ฉบบั ที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๘ - สิงหาคม ๒๕๕๘ ครสุ ารธนบรุ ี 1
2 ครสุ ารธนบรุ ี
ส า ร บั ญ บทบรรณาธิการ วิชาชพี ครู • โครงการประชุมอบรมสมั มนาผบู้ รหิ ารโรงเรียน 4 ในครุสารธนบุรีฉบับนี้ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาครู อาจารยพ์ เ่ี ลย้ี ง อาจารยน์ เิ ทศก์ และผทู้ เ่ี กย่ี วขอ้ งในสถานศกึ ษา และกองบรรณาธิการ ขอร่วมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญ ศนู ยศ์ กึ ษาการพัฒนาครู พระชนมายุครบ 60 พรรษา และขอร่วมเฉลิม พระเกียรติด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณด้าน • โครงการอบรมเชงิ ปฏบิ ัตกิ ารเร่อื ง “Google APPs for 5 การศึกษา ซึ่งพระองค์ทรงเห็นคุณค่าและความสำคัญ Education เพื่อพัฒนาทักษะการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ” ด้วยพระปรีชาสามารถในด้านการศึกษาน้ีเอง ทาง มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี จึงได้จัดทำหนังสือราชสดุดี สาขาวชิ าภาษาไทย 5 เฉลิมพระเกียรติคุณ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี เนอ่ื งในโอกาสทม่ี หาวทิ ยาลยั ราชภฏั • โครงการวรรณคดสี ัญจร ณ จังหวัดเพชรบุรี ธนบุรีขอพระราชทานทูลเกล้าถวายปริญญาดุษฎี บัณฑิตกิตตมิ ศกั ดดิ์ ้านการบรหิ ารการศกึ ษา ปกี ารศกึ ษา สาขาวชิ าคณติ ศาสตร์ 6 2557 แด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราช 7 กุมารี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี ขอ • สาขาวชิ าคณติ ศาสตร์ไดเ้ ข้ารว่ มประชุมวิชาการคณติ ศาสตร ์ ร่วมเทดิ พระเกยี รติในพระมหากรุณาธิคณุ ในครัง้ นี้ ระดับประเทศ ครุสารธนบุรีฉบับนี้ยังคงรวบรวมกิจกรรม • ปัญหาสะพานเคอร์นิกสเบิรก์ โครงการ บทความ ความรู้ และงานวจิ ยั ทจ่ี ะเผยแพรแ่ ละ ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ผู้อ่านอย่างต่อเนื่องต่อไป สาขาวชิ าวิทยาศาสตร์ทว่ั ไป กองบรรณาธกิ ารขอขอบพระคณุ ผมู้ สี ว่ นรว่ มในการจดั ทำ ครุสารธนบุรีใหส้ ำเร็จลลุ ่วงอย่างสมบรู ณม์ า ณ โอกาสนี้ • โครงการอบรมสมั มนาเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร ฐการผลติ สอ่ื หนงั สอื เรยี น 8 อิเล็กทรอนกิ ส์วิทยาศาสตร์ (e-book)”ท่ีปรึกษากองบรรณาธกิ าร : • โครงการอบรมสมั มนาเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร “การปรบั พน้ื ฐานความร ู้ 8ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ปนดั ดา ยม้ิ สกุล คณบดี / ทางวทิ ยาศาตร์สำหรับนักศึกษาปที ี่ 1”ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ วสิ ตู ร จำเนยี ร, อาจารย์ ดร.นภิ าภรณ์ คำเจรญิ ,อาจารยส์ มชาย ศรรี กั ษ์ รองคณบดี / อาจารย์ ดร.สมจนิ ตนา จริ ายกุ ลุ สาขาวชิ าคอมพวิ เตอรศ์ ึกษา 9ผู้อำนวยการศูนยศ์ กึ ษาการพัฒนาครูกองบรรณาธิการ : • การใช้สือ่ สงั คมออนไลนเ์ พื่อจัดการเรียนการสอน อาจารย์ ดร. สมจนิ ตนา จริ ายกุ ุล / อาจารยว์ รรณนภา โพธผิ์ ลิ /อาจารยว์ าสนา สังข์พุม่ / อาจารยณ์ ิชชา ชำนยิ นต์ / สาขาวิชาปฐมวัยอาจารย์ณรงค์พล เอ้ือไพจิตรกุล / อาจารยป์ ณุ ฑริกา คงเรอื งพสิ ูจนอ์ ักษร : • การทำงานของสมองกบั การเรยี นรผู้ า่ นการเลน่ ของเดก็ ปฐมวยั 11อาจารย์ภทั ราภรณ์ ชอ้ ยหริ ญัจัดทำรูปเลม่ : สาขาวิชาจติ วทิ ยาและการแนะแนว 13นายรณเกติ ชินตานนท์ / นางสาวกรกมล สวา่ งจิตต์ชา่ งภาพ • ปญั หาวยั รุ่นในยุคไรพ้ รมแดน นายวรวชั ร เพชรคงภาพปก สาขาวชิ าสังคมศกึ ษา 15นายอโนชา มงั สระคู นกั ศกึ ษาสาขาวิทยาศาสตรท์ ัว่ ไป ชัน้ ปที ี่ 5พิมพท์ ่ี : • โครงการเสริมสรา้ งคณุ ธรรมจริยธรรมครสู ูอ่ าเซยี่ น บริษัท พรกิ หวานกราฟฟคิ จำกดั โทร. 0 2424 3249 งานวิจยั 16 • แนวทางการพัฒนานกั ศกึ ษามหาวทิ ยาลัยราชภฏั ธนบุร ี ใหม้ ีคณุ ลกั ษณะตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คนดคี นเกง่ ครุศาสตร์ 18 ภาพกจิ กรรม 19 ครสุ ารธนบรุ ี 3
วิ ช า ชี พ ค รู โครงการประชุมอบรมสัมมนาผ้บู ริหารโรงเรียน อาจารยพ์ ี่เล้ียง อาจารย์นิเทศก์ และผทู้ ่ีเก่ยี วขอ้ งในสถานศึกษา เมื่อวันท่ี 12 และ 14 พฤษภาคม 2558 ฝ่ายฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู คณะครุศาสตร์ จัดประชุมอบรมสัมมนา ผู้บริหารโรงเรียน อาจารย์พ่ีเลี้ยง อาจารย์นิเทศก์ และผู้ท่ีเกี่ยวข้องในสถานศึกษา ณ ห้องประชุม อาคาร 1 ช้ัน 15 โดยมี ผศ.ดร.ยวุ ลกั ษณ์ เวชวิทยาขลัง อธิการบดี เป็นประธานกลา่ วเปดิ งาน โดยมีวัตถปุ ระสงคเ์ พอ่ื เพ่มิ พนู ความรู้ ความเข้าใจ ระเบียบ และกฎเกณฑ์ต่างๆ เกี่ยวกับประสบการณ์ด้านการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ในการนี้ ผศ.ดร.ปนัดดา ย้ิมสกุล คณบดี คณะครุศาสตร์, อาจารย์สมชาย ศรีรักษ์ รองคณบดีคณะครุศาสตร์ และอาจารย์นฤมล ปภัสสรานนท์ ที่ปรึกษา เป็นวิทยากร ดำเนินการอภิปราย 4 ครสุ ารธนบรุ ี
ศู น ย์ ศึ ก ษ า ก า ร พั ฒ น า ค รู โครงการอบรมเชิงปฏิบตั ิการ เร่อื ง “การพัฒนาทกั ษะการใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศ Google APPs For Education” เมือ่ วนั ที่ 18 กรกฎาคม 2558 ศนู ยก์ ารศกึ ษาการพฒั นาครคู ณะ ครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี ได้จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง“การพัฒนาทักษะการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ Google APPs For Education” โดย Google Apps For Education เปน็ ชุดเครือ่ งมือ การทำงานร่วมกัน และการส่ือสารร่วมกันทั้งอาจารย์ เจ้าหน้าท่ี และ นักเรียนนักศึกษา โดย Google Apps เป็นเครื่องมือหนึ่งท่ีจะช่วยให้จัด เก็บงานได้อย่างเป็นระบบ เข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา และยังสามารถ สรา้ งบทเรยี นออนไลน์ สรา้ งแบบสอบถามออนไลน์ ตรวจการบ้านนักเรยี น นกั ศกึ ษาไดส้ ะดวกข้ึน ซึ่งการอบรมครงั้ นี้ ได้รับการตอบรบั จากโรงเรยี นใน เครือข่ายฝกึ ประสบการณ์เขา้ ร่วมอบรมเป็นอย่างมาก ส า ข า วิ ช า ภ า ษ า ไ ท ย โครงการวรรณคดีสัญจร ณ จังหวดั เพชรบรุ ี เม่ือวันท่ี 4 สิงหาคม 2558 สาขาวิชาภาษาไทย คณะครุศาสตร์นำโดย อาจารย์ภัทราภรณ์ ช้อยหิรัญ จัดโครงการวรรณคดีสัญจรข้ึนณ จังหวัดเพชรบุรี ตอน เยือนเพชรบุรี ตามรอยวรรณคดี ยลศิลปกรรมคร้ังที่ 2 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพ่ิมพูนความรู้แก่นักศึกษาด้านศิลปกรรมและวรรณกรรม วรรณคดี ปลูกฝังความใฝร่ ู้ ใฝเ่ รียน และตระหนกั ในคุณค่าของศิลปกรรม วรรณกรรม วรรณคดี และภูมิปัญญาไทย ตลอดจนร่วมอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม อีกท้ังให้นักศึกษาได้ศึกษาเรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้จริง ซึ่งในโอกาสน้ีได้รับการอนุเคราะห์จากท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ผศ.นิวัติ กล่ินงาม ท่ีอนุญาตให้เข้าเยี่ยมชมมิวเซียม เมืองเพชร ที่ตั้งอยู่ในบริเวณของมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ที่รวบรวมความรู้ใน ด้านศิลปกรรม และวรรณกรรมตา่ ง ๆ ของเมอื งเพชร นอกจากนผ้ี ูเ้ ขา้ ร่วมโครงการ จะได้รบั ความรู้ในดา้ นวรรณกรรมทอ้ งถ่ินเพชรบุรี และการนำวรรณกรรมทอ้ งถ่ินไป ปรบั ใชใ้ นการจดั การเรยี นรู้ จากวทิ ยากร 3 ทา่ น คอื อาจารยแ์ สนประเสรฐิ ปานเนยี ม อาจารย์จตุพร บุญประเสริฐ และอาจารย์ พัชรินทร์ สุริยวงศ์ ซ่ึงเป็นผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ ก่อนเดินทางกลับถือโอกาสเท่ียวชมความงาม ของหาดเจ้าสำราญ ท่ีเคยเป็นสถานท่ีท่องเท่ียวสำคัญ มาแต่สมัยโบราณ มีประวัติ เล่ากันมาว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เคยเสด็จมาที่นี่ พร้อมด้วยสมเด็จ พระเอกาทศรถ ทรงพอพระราชหฤทยั ในความงามของหาดน้มี าก ทรงประทับแรม อยู่หลายวัน จนชาวบ้าน เรียกหาดนี้ว่า หาดเจ้าสำราญจากน้ันคณะผู้เข้าร่วม โครงการเดนิ ทางกลับมหาวิทยาลยั ราชภัฏธนบรุ ีโดยสวสั ดภิ าพ ครสุ ารธนบุรี 5
ส า ข า วิ ช า ค ณิ ต ศ า ส ต ร์ สาขาวชิ าคณิตศาสตรไ์ ด้เข้าร่วมงานประชุมวชิ าการคณิตศาสตรร์ ะดบั ชาติ สาขาวิชาคณติ ศาสตร์ คณะครุศาสตร์ ไดเ้ ขา้ รว่ มการประชุมวิชาการคณิตศาสตรร์ ะดบั ชาติ (AMM 2015) ครัง้ ที่ 20 ณ ภาควิชาคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม ในวันที่ 27-29 พฤษภาคม 2558 ในงานนี้ได้มีการนำเสนอผลงานวิจัย ผลงานทางวิชาการของอาจารย์ นักศึกษา และนักคณิตศาสตร์ ท่ัวประเทศ รวมทั้งมีการเสวนาทางวิชาการเกี่ยวกับการทำผลงานทางวิชาการ การจัดงานคร้ังน้ียังเป็นการพบปะแลกเปล่ียน ความรู้ทางวิชาการ ตลอดจนแนวทางการวิจัยทางคณิตศาสตร์ของอาจารย์ นักศึกษา และนักคณิตศาสตร์ท่ัวประเทศ เพ่ือ เสรมิ สร้างความเขม้ แขง็ ทางวชิ าการให้กับวงการคณิตศาสตร์6 ครสุ ารธนบุรี
ส า ข า วิ ช า ค ณิ ต ศ า ส ต ร์ ปัญหาสะพานเคอรน์ กิ สเบริ ์ก เคอร์นกิ สเบิร์กเปน็ เมอื งทางตอนเหนอื ของเยอรมนี มแี มน่ ำ้ พรเี กลไหลผา่ นแบ่งเมืองออกเป็น 4 ส่วน โดยมสี ะพาน7 แห่งเชื่อมท้ัง 4 สว่ นของเมอื งดังรปู ทกุ วันชาวเมืองจะใช้สะพานท้ัง 7 ในการเดินทางไปมา จนกระทัง่ ชาวเมืองต้ังคำถามว่า จะสามารถเดนิ ข้ามสะพานทง้ั 7 แหง่ โดยข้ามครบทกุ สะพานและเดินข้ามสะพานแต่ละแหง่ เพยี งสะพานละครง้ั เดยี ว แลว้ กลบั มาท่ีจดุ เริ่มตน้ ไดห้ รือไม่ ออยเลอร์ นักคณิตศาสตร์ชาวสวิสศึกษาปัญหาดังกล่าวโดยให้เมืองทั้ง 4 ส่วนเป็นจุด A, B, C และ D ตามลำดับจากนัน้ ลากเสน้ กราฟเชื่อมจุดทั้ง 4 ดังรูป ในการตรวจสอบปัญหาดังกล่าว ให้ลองใช้ดินสอเขียนกราฟดังรูปโดยมีเงื่อนไขว่าต้องไม่ลากซ้ำเส้นท่ีลากแล้ว และกลับมาท่จี ดุ เรมิ่ ตน้ โดยไมย่ กดินสอไดห้ รอื ไม่ หากทดลองทำแลว้ จะพบวา่ เป็นไปไม่ได้ สำหรบั วิธหี าคำตอบของออยเลอร์ เขาใชก้ ารอ้างเหตผุ ลวา่ ในการเดินข้ามสะพานแต่ละแหง่ ไมว่ า่ จะเร่ิมต้นจากจุดใดก็ตาม แลว้ จะสามารถเดนิ กลับมาจดุ เดมิ ได้ แต่ละจดุ ต้องมจี ำนวนเส้นเช่ือมจุดเปน็ จำนวนคู่ แต่จากการสงั เกตจะพบวา่ ไมม่ จี ุดใดเลยท่มี ีจำนวนเสน้ เชือ่ มเปน็ จำนวนคู่ จึงสรปุ วา่ ไม่สามารถเดนิ ขา้ มสะพานทกุ ๆ สะพานเพยี งคร้ังเดียว ผลการศึกษาปัญหาสะพานเคอร์นิกสเบิร์กของออยเลอร์ทำให้เกิดคณิตศาสตร์สาขาใหม่ 2 สาขาคือ ทฤษฎีกราฟและโทโพโลยี ซ่ึงในปจั จุบนั คณิตศาสตร์ทัง้ 2 สาขาถกู นำไปประยุกต์ใชห้ ลายวิชา ครสุ ารธนบรุ ี 7
ส า ข า วิ ช า วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ ทั่ ว ไ ป โครงการอบรม สมั มนาเชงิ ปฏิบัตกิ าร “การผลติ ส่ือหนงั สือเรียนอเิ ล็กทรอนกิ ส์วิทยาศาสตร์ (e-book)” วันท่ี 8 สิงหาคม 2558 อาจารย์ปุณฑริกา คงเรือง อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ท่ัวไป คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี ได้จัดโครงการอบรม สัมมนาเชิงปฏิบัติการ “การผลิตส่ือหนังสือเรียนอิเล็กทรอนิกส์วิทยาศาสตร์ (e-book) เพ่ือการเรียนการสอนออนไลน์” ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้ผู้เข้ารับการอบรมสามารถใช้โปรแกรมประยุกต์เพื่อ ผลิตสื่อหนังสือเรียนอิเล็กทรอนิกส์วิทยาศาสตร์ได้ด้วยตนเอง เพ่ือใช้เพ่ิมประสิทธิภาพในการจัดการเรียนการสอนและ ตรวจสอบพฤติกรรมของผเู้ รียนไดอ้ ย่างต่อเนือ่ ง ในการน้ี ผศ.ดร.ปนดั ดา ยม้ิ สกุล คณบดีคณะครศุ าสตรใ์ ห้เกยี รตเิ ป็นประธาน เปิดการอบรมโครงการในครงั้ น้ี ทั้งน้ีในภาคเช้าผู้เข้ารับการอบรมจะได้รับความรู้ในเร่ืองของการใช้โปรแกรมพื้นฐานเพื่อสร้างสื่อการสอน วทิ ยาศาสตร์อยา่ งงา่ ย และข้ันตอนการสร้างหนังสืออเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ Flip book online ด้วยเวบ็ ไซต์ Youblisher จากอาจารย์ นิพาดา ไตรรัตน์ วิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีทางการศึกษา ในภาคบ่ายผู้เข้ารับการอบรมจะได้รับความรู้การใช้งาน โปรแกรมประยุกต์ออนไลน์หรือ Google Sites เพ่ือใช้สร้างบทเรียนแสวงรู้บนเว็บ (Webquest) ของตนเอง ผลลัพธ์ที่ได้คือ เว็บไซต์หนังสือเรียนอิเล็กทรอนิกส์วิทยาศาสตร์ที่สามารถเข้าถึงได้โดยปราศจากข้อจำกัดของสถานที่และเวลา จากอาจารย์ ณรงค์พล เอ้อื ไพจิตรกุล วทิ ยากร โครงการอบรม สัมมนาเชิงปฏิบตั กิ าร “การปรบั พนื้ ฐานความร้ทู างวิทยาศาสตรส์ ำหรบั นกั ศกึ ษาปที ี่ 1” วันที่ 9 สิงหาคม 2558 อาจารย์ปณุ ฑริกา คงเรอื ง และอาจารย์อรสิ รา จุลกิจวัฒน์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ท่ัวไป คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัย ราชภัฏธนบุรี ได้จัดโครงการอบรม สัมมนาเชิงปฏิบัติการ “การปรับพ้ืนฐานความรู้ทาง วทิ ยาศาสตร์สำหรบั นักศกึ ษาปีที่ 1 สาขาวิชาวิทยาศาสตรท์ วั่ ไป” โดยมีวตั ถุประสงค์เพอ่ื ปรับพื้นฐานความรู้ และสร้างความเข้าใจระบบการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ในระดับ มหาวิทยาลัย สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างนักศึกษาใหม่และอาจารย์ประจำสาขาวิชา รวมทั้งเปิดโอกาสให้อาจารย์ประจำสาขาวิชาและนักศึกษาแลกเปล่ียนความคิดเห็น เกี่ยวกับประสบการณ์การเป็นครูวิทยาศาสตร์เพ่ือเป็นแนวทางในการพัฒนาวิธีการเรียน วทิ ยาศาสตรใ์ ห้บรรลุเปา้ หมายต่อไป ในการนี้ผู้เข้ารับการอบรมได้รับแนวคิดหลักทางวิทยาศาสตร์ของ 3 รายวิชา หลกั คือ วิชาฟิสิกส์ วชิ าเคมี และวิชาชวี วทิ ยา จากอาจารย์ประจำสาขาวชิ าและนกั ศกึ ษา ช้ันปีท่ี 2 สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป ท้ังน้ีความรู้ที่ได้สามารถนำมาใช้เพ่ือเตรียมพร้อม สำหรบั การสอบกลางภาค และใชเ้ ป็นพื้นฐานเพื่อตอ่ ยอดเนื้อหาในระดบั สูงขนึ้ ต่อไป8 ครสุ ารธนบรุ ี
ส า ข า วิ ช า ค อ ม พิ ว เ ต อ ร์ ศึ ก ษ า การใชส้ ือ่ สงั คมออนไลน์เพ่ือการจดั การเรยี นการสอน โดย......อาจารย์วรรณนภา โพธ์ผิ ลิ ปัจจุบันคนไทยใช้ส่ือสังคมออนไลน์กันมาก โดยได้มีการจัดอันดับการใช้ส่ือสังคม ออนไลน์ของคนไทยเปรียบเทียบกับการใช้งานของคนในเอเชีย ประเทศไทยถูกจัดอันดับการ ใชส้ ่ือสังคมออนไลนอ์ ยู่ในอบั ดับที่ 4 ของเอเชยี คดิ เปน็ มากกวา่ รอ้ ยละ 90 ของคนท่มี กี ารใช้ งาน ซึ่งจะเห็นว่าคนไทยใช้ส่ือสังคมออนไลน์กันเป็นจำนวนมาก โดยเราจะพบว่าการใช้งาน ส่ือสังคมออนไลน์ส่วนใหญ่จะเป็นการใช้งานเพื่อความบันเทิง ใช้เพ่ือการติดต่อส่ือสาร หรือ เพื่อการแจ้งข่าวสารถึงกัน แม้ลักษณะของเครือข่ายสังคมออนไลน์ จะเป็นส่ือ ให้ข้อมูล ข่าวสารสามารถกระจายออกไปอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง มีคุณประโยชน์มากมายในด้าน การตดิ ตอ่ สอ่ื สาร แตก่ เ็ ปรยี บเสมอื นดาบสองคม หากผใู้ ชข้ าดคณุ ธรรมจรยิ ธรรม สามญั สำนกึ การรู้จักเคารพสิทธิของผู้อ่ืน และความระมัดระวังในการใช้แล้ว สังคมออนไลน์เหล่าน้ีก็จะ เป็นสังคมอันตราย ท่ีจะเป็นด้านมืดของสังคมไทย แต่ถ้าเราจะมองกันให้ดีการใช้งานสังคม ออนไลน์ก็มปี ระโยชนอ์ ยา่ งมากตอ่ การจัดการศึกษา เพราะเราสามารถใชส้ ือ่ สงั คมออนไลนใ์ น การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน สามารถใช้ส่ือสังคมออนไลน์ให้เป็นห้องเรียนขนาดใหญ่ได้ เชน่ กัน ส่อื สงั คมออนไลน์ หรอื Social Media เป็นสือ่ ที่ถกู ออกแบบมาเพ่ือตอบสนองความตอ้ งการ ทางสังคม เน้นการโต้ตอบและปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน โดยอาศัยระบบอินเทอร์เน็ตในการ เข้าถึง ซ่ึงปัจจุบันมีการใช้งานมากขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มของเด็กและเยาวชน ดังนั้น เพื่อให้เกิดประโยชน์กับเด็กและเยาวชนมากข้ึน จึงควรนำเอาส่ือสังคมออนไลน์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน ซึ่งครูผู้สอนจะเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคล่ือนให้เกิดการใช้ประโยชน์จากส่ือสังคมออนไลน์ ตัวอย่างของส่ือสังคมออนไลน์ที่ถูกนำมาใช้งานกันมากในปัจจุบันได้แก่ Facebook, Line, Youtube เปน็ ตน้ แนวคิดการนำเอาสื่อสังคมออนไลน์ มาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอนนับเป็นกลยุทธ์ ท่ีสำคัญที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐานกำลังให้การส่งเสริมและสนับสนุน ให้เกิดเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน เพราะปัจจุบันส่ือสังคมออนไลน์ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญ ในการสร้างส่ือให้เกิดเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงกันในโลกออนไลน์ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถ ใช้เป็นช่องทางในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้สะดวกและรวดเร็ว ซ่ึงจะทำให้เกิดประโยชน์ ต่อการจดั การศึกษาอยา่ งมาก โดยไมเ่ สยี ค่าใช้จ่ายในการเสียคา่ ลขิ สทิ ธแิ์ ตอ่ ย่างใด ด้วยสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะของเครือข่ายเพ่ือการศึกษา ด้วยจำนวนข้อมูลที่ถูกนำเสนอในเครือข่ายสังคมออนไลน์มีปริมาณมาก หากนำมาสู่การจัดการเรยี นการสอนในชั้นเรียนย่อมก่อให้เกดิ ผลสำคัญในหลายลกั ษณะ ไดแ้ ก่ 1. การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสังคมในชั้นห้องเรียน เนื่องจากบรรยากาศของเครือข่ายสังคมออนไลน์เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสารผ่านภายในมิติความสัมพันธ์ของคนในเครือข่าย ด้วยเหตุนี้เมื่อทั้งผู้สอนและผู้เรียนเข้าสู่การสร้างความสัมพันธ์ภายในระบบเครือข่ายสังคมออนไลน์ก็จะนำไปสู่การพัฒนาความสัมพันธ์ในสังคมจริงในทิศทางท่ีใกล้ชิดกันยิ่งข้ึน ซึ่งเป็นผลให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ท่ีมีประสิทธิภาพจริง นอกจากนี้ลักษณะการนำเสนอข้อมูล สถานภาพที่เป็นปัจจุบัน ทำให้ทั้งผู้สอนสามารถติดตามพฤติกรรมและประสานขอ้ มูลไดอ้ ย่างทนั ทว่ งที 2. การกระตุ้นให้เกิดการศึกษาค้นคว้า การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่กว้างขวาง การตั้งประเด็นแลกเปล่ียน ข้อสงสัยต่างๆ ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ทำได้อย่างทันท่วงที และเป็นเครื่องมือสำหรับผู้สอนในการกระตุ้นผู้เรียนได้เป็นอย่างดี ในขณะเดียวกันผู้สอนสามารถนำเสนอเนอื้ หาใหม่ๆ ไดอ้ ยา่ งต่อเนื่องและผเู้ รียนสามารถติดตามได้อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ครสุ ารธนบุรี 9
ส า ข า วิ ช า ค อ ม พิ ว เ ต อ ร์ ศึ ก ษ า 3. การส่งเสริมการศึกษาตามความสนใจและความถนัด เครือข่ายสังคมออนไลน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรูปแบบของเว็บบล็อกเป็น ระบบท่ีส่งเสริมการเผยแพร่ผลงานตามความถนัดและความสนใจของท้ังผู้สอนและผู้เรียน อีกทั้งยังส่งเสริมให้เกิดการแลกเปล่ียนขยายผลได้ อย่างมีประสทิ ธภิ าพ 4. การส่งเสรมิ การบนั ทกึ และการอ่าน การเผยแพร่ผา่ นเครือข่ายสังคมออนไลนส์ ว่ นใหญ่ผา่ นรปู แบบของข้อเขียนในหลายลกั ษณะ เช่น ขอ้ ความสน้ั ในระบบ twitter ข้อความปานกลางของเว็บ facebook หรือข้อความยาวๆ ของระบบเว็บบลอ็ ก เปน็ ต้น ตัวอย่างของการนำเอาส่ือสังคมออนไลน์มาใช้ ได้แก่ การประยุกต์ใช้ Facebook เป็นศูนย์กลางแห่งการเรียนรู้ในสถานศึกษา เฟซบุ๊กเป็นศูนย์แห่งการเรียนรู้ที่ ยังคงเฟ่ืองฟูและได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจึงส่งผลให้สถานศึกษาต่างๆ นำเฟซบุ๊กไป ประยุกต์ใช้เป็นศูนย์กลางแห่งการเรียนรู้ในสถานศึกษาเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และ แบ่งปันข้อมูลด้านวิชาการในการเรียนการสอนรวมถึงการส่งเสริมความสัมพันธ์ท่ีดีต่อกัน ระหว่างครูผู้สอนกับครูผู้สอน ระหว่างครูผู้สอนกับผู้เรียน และผู้เรียนกับผู้เรียน เว็บ “พีซีเทคแมก็ กาซีน(www.pctechmagazine.com)” ไดอ้ า้ งถงึ เหตุผล 4 ประการท่ีครูผ้สู อน ควรพิจารณาเลอื กใชเ้ ฟซบุ๊กเป็นศูนย์แห่งการเรยี นรใู้ นสถานศึกษา 1. การพัฒนาด้านภาษาซึ่งครูผู้สอนและผู้เรียนจำเป็นต้องใช้เฟซบุ๊กในการติดต่อ สื่อสารและแสดงความเห็นต่างๆ เกี่ยวกับวิชาที่เรียนบนเฟซบุ๊ก ท้ังน้ี การใช้เฟซบุ๊กเป็น ประจำในการเขยี นและอา่ นขอ้ ความต่างๆ จะชว่ ยให้ผู้เรียนไดฝ้ ึกการเขียน การสะกดคำ และ การใช้ไวยากรณท์ ี่ถูกตอ้ ง 2. การส่ือสารระหว่างบุคคลซึ่งเป็นการสร้างสัมพันธภาพท่ีดีระหว่างครูผู้สอนกับครูผู้สอน ระหว่างครูผู้สอนกับผู้เรียน และผู้เรียน กับผูเ้ รียนในการตดิ ต่อสอ่ื สารและแลกเปล่ียนประสบการณร์ ่วมกัน รวมถงึ สนับสนนุ ให้ผูเ้ รยี นกล้าท่ีจะแสดงความคดิ เหน็ ตา่ งๆ มากยงิ่ ข้ึน 3. การทำงานรว่ มกนั เปน็ กลมุ่ ซงึ่ เฟซบกุ๊ เปน็ อกี ชอ่ งทางหนงึ่ ทเี่ ปดิ โอกาสให้ ผเู้ รยี นผใู้ ดผหู้ นงึ่ จะตอ้ งรบั ผดิ ชอบงานทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ร่วมกบั ผู้เรยี นผู้อ่ืนเป็นกลุ่ม ซ่งึ เปน็ การฝึกทกั ษะการเปน็ ผู้นำและการเป็นผตู้ าม 4. เพมิ่ ทกั ษะด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สาร ซง่ึ การใชเ้ ฟซบุ๊กในการเรยี นการสอน จะชว่ ยผเู้ รยี นมีความสนใจและมคี วาม กระตือรือรน้ ทจ่ี ะเรียนรเู้ กี่ยวกบั การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศใหมๆ่ ข้อเสียที่อาจจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างย่ิงสำหรับผู้เรียนท่ี อาจจะมีความจำเป็นทีผ่ ปู้ กครองจะตอ้ งใหก้ ารดแู ลอยา่ งใกล้ชดิ เช่น 1. การใช้งานเพื่อความบันเทิง เกมมากกว่าการศึกษาค้นคว้า ท้ังน้ีระบบเครือข่ายสังคมออนไลน์ เช่นใน facebook จะประกอบ ด้วยเกมต่างๆ มากมาย และส่วนใหญ่ต้องการใช้เวลาในการเล่นท่ีต่อเนื่องซึ่งหากไม่มีการแบ่งเวลาในการเล่นเกมที่ถูกต้องจะส่งผลต่อปัญหา ในลกั ษณะเด็กตดิ เกมต่อไปได้ 2. ความจำเป็นของอปุ กรณ์การส่ือสาร ซึง่ ส่วนใหญม่ ีราคาแพงและมคี า่ ใช้จา่ ยที่ต่อเนอ่ื ง และหากผู้สอนใชเ้ ครอื ข่ายสงั คมออนไลน์ ในการนำเสนอข้อมลู ไปยงั ผู้เรยี นเป็นหลกั อาจจะทำให้ไมส่ ามารถเขา้ ถึงแหล่งข้อมูลของผู้เรยี นได้ 3. การรับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและการขาดวิจารณญาณในการให้ข้อมูล ท้ังน้ีเม่ือผู้เรียนเข้าสู่การเรียนรู้ในเครือข่ายสังคมออนไลน์ แหลง่ การรับขอ้ มูลจะไมส่ ามารถจำกดั ไว้เพียงจากผู้สอนเท่านน้ั ซง่ึ จำเป็นท่ผี สู้ อนจะตอ้ งยำ้ ถึงแนวทางการตรวจสอบข้อมลู ใหก้ บั ผู้เรียน 4. การขาดวจิ ารณญาณในการนำเสนอขอ้ มลู เนอื้ หาของผเู้ รยี น ดว้ ยความสะดวก รวดเรว็ ในการเผยแพรข่ อ้ มลู ผา่ นระบบเครอื ขา่ ย สังคมออนไลน์ จะพบวา่ หลายครัง้ ทำให้หลายคนขาดความหยงั่ คิดในการเผยแพรข่ อ้ มูล ข่าวสาร ภาพหรือเหตกุ ารณต์ า่ งๆ และนำไปสปู่ ญั หา อ่ืนๆ ตามมา จากท่ีกล่าวมาข้างต้นเราจะเห็นว่าการใช้สื่อสังคมออนไลน์เหมือนกับดาบสองคม น่ันคือ หากเราเลือกใช้เพ่ือประโยชน์ก็สามารถ สร้างประโยชน์ต่อเราได้อย่างมากมายมหาศาล แต่หากเราใช้เพียงเพื่อความบันเทิง หรือเพ่ือความสนุกสนาน หรือขาดคุณธรรมจริยธรรมต่อ การใช้งาน ก็อาจสร้างอันตรายให้แก่ผู้ใช้งานได้เช่นกัน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นครูผู้สอน ผู้เรียน หรือแม้แต่ผู้ปกครองต้องมีส่วนเกี่ยวข้องในการ ส่งเสริมและสนับสนนุ การใช้งานสือ่ สงั คมออนไลน์ไปในทศิ ทางท่ีทำใหเ้ กดิ ประโยชนก์ บั ผใู้ ช้งานหรอื ตวั ผเู้ รียน ทม่ี าเนอ้ื หา : http://1991sailom2.blogspot.com, https://prezi.com/jpzz4ahag-cs/social-media , http://www.scribd.com/doc/32947348/#scribd 10 ครุสารธนบุรี
ส า ข า วิ ช า ก า ร ศึ ก ษ า ป ฐ ม วั ย การทำงานของสมองกับการเรยี นร้ผู า่ นการเลน่ ของเด็กปฐมวยั โดย....อาจารย์ดวงใจ รุ่งเรอื ง ที่มากภาพ http://www.1001freedownloads.com/free-clipart/cartoon-kids ช่วงระยะเวลาทส่ี ำคญั ทีส่ ดุ สำหรับการเรียนรู้ของมนษุ ย์ คือ แรกเกิดถงึ 7 ปี หากมาสง่ เสริมหลงั จากวัยนีแ้ ล้วถอื ได้วา่ สายเสยี แลว้ เพราะการพฒั นาสมองของมนษุ ยใ์ นชว่ งวยั นจี้ ะพฒั นาไปถงึ 80 % ของผใู้ หญ่ ครคู วรจดั การเรยี นรใู้ หเ้ หมาะสมกับวัยของเด็ก ให้เด็กเรียนรู้ผ่านการเล่น เรียนรู้อย่างมีความสุข จัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม ดูแลด้านสุขนิสัยและโภชนาการเหมาะสม เดก็ จึงจะพัฒนาศกั ยภาพสมองของเขาได้อย่างเต็มความสามารถ สมองของเด็กเรียนรู้มากกว่าสมองของผู้ใหญ่เป็นพันๆ เท่า เด็กเรียนรู้ทุกอย่างท่ีเข้ามาปะทะ สิ่งท่ีเข้ามาปะทะล้วนเป็นข้อมูลเข้าไปกระตุ้นสมองเด็กทำให้เซลล์ต่างๆ เชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายเส้นใยสมองและจุดเช่ือมต่อต่างๆ อย่างมากมายซึ่งจะทำให้เด็กเข้าใจและเรียนรู้ส่ิงต่างๆ ที่เกิดข้ึน สมองจะทำหน้าท่ีนี้ไปจนถึงอายุ 10 ปี จากน้ันสมองจะเริ่มขจัดข้อมูลทไี่ ม่ไดใ้ ชใ้ นชีวติ ประจำวนั ทงิ้ ไปเพ่ือใหส้ ว่ นท่เี หลือทำงานได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพมากท่สี ดุ สมองเร่ิมมีการพัฒนาต้ังแต่อยู่ในท้องแม่ เมื่อคลอดออกมาจะมีเซลล์สมองเกือบทั้งหมดแล้วเมื่อเทียบกับผู้ใหญ่สมองยังคงเตบิ โตไปได้อกี มากในช่วงแรกเกดิ ถงึ 3 ปี เดก็ วยั นจ้ี ะมขี นาดสมองประมาณ 80 % ของผใู้ หญ่ หลังจากวัยนี้ไปแลว้จะไม่มีการเพ่ิมเซลล์สมองอีกแต่จะเป็นการพัฒนาของโครงข่ายเส้นใยประสาท ในวัย 10 ปี เป็นต้นไปสมองจะเริ่มเข้าสู่วัยถดถอยอย่างช้าๆ จะไม่มีการสร้างเซลลส์ มองมาทดแทนใหม่อกี ปฐมวยั จงึ เปน็ วยั ท่ีมคี วามสำคัญย่งิ ของมนุษย์ จากการทำงานของเซลล์สมองในส่วนต่าง ๆ ทำให้มนุษย์สามารถเรียนรู้ส่ิงต่าง ๆ สามารถเก็บเกี่ยวข้อมูลรอบตัวและสร้างความรู้ข้นึ มาได้นั้นคือ เกดิ การคิด กระบวนการคิด และความคดิ ขึน้ ในสมอง หลงั เกดิ ความคดิ กม็ กี ารคิดค้นและมีผลผลิตเกิดข้ึน ยิ่งถ้าเด็กมีการใช้สมองเพื่อการเรียนรู้และการคิดมากเท่าไร ก็จะทำให้เซลล์สมองสร้างเครือข่ายเส้นใยสมองใหม่ ๆ แตกแขนงเชอื่ มตดิ ต่อกันมากยง่ิ ข้นึ ทำใหส้ มองมขี นาดใหญ่ข้นึ โดยไปเพิม่ ขนาดของเซลล์สมองจำนวนเส้นใยสมองและจุดเชือ่ มตอ่ ระหว่างเซลล์สมอง สมองมีหลายส่วนทำหน้าที่แตกต่างกันแต่ทำงานประสานกัน เช่นสมองส่วนท่ีทำหน้าท่ีเกี่ยวกับความจำ และรับรู้การเคลื่อนไหว สี รปู ร่างเปน็ ตน้ หลายสว่ นทำหน้าทปี่ ระสานกนั เพื่อรับร้เู หตกุ ารณ์หนงึ่ เชน่ การมองเห็นลูกเทนนสิ ลอยเขา้มา สมองส่วนที่รับรู้การเคล่ือนไหว สี และรูปร่าง สมองจะอยู่ในตำแหน่งแยกห่างจากกันในสมองแต่สมองทำงานร่วมกันเพื่อให้เรามองเห็นภาพได้ จากนั้นสมองหลายส่วนทำหน้าที่ประสานเชื่อมโยงให้เราเรียนรู้และคิดว่าคืออะไร เป็นอย่างไรทำไมถึงเป็นเช่นน้ัน สมองสามารถเรียนรู้กับสถานการณ์หลาย ๆ แบบพร้อม ๆ กันโดยการเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน เช่น สมองสามารถเรียนรู้เก่ียวกับความรู้ทางประวัติศาสตร์และคณิตศาสตร์เชื่อมโยงกันได้ การทำเช่นนี้ได้เป็นเพราะระบบการทำงาน ครุสารธนบรุ ี 11
ส า ข า วิ ช า ก า ร ศึ ก ษ า ป ฐ ม วั ย ของสมองท่ีซับซ้อน มีหลายช้ันหลายระดับ และทำงานเชื่อมโยงกันเนื่องจากมีเครือข่ายในสมองเชื่อมโยงเซลล์สมองถึงกัน หมด เครอื ขา่ ยเส้นใยสมองเหล่านเี้ มื่อถูกสรา้ งข้นึ แลว้ ดเู หมอื นว่าจะอย่ไู ปอกี นานไม่มีสน้ิ สุด ช่วยใหส้ มองสามารถรบั ร้แู ละ เรียนรู้ได้ทั้งในส่วนย่อยและส่วนรวม สามารถคิดค้นหาความหมาย คิดหาคำตอบให้กับคำถามต่าง ๆ ของการเรียนรู้และ พฒั นาความคดิ ใหม่ ๆ ออกมาได้อีกด้วย นอกจากน้ีจากการศึกษาพบว่า ความเครียดขัดขวางการคิดและการเรียนรู้ เด็กท่ีเกิดความเครียดจะมี ประสบการณ์ที่ไม่ดีเช่นเด็กที่ได้รับประสบการณ์ท่ีกระทบกระเทือนจิตใจทำให้เกิดความหวาดกลัว เครียด บรรยากาศการ เรียนรไู้ ม่มีความสขุ คับขอ้ งใจ ครอู ารมณเ์ สีย ครอู ารมณ์ไม่สมำ่ เสมอเด๋ยี วดี เดยี๋ วรา้ ย ครูดุ ขณะทเ่ี ด็กเกดิ ความเครยี ด สารเคมีท้ังร่างกายปล่อยออกมาจะไปเปล่ียนแปลงโครงสร้างของสมอง ทำให้เกิดการสร้างฮอร์โมนท่ีเกี่ยวกับความเครียด เรียกว่า คอร์ติโซล (Cortisol) จะทำลายสมองโดยเฉพาะสมองส่วนคอร์เท็กซ์หรือพ้ืนผิวสมองท่ีทำหน้าที่เก่ียวกับความคิด ความฉลาด กับสมองส่วนฮิปโปแคมปัสหรือสมองส่วนที่ทำหน้าท่ีเก่ียวกับอารมณ์และความจำ ซ่ึงความเครียดทำให้สมอง ส่วนน้ีเล็กลง เด็กที่ได้รับความเครียดอยู่ตลอดเวลา หรือพบความเครียดที่ไม่สามารถจะคาดเดาได้ ส่งผลต่อการขาดความ สามารถในการเรยี นรู้ ซึ่งเป็นเร่ืองท่นี า่ เสยี ดาย เพราะเด็กมีสมองพรอ้ มท่จี ะเรยี นได้ แต่ถูกทำลายเพราะความเครยี ดทำให้ ความสามารถในการเรยี นรไู้ ด้หายไปตลอดชีวิต ดังนั้น การจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาศักยภาพทางสมองจำเป็นต้องคำนึงถึงกระบวนการทำงานของสมอง ท่ีเด็ก เรียนร้ผู ่านการลงมือปฏิบตั ดิ ้วยประสาทสัมผสั ทงั้ 5 ทป่ี ราศจากความเครยี ด ซง่ึ การเรยี นรอู้ ยา่ งมคี วามสุขหรอื การเลน่ อยา่ งมี ความหมาย ผา่ นการจัดสภาพแวดลอ้ มให้เหมาะสมกับระดบั พัฒนาการ ลักษณะกระบวนการจัดการเรยี นรู้เปน็ แบบเปดิ กวา้ ง จัดให้มีประสบการณ์ที่หลากหลายโดยให้เด็กได้เรียนรู้ตามความสนใจหรือให้เด็กได้แสดงออกในแนวทางท่ีเขาสนใจ เรียนรู้แบบปฏิบัติจริงโดยการใช้ประสาทสัมผัสกระทำกับวัตถุด้วยความอยากรู้อยากเห็น ได้ทดลองสร้างส่ิงใหม่ๆ เด็กเรียนรู้ ได้เต็มศักยภาพเม่ือมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น เด็กได้การเรียนรู้แบบร่วมมือเป็นกลุ่มเล็กๆ และเป็นรายบุคคล การให้เด็กได้มี โอกาสแลกเปล่ียนความคดิ เห็นกับบคุ คลอื่นทำให้เด็กไดต้ รวจสอบความคิดของตน แตเ่ มอ่ื มปี ญั หาเด็กต้องการคำแนะนำจาก ผู้ใหญ่ ควรให้เด็กได้เรียนรู้แบบบูรณาการซึ่งเป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องราวท่ีเกิดขึ้นในชีวิตจริงเป็นตัวตั้ง มีการเชื่อมโยง หลากหลายสาขาวิชา บทบาทของครูเป็นผู้ให้คำแนะนำเมื่อเด็กต้องการและให้การสนับสนุนอย่างเหมาะสม จะทำให้เด็ก เกดิ การเรียนรแู้ ละพัฒนาศักยภาพทางสมองไดอ้ ย่างเต็มท่ี12 ครสุ ารธนบรุ ี
ส า ข า วิ ช า จิ ต วิ ท ย า แ ล ะ ก า ร แ น ะ แ น วปญั หาวัยรุน่ ในยุคไร้พรมแดน โดย...อาจารย์สมทิ ธ์ิ เจือจินดา ปัญหาวัยรุ่นในปัจจุบัน ถ้าจะอธิบายโดยใช้ทฤษฎี วัฒนธรรมอนั ซบั ซอ้ นที่มปี จั จยั ภายนอกตัววยั รุ่นอยดู่ ว้ ย ดงั นน้ั มันจติ วทิ ยาวัยรนุ่ จงึ ไม่เพียงพอทจ่ี ะอธิบายพฤตกิ รรมว่นุ ๆ ของวยั รุ่น อาจง่ายเกินไปที่จะใช้ชุดความคิดและชุดการอธิบายที่ว่า วัยรุ่นสมัยนี้ ซึ่งเอาเข้าจริง ก็มีพ้ืนฐานเดียวกันกับวัยรุ่นสมัยคุณพ่อ มีปัญหาเพราะครอบครัวไม่อบอุ่น วัยรุ่นไม่รักษาค่านิยมไทยคุณแม่คุณปคู่ ุณย่า เมื่อ 30-40 ปีกอ่ นเหมือนกัน ไม่วา่ จะถูกชักจูง ไม่รักนวลสงวนตวั เสพสอ่ื ลามก และเบาปัญญา ฯลฯ ชุดความคิดง่าย บุ่มบ่าม หมกมุ่นเรื่องเพศ ติดเพื่อน กังวลเร่ืองตัวตน และ แบบนี้ นอกจากจะไม่ไดแ้ กป้ ัญหา ยงั ซำ้ เติมความร้สู กึ ของวยั ร่นุ วา่อัตลักษณ์ ฯลฯ หรืออย่างที่นักการศึกษาประมวลไว้เป็น ผู้ใหญ่ไมม่ วี ันเขา้ ใจเขา พัฒนาการ 5 ด้านคอื ด้านสตปิ ัญญา จติ ใจ อารมณ์ สงั คม และจริยธรรม ซึ่งอาจอธิบายได้อีกอย่างหนึ่งว่า พฤติกรรมท่ีผู้ใหญ่ ทางเลือกใหม่ในการแก้ปัญหาเยาวชน จึงเริ่มต้นจากการสมยั น้ีเหน็ ว่าเปน็ ”ปัญหา”นั้น สังเคราะห์ แล้วมีอย่เู พียง เปิดใจและคิดทางบวก คือ เชือ่ ในศักยภาพและธรรมชาตดิ ้านดีของ 1. ทา่ ทแี ละความสมั พนั ธท์ างเพศ รวมถงึ ความสมั พนั ธ์ เยาวชน แทนที่การช้ีน้ิวจ้ีจุดไปที่ปัญหาของเขา เราเพียงแต่ กบั เพือ่ น คนอ่นื ๆ ทำความเข้าใจและเสนอทางเลือกใหม่ๆให้เขาได้ทำกิจกรรม 2. การพฒั นาบุคลิกภาพทเ่ี หมาะสม ปลดปล่อยพละกำลังตามวัยและทำประโยชน์เพ่ือคนอ่ืน อันจะ 3. การการเรยี นร้ชู วี ิตและพฒั นาการท่ีดี ทำให้เขาเลิกหมกมุน่ กบั ตัวเอง รดนำ้ พรวนดินสง่ เสริมในสว่ นทีเ่ ปน็ 4. การใช้เวลาวา่ งอย่างมีคุณคา่ ศกั ยภาพและความต้องการของเขาใหง้ อกงาม รวมถงึ การสร้างและ 5. การบรโิ ภคอย่างสร้างสรรค์และรเู้ ท่าทัน ขยาย“พ้ืนที่ดีๆ” ในสังคมให้มากข้ึน อาทิ แหล่งเรียนรู้ประเภท ต่างๆ เช่น พิพิธภัณฑ์ทันสมัย มหรสพสร้างสรรค์ สวนสาธารณะ ในแง่โครงสรา้ งของปัญหา วัยรุ่นทกุ ยุคทกุ สมยั จึงหนีไม่ แหล่งนัดพบของวัยรุ่น ตลอดจนการจัดสรรพ้ืนที่เฉพาะ ท่ีจะให้พ้นต้องเดินทางผ่านจุดสะดุดที่เป็นปุ่มปมช่วงหน่ึงของชีวิตทั้งน้ัน วัยรุ่นได้ระบายพลงั และการแสดงออก เชน่ ที่ประเทศญี่ปุ่น มกี ารซงึ่ จากทศั นะของ พญ.พรรณพมิ ล หลอ่ ตระกลู ผู้ดำเนนิ โครงการ ปิดถนนฮาราจูกุในทุกวันอาทิตย์ ให้เด็กฮิปเด็กแนวท้ังหลายได้“สุขภาวะทางเพศของเด็กไทย “ และ ดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ ระเบิดความมัน ประชันดนตรี แฟช่ันและรถซิ่งกันในอาณาบริเวณนักการศึกษาท่ีทำ”โครงการวิจัยเด็กไทยในระยะยาว” หรือ นั้นอย่างเต็มที่ เป็นต้น ซึ่งน่าจะแตกต่างจากการทำอุทยานการChild Watch ต่างแสดงความเห็นพ้องกันว่า จากการสัมภาษณ์ เรียนรู้ หรือ T.K.Park (Thai knowledge park) ที่ริเร่ิมโดยเยาวชนจำนวนมาก และการเฝ้าติดตามพฤติกรรมเยาวชน ทั้งในสถานศึกษาและนอกระบบ รวมถึงการจัดกระบวนการอย่างมีส่วนร่วมในหมู่เยาวชน พบว่า เยาวชนต้องการท่ีปรึกษาหรือผู้ท่ีแสดงความเข้าอกเข้าใจ ยินดีรับฟังปัญหาและให้คำแนะนำแก่เขาโดยไม่ด่าว่า ไม่ตัดสิน หรือมุ่งแต่จะเห็นเขาเป็น”ปัญหา” โดยเยาวชนส่วนใหญ่รู้ดีว่าพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ เช่น การมีเพศสัมพันธ์ท่ีไม่ปลอดภัย การเสพยาและสิ่งมึนเมา การแต่งตัว การคบเพ่ือน เป็นต้น เพ่ือจะเป็นเด็กแนว ฮิป หรือการแสดงพฤติกรรมแปลกๆ วุ่นๆ ในแนว โดนฯ นั้น อะไรดีไม่ดีหรืออะไรเป็นเรื่องถูกผิด อันที่จริงปมปัญหาใหญ่ส่วนหน่ึงอยู่ท่ีสังคมเพื่อนฝูงของวัยรุ่น และความต้องการการยอมรับ การแสวงหาตัวตนและอัตลักษณ์ตามวัยของพวกเขา ซึ่งก็คือปัญหาเชิง ครุสารธนบรุ ี 13
ส า ข า วิ ช า จิ ต วิ ท ย า แ ล ะ ก า ร แ น ะ แ น วกระทรวงศกึ ษา จดั ต้ังขนึ้ ท่ีช้ัน 6 เซน็ ทรลั เวลิ ดพ์ ลาซ่า กรงุ เทพฯ สังคมอยู่จำนวนมากมหาศาลกว่าสังคมใด ซ่ึงเวลาน้ีมีองค์กรทีย่ ังมลี กั ษณะคิดทางเดยี วจากบนลงลา่ ง และการมุง่ ใหก้ ารเรยี นรู้ เอกชนแหง่ หนง่ึ กำลงั รวบรวมจดั ทำ “แผนท”่ี กลมุ่ กจิ กรรมเยาวชนดา้ นวิทยาการ ท่ัวประเทศ เพื่อใช้เผยแพร่สู่สังคมวงกว้าง โดยมีจุดประสงค์จะจุด ประกายความหวังและพลงั ใจแก่สงั คม เปน็ ตัวอยา่ งเชงิ ประจักษว์ ่า เยาวชนมีศักยภาพด้านบวกและเป็นทรัพยากรสำคัญของบ้านเมือง แนวคิดการแก้ปัญหาเยาวชนแบบเน้นด้านบวก หรือ โดยเชื่อว่า การนำเสนอข้อมูลเหล่าน้ีเป็น “ข่าวดี” จะช่วยให้Positive Youth Development นี้มีที่มาจากความพยายามใน เยาวชนท่ัวไปได้มองเห็นแบบอย่าง ทางเลือก และเกิดแรงบันดาลช่วง 30 ปี ท่ีอเมริกาเผชิญปัญหาอาชญากรรมและปัญหาวัยรุ่น ใจในการพัฒนาตนเชิงบวกบ้าง ที่สำคัญคือ ควรเปล่ียนการสื่อสารค่อนข้างสงู จนเกดิ การจดั สรรงบประมาณแกก่ ารทำโครงการวจิ ัย แบบ You Message ท่ีมีลักษณะ 1) สั่ง คือบังคับให้กระทำและการพัฒนาเยาวชนขนาดใหญ่ หลากหลาย เพ่ือค้นหาปัจจัย 2) สอน คือมองเด็กว่าโง่กว่า และ 3) บ่น คือพูดสาระน้อยด้วยบทเรียน และเง่ือนไขการเกิดเยาวชนท่ีพึงปรารถนา ผลการ ถ้อยคำจำนวนมาก ดังนั้น You Message อันเป็นการพูดแบบดำเนินการนี้ก่อให้เกิดแนวคิด Positive Youth Development ต้องทำอย่างนั้นห้ามทำอย่างน้ี จึงมักให้ผลในทางตรงกันข้ามได้ผลสรุปว่า เยาวชนท่ีพึงประสงค์คือ มีทักษะในการสร้าง เพราะไปกระตนุ้ สมองสว่ นอยากของเดก็ เสยี แลว้ ดงั เชน่ เสยี งสะทอ้ นสัมพันธภาพกับผู้อ่ืน การเลือกคบเพื่อน มีความสามารถในการ จากเยาวชนที่เข้าร่วมเวทีวิชาการ “เพศศึกษาเพ่ือเยาวชน” ท่ีควบคุมตนเอง มีวินัย พึ่งตนเอง แก้ปัญหาและคิดวิเคราะห์ได้ บอกว่า “จริงๆแล้ว ผู้ใหญ่และเด็กไม่มีใครรู้มากกว่ากัน บางทีเห็นคุณค่าและ เกิดฉันทะต่อการเรียนรู้ มีวุฒิภาวะในการลด ผู้ใหญ่ก็รู้อะไรมาผิดๆ และสั่งสอนเด็กจากความเคยชินผิดๆ”พฤติกรรมเส่ียงที่มีผลร้ายต่อสุขภาวะน่าสนใจว่ากลยุทธ์เชิงบวก “ดีใจที่เยาวชนได้มารวมพลังกันส่งเสียงบอกผู้ใหญ่ว่าวัยรุ่นคือใครในแนวคิดนี้ ให้ความสำคัญกับการทำให้วัยรุ่นได้รับโอกาสและ ตอ้ งการอะไร เยาวชนมีสิทธทิ ่จี ะคดิ พดู และแสดงความคิดเห็น…การยอมรับจากบุคคล ชุมชน และส่งเสริมความผูกพันต่อผู้ใหญ่ อยากให้ผู้ใหญ่ย้อนมองตัวเองบ้าง ไม่ใจแคบโทษแต่เด็ก ไว้ใจเด็กเพื่อน รุ่นพ่ีรุ่นน้อง กับการทำให้วัยรุ่นได้เข้าถึงบริการและระบบ และฟังเด็กบ้าง” “รู้สึกดีมากที่ได้ยินว่า เด็กไม่ใช่ปัญหา แต่เด็กสนับสนุนท่ีเอ้ือต่อการพัฒนาเยาวชน ซ่ึงสอดคล้องกับข้อเสนอ กำลังเผชิญปัญหา และผู้ใหญ่มีหน้าท่ีต้องดูแลชีวิตเด็กวัยรุ่นให้จากเยาวชนไทยในเวทีสมั มนาที่กล่าวถึงขา้ งตน้ จาก “ปัญหา” สู่ เติบโตเปน็ ผใู้ หญ่ที่ไมท่ ำรา้ ยตวั เองและผอู้ ่ืน” “อนาคต” ความจริง เรามเี ยาวชนทรี่ วมกลุ่มกนั ทำประโยชน์เพอื่14 ครุสารธนบรุ ี
ส า ข า วิ ช า สั ง ค ม สึ ก ษ า โครงการเสริมสร้างคณุ ธรรมจรยิ ธรรมครสู ู่อาเซียน สาขาวิชาสังคมศึกษา โดยอาจารย์ ดร.ประพันธ์ สหพัฒนา และคณาจารย์ประจำสาขาวิชาฯ ได้จัดโครงการ“โครงการเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรมครูสู่อาเซียน” ขึ้นในวันที่ 22 กรกฎาคม 2558 ณ ห้องประชุมอาคาร 1 ช้ัน 15มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี ซึ่งโครงการในคร้ังน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือบูรณาการความรู้ด้านประชาคมอาเซียนกับหลักคุณธรรมให้กับนักศึกษา เพื่ออบรมให้ความรู้ด้านการเตรียมพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน และเพ่ือเป็นการเผยแพร่คุณธรรม จริยธรรม แก่นักศึกษาในการเตรียมตัวสู่ประชาคมอาเซียน ในการอบรมคร้ังนี้ได้รับเกียรติจากท่านพระปลัดอดุลย์ อตุโล มาเป็นพระวิทยากรโดยบรรยายด้าน คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพครู ใน 6 ประการ ได้แก่ พฤติกรรมการรักษาระเบียบวินัย, การประพฤติตนเป็นแบบอย่างท่ีดีของครูกับนักเรียน, การดำรงชีวิตอย่างเหมาะสมตามหลักความพอเพียง,ความรักและศรัทธาในวิชาชีพครู, ความรับผิดชอบในวิชาชีพ และความภูมิใจ ค่านิยม อุดมการณ์ของความเป็นครู ซึ่งในการอบรม สมั มนาดังกล่าวมนี กั ศึกษาครุศาสตร์ระดบั ปรญิ ญาตรีเขา้ ร่วมการอบรมเปน็ จำนวน 200 คน ครุสารธนบุรี 15
ง า น วิ จั ย แนวทางการพฒั นานกั ศึกษามหาวิทยาลัยราชภฏั ธนบุรี ให้มคี ณุ ลักษณะ ตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง โดย..... ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สนุ นั ทา แก้วสขุ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั ธนบรุ ี วตั ถุประสงคข์ องการวจิ ยั 1. เพื่อวิเคราะห์กิจกรรมทางเศรษฐกิจพอเพียงในมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี ท่ีดำเนินการตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพียง 2. เพื่อวิเคราะห์การเรียนรู้ของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรีที่เกิดจากการทำกิจกรรมตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง 3. เพื่อนำเสนอแนวทางในการพัฒนานักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรีให้มีคุณลักษณะตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพยี ง กรอบแนวคดิ ในการวจิ ัย กรอบแนวคิดเชิงทฤษฎีของโครงการวิจัย แนวทางการพัฒนานักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรีให้มีคุณลักษณะ ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง มแี นวความคดิ ดงั แสดงในแผนภาพท่ี 1 แผนภาพที่ 1 ความสัมพันธ์ระหวา่ งคณุ ลกั ษณะ 3 ประการกับเง่ือนไขความรู้ และเงือ่ นไขคุณธรรม วิธีดำเนนิ การวจิ ยั การวจิ ยั ในครงั้ นเี้ ป็นการวิจยั เชงิ คณุ ภาพ (Quality research) ในลักษณะการวิจัยพหกุ รณีศกึ ษา (Multiple case study research) ซึ่งเป็นการเก็บรวบรวมข้อมลู และจัดระบบของขอ้ มลู จากกรณตี วั อย่าง 9 โครงการ การ เลือกกลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการสัมภาษณ์แบบไม่เป็นทางการ และสัมภาษณ์เชิงลึกเลือกมาแบบลูกโซ่ (Snowball Sampling) จากนักศึกษาและอาจารย์มหาวิทยาลยั ราชภฏั ธนบุรี ปกี ารศกึ ษา 2556 โดยยดึ หลักว่าต้องเป็นบุคคลที่มบี ทบาทสำคญั ในการ ดำเนินโครงการ/กิจกรรมเป็นคนท่ีมีข้อมูลทันสมัยและทันต่อเหตุการณ์ จำนวน 40 คน ได้แก่ นักศึกษาจำนวน 28 คน อาจารย์จำนวน 12 คน เครื่องมือท่ใี ช้ในการวิจัยมี 5 ฉบบั ไดแ้ ก่ ฉบับที่ 1 ฉบับท่ี 2 เป็นแนวคำถามทใ่ี ชใ้ นการสัมภาษณ์16 ครสุ ารธนบรุ ี
ง า น วิ จั ยนักศกึ ษาและอาจารย์ ฉบบั ที่ 3 แนวคำถามทใ่ี ชใ้ นการสนทนากลุม่ ฉบบั ที่ 4 แบบบนั ทกึ ขอ้ มูล และฉบบั ที่ 5 แบบบนั ทกึ การสังเกต ผวู้ จิ ยั ใชว้ ิธกี ารเก็บรวบรวมข้อมลู โดยการสงั เกตแบบมสี ว่ นรว่ ม (Participant observation) และการสงั เกตแบบไมม่ ีส่วนร่วม (Non-Participant observation) การสัมภาษณ์แบบไม่เป็นทางการ (Informal interview) และการสัมภาษณแ์ บบเจาะลกึ (In-depthinterview) การวิเคราะห์เอกสารท่ีเก่ียวข้อง (Documentary analysis)และประชมุ สนทนากลุ่ม (Focus group) การเก็บรวบรวมข้อมูลทำโดยการสัมภาษณ์นักศึกษาและอาจารย์ การจัดประชุมสนทนากลุ่มนักศึกษาและอาจารย์ การศึกษาเอกสาร การสังเกตแบบมีส่วนร่วม และการสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วมในโครงการ/กิจกรรมต่างๆ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพทำโดยการวิเคราะห์เน้ือหาตามหลักการวิเคราะห์แบบอุปนัย การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพทำการวิเคราะห์เน้ือหา (Content analysis) ตามหลักการวิเคราะห์แบบอปุ นยั (Inductive method) โดยนำข้อมูลที่เกบ็ รวบรวมได้ มาจัดหมวดหมู่ ให้เปน็ ระบบระเบียบ แลว้ สรุปเป็นประเดน็ ต่างๆ ผลการวิจัยพบว่า 1) โครงการ/กิจกรรมนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี ที่ดำเนินการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงประจำปีการศึกษา 2556 ที่ศึกษามี 9 โครงการ แบ่งตามผู้รบั ผดิ ชอบในการจัดออกเป็น 3 กลุ่ม คือ (1) องคก์ ารนกั ศึกษาของมหาวิทยาลยั รับผดิ ชอบในการจัดได้แก่ โครงการวันไหว้ครู โครงการเฟรชช่ีบอยแอนด์เกิร์ล มารยาทงามสืบสานวัฒนธรรมไทย โครงการเปิดโลกกิจกรรม และโครงการกีฬามหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี “พิกุลเกมส์” ครั้งท่ี 9 (2) คณะ/สาขาวิชารับผิดชอบในการจัด ได้แก่ โครงการปฐมนิเทศการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพสำหรับนักศึกษาใหม่ และโครงการราชภัฏธนบุรีวิชาการ (3) สโมสรนักศึกษาของคณะรับผิดชอบในการจัด ได้แก่ โครงการแห่เทียนพรรษาโครงการจัดทำซุ้มแสดงความยินดีบัณฑิต และโครงการสานสัมพันธ์พี่น้อง2) การเรียนรู้ของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรีเพ่ือพัฒนานักศึกษาไปสู่คุณลักษณะตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเกิดขึ้นโดยการถ่ายทอดความรู้ การลงมือกระทำกิจกรรมในสถานการณ์จริง การค้นคว้าหาความรู้ การแลกเปล่ียน ความรแู้ ละประสบการณ์ และการลองผดิ ลองถกู มลี กั ษณะการเรยี นรู้ ทงั้ เปน็ รายบคุ คล และเป็นรายกลมุ่ 3) แนวทางการพฒั นานกั ศกึ ษา มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรีให้มีคุณลักษณะตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงกำหนดเป็นนโยบายท่ีมุ่งเน้นการพัฒนานักศึกษา แบบองค์รวม และมีระบบการบริหารจัดการที่เช่ือมโยงระหว่าง วิชาการและกิจกรรมนักศึกษา และให้นำระบบประกันคุณภาพ มาเชื่อมโยงกับการพัฒนาคุณลักษณะบัณฑิตท่ีพึงประสงค์ โดย การพัฒนาความรู้และคุณธรรมให้เกิดข้ึนในตัวผู้เรียนผ่านโครงการ/ กิจกรรมต่างๆ ซ่ึงในกระบวนการทำโครงการ/กิจกรรมจะทำเกิด คุณลักษณะ 3 ประการ คือ ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการมีภูมิคุ้มกันที่ดี ซึ่งต้องอาศัยความรู้และต้องอยู่บนพื้นฐาน ของคุณธรรมดว้ ย ครุสารธนบุรี 17
คนดคี นเกง่ ครศุ าสตร์คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั ธนบรุ ี ขอแสดงความยนิ ดีเนื่องในโอกาสที่ คณาจารย์ ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สนุ นั ทา แก้วสุข ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วสิ ูตร จำเนยี ร ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วาสนา เพม่ิ พูล ได้รับพระราชทานเครอ่ื งราชอิสริยาภรณ์ ได้รบั พระราชทานเครอ่ื งราชอิสรยิ าภรณ์ ได้รบั รางวัลนักวจิ ยั ดีเดน่ชน้ั สายสะพาย ประถมาภรณม์ งกฎุ ไทย (ป.ม.) ช้ันสายสะพาย ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.) ในวนั สถาปนามหาวิทยาลยั ราชภัฏธนบุรี ณ ศาลาดสุ ดิ าลยั สวนจติ รลดา ณ ศาลาดุสิดาลยั สวนจติ รลดา วนั ท่ี 8 กรกฎาคม 2558 พระราชวังดสุ ติ พระราชวังดสุ ติ วนั ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 นกั ศกึ ษา นายทวศี กั ด์ิ หงษ์เจริญ นกั ศกึ ษา สาขาวิชาวทิ ยาศาสตรท์ วั่ ไป นายสทิ ธชิ ยั ทองอปุ การณ์ ได้รบั รางวลั ศิษย์ปจั จบุ ันดเี ดน่ ไดเ้ ข้าร่วมโครงการแลกเปลีย่ นนักศึกษา และนางสาวกญั ญปรญิ ญ์ สิทธพิ ันธ์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏธนบุรี ระหวา่ งมหาวิทยาลัยราชภัฎธนบรุ ี นกั ศกึ ษาสาขาวิชาภาษาไทย วันที่ 8 กรกฎาคม 2558 และมหาวทิ ยาลัยตา้ ล่ี ประเทศจีน ได้รับรางวลั โล่พระราชทาน ณ วนั ท่ี 30 มนี าคม – 29 เมษายน 255818 ครุสารธนบรุ ี สมเดจ็ พระเจ้าลกู เธอ ไดแ้ ก่ น.ส. วิลาวลั ย์ ต้นโพธ,์ิ เจ้าฟ้าจฬุ าภรณ์วลัยลกั ษณ์ น.ส. หน่ึงฤทัย กำจาย, อคั รราชกุมารี น.ส.ชนัญชดิ า พันสลาบขวา, ในการประกวดร้อยกรอง น.ส. ปาริชาติ งานดี, น.ส.มนิ ตรา ศิริวรรณ, ครัง้ ท่ี 14 ประจำปี พ.ศ. 2558 ณ มหาวิทยาลัยวลยั ลักษณ์ น.ส. จุฬาลักษณ์ คชรมณ,์ น.ส. สดุ ารัตน์ หารชัย, น.ส.ประภาพร ม่งุ ปา่ กลาง, น.ส.นน้ ทนติ ย์ อบอุน่
ภาพกิจกรรม ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2558กิจกรรมแหเ่ ทียนพรรษา กจิ กรรมไหวค้ รู คณะครุศาสตร์กจิ กรรมปฐมนิเทศนักศกึ ษาใหม่ การประชุมสัมมนาเชิงปฏิบตั กิ ารทบทวนและปรบั ปรุง แผนการดำเนนิ งานของคณะฯ และจดั ทำรายงานการประเมินตนเองปี 2557 (SAR 15) ครสุ ารธนบรุ ี 19
20 ครุสารธนบุรี
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: