ตามประกาศเม่ือวันท่ี 21 กุมภาพันธ์ รตั นโกสินทรศก 131 (พ.ศ. 2455) โดยหนังสือราชการทงั้ หมด ได้ เปล่ียนมาใชพ้ ทุ ธศกั ราชแทนท่ี) 4. การเปล่ียนแปลงการปกครองใน พ.ศ.2475 ตรงกบั รตั นโกสินทรศ์ ก 150 (2475-2324=151) 5. เดอื นมีนาคม พ.ศ.2562 ตรงกบั รตั นโกสนิ ทรศ์ ก 239 (238) 61. ขอ้ ใดกลา่ วไม่ถูกตอ้ ง 1. สงครามเย็นคือสงครามท่ีชาตมิ หาอานาจไมไ่ ดใ้ ชก้ าลงั อาวธุ เขา้ ต่อสกู้ นั โดยตรง 2. สงครามเยน็ เป็นความขดั แยง้ ระหวา่ งประเทศโลกเสรีและประเทศคอมมวิ นิสตเ์ ทา่ นนั้ 3. สหภาพโซเวียตสนบั สนนุ เวียดนามเหนือในการทาสงครามกบั สหรฐั อเมรกิ า 4. ไทยสง่ ทหารไปรว่ มรบกบั สหรฐั อเมรกิ าในสงครามเวียดนาม 5. ไทยสถาปนาความสมั พนั ธท์ างการทตู กบั สาธารณรฐั ประชาชนจีนในชว่ งสงครามเย็น 62. “โครงการแผนการศกึ ษาในกรุงสยาม” ซ่ึงเป็นแนวทางการจดั การศกึ ษาของไทยท่ีไดแ้ บบแผนการจดั การศกึ ษาของประเทศองั กฤษและฝร่งั เศส เร่มิ เกิดขนึ้ ในสมยั ใด 1. รชั กาลท่ี 4 2. รชั กาลท่ี 5 3. รชั กาลท่ี 6 4. รชั กาลท่ี 7 5. รชั กาลท่ี 8 63. ตาม “พระราชบญั ญัตพิ ิกดั กระเษียรอายลุ ูกทาสลกู ไทย พ.ศ.2417” ระบวุ ่าลกู ทาสจะหมดคา่ ตวั เป็น อิสระทนั ทีเม่ืออายเุ ทา่ ใด 1. 13 ปี 2. 15 ปี 3. 17 ปี 4. 19 ปี 5. 21 ปี ความรู้เสริม : ทาส หมายถงึ บคุ คลซง่ึ ถกู นบั สิทธิเสมือนส่งิ ของของผอู้ ่ืน ไมม่ ีอิสระในการดารงชีวิต และมี หนา้ ท่ีรบั ใชผ้ อู้ ่ืนโดยมิไดร้ บั การตอบแทนจากเจา้ ของ(นายทาส)เช่น การรบั ใชท้ างดา้ นแรงงาน และหากไม่ เช่ือฟังคาส่งั อาจถกู ลงโทษไดต้ ามแตน่ ายทาสจะกาหนด ยกเวน้ เป็นการกระทาอนั ทาใหถ้ ึงแก่ความตาย
ชนิดของทาส 7 ชนิด (ในสมยั กรุงศรีอยธุ ยาเป็นตน้ มา โดยในสมยั ก่อนหนา้ นนั้ ยงั เป็นขอ้ ถกเถียงของ นกั วิชาการ) ไดแ้ ก่ 1. ทาสสินไถ่ เป็นทาสท่ีมีมากท่ีสดุ ในบรรดาทาสทงั้ หมด โดยเง่ือนไขของการเป็นทาสชนิดนี้ คือ การขายตวั เป็นทาส เช่น พ่อแม่ขายบตุ ร สามีขายภรรยา ดงั นนั้ ทาสชนิดนีจ้ ึงเป็นคนยากจน ไม่สามารถ เลีย้ งดคู รอบครวั หรือตนเองได้ จึงไดเ้ กิดการขายทาสขึน้ โดยสามารถเปล่ียนสถานะกลบั ไปเม่ือมีผมู้ าไถ่ ถอน 2. ทาสในเรอื นเบีย้ เดก็ ท่ีเกิดขนึ้ ระหวา่ งท่ีแมเ่ ป็นทาสของนายทาส ทาสชนดิ นีไ้ มส่ ามารถไถ่ถอน ตนเองได้ 3. ทาสท่ีได้รับมาด้วยมรดก ทาสท่ีตกเป็นมรดกของนายทาส เกิดขนึ้ ก่อตอ่ เม่ือนายทาสคนเดิม เสียชีวิตลงและไดม้ อบมรดกใหแ้ ก่นายทาสคนตอ่ ไป 4. ทาสท่านให้ ทาสท่ีไดร้ บั มาจากผอู้ ่ืน 5. ทาสที่ช่วยไว้จากทัณฑโ์ ทษ ในกรณีท่ีบุคคลนนั้ เกิดกระทาความผิดและถกู ลงโทษเป็นเงิน คา่ ปรบั แตบ่ คุ คลนนั้ ไมม่ ีความสามารถในการชาระคา่ ปรบั หากวา่ มีผชู้ ว่ ยเหลือใหส้ ามารถชาระคา่ ปรับได้ แลว้ ถือวา่ บคุ คลนนั้ เป็นทาสของผใู้ หค้ วามชว่ ยเหลือในการชาระคา่ ปรบั 6. ทาสทชี่ ่วยไว้ให้พน้ จากความอดอยาก ในภาวะท่ีไพรไ่ มส่ ามารถชว่ ยเหลือตนเองใหป้ ระกอบ อาชีพไดแ้ ลว้ ไพรอ่ าจขายตนเองเป็นทาสเพ่ือใหไ้ ดร้ บั การชว่ ยเหลือจากนายทาส 7. ทาสเชลย ภายหลังจากไดร้ บั การชนะสงคราม ผู้ชนะสงครามจะกวาดตอ้ นผูค้ นของผู้แพ้ สงครามไปยงั เมืองของตน เพ่ือนาผคู้ นเหลา่ นนั้ ไปเป็นทาสรบั ใช้ การพน้ จากความเป็ นทาส 1. โดยการหาเงินมาไถถ่ อน 2. การบวชเป็นสงฆโ์ ดยไดร้ บั ความยินยอมจากนายทาส 3. ไปการสงครามและถกู จบั เป็นเชลย หลงั จากนนั้ สามารถหลบหนีออกมาได้ 4. แตง่ งานกบั นายทาสหรอื ลกู หลานของนายทาส 5. นายทาสถกู ขอ้ หากบฏ 6. การประกาศไถ่ถอนจากพระมหากษัตรยิ ์ ในชว่ งของการเลกิ ทาส การเลกิ ทาส เพราะระบบทาสเป็นตวั การของความลา้ หลงั ของสงั คมไทย พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดท้ รงเตรียมแผนการดาเนนิ การเลกิ ทาสอยา่ งมีขนั้ ตอน ดงั นี้ 1. การออกประกาศใหท้ าการสารวจจานวนทาสใน พ.ศ. 2417
2. การประกาศใชพ้ ระราชบญั ญัตพิ ิกดั เกษียณอายลุ กู ทาสลกู ไท พ.ศ. 2417 เป็นผลใหล้ กู ทาสลกู ไทส่วนหน่ึงสามารถหาเงินมาไถ่ตนได้ และพระราชบญั ญัติฉบบั นีย้ งั บงั คบั ใหล้ ูกทาสลูกไทท่ีเกิดปี พ.ศ. 2411 เป็นอสิ ระทีเดยี วในปี พ.ศ. 2432 คอื มีอายคุ รบ 21 ปี 3. การประกาศเลกิ ทาสในมณฑลตะวนั ตกเฉียงเหนือ (มณฑลพายพั ) พ.ศ. 2443 4. การประกาศแผนการเลิกทาสในมณฑลบรู พา พ.ศ. 2447 5. การประกาศใชพ้ ระราชบญั ญตั ทิ าสรตั นโกสินทรศ์ ก 124 ใน พ.ศ. 2448 64. ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั หนว่ ยงานใดมีหนา้ ท่ีดแู ลเก่ียวกบั การตา่ งประเทศ 1. กรมทา่ 2. กรมมหาไทย 3. กรมธรรมการ 4. กรมมรุ ธาธิการ 5. กรมเมือง ความรู้เสรมิ : พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อย่หู วั จงึ ทรงประกาศตงั้ กระทรวงขนึ้ อย่างเป็นทางการ จานวน 12 กระทรวง เม่ือวนั ท่ี 1 เมษายน พ.ศ. 2435 อนั ประกอบดว้ ย 1. กระทรวงมหาดไทย รบั ผิดชอบงานท่ีเดมิ เป็นของสมหุ นายก ดแู ลกิจการพลเรือนทงั้ หมดและ บงั คบั บญั ชาหวั เมืองฝ่ายเหนือและชายทะเลตะวนั ออก 2. กระทรวงนครบาล รบั ผิดชอบกิจการในพระนคร 3. กระทรวงโยธาธิการ รบั ผดิ ชอบการก่อสรา้ ง 4. กระทรวงธรรมการ ดแู ลการศาสนาและการศกึ ษา 5. กระทรวงเกษตรพานิชการ รบั ผิดชอบงานท่ีในปัจจบุ นั เป็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ 6. กระทรวงยุตธิ รรม ดแู ลเร่ืองตลุ าการ 7. กระทรวงมรุธาธร ดแู ลเคร่อื งราชปู โภคของพระมหากษตั รยิ ์ 8. กระทรวงยทุ ธนาธิการ รบั ผิดชอบปฏิบตั กิ ารการทหารสมยั ใหม่ตามแบบยโุ รป 9. กระทรวงพระคลังสมบัติ รบั ผิดชอบงานท่ีในปัจจบุ นั เป็นของกระทรวงการคลงั 10. กระทรวงการตา่ งประเทศ (กรมทา่ ) รบั ผดิ ชอบการตา่ งประเทศ 11. กระทรวงกลาโหม รบั ผิดชอบกิจการทหาร และบงั คบั บญั ชาหวั เมืองฝ่ายใต้ 12. กระทรวงวัง รบั ผดิ ชอบกิจการพระมหากษัตรยิ ์
สาระภมู ศิ าสตร์ 65. เสน้ ชนั้ ความสูงท่ีเรียงชิดกันบริเวณยอด แลว้ ค่อย ๆ ขยายออกห่างบริเวณฐานแสดงถึงภูมิประเทศ แบบใด 1. แบบลาดเวา้ 2. แบบลาดนนู 3. แบบลาดชนั 4. แบบหนา้ ผาชนั 5. แบบลาดสม่าเสมอ ความรู้เสรมิ : ลกั ษณะเสน้ ชนั้ ความสงู แบง่ ออกเป็นหลายลกั ษณะตามภมู ปิ ระเทศดงั นี้ 1. เสน้ ชนั้ ความสงู ท่ีมีระยะห่างมาก ๆ และมีระยะห่าง เทา่ ๆ กนั แสดงวา่ เป็นพืน้ ท่ีพืน้ ลาดนอ้ ย และสม่าเสมอ ดงั รูป 2. เส้นชั้นความสูงท่ีมีระยะประชิด และระยะห่าง ๆ เท่า ๆ กัน แสดงวา่ เป็นพืน้ ท่ีชนั้ และสม่าเสมอ 3. เส้นความสูงท่ีมีระยะชิดกันในตอบบนและห่าง กันมากขึน้ ใน ตอนลา่ ง แสดงวา่ พืน้ ท่ีบรเิ วณนนั้ เป็นพืน้ ลาดเวา้
4. เสน้ ชนั้ ความสงู ท่ีมีระยะห่างในตอนบนและชิดกนั มากขนึ้ ใน ตอนล่าง ๆ แสดงวา่ บรเิ วณนนั้ เป็นพืน้ ท่ีแบบลาดนนู 5. เสน้ ชนั้ ความสงู ท่ีมีวงเขา้ บรรจบกนั แสดงวา่ เป็น ภเู ขาเป็นลกู โดด หรือยอดเขา 6. เสน้ ชนั้ ความสงู ท่ีวงรอบ ยอดภเู ขาแสดงใหเ้ ห็น เป็นตาแหนง่ ของยอดเขาหรือคอเขา คือสว่ นท่ี ต่าสดุ ระหวา่ งยอดเขาสองยอด 7. เสน้ ชนั้ ความสงู ท่ีเป็น รูปตวั U ซอ้ นๆ กนั แสดง วา่ บรเิ วณนนั้ เป็นสนั เขา หรือ เขายอ่ ย 8. เสน้ ชนั้ ความสงู ท่ีมีลกั ษณะ ซอ่ นทบั กนั แสดงวา่ เป็นหนา้ ผาชนั
9. เสน้ ชนั้ ท่ีความสงู วงบรรจบกนั และมีท่อเสน้ สนั้ ๆ ขีดไวใ้ น แนวตงั้ ฉาก แสดงวา่ บรเิ วณนนั้ ยบุ ตวั ลงปลายท่อนเสน้ จะชีไ้ ป จดุ ท่ีต่ากวา่ 10. เสน้ ชนั้ ความสงู ท่ีลกั ษณะเป็นรูปตวั V แสดงวา่ เป็น บรเิ วณทางนา้ ไหล โดยปลายตวั V จะชีไ้ ปทางตน้ นา้ 66. แอปพลเิ คช่นั กเู กิลแมพ (Google Map) เป็นการผสมผสานของเคร่อื งมือทางภมู ิศาสตรใ์ ดบา้ ง 1. แผนท่ี + ภาพถา่ ยทางอากาศ + ระบบกาหนดตาแหนง่ บนพืน้ โลก (GPS) 2. ภาพถา่ ยทางอากาศ + ภาพจากดาวเทียม + ระบบกาหนดตาแหนง่ บนพืน้ โลก (GPS) 3. แผนท่ี + ระบบสารสนเทศภมู ศิ าสตร์ (GIS) + ระบบกาหนดตาแหนง่ บนพืน้ โลก (GPS) 4. ภาพจากดาวเทียม + ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (GIS) + ระบบกาหนดตาแหน่งบนพืน้ โลก (GPS) 5. แผนท่ี + ภาพจากดาวเทียม + ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) + ระบบกาหนดตาแหน่งบน พืน้ โลก (GPS) ความรู้เสริม : อากาศยานไร้คนขับ ใชส้ าหรบั ถา่ ยภาพ สารวจพืน้ ท่ีในชว่ งเวลานนั้ ๆ ภาพถ่ายจากดาวเทียม : ระบบการบนั ทกึ ขอ้ มลู มี 2 แบบ 1. แบบพาสซีฟ(Passive) ใชช้ ว่ งคล่ืนสายตา คล่ืนแสงอินฟาเรต ทะลเุ มฆไมไ่ ด้ จงึ บนั ทกึ ขอ้ มลู ชว่ งเมฆปกคลมุ ไมไ่ ด้ 2. แอกทฟี (Active) ใชช่ ว่ งคล่ืนยาว เชน่ คล่ืนไมโครเวฟ ทะลเุ มฆได้ สง่ สญั ญาณมายงั พืน้ โลกได้ ตลอดเวลา แผนทข่ี นาดเล็ก : มีมาตราสว่ นเทา่ กบั หรือเล็กกวา่ 1:600,000(หยาบ) แผนท่ีโลก ทวีป ประเทศ แผนทขี่ นาดกลาง : มีมาตราสว่ นเทา่ กบั หรอื เล็กกวา่ 1:600,000-1:75,000 แผนท่ีจงั หวดั แผนทขี่ นาดใหญ่ : มีมาตราสว่ นเทา่ กบั หรอื เล็กกวา่ 1:75,000 (ละเอียด) ตาบล หมบู่ า้ น ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ หรือ Geographic Information System : GIS คือ กระบวนการ ทางานเก่ียวกับข้อมูลในเชิงพื้นท่ีด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ท่ีใช้กาหนดข้อมูลและสารสนเทศ ท่ีมี ความสมั พนั ธก์ บั ตาแหน่งในเชิงพืน้ ท่ี เช่น ท่ีอยู่ บา้ นเลขท่ี สมั พนั ธก์ บั ตาแหน่งในแผนท่ี ตาแหน่ง เสน้ รุง้ เสน้ แวง
GPS คือ ระบบระบตุ าแหนง่ บนพืน้ โลก ยอ่ มาจากคาวา่ Global Positioning System รูปถ่ายทางอากาศหรือภาพถ่ายทางอากาศ รายละเอียดของภาพท่ีไดจ้ ะเหมือนกับการมอง จากท่ีสงู ลงมาท่ีต่าเน่ืองจากเป็นรูปท่ีถา่ ยลงมาจากท่ีสงู รูปถา่ ยทางอากาศแบง่ ออกเป็น 4 ชนิด คือ 1. รูปถา่ ยด่ิง คือ รูปถ่ายท่ีใชป้ ระโยชนม์ ากท่ีสดุ เพราะใหร้ ายละเอียดท่ีตรงความเป็นจรงิ มากท่ีสดุ รูปถ่ายดง่ิ นีแ้ กนกลอ้ งจะเอียงไมก่ ิน +/ - 3 องศา 2. รูปถ่ายเฉียงนอ้ ย คอื รูปถา่ ยท่ีเอียงเกิน +/ - 3 องศา แตไ่ มเ่ ห็นเสน้ ขอบฟ้า 3. รูปถ่ายเฉียงมาก คือ รูปถา่ ยท่ีถ่ายเอียงมากและเห็นเสน้ ขอบฟ้า มีขอ้ ดีคือ ครอบคลมุ บริเวณได้ กวา้ งกวา่ รูปถา่ ยด่งิ แตใ่ หร้ ายละเอียดท่ีไมต่ รงตามความเป็นจรงิ 4. รูปถ่ายผสม คือ รูปถ่ายท่ีถ่ายดว้ ยกลอ้ งถ่ายภาพทางอากาศหลายตวั ใหท้ งั้ รูปถ่ายด่ิงและรูป ถา่ ยเฉียง 67. แนววงแหวนไฟ (Ring of Fire) มีการเกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟปะทุบ่อย เพราะมีลักษณะทาง ภมู ิศาสตรต์ ามขอ้ ใด 1. แนวพืน้ ท่ีเกิดรอยเล่ือนแปลง 2. แนวแผน่ เปลือกโลกเคล่ือนท่ีตามรอยเล่ือน 3. แนวแผน่ เปลือกโลกสว่ นท่ีเป็นสนั เขากลางมหาสมทุ ร 4. แนวชนกนั ของแผน่ ซีกโลกลอเรเซียกบั กอนดว์ านา 5. แนวรอ่ งลกึ บาดาลระหวา่ งมหาสมทุ รกบั พืน้ ทวีป ความรู้เสรมิ : ' Ring of fire' หรือในภาษาไทยแปลว่า 'วงแหวนแหง่ ไฟ' เป็นบรเิ วณในมหาสมทุ รแปซฟิ ิกท่ี เกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดบ่อยครงั้ มีลกั ษณะเป็นเสน้ เกือกมา้ ความยาวรวมประมาณ 40,000 กิโลเมตร และวางตวั ตามแนวรอ่ งสมทุ ร แนวภเู ขาไฟและบริเวณขอบแผ่นเปลือกโลก โดยมีภูเขาไฟท่ีตงั้ อยู่ ภายในวงแหวนแหง่ ไฟทงั้ หมด 452 ลกู และเป็นพืน้ ท่ีท่ีมีภเู ขาไฟคกุ กรุน่ อยกู่ วา่ 75% รอยเล่อื นสาคัญในประเทศไทย 1. รอยเล่ือนแมจ่ นั มีความยาวประมาณ 101 กิโลเมตร พาดผา่ นอาเภอฝาง อาเภอแมอ่ าย จงั หวดั เชียงใหม่ อาเภอแม่จัน อาเภอเชียงแสน และอาเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ในแนวทิศ ตะวนั ออกเฉียงเหนือ-ตะวนั ตกเฉียงใต้ 2. รอยเล่ือนแม่อิง มีความยาวประมาณ 57 กิโลเมตร พาดผ่านอาเภอเทิง อาเภอขุนตาล และ อาเภอเชียงของ จงั หวดั เชียงราย ในแนวทศิ ตะวนั ออกเฉียงเหนือ-ตะวนั ตกเฉียงใต้ 3. รอยเล่ือนแม่ฮ่องสอน มีความยาวประมาณ 29 กิโลเมตร พาดผ่านอาเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน ในแนวทิศเหนือ-ใต้
4. รอยเล่ือนเมย มีความยาวประมาณ 250 กิโลเมตร วางตวั ในแนวตะวนั ตกเฉียงเหนือ พาดผา่ น ตงั้ ตน้ จากลานา้ เมย ชายแดนพม่า ต่อไปยังหว้ ยแม่ทอ้ ลานา้ ปิง จงั หวดั ตาก ไปถึงจังหวดั กาแพงเพชร นครสวรรค์ และสนิ้ สดุ ท่ีจงั หวดั อทุ ยั ธานี ในแนวทศิ ตะวนั ตกเฉียงเหนือ 5. รอยเล่ือนแม่ทา มีความยาวประมาณ 61 กิโลเมตร พาดผ่านอาเภอแม่ทา จงั หวดั ลาพูน และ อาเภอแมอ่ อน จงั หวดั เชียงใหม่ ในแนวโคง้ ไปทางทิศตะวนั ออก 6. รอยเล่ือนเถิน มีความยาวประมาณ 103 กิโลเมตร พาดผ่านอาเภอแม่พริก อาเภอเถิน จงั หวดั ลาปาง และอาเภอวงั ชนิ้ จงั หวดั แพร่ ในแนวโคง้ ในไปทางทิศตะวนั ตกเฉียงเหนือ 7. รอยเล่ือนพะเยา มีความยาวประมาณ 23 กิโลเมตร พาดผ่านอาเภองาว จงั หวัดลาปาง และ อาเภอเมือง จงั หวดั พะเยา ในแนวทิศตะวนั ตกเฉียงเหนือ-ตะวนั ออกเฉียงใต้ ทางดา้ นทิศเหนือของรอย เล่ือนทา่ สี 8. รอยเล่ือนปัว มีความยาวประมาณ 130 กิโลเมตร พาดผา่ นพืน้ ท่ีอาเภอสนั ตสิ ขุ อาเภอทา่ วงั ผา อาเภอปัว อาเภอเชียงกลาง และอาเภอทงุ่ ชา้ ง ของจงั หวดั นา่ นในแนวเหนือ-ใต้ 9. รอยเล่ือนอตุ รดิตถ์ มีความยาวประมาณ 150 กิโลเมตร พาดผ่านอาเภอเมือง อาเภอท่าปลา จงั หวดั อุตรดิตถ์ อาเภอนาหม่ืน อาเภอนานอ้ ย อาเภอเวียงสา และอาเภอแม่จริม จงั หวดั น่าน ในแนวทิศ ตะวนั ออกเฉียงเหนือ-ตะวนั ตกเฉียงใต้ 10. รอยเล่ือนเจดียส์ ามองค์ มีความยาวประมาณ 60 กิโลเมตร พาดผ่านอาเภอทองผาภูมิ และ อาเภอสงั ขละบรุ ี จงั หวดั กาญจนบรุ ี ในแนวทิศตะวนั ตกเฉียงเหนือ-ตะวนั ออกเฉียงใต้ 11. รอยเล่ือนศรีสวสั ดิ์ มีความยาวประมาณ 62 กิโลเมตร พาดผา่ นอาเภอบา้ นไร่ จงั หวดั อทุ ยั ธานี อาเภอศรีสวสั ดิ์ และอาเภอหนองปรือ จงั หวดั กาญจนบรุ ี ในแนวโคง้ เลก็ นอ้ ยไปทางทิศตะวนั ตกเฉียงใต้ 12. รอยเล่ือนเพชรบรู ณ์ มีความยาวประมาณ 110 กิโลเมตร พาดผา่ นอาเภอหนองไผ่ อาเภอเมือง อาเภอหล่มสัก และอาเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ประกอบด้วยรอยเล่ือนบริวารในแนวทิศ ตะวนั ออกเฉียงเหนือ-ตะวนั ตกเฉียงใต้ กบั แนวทิศตะวนั ตกเฉียงเหนือ-ตะวนั ออกเฉียงใตส้ ลบั กนั 13. รอยเล่ือนระนอง มีความยาวประมาณ 270 กิโลเมตร พาดผ่านพืน้ ท่ีตงั้ แต่ จังหวัดระนอง ชมุ พร ประจวบ คีรขี นั ธ์ และพงั งา 14. รอยเล่ือนคลองมะล่ยุ มีความยาวประมาณ 148 กิโลเมตร พาดผ่านอาเภอบา้ นตาขนุ อาเภอ พนม จงั หวดั สรุ าษฎรธ์ านี อาเภอทบั ปดุ อาเภอเมือง จงั หวดั พงั งา พาดผา่ นไปตามทะเลอนั ดามนั ระหวา่ ง อาเภอเมือง จงั หวดั ภเู ก็ต กบั อาเภอเกาะยาว จงั หวดั พงั งา ในแนวทิศตะวนั ออกเฉียงเหนือ-ตะวนั ตกเฉียง ใต้ ***แผ่นดนิ ไหวเกิดจากการขยับหรอื การเคลือ่ นทข่ี องแผ่นเปลือกโลก หรอื รอยเลื่อนตา่ ง ๆ**
68. พืน้ ท่ีแหง่ หน่งึ เป็นดนิ เหนียวระบายนา้ ไดไ้ มด่ ี พบไดใ้ นบรเิ วณท่ีเป็นท่ีลมุ่ ต่า มีหญา้ จาพวกกก กระจกุ ขนึ้ ท่วั ไป เนือ้ ดนิ มีสารสีเหลืองฟาง พบคราบสนมิ เหลก็ ในดนิ และนา้ จะมีรสฝาด จากขอ้ ความดงั กลา่ วขอ้ ใดสรุปความไดถ้ กู ตอ้ งท่ีสดุ 1. เป็นพืน้ ท่ีไมเ่ หมาะสมในการปลกู พืช เพราะทาใหผ้ ลผลิตตกต่า เน่ืองจากเป็นเขตดินเค็มจดั ปน แรเ่ หล็ก 2. เขตดนิ เปรยี้ วในป่าพรุภาคกลาง พืน้ ท่ีชายทะเลอา่ วไทย และบงึ หวั ทะเลนครราชสีมา 3. ลกั ษณะดินมีปริมาณเกลือคลอไรต์ แมกนีเซียมซลั เฟต และโปแตสเซียมปะปนอย่ใู นเนือ้ ดินมี ปรมิ าณสงู มาก 4. เขตโครงสรา้ งทางธรณีวิทยาท่ีมีหนิ ปนู ดนิ มารล์ ผสมเคลือบหนิ จงึ เป็นดนิ เปรยี้ วนา้ กรอ่ ยจดั 5. เป็นพืน้ ท่ีไม่เหมาะสมในการเพาะปลกู และใหผ้ ลผลิตต่า เน่ืองจากเป็นลกั ษณะดินเปรีย้ ว พบ มากในภาคกลางตอนลา่ ง ความรู้เสริม : ดนิ เปรีย้ ว ส่วนใหญ่แพรก่ ระจายอยทู่ ่ัวไปในทกุ ภาคของประเทศ โดยเฉพาะท่ีราบลมุ่ ภาค กลางตอนใต้ บริเวณชายฝ่ังทะเลตะวันออกเฉียงใตแ้ ละชายฝ่ังทะเลตะวนั ออกของภาคใต้ ดินเปรีย้ วจัด ส่วนใหญ่เป็นท่ีราบลุ่มมีนา้ ขังอยู่ตลอดช่วงฤดูฝนและลักษณะของดินเป็นดินเหนียวจึงจัดใชเ้ ป็นพืน้ ท่ี เพาะปลกู ขา้ ว ซง่ึ เป็นสาเหตสุ าคญั ท่ีทาใหบ้ รเิ วณพืน้ ท่ีดงั กลา่ วใหผ้ ลผลิตขา้ วต่า ประเภทของดนิ เปรยี้ ว ดินกรดเป็ นดินท่ีปัญหาทางการเกษตรเน่ืองจากสมบัติท่ีเป็ นกรดซ่ึงมีผลต่อกระบวนการ เจริญเติบโตของพืชแลว้ ส่งผลต่อปริมาณผลิตผลทางการเกษตร พบว่าดินกรดจะมีลกั ษณะของดินและ กระบวนการเกิดดินสามารถแบ่งประเภทของดินได้ 3 ประเภท ดงั นี้ ดินเปรีย้ วจดั ดินกรดจดั หรือดินกรด กามะถนั (Acid sulfate soil) ดินเปรี้ยวจัด ดินกรดจัด หรือดินกรดกามะถัน (Acid sulfate soil) เป็นดินทีเกิดจากการ ตกตะกอนของนา้ ทะเลหรือตะกอนนา้ กรอ่ ย ท่ีมีสารประกอบของกามะถนั ซ่งึ จะถกู เปล่ียนเป็นกรดกามะถนั ตามกระบวนการธรรมชาติสะสมในชั้นหนา้ ตดั ของดินโดยจะเป็นดินท่ีมีความเป็นกรดสูง ความอุดม สมบูรณ์ต่า ขาดธาตุอาหารท่ีจาเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชอย่างรุนแรง เช่นขาดธาตุฟอสฟอรัส ไนโตรเจนแถมยงั มีธาตอุ าหารบางชนิดเกินความจาเป็นซ่ึงส่งผลรา้ ยหรือเป็นอนั ตรายตอ่ การเจริญเติบโต ของพืชเชน่ ธาตเุ หล็ก อลมู เิ นียม เป็นตน้ ดินอินทรีย์ หรือโดยท่ัวไปเรียกว่า “ดินพรุ” ในประเทศมีดินท่ีเป็นดินอินทรียแ์ พรก่ ระจายอยู่ หนาแน่นอย่ตู ามแนวชายแดนหรือเขตชายแดนไทยและมาเลเซียเป็นส่วนใหญ่นอกจากนนั้ ยงั พบโดยท่วั ๆ ไปในภาคใตแ้ ละภาคตะวนั ออกของประเทศ พืน้ ท่ีท่ีเป็นพืน้ ท่ีพรุหรือพืน้ ท่ีดนิ อินทรียน์ นั้ ตามธรรมชาติจะ
เป็นท่ีลุ่มนา้ ท่ีมีนา้ ขังอยู่ตลอดทัง้ ปีซ่ึงเกิดจากการทับถมของพืชต่าง ๆ ท่ีเป่ือยผุพังเป็นชัน้ หนา มีการ สลายตวั อย่างชา้ ๆทาใหก้ รดอินทรียถ์ ูกปล่อยออกมาสะสมอยู่ตลอดเวลาอย่างต่อเน่ือง ดินชนิดนีจ้ ะมี ปริมาณดนิ เหนียวต่า และมีปริมาณธาตอุ าหารหลกั และธาตอุ าหารรองท่ีจาเป็นตอ่ พืชอย่นู อ้ ยดินชนิดนีท้ ่ี พบในบริเวณท่ีราบลมุ่ ตามชายทะเลจะมีดินเปรีย้ วจดั แฝงอยใู่ นชนั้ ล่างของดิน ถา้ มีการระบายนา้ ออกจาก พืน้ ท่ีบรเิ วณพืน้ ท่ีพรุจนถึงระดบั ของดินเปรีย้ วจดั แฝงอย่จู ะก่อใหป้ ัญหาใหม่ตามมาคือจะเกิดเป็นดินกรด กามะถนั ขนึ้ ทาใหม้ ีปัญหาซา้ ซอ้ นทงั้ ดนิ เปรีย้ วจดั และดนิ อินทรีย์ ซ่งึ จะทาใหเ้ สียคา่ ใชจ้ ่ายในการปรบั ปรุง แกไ้ ขเพ่มิ เตมิ ขนึ้ มาอีก ดินกรด หรือดินกรดธรรมดา เป็นดินเก่าแก่อายุมากซ่ึงพบไดโ้ ดยท่วั ไป ดินกรดเกิดขนึ้ บรเิ วณ พืน้ ท่ีเขตรอ้ นชืน้ มีฝนตกชกุ ดินท่ีผา่ นกระบวนการชะลา้ งหรือดินท่ีถกู ใชป้ ระโยชนม์ าเป็นเวลานาน ซ่งึ จะทา ใหด้ ินมีความอุดมสมบูรณต์ ่าเน่ืองจากดินเหนียวและอินทรียวตั ถุถูกชะลา้ งไปดว้ ยมีผลทาใหค้ วามอดุ ม สมบรู ณโ์ ดยท่วั ๆ ไปของดนิ ต่าจนถึงต่ามาก นอกจากนีด้ นิ ยงั มีความสามารถในการอมุ้ นา้ ต่าอีกดว้ ย 69. ขอ้ ใดไม่ใช่ขอ้ เทจ็ จรงิ ในเร่อื งภมู ิภาคการเกษตรและการผลติ อาหาร เม่ืออณุ หภมู ขิ องโลกเปล่ียนแปลง สงู ขนึ้ 1. ดนิ แดนสหราชอาณาจกั ร ผลผลติ ปศสุ ตั วใ์ นเขตทางเหนือของประเทศจะเพ่มิ ขนึ้ 2. ประเทศรสั เซียทางตอนเหนือและแถบไซบีเรีย ผลผลิตทางการเกษตรอาจเพ่ิมขึน้ และเขต ภมู ภิ าคของพืชผลจะเล่ือนขนึ้ ไปทางตอนเหนือ 3. ในรฐั ควิเบกประเทศแคนาดา พบว่า ผลผลิตขา้ วโพด ถ่วั เหลือ ขา้ งฟ่ างจะลดลงแตผ่ ลผลิตขา้ ว สาลีจะเพ่มิ ขนึ้ 4. ประเทศนิวซีแลนดส์ ามารถขยายพืน้ ท่ีการเกษตรพวกธญั พืชลงไปทางใตไ้ ดอ้ ีก 5. พืน้ ท่ีการเกษตรในเขตหนาว บริเวณตอนเหนือของแคนาดา สวีเดน นอรเ์ วย์ ฟิ นแลนด์ และ รสั เซีย เม่ือสภาพภมู อิ ากาศเปล่ียนแปลงจะชว่ ยเพ่ิมพืน้ ท่ีการเกษตร ความรู้เสริม : มณฑลควิเบคมี \"เมืองควิเบคซิตี้ (Quebeccity)\" เป็นเมืองหลวง ควิเบคเป็นมณฑลท่ีมี ขนาดใหญ่ท่ีสุดของแคนาดาโดยมีพืน้ ท่ี 1,450,680 ตารางกิโลเมตร ตงั้ อย่ทู างภาคกลางของประเทศรอ้ ย ละ 80 ของประชากร อาศยั อยใู่ นเขตชมุ ชนเมือง ประชากรส่วนใหญ่มีเชือ้ สาย ฝร่งั เศสและนิยมพดู ภาษา ฝร่งั เศส ขา้ วสาลีเป็นพืชเศรษฐกิจท่ีสาคญั ท่ีสดุ ในแคนาดา ท่ีมีพืน้ ท่ีการเพาะปลกู กวา่ 10 ลา้ นเฮกเตอรท์ ่วั ประเทศ โดยแคนาดาเป็นผผู้ ลิตรายใหญ่อนั ดบั 8 ของโลกรองจากสหภาพยโุ รป จีน อินเดีย สหรฐั ฯ ฝร่งั เศส รสั เซีย และ ออสเตรเลีย ซ่ึงขา้ วสาลี ส่วนใหญ่นาไปใชใ้ นการผลิตอาหาร (ขนมปัง เสน้ พาสตา้ ) และ นาไปใชเ้ ป็นอาหารสตั วร์ วมถึงการใชเ้ ป็นวตั ถดุ บิ ผลิตเหลา้ แอลกอฮอล์
70. ขอ้ ใดไม่ใช่การเปล่ียนแปลงกาลอากาศและภมู ิอากาศของไทย 1. ช่วงปลายเดือนเมษายนบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีน จะแผ่มาคลุมประเทศไทย ตอนบน ขณะท่ีประเทศไทยมีอากาศรอ้ น ทาใหบ้ รเิ วณดงั กลา่ วจะมีพายฤุ ดรู อ้ น 2. พายฤุ ดรู อ้ นจะทาใหเ้ กิดพายฝุ นฟ้าคะนองในบางพืน้ ท่ี ลมกระโชกแรง ฟ้าผ่าและมีลูกเห็บตก เป็นบางพืน้ ท่ี 3. ฤดรู อ้ นของไทย เป็นช่วงเปล่ียนแปลง เพราะอิทธิพลจากลมมรสุมตะวนั ออกเฉียงเหนือเป็นลม มรสมุ ตะวนั ตกเฉียงใต้ 4. ช่วงเปล่ียนฤดฝู นเป็นฤดูหนาวของไทยในช่วงประมาณกลางเดือนตลุ าคมอากาศแปรปรวน อากาศจะเร่มิ เยน็ แตก่ ็อาจมีพายฝุ นฟา้ คะนองได้ 5. พายฤุ ดรู อ้ นมกั จะเกิดในฤดฝู นระหว่างท่ีฝนทงิ้ ชว่ ง อากาศรอ้ นจดั แปรปรวน มีโอกาสเกิดลมพดั รุนแรง ความรู้เสริม : ปัจจัยภูมิอากาศในประเทศไทย แมว้ า่ ประเทศไทยจะมีพืน้ ท่ีอยใู่ นเขตรอ้ น แตก่ ็มีสภาพอากาศท่ีแตกตา่ งกนั เน่ืองจากปัจจยั ดงั ตอ่ ไปนี้ ท่ีตงั้ ตามละติจดู : ตามปกติตาแหน่งท่ีตงั้ ท่ีมีคา่ ละติจดู ต่าจะมีอณุ หภูมิสูงกว่าตาแหน่งท่ีตงั้ ท่ีมีคา่ ละตจิ ดู สงู กวา่ เพราะอยใู่ กลเ้ สน้ ศนู ยส์ ตู ร ความสงู ของพืน้ ท่ี: ตามปกติพืน้ ท่ีสงู จะมีอณุ หภมู ิต่ากวา่ พืน้ ท่ีท่ีเป็นท่ีราบ เชน่ ยอดดอยอินทนนท์ จะมีอณุ หภมู ิต่ากวา่ พืน้ ท่ีลา่ งท่ีอาเภอจอมทอง จงั หวดั เชียงใหม่ แนวทิวเขาท่ีขวางกนั้ ทศิ ทางลมประจา: การวางตวั ของทิวเขาบรเิ วณจงั หวดั กาญจนบรุ ี ตาก ส่งผล ทาใหจ้ งั หวดั กาแพงเพชร นครสวรรค์ สพุ รรณบรุ ี มีอณุ หภมู สิ งู และมีปริมาณนา้ ฝนนอ้ ย โดยเรียกพืน้ ท่ีนีว้ า่ \"พืน้ ท่ีอบั ฝน\" ระยะห่างจากทะเล: พืน้ ท่ีท่ีอยู่ใกลท้ ะเลจะมีโอกาสไดร้ บั ความชืน้ และมีฝนตกมากกว่าบริเวณท่ี ห่างไกลทะเลออกไป เช่น จงั หวดั ระนองและตราด อยู่ใกลท้ ะเล และเป็นดา้ นรบั ลม จะมีปริมาณฝนตก มากกวา่ จงั หวดั ท่ีลกึ เขา้ ไปในแผน่ ดนิ ทิศทางของลมประจา: บรเิ วณภาคตะวนั ออกช่วงท่ีไดร้ บั ลมมรสมุ ตะวนั ตกเฉียงใตจ้ ะมีฝนตกชุก แตเ่ ม่ือลมเปล่ียนทิศเป็นลมมรสมุ ตะวนั ออกเฉียงเหนือ ปรมิ าณนา้ ฝนจะลดลงจนเหน็ ความแตกตา่ งชดั เจน อทิ ธิพลของลมพายหุ มนุ : ลมพายทุ ่ีพดั ผา่ นประเทศไทย จะนาฝนมาตกเป็นปริมาณสงู และมกั เกิด อุทกภัยอยู่บ่อยครัง้ แต่บางปีท่ีมีพายุหมุนเขา้ น้อยจะมีปริมาณนา้ ฝนนอ้ ย อาจถึงการขาดแคลน นา้ โดยเฉพาะพืน้ ท่ีในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ
ประเทศไทยอยู่ภายใต้อิทธิพลของมรสุมสองชนิด[ 2] คือ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และมรสุม ตะวนั ออกเฉียงเหนือ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ พดั ปกคลุมประเทศไทยระหว่างกลางเดีอนพฤษภาคมถึง กลางเดือน ตลุ าคม โดยมีแหล่งกาเนิดจากบรเิ วณความกดอากาศสงู ในซีกโลกใต้ บรเิ วณมหาสมทุ รอนิ เดีย ซ่งึ พดั ออก จากศูนยก์ ลางเป็นลมตะวนั ออกเฉียงใต้ และเปล่ียนเป็น ลมตะวนั ตกเฉียงใตเ้ ม่ือพัดขา้ มเสน้ ศนู ยส์ ูตร มรสมุ นีจ้ ะนามวลอากาศชืน้ จากมหาสมุทรอินเดีย มาส่ปู ระเทศไทย ทาใหม้ ีเมฆมากและฝนตกชุกท่วั ไป โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงตามบรเิ วณชายฝ่ังทะเล และเทือกเขาดา้ นรบั ลมจะมีฝนมากกวา่ บรเิ วณอ่ืน มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ หลังจากหมดอิทธิพลของมรสุมตะวันตกเฉียงใตแ้ ลว้ ประมาณ กลางเดือนตลุ าคมจะมีมรสุมตะวนั ออกเฉียงเหนือพดั ปกคลุมประเทศไทยจนถึง กลางเดือนกุมภาพนั ธ์ มรสมุ นีม้ ีแหลง่ กาเนิดจากบริเวณความกดอากาศสงู ในซีกโลกเหนือแถบประเทศ มองโกเลียและจีน จงึ พดั พาเอามวลอากาศเยน็ และแหง้ จากแหลง่ กาเนดิ เขา้ มาปกคลมุ ประเทศไทย ทาใหท้ อ้ งฟ้าโปรง่ อากาศหนาว เย็นและแห้งแล้งท่ัวไป โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคใต้จะมีฝนชุก โดยเฉพาะภาคใตฝ้ ่ังตะวนั ออก เน่ืองจากมรสมุ นีน้ าความชมุ่ ชืน้ จากอา่ วไทยเขา้ มาปกคลมุ พายุฝนฟ้ าคะนอง (Thunderstorm) เป็ นพายุท่ีมักเกิดขึน้ เป็ นประจาในพื้นท่ีเขตร้อนชื้น (Tropical zone)ก่อใหเ้ กิดเป็นพายฝุ นฟ้าคะนองท่ีมีทงั้ กระแสลมกระโชกแรง ฟ้าแลบ ฟ้ารอ้ ง และมีฝนตก หนกั หรืออาจมีลกู เห็บตกไดใ้ นบางพืน้ ท่ี ซ่งึ ในประเทศไทยมกั เกิดพายฝุ นฟ้าคะนองเป็นประจา พายุหมุนเขตร้อน (Tropical Cyclone) เป็นพายุขนาดใหญ่ท่ีก่อตวั ขึน้ ในทะเลและมหาสมุทร แถบเสน้ ศนู ยส์ ตู รมีการแบง่ เกณฑค์ วามรุนแรงของพายตุ ามความเรว็ ลมใกลศ้ นู ยก์ ลางพายเุ ป็นเกณฑ์ ดงั นี้ ดเี ปรสช่ัน (Tropical Depression) เป็นพายทุ ่ีมีความเร็วลมต่าท่ีสดุ โดยมีความเร็วลมสงู สุดใกล้ จดุ ศูนยก์ ลางไม่เกิน 63 กิโลเมตรต่อช่วั โมง เป็นเพียงกลุ่มเมฆหมุนวนท่ีไม่มีตาพายุท่ีชัดเจน ก่อใหเ้ กิด กระแสลมไมแ่ รงนกั แตอ่ าจทาใหเ้ กิดฝนตกหนกั ติดตอ่ กนั หลายวนั พายุโซนร้อน (Tropical Storm) เป็นพายุท่ีก่อตัวขึน้ ในทะเลก่อนเคล่ือนท่ีเข้าหาฝ่ัง โดยมี ความเรว็ ลมไมเ่ กิน 118 กิโลเมตรตอ่ ช่วั โมง ก่อใหเ้ กิดลมกระโชกแรงและฝนตกหนกั ไต้ฝ่ ุน (Typhoon) หรือ เฮอรร์ ิเคน (Hurricane) เป็นพายทุ ่ีมีความเร็วลมสงู กว่า 118 กิโลเมตร ตอ่ ช่วั โมง มีตาพายชุ ดั เจน ซ่งึ บรเิ วณจดุ ศนู ยก์ ลางของพายุ หรือ “ตาพาย”ุ จะมีสภาพอากาศโปรง่ ใส อาจมี ฝนตกเพียงเลก็ นอ้ ยและกระแสลมสงบ ตา่ งกบั สภาพรอบนอกของตาพายุ ซ่งึ มีความรุนแรงมากถงึ ขนั้ สรา้ ง ความเสียหายตอ่ ส่ิงปลกู สรา้ ง และเป็นอนั ตรายตอ่ ส่ิงมีชีวิตได้
พนื้ ทเ่ี กดิ พายุ ชือ่ มหาสมทุ รแปซิฟิก ไตฝ้ ่นุ (Typhoon) มหาสมทุ รอนิ เดีย อา่ วเบงกอล และทะเลอาหรบั ไซโคลน (Cyclone) มหาสมทุ รรอบออสเตรเลียและบรเิ วณหมเู่ กาะตา่ งๆ วลิ ลี-วิลลี (Willy-Willy) หมเู่ กาะฟิลิปปินส์ บาเกียว (Baguio) มหาสมทุ รแอตแลนตกิ ทวีปอเมรกิ า เฮอรร์ เิ คน (Hurricane) พายุทอรน์ าโด เกิดจากการปะทะกนั ของมวลอากาศรอ้ นและมวลอากาศเย็น ซ่งึ โดยปกตแิ ลว้ มกั พบในทวีปอเมริกาเหนือ และมหาสมุทรแอตแลนติก เน่ืองจากมีความแตกต่างของสภาพอากาศสงู โดย พายุทอรน์ าโดรอ้ ยละ 90 เกิดขึน้ บนบก มีความเร็วลมสูงจนเกิดลมหมุนบิดเป็นเกลียวจากฐานเมฆลงสู่ พืน้ ดนิ หรือท่ีเรยี กกนั วา่ “ลมงวง” 71. จากภาพการสรุปลักษณะเด่นตามข้อใดท่ีตงั้ ช่ือได้ถูกตอ้ ง สอดคลอ้ งกับการเปล่ียนแปลงทรัพยากร กายภาพท่ีปรากฏในพืน้ ท่ีไดช้ ดั เจนท่ีสดุ และนาไปสกู่ ารเกิดภมู ิสงั คมพืชไรพ่ ืชสวนและนาขา้ วไปไดด้ ี 1. แนวสนั ปันนา้ (คอื สนั เขาหรือบริเวณที่สูงซ่ึงแบ่งนา้ ใหไ้ หลลงสู่แหล่งนา้ ทอี่ ยู่แตล่ ะดา้ นของสนั เขาหรือบริเวณทสี่ ูงนนั้ มกั ปรากฏเป็นแนวตอนบนสดุ ของทวิ เขา เมื่อฝนตกนา้ จะแบ่งออกเป็นสองสว่ นไหล ลงไปในแตล่ ะ่ ดา้ น มกั ใชเ้ สน้ สนั ปันนา้ ในการแบง่ เขตแดนของประเทศ) 2. พืน้ ท่ีราบนา้ ทว่ มถึง (เป็นทรี่ าบทอี่ ยรู่ ิมแม่นา้ จะมีนา้ ทว่ มเออ่ อยเู่ ป็นเวลานาน) 3. พืน้ ท่ีเนินตะกอนรูปพดั (เกิดจากแม่นา้ นาตะกอนดนิ มาทบั ถมใหต้ ืน้ เขินขึน้ ทีบ่ ริเวณปากแม่นา้ ลกั ษณะของพนื้ ทที่ ตี่ นื้ เขินจะคลา้ ยสามเหลยี่ ม เช่น บริเวณดนิ ดอนสามเหลยี่ มปากแม่นา้ เจา้ พระยา) 4. ลานตะพกั ลานา้ (เป็นทรี่ าบริมแม่นา้ ทแี่ ม่นา้ กดั เซาะพนื้ ผวิ โลก และนาตะกอนมาทบั ถมไว้ เมื่อ แม่น้ากดั เซาะจนพนื้ ผิวโลกมีระดบั ลึกลงไป จะกลายเป็นทีร่ าบลานตะพกั ลานา้ ไว้ ซ่ึงส่วนใหญ่จะเกิดใน บรเิ วณตอนกลางของลาแม่นา้ ซ่ึงพนื้ ทนี่ นั้ จะถูกยกตวั ใหส้ งู ขึน้ ทาใหน้ า้ ทว่ มไม่ถงึ ) 5. ทะเลสาบรูปแอก (เกดิ จากแม่นา้ เปลยี่ นเสน้ ทางเดนิ มลี กั ษณะเป็นบงึ รูปโคง้ )
72. ลกั ษณะภูมิประเทศท่ีเกิดจากการทบั ถมของธารนา้ ไหลในระบบแม่นา้ มีความหลากหลายของอนภุ ูมิ สณั ฐาน ทงั้ ท่ีราบนา้ ทว่ มถึงขนาดใหญ่ คนั ดนิ ธรรมชาติ สนั ทรายชายฝ่ังงอก ทะเลสาบรูปแอก ท่ีลมุ่ ชืน้ แฉะ หลงั คนั ดนิ และดนิ ดอนสามเหล่ียมกวา้ งใหญ่ ถา้ ตอ้ งการศกึ ษาและสารวจทรพั ยากรกายภาพดว้ ยลกั ษณะ ภูมิประเทศดังกล่าว ซ่ึงมกั ประสบอุทกภัยแผ่เป็นบริเวณกวา้ งใหญ่มากของประเทศไทย ควรประเมิน ตดั สินใจเลือกพืน้ ท่ีตามขอ้ ใด 1. ภาคเหนือและภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ 2. ภาคกลางและภาคเหนือ 3. ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือและภาคกลาง 4. ภาคใตแ้ ละภาคกลาง 5. ภาคตะวนั ตกและภาคตะวนั ออก ความรู้เสริม : ลักษณะภูมปิ ระเทศ ทรี่ าบ (Plain) 1.ลักษณะสาคญั ท่ีราบเป็นลักษณะภูมิประเทศของพืน้ เปลือกโลกท่ีแบนราบ (บางพืน้ ท่ีอาจมี ลกั ษณะเป็นลอนคลา้ ยลกู คล่ืน) หรือเป็นท่ีราบอนั กวา้ งใหญ่ และอยสู่ งู จากระดบั นา้ ทะเลไมม่ ากนกั 2.ลกั ษณะการเกิดของท่ีราบ มี 3 ประเภท คือ 1.ท่ีราบท่ีเกิดจากตะกอนท่ีแม่นา้ พดั พาไปทบั ถม เชน่ ท่ีราบลมุ่ แมน่ า้ เขา้ พระยา ท่ีราบล่มุ แมน่ า้ คงคา ประเทศอินเดยี และท่ีราบลมุ่ แมน่ า้ แอมะซอน ประเทศบราซิล เป็นตน้ 2.ท่ีราบท่ีเกิดจากตะกอนท่ีคล่ืนทะเลพดั พาไปทบั ถม เชน่ ท่ีราบชายฝ่ังทะเลบางแสน และ พทั ยา จงั หวดั ชลบรุ ี ท่ีราบชายฝ่ังฟลอริดาสหรฐั อเมริกา และท่ีราบชายฝ่ังทะเลของประเทศเนเธอรแ์ ลนด์ เป็นตน้ 3.ท่ีราบท่ีเกิดจากการกดั เซาะของธารนา้ แข็ง เช่น ท่ีราบไซบีเรียของรสั เซีย ท่ีราบท่งุ หญ้า แพรรีในรฐั อินเดยี นา รฐั ไอโอวาและรฐั มินนิโซตา สหรฐั อเมรกิ า เป็นตน้ ทรี่ าบสูง (Plateaue) 1.ลกั ษณะสาคญั ท่ีราบสงู เป็นพืน้ ท่ีคอ่ นขา้ งราบ โดยมีความสงู กว่าพืน้ ท่ีบริเวณใกลเ้ คียงโดยรอบ ตงั้ แต่ 300 เมตรขนึ้ ไป ท่ีราบสงู บางประเภทมีรูปรา่ งคลา้ ยโต๊ะ บางประเภทมีพืน้ ท่ีดา้ นหนง่ึ ลาดเทเอียงลงสู่ ชายฝ่ังทะเลหรือพืน้ ท่ีท่ีต่ากวา่ หรอื บางประเภทมีเทือกเขาขนาบไวเ้ กือบทกุ ดา้ น 2.ตวั อย่างท่ีราบสงู ท่ีราบสูงส่วนใหญ่เกิดจากการโก่งตวั ของเปลือกโลกหรือการเล่ือนตวั ของหิน เปลือกโลกไดแ้ ก่ท่ีราบสูงทิเบตประเทศจีนท่ีราบสูงเดคคาน ประเทศอินเดีย และท่ีราบสูงเกรตเบซิ น สหรฐั อเมรกิ า เป็นตน้
ทะเล (Sea) 1.ลกั ษณะสาคญั ทะเลเป็นแหลง่ นา้ เคม็ ตามธรรมชาติ มีขนาดเล็กกวา่ มหาสมทุ ร 2.ชนิดของทะเลท่ีสาคญั จาแนกได้ 2 ชนดิ คอื 1.ทะเลเปิด คือ ทะเลท่ีมีนา่ นนา้ บางสว่ นเช่ือมตอ่ กบั มหาสมทุ ร เช่น ทะเลอาหรบั ทะเลจีน ใต้ และทะเลอนั ดามนั เป็นตน้ 2.ทะเลปิด คือ ทะเลท่ีมีแผ่นดนิ ลอ้ มรอบ ไม่มีส่วนใดเช่ือมต่อกบั มหาสมทุ รหรือทะเลอ่ืน ใด ไดแ้ ก่ ทะเลดดี ซี (Dead Sea) และทะเลแคสเปียน (Caspian) เป็นตน้ ทะเลสาบ (Lake) 1.ลกั ษณะสาคญั ทะเลสาบ เป็นแหลง่ นา้ ตามธรรมชาตทิ ่ีมีแผ่นดนิ ลอ้ มรอบ มีทงั้ นา้ จืดและนา้ เค็ม อาจมีแมน่ า้ เป็นทางระบายนา้ ไหลออกหรอื นาเขา้ จากทะเลหรือมหาสมทุ ร 2.ประเภทของทะเลสาบ จาแนกตามลกั ษณะการเกิดได้ 6 ประเภท คอื 1.เกิดจากการทรุดตวั ของแผน่ ดนิ เช่น ทะเลสาบเขมร (Tonle Sap) ประเทศกมั พชู า หนอง หาน และกว๊านพะเยา ประเทศไทย 2.เกิดจากการปิดกนั้ ของสนั ดอนชายฝ่ังทะเล ทาใหเ้ กิดเป็นทะเลสาบนา้ เค็ม (Lagoon) เชน่ ทะเลสาบสงขลาของประเทศไทย 3.เกิดจากแมน่ า้ เปล่ียนเสน้ ทางเดิน มีลกั ษณะเป็นบงึ รูปโคง้ หรือทะเลสาบรูปแอก (Oxbow Lake) พบในบรเิ วณลมุ่ แมน่ า้ มลู และ แมน่ า้ ชี ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือของเประเทศไทย 4.เกิดจากปล่องภูเขาไฟยุบตวั เช่น ทะเลสาบโทบา เกาะสุมาตราของอินโดนีเซียทะเลสาบบน ปลอ่ งภเู ขาไฟพนมรุง้ จงั หวดั บรุ ีรมั ย์ และทะเลสาบตติ กิ ากา ระหวา่ งประเทศเปรูกบั โบลเิ วีย เป็นตน้ 5.เกิดจากธารนา้ แข็งกัดเซาะ เช่น ทะเลสาบส่วนใหญ่ในประเทศฟิ นแลนด์ และทะเลสาบทงั้ หา้ ระหวา่ งสหรฐั อเมรกิ ากบั แคนาดา 6.เกิดจากการเคล่ือนไหวของเปลือกโลก โดยการยกตวั ของแผ่นดินในทะเลเดิมทาใหย้ งั คงมีนา้ ทะเลขงั อยใู่ นแอ่งแผน่ ดนิ เชน่ ทะเลสาบแอร์ (Eyre) และทะเลสาบซอลตเ์ ลก (Salt Lake) ในสหรฐั อเมริกา เป็นตน้ เกาะ (Island) 1.ลกั ษณะสาคญั เกาะ เป็นลกั ษณะภูมิประเทศแบบหน่งึ ท่ีมีนา้ ทะเลลอ้ มรอบเกาะเล็ก ๆ บางแห่ง มีลกั ษณะเป็นภเู ขาใตท้ อ้ งทะเลและโผล่ส่วนยอดขนึ้ มา เกาะขนาดใหญ่บางแห่งมีท่ีราบลมุ่ แม่นา้ ท่ีมีผคู้ น ตงั้ ถ่ินฐานอาศยั อยอู่ ยา่ งหนาแนน่ 2.ประเภทของเกาะ จาแนกตามลกั ษณะท่ีตงั้ ของเกาะมี 2 ประเภท ดงั นี้
1. เกาะกลางมหาสมทุ ร เป็นเกาะท่ีตงั้ อยหู่ า่ งจากแผน่ ดินใหญ่คอ่ นขา้ งมาก มีนา้ ทะเลลกึ สว่ นใหญ่เป็นเกาะภเู ขาไฟหรือปะการงั โดยเฉพาะหมเู่ กาะในมหาสมทุ รแปซิฟิก เชน่ หมเู่ กาะนิวคาลิโดเนีย และหมเู่ กาะโซโลมอน เป็นตน้ 2. เกาะชายฝ่ัง เป็นเกาะท่ีตงั้ อย่ใู กลก้ บั แผ่นดินใหญ่ ไดแ้ ก่ เกาะภูเก็ต เกาะสมุย เกาะสุ มาตรา เกาะชวา เกาะไหหลา เกาะลงั กาและหมเู่ กาะของประเทศญ่ีป่นุ เป็นตน้ คาบสมุทร (Peninsula) 1.ลกั ษณะสาคญั คาบสมทุ ร เป็นสว่ นหน่งึ ของแผน่ ดนิ ใหญ่ท่ีย่ืนลา้ ออกไปในทะเลหรือมหาสมทุ ร 2.ตวั อย่างของคาบสมุทร ไดแ้ ก่ คาบสมุทรอินโดจีน คาบสมุทรอาหรบั คาบสมุทรเกาหลี และ คาบสมทุ รสแกนดเิ นเวีย เป็นตน้ แหลม (Cape) 1.ลกั ษณะสาคญั แหลม เป็นส่วนหน่ึงของคาบสมุทร มีลกั ษณะเป็นส่วนของแผ่นดินเล็ก ๆ ยาว เรยี วย่ืนออกไปในทะเล 2.ตัวอย่างแหลมท่ีสาคัญ เช่น แหลมตะลุมพุก จังหวัดนครศรีธรรมราช , แหลมฟลอริดา สหรฐั อเมรกิ า และแหลมกดู โฮป (Good Hope) สาธารณรฐั แอฟรกิ าใต้ เป็นตน้ 73. จากวิกฤตดา้ นทรพั ยากรนา้ สู่มลพิษทางนา้ เทคโนโลยีการบาบดั นา้ เสียท่ีเรียบง่ายภายใตแ้ นวคิด ธรรมชาติบาบดั ของโครงการตามพระราชดาริฯ แหลมผกั เบีย้ การนาวิธีการบาบดั นา้ เสียดงั กล่าวไปใชใ้ น การจดั การนา้ เสียใหเ้ ป็นนา้ ดีเพ่ือการเกษตรกรรมของชมุ ชน จะตอ้ งเรม่ิ ตน้ ขั้นตอนแรกตามขอ้ ใด 1. จดั ทาระบบพืชและหญา้ กรองนา้ เสียดว้ ยตน้ ธูปฤๅษี กกกลม และหญา้ แฝกอินโดนีเซีย 2. จดั สรรระบบนิเวศพืน้ ท่ีชมุ่ นา้ เทียม 3. จดั ทาระบบแปลงพืชป่าและพืชนา้ ทอ้ งถ่ินตามสภาพภมู นิ เิ วศ 4. สรา้ งระบบบอ่ บาบดั ดว้ ยบอ่ ตกตะกอน บอ่ ผง่ึ และบอ่ ปรบั สภาพ 5. ดาเนินการสรา้ งระบบลมุ่ นา้ เทียมรองรบั และบาบดั นา้ เสีย ความรู้เสรมิ : ตาบลแหลมผกั เบยี้ อาเภอบา้ นแหลม จงั หวดั เพชรบรุ ี การบาบดั นา้ เสีย 1) บาบัดนา้ เสยี โดยใช้บ่อบาบัด 5 บ่อ - บอ่ ตกตะกอน 1 บอ่ - บอ่ ผง่ึ 3 บอ่ - บอ่ ปรบั สภาพ 1 บอ่ (แตล่ ะบอ่ ใชเ้ วลาการบาบดั 7 วนั ) 2) ระบบท่ีใช้พืชและหญ้ากรองนา้ เสีย ไดแ้ ก่ หญา้ สตาร์ หญา้ คาลลา่ หญา้ โดสครอส และพืชอ่ืน ๆ เช่น ธูปฤาษี กกกลม (กกจนั ทรบรู ) หญา้ แฝก เป็นตวั กรองโดยใหน้ า้ เสียไหลผา่ นแปลงหญา้ กรองนา้ เสียใชเ้ วลา
5 วนั และปล่อยทงิ้ ไวใ้ หแ้ หง้ 2 วนั เพ่ือใหจ้ ลุ ินทรียใ์ นดินไดป้ รบั สภาพโดยตอ้ งตดั หญา้ เพ่ือหญา้ มีอายคุ รบ 45 วนั 3) ระบบพืน้ ที่ชุ่มน้าเทียม มีลกั ษณะการบาบดั คลา้ ยกบั ระบบท่ีสอง ซ่ึงจะใชพ้ ืชนา้ 2 ชนิด คือ กกกลม (กกจนั ทรบรู ) และธปู ฤษี โดยตอ้ งตดั ตน้ พืชเม่ืออายคุ รบ 60 วนั หมายเหตุ : การบาบัดน้าเสียในขั้นตอนสุดท้ายของท้ัง 3 ระบบ จะปล่อยน้าทบ่ี าบัดแล้ว ลงสู่ป่ าชายเลนและไหลสู่ทะเล 74. อนสุ ญั ญาขอ้ ใดชว่ งไมใ่ หเ้ กิดเหตกุ ารณน์ าเขา้ ขยะปนเปื้อนสารเคมีจานวนมากจากตา่ งประเทศ 1. อนสุ ญั ญาบาเซิล (ลดปริมาณสารพษิ จากขยะอนั ตราย) 2. อนสุ ญั ญาไซเตส (การอนรุ กั ษ์สตั วป์ ่ าและพชื ป่ า) 3. อนสุ ญั ญาแรมซาร์ (การอนรุ กั ษ์พนื้ ทชี่ มุ่ นา้ เชน่ พรุควนขีเ้ สยี้ น ทะเลนอ้ ย พทั ลงุ ) 4. อนสุ ญั ญาเวียนนา (ปกปอ้ งโอโซน) 5. อนสุ ญั ญากรุงโตเกียว (ยตุ สิ งครามอนิ โดจีน) ความรู้เสริม : พิธีสารเกียวโต : ลดการปลอ่ ยก๊าซเรือนกระจก พิธีสารมอลทรอี อล : วา่ ดว้ ยการทาลายชนั้ บรรยากาศและโอโซน อนสุ ญั ญญาร็อตเตอรด์ มั : ควบคมุ การนาเขา้ -สง่ ออกสารเคมีอนั ตราย อนสุ ญั ญาสตอกโฮลม์ : วา่ ดว้ ยสารมลพิษ ท่ีตกคา้ งยาวนาน 75. การรณรงคใ์ นขอ้ ใดสนบั สนนุ การปฏิบตั ติ ามอนสุ ญั ญาเวียนนาโดยตรงของประเทศไทย 1. ไมจ่ าหนา่ ยสตั วป์ ่าและพืชป่า 2. อนรุ กั ษค์ วามหลากหลายทางชีวภาพ 3. ปรบั ลดการใชส้ ารฮาลอนในกิจกรรมตา่ ง ๆ 4. ไมน่ าเขา้ กากของเสียอนั ตรายจากตา่ งประเทศ 5. แบง่ ปันผลประโยชนก์ ารใชท้ รพั ยากรพนั ธกุ รรม ความรู้เสริม : สารฮาลอน (บางคนเรยี กเฮลอน) มีสว่ นผสมของ คารบ์ อน+โปรมีน+ฟลโู อรนี และ+คลอรีน ซ่ึงมีใชน้ านกว่า 20 ปีแล้ว ขอ้ ดีคือ ดบั ไฟไดเ้ ร็ว (ในท่ีโล่งท่ีลมไม่จัด) ขอ้ ดีอีกข้อไม่มีคราบและไม่เป็น อนั ตรายต่อสขุ ภาพใดๆเลย ไมอ่ นั ตรายกับคน แต่อันตรายกับช้ันโอโซนของโลก เน่ืองจากเม่ือมนั ลอย ไปสูงโดนแสงทาให้อะตอมคลอรีนแตกตัวจนมีปฏิกิริยาลูกโซ่ ทาให้โอโซนลดปริมานลง มีรูร่วั ของชั้น บรรยากาศ ทาใหร้ งั สีอลุ ตรา้ ไวโอเลท (ชนิดบ)ี สอ่ งไปยงั พืน้ โดยตรงท่ีเรารอ้ นอยทู่ กุ วนั นี้
76. ขอ้ ใดไมใ่ ชพ่ นั ธกรณีท่ีกาหนดไวใ้ นแผนการดาเนินงานโยฮนั เนสเบริ ก์ 1. การขจดั ความยากจน 2. การพฒั นาท่ีย่งั ยืนในแอฟริกา 3. สขุ ภาพอนามยั และการพฒั นาอยา่ งย่งั ยืน 4. การพฒั นาท่ีย่งั ยืนสาหรบั ประเทศท่ีเป็นเกาะขนาดเล็ก 5. การแกไ้ ขการแปรสภาพเป็นทะเลทรายและความแหง้ แลง้ ความรู้เสรมิ : แผนการดาเนินงานโจฮันเนสเบอรก์ คอื อะไร เป็นกรอบแนวทางการปฏิบตั ิเพ่ือใหบ้ รรลุวตั ถปุ ระสงคใ์ นการดาเนินการตามแผนปฏิบตั ิการ 21 และขอ้ ตกลงอ่ืนๆ โดยรา่ งกรอบการดาเนนิ งานในประเดน็ ตา่ งๆ ดงั นี้ 1. การขจดั ความยากจน (Poverty Eradication) 2. การเปล่ียนแปลงรูปแบบการผลิตและการบริโภคท่ีไม่ย่ังยืน ( Changing unsustainable patterns of consumption and production) 3. การคมุ้ ครองและการจัดการฐานทรัพยากรธรรมชาติสาหรบั การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม (Protection and managing the natural base of economic and social development) 4. การพฒั นาท่ีย่งั ยืนในกระแสโลกาภิวฒั น์ (Sustainable development in globalizing world) 5. สขุ ภาพอนามยั และการพฒั นาท่ีย่งั ยืน (Health and Sustainable development) 6. การพฒั นาท่ีย่งั ยืนสาหรบั ประเทศท่ีเป็นเกาะขนาดเล็ก (Sustainable development of small island developing States) 7. การพฒั นาท่ีย่งั ยืนในแอฟรกิ า (Sustainable development for Africa) 8. ความรว่ มมือในภมู ภิ าคอ่ืน (Other regional initiatives) 9. วธิ ีการดาเนินงาน (Means of Implementation) 10. โครงสร้างองค์กรเพ่ือการพัฒนาท่ีย่ังยืน ( Institutional Framework for sustainable development) 77. อนสุ ญั ญาใดชว่ งแกป้ ัญหามลพษิ จากพลงั งานถา่ นหินในชนั้ บรรยากาศ 1. กฎบตั รโตรอนโต (กจิ กรรมทางกายเพอื่ ประชาชน สขุ ภาพเศรษฐกจิ และความยง่ั ยนื ) 2. อนสุ ญั ญาบาเซลิ (ลดปริมาณสารพษิ จากขยะอนั ตราย) 3. อนสุ ญั ญารอตเตอรด์ มั (ควบคมุ การนาเขา้ -สง่ ออกสารเคมอี นั ตราย) 4. อนสุ ญั ญาเวียนนา (ปกปอ้ งโอโซน) 5. อนสุ ญั ญาไซเตส (การอนรุ กั ษ์สตั วป์ ่ าและพชื ป่ า)
78. การประชมุ สหประชาชาตวิ า่ ดว้ ยส่ิงแวดลอ้ มและการพฒั นา หวั ขอ้ การประชมุ เร่ืองใดไมใ่ ชแ่ นวทางการ อนรุ กั ษแ์ ละการจดั การทรพั ยากรธรรมชาติ 1. การพฒั นาท่ีย่งั ยืนในพืน้ ท่ีภเู ขา 2. การคมุ้ ครองและการจดั การมหาสมทุ ร 3. การแกไ้ ขแปรสภาพเป็นทะเลทรายและความแหง้ แลง้ 4. การจดั การของเสียท่ีเป็นอนั ตราย 5. การแกไ้ ขปัญหาการตดั ไมท้ าลายป่า ความรู้เสรมิ : ปัญหาทะเลทรายลกุ ลา้ พืน้ ท่ี เป็นปัญหาระดบั โลก เกิดจากดนิ ขาดนา้ อยา่ งตอ่ เน่ือง ดนิ แหง่ เส่ือมโทรม เกิดจากการแปรปรวนของวงจรการหมนุ ของนา้ วิธีแก้ไข – ปลกู ไมย้ ืนตน้ ท่ีโตไว ทนแลง้ เห็นแนวกนั ชน **ดีที่สุด ณ เวลานี*้ * แตไ่ ม่ค่อยสาเร็จ เพราะ จากขอ้ มลู มีตน้ ไมร้ อดประมาณ 30% เทา่ นนั้ 79. แนวทางใดเป็นแนวทางการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมเพ่ือหยุดโลกรอ้ นในเชิง ภมู ศิ าสตร์ 1. ซือ้ ผลิตภณั ฑอ์ าหารจากผผู้ ลติ ท่ีไดร้ บั ฉลากลดโลกรอ้ น 2. รณรงคไ์ มใ่ ชผ้ ลิตภณั ฑต์ า่ ง ๆ ท่ีทามาจากพลาสตกิ 3. รวมกลมุ่ กนั สรา้ ง “ผลิตภณั ฑส์ ีเขียว” โดยซือ้ ขายกนั ภายในตลาดทอ้ งถ่ิน 4. นาหลกั การ การลดทอน การใชซ้ า้ การแปรใชใ้ หม่ มาใชใ้ นชีวิตประจาวนั 5. รเิ ร่มิ ใชพ้ ลงั งานทางเลือก เชน่ ตดิ ตงั้ แผงโซลารเ์ ซลล์ เพ่ือผลติ ไฟฟา้ เฉพาะจดุ เป็นตน้ 80. ปัจจบุ นั มลพิษขยะพลาสตกิ กลายเป็นวิกฤตสาคญั ดา้ นส่ิงแวดลอ้ ม แตล่ ะปีท่วั โลกมีการใชถ้ งุ พลาสติก มากถึง 5 แสนลา้ นใบ ในประเทศไทยก็เช่นกนั มีขยะถงุ พลาสติกเกิดขนึ้ จานวนมาก และประเทศไทยถกู จดั อย่ใู นลาดบั ท่ี 6 ของประเทศท่ีมีขยะพลาสติกในทะเลมากท่ีสุดในโลก ควรมีวิธีการอย่างไรในการจดั การ เร่อื งนีอ้ ยา่ งง่ายท่ีสดุ 1. เลือกใชถ้ งุ พลาสตกิ ท่ีมีคณุ สมบตั ยิ อ่ ยสลายเองได้ 2. จดั การเก็บถงุ พลาสตกิ คดั แยก และนาไปทงิ้ ถงั ขยะใหเ้ รยี บรอ้ ย 3. พยายามนาถงุ พลาสตกิ ท่ีใชแ้ ลว้ กลบั มาใชอ้ ีก 4. ปฏิเสธการใชถ้ งุ พลาสตกิ จากรา้ นคา้ และใชถ้ งุ ผา้ แทน 5. นาขยะถงุ พลาสตกิ ท่ีรวบรวมไว้ นาไปแปรรูปเป็นผลติ ภณั ฑใ์ หม่
ความรู้เสรมิ : การอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติ ทางตรง ***ทาเอง*** - ใชอ้ ย่างประหยดั - นากลบั มาใชใ้ หม่ - บรู ณะ ซอ่ มแซม - บาบดั ฟื้นฟู - การใชส้ ่ิงทดแทน - การเฝา้ ดู ปอ้ งกนั ทางอ้อม ***ใหร้ ัฐทา*** - การพฒั นาคณุ ภาพประชากร - การใชม้ าตรการทางสงั คมและกฎหมาย - ใหป้ ระชาชนมีสว่ นรว่ ม - การคน้ ควา้ วจิ ยั - นโยบายของรฐั บาล ตอนที่ 2 แบบปรนยั 5 ตวั เลือก เลือก 2 คาตอบท่ีถกู ตอ้ ง จานวน 10 ขอ้ ขอ้ ละ 2 คะแนน รวม 20 คะแนน ในแตล่ ะขอ้ คาถาม ตอบถกู 1 คาตอบได้ 1 คะแนน ตอบถกู 2 คาตอบได้ 2 คะแนน 81. ในศาสนาครสิ ต์ มีหลกั คาสอนใดบา้ งเป็นใหญ่กวา่ คาสอนอ่ืน 1. บญั ญตั ิ 10 ประการ 2. ตรีเอกานภุ าพ 3. ความรกั 4. อาณาจกั รพระเจา้ 5. พระเจา้ สงู สดุ พระเจา้ องคเ์ ดียว คือ พระยะโฮวา ความรู้เสริม : บัญญัติ 10 ประการ 1. ตอ้ งนมสั การพระยะโฮวาพระเจา้ ผเู้ ดียว 2. อยา่ ไหวร้ ูปเคารพ 3. ยกยอ่ งช่ือพระเจา้ 4. นมสั การพระเจา้ เป็นประจา 5. ใหน้ บั ถือพอ่ แม่ 6. อยา่ ฆา่ คน 7. อยา่ เลน่ ชู้ 8. อยา่ ขโมย 9. อยา่ เป็นพยานเทจ็ 10. อยา่ โลภ หลักตรเี อกานุภาพ ศาสนาคริสตส์ อนว่ามีพระเจา้ องคเ์ ดียว (Monotheism) คือ พระยะโฮวา หรือ พระยาเวห์ ในพระ เจา้ องคเ์ ดยี วนี้ แบง่ ออกเป็น 3 ภาค คือ 1. พระบดิ า คือ พระเจา้ สรา้ งโลก เป็นผสู้ รา้ งทกุ ส่งิ ทรงเป็นนิรนั ดร
2. พระบุตร คือ พระเยซู ซ่งึ จตุ ิมาเป็นมนษุ ย์ เพ่ือช่วยใหม้ นษุ ยไ์ ดร้ บั ฟังคาส่งั สอนของพระเจา้ อยา่ งใกลช้ ดิ 3. พระจิต คือ พระเจา้ ท่ีปรากฏเป็นดวงวิญญาณ ของมนุษย์ เพ่ือเกือ้ หนุนใหม้ นุษย์ ประกอบ กรรมดี 82. กิจกรรมใดท่ีมีการปฏิบตั เิ ป็นประจาในทกุ วนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา 1. การเวียนเทียน 2. การทาบญุ ตกั บาตร 3. การถวายผา้ อาบนา้ ฝน 4. การฟังเทศนฟ์ ังธรรม 5. การทอดกฐิน 83. ขอ้ ใด คือ ลกั ษณะสาคญั ของกฎหมายอาญา 1. เป็นกฎหมายท่ีคมุ้ ครองประโยชนส์ ขุ ของประชาชนและปัจเจกชน 2. เป็นกฎหมายท่ีมีสภาพบงั คบั ทางอาญา คอื โทษและการเยียวยาสิทธิของผเู้ สียหาย 3. เป็นกฎหมายท่ีไมม่ ีผลยอ้ นหลงั เพ่ือลงโทษบคุ คล เวน้ แตจ่ ะมีเหตผุ ลพิเศษ 4. เป็นกฎหมายท่ีชดั เจนแนน่ อนในขณะกระทาความผดิ ทางอาญาตอ้ งมีกฎหมายบญั ญตั ไิ ว้ 5. เป็นกฎหมายท่ีเก่ียวกับการกระทาท่ีมีผลกระทบต่อสังคมและมีการกาหนดความผิดและโทษ อาญาไว้ 84. ภายใตก้ ารปกครองและระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมขุ ขอ้ ใดจบั คสู่ ถาบนั การเมืองกบั คา่ นิยมสาคญั ของระบอบประชาธิปไตยไมถ่ กู ตอ้ ง 1. พรรคการเมือง – เสรภี าพและความเสมอภาคของประชาชน 2. กฎหมาย – ระเบียบแบบแผนและศีลธรรมอนั ดขี องประชาชน 3. การเลือกตงั้ – อานาจปกครองทางตรงของประชาชน 4. การปกครองทอ้ งถ่ิน – การกาหนดชีวิตตนเองของประชาชน 5. ระบบราชการ – การปกครองโดยเสียงขา้ งมากของประชาชน
85. ใหอ้ ุปสงคแ์ ละอปุ ทานของตลาดสินคา้ เกษตรชนิดหน่ึงแสดงดว้ ยเสน้ D และเสน้ S ตามลาดบั โดยท่ี อปุ ทานไมม่ ีความยืดหยนุ่ เลย ดงั ท่ีแสดงในภาพขา้ งลา่ งนี้ กรณีท่ีรฐั บาลเขา้ แทรกแซงตลาดโดยกาหนดราคาขนั้ ต่า (minimum price) หรือการประกันราคาสินคา้ เกษตรชนิดนีน้ นั้ เพ่ือเป็นหลกั ประกนั สาหรบั รายไดข้ องเกษตรกรรฐั บาลอาจใชม้ าตรการเสริมสองวิธี วิธี แรกคือการรบั ซือ้ ผลผลิตท่ีเหลือทงั้ หมดในราคาประกนั สว่ นวิธีท่ีสอง คือ การจา่ ยเงินอดุ หนนุ หรือจ่ายสว่ น ต่างจากราคาตลาดกับราคาประกัน ถ้ารัฐประกันราคาสินคา้ ไวท้ ่ีหน่วยละ 50 บาท หากเปรียบเทียบ มาตรการเสรมิ ของการกาหนดราคาขนั้ ต่าทงั้ สองวิธี ตามสถานการณข์ า้ งตน้ ขอ้ ใดสรุปถกู ตอ้ ง 1. วธิ ีแรกก่อใหเ้ กิดอปุ ทานสว่ นเกินเทา่ กบั วิธีท่ีสอง 2. รฐั บาลจะประหยดั เงินจากวิธีแรกมากวา่ วธิ ีท่ีสอง 3. เกษตรกรจะมีรายไดจ้ ากวธิ ีแรกมากวา่ วธิ ีท่ีสอง 4. ราคาท่ีผซู้ ือ้ เอกชนจะตอ้ งจา่ ยซือ้ ในวิธีแรกสงู กวา่ วิธีท่ีสอง 5. ประชาชนผซู้ ือ้ สินคา้ จะไดผ้ ลประโยชนจ์ ากวิธีแรกนอ้ ยกวา่ วธิ ีท่ีสอง 86. เดิมประเทศ ก มีระบบเศรษฐกิจแบบปิด ต่อมามีการเปิดเสรีทางการคา้ ขอ้ ใดคือผลจากการเปิดเสรี ทางการคา้ ตอ่ เศรษฐกิจของประเทศ ก 1. ดลุ การคา้ ของประเทศ ก ขาดดลุ เสมอ 2. ดลุ การชาระเงินของประเทศ ก เกินดลุ เสมอ 3. เศรษฐกิจบางสว่ นของประเทศ ก ตอ้ งพง่ึ พิงเศรษฐกิจภายนอก 4. มีการไหลเขา้ ออกของเงินลงทนุ ระหวา่ งประเทศ ก กบั ตา่ งประเทศเพ่ิมขนึ้ 5. ระบบเศรษฐกิจภายในของประเทศ ก มีเสถียรภาพเสมอเพราะสามารถพ่งึ พงิ ภายนอกได้
87. เหตกุ ารณใ์ นขอ้ ใดเป็นผลของสงครามโลกครงั้ ท่ี 1 1. ฮงั การแี ยกตวั ออกจากจกั รวรรดอิ อสเตรียเป็นประเทศเอกราช 2. ฝร่งั เศสนา “ธงสามสี” มาใชเ้ ป็นธงชาติ 3. เกิดวกิ ฤตการณโ์ มรอคโคครงั้ ท่ี 1 หรือวกิ ฤตการณแ์ ทนเจียร์ 4. เกิดการจดั ตงั้ องคก์ ารคอมมิวนสิ ตส์ ากลท่ี 1 ขนึ้ 5. เกิดการจดั ตงั้ ศาลประจายตุ ธิ รรมระหว่างประเทศ หรอื ศาลโลก ความรู้เสริม : สงครามโลกครั้งท่ี 1 ก่อน WW1 - การประชุมคองเกรสแห่งเวียนนา การรวมประเทศเยอรมนั อิตาลี วิกฤตการณท์ ่ีสาคญั เชน่ ในโมรอ็ กโค บอสเนีย บอลขา่ น โดยเฉพาะลทั ธิชาตนิ ิยม จกั รวรรดนิ ิยม ค.ศ.1914 - การลอบปลงพระชนม์ ดยุคเฟอร์ดินานด์ มกุฎราชกุมารออสเตรีย-ฮังการี (ชนวน สงคราม) ค.ศ.1917 - USA. เขา้ รว่ มสงคราม (สงครามเรอื อู (เรือดานา้ )) การปฏิวตั ริ สั เซีย (เป็นคอมมวิ นิสต)์ ค.ศ.1918 - ปธน.วิลสนั ประกาศหลกั 14 ขอ้ เพ่ือสรา้ งสนั ตภิ าพ เยอรมนั แพส้ งคราม ค.ศ.1919 - ลงนามสนธิสญั ญาแวรซ์ ายส์ เกิดผลตามมา คอื เกิดประเทศใหม่ ๆ จกั รวรรดเิ ยอรมนั ลม่ ออสเตรีย-ฮงั การีแยกประเทศ ออตโตมนั ล่ม(ตรุ กี) ก่อตงั้ องคก์ ารสันนิบาตชาติ(องคก์ าระหว่างประเทศ) และศาลโลก 88. ขอ้ ใดเกิดขนึ้ ในรชั สมยั ของพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั 1. กบฏ 7 หวั เมืองภาคใต้ 2. กบฏ ร.ศ.130 (ร.6) 3. กบฏเงีย้ ว 4. กบฏบวรเดช (ร.7) 5. กบฏวงั หลวง (ร.9) ความรู้เสริม : กบฏ กบฏเกิดขึน้ ทงั้ หมด 13 ครงั้ และยงั มีกบฏผีบญุ ซ่งึ เกิดขึน้ ในชมุ ชนภาคอีสานอีกหลายสิบครงั้ แต่ ไม่นบั รวมในนี้ อน่ึงกบฏผีบญุ หรือ กบฏผมู้ ีบญุ เป็นการนาของผทู้ ่ีอา้ งตวั ว่ามีบุญบารมีกลบั ชาติมาเกิด หรอื อา้ งเป็นพระศรอี ารยิ ์ มีการรวมตวั ตอ่ ตา้ นอานาจของรฐั ท่ีทาใหม้ ีผลกระทบตอ่ ทอ้ งถ่ิน 1. กบฏ ร.ศ. 130 หรือ กบฏเก็กเหม็ง (พ.ศ. 2454) โดย คณะ ร.ศ. 130 (เป็นความพยายาม เปล่ียนแปลงการปกครองครงั้ แรก)
2. กบฏบวรเดช (11 ตลุ าคม พ.ศ. 2476) โดย คณะกบู้ า้ นกเู้ มือง มี พลเอกพระวรวงศเ์ ธอ พระองค์ เจา้ บวรเดช เป็นหวั หนา้ 3. กบฏนายสิบ (3 สงิ หาคม พ.ศ. 2478) โดย สบิ เอกสวสั ดิ์ มะหะมดั เป็นหวั หนา้ 4. กบฏพระยาทรงสรุ เดช หรือ กบฏ 18 ศพ หรือ กบฏ พ.ศ. 2481 (29 มกราคม พ.ศ. 2482) โดย พนั เอกพระยาทรงสรุ เดช เป็นหวั หนา้ 5. กบฏเสนาธิการ หรือ กบฏนายพล หรือ กบฏ 1 ตลุ าคม (1 ตุลาคม พ.ศ. 2491) โดย พลตรี หลวงศรานชุ ิต (สมบรู ณ์ ศรานชุ ิต) และพลตรเี นตร เขมะโยธิน 6. กบฏแบง่ แยกดนิ แดน (28 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2491) 7. กบฏวงั หลวง (26 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2492) โดย ปรีดี พนมยงค์ เป็นหวั หนา้ 8. กบฏแมนฮตั ตนั หรือ กบฏทหารเรือ (29 มิถนุ ายน พ.ศ. 2494) โดย นาวาเอกอานน บุญฑริก ธาดา และ นาวาตรีมนสั จารุภา 9. กบฏสนั ตภิ าพ (8 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2497) 10 กบฏ พ.ศ. 2507 (1 ธันวาคม พ.ศ. 2507) โดย พลอากาศเอกนกั รบ บณิ ศรี เป็นหวั หนา้ 11. กบฏ 26 มีนาคม 2520 (26 มีนาคม พ.ศ. 2520) โดย พลเอกฉลาด หิรญั ศริ ิ เป็นหวั หนา้ 12. กบฏยงั เตริ ก์ หรือ กบฏเมษาฮาวาย (1-3 เมษายน พ.ศ. 2524) โดย พนั เอกมนญู รูปขจร และ พลเอกสณั ห์ จติ รปฏิมา เป็นหวั หนา้ 13. กบฏทหารนอกราชการ หรือ กบฏ 9 กนั ยา (9 กนั ยายน พ.ศ. 2528) โดย พนั เอกมนญู รูปขจร และพลเอกเสรมิ ณ นคร เป็นหวั หนา้ 89. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช บรมนาถบพิตร พระราชทานแนวทางบรรเทาและ ลดภาวะโลกรอ้ นโดยตรงท่ีสาคญั คือเร่ืองใด 1. การฟื้นฟสู ภาพป่าและปลกู ป่าทดแทน 2. การพฒั นาพลงั งานทดแทน 3. การพฒั นาแหลง่ นา้ และการบาบดั นา้ เสีย 4. การทาเกษตรผสมผสานแบบพ่งึ พาธรรมชาติ 5. การทาฝนเทียม
90. หม่บู า้ นในแอง่ แผน่ ดินลอ้ มรอบดว้ ยภเู ขาหินปนู ยอดแหลมขรุขระสงู ชนั สลบั ซบั ซอ้ นปกคลมุ ดว้ ยป่ าดิบ แลง้ ป่ าเบญจพรรณและป่ าเต็งรงั เป็นแหล่งตน้ กาเนิดสายธารสาคญั และอย่ใู นเขตภูมิอากาศแบบมรสุม เขตรอ้ น (Am) เพ่ือความย่งั ยืนของชมุ ชนและนาไปสภู่ มู ิสงั คมใหมท่ ่ีเป็นตน้ แบบพลงั งานสะอาด ควรเลือกพฒั นาพลงั งาน ตามขอ้ ใด จงึ จะเหมาะสมและสอดคลอ้ งกบั ความเป็นจรงิ ของสภาพพืน้ ท่ีดงั กลา่ วขา้ งตน้ มากท่ีสดุ 1. พลงั งานความรอ้ นใตพ้ ิภพจากแนวรอยตอ่ ของรอยเล่ือนเปลือกโลก เพ่ือใชผ้ ลิตไฟฟ้า 2. พลงั งานแสงอาทติ ยเ์ พ่ือใชผ้ ลิตไฟฟา้ และความรอ้ น 3. พลงั งานลม พลงั งานแสงอาทติ ยเ์ พ่ือใชผ้ ลติ ไฟฟา้ 4. พลงั งานนา้ ตกไหลเพ่ือใชผ้ ลติ ไฟฟ้า 5. พลงั งานชีวมวลเศษวชั พืช มลู สตั วเ์ ลีย้ ง และขยะในชมุ ชน เพ่ือใชผ้ ลิตความรอ้ นและไฟฟ้า
Search