทพลาซึมภายในเซลล์ ทั้งหมด การเคลื่อนไหวโดยใช้ไซโทพลาซึมนี้จะเคลื่อนไหวโดยการ ยืดส่วนของไซโทพลาซึมออกจากเซลล์ เ ช่น การเคลื่อนไหวของรา เมือก อะมีบา เป็นต้น การเคลื่อนไหวของอะมีบา ซึ่งเป็นโพรทิสต์ที่ อาศัย การไหลของไซโทพลาซึมที่แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ เอ็กโท พลาซึม และ เอนโดพลาซึม ภายในไซโทพลาซึมมีไมโครฟิลาเมนต์ ที่ทำให้เอนโดพลาซึมไหลไป- มาภายในเซลล์ได้ และดันเยื่อหุ้ม เซลล์เป็นขาเทียม - แฟลเจลลัมหรือซีเลีย สามารถโบกพัดไปมาได้ 1) แฟลเจลลัม มีลักษณะเป็นเส้นยาว ๆ คล้ายหนวดยาวกว่าซีเลีย แฟลเจลลัม พบในยูกลีนา วอลวอกซ์ เป็นต้น 2) ซีเลีย มีลักษณะเป็นเส้นเล็ก ๆ ยื่นยาวออกจากเซลล์ใช้โบกพัด เพื่อเคลื่อนที่ภายในของเหลว พบในพารามีเซียม พลานาเรีย การเคลื่อนที่ของสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลัง - การเคลื่อนที่ไส้เดือน ใช้เดือยจิกดินไว้ กล้ามเนื้อวงกลมหดตัว ส่วนกล้ามเนื้อตามยาวคลายตัว ทำให้ลำตัวยืดยาวออก เมื่อสุดแล้ว ส่วนหน้า คือ ปล้องแรกของไส้เดือนกับเดือยจะจิกดินแล้วกล้ามเนื้อ วงกลมคลายตัว กล้ามเนื้อตามยาวหดตัว ดึงส่วนท้ายของลำตัวให้ เคลื่อนมาข้างหน้า การเคลื่อนที่ของไส้เดือน เกิดจากการทำงานร่วม กันของกล้ามเนื้อวงกลมและกล้ามเนื้อตามยาว หดตัวและคลายตัวเป็น ระลอกคลื่นจากทางด้านหน้ามาทางด้านหลังทำให้เกิดการเคลื่อนที่ไป ทางด้านหน้า
- การเคลื่อนที่ของพลานาเรีย ลอยไปตามน้ำ หรือคืบคลานตามพืช ใต้น้ำโดยอาศัยกล้ามเนื้อวงและกล้ามเนื้อตามยาว ส่วนกล้ามเนื้อ ทแยงจะช่วยให้ลำตัวแบนบางและพลิ้วไปตามน้ำ - แมงกะพรุน เคลื่อนที่โดยการหดตัวของเนื้อเยื่อบริเวณขอบกระดิ่ง และที่ผนังลำตัวสลับกัน ทำให้พ่นน้ำออกมาทางด้านล่างส่วนตัวจะพุ่ง ไปในทิศทางตรงข้ามกับทิศทางน้ำที่พ่นออกมา - การเคลื่อนที่ของหมึก เคลื่อนที่โดยการหดตัวของกล้ามเนื้อลำตัว พ่นน้ำออกมาจากไซฟอน ทำให้ตัวพุ่งไปข้างหน้าในทิศทางที่ตรง ข้ามกับทิศทางของน้ำ และเกิดการเปลี่ยนแปลงทิศทางการเคลื่อนที่ - การเคลื่อนที่ของดาวทะเล แอมพลูลาหดตัวดันน้ำไปตามทิวบ์ฟีท ทำให้ทิวบ์ฟีทยืดยาวออกเมื่อเคลื่อนที่ไปแล้วทิวบ์ฟีทหดสั้นเข้าดัน น้ำกลับเข้าสู่แอมพูลลาใหม่ การหดตัวและคลายตัวของทิวบ์ฟี ทอาศัยแรงดันของน้ำ - การเคลื่อนที่ของแมลง เกิดจากทำงานสลับกันของกล้ามเนื้อเฟล็ กเซอร์ และเอ็กเทนเซอร์ ซึ่งเกาะอยู่โพรงไคทินนี้ โดยกล้ามเนื้อเฟล็ กเซอร์ทำหน้าที่ในการงอขา และกล้ามเนื้อเอ็กเทนเซอร์ทำหน้าที่ใน การเหยียดขา ซึ่งการทำงานเป็นแบบแอนทาโกนิซึมเหมือนกับคน
แบบฝึกหัดหลังเรียน 1. การหดตัวและการยืดตัวของไส้เดือนเป็นผลจากการทำงาน ร่วมกันของกล้ามเนื้อชนิดใด ก. flexor และ extensor muscle ข. circular และ longitudinal muscle ค. endo และ extensor ง. ventral muscle 2. การทำงานสลับกันของกล้ามเนื้อ flexor กับ extensor เรียกว่าอะไร ก. co-relationship ข. antagonism ค. co-ordination ง. antibiosis 3. การที่ปลาเคลื่อนที่ได้นั้นเพราะปลามีลักษณะอย่างไร ก. รูปร่างเพรียวแบน ข. มีกล้ามเนื้อยืดเกาะกับกระดูกครีบ ค. มีกระดูกที่อัดตัวกันแน่น ง. มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง 4. สัตว์ที่มี flipper ช่วยในการเคลื่อนที่ คือ สัตว์ชนิดใด ก. เต่าทะเล ข. แมวน้ำ ค. สิงโตทะเล ง. ถูกทุกข้อ 5. ลักษณะข้อใด ไม่ใช่ ลักษณะของนก ก. มีถุงลมติดกับปอดช่วยในการหายใจ ข. มีกล้ามเนื้อใหญ่แข็งแรง ค. มีกระดูกใหญ่อัดตัวแน่น แข็งแรงและหนัก ง. มีกระดูกกลวงเบา อยู่ชิดกันทำให้รูปร่างเล็กและเพรียวลม
เฉลยแบบฝึกหัด ก่อนเรียน 1. ค. เป็นของเหลวอยู่ด้านใน 2. ง. อะมีบา 3. ง. ข้อ ก. และ ข. 4. ค.หมึกกล้วย 5. ค. ดาวทะเล หลังเรียน 1. ข.circular และ longitudinal muscle 2. ข. antagonism 3. ข. มีกล้ามเนื้อยึดเกาะกับกระดูกครีบ 4. ง. ถูกทุกข้อ 5. ค. มีกระดูกใหญ่ที่อัดตัวกันแน่น แข็งแรงและหนัก
ระบบต่อมไร้ท่อ
แบบฝึกหัดก่อนเรียน 1. ต่อมไร้ท่อชนิดใดที่ไม่ถูกควบคุมโดยตรงจากฮอร์โมนที่สร้าง จากต่อมใต้สมอง ก.ไทรอยด์ ข. พาราไทรอยด์ ค. อะดรีนัล คอร์เทกซ์ ง. อินเตอร์สติเซียล เซลล์ 2. การที่ไก่ตัวผู้มีหงอนและขนยาวกว่าตัวเมีย เป็นเพราะการ ทำงานของฮอร์โมน ก. คอร์ติซอล ข. อิสโทรเจน ค. เทสโทสเตอโรน ง. กลูคากอน 3. ต่อมภายในร่างกายที่ทำหน้าที่เป็นได้ทั้งต่อมไร้ท่อและ ต่อมมี ท่อ คือ ก. ต่อมอะดรีนัลและตับ ข. ตับอ่อนและอวัยวะสืบพันธุ์ ค. ตับและตับอ่อน ง. ตับและต่อมน้ำลาย 4. ถ้าต่อมใต้สมองถูกทำลาย การทำงานของต่อมไม่มีท่อส่วน ใหญ่จะผิดปกติ ยกเว้น ก. adrenal medulla , testis ข. thyroid , adrenal cortex , ovary ค. thyroid , adrenal cortex , ovary ง. adrenal medulla , parathyroid , thymus 5. หากร่างกายไม่ได้รับไอโอดีนเป็นเวลานาน โรคที่น่าจะ เป็นได้ ง่ายที่สุดควรเป็น ก. คอพอกและ myxedema ข. myxedema ค. คอพอกและตาโปน ง. Grave’s disease
ระบบต่อมไร้ท่อ ควบคุมลักษณะที่เปลี่ยนแปลงของร่างกายแบบค่อย เป็นค่อยไปของวัยหนุ่มสาว การควบคุมปริมาณสารบางอย่างในร่างกาย เป็นหน้าที่ของระบบต่อมไร้ท่อ ที่สร้างสารเคมี ที่เรียกว่า ฮอร์โมน ไป ควบคุมการทำงานของอวัยวะเป้าหมาย 1. ต่อมใต้สมอง ผลิตฮอร์โมนที่สำคัญ เช่น 1) Growth Hormone เป็นฮอร์โมนควบคุมการเจริญเติบโตของ ร่างกาย โดยเฉพาะ กระดูกและกล้ามเนื้อ 2) Thyroid Stimulating Hormone เป็นฮอร์โมนกระตุ้นต่อมไทรอยด์ ให้สร้าง ไทร็อกซินเพิ่มขึ้น 3) Gonadotrophic Hormone เป็นฮอร์โมนกระตุ้นการสร้างเซลล์ สืบพันธุ์ 4) Antidiuretic Hormone เป็นฮอร์โมนช่วยในการดูดน้ำกลับของท่อ ไต เพื่อรักษา ระดับน้ำของร่างกาย 5) Melatonin เป็นฮอร์โมนกระตุ้นให้เซลล์เม็ดสีสร้างเม็ดสีเพิ่มมาก ขึ้น 2. ต่อมไทรอยด์ ผลิตฮอร์โมนที่สำคัญ คือ ไทร็อกซิน โดยใช้ไอโอดีน เป็นวัตถุดิบในการสร้างฮอร์โมน ซึ่งฮอร์โมนไทร็อกซินมีหน้าที่สำคัญ ดังนี้ 1) ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูก สมอง และระบบประสาท 2) ช่วยในการเปลี่ยนแปลงรูปร่างเมื่อเป็นผู้ใหญ่ 3) ช่วยควบคุมอัตราเมตาบอลิซึมในร่างกาย 3. ต่อมพาราไทรอยด์ ผลิตฮอร์โมนพาราธอร์โมน ทำหน้าที่เกี่ยวกับการ ควบคุมเมตาบอลิซึมของแคลเซียมและฟอสฟอรัสในร่างกาย การสร้าง กระดูกและควบคุมบทบาทของวิตามินดีในร่างกาย 4. ตับอ่อน ส่วนที่เป็นต่อมไร้ท่อ จะผลิตฮอร์โมนที่สำคัญ ดังนี้ 1) อินซูลิน เป็นฮอร์โมนที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลง โดยช่วย ให้กลูโคสผ่านเข้าเซลล์ และเปลี่ยนส่วนหนึ่งเป็นไกลโคเจนเก็บไว้ที่ตับ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในระดับปกติ 2) กลูคากอน เป็นฮอร์โมนที่ทำงานตรงข้ามกับอินซูลิน คือ ทำให้ ระดับน้ำตาลใน เลือดสูงขึ้น
5.ต่อมหมวกไต แบ่งฮอร์โมนออกเป็น 3 กลุ่ม ที่สำคัญ คือ 1. Glucocorticoid hormone ทำหน้าที่ควบคุมเมแทบอลิซึมของ คาร์โบไฮเดรต โดยเปลี่ยนไกลโคเจนในตับ และกล้ามเนื้อให้เป็น กลูโคส 2. Mineralocorticoid hormone ทำหน้าที่ควบคุมสมดุลของน้ำและ เกลือแร่ฮอร์โมนสำคัญกลุ่มนี้ คือ aldosterone ช่วยในการทำงานของ ไตในการดูดกลับ Na และ Cl ภายในท่อไต ถ้าขาด aldosterone จะ ทำให้ร่างกาย สูญเสียน้ำและโวเดียมไปพร้อมกับปัสสาวะ ส่งผลให้ เลือดในร่างกายลดลง จนอาจทำให้ผู้ป่วยตาย เพราะความดันเลือดต่ำ 3. Sex hormone ฮอร์โมนเพศช่วยควบคุมลักษณะทางเพศที่ สมบูรณ์ทั้งชายและหญิง 6. ต่อมเพศ ในเพศชายคือ อัณฑะ ในเพศหญิงคือรังไข่ 1) ฮอร์โมนเพศชาย คือ เทสทอสเตอโรน ซึ่งทำหน้าที่หลายอย่าง เช่น ควบคุมการเจริญเติบโตของอวัยวะสืบพันธุ์ ควบคุมการหลั่ง ฮอร์โมนของเพศชาย 2) ฮอร์โมนเพศหญิง คือ เอสโตรเจน ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการเจริญ เติบโตของอวัยวะสืบพันธุ์ และลักษณะต่างๆ ของความเป็นเพศหญิง และทำหน้าที่ระงับไม่ให้ไข่สุกระหว่างตั้งครรภ์เพื่อป้องกันไม่ให้มี ประจำเดือนระหว่างตั้งครรภ์ 7. ต่อมเหนือสมอง เช่น - ADH กระตุ้นให้เส้นเลือดแดงเล็กๆ หดตัว ทำให้ความดันโลหิตสูง ขึ้น, กระตุ้นให้ท่อของหน่วยไตส่วนท้าย และส่วนรวมมีการดูดน้ำกลับ คืน ถ้าร่างกายขาด ADH จะปัสสาวะมาก ทำให้เกิดโรคเบาจืด 8. ต่อมไทมัส สร้างฮอร์โมน ไทโมซิน ไปอวัยวะเป้าหมาย คือ เนื้อเยื่อ ของต่อไทมัส ไปกระตุ้นการสร้าง T-lymphocyte ของต่อมไทมัส เจริญ เต็มที่ตั้งแต่ทารกยังอยู่ในครรภ์มารดาและจะเสื่อมสภาพ และฝ่อไป เรื่อยๆตามอายุตั้งแต่เข้าสู่วัยรุ่น ( สร้างเม็ดเลือดขาว แอนติบอดี )
แบบฝึกหัดหลังเรียน 1. หากต่อมใต้สมองทุกส่วนถูกทำลาย ผลที่ตามมา ภายหลัง 3 สัปดาห์คือ ก. ตาย ข. ปัสสาวะมาก ค. เป็นโรคเบาหวาน ง. หมดความรู้สึกทางเพศ 2. ไทรอกซินในเด็กทำหน้าที่ควบคุม ก. การเจริญเติบโตของร่างกาย ข. การพัฒนาทางจิตใจ ค. เมแทบอลิซึมของร่างกาย ง. การสะสมไขมันของร่างกาย 3. ข้อใดต่อไปนี้ มีความสัมพันธ์กันมากที่สุด ก. ต่อมไทรอยด์ ไทรอกซิน ไฮโพทาลามัส ต่อมใต้สมองส่วนหน้า ข. ตับ อินซูลิน น้ำดี น้ำย่อย ค. พาราทอร์โมน ต่อมหมวกไต กลูคากอน แคลเซียม ง. รังไข่ อีสโทรเจน ฟีโรโมน การเจริญของมดลูก 4. ไอโอดีนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับ ก. เมแทบอลิซึมทั่วๆไปของร่างกาย ข. ผลิต TSH จากต่อมใต้สมอง ค. ห้ามไม่ให้เกิดคอพอก ง. ผลิต thyroxine จากต่อมไทรอยด์ 5. หน้าที่สำคัญของตับอ่อน คือ ก. สร้างเอนไซม์และฮอร์โมน ข. สร้างน้ำดีและเอนไซม์ ค. สร้างเอนไซม์ ง. สร้างฮอร์โมน
เฉลยแบบฝึกหัด ก่อนเรียน 1. ข. พาราไทรอยด์ 2. ค. เทสโทสเตอโรน 3. ข. ตับอ่อนและอวัยวะสืบพันธุ์ 4. ง. adrenal medulla , parathyroid , thymus 5. ก. คอพอกและ myxedema หลังเรียน 1. ง. หมดความรู้สึกทางเพศ 2. ค. เมแทบอลิซึมของร่างกาย 3. ก. ต่อมไทรอยด์ ไทรอกซิน ไฮโพทาลามัส ต่อมใต้สมองส่วนหน้า 4. ง. ผลิต thyroxine จากต่อมไทรอยด์ 5. ก. สร้างเอนไซม์และฮอร์โมน
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: