Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ใบความรู้

ใบความรู้

Published by an0883991119, 2021-07-31 07:40:40

Description: ใบความรู้

Search

Read the Text Version

- อารยธรรมจนี - Chinese Civilization จีนเป็นดินแดนที่มีอารยธรรมเก่าแก่เช่นเดียวกับอารยธรรมเมโสโปเตเมียและอารยธรรม อินเดีย โดย สบื ทอดความเจริญจากอดตี จนจนถึงปจั จุบนั มากกว่า 3,000ปีและได้ขยายอิทธิพลความเจริญออกไปทั่วดินแดน เอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อารยธรรมจีนเร่ิมปรากฏในบริเวณลุ่มน้าฮวงโหเม่ือประมาณ 2000ปีก่อนคริสต์ศักราช และพัฒนาระดับความเจริญจากชุมชนยุคหินใหม่ไปสู่ความเป็นปึกแผ่นของรัฐเล็ก ๆ กอ่ นจะรวมตัวกนั ในทางการเมอื ง เปน็ อาณาจกั รและเป็นจกั รวรรดใิ นท่ีสดุ ทตี่ ง้ั อารยธรรมจนี อารยธรรมจีนเกิดขึนครังแรกท่ีลุ่มแม่น้าฮวงโห คือที่ราบตอนปลายของแม่น้าฮวงโหและแม่น้า แยงซีเกียง อารยธรรมจีนเจริญโดยได้รับอิทธิพลจากภายนอกน้อยเพราะทิศตะวันออกติดมหาสมุทรแปซิฟิก ทางตะวันตกและทิศเหนือเป็นทุ่งหญา้ ทะเลทราย และเทือกเขา จีนถือวา่ ตนเปน็ ศนู ย์กลางของโลก

อารยธรรมจีนสมัยก่อนประวตั ิศาสตร์ วฒั นธรรมหยางเชา (Yangshao culture) จากการขุดพบซากโบราณคดีท่ีบริเวณ เครอื่ งปนั ดินเผาหยางเชา มณฑลเหอหนาน ทางตอนกลางค่อนไปทาง ตะวันออกของจีน เร่ือยมาจนถึงเขตปกครอง ตนเอง ซินเจียงอุยกูร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ของจีน พบเครื่องป้ันดินเผาที่มีสีแดงประดับ ลวดลาย เป็นเส้นตรงและวงกลมสีทึบ มนุษย์ ในชุมช น นีด้ารง ชีพ ด้ว ย การเพาะปลู ก เล้ี ยง สัต ว์ รู้จั กท า เค รื่อ งมื อเ ค รื่ อง ใ ช้ จากทองแดง วฒั นธรรมหลงซาน (Longshan culture) เครอ่ื งปัน้ ดนิ เผาหลงซาน จากการขุดพบซากโบราณคดีที่บริเวณ มณฑลซานตง และฝงั่ ทะเลใตไ้ ปจนถึงเมืองหาง โจว พบเคร่ืองปั้นดินเผาสีดาขัดมันเป็นเงา มี เนือ บางละเอียดกว่าที่พบในวัฒนธรรมหยาง เชา มนุษย์ยุคน้ีมีการตั้งหลักแหล่งเป็นชุมชน หมู่บ้าน และ สร้างป้อมปราการเพื่อป้องกัน ตนเอง ดารงชีพด้วยการเพาะปลูกและเลี้ยง สัตว์ เช่น ม้า นอกจากนี ยังปรากฏร่องรอย การประกอบพิธีกรรมและพบกระดูกสัตว์ เช่น กระดูกวัว กระดองเต่า ซ่ึงใช้ใน การท้านาย เหตุการณ์ ความเจริญของวัฒนธรรมหลงชาน เป็นพืนฐานส้าคัญและเป็นจุดเริ่มต้นของอารย ธรรมจีน

อารยธรรมจีนสมยั ประวัตศิ าสตร์ 1. ประวตั ิศาสตร์สมัยโบราณ เริม่ ตงั้ แต่สมยั ราชวงศ์ชาง สนิ้ สุดสมัยราชวงศ์โจว เป็นราชวงศแ์ รกของจนี มกี ารปกครองแบบนครรัฐ มีการประดิษฐ์ตัวอักษรขึนใช้เป็นครังแรก พบจารึกบนกระดองเต่า และกระดูกวัว เรื่องท่ีจารึกส่วนใหญ่เป็นการท้านายโชคชะตา จงึ เรยี กว่า “กระดูกเสย่ี งทาย” มีความเช่อื เร่ืองการบูชาบรรพบุรษุ แนวความคิดด้านการปกครอง เชื่อเร่ืองกษัตริย์เป็น “โอรสแห่งสวรรค์ สวรรค์มอบอ้านาจให้มา ปกครองมนุษย์เรียกว่า “อาณัตแห่งสวรรค์ เริ่มต้นยุคศักดินาของจีน เกิดลัทธิขงจื๊อ ที่มีแนวทาง เป็นแนวคิด แบบอนุรักษ์นิยม เน้นความสัมพันธ์และการท้าหน้าที่ของผู้คนในสังคม ระหว่างจักรพรรดิกับราษฎร บิดากับ บุตร พ่ีชายกับน้องชาย สามีกับภรรยา เพื่อนกับเพ่ือน เน้นความกตัญญู เคารพผู้อาวุโส ให้ความส้าคัญ กบั ครอบครัว เนน้ ความสา้ คัญของการศกึ ษา เกิดลัทธิเต๋า โดยเล่าจ๊ือ ท่ีมีแนวทาง เน้นการด้าเนินชีวิตท่ีเรียบง่าย ไม่ต้องมีระเบียบแบบแผน พิธีรีตองใดใด เน้นปรับตัวเข้าหาธรรมชาติ ลัทธินีมีอิทธิพลต่อศิลปิน กวี และจิตรกรจีน ค้าสอนทังสองลัทธิ เปน็ ท่ีพ่ึงทางใจของผ้คู น 2. ประวัตศิ าสตรส์ มัยจกั รวรรดิ เร่ิมตั้งแต่สมัยราชวงศ์จ๋นิ จนถึงปลายราชวงศช์ งิ จักรพรรดิทยี่ ิ่งใหญส่ ามารถรวม เป็นยุคทองด้านการค้าของจีน มีการ ดินแดนของจนี ให้เป็นจกั รวรรดิ เปน็ ครังแรก ค้าขายกับอาณาจักรโรมัน อาหรับ และอินเดีย คือ พระเจ้าชิว่ังต่ี หรือ จน๋ิ ซฮี อ่ งเต้ เป็นผใู้ ห้ โดยเสน้ ทางการค้าท่ีเรยี กวา่ เส้นทางสายไหม สร้าง กา้ แพงเมอื งจนี ลทั ธขิ งจอ๊ื คา้ สอนถูกน้ามาใชเ้ ป็นหลกั มกี ารใชเ้ หรียญกษาปณ์มาตราชัง่ ในการปกครองประเทศ ตวง วัด มีการสอบคดั เลือกบุคคลเข้ารบั ราชการเรียกวา่ จอหงวน

เป็นยุคแตกแยก แบ่งเป็น ได้ช่ือว่าเป็นยุคทองของอารย สามก๊ก มีการขุดคลองเช่ือมแม่น้า ธรรมจีน นครฉางอานเป็นศูนย์กลาง ฮวงโหกับแม่น้าแยงซี เพื่อประโยชน์ ข อ ง ซี ก โ ล ก ต ะ วั น อ อ ก ใ น ส มั ย นั น ในด้านการคมนาคม พระพุทธศาสนามีความเจริญรุ่งเรือง พระภิกษุ (ถังซ้าจั๋ง) เดินทางไปศึกษา พระไตรปฎิ ก ในชมพทู วปี เป็นยุคทองของกวีนิพนธ์จีน กวีคนส้าคัญ เช่น หวางเหว่ย หลี่ไป๋ ตู้ฝู้ ศลิ ปะแขนงตา่ งๆมคี วามรงุ่ เรอื ง มีความก้าวหนา้ ด้านการเดินเรือสา้ เภา รู้จักการใช้เขม็ ทิศ รู้จักการใชล้ ูกคดิ ประดิษฐ์ แท่นพิมพ์หนงั สือ รักษาโรคด้วยการฝงั เขม็ เปน็ ราชวงศ์ชาวมองโกลท่ีเขา้ มาปกครองจีน ฮ่องเต้องคแ์ รกคือ กบุ ไลขา่ น หรอื หงวนสีโจ๊ว ฮ่องเต้ ชาวตะวันตกเข้ามาตดิ ตอ่ ค้าขายมาก เช่น มารโ์ คโปโล พอ่ คา้ ชาวเมอื งเวนีส อิตาลี วรรณกรรม นิยมการเขียน เป็นราชวงศ์เผ่าแมนจู เป็นยุคที่ น ว นิ ย า ย ท่ี ใ ช้ ภ า ษ า พู ด ม า ก ก ว่ า การใช้ภาษาเขียน มีนวนิยายที่ส้าคัญ จีนเส่ือมถอยความเจริญทุกด้าน เร่ิมถูก ได้แก่ สามก๊ก ไซอ๋ิว รุกรานจากชาติตะวันตก เช่น สงครามฝ่ิน ซ่ึงจีนรบแพ้อังกฤษ ท้าให้ต้องลงนาม ส่งเสริมการส้ารวจเส้นทาง ในสนธิสัญญานานกิง ปลายยุคราชวงศ์ชิง เดนิ เรือทางทะเล สร้างพระราชวังหลวง พ ร ะ น า ง ซู สี ไ ท เ ฮ า เ ข้ า ม า มี อิ ท ธิ พ ล ปักกิ่ง (วังตอ้ งหา้ ม) ในการบรหิ ารประเทศมาก

อิทธพิ ลของอารยธรรมจนี ทส่ี ่งผลในเอเชีย อทิ ธพิ ลของอารยธรรมจนี ในเอเชยี ตะวนั ออก อิทธิพลของอารยธรรมจนี ต่อญ่ปี ุน่ ด้านการเมอื ง การปกครอง ระบบต้าแหน่งหมวกยศ 12 ขัน นีแบ่งต้าแหน่ง ของข้าราชการออกเป็น 12 ต้าแหน่งตาม สีหมวก ตา้ แหน่ง สงู สุด ไดแ้ ก่ ตา้ แหนง่ ไดโตกุ สวมหมวกสีม่วง ส่วนต้าแหน่งต่้าสุดเรียกว่า ต้าแหน่ง โชจิ สวมหมวกสี ดา้ ด้านศิลปวฒั นธรรม ลทั ธิเต๋า วัฒนธรรมลัทธิเตา๋ ” ทเี่ จรญิ ร่งุ เรืองในยุคราชวงศ์ เหนือใตข้ องจีน ก็ได้รับการเผยแผ่ มาสู่ญปี่ นุ่ ในชว่ งเวลานี เชน่ เดยี วกนั ลัทธิขงจ๊ือ ลัทธิขงจื๊อได้รับการเผยแผ่เข้าสู่ญ่ีปุ่นตังแต่คริส ศตวรรษที่ 6 พร้อมกับศาสนา พุทธ แต่เนื่องจากแนวคิด ของลัทธิขงจื๊อเน้นเร่ืองการจัดระเบียบทางสังคมและความ สัมพันธ์ของ บคุ คลในสังคม ดังนนั ลทั ธิขงจือ๊ จึงถูกนา้ มาใช้ ในด้านการเมืองการปกครองมากกว่าด้านศาสนา สถาปัตยกรรมสมัยอะสุกะ วรรณคดีญ่ีปุ่นได้น้าเอาการแต่งโคลงกลอนแบบจีนมาผสมผสาน เข้ากับวฒั นธรรมพนื เมอื งญี่ปนุ่ อทิ ธพิ ลของอารยธรรมจีนตอ่ เกาหลี เกาหลไี ดจ้ ้าลองการปกครองตามการปกครองของจีน เกาหลียังได้เรียนรู้การเพาะปลูก ข้าวและบางครงั กเ็ รียนรกู้ ารผลิตกระดาษจากจนี เกาหลีดัดแปลงแก้ไขรูปแบบศิลปะจีน รวมทังวิธีการท้าเครื่องป้ันดินเผา ในความเป็น จริง เกาหลีเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงเรื่อง ศิลาดล ผลิตภัณฑ์เคร่ืองป้ันดินเผาที่เผาในอุณหภูมิสูงถึง 1,250 องศาเซลเซยี ส) ซ่งึ เป็นเคร่อื งป้ันดนิ เผาทเี่ คลอื บเงาสเี ขียวปนฟ้า เกาหลียังได้เรียนรู้เก่ียวกับระบบความเช่ือสองระบบจากประเทศจีน คือ ศาสนาพุทธ และขงจืออีกด้วย พุทธศาสนาน้ามาใช้เป็นครังแรกโดยเหล่าขุนนางและต่อมาก็เป็นคนทั่วไป จากนันก็ แพร่กระจายจากเกาหลีไปยังประเทศญ่ีปุ่นรับเอาอักษรจากประเทศจีนมาใช้ ซ่ึงมีความยากและซับซ้อน มาก ต้องใชเ้ วลาในการเรยี นร้แู ละศึกษานานกว่าจะใช้ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง จึงท้าให้มีเพียงแค่ชนชันสูงเท่านันท่ี สามารถศกึ ษาอกั ษรจีนได้ ส่วนชาวบ้านท่เี ป็นสามญั ชนธรรมดาหาคนที่จะรภู้ าษาจีนไดย้ ากมาก

อทิ ธพิ ลของอารยธรรมจนี ในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ อทิ ธิพลของอารยธรรมจีนตอ่ ไทย จีนเข้ามาสมัยกรุง สุโขทัยและกรุงศรีอยุธยาโดยเข้ามาค้าขาย ในสมัยกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์ เข้ามาท้ามาหากิน ท้าให้เกิดการผสมผสานวัฒนธรรมไทยกับจีน จนกลายเป็นวัฒนธรรมไทย อิทธิพล วฒั นธรรมจนี ต่อวฒั นธรรมไทยไดแ้ ก่ 1.ความเชื่อทางศาสนา เป็นการผสมผสาน การบูชาบรรพบุรุษ การนับถือเจ้า ส่วนการไหว้ พระจันทร์ เทศกาลกนิ เจ ชาวไทยเชือสายจีนรุ่นใหม่ยอมรับวัฒนธรรมเดมิ ของจนี น้อยลงทุกที 2. ด้านศลิ ปกรรม เคร่ืองชามสงั คโลกเขา้ มาในสมยั สุโขทัย 3.ด้านวรรณกรรม การแปลวรรณกรรมจีนเป็นภาษาไทย เร่ิมขึนในสมัยรัชกาลที่1แห่งกรุง รัตนโกสินทร์ ได้แก่ สามก๊กอ้านวยการแปลโดย เจ้าพระยาคลัง (หน) กลายเป็นเพชรน้างามแห่งวรรณคดี ไทย 4.วัฒนธรรมอ่ืน ๆ มีอาหารจีน และ \"ขนมจันอับ\" ท่ีกลายเป็นขนมที่มีบทบาทในวัฒนธรรมไทย ใชใ้ นพธิ ี ก๋วยเต๋ียวก็กลายมาเป็นอาหารหลักของไทย นอกจากนียังมีข้าวต้มกุ๊ย ผัดซีอ๊ิว และซาลาเปา เป็น ตน้ อิทธพิ ลของอารยธรรมจนี ต่อเวยี ดนาม 1. การปกครอง ปกครองของเวยี ดนามโดยรวมแลว้ รบั แบบแผนจากแบบจีน เช่น การปกครองแบบดงึ อ้านาจเข้า ส่ศู ูนยก์ ลาง การจัดแบ่งกระทรวงเปน็ 6 กระทรวง 2. ภาษา/ตัวหนงั สอื ตวั หนงั สือเวียดนามเรยี กว่า จอ๋ื นม ประดิษฐข์ นึ ในครสิ ต์ศตวรรษที่ 13 โดยใช้อักษรจีนมา ผสมใหม่ ใชเ้ ขยี นภาษาเวยี ดนามพืนเมือง เนน้ ให้สอดคลอ้ งกับความหมายและการออกเสียง นยิ มใช้เขียน บทกวพี ืนบ้าน 3. การแตง่ งาน ชาวเวยี ดนามมธี รรมเนียมการแตง่ งานของตนอยกู่ อ่ นแลว้ เช่น หญงิ เรียกรอ้ งสนิ สอดจากชาย ซง่ึ ปรากฏมาตงั แตก่ อ่ นเริ่มคริสตศ์ กั ราช แต่เมอื่ รบั อทิ ธพิ ลจากจีน เวยี ดนามก็นา้ มาดดั แปลงผสมผสานจน กลายเปน็ ประเพณกี ารแต่งงานของชาวเวียดนามในปัจจุบัน 4. การแตง่ กาย เวียดนามรับมาจากจีนเช่นกัน ในสมัยจกั รพรรดิมินมาง พระองคอ์ อกกฎหมายการแตง่ กายของ สตรีให้สตรีทางเวียดนามตอนเหนอื หันมาสวมกางเกงขายาวแบบจีนแทนการสวมกระโปรง อยา่ งไรกต็ าม กฎหมายดงั กล่าวมีผลต่อการแต่งกายของสตรใี นเมืองใหญท่ างตอนเหนือในกลุม่ ภรรยาข้าราชการ พ่อค้า มากกว่าชาวนาในชนบทซึง่ มีฐานะยากจน

มรดกโลกทางวัฒนธรรมของอารยธรรมจีน ศาลบตู๊ ้ึง บรรดาวัด วัง และอารามบนเทือกเขาอู่ตังที่ลาดชันนีด้ารงรักษาศิลปะและสถาปัตยกรรม จีนมานานนบั พันปี พระราชวังหลวงแหง่ ราชวงศ์หมงิ และชิงในปกั กิง่ และเฉ่ินหยาง พระราชวังต้องห้ามซ่ึงตังอยู่ใจกลางกรุงปักก่ิง เป็นพระราชวังหลวงของจีนมานานหลาย ศตวรรษ ตังแตส่ มัยราชวงศห์ มงิ จนถงึ ชว่ งสนิ สดุ ราชวงศ์ชิง ถา้ ม่ัวเกา ถ้ามัว่ เกาแห่งตุนหวงนันเปน็ สถานที่เตม็ ไปด้วยโบราณวัตถุทางศาสนาพทุ ธท่ีมากมายท่ียังคง เก็บรกั ษาไวท้ ่ีใหญท่ ส่ี ุดในโลก ซึ่งมีรูปวาดแกะสลกั ผนังถ้า และ รูปปั้นดิน สุสานจักรพรรดฉิ นิ ที่ 1 เป็นกลุ่มของประติมากรรมดินเผาที่แสดงถึงกองทัพของฉินซีฮ่องเต้ซ่ึงเป็นจักรพรรดิองค์แรกของจีน เป็นรูปแบบหนึ่งของศิลปะหลุ่มศพที่ฝังอยู่กับจักรพรรดิในช่วง 210-209 ปีก่อนคริสต์ศักราชโดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือ ปกปอ้ งจักรพรรดใิ นชวี ิตหลังความตาย งานแกะสลักหินแห่งต้าจู๋ แหลง่ มรดกโลกท่ตี งั อยใู่ นเขตนครฉงชิง่ ประเทศสาธารณรฐั ประชาชนจีนเดน่ ในความงดงามของ งานแกะสลักทังทางพุทธศาสนา ลทั ธขิ งจ๊ือ ลัทธิเต๋า และชวี ติ ผ้คู นบนผาแคบ ๆ ท่ีเรมิ่ แกะสลักเรื่อยมาตังแต่ ครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 9 จนถงึ ครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 13 ก้าแพงเมืองจีน ก้าแพงเมืองจีนซ่ึงทอดยาวกว่า 8,000 กิโลเมตร สร้างขึนในรัชสมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิ พระองค์แรกของจีนในศตวรรษทีส่ ามก่อนครสิ ตกาล เมืองโบราณผงิ เหยา ผิงเหยายงั คงมโี ครงสรา้ งของเมอื งเช่นเดียวกบั สมัยราชวงศห์ มิงและราชวงศช์ ิง ภายในเมอื ง และบรเิ วณใกลเ้ คยี งเปน็ ทตี่ งั ของโบราณสถานมากกว่า 300 แห่ง มอี าคารบ้านเรอื นสมัยราชวงศ์หมิงและ ราชวงศช์ ิงเกอื บ 4,000 หลงั พระราชวังฤดรู ้อน สวนหลวงในปักกง่ิ พระราชวงั แห่งนมี พี นื ท่รี วมกว่า 3.08 ตารางกิโลเมตร ซง่ึ นอกจากอาคารพระราชวังท่ีไดร้ ับการ ก่อสร้างอยา่ งสวยงามแล้ว ภายในพระราชวังฤดูร้อนยงั เต็มไปด้วยส่ิงปลกู สรา้ งและงานศลิ ปะที่สวยงามทรงคุณคา่ อีก หลายอย่าง ไม่วา่ จะเป็น ทะเลสาบคนุ หมิง อันโด่งดังที่เกดิ จากการใชแ้ รงงานคนสรรสรา้ ง หรือ ภเู ขาวา่ นโซว่ ซาน

สสุ านจักรพรรดจิ นี หลายแห่งทไี่ ดร้ ่วมกันลงทะเบียนเป็นแหลง่ มรดกโลก ตงั อย่ใู นหลายมณฑลของ ประเทศสาธารณรฐั ประชาชนจนี ซง่ึ ไดแ้ ก่ มณฑลหูเป่ย์ กรงุ ปกั กง่ิ นครหนานจงิ ในมณฑลเจยี งซู และ มณฑลเหลยี วหนงิ และเปน็ ท่ีฝง่ั พระศพจกั รพรรดิ จักรพรรดินี พระพันปหี ลวง และเชอื พระวงศ์ เริ่มสร้างขึนในศตวรรษท่ี 5 สมัยราชวงศ์เวย่ (Wei พ.ศ.1014) หลงั จากที่ย้ายเมืองหลวงจาก 'ต้าถง' ถ้าหลงเหมนิ มายัง 'ลัว่ หยาง' ฮอ่ งเตท้ ุกพระองค์ในสมัยราชวงศ์เว่ยจนถึงราชวงศถ์ งั และราชวงศ์โจวของพระนางบู เชก็ เทยี น ลว้ นส่งั ให้ชา่ งแกะสลักหนิ ที่ถ้าหลงเหมินเป็นรปู สลกั พระพทุ ธรปู อย่างต่อเน่ือง จวบจนพระ นางบเู ช็กเทียนสินพระชนม์ การแกะสลกั หนิ เปน็ พระพุทธรปู ในถา้ หลงเหมินกไ็ ด้ยุติลง รวมระยะเวลา กวา่ 400 ปี สถานที่พักรอ้ นและ เป็นวังฤดูร้อนบนเขา ของราชวงศ์ชงิ ท่สี ร้างขึนในปี พ.ศ. 2246 (ค.ศ. 1703) ซ่ึงมี หมวู่ ดั ในเฉิงเตอ๋ วตั ถปุ ระสงค์คือเป็นทีป่ ระทบั ของพระราชวงศจ์ นี ในคราเสดจ็ ไปเมืองเฉิน่ หยาง เมือง หลวงเกา่ สว่ นหม่วู ดั ทีห่ มายถึงนีคอื หมู่วัดบนเขาทส่ี ร้างดว้ ยการผสมสถาปตั ยกรรม ระหวา่ งทเิ บตกับจนี คอื แหลง่ มรดกโลกทตี่ ังอย่ใู นเมืองชฺวีฟู่ มณฑลชานตง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน สรา้ งขนึ วัดขงจอื๊ สุสานขงจือ๊ ในปี พ.ศ. 1021 (ค.ศ. 478) เพ่ือระลกึ ถงึ ขงจ๊อื นกั ปราชญผ์ ยู้ งิ่ ใหญ่ของจีน หมอู่ าคารและส่ิอกอ่ สร้างทังหลายนไี ดถ้ ูกท้าลายและสรา้ งขนึ เพิ่มเตมิ ใหมเ่ รือ่ ยมาในชว่ งระยะเวลาอนั ยาวนาน และจวนตระกลู ขงในชวฺ ฟี ู่ หลงั จากการสร้าง แหลง่ มรดกโลกท่ีตงั อยใู่ นเขตภเู ขา มณฑลฝเู จยี น ประเทศสาธารณรฐั ประชาชนจนี เปน็ อาคาร ถโู่ หลวแห่งฝูเจียน รูปทรงวงแหวนหลายชนั ทีส่ ร้างจากดนิ ของชาวจีนแคะ ซง่ึ ที่ได้ลงทะเบยี นเปน็ มรดกโลกนมี ีจ้านวน 46 หลงั ทงั หมดสร้างขนึ ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12 ถงึ 20 อาคารแต่ละหลังสามารถเป็นท่อี ยอู่ าศยั ของผู้คนกวา่ 800 คน สวนโบราณแหง่ ซูโจว มีความเป็นมาอนั ยาวนานมากว่า 2,000 ปี ในศตวรรษที่ 6 แห่งยคุ ชนุ ชวิ ในสมยั นนั ชาวเมืองรู้จกั การสร้างและการจัดสวนมาเปน็ เวลานานแลว้ พอมาถึง ในชว่ งกลางของราชวงศ์หมงิ การสรา้ งสวนในเมืองซโู จว กไ็ ดร้ ับความนิยมมากขึน จวบจน สวนโบราณแหง่ ซูโจว มาถงึ ต้นสมัยราชวงศ์ชงิ หรือศตวรรษที่ 11-19 เตม็ ไปดว้ ยสวนในและนอกเมืองซูโจวมาก กว่า 200 สวน สวนเหล่านีสรา้ งขนึ จากความต้องการของเหล่าเจา้ นายชนั สูง , ขนุ นาง , เศรษฐี รวมทังมหาบณั ฑิตตา่ ง ๆ

เป็นเมืองท่ตี งั อย่ทู างตะวนั ตกเฉียงเหนือของมณฑลยนู นาน ประเทศจนี ด้วยความสวยงามของลเี่ จียง ทม่ี ีลักษณะเป็นเมอื งโบราณสวยงามและมีประวัตศิ าสตร์ยาวนานกว่า 800 ปี ล่ีเจยี งเป็นเมอื งที่ไดร้ บั เมืองเก่าลี่เจยี ง ฉายาวา่ “เวนิสแห่งตะวนั ออก” อนั เน่ืองมาจากมีล้าธารและคคู ลองไหลผ่านอาคารบา้ นเรอื นโบราณ และมีสะพานเล็กๆ ขา้ มฝั่งไปมามากวา่ 300 สะพาน ใหค้ วามร้สู ึกเหมอื นอยู่เมอื งเวนิส ประเทศอติ าลี น่ันเอง ตงั อยูใ่ นกรงุ ปักก่งิ สาธารณรัฐประชาชนจีน สร้างในสมยั จักรพรรดิหยง่ เล่อแหง่ ราชวงศห์ หอสกั การะฟ้า : แทน่ บวงสรวง มิง เมอ่ื พ.ศ. 1963 (ค.ศ. 1420) โดยมชี ือ่ วา่ เทียนตีถนั แปลว่า หอสกั การะฟ้าดิน ต่อมาใน ของจกั รพรรดใิ นปกั กง่ิ พ.ศ. 2077 (ค.ศ. 1534) ไดม้ กี ารสรา้ งหอสกั การะดนิ ขึนอกี แหง่ หอฟ้าดนิ จงึ เปลีย่ นชื่อเปล่ยี น ชอื่ เป็นหอสกั การะฟา้ เพียงอย่างเดยี ว ครัน พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) ฟ้าผา่ หอเสียหาย จึงสร้าง ขนึ ใหมเ่ มือ่ พ.ศ. 2449 (ค.ศ. 1906) หมู่บ้านโบราณในอานฮุยตอนใต้ แหลง่ มรดกโลกทตี่ ังอยู่ในมณฑลอานฮยุ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน หมูบ่ า้ นทัง ซตี แี ละหงชุน สองแหง่ นีได้รบั การอนรุ ักษ์เป็นอย่างดไี ม่ให้เปลย่ี นแปลงไปพร้อมกับสภาพแวดล้อมที่ เปลย่ี นไป ผังเมอื ง ถนน สถาปัตยกรรม การตกแตง่ และระบบชลประทานทคี่ รอบคลมุ ทงั เมอื ง ได้แสดงให้เห็นถึงสิง่ ทีเ่ ป็นเอกรักษโ์ ดดเด่นของสิ่งที่ยังเหลืออยู่ แหลง่ มรดกโลกทตี่ ังอยู่ในเขตเมอื งตา้ ถง มณฑลชานซี ประเทศจีน เป็นสถานท่ีท่มี ถี ้านอ้ ย ถา้ ยฺหวนิ กัง ใหญจ่ า้ นวนกว่า 252 ถ้า และแตล่ ะถา้ ยงั เปน็ ที่ประดิษฐานพระพุทธรปู กวา่ 51,000 องค์ ถ้าผาแห่งนีไดแ้ สดงถึงยุคทองทางพุทธศาสนาของจนี ในชว่ งคริสต์ศตวรรษท่ี 5 และ 6 ได้ อยา่ งชัดเจน เตยี วโหลวและ แหลง่ มรดกโลกที่ตงั อยใู่ นเมอื งไคผิงและเมืองใกล้เคียง ในมณฑลกวางตงุ้ ประเทศ หมูบ่ า้ นแห่งไคผงิ สาธารณรฐั ประชาชนจนี เปน็ หอสูงหลายชนั สร้างจากคอนกรีตเสริมแรง ซึ่งในปัจจุบนั มี ตัวหอเหลอื อย่ใู นเมืองไคผงิ ประมาณ 1,833 หอ และประมาณ 500 หอในเมืองไถซาน ซากปรกั หักพังและเมอื งโบราณเหลยี งจ่เู ป็นศูนยก์ ลางของแหล่งอารยธรรมเหลียงจู่ โดยมี ซากโบราณคดี ประเภทของซากปรกั หกั พังมากมายและโครงสร้างเขตพนื ทีเ่ องก็สมบูรณ์ ซงึ่ เผยใหเ้ หน็ ถงึ แหง่ เมอื งเหลยี งจู ลกั ษณะพนื ฐานของแหลง่ ก้าเนดิ อารยธรรมจีน พรอ้ มกับเป็นหลกั ฐานทางโบราณคดีท่สี า้ คัญ และสมบรู ณท์ สี่ ดุ ของอารยธรรมจนี ท่มี ีอายุกว่า 5,000 ปี

อ้างอิง ฐติ วิ ฒุ ิ นนั ทภิ าคยห์ ิรัญ. (2561). หนังสอื วิเศษ infographic สงั คมศกึ ษา สรปุ ม.ปลาย พิมพ์ครังท่ี 4. กรงุ เทพมหานคร : ทววี ฒั น์การพมิ พ์ หทยั ณัฐ แกว้ บัวดี. อารยธรรมจีน. ค้นเมอื่ 28 ตลุ าคม 2663 จาก https://sites.google.com/site /historyinter123/hnwy-kar-reiyn-ru-thi-2/xarythrrm-cin รฐั กิตต์ิ เลิศวศิ วะ.(2561). อิทธพิ ลของวฒั นธรรมจีนในญป่ี นุ่ : กรณีศกึ ษาประวตั ศิ าสตร์สมัยอะสุกะ. คน้ เมอ่ื 28 ตลุ าคม 2663 จากhttps://so04.tci- thaijo.org/index.php/jsn/article/download/158791/118669/


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook