นิทานเวตาล เรื่องท่ี ๑๐
ความเปน็ มานิทานเวตาล นิทานเวตาล ฉบับนิพนธ์ พระราชวงศ์เธอ กรมหม่ืนพิทยาลงกรณ มีที่มาจากวรรณกรรมสันสกฤตของอินเดีย โดยมีชื่อเดิมว่า “เวตาล ปญั จวงิ ศติ” ศิวทาสไดแ้ ตง่ ไว้ในสมัยโบราณ ต่อมาได้มผี ู้นานิทานเวตาลทง้ั ฉบบั ภาษาสันสกฤตและภาษาฮินดีมา แปลเป็นภาษาอังกฤษ โดยร้อยเอก เซอร์ ริชาร์ด เอฟ. เบอร์ตัน ก็ได้ นามาแปลและเรียบเรียงแต่งแปลงเป็นสานวนภาษาของตนเองให้คน อังกฤษอ่าน แตไ่ ม่ครบทง้ั 25 เร่ือง กรมหม่นื พทิ ยาลงกรณ ได้ทรงแปล นิทานเวตาลจากฉบับของเบอร์ตัน จานวน 9 เรื่อง และจากฉบับแปล สานวนของ ซี. เอช. ทอว์นีย์ อีก 1 เร่ือง รวมเป็นฉบับภาษาไทยของ กรมหม่นื พิทยาลงกรณ 10 เรอื่ ง เม่ือ พ.ศ. 2461 นิทานเวตาลเป็นนิทานท่ีมีลักษณะเป็นนิทานซับซ้อนนิทาน คือ มี นิทานเรื่องย่อยซอ้ นอยูใ่ นนทิ านเรอื่ งใหญ่
พระประวตั ิผแู้ ตง่ พระราชวงศ์เธอ กรมหม่ืนพิทยาลงกรณ์ มีพระนามเดิมว่า พระบวรวงศ์ เธอ พระองค์เจ้ารัชนีแจ่มจรัส เป็นพระราชโอรสในกรมพระราชวังบวรวิไชย ชาญ (พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระป่ินเกล้าเจ้าอยู่หัว) กับจอมมารดา เลี่ยมเล็ก (ธิดานายสุดจินดา (พลอย ชูโต) ประสูติเมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2420 ในพระบวรราชวัง มีพระเชษฐภคินีหนึ่งพระองค์คือพระราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภัททาวดศี รรี าชธดิ า เม่ือเยาว์วัยทรงเรียนหนังสือกับพระมารดาที่ตาหนัก เม่ือพระชันษา 5 ปี ก็ทรงอ่านหนังสือได้คล่อง ทรงเข้าศึกษาที่โรงเรียนพระตาหนักสวนกุหลาบ เมื่อ พ.ศ. 2429 และต่อมาศึกษาภาษาอังกฤษจนถึงพ.ศ. 2436 จึงเข้ารับราชการใน ตาแหน่งนายเวร กระทรวงธรรมการ ขณะพระชันษา 16 ปี และได้เลื่อนเป็น ผู้ช่วยในกรมศึกษาธิการใน ทรงรับหน้าที่พิเศษเป็นข้าหลวงสอบไล่วิชาหนังสือ ไทย ทรงเป็นกรรมการพิเศษร่างพระราชบัญญัติพิจารณาความแพ่ง และทรงได้ เลอื่ นเป็นผู้ชว่ ยทปี่ รกึ ษากระทรวงพระคลงั มหาสมบัติ
พระราชวรวงศเ์ ธอ กรมหม่นื พทิ ยาลงกรณ์
นทิ านเวตาล เร่อื งท่ี ๑๐ เวตาลกล่าวว่า คร้ังน้ีข้าพเจ้าให้เกิดกระเหม่นตาซ้าย หัวใจเต้นแรงแลตาก็ มืดมัว เป็นลางไม่ดีเสียแล้ว แต่ข้าพเจ้าก็จะเล่าเรื่องจริงถวายอีกเร่ืองหนึ่ง แล เพราะเหตุ ข้าพเจ้าเบ่ือหน่ายการถูกแบกสะพายไปมาเป็นหลายเท่ียวแล้ว แม้ พระองค์ไม่ทรงเบ่ือเป็นผู้แบกก็จริง ข้าพเจ้าจะตั้งปัญหาที่ยากทูลถามสักที ถ้า ทรงตอบได้ พระปญั ญาก็มากยิง่ ที่ขา้ พเจ้าคดิ ว่าจะมีในพระราชาพระองคใ์ ด ในโบราณกาลเมืองใหญ่เมืองหนึ่งช่ือกรุงธรรมปุระ พระราชาทรงนามท้าว มหาพล มีมเหสีซึ่งแม้มีพระราชธิดาจาเริญวัยใหญ่แล้ว มเหสียังเป็นสาวงดงาม ถ้าจะเปรียบกับพระราชบุตรี ก็คล้ายพ่ีกับน้องยิ่งกว่าแม่แลลูก ท่ีเป็นเช่นน้ีไม่ใช่ เพราะพระราชธิดามีอาการแก่เกินอายุ ที่จริงเป็นด้วยพระราชมารดาเป็นสาวไม่ รู้จกั แก่ แลความสาวของพระนางเป็นเคร่ืองประหลาดของคนทง้ั หลาย เม่ือท้าวมหาพลจะสิ้นบุญนั้น เกิดศึกข้ึนท่ีกรุงธรรมปุระ ข้าศึกมีกาลังมาก แลชานาญการศึก ใช้ทั้งทองคาแลเหล็กเป็นอาวุธ คือใช้ทองคาซ้ือน้าใจ นายทหารแลไพรพ่ ลของพระราชาให้เอาใจออกหากจากพระองค์ แลใช้เหลก็ เป็น อาวธุ ฆ่าฟันคนที่ซือ้ นา้ ใจไม่ได้ ข้าศึกใชท้ องคาบา้ งใชเ้ หล็กบา้ งเป็นอาวุธดังนี้ จน ในที่สุดรี้พลของท้าวมหาพลหรอร่อยย่อยยับไป ท้าวมหาพลเห็นจะรักษาชีวิต พระองค์ไว้ไม่ได้ด้วยวิธีรบ ก็คิดจะรักษาด้วยวิธีหนี จึ่งพาพระมเหสีแลพระราช ธดิ าออกจากกรุงไปในเวลาเทีย่ งคืนจาเพาะสามพระองค์ พระราชาทรงพานางทง้ั สองเล็ดลอดพ้นแนวทัพข้าศึกไปแล้ว ก็ตั้งพระพักตร์มุ่งไปเมืองซ่ึงเป็นเมืองเดิม ของพระมเหสี
วันรุ่งขึ้นพระราชานานางท้ังสองเดินไปจนเวลาสาย ถึงท้องทุ่งเห็นหมู่บ้าน หมู่หนึ่งแตไ่ กล ไม่ทรงทราบวา่ เป็นหมู่บ้านโจร แต่ทรงสงสัยไมว่ างพระหฤทัย จ่ึง ตรัสให้พระมเหสีแลพระราชธิดาหยุดน่ังกาบงั อยูใ่ นแนวไม้ พระองค์ทรงถืออาวุธ เดนิ ตรงเขา้ ไปสูห่ มบู่ ้าน เพือ่ จะหาอาหารเสวยแลส่นู างท้ังสององค์ ฝ่ายพวกภิลล์ซ่ึงอยู่ในหมู่บ้านนั้น ประพฤติตัวเป็นโจรอยู่โดยปกติ ครั้นเห็น ชายคนเดียวแต่งตัวด้วยของมีค่าเดินเข้าไปเช่นน้ัน ก็คุมกันออกมาจะเข้าชิง ทรัพย์ในพระองค์พระราชา ท้าวมหาพลทรงเห็นดังน้ันก็ทรงพระแสงธนูยิงพวก โจรล้มตายลงเป็นอันมาก ฝ่ายนายโจรได้ทราบข่าวว่ามีผู้มีทรัพย์มาฆ่าฟันพวก ตนลงไปเป็นอันมากดังนั้น ก็กระทาสัญญาเรียกพลโจรออกมาท้ังหมด แล้วเข้า ล้อมรบพระราชา ท้าวมหาพลพระองค์เดียวเหลือกาลังจะต่อสู้ป้องกันอาวุธพวก โจรได้ ก็ส้ินพระชนม์ลงในที่นั้น พวกภิลล์ก็ช่วยกันเข้าปลดเปลื้องของมีค่าออก จากพระองค์ แล้วพากันคนื เขา้ สูบ่ า้ นแห่งตน ฝ่ายพระมเหสีและพระราชธิดาทรงแอบดูอยู่ในแนวไม้ เห็นพวกโจรเข้ากลุ้ม รุมรบพระราชาก็ทรงตกใจเป็นกาลัง แต่ไม่รู้จะทาอย่างไรได้ คร้ันเห็นพวกภิลล์ ทาลายพระชนม์พระราชาลงไปแล้ว สองนางพระองค์ส่ันพากันหนีห่างออกไป จากหมู่บ้านโจร ทางจะไปทางไหนหาทราบไม่ ความมุ่งมาดมีอยู่แต่ว่าจะหนีให้ พ้นมือพวกภิลล์ซ่ึงเป็นคนชาติต่าช้าเท่าน้ัน นางทั้งสองทรงกาลังน้อย แต่อานาจ ความกลัวพาให้เสดจ็ เดนิ ไปเปน็ ทางถึง ๔ โกรศ ออ่ นเพลียพระกาลัง ทรงดาเนิน ต่อไปไมไ่ ด้ กห็ ยดุ นงั่ พักอย่ใู ตร้ ่มไม้ริมทาง
พะเอญิ มีพระราชาอกี พระองค์หน่งึ ทรงนามท้าวจันทรเสน เสดจ็ ออกยิงสตั ว์ ป่ากับพระราชบุตรจาเพาะสองพระองค์ กษัตริย์ทั้งสองทรงม้าไปตามแนวป่า เห็นรอยเท้าหญิงสองคนก็ทรงชักม้าหยุดดู พระราชบิดาตรัสว่ารอยเท้าคนทาไม มามอี ยูใ่ นปา่ แถบน้ี พระราชบตุ รทูลวา่ “รอยเท้าเหลา่ นี้เป็นรอยเทา้ หญงิ สองคน รอยเท้าชายคง จะโตกว่าน้ี” พระราชาตรัสว่า “เจ้าของรอยเท้าเหล่าน้ีเป็นหญิงจริงอย่างเจ้าว่า และน่า ประหลาดที่มีหญิงมาเดินอยู่ในป่า แต่ถ้าจะพูดตามเร่ืองในหนังสือ หญิงท่ี พระราชาพบในป่า มักจะงามกว่าหญิงท่ีจะหาได้ในกรุง เหมือนดอกไม้ป่าท่ีงาม กว่าดอกไม้ในสวน มาเราจะตามนางทั้งสองนี้ไป ถ้าพบนางงามจริงดังว่า เจ้าจง เลือกเอาเปน็ เมยี คนหนง่ึ ” พระราชบุตรทูลตอบว่า “รอยเท้านางท้ังสองน้ีมีขนาดไม่เท่ากัน แม้เท้ามี ขนาดย่อมท้ังสองนางก็ยังใหญ่กว่ากันอยู่คนหน่ึง ข้าพเจ้าจะเลือกนางเท้าเล็ก เป็นภริยาข้าพเจ้า เพราะคงจะเป็นสาวนอ้ ยตามขนาดแห่งเท้า ส่วนนางเท้าเขื่อง นั้นคงจะเป็นสาวใหญ่ ขอพระองค์จงรับไปไวเ้ ปน็ ราชชายา”
ท้าวจันทรเสนตรัสว่า “เหตุไฉนเจ้าจ่ึงกล่าวดังนี้ พระราชมารดาของเจ้า ส้ินพระชนมไ์ ปไมก่ ี่วัน เจ้าจะอยากมแี มเ่ ลี้ยงเร็วเท่านี้เจยี วหรือ” พระราชบุตรทลู ตอบวา่ “ขอพระองคอ์ ย่ารับสง่ั เช่นน้ัน เพราะบ้านของผู้เป็น ใหญ่ในครอบครัวน้ัน ถ้าไม่มีแม่เรือนก็เป็นบ้านท่ีว่าง อนึ่งพระองค์ย่อมจะทรง ทราบคาถาซึ่งมูลเทวะบัณฑิตแต่งไว้ มีความวา่ ใครผู้ไม่ใช่คนโง่ไม่ยอมคนื สู่ซ่ึงไม่ มีนางท่ีรักผู้มีรูปงามคอยรับรองในขณะที่กลับถึง เรือนน้ันแม้เรียกว่าเรือนก็มิใช่ อื่น คือคุกซึ่งไม่มีโซ่เท่านั้นเอง พระองค์ย่อมทรงทราบได้ด้วยพระองค์เองว่า ความสุขแห่งพอ่ บา้ นซึ่งอยู่เดี่ยวนั้นมีไม่ไดใ้ นบา้ น แลมีไม่ไดน้ อกบา้ น เพราะไม่มี ท่หี วังวา่ จะไดค้ วามสุขเมอื่ กลบั มาส่เู รอื นแห่งตน” ท้าวจันทรเสนทรงนงิ่ ตรองอยคู่ รู่หน่ึง แล้วตรัสตอบพระราชบุตรวา่ “ถ้านาง เท้าเขอื่ งมลี ักษณะเปน็ ที่พึงใจ ขา้ กจ็ ะทาตามคาเจ้าว่า” คร้ันกษัตริย์ท้ังสององค์ทรงกระทาสัญญาแบ่งนางกันดังนี้แล้ว ก็ทรงชักม้า ตามรอยเท้านางเข้าไปในป่า สักครู่หนึ่งเห็นสองนางนั่งพักอยู่ใต้ร่มไม้ กษัตริย์ สององค์เสด็จลงจากม้าเข้าไปถามทุกข์แห่งนางทั้งสอง นางก็เล่าเรื่องให้ทรง ทราบทุกประการ พระราชากับพระราชบุตรก็เชิญนางท้ังสองขึ้นหลังม้าองค์ละ องค์ นางพระบาทเขื่อง คือพระราชธิดาข้ึนทรงม้ากับท้าวจันทรเสน นางพระ บาทเล็กคอื พระมเหสีขึ้นทรงมา้ กบั พระราชบุตร สอ่ี งคก์ เ็ สดจ็ เข้ากรงุ กล่าวสั้นๆท้าวจันทรเสนแลพระราชบุตรก็ทาการวิวาหะท้ังสองพระองค์ แต่ กลับคู่กันไป คือพระราชบิดาทรงวิวาหะกับพระราชบุตรี พระราชบุตรทรง วิวาหะกับพระมเหสี แลเพราะเหตุท่ีคาดขนาดเท้าผิด ลูกกลับเป็นเมียพ่อ แม่ กลับเป็นเมียลูก ลูกกลับเป็นแม่เล้ียงของผัวแม่ตัวเอง แลแม่กลับเป็นลูกสะใภ้ ของผัวแห่งลูกตน แลต่อมาบุตรแลธิดาก็เกิดจากนางทั้งสอง แลบุตรแลธิดาแห่ง นางท้งั สองกม็ ีบตุ รแลธดิ าตอ่ ๆกันไป
เวตาลเล่ามาเพียงน้ีก็หยุดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวต่อไปว่า บัดนี้ข้าพเจ้าจะต้ัง ปัญหาทูลถามพระองค์ว่า ลูกท้าวจันทรเสนที่เกิดจากธิดาท้าวมหาพล แลลูก มเหสีทา้ วมหาพลท่เี กดิ กับพระราชบุตรทา้ วจนั ทรเสนน้ันจะนับญาติกันอยา่ งไร พระวิกรมาทติ ย์ไดท้ รงฟังปญั หาเวตาลก็ทรงตรึกตรองเอาเร่อื งพ่อกับลูก แม่ กับลูกแลพ่ีกับน้องมาปนกันยุ่ง แลมิหนายังซ้ามีเร่ืองแม่เลี้ยงกับแม่ตัว แล ลูกสะใภ้กับลูกตัวอกี เล่า พระราชาทรงตีปัญหายังไม่ทันแตก พอทรงนึกข้ึนได้ว่า การพาเวตาลไปส่งให้แก่โยคีนั้น จะสาเร็จได้ก็ด้วยไม่ทรงตอบปัญหา จ่ึงเป็นอัน ทรงนิ่งเพราะจาเป็นแลเพราะสะดวก แลรบี สาวก้าวดาเนินเรว็ ข้ึน ครั้นเวตาลทูล เยา้ ใหต้ อบปญั หาด้วยวธิ ีกล่าววา่ โง่ จะรบั ส่ังอะไรไม่ได้กท็ รงกระแอม เวตาลทลู ถามวา่ “รบั ส่งั ตอบปัญหาแลว้ ไม่ใชห่ รือ” พระราชาไม่ทรงตอบว่ากระไร เวตาลก็นิ่งอยู่ครู่หน่ึงแล้วทูลถามว่า “บางที พระองคจ์ ะโปรดฟงั เรือ่ งส้ันๆ อกี สกั เร่ืองหนึง่ กระมัง” ครั้งน้ีแม้แต่กระแอม พระวิกรมาทิตย์ก็ไม่ทรงกระแอม เวตาลจึ่งกล่าวอีก คร้ังหนึ่งว่า “เม่ือพระองค์ทรงจนปัญญาถึงเพียงน้แี ล้ว บางทีพระราชบตุ รซึ่งทรง ปัญญาเฉลยี วฉลาดจะทรงแกป้ ัญหาไดบ้ า้ งกระมงั ” แต่พระธรรมธวชั พระราชบุตรทรงนงิ่ สนทิ ทีเดียว จบนิทานเวตาล เรอื่ งท่ี ๑๐
ขอบคุณครบั
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: