๔๖ รหัสตัวชวี้ ดั ส ๑.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕, ป.๔/๖, ป.๔/๗, ป.๔/๘ ส ๑.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓ ส ๒.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕ ส ๒.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓ ส ๓.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓ ส ๓.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒ ส ๕.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓ ส ๕.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓ รวมทง้ั หมด ๓๐ ตวั ช้วี ดั หลกั สูตรโรงเรียนบา๎ นนางเลิศ (ฉบับปรบั ปรุงพุทธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๔๗ ส๑๕๑๐๑ สงั คมศึกษา ฯ คาอธิบายรายวชิ าพ้ืนฐาน ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๕ กลุมํ สาระการเรยี นรูส๎ งั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เวลาเรียน ๘๐ ช่ัวโมง ศกึ ษามรดกทางวัฒนธรรมที่ไดร๎ ับจากพระพุทธศาสนา การนาพระพทุ ธศาสนาไปใชเ๎ ป็นแนวทางในการพฒั นา ชาตไิ ทย สรปุ พุทธประวตั ิ (ทบทวน) โปรดพระพุทธบิดา (เสดจ็ กรงุ กบิลพสั ด)์ พุทธกจิ สาคัญ พุทธสาวก พุทธสาวิกา ชาดก ศาสนกิ ชนตวั อยาํ ง องค์ประกอบของพระไตรปฎิ ก ความสาคญั ของพระไตรปิฎก พระ รัตนตรัย ไตรสิกขา โอวาท ๓ พทุ ธศาสนสุภาษิต สวดมนต์ ไหว๎พระ สรรเสรญิ คณุ พระรัตนตรัยและแผํ เมตตา การจดั พธิ กี รรมทเี่ รยี บงําย ประหยดั มปี ระโยชน์ และถกู ต๎องตามหลักทางศาสนาทต่ี นนับถือ การมี สํวนรวํ ม ในการจัดเตรยี มสถานที่ประกอบศาสนพิธี พธิ ีกรรมทางศาสนา พิธีถวายสังฆทาน เครือ่ งสังฆทาน ระเบียบพิธีในการทาบุญงานมงคล ประโยชน์ของการเข๎ารํวมศาสนพธิ ี พธิ ีกรรมทางศาสนา หรอื กิจกรรมใน วันสาคญั ทางศาสนา มรรยาทของศาสนกิ ชน สถานภาพ บทบาท สิทธิเสรีภาพ หนา๎ ท่ีของพลเมืองดี คณุ ลักษณะ ของพลเมืองดี เหตุการณท์ ีล่ ะเมิดสทิ ธิเด็กในสังคมไทย แนวทางปูองกนั คุ๎มครองตนเองหรือผ๎อู ่ืนจากการ ละเมดิ สิทธิเดก็ การปกปูองคุ๎มครองสิทธิเดก็ ในสังคมไทย วัฒนธรรมไทยท่มี ีผลตอํ การดาเนินชีวิตของคนใน สงั คมไทย คุณคําของวฒั นธรรมกับการดาเนนิ ชวี ิต ความสาคัญของภมู ิปัญญาท๎องถิ่น ตัวอยาํ งภมู ปิ ญั ญา ทอ๎ งถิ่นในชมุ ชนของตน การอนรุ กั ษ์และเผยแพรํ ภมู ปิ ัญญาทอ๎ งถน่ิ ของชมุ ชน โครงสรา๎ งการปกครองใน ทอ๎ งถ่ิน อานาจหน๎าทแี่ ละความสาคญั ของการปกครองสํวนทอ๎ งถิน่ บทบาท หนา๎ ที่ และวธิ กี ารเขา๎ ดารง ตาแหนํงของผบ๎ู รหิ ารท๎องถ่ิน องค์กรปกครองสวํ นท๎องถิน่ กับบรกิ ารสาธารณประโยชนใ์ นชมุ ชนความหมาย และประเภทของปจั จยั การผลิตประกอบด๎วย ทด่ี นิ แรงงาน ทุน และ ผู๎ประกอบการ เทคโนโลยใี นการผลิต สินคา๎ และบริการ ปัจจยั อืน่ ๆ ในการผลติ สนิ คา๎ พฤติกรรมของผบ๎ู รโิ ภค ตัวอยาํ งการผลติ สินค๎าและบริการท่ี มีอยใูํ นทอ๎ งถิน่ หรือแหลงํ ผลิตสนิ ค๎าและบริการในชุมชน หลกั การของเศรษฐกจิ พอเพียง การประยุกต์ใช๎ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ในกิจกรรมตาํ งๆ ในครอบครัว โรงเรยี น และชุมชน ตวั อยาํ งการผลิตสนิ คา๎ และบรกิ ารในชุมชน หลักการและประโยชน์ของสหกรณ์ ประเภทของสหกรณ์โดยสังเขป สหกรณใ์ นโรงเรียน การประยุกต์หลักการของสหกรณม์ าใช๎ในชวี ิตประจาวัน บทบาทหนา๎ ที่ของธนาคารโดยสังเขป ดอกเบีย้ เงิน ฝาก และดอกเบยี้ กู๎ยืม การฝากเงิน/การถอนเงนิ ผลดแี ละผลเสยี ของการกย๎ู ืมเงินท้ังนอกระบบและในระบบท่ี มีตํอระบบเศรษฐกิจ ตาแหนงํ (พิกัด ภูมิศาสตร์ ละติจูด ลองจจิ ูด) ระยะ ทิศทางของภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ลักษณะภูมลิ ักษณ์ ทีส่ าคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ในแผนท่ี ความสมั พนั ธ์ของลักษณะทางกายภาพกับ ลักษณะทางสังคมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สภาพแวดล๎อมทางกายภาพ ท่ีมีอทิ ธพิ ลตอํ ลกั ษณะการต้งั ถ่นิ ฐานและการยา๎ ยถิน่ ของประชากรในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื อิทธิพลของสง่ิ แวดลอ๎ มทางธรรมชาตทิ ี่ กํอใหเ๎ กดิ วถิ ีชวี ติ และการสร๎างสรรคว์ ัฒนธรรมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผลจากการรกั ษาและการทาลาย สภาพแวดลอ๎ ม แนวทางการรักษาสภาพแวดล๎อมในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ โดยใชก๎ ระบวนการสืบเสาะหาความร๎ู การสารวจตรวจสอบ การสบื ค๎นข๎อมูล การอธิบาย การวเิ คราะหแ์ ละ การอภิปราย เพ่ือใหเ๎ กดิ ความรู๎ ความคิด ความเข๎าใจ สามารถส่ือสารสิ่งที่เรยี นร๎ู มคี วาม สามารถในการใช๎ ทักษะชวี ติ การคดิ วเิ คราะห์ การตัดสินใจและการแก๎ปญั หา เห็นคุณคําของการนาความร๎ูไปใชใ๎ นชีวติ ประจาวนั สามารถปรบั ตัวเองกับบรบิ ทสภาพแวดลอ๎ ม เป็นพลเมือง ดี มีความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซ่อื สตั ย์สจุ ริต มีวนิ ัย รักความเป็นไทย ใฝุเรยี นรู๎ มีจิตสาธารณะ และมี คุณธรรมและคํานยิ มท่ีเหมาะสม หลกั สตู รโรงเรียนบา๎ นนางเลศิ (ฉบบั ปรับปรงุ พุทธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๔๘ รหัสตัวช้ีวัด ส ๑.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕, ป.๕/๖, ป.๕/๗ ส ๑.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓ ส ๒.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓ ส ๒.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓ ส ๓.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓ ส ๓.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓ ส ๕.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓ ส ๕.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓ รวมทัง้ หมด ๒๘ ตัวช้ีวัด หลักสูตรโรงเรยี นบา๎ นนางเลศิ (ฉบับปรับปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๔๙ ส๑๖๑๐๑ สังคมศกึ ษา ฯ คาอธิบายรายวิชาพนื้ ฐาน ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๖ กลํมุ สาระการเรียนรูส๎ ังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม เวลา ๘๐ ชว่ั โมง ศกึ ษาความสาคัญพระพุทธศาสนาในฐานะเปน็ ศาสนาประจาชาติ สรปุ พทุ ธประวัติ (ทบทวน) พทุ ธ สาวก พทุ ธสาวกิ า ชาดก ศาสนกิ ชนตวั อยําง พระรัตนตรัย ไตรสกิ ขา โอวาท ๓ พุทธศาสนสุภาษติ ตวั อยํางการกระทาความดีของบคุ คลในประเทศ สวดมนต์ไหว๎พระ สรรเสรญิ คณุ พระรตั นตรัย และแผํเมตตา หลกั ธรรม : อรยิ สจั ๔ หลกั กรรม โอวาท ๓ : เบญจศีล – เบญจธรรม อบายมขุ ๖ อกุศลมลู ๓ กุศล มูล ๓ หลักธรรมสาคัญของศาสนาตาํ งๆ ศาสนพธิ ขี องศาสนาตํางๆ ความรู๎เบ้ืองตน๎ เกี่ยวกบั สถานทต่ี าํ งๆ ภายในวัด การปฏิบัติตนทเี่ หมาะสมภายในวดั มรรยาท ของศาสนิกชน ทบทวนการอาราธนาศลี อาราธนา ธรรมและอาราธนาพระปริตร พธิ ที อดผา๎ ปาุ พธิ ที อดกฐนิ ระเบยี บพธิ ีกรรมในการทาบุญงานอวมงคล การ ปฏบิ ตั ติ นทถ่ี กู ต๎องในศาสนพิธี พธิ กี รรมและวันสาคัญทางศาสนา ประโยชน์ของการเข๎ารวํ มในศาสนพิธี พธิ ีกรรมและวันสาคญั ทางศาสนา การแสดงตนเป็นพุทธมามกะ กฎหมายทีเ่ กี่ยวข๎องกบั ชวี ิตประจาวันของ ครอบครัวและชุมชน ประโยชนข์ องการปฏิบัติตนหรือเคารพกฎหมายดังกลาํ ว ความหมายและประเภทของ วฒั นธรรม การเปลยี่ นแปลงวฒั นธรรมตามกาลเวลาทมี่ ผี ลตํอตนเองและสงั คมไทย แนวทางการธารงรักษา วัฒนธรรมไทย ความหมายและความสาคัญของกริ ิยามารยาท มารยาทไทยและมารยาทสังคม บทบาท หน๎าที่ ขององค์กรปกครองสํวนทอ๎ งถน่ิ และรฐั บาล กิจกรรมตาํ งๆ เพอ่ื สํงเสรมิ ประชาธปิ ไตยในทอ๎ งถ่นิ และประเทศ การมสี ํวนรํวมในการออกกฎหมาย ระเบียบ กติกา การเลือกต้ัง การสอดสํองดูแลผู๎มีพฤติกรรมการกระทา ผิดการเลือกตงั้ และแจง๎ ตํอเจา๎ หน๎าทผ่ี ร๎ู บั ผดิ ชอบ การตรวจสอบคุณสมบัติ การใชส๎ ิทธอิ อกเสียงเลือกตัง้ ตาม ระบบประชาธิปไตย บทบาทของผ๎ูผลติ ทม่ี ีคณุ ภาพ ทศั นคตใิ นการใช๎ทรัพยากรอยํางมปี ระสทิ ธิภาพและ ประสทิ ธผิ ล ประโยชน์ของการผลติ สนิ ค๎าทมี่ คี ุณภาพ คณุ สมบตั ขิ องผูบ๎ ริโภคท่ีดี พฤติกรรมของผบู๎ ริโภคท่ี บกพรํอง คุณคาํ และประโยชน์ของผ๎ูบริโภคที่รูเ๎ ทําทันที่มีตํอตนเอง ครอบครัวและสังคม ความหมายและ ความจาเป็นของทรัพยากร หลกั การและวิธใี ชท๎ รัพยากรให๎เกดิ ประโยชน์สูงสดุ วิธีการสร๎างจติ สานกึ ให๎คนใน ชาติรคู๎ ุณคาํ ของทรพั ยากรท่ีมีอยํูจากดั วางแผนการใชท๎ รพั ยากร โดยประยุกต์เทคนคิ และวิธีการใหมํๆ ใหเ๎ กดิ ประโยชนแ์ กํสวํ นรวมและประเทศชาติและทันกับสภาพทางเศรษฐกิจและสังคม ความสัมพนั ธ์ระหวาํ งผ๎ูผลิต ผบู๎ รโิ ภค ธนาคาร และรัฐบาลทมี่ ีตํอระบบเศรษฐกิจอยาํ งสงั เขป แผนผงั แสดงความสัมพันธข์ องหนวํ ย เศรษฐกิจ ภาษแี ละหนํวยงานท่จี ดั เกบ็ ภาษี สทิ ธขิ องผ๎บู รโิ ภคและสทิ ธขิ องผใ๎ู ชแ๎ รงงานในประเทศไทย การหา รายได๎ รายจาํ ย การออม การลงทนุ ซ่ึงแสดงความสัมพันธร์ ะหวาํ งผู๎ผลิต ผู๎บริโภคและรฐั บาล การรวมกลมุํ เชงิ เศรษฐกจิ เพื่อประสานประโยชนใ์ นปลาปากราษฎร์บารงุ เครื่องมือทางภมู ิศาสตร์ที่แสดงลกั ษณะทาง กายภาพของประเทศไทย ความสัมพันธร์ ะหวํางลักษณะทางกายภาพกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ความสมั พันธ์ระหวาํ งส่งิ แวดล๎อมทางธรรมชาติกบั สง่ิ แวดล๎อมทางสังคมในประเทศไทย การแปลงสภาพ ธรรมชาติในประเทศไทยจากอดตี ถึงปัจจบุ ันและผลทเ่ี กดิ ขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงนัน้ แผนการใช๎ทรพั ยากรใน ปลาปากราษฎร์บารงุ โดยใช๎กระบวนการสบื เสาะหาความรู๎ การสารวจตรวจสอบ การสืบคน๎ ข๎อมูล การ อธิบาย การวิเคราะห์และการอภิปราย เพื่อใหเ๎ กิดความร๎ู ความคิด ความเข๎าใจ สามารถสือ่ สารสิง่ ท่ีเรียนร๎ู มีความสามารถในการใช๎ทกั ษะชีวิต การคดิ วเิ คราะห์ การตดั สนิ ใจและการแกป๎ ัญหา เหน็ คุณคําของการนาความร๎ูไปใชใ๎ นชวี ิตประจาวัน สามารถปรบั ตวั เองกบั บริบทสภาพแวดล๎อม เปน็ พลเมือง ดี มคี วามรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตยส์ ุจริต มีวินยั รักความเป็นไทย ใฝเุ รยี นรู๎ มจี ติ สาธารณะ และมี คุณธรรมและคํานยิ มทีเ่ หมาะสม หลกั สตู รโรงเรียนบา๎ นนางเลศิ (ฉบับปรบั ปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๕๐ รหสั ตวั ชวี้ ัด ส ๑.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕, ป.๖/๖, ป.๖/๗, ป.๖/๘, ป.๖/๙ ส ๑.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔ ส ๒.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕ ส ๒.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓ ส ๓.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓ ส ๓.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒ ส ๕.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒ ส ๕.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓ รวมทง้ั หมด ๓๑ ตวั ช้วี ัด หลกั สูตรโรงเรยี นบา๎ นนางเลิศ (ฉบบั ปรับปรุงพุทธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๕๑ ส๑๑๑๐๒ ประวตั ศิ าสตร์ คาอธิบายรายวชิ าพื้นฐาน ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๑ กลุมํ สาระการเรียนรู๎สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม เวลา ๔๐ ชวั่ โมง ศกึ ษาเกยี่ วกับวนั เดอื น ปี ตามระบบสรุ ิยคติและระบบจันทรคตติ ามปฏิทนิ ท่ีใชใ๎ นชีวิตประจาวัน การลาดับชวํ งเวลาเหตกุ ารณ์ทเ่ี กดิ ขนึ้ ในชีวติ ประจาวัน การสบื ค๎นประวตั ิความเปน็ มาของตนเองและครอบครวั ความเปล่ยี นแปลงของสภาพแวดลอ๎ ม ส่งิ ของเครื่องใช๎หรอื การดาเนินชวี ิตของอดีตกับปัจจุบนั สาเหตุและผล การเปลีย่ นแปลงของสง่ิ ตาํ งๆ ตามกาลเวลา เหตกุ ารณส์ าคัญทเ่ี กดิ ขึน้ ในครอบครัว ความหมายและความสาคัญ ของสญั ลักษณ์ที่สาคัญของชาติไทย การเคารพธงชาติ การร๎องเพลงชาติ และเพลงสรรเสรญิ พระบารมี และ สัญลกั ษณ์อ่นื ๆ สถานท่ีสาคัญซึ่งเป็นแหลํงวฒั นธรรมในปลาปากราษฎรบ์ ารงุ และอาเภอปลาปาก คุณคําและ ความสาคญั ของแหลํงวฒั นธรรมในชุมชน ระบุสง่ิ ทีต่ นรักและภาคภูมิใจในท๎องถนิ่ และเหน็ คณุ คาํ ประโยชนข์ อง ส่งิ เหลํานน้ั โดยใชก๎ ระบวนการสบื เสาะหาความรู๎ การสังเกต การสารวจตรวจสอบ การสบื ค๎นขอ๎ มลู กา วเิ คราะห์ การอธบิ ายและการอภิปราย เพ่ือให๎เกดิ ความรู๎ ความคิด ความเข๎าใจ สามารถสอ่ื สาร สง่ิ ท่ีเรยี นร๎ู มีความสามารถในการวิเคราะห์ และการตัดสินใจ เห็นคุณคาํ ของการนาความร๎ูไปใช๎ในชวี ิตประจาวนั สามารถปรับตัวเองกับบริบทสภาพแวดลอ๎ ม เป็นพลเมืองดี รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ รักและภูมิใจความเปน็ ไทย ใฝุเรียนร๎ู มีคุณธรรมและคํานยิ มที่ เหมาะสม รหัสตวั ชว้ี ดั ส ๔.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓ ส ๔.๒ ป.๑/๑, ป.๑/๒ ส ๔.๓ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓ รวมท้งั หมด ๘ ตวั ชว้ี ัด หลักสตู รโรงเรยี นบ๎านนางเลศิ (ฉบบั ปรับปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๕๒ ส๑๒๑๐๒ ประวตั ิศาสตร์ คาอธิบายรายวชิ าพืน้ ฐาน ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๒ กลมุํ สาระการเรยี นรส๎ู งั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เวลา ๔๐ ชัว่ โมง ศกึ ษาเก่ียวกับคาท่แี สดงชวํ งเวลาในอดีต ปจั จบุ นั และอนาคต วนั สาคัญทป่ี รากฏในปฏิทิน ท่ีแสดง เหตุการณส์ าคัญในอดีตและปัจจบุ ัน วธิ กี ารท่สี บื ค๎นเหตุการณท์ ่ผี ํานมาแล๎วทีเ่ กดิ ขึ้นกับตนเองและครอบครวั การใช๎คาบอกชวํ งเวลาที่แสดงเหตกุ ารณท์ เี่ กดิ ข้ึนในครอบครัวหรือในชีวติ ตนเองการใช๎เสน๎ เวลา (Time Line) ลาดบั เหตกุ ารณ์ทีเ่ กดิ ขนึ้ ได๎ การสืบคน๎ ข๎อมลู อยาํ งงํายๆ วิถชี ีวิตของคนในชมุ ชนและสาเหตุของการ เปลยี่ นแปลงวิถชี วี ติ ของคนในชมุ ชน ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทม่ี ีตํอวิถชี วี ิตของคนในชมุ ชน บคุ คล สาคัญท่ที าประโยชน์ตํอท๎องถิ่นอาเภอปลาปาก ตัวอยํางของวฒั นธรรมประเพณีไทยและภูมปิ ญั ญาไทยท่ี ภาคภมู ใิ จและควรอนุรักษ์ไว๎ โดยใชก๎ ระบวนการสืบเสาะหาความรู๎ การสงั เกต การสารวจตรวจสอบ การ สืบคน๎ ขอ๎ มลู กาวิเคราะห์ การอธบิ ายและการอภิปราย เพื่อให๎เกดิ ความร๎ู ความคิด ความเข๎าใจ สามารถ ส่ือสาร ส่ิงท่เี รยี นร๎ู มคี วามสามารถในการวเิ คราะห์ และการตัดสนิ ใจ เหน็ คุณคําของการนาความรูไ๎ ปใช๎ในชวี ิตประจาวนั สามารถปรบั ตวั เองกับบรบิ ทสภาพแวดลอ๎ ม เปน็ พลเมืองดี รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ รักและภมู ิใจความเป็นไทย ใฝเุ รยี นร๎ูมีคณุ ธรรมและคํานิยมท่ี เหมาะสม รหสั ตวั ช้ีวดั ส ๔.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒ ส ๔.๒ ป.๒/๑, ป.๒/ ส ๔.๓ ป.๒/๑, ป.๒/๒ รวมท้งั หมด ๖ ตัวชี้วดั หลกั สูตรโรงเรียนบ๎านนางเลศิ (ฉบบั ปรับปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๕๓ ส๑๓๑๐๒ ประวตั ิศาสตร์ คาอธบิ ายรายวชิ าพื้นฐาน ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๓ กลุํมสาระการเรียนร๎ูสังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม เวลา ๔๐ ชัว่ โมง ศึกษาเก่ียวกับท่ีมาของศักราชทป่ี รากฏในปฏิทนิ การเทียบศักราช ในเหตกุ ารณท์ ี่เก่ียวข๎อง กบั นักเรยี น การสืบคน๎ เหตุการณ์สาคญั ของโรงเรียนและชมุ ชนโดยใชห๎ ลักฐานและแหลํงข๎อมูล ที่เกีย่ วขอ๎ ง การใช๎ เส๎นเวลา (Time Line) ลาดับเหตกุ ารณ์ท่ีเกดิ ขึ้นในโรงเรียนและชมุ ชน ปัจจัยในการตงั้ ถน่ิ ฐานของชมุ ชนปลา ปากราษฎรบ์ ารุงและปจั จยั ท่ีมอี ทิ ธิพลตํอการพัฒนาการของปลาปากราษฎร์บารุง ลกั ษณะท่สี าคัญของ ขนบธรรมเนยี ม ประเพณีและวัฒนธรรมของปลาปากราษฎรบ์ ารงุ ประเพณี บญุ พระเวสสันดร บญุ ขา๎ วประดบั ดนิ บุญขา๎ วสาก (สารท) ความเหมอื นและความแตกตาํ งทางวัฒนธรรมของ ปลาปากราษฎรบ์ ารุงกับชุมชนอน่ื ๆ พระราชประวัติ พระราชกรณยี กจิ โดยสงั เขปของพระมหากษัตริยไ์ ทยที่ เปน็ ผส๎ู ถาปนาอาณาจักรไทย พระราชประวตั ิและพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริยไ์ ทยในรัชกาลปจั จบุ ัน วีรกรรมของบรรพบรุ ุษไทยท่ีมสี วํ นปกปูองประเทศชาติ โดยใช๎กระบวนการสืบเสาะหาความร๎ู การสังเกต การ สารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล กาวเิ คราะห์ การอธิบายและการอภปิ ราย เพื่อให๎เกิดความรู๎ ความคิด ความเขา๎ ใจ สามารถสอ่ื สาร สง่ิ ทีเ่ รยี นรู๎ มีความสามารถในการวเิ คราะห์ และการตัดสินใจ เหน็ คุณคาํ ของการนาความร๎ไู ปใชใ๎ นชวี ติ ประจาวัน สามารถปรบั ตัวเองกับบรบิ ทสภาพแวดล๎อม เป็นพลเมืองดี รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ รักและภูมิใจความเป็นไทย ใฝุเรยี นร๎ู มีคุณธรรมและคํานยิ มที่ เหมาะสม รหสั ตวั ชี้วัด ส ๔.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒ ส ๔.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓ ส ๔.๓ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓ รวมทัง้ หมด ๘ ตัวชี้วัด หลักสตู รโรงเรียนบา๎ นนางเลิศ (ฉบบั ปรบั ปรุงพุทธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๕๔ ส๑๔๑๐๒ ประวัติศาสตร์ คาอธบิ ายรายวชิ าพื้นฐาน ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๔ กลํมุ สาระการเรียนรส๎ู งั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เวลา ๔๐ ช่ัวโมง ศกึ ษาเกี่ยวกับการนับชํวงเวลา เป็นทศวรรษ ศตวรรษ และสหัสวรรษ การใช๎ทศวรรษ ศตวรรษ และสหสั วรรษ การแบงํ ยคุ สมัยในการศึกษาประวัตศิ าสตร์ หลักฐานทางประวัตศิ าสตร์ ที่ใช๎ในการศึกษา ความเปน็ มาของท๎องถนิ่ พฒั นาการของมนุษย์ยคุ กํอนประวตั ิศาสตร์และยุคประวตั ิศาสตร์ ในดนิ แดนไทย หลักฐานทางประวตั ิศาสตร์ที่แสดงการตงั้ หลักแหลํงของมนุษยย์ ุคกํอนประวัติศาสตรแ์ ละยุคประวตั ศิ าสตรใ์ น ดินแดนไทย หลักฐานทางประวตั ศิ าสตรท์ ่ีพบในท๎องถิ่น การสถาปนาอาณาจกั รสโุ ขทยั และพัฒนาการของ อาณาจักรสุโขทัย ประวตั ิและผลงานของบุคคลสาคญั สมยั สุโขทยั ภูมิปญั ญาไทยสมัยสโุ ขทัย คุณคําของภูมิ ปัญญาไทยทส่ี ืบตอํ ถงึ ปจั จุบันที่นําภาคภูมใิ จ โดยใชก๎ ระบวนการสืบเสาะหาความร๎ู การสงั เกต การสารวจ ตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมลู กาวิเคราะห์ การอธิบายและการอภิปราย เพื่อให๎เกิดความรู๎ ความคดิ ความ เขา๎ ใจ สามารถสื่อสาร สิ่งที่เรียนร๎ู มีความสามารถในการวเิ คราะห์ และการตัดสินใจ เหน็ คณุ คําของการนาความรูไ๎ ปใช๎ในชวี ิตประจาวนั สามารถปรบั ตัวเองกับบรบิ ทสภาพแวดลอ๎ ม เป็นพลเมืองดี รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ รกั และภมู ิใจความเป็นไทย ใฝุเรียนรู๎ มีคุณธรรมและคํานิยมท่ี เหมาะสม รหสั ตัวชวี้ ัด ส ๔.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓ ส ๔.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ส ๔.๓ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓ รวมทั้งหมด ๘ ตวั ช้วี ัด หลักสูตรโรงเรยี นบ๎านนางเลศิ (ฉบบั ปรับปรุงพุทธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๕๕ ส๑๕๑๐๒ ประวัติศาสตร์ คาอธิบายราวชิ าพื้นฐาน ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๕ กลมํุ สาระการเรียนรสู๎ ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เวลา ๔๐ ชวั่ โมง ศกึ ษา ประวตั ิความเป็นมาของท๎องถน่ิ ของอาเภอปลาปาก ของจงั หวัดนครพนม ของประเทศไทย โดยใช๎หลกั ฐานที่หลากหลาย การรวบรวมข๎อมลู จากแหลํงตํางๆ เพ่ือตอบคาถามทางประวตั ิศาสตร์อยํางมี เหตุผล ความแตกตาํ งระหวาํ งความจริงกบั ข๎อเท็จจรงิ เกีย่ วกับเรื่องราวในท๎องถ่นิ ของปลาปาก อทิ ธิพลของ อารยธรรมอินเดียและจนี ที่มีตอํ ไทย และเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต๎ การเข๎ามาของวัฒนธรรมตาํ งชาติใน สังคมไทยและอิทธิพลของวัฒนธรรมตาํ งชาติที่มีตํอสังคมไทยในปจั จุบัน การสถาปนาอาณาจกั รอยธุ ยา ปจั จยั ที่ สํงเสรมิ ความเจริญรุํงเรืองของอาณาจักรอยุธยา พัฒนาการของอาณาจักรอยธุ ยา ผลงานของบุคคลสาคญั ใน สมยั อยุธยา ภมู ปิ ัญญาไทยสมัยอยธุ ยา การกอบกเ๎ู อกราชและการสถาปนาอาณาจกั รธนบุรี พระราชประวตั ิ และผลงานของพระเจา๎ ตากสิน ภมู ปิ ัญญาไทยสมัยธนบรุ ี โดยใช๎กระบวนการสบื เสาะหาความร๎ู การสังเกต การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมลู กาวิเคราะห์ การอธิบายและการอภปิ ราย เพื่อให๎เกิดความร๎ู ความคิด ความเข๎าใจ สามารถสื่อสาร สง่ิ ทเ่ี รียนร๎ู มีความสามารถในการวเิ คราะห์ และการตัดสนิ ใจ เหน็ คณุ คําของการนาความรู๎ไปใชใ๎ นชีวติ ประจาวนั สามารถปรับตัวเองกบั บรบิ ทสภาพแวดล๎อม เป็นพลเมืองดี รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ รกั และภูมิใจความเปน็ ไทย ใฝเุ รียนรู๎ มีคุณธรรมและคาํ นยิ มที่ เหมาะสม รหัสตัวชีว้ ดั ส ๔.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓ ส ๔.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒ ส ๔.๓ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓ รวมทง้ั หมด ๘ ตัวชว้ี ัด หลกั สูตรโรงเรยี นบา๎ นนางเลิศ (ฉบับปรบั ปรุงพทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
ส๑๖๑๐๒ ประวตั ศิ าสตร์ ๕๖ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๖ คาอธบิ ายรายวชิ าพื้นฐาน กลุํมสาระการเรียนรสู๎ งั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม เวลา ๔๐ ชว่ั โมง ศึกษาความสาคัญของวธิ กี ารทางประวัติศาสตร์อยํางงาํ ยๆ การนาวธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์ ไปใช๎ในการศึกษา เรือ่ งราวในท๎องถิ่น ตัวอยํางข๎อมูลจากหลักฐานท่ีหลากหลายในการศึกษาเรื่องราวสาคัญ การใช๎แผนที่แสดง ทต่ี ้ังและอาณาเขตของประเทศเพื่อนบา๎ น พฒั นาการทางประวตั ศิ าสตร์ ของประเทศเพอื่ นบา๎ นและสภาพ สงั คม เศรษฐกิจและการเมืองของประเทศเพื่อนบ๎านของไทย ความเปน็ มาของกลมํุ อาเซียนและความสัมพนั ธ์ ของกลมุํ อาเซยี นทางเศรษฐกิจและสงั คมในปจั จุบัน การสถาปนาอาณาจักรรัตนโกสินทร์ ปจั จยั ท่ีสํงเสรมิ ความ เจรญิ รุงํ เรืองทางเศรษฐกิจและการปกครองของไทยสมยั รัตนโกสนิ ทร์ พฒั นาการดา๎ นตํางๆ สมยั รตั นโกสินทร์ ผลงานของบุคคลสาคญั ทางด๎านตํางๆ ในสมยั รตั นโกสินทร์ ภูมิปญั ญาไทยสมยั รตั นโกสินทร์ โดยใช๎ กระบวนการสืบเสาะหาความร๎ู การสังเกต การสารวจตรวจสอบ การสืบคน๎ ข๎อมลู การวเิ คราะห์ การอธิบาย และการอภปิ ราย เพ่ือให๎เกิดความร๎ู ความคิด ความเขา๎ ใจ สามารถสื่อสาร สงิ่ ทเ่ี รียนร๎ู มีความสามารถใน การวิเคราะห์ และการตัดสนิ ใจ เห็นคุณคําของการนาความรู๎ไปใช๎ในชีวติ ประจาวัน สามารถปรับตัวเองกับบริบทสภาพแวดล๎อม เปน็ พลเมืองดี รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ รักและภมู ิใจความเป็นไทย ใฝุเรยี นรู๎ มีคุณธรรมและคํานยิ มท่ี เหมาะสม รหัสตัวชี้วดั ส ๔.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒ ส ๔.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒ ส ๔.๓ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔ รวมท้ังหมด ๘ ตัวชีว้ ดั หลกั สูตรโรงเรยี นบา๎ นนางเลิศ (ฉบบั ปรบั ปรุงพุทธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๕๗ คาอธบิ ายรายวชิ า กลุ่มสาระการเรยี นร้สู ขุ ศึกษา และพลศกึ ษา หลกั สตู รโรงเรียนบา๎ นนางเลิศ (ฉบับปรับปรุงพุทธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๕๘ คาอธิบายรายวิชาพืน้ ฐาน พ๑๑๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศึกษา กลุมํ สาระการเรยี นรสู๎ ขุ ศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ เวลา 4๐ ช่ัวโมง ศึกษาลักษณะและหน๎าท่ีของอวยั วะภายนอกที่มีการเจรญิ เติบโตและพฒั นาการไปตามวัย การดแู ลรักษาอวยั วะภายนอก สมาชิกในครอบครัว ความรกั ความผูกพนั ของสมาชิกในครอบครวั สง่ิ ทช่ี ่นื ชอบและความภาคภูมิใจในตนเอง ลักษณะความแตกตํางของเพศชายและเพศหญิง ธรรมชาติ ของการ เคลอ่ื นไหวราํ งกายในชีวิตประจาวัน กจิ กรรมทางกายทใี่ ชก๎ ารเคล่อื นไหวตามธรรมชาติ การออกกาลงั กายและ การเลํนเกมเบ็ดเตล็ด กฎ กตกิ า ข๎อตกลงในการเลํนเกมเบ็ดเตล็ด การปฏิบตั ติ น ตามหลักสขุ บญั ญตั ิ แหํงชาติ ลกั ษณะอาการเจบ็ ปุวยทีเ่ กดิ ขน้ึ กบั ตนเอง วธิ ีปฏบิ ัติตนเมอื่ มีอาการเจบ็ ปวุ ย ท่ีเกดิ ขนึ้ กบั ตนเอง ส่งิ ท่ี ทาใหเ๎ กิดอันตรายภายในบ๎านและโรงเรยี น การปูองกนั อันตรายภายในบา๎ นและโรงเรียน อันตรายจากการเลํน การขอความชํวยเหลอื เม่ือเกิดเหตุรา๎ ยที่บ๎านและโรงเรียน โดยการปฏิบัติดา๎ นสขุ ภาพ ด๎านกิจกรรมทางกาย และกีฬา การสืบเสาะข๎อมลู หาความรู๎ การสารวจตรวจสอบ การสบื ค๎นขอ๎ มูล การอธบิ าย การวเิ คราะหแ์ ละ การอภิปราย เพ่ือใหเ๎ กดิ ทักษะ ความรู๎ ความคิด ความเข๎าใจ สามารถปฏบิ ัตแิ ละส่ือสารสิ่งทีเ่ รยี นรู๎ มี ความสามารถในการปฏบิ ัติ ตามกฎ กติกา ระเบียบ และขอ๎ ตกลงในการเขา๎ รวํ มกิจกรรมทางกายและกฬี า มี ความสามารถในการแกป๎ ัญหาและการใช๎ทกั ษะชีวิต เห็นคณุ คําของการนาความร๎ไู ปใช๎ในชีวิตประจาวนั มีความเขา๎ ใจที่ถกู ต๎อง มเี จตคติ คุณธรรม คํานยิ มท่ีเหมาะสมและความมนี ้าใจนักกีฬา รหสั ตวั ช้วี ัด พ ๑.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒ พ ๒.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓ พ ๓.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒ พ๓.๒ ป.๑/๑, ป.๑/๒ พ ๔.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒ พ ๕.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓ รวมท้ังหมด ๑๔ ตัวชว้ี ัด .. . หลกั สตู รโรงเรยี นบ๎านนางเลศิ (ฉบับปรับปรุงพุทธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๕๙ คาอธบิ ายรายวิชาพ้ืนฐาน พ๑๒๑๐๑ สุขศกึ ษาและพลศึกษา กลมํุ สาระการเรียนรู๎สุขศึกษาและพลศึกษา ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๒ เวลาเรียน 4๐ ชว่ั โมง ศกึ ษาลักษณะและหนา๎ ที่ของอวัยวะภายในทม่ี ีการเจริญเติบโตและพัฒนาการไปตามวัย การดูแล อวยั วะภายใน ธรรมชาติของชีวิตมนษุ ย์ต้ังแตเํ กดิ จนตาย บทบาทหน๎าท่ีของสมาชิกในครอบครวั ความสาคญั ของเพอ่ื น พฤติกรรมที่เหมาะสมกับเพศ ความภาคภมู ใิ จในเพศหญงิ หรือเพศชาย ลักษณะและวิธกี ารของการ เคลือ่ นไหวรํางกายแบบอยํูกบั ท่ี แบบเคลอ่ื นทีแ่ ละแบบใช๎อุปกรณป์ ระกอบการเลํนเกมเบ็ดเตล็ด และเข๎ารวํ ม กจิ กรรมทางกายทีม่ ีวิธีเลํน การเคล่อื นไหวเบ้ืองต๎น ทงั้ แบบอยกํู ับท่ี เคลอ่ื นทแี่ ละ ใช๎อปุ กรณ์ การออกกาลัง กายและเลํนเกมเบด็ เตล็ด ประโยชน์ของการออกกาลังกาย และการเลนํ เกม กฎ กติกา ขอ๎ ตกลงในการเลํน เกมเปน็ กลุํม ลักษณะของการมสี ุขภาพดี อาหารท่ีมีประโยชน์และไมํมีประโยชน์ ของใชแ๎ ละของเลํนท่มี ี ผลเสียตํอสุขภาพ อาการและวธิ ปี อู งกันการเจ็บปวุ ย อาการและวธิ ปี ูองกันการบาดเจ็บ วิธีปฏิบตั ติ นเมอื่ เจ็บปวุ ยและบาดเจ็บ การปูองกันอุบัติเหตทุ างนา้ และทางบก ยาสามัญประจาวัน โทษสารเสพติดและสาร อันตรายใกล๎ตวั และวธิ ีปูองกัน สญั ลักษณแ์ ละปาู ยเตือนของสิ่งของหรือสถานท่ีที่เปน็ อันตราย อคั คภี ยั และการ ปอู งกนั อธิบายลักษณะหนา๎ ท่ี ตลอดจนการดแู ลรักษา อวัยวะภายในของตนเอง ธรรมชาตชิ วี ิตของมนุษย์ โดยการปฏบิ ัตดิ ๎านสขุ ภาพ ด๎านกจิ กรรมทางกายและกฬี า การสืบเสาะข๎อมลู หาความร๎ู การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล การอธบิ าย การวเิ คราะห์และการอภปิ ราย เพอ่ื ให๎เกดิ ทักษะ ความรู๎ ความคดิ ความเข๎าใจ สามารถปฏบิ ตั แิ ละสื่อสารสิง่ ทีเ่ รยี นรู๎ มคี วามสามารถในการปฏบิ ัติ ตามกฎ กติกา ระเบียบ และขอ๎ ตกลงใน การเข๎ารวํ มกิจกรรมทางกายและกีฬา มีความสามารถในการแกป๎ ญั หาและการใช๎ทักษะชีวติ เหน็ คณุ คาํ ของการนาความรไ๎ู ปใชใ๎ นชวี ิตประจาวนั มคี วามเขา๎ ใจที่ถูกต๎อง มเี จตคติ คุณธรรม คาํ นิยมที่เหมาะสมและความมนี า้ ใจนกั กฬี า รหัสตัวชว้ี ัด พ ๑.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓ พ ๒.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔ พ ๓.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒ พ ๓.๒ ป.๒/๑ ป.๒/๒ พ ๔.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔, ป.๒/๕ พ ๕.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔, ป.๒/๕ รวมท้ังหมด ๒๑ ตัวช้ีวดั หลักสตู รโรงเรยี นบา๎ นนางเลิศ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๖๐ คาอธบิ ายรายวิชาพืน้ ฐาน พ๑๓๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศึกษา กลํุมสาระการเรยี นรูส๎ ุขศึกษาและพลศึกษา ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๓ เวลา 4๐ ช่วั โมง ศึกษาลักษณะการเจริญเตบิ โตของราํ งกายมนษุ ยท์ ่ีมคี วามแตกตํางกนั ในแตลํ ะบุคคล เกณฑ์ มาตรฐานการเจริญเตบิ โตของเดก็ ไทย ปจั จยั ทมี่ ผี ลตํอการเจรญิ เติบโต ความสาคัญของครอบครัว ความแตกตาํ งของแตลํ ะครอบครวั วิธีการสรา๎ งสัมพนั ธภาพในครอบครวั และกลมุํ เพอื่ น พฤติกรรม ที่นาไปสํู การถกู ลวํ งละเมดิ ทางเพศ วิธีหลีกเลย่ี งพฤติกรรมทน่ี าไปสูํการถกู ลํวงละเมิดทางเพศ การเคลือ่ นไหวราํ งกาย แบบอยํกู ับท่ี การเคล่อื นไหวแบบเคล่อื นท่ี และแบบใช๎อปุ กรณ์ประกอบ วธิ ีการควบคุมการเคลื่อนไหวราํ งกาย แบบตํางๆ อยาํ งมที ิศทาง กิจกรรมทางกายที่ใช๎ทกั ษะการเคลอ่ื นไหวแบบบงั คับทิศทางในการเลนํ เกม เบ็ดเตล็ด แนวทางการเลือกออกกาลงั กาย การละเลํนพ้ืนเมืองและการเลํนเกมที่เหมาะสมกับจุดเดํน จดุ ด๎อย และข๎อจากดั ของแตํละบุคคล การออกกาลงั กาย เกมและการละเลํนพืน้ เมอื ง กฎ กตกิ า และข๎อตกลงในการ ออกกาลงั กาย การเลนํ เกม และการละเลํนพนื้ เมอื ง การติดตํอและวธิ กี ารปอู งกันการแพรกํ ระจายของโรค อาหารหลัก ๕ หมํู การเลือกกินอาหารที่เหมาะสม การแปรงฟัน ใหส๎ ะอาดอยาํ งถูกวธิ ี การสรา๎ งเสริม สมรรถภาพทางกายเพอ่ื สุขภาพ วธิ ีปฏิบัตติ นเพื่อความปลอดภยั จากอบุ ตั เิ หตุในบ๎าน โรงเรียน และการ เดินทาง การขอความชํวยเหลอื จากบุคคลและแหลงํ ตาํ งๆ เมื่อเกิดเหตุร๎ายหรืออบุ ัตเิ หตุ วธิ ีการปฐมพยาบาล เมอ่ื บาดเจ็บจากการเลํน โดยการปฏิบัติด๎านสุขภาพ ด๎านกิจกรรมทางกายและกฬี า การสืบเสาะข๎อมลู หา ความร๎ู การสารวจตรวจสอบ การสืบคน๎ ข๎อมลู การอธบิ าย การวเิ คราะหแ์ ละการอภปิ ราย เพ่อื ให๎เกิดทักษะ ความร๎ู ความคิด ความเขา๎ ใจ สามารถปฏิบัตแิ ละส่ือสารสิง่ ทีเ่ รียนร๎ู มคี วามสามารถในการปฏบิ ัติ ตามกฎ กตกิ า ระเบียบ และข๎อตกลงในการเข๎ารวํ มกิจกรรมทางกายและกีฬา มีความสามารถในการแก๎ปัญหาและ การใช๎ทักษะชวี ติ เหน็ คุณคาํ ของการนาความรไู๎ ปใชใ๎ นชีวิตประจาวนั มีความเข๎าใจที่ถูกต๎อง มเี จตคติ คุณธรรม คํานยิ มทเี่ หมาะสมและความมีนา้ ใจนักกฬี า รหัสตวั ชว้ี ดั พ ๑.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๒/๓ พ ๒.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๓/๓ พ ๓.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒ พ ๓.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒ พ ๔.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔ พ ๕.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓ รวมทงั้ หมด ๑๗ ตวั ชว้ี ดั หลกั สูตรโรงเรียนบ๎านนางเลิศ (ฉบับปรับปรงุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๖๑ คาอธบิ ายรายวชิ าพืน้ ฐาน พ๑๔๑๐๑ สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา กลมุํ สาระการเรียนรู๎สขุ ศึกษาและพลศึกษา ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ เวลา 8๐ ชว่ั โมง ศกึ ษาเกีย่ วกับการเจริญเตบิ โตและพฒั นาการของรํางกายและจิตใจตามวยั ความสาคัญของ กลา๎ มเนอ้ื กระดูกและขอ๎ ที่มผี ลตอํ สุขภาพ การเจริญเติบโตและพฒั นาการ วิธีการดแู ลรักษากล๎ามเน้ือ กระดูกและข๎อให๎ทางานอยํางมีประสทิ ธิภาพ คุณลักษณะของความเป็นเพอ่ื นและสมาชิกทีด่ ขี องครอบครัว พฤติกรรมที่เหมาะสมกับเพศของตนตามวัฒนธรรมไทย วธิ ีการปฏิเสธการกระทาทเี่ ป็นอันตรายและไมํ เหมาะสมในเรือ่ งเพศ การเคล่ือนไหวราํ งกายแบบผสมผสานทงั้ แบบอยูกํ ับท่ี แบบเคลื่อนท่ี และแบบใช๎ อุปกรณ์ การบริหารทาํ มือเปลําประกอบจงั หวะ เกมเลยี นแบบและกจิ กรรมแบบผลดั กีฬาพ้นื ฐาน การออก กาลงั กาย เลํนเกมตามความชอบของตนเองและเลนํ กีฬาพ้ืนฐานรวํ มกบั ผู๎อนื่ การวิเคราะหผ์ ลพฒั นาการของ ตนเองในการออกกาลังกาย เลนํ เกม และเลนํ กีฬาตามแบบอยํางและแบบปฏบิ ัติของผู๎อ่ืน คณุ คําของการออก กาลังกาย เลนํ เกม และเลํนกฬี าท่ีมีผลตํอสขุ ภาพ การปฏิบตั ติ ามกฎ กตกิ า การเลํนกฬี าพ้ืนฐานตามชนดิ กีฬาการเลํน ความสัมพนั ธร์ ะหวํางสิ่งแวดล๎อม กับสุขภาพ การจดั ส่ิงแวดล๎อมที่ถกู สุขลักษณะและเอื้อตอํ สุขภาพ สภาวะอารมณ์ทีม่ ผี ลตอํ สุขภาพ การวเิ คราะห์ข๎อมูลบนฉลากอาหารและผลติ ภัณฑส์ ุขภาพ การ ทดสอบสมรรถภาพทางกาย การปรบั ปรุง สมรรถภาพทางกายตามผลการทดสอบสมรรถภาพทางกาย โดยการปฏบิ ตั ิดา๎ นสุขภาพ ด๎านกจิ กรรมทางกายและกฬี า การสืบเสาะข๎อมูลหาความร๎ู การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล การอธิบาย การวเิ คราะห์และการอภปิ ราย เพื่อใหเ๎ กดิ ทักษะ ความรู๎ ความคิด ความเข๎าใจ สามารถปฏบิ ตั แิ ละสื่อสารสิง่ ทีเ่ รยี นร๎ู มคี วามสามารถในการปฏบิ ัติ ตามกฎ กติกา ระเบยี บ และข๎อตกลงใน การเข๎ารํวมกิจกรรมทางกายและกฬี า มีความสามารถในการแก๎ปญั หาและการใช๎ทักษะชีวิต เห็นคุณคาํ ของการนาความรูไ๎ ปใชใ๎ นชีวติ ประจาวนั มคี วามเข๎าใจท่ีถูกต๎อง มเี จตคติ คุณธรรม คาํ นยิ มทเ่ี หมาะสมและความมีน้าใจนกั กีฬา รหสั ตวั ชวี้ ดั พ ๑.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, พ ๒.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป๔/๓ พ ๓.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔ พ ๓.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒, พ ๔.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, พ ๕.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป,๔/๓ รวมทงั้ หมด ๑๙ ตวั ชว้ี ดั หลกั สตู รโรงเรียนบา๎ นนางเลศิ (ฉบับปรบั ปรุงพทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๖๒ คาอธบิ ายรายวชิ าพื้นฐาน พ๑๕๑๐๑ สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา กลุมํ สาระการเรยี นร๎ูสขุ ศึกษาและพลศึกษา ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๕ เวลา ๘๐ ชว่ั โมง ศึกษาความสาคัญของระบบยํอยอาหารและระบบขับถาํ ยท่ีมผี ลตอํ สขุ ภาพ การเจริญเติบโตและ พัฒนาการ การดูแลระบบยํอยอาหารและระบบขบั ถํายให๎ทางานตามปกติ การเปลีย่ นแปลงทางเพศ การดูแล ตนเอง การวางตัวทีเ่ หมาะสมกบั เพศตามวฒั นธรรมไทย ลักษณะของครอบครัวที่อบอํุน ตามวัฒนธรรมไทย พฤติกรรมท่ีพึงประสงค์และไมํพงึ ประสงคใ์ นการแก๎ไขปญั หาความขัดแย๎งในครอบครัว การจัดรูปแบบการ เคลอื่ นไหวรํางกายแบบผสมผสานและการปฏิบัติกจิ กรรมทางกายทั้งแบบอยูกํ บั ที่ เคล่ือนที่ และแบบใช๎ อุปกรณ์ประกอบตามแบบท่กี าหนด เกมนาไปสํูกีฬาและกิจกรรมแบบผลดั ทมี่ ีการตี เข่ยี รับ – สํง สิ่งของ ขวา๎ งและวง่ิ การเคลือ่ นไหวในเร่ืองการรับแรง การใช๎แรง และความสมดลุ ทักษะกลไกท่สี ํงผลตํอการปฏบิ ัติ กจิ กรรมทางกายและเลนํ กีฬา การเลนํ กฬี าไทยและกีฬาสากล หลักการและการเข๎ารํวมกิจกรรมนนั ทนาการ หลกั การและรูปแบบการออกกาลงั กาย การออกกาลังกายและการเลนํ เกมและการละเลํนพื้นเมือง การเลํน กฬี าไทยและกีฬาสากลประเภทบุคคลและทมี ที่เหมาะสมกับวยั อยาํ งสม่าเสมอ การสร๎างทางเลอื กในวธิ ีปฏิบัติ ในการเลํนกีฬาอยํางหลากหลาย และมนี า้ ใจนักกีฬา กฎ กตกิ าในการเลํนเกม กฬี าไทยและกีฬาสากลตาม ชนิดกฬี าท่ีเลํน วิธกี ารรุกและวิธีปอู งกันในการเลํนกีฬาไทยและกีฬาสากลท่ีเลนํ สทิ ธิของตนเองและผู๎อ่ืนในการ เลนํ เกมและกีฬา ความแตกตาํ งระหวาํ งบุคคลในการเลนํ เกมและกีฬา ความสาคญั ของการปฏบิ ัติตนตาม สขุ บัญญตั แิ หงํ ชาติ แหลงํ และวิธคี น๎ หาขอ๎ มูลขาํ วสารทางสุขภาพ การใชข๎ อ๎ มลู ขาํ วสารในการสร๎างเสรมิ สขุ ภาพ การตดั สินใจเลือกซ้ืออาหารและผลิตภณั ฑ์สุขภาพ การปฏิบัติตนในการปูองกนั โรค ท่ีพบบอํ ยใน ชวี ิตประจาวนั การทดสอบสมรรถภาพทางกาย การปรับปรุงสมรรถภาพทางกายตามผลการทดสอบ สมรรถภาพทางกาย ปัจจยั ที่มอี ิทธิพลตอํ การใช๎สารเสพติด ผลกระทบของการใชย๎ าและสารเสพติดทม่ี ตี ํอ รํางกาย จิตใจ อารมณ์ สงั คมและสติปัญญา การปฏิบตั ิตนเพ่ือความปลอดภยั จากการใช๎ยาและหลีกเลีย่ ง สารเสพติด อทิ ธิพลของสื่อท่ีมีผลตอํ พฤติกรรมสุขภาพ การปฏบิ ตั เิ พือ่ ปูองกันอนั ตรายจากการเลํนกีฬา โดยการปฏิบัติด๎านสุขภาพ ด๎านกจิ กรรมทางกายและกีฬา การสบื เสาะข๎อมลู หาความร๎ู การสารวจตรวจสอบ การสบื คน๎ ข๎อมูล การอธิบาย การวิเคราะห์และการอภิปราย เพ่ือให๎เกดิ ทักษะ ความรู๎ ความคดิ ความเข๎าใจ สามารถปฏิบตั ิและส่ือสารสง่ิ ทีเ่ รียนร๎ู มีความสามารถในการปฏิบัติ ตามกฎ กตกิ า ระเบยี บ และขอ๎ ตกลงใน การเขา๎ รํวมกจิ กรรมทางกายและกฬี า มีความสามารถในการแกป๎ ญั หาและการใชท๎ กั ษะชีวติ เห็นคุณคาํ ของการนาความร๎ไู ปใช๎ในชีวติ ประจาวัน มคี วามเข๎าใจท่ีถกู ต๎อง มเี จตคติ คุณธรรม คํานิยมท่ีเหมาะสมและความมีน้าใจนักกีฬา รหัสตวั ชว้ี ดั พ ๑.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒ พ ๒.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓ พ ๓.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕, ป.๕/๖ พ ๓.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป๕/๔ พ ๔.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕ พ ๕.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕ รวมทั้งหมด ๒๕ ตวั ชว้ี ดั หลักสูตรโรงเรียนบ๎านนางเลศิ (ฉบับปรับปรงุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๖๓ คาอธบิ ายรายวิชาพื้นฐาน พ๑๖๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา กลํุมสาระการเรยี นรสู๎ ุขศึกษาและพลศึกษา ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๖ เวลา ๘๐ ชวั่ โมง ศกึ ษาความสาคัญของระบบสืบพันธุ์ ระบบไหลเวยี นโลหติ และระบบหายใจทีม่ ผี ลตํอสขุ ภาพ การ เจรญิ เติบโตและพัฒนาการ วิธีการดแู ลรักษาระบบสืบพันธุ์ ระบบไหลเวียนโลหิต และระบบหายใจให๎ทางาน ตามปกติ ความสาคญั ของการสรา๎ งและรกั ษาสมั พันธภาพกับผ๎อู ื่น ปจั จยั ที่ชวํ ยให๎การทางานกลมํุ ประสบ ความสาเรจ็ พฤติกรรมเสีย่ งที่นาไปสูํการมีเพศสัมพนั ธ์ การติดเชอื้ เอดส์ การต้ังครรภก์ ํอนวัยอนั ควร การ เคล่อื นไหวรํวมกับผ๎อู ่นื แบบผลัดในลกั ษณะผสมผสาน ในการเข๎ารวํ มกจิ กรรมทางกาย การเคลื่อนไหวในเรอื่ ง การรบั แรง การใช๎แรง และความสมดลุ กบั การพฒั นาทักษะการเคลื่อนไหวในการเลํนเกมและกีฬา การเลํน กฬี าไทย กีฬาสากล ประเภทบคุ คลและประเภททีม การใช๎ขอ๎ มลู ด๎านทักษะกลไก เพือ่ ปรับปรุงและเพิม่ พนู ความสามารถในการปฏบิ ัติกจิ กรรมทางกายและเลนํ กีฬา การนาความร๎แู ละหลักการของกิจกรรมนันทนาการ ไปใช๎เปน็ ฐานการศกึ ษาหาความรู๎ ประโยชนแ์ ละหลักการออกกาลงั กายเพือ่ สุขภาพ สมรรถภาพทางกายและ การสร๎างเสรมิ บุคลิกภาพ การเลํนเกมทีใ่ ชท๎ ักษะการวางแผน การเพ่ิมพูนทักษะการออกกาลงั กายและการ เคลอ่ื นไหวอยาํ งเปน็ ระบบ การเลนํ กีฬาประเภทบุคคลและประเภททีมท่ีช่ืนชอบ การประเมินทักษะการเลํน กฬี าของตน กฎ กตกิ าในการเลนํ กีฬาไทย กีฬาสากลตามชนดิ กฬี าทเี่ ลํน กลวิธกี ารรุก การปอู งกันในการ เลนํ กฬี า การสรา๎ งความสามัคคีและความมีน้าใจนกั กฬี าในการเลํนเกมและกีฬา ความสาคัญของสิง่ แวดลอ๎ มท่ี มผี ลตอํ สขุ ภาพ ปญั หาของส่ิงแวดล๎อมท่ีมผี ลสขุ ภาพ การปอู งกันและการแก๎ไขปัญหาสิ่งแวดล๎อม ที่มผี ลตํอ สขุ ภาพ โรคตดิ ตอํ สาคญั ทร่ี ะบาดในปจั จุบัน ผลกระทบที่เกดิ จากการระบาดของโรค การปอู งกนั การระบาด ของโรค พฤตกิ รรมทีแ่ สดงออกถึงความรบั ผิดชอบตอํ สขุ ภาพของสํวนรวม วิธีทดสอบสมรรถภาพทางกาย การสร๎างเสรมิ และปรับปรงุ สมรรถภาพทางกายตามผลการทดสอบสมรรถภาพ ทางกาย ผลกระทบจากความ รนุ แรงของภัยธรรมชาติ การปฏบิ ัติตนเพอ่ื ความปลอดภยั จากภัยธรรมชาติ สาเหตขุ องการติดสารเสพติด ทกั ษะการส่ือสารใหผ๎ ูอ๎ น่ื หลีกเล่ียงสารเสพตดิ โดยการปฏบิ ัตดิ า๎ นสุขภาพ ดา๎ นกิจกรรมทางกายและกีฬา การ สืบเสาะข๎อมลู หาความรู๎ การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล การอธิบาย การวิเคราะหแ์ ละการอภิปราย เพ่อื ให๎เกิดทักษะ ความร๎ู ความคดิ ความเข๎าใจ สามารถปฏบิ ตั ิและสือ่ สารส่ิงที่เรียนรู๎ มคี วามสามารถใน การปฏิบตั ิ ตามกฎ กติกา ระเบียบ และข๎อตกลงในการเขา๎ รํวมกจิ กรรมทางกายและกีฬา มีความสามารถใน การแก๎ปัญหาและการใชท๎ ักษะชีวิต เหน็ คณุ คําของการนาความร๎ูไปใชใ๎ นชวี ติ ประจาวัน มีความเขา๎ ใจที่ถกู ต๎อง มีเจตคติ คุณธรรม คาํ นิยมท่เี หมาะสมและความมีนา้ ใจนกั กฬี า รหสั ตวั ช้ีวดั พ ๑.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒ พ ๒.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓ พ ๓.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕, ป.๖/๖ พ ๓.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕, ป.๖/๖ พ ๔.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔ พ ๕.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓ รวมทั้งหมด ๒๔ ตัวชว้ี ดั หลักสูตรโรงเรยี นบ๎านนางเลิศ (ฉบับปรับปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๖๔ คาอธิบายรายวชิ า กล่มุ สาระการเรยี นรูศ้ ิลปะ หลกั สูตรโรงเรียนบ๎านนางเลศิ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๖๕ คาอธบิ ายรายวิชาพ้ืนฐาน ศ๑๑๑๐๑ ศิลปะ กลุมํ สาระการเรียนรศ๎ู ลิ ปะ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ เวลา 4๐ ชัว่ โมง ศึกษาเก่ยี วกบั รูปรําง ลักษณะ และขนาดของสิ่งตํางๆ ท่ีอยํูรอบตวั ในธรรมชาติและที่มนุษย์ สร๎าง ขนึ้ ความร๎สู ึกที่มตี อํ ธรรมชาติและส่ิงแวดลอ๎ มรอบตัว การใช๎ วัสดอุ ปุ กรณใ์ นการสรา๎ งงานทศั นศลิ ป์ การ ทดลองสีด๎วยการใช๎สนี ้า สโี ปสเตอร์ สเี ทยี น และสีจากธรรมชาติทีห่ าได๎ในท๎องถิน่ งานทศั นศิลป์ ใน ชวี ิตประจาวัน ศกึ ษาท่ีมาของบทเพลงในท๎องถิ่น ความนําสนใจของบทเพลงในท๎องถน่ิ การเคลือ่ นไหว ในลักษณะ ตํางๆ การใชภ๎ าษาทําทาง การประดษิ ฐ์ทาํ ประกอบเพลง การแสดงประกอบเพลงทเี่ กี่ยวกบั ธรรมชาติสัตว์ การเปน็ ผูช๎ มทดี่ ี การละเลนํ ของเดก็ ไทย สิง่ ท่ตี นเองชอบในการแสดงนาฏศิลป์ โดยการฝึกปฏบิ ตั ิ การ สบื เสาะหาความร๎ู การสารวจตรวจสอบ การสืบคน๎ ข๎อมลู การคดิ วเิ คราะห์และการอภิปราย เพ่ือใหเ๎ กดิ ทักษะ ความรู๎ ความเขา๎ ใจ ความคิดริเรมิ่ สร๎างสรรค์ สามารถสอ่ื สารส่ิงท่ีเรยี นร๎ู มีความสามารถแสดงออก ทางศลิ ปะอยาํ งสรา๎ งสรรค์ เหน็ คณุ คาํ ของศิลปะที่เป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภมู ิปัญญาทอ๎ งถ่นิ ภมู ิปญั ญาไทย มจี นิ ตนาการ ทางศลิ ปะ มีสุนทรยี ภาพ มีความซาบซง้ึ ในคณุ คาํ ของศิลปะและมีความเช่ือม่นั ในตนเอง รหสั ตวั ชว้ี ดั ศ ๑.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓, ป.๑/๔, ป.๑/๕ ศ ๑.๒ ป.๑/๑ ศ ๒.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓, ป.๑/๔, ป.๑/๕ ศ ๒.๒ ป.๑/๑, ป.๑/๒ ศ ๓.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓ ศ ๓.๒ ป.๑/๑, ป.๑/๒ รวมทั้งหมด ๑๘ ตวั ช้ีวัด หลกั สตู รโรงเรยี นบ๎านนางเลศิ (ฉบับปรับปรุงพทุ ธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๖๖ คาอธิบายรายวิชาพนื้ ฐาน ศ๑๒๑๐๑ ศิลปะ กลมํุ สาระการเรยี นร๎ูศลิ ปะ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๒ เวลา 4๐ ชัว่ โมง ศึกษาเกี่ยวกบั รปู ราํ ง รปู ทรงในธรรมชาติและสิ่งแวดลอ๎ ม เส๎น สี รูปราํ ง รปู ทรงในสิง่ แวดลอ๎ มและ งานทัศนศลิ ปป์ ระเภทตํางๆ การใชเ๎ สน๎ รูปรําง ในงานทศั นศิลป์ประเภทตาํ งๆ การใชว๎ สั ดุ อุปกรณ์ สร๎างงาน ทัศนศลิ ป์ ๓ มิติ การสรา๎ งภาพปะติดจากกระดาษ การวาดภาพ ถํายทอดเร่ืองราว เนอื้ หาเรอื่ งราวในงาน ทศั นศลิ ป์ งานโครงสรา๎ งเคลอ่ื นไหว ความสาคญั ของงานทัศนศลิ ปใ์ นชีวิตประจาวัน งานทัศนศิลป์ในท๎องถ่ิน สสี ันของเสียงเคร่ืองดนตรี สสี นั ของเสยี งมนุษย์ การฝึกโสตประสาท การจาแนกเสียงสูงสูง – ตา่ ดงั – เบา ยาว – สนั้ การเคล่ือนไหวประกอบเนอ้ื หาในบทเพลง การเลนํ เครอื่ งดนตรีประกอบเพลง การขบั รอ๎ ง ความหมายและความสาคญั ของเพลงที่ได๎ยนิ ลกั ษณะของเสยี งรอ๎ งและลักษณะของเสียงเครื่องดนตรีทใ่ี ช๎ใน บทเพลงท๎องถ่นิ กจิ กรรมดนตรีในโอกาสพิเศษ การเคลื่อนไหวอยํางมีรูปแบบ การประดษิ ฐท์ ําจากการ เคล่ือนไหวอยาํ งมีรปู แบบ เพลงทเ่ี กย่ี วกับส่ิงแวดล๎อม หลกั และวิธกี ารปฏิบตั ินาฏศลิ ป์ การใชภ๎ าษาทําและ นาฏยศพั ทป์ ระกอบจงั หวะ มารยาทในการชมการแสดง การเข๎าชมหรือมีสวํ นรํวม การละเลํนพื้นบา๎ น และ ทม่ี าของการละเลนํ พืน้ บ๎าน โดยการฝึกปฏบิ ัติ การสบื เสาะหาความร๎ู การสารวจตรวจสอบ การสบื คน๎ ข๎อมูล การคดิ วิเคราะห์และการอภปิ ราย เพอ่ื ให๎เกดิ ทักษะ ความรู๎ ความเข๎าใจ ความคิดริเรม่ิ สรา๎ งสรรค์ สามารถ ส่ือสารสิ่งทีเ่ รยี นร๎ู มคี วามสามารถแสดงออกทางศิลปะอยํางสร๎างสรรค์ เห็นคณุ คาํ ของศิลปะทีเ่ ป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภมู ิปัญญาท๎องถ่ิน ภมู ปิ ญั ญาไทย มีจินตนาการ ทางศลิ ปะ มสี ุนทรยี ภาพ มีความซาบซ้ึงในคณุ คําของศิลปะและมคี วามเช่ือม่นั ในตนเอง รหัสตัวช้วี ัด ศ ๑.๑ ป.๒/๑,ป.๒/๒,ป.๒/๓,ป.๒/๔,ป.๒/๕ ศ ๑.๒ ป.๒/๖,ป.๒/๗ ศ ๒.๑ ป.๒/๑,ป.๒/๒ ศ ๒.๒ ป.๒/๑,ป.๒/๒ ศ ๓.๑ ป.๒/๑,ป.๒/๒ ศ ๓.๒ ป.๒/๑,ป.๒/๒,ป.๒/๓ รวมทง้ั หมด ๑๖ ตวั ชีว้ ัด หลกั สูตรโรงเรียนบ๎านนางเลิศ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พุทธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๖๗ คาอธบิ ายรายวิชาพ้ืนฐาน ศ๑๓๑๐๑ ศิลปะ กลุมํ สาระการเรียนรศ๎ู ิลปะ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๓ เวลา 4๐ ช่ัวโมง ศกึ ษาและปฏิบตั ปิ ฏบิ ตั ิเกยี่ วกบั รูปรําง รูปทรงในธรรมชาติ ส่งิ แวดลอ๎ มและงานทัศนศิลป์ วัสดุอปุ กรณท์ ี่ใชใ๎ นงานทัศนศิลปป์ ระเภทวาด งานปั้น งานพมิ พภ์ าพ การจาแนก เสน๎ สี รปู รําง รปู ทรง พ้นื ผวิ ในธรรมชาติ ส่ิงแวดล๎อมและงานทศั นศิลป์ การวาดภาพระบายสสี งิ่ ของรอบตัว ด๎วยสีเทียน ดนิ สอสี และสีโปสเตอร์ การใช๎วัสดุอปุ กรณ์ในงานป้นั การใช๎เสน๎ รปู รําง รปู ทรง สี และพ้ืนผิว การวาดภาพถํายทอดความคิด การแสดงความคดิ เห็นในงานทศั นศลิ ป์ของตนเอง การจดั กลํมุ ของภาพตาม ทัศนธาตุ ลกั ษณะรปู รําง รูปทรงในงานออกแบบ ที่มาของงานทัศนศลิ ปใ์ นทอ๎ งถ่ิน การใช๎วสั ดุ อุปกรณ์ และวธิ กี ารสร๎างงานทัศนศิลป์ในท๎องถ่ิน รูปรํางและลักษณะของเคร่ืองดนตรี เสยี งของเครอื่ งดนตรี สัญลักษณแ์ ทนคุณสมบัติของเสียง สญั ลกั ษณ์แทนรปู แบบจังหวะ บทบาทหน๎าที่ของบทเพลงสาคัญ การขบั ร๎องเดยี่ วและหมูํ การบรรเลงเครือ่ งดนตรีประกอบเพลง การเคลอื่ นไหวตามอารมณ์ของบทเพลง การแสดง ความคิดเห็นเกี่ยวกับเสียงร๎องและเสยี งดนตรี การใชด๎ นตรีในโอกาสพิเศษ เอกลักษณ์ของดนตรีในท๎องถนิ่ ดนตรีกบั การดาเนินชีวติ ในท๎องถิน่ การเคลอ่ื นไหวในรปู แบบตํางๆ หลักและวธิ ีการปฏิบัตนิ าฏศลิ ป์ หลกั ใน การชมการแสดง การบรู ณาการนาฏศิลปก์ ับสาระการเรยี นร๎ูอนื่ ๆ การแสดงนาฏศลิ ป์พ้ืนบ๎านหรอื ท๎องถ่นิ ของ ตน ลกั ษณะและเอกลักษณ์การแสดงนาฏศลิ ป์ ท่ีมาของการแสดงนาฏศิลป์ โดยการฝึกปฏบิ ตั ิ การสืบเสาะหาความรู๎ การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล การคดิ วิเคราะห์และการ อภิปราย เพอ่ื ใหเ๎ กิดทักษะ ความรู๎ ความเข๎าใจ ความคิดรเิ รมิ่ สร๎างสรรค์ สามารถส่ือสารสิง่ ทเี่ รียนร๎ู มี ความสามารถแสดงออกทางศิลปะอยํางสร๎างสรรค์ เหน็ คณุ คาํ ของศิลปะท่เี ปน็ มรดกทางวัฒนธรรม ภูมปิ ญั ญาท๎องถ่นิ ภมู ิปญั ญาไทย มจี นิ ตนาการ ทางศิลปะ มสี ุนทรียภาพ มีความซาบซึง้ ในคุณคาํ ของศลิ ปะและมคี วามเชื่อมนั่ ในตนเอง รหสั ตัวชี้วัด ศ ๑.๑ ป.๓/๑,ป.๓/๒,ป.๓/๓,ป.๓/๔,ป.๓/๕,ป.๓/๖,ป.๓/๗,ป.๓/๘,ป.๓/๙,ป.๓/๑๐ ศ ๑.๒ ป.๓/๑,ป.๓/๒ ศ ๒.๑ ป.๓/๑,ป.๓/๒,ป.๓/๓,ป.๓/๔,ป.๓/๕,ป.๓/๖,ป.๓/๗ ศ ๒.๒ ป.๓/๑,ป.๓/๒ ศ ๓.๑ ป.๓/๑,ป.๓/๒,ป.๓/๓,ป.๓/๔,ป.๓/๕ ศ ๓.๒ ป.๓/๑,ป.๓/๒,ป.๓/๓ รวมทั้งหมด ๒๙ ตัวช้วี ัด หลักสูตรโรงเรียนบา๎ นนางเลิศ (ฉบับปรบั ปรุงพทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๖๘ คาอธบิ ายรายวชิ าพ้ืนฐาน ศ๑๔๑๐๑ ศิลปะ กลุมํ สาระการเรียนร๎ศู ลิ ปะ ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๔ เวลาเรียน 8๐ ชว่ั โมง ศึกษาเกยี่ วกับรปู ราํ ง รูปทรงในธรรมชาติ สงิ่ แวดล๎อมและงานทัศนศลิ ป์ อทิ ธิพลของสวี รรณะอํนุ และสวี รรณะเย็น เสน๎ สี รปู รําง รูปทรง พื้นผิวและพน้ื ท่ีวําง ในธรรมชาติ ส่งิ แวดลอ๎ มและ งานทัศนศลิ ป์ การใชว๎ ัสดุ อุปกรณ์ สร๎างงานพิมพภ์ าพและการวาดภาพระบายสี การใชว๎ ัสดุ การจดั ระยะความลึก น้าหนัก และแสงเงาในการวาดภาพ การใชส๎ ีวรรณะอุนํ และการใชส๎ ีวรรณะเยน็ วาดภาพถํายทอดความรส๎ู ึกและ จนิ ตนาการ ความเหมือนและความแตกตํางในงานทศั นศิลป์ ความคดิ ความรส๎ู ึกที่ถํายทอดในงานทัศนศิลป์ การเลอื กใชว๎ รรณะสีเพ่ือถํายทอดอารมณ์และ งานทศั นศลิ ป์ในวัฒนธรรมทอ๎ งถนิ่ งานทัศนศลิ ปจ์ ากวัฒนธรรม ตํางๆ โครงสร๎างของบทเพลง ประเภทของเครื่องดนตรี เสียงของเครือ่ งดนตรีแตลํ ะประเภท การเคล่อื นทีข่ ้นึ – ลงของทานอง รูปแบบจงั หวะ ของทานองจงั หวะ รปู แบบจงั หวะ ความช๎า-เรว็ ของจังหวะ เคร่ืองหมาย และสัญลักษณท์ างดนตรี โครงสร๎างโนต๎ เพลงไทย การขบั ร๎องเพลงในบันไดเสยี งที่เหมาะสมกบั ตนเอง การใช๎ และการดูแลรักษาเครอื่ งดนตรีของตน ความหมายของเน้ือหาในบทเพลง ความสัมพนั ธ์ของวถิ ชี ีวติ กับผลงาน ดนตรี ความรู๎สกึ การอนุรักษว์ ัฒนธรรมทางดนตรี หลกั และวิธีการปฏบิ ตั ินาฏศิลป์ การใชภ๎ าษาทําและนาฏย ศพั ท์ประกอบเพลงปลกุ ใจและ เพลงพระราชนิพนธ์ การประดษิ ฐท์ ําทางหรอื ทาํ ราประกอบ จังหวะพื้นเมือง การแสดงนาฏศลิ ปป์ ระเภทคูํและหมูํ การเลําเร่ืองส่ิงทีช่ ่ืนชอบในการแสดง ความเป็นมาของนาฏศิลป์ ที่มา ของชดุ การแสดง การชมการแสดง การทาความเคารพกํอนเรยี นและกํอนแสดง ของนาฏศลิ ป์ การรักษาและ การสบื ทอดการแสดงนาฏศลิ ป์ โดยการฝกึ ปฏบิ ตั ิ การสืบเสาะหาความรู๎ การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎น ขอ๎ มูล การคดิ วเิ คราะห์และการอภปิ ราย เพือ่ ใหเ๎ กิดทักษะ ความร๎ู ความเข๎าใจ ความคดิ ริเรม่ิ สร๎างสรรค์ สามารถสือ่ สารสิ่งท่เี รยี นรู๎ มีความสามารถแสดงออกทางศิลปะอยาํ งสร๎างสรรค์ เหน็ คณุ คําของศลิ ปะทเ่ี ป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมปิ ัญญาท๎องถนิ่ ภูมิปัญญาไทย มจี ินตนาการ ทางศิลปะ มสี ุนทรยี ภาพ มีความซาบซึ้งในคณุ คาํ ของศิลปะและมคี วามเชื่อมัน่ ในตนเอง รหัสตัวชี้วดั ศ ๑.๑ ป.๔/๑,ป.๔/๒,ป.๔/๓,ป.๔/๔,ป.๔/๕,ป.๔/๖,ป.๔/๗,ป.๔/๘,ป.๔/๙ ศ ๑.๒ ป.๔/๑,ป.๔/๒ ศ ๒.๑ ป.๔/๑,ป.๔/๒,ป.๔/๓,ป.๔/๔,ป.๔/๕,ป.๔/๖,ป.๔/๗ ศ ๒.๒ ป.๔/๑,ป.๔/๒ ศ ๓.๑ ป.๔/๑,ป.๔/๒,ป.๔/๓,ป.๔/๔,ป.๔/๕ ศ ๓.๒ ป.๔/๑,ป.๔/๒,ป.๔/๓,ป.๔/๔ รวม ๒๙ ตัวชวี้ ดั หลกั สตู รโรงเรียนบ๎านนางเลศิ (ฉบบั ปรบั ปรุงพทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๖๙ คาอธิบายรายวชิ าพื้นฐาน ศ๑๕๑๐๑ ศลิ ปะ กลุํมสาระการเรยี นรศู๎ ิลปะ ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๕ เวลา ๘๐ ชั่วโมง ศกึ ษาเกี่ยวกับจังหวะ ตาแหนงํ ของสงิ่ ตํางๆ ที่ปรากฏในสิ่งแวดล๎อมและงานทัศนศิลป์ ความแตกตํางระหวํางงานทศั นศลิ ปท์ สี่ รา๎ งสรรค์ด๎วยวสั ดุ อปุ กรณ์และวธิ ีการตาํ งกนั การวาดภาพ โดยใช๎ เทคนคิ แสงเงา น้าหนกั และวรรณะสี การสรา๎ งสรรคง์ านป้ันเพอ่ื ถาํ ยทอดจินตนาการดว๎ ยการใช๎ ดินนา้ มันหรือ ดนิ เหนียว การจัดภาพในงานพิมพ์ภาพ การจดั องค์ประกอบศิลปแ์ ละการสือ่ ความหมายในงานทศั นศลิ ป์ ประโยชนแ์ ละคุณคาํ ของงานทัศนศลิ ป์ที่มผี ลตํอชีวิตของคนในสังคม ลักษณะรูปแบบของงานทัศนศิลป์ งาน ทัศนศลิ ป์ท่ีสะท๎อนวัฒนธรรมและภมู ปิ ัญญาในท๎องถิน่ การสื่ออารมณ์ของบทเพลงดว๎ ยองค์ประกอบดนตรี ลกั ษณะของเสียงนกั ร๎องกลุํมตํางๆ ลักษณะเสยี งของวงดนตรี ประเภทตํางๆ เคร่ืองหมายและสัญลักษณ์ทาง ดนตรี การบรรเลงเคร่ืองประกอบจังหวะ การบรรเลงทานองด๎วยเคร่ืองดนตรี การร๎องเพลงไทยในอตั ราสอง ชนั้ การร๎องเพลงสากลหรือไทยสากล การรอ๎ งเพลงประสานเสยี งแบบ Canon Round การสรา๎ งสรรค์ ประโยคเพลงถาม – ตอบ การบรรเลงดนตรปี ระกอบกจิ กรรมนาฏศลิ ป์ การสรา๎ งสรรค์เสยี งประกอบการเลาํ เร่ือง บทเพลงและบทบาทดนตรีในงานประเพณี คุณคําของดนตรีจากแหลงํ วัฒนธรรม องคป์ ระกอบของ นาฏศลิ ป์ การประดษิ ฐท์ ําทางประกอบเพลงหรือทําทางประกอบเร่ืองราว การแสดงนาฏศลิ ป์ องคป์ ระกอบ ของละคร ทีม่ าของการแสดงนาฏศิลป์ชุดตํางๆ หลกั การชมการแสดง การถาํ ยทอดความร๎ูสึกและคุณคําของ การแสดง การแสดงนาฏศิลปป์ ระเภทตํางๆ ของไทยในแตลํ ะทอ๎ งถ่ิน โดยการฝกึ ปฏบิ ัติ การสบื เสาะหา ความร๎ู การสารวจตรวจสอบ การสืบคน๎ ข๎อมลู การคิดวเิ คราะห์และการอภิปราย เพ่ือใหเ๎ กดิ ทักษะ ความร๎ู ความเข๎าใจ ความคดิ ริเริ่มสร๎างสรรค์ สามารถสื่อสารสิง่ ท่ีเรยี นร๎ู มคี วามสามารถแสดงออกทางศลิ ปะอยําง สรา๎ งสรรค์ เห็นคณุ คําของศลิ ปะท่ีเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภมู ิปัญญาท๎องถ่นิ ภูมิปัญญาไทย มีจนิ ตนาการ ทางศลิ ปะ มีสุนทรียภาพ มีความซาบซ้ึงในคุณคาํ ของศลิ ปะและมคี วามเช่ือม่ันในตนเอง รหัสตวั ช้ีวดั ศ ๑.๑ ป.๕/๑,ป.๕/๒,ป.๕/๓,ป.๕/๔,ป.๕/๕,ป.๕/๖,ป.๕/๗ ศ ๑.๒ ป.๕/๑,ป.๕/๒ ศ ๒.๑ ป.๕/๑,ป.๕/๒,ป.๕/๓,ป.๕/๔,ป.๕/๕,ป.๕/๖,ป.๕/๗ ศ ๒.๒ ป.๕/๑,ป.๕/๒ ศ ๓.๑ ป.๕/๑,ป.๕/๒,ป.๕/๓,ป.๕/๔,ป.๕/๕,ป.๕/๖ ศ ๓.๒ ป.๕/๑,ป.๕/๒ รวมทัง้ หมด ๒๖ ตวั ชีว้ ัด หลักสูตรโรงเรียนบา๎ นนางเลิศ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พุทธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๗๐ คาอธบิ ายรายวชิ าพืน้ ฐาน ศ๑๖๑๐๑ ศิลปะ กลํมุ สาระการเรยี นร๎ูศลิ ปะ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๖ เวลา ๘๐ ช่ัวโมง ศกึ ษาเก่ยี วกับวงสธี รรมชาติและสคี ูตํ รงขา๎ ม หลกั การจดั ขนาด สดั สํวน ความสมดลุ ในงาน ทัศนศิลป์ งานทัศนศลิ ป์รปู แบบ ๒ มติ ิ และ ๓ มติ ิ การใชห๎ ลักการเพ่ิมและลดในการสร๎างสรรค์ งานปน้ั รูปและพ้ืนทว่ี ํางในงานทัศนศิลป์ การสรา๎ งสรรค์งานทศั นศิลปโ์ ดยใชส๎ คี ตูํ รงขา๎ ม หลกั การจดั ขนาดสดั สํวนและ ความสมดลุ การสร๎างงานทัศนศลิ ป์เปน็ แผนภาพ แผนผงั และภาพประกอบเพ่ือถํายทอดความคิดหรือเรอ่ื งราว เกยี่ วกับเหตกุ ารณต์ าํ งๆ บทบาทของงานทัศนศลิ ปใ์ นชวี ติ และสังคมอทิ ธิพลของศาสนาท่ีมตี อํ งานทัศนศลิ ป์ใน ทอ๎ งถิ่น อิทธพิ ลทางวัฒนธรรมในท๎องถิ่นที่มผี ลตํอการสรา๎ งงานทศั นศลิ ป์ องคป์ ระกอบดนตรแี ละศัพท์สังคตี เครอื่ งดนตรีไทยแตลํ ะภาค บทบาทหนา๎ ที่ของเคร่ืองดนตรี ประเภทของเคร่ืองดนตรีสากล เคร่ืองหมายและ สัญลกั ษณ์ทางดนตรี โน๎ตบทเพลงไทย อตั ราจงั หวะ ๒ ชนั้ โนต๎ บทเพลงสากลในบนั ไดเสยี ง C MaJor การ รอ๎ งเพลงประกอบดนตรี การสรา๎ งรูปแบบจงั หวะและทานองด๎วยเคร่ืองดนตรี การบรรยายความรส๎ู ึกและ แสดงความคดิ เหน็ ทมี่ ตี ํอบทเพลง ดนตรไี ทยในประวตั ศิ าสตร์ การประดิษฐ์ทําทางประกอบเพลงปลุกใจ หรือ เพลงพน้ื เมอื ง หรือท๎องถน่ิ เนน๎ ลีลาหรืออารมณ์ การออกแบบเครือ่ งแตงํ กายหรอื อปุ กรณ์ประกอบการแสดง การแสดงนาฏศลิ ปแ์ ละการแสดงละคร บทบาทและหน๎าทีใ่ นงานนาฏศิลป์และการละคร หลกั การชมการ แสดง องค์ประกอบทางนาฏศลิ ป์และ การละคร ความหมาย ความเปน็ มา ความสาคัญของนาฏศลิ ป์และ ละคร การแสดงนาฏศลิ ป์และละครในวันสาคัญของโรงเรียน โดยการฝึกปฏิบัติ การสืบเสาะหาความร๎ู การ สารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล การคดิ วิเคราะหแ์ ละการอภปิ ราย เพอื่ ใหเ๎ กดิ ทกั ษะ ความรู๎ ความเข๎าใจ ความคดิ ริเริ่มสรา๎ งสรรค์ สามารถสื่อสารสิง่ ที่เรียนร๎ู มคี วามสามารถแสดงออกทางศิลปะอยาํ งสรา๎ งสรรค์ เหน็ คุณคาํ ของศิลปะทเ่ี ปน็ มรดกทางวัฒนธรรม ภมู ิปัญญาทอ๎ งถิ่น ภูมิปญั ญาไทย มจี ินตนาการ ทางศลิ ปะ มีสุนทรียภาพ มีความซาบซ้ึงในคุณคําของศิลปะและมคี วามเชื่อมน่ั ในตนเอง รหสั ตัวชวี้ ัด ศ ๑.๑ ป.๖/๑,ป.๖/๒,ป.๖/๓,ป.๖/๔,ป.๖/๕,ป.๖/๖,ป.๖/๗ ศ ๑.๒ ป.๖/๑,ป.๖/๒,ป.๖/๓ ศ ๒.๑ ป.๖/๑,ป.๖/๒,ป.๖/๓,ป.๖/๔,ป.๖/๕,ป.๖/๖ ศ ๒.๒ ป.๖/๑,ป.๖/๒,ป.๖/๓ ศ ๓.๑ ป.๖/๑,ป.๖/๒,ป.๖/๓,ป.๖/๔,ป.๖/๕,ป.๖/๖ ศ ๓.๒ ป.๖/๑,ป.๖/๒ รวมท้ังหมด ๒๗ ตวั ช้วี ดั หลักสตู รโรงเรยี นบ๎านนางเลศิ (ฉบบั ปรบั ปรุงพทุ ธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๗๑ คาอธบิ ายรายวิชา กลุ่มสาระการเรียนร้กู ารงานอาชีพ หลักสตู รโรงเรียนบา๎ นนางเลิศ (ฉบับปรบั ปรุงพุทธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๗๒ คาอธิบายรายวิชาพืน้ ฐาน ง๑๑๑๐๑ การงานอาชีพ กลมํุ สาระการเรยี นรู๎การงานอาชีพ ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๑ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง อธบิ ายวิธีการแตํงกายการจดั เก็บสิ่งของเครอื่ งใชบ๎ นโต๏ะ ต๎ู ชนั้ การหยบิ จับและใชข๎ องใช๎ สํวนตัว การแตํงกายด๎วยตนเอง การใช๎อุปกรณ์ในการประกอบอาหาร การใช๎อุปกรณ์ในการดูแลรักษาพืช การใช๎อุปกรณ์วัดระยะและตัดกระดาษ การพับกระดาษเป็นของเลํน บอกข๎อมูลท่ีสนใจและแหลํงข๎อมูลใกล๎ ตวั ฝึกปฏิบัติใช๎วัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาหาร ใช๎อุปกรณ์ในการดูแลรักษาพืช ใช๎อุปกรณ์วัดระยะ และตัดกระดาษ พับกระดาษเป็นของเลํน โดยใช๎ทักษะกระบวนการทางานอยํางเป็นขั้นตอน การจัดการ กระบวนการแก๎ปัญหา การทางานรํวมกัน การแสวงหาความร๎ู มีความรู๎ความเข๎าใจในการทางานเพ่ือ ชํวยเหลือตนเอง และร๎จู ักสรา๎ งองค์ความร๎ูด๎วยตนเอง เพือ่ ใหผ๎ เ๎ู รียนเกิดเจตคตทิ ี่ดตี ํอการทางาน มคี วามกระตือรือรน๎ และตรงเวลาในการทางาน ตลอดจน นาความรูไ๎ ปใช๎ในชวี ติ ประจาวันได๎ รหัสตัวช้ีวัด ง ๑.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓ รวมทั้งหมด ๓ ตัวชี้วัด หลกั สตู รโรงเรียนบา๎ นนางเลิศ (ฉบับปรบั ปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๗๓ คาอธบิ ายรายวชิ าพืน้ ฐาน รหสั วชิ า ง๑๒๑๐๑ การงานอาชีพ กลํุมสาระการเรยี นรก๎ู ารงานอาชพี ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๒ เวลา 40 ชว่ั โมง อธิบายบทบาทและหน๎าทีข่ องสมาชกิ ในบ๎าน อธบิ ายวธิ กี ารและประโยชน์ของการกวาดบ๎าน การลา๎ ง จาน การจัดวางเสอื้ ผ๎า การเก็บเสอ้ื ผ๎า การเกบ็ รองเทา๎ การชวํ ยครอบครวั เตรียม และประกอบอาหาร การ เพาะเมลด็ การดแู ลแปลงเพาะกล๎า การทาของเลนํ และประดิษฐข์ องใช๎สํวนตวั ฝกึ ปฏบิ ัติกวาดบา๎ น ล๎างจาน จดั วางเสอ้ื ผา๎ เกบ็ เสือ้ ผ๎า เก็บรองเทา๎ ชวํ ยครอบครัวเตรียมและ ประกอบอาหาร เพาะเมล็ด ดแู ลแปลงเพาะกลา๎ ทาของเลํนและประดษิ ฐ์ของใช๎สวํ นตวั โดยใช๎ทกั ษะกระบวนการ ทางานอยํางเปน็ ขัน้ ตอน การจัดการกระบวนการแกป๎ ัญหา การทางานรวํ มกัน การแสวงหาความรู๎ ใหม๎ ีความร๎คู วามเข๎าใจใน การทางานเพ่อื ชํวยเหลอื ตนเองและครอบครวั เลอื กใช๎วัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือในการทางานอยาํ งเหมาะสม กับงาน ตลอดจนรจ๎ู ักสร๎างองค์ความร๎ูดว๎ ยตนเอง เพือ่ ให๎ผูเ๎ รยี นเกดิ เจตคติทด่ี ีตํอการทางาน มีความประหยัดและปลอดภัยในการทางาน ตลอดจนนา ความรู๎ไปใช๎ในชีวติ ประจาวัน รหสั ตัวชี้วดั ง ๑.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓ รวมท้ังหมด ๓ ตัวชี้วดั หลกั สูตรโรงเรยี นบ๎านนางเลศิ (ฉบับปรบั ปรุงพทุ ธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๗๔ คาอธบิ ายรายวิชาพน้ื ฐาน รหสั วชิ า ง๑๓๑๐๑ การงานอาชพี กลุมํ สาระการเรียนรูก๎ ารงานอาชีพ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๓ เวลา 40 ชว่ั โมง อธบิ ายวิธกี ารและประโยชน์ของการจัดเตรยี มอุปกรณ์การเรียน การทาความสะอาดกระเป๋านกั เรยี น การทาความสะอาดรองเท๎า การปดั กวาด เช็ด ถู บ๎านเรอื น การกรอกน๎ำใสํขวด การทาความ สะอาดห๎องเรยี น การเลือกใช๎เสือ้ ผ๎า การซํอมแซมเสื้อผ๎าด๎วยการเนา การประกอบอาหาร การเกบ็ รักษา อาหาร การปลกู ผักสวนครวั ในภาชนะ การบารุงรักษาของเลนํ และซํอมแซมของใชส๎ ํวนตัว การประดิษฐ์ ของใชใ๎ นโอกาสตาํ ง ๆ โดยใช๎วัสดุในทอ๎ งถิ่น การเลอื กใชส๎ ิ่งของเคร่ืองใช๎ในชีวติ ประจาวันอยํางสร๎างสรรค์ การจัดการสงิ่ ของเครอื่ งใช๎ดว๎ ยการนากลบั มาใชซ๎ ้า การค๎นหาขอ๎ มูลอยาํ งมีขัน้ ตอนและนาเสนอข๎อมูลลักษณะ ตําง ๆ รวมทั้งบอกวธิ ีดูแลรกั ษาอปุ กรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศ ฝึกปฏบิ ตั ิทาความสะอาดกระเป๋านักเรียน ทาความสะอาดรองเทา๎ ปดั กวาด เช็ด ถู บ๎านเรอื น กรอก นำ๎ ใสํขวด ทาความสะอาดห๎องเรยี น เลือกใช๎เสื้อผ๎า ซํอมแซมเสื้อผา๎ ดว๎ ยการเนา ประกอบอาหาร เก็บรกั ษา อาหาร ปลกู ผักสวนครวั ในภาชนะ บารุงรกั ษาของเลํนและซํอมแซมของใช๎สํวนตัว ประดิษฐ์ของใช๎ในโอกาส ตําง ๆ โดยใชว๎ ัสดุในทอ๎ งถ่ิน เลอื กใช๎สงิ่ ของเครอ่ื งใช๎ในชวี ติ ประจาวนั อยาํ งสรา๎ งสรรค์ จัดการส่ิงของเครื่องใช๎ ดว๎ ยการนากลับมาใชซ๎ ้า เพอ่ื ใหผ๎ ๎ูเรียนเกิดเจตคตทิ ่ีดตี ํอการทางาน มคี วามสะอาด รอบคอบ และอนุรักษ์สิ่งแวดล๎อมในการ ทางาน ตลอดจนนาความรไู๎ ปใชใ๎ นชีวติ ประจาวนั ได๎ รหสั ตัวช้ีวัด ง ๑.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓ รวมทั้งหมด ๓ ตัวชี้วดั หลกั สูตรโรงเรียนบ๎านนางเลิศ (ฉบับปรับปรุงพทุ ธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๗๕ คาอธบิ ายรายวิชาพนื้ ฐาน รหัสวชิ า ง๑๔๑๐๑ การงานอาชีพ กลํมุ สาระการเรียนรูก๎ ารงานอาชพี ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ เวลา ๔๐ ช่วั โมง อธิบายเหตุผลในการดูแลรักษาของใช๎สํวนตัว การจัดโต๏ะเขียนหนังสือ การจัดกระเป๋านักเรียน การจัดต๎ูเสื้อผ๎า การขจัดรอยเปื้อนบนเสื้อผ๎า การซํอมแซมเสื้อผ๎าด๎วยการด๎น การประกอบอาหารและ เคร่ืองด่ืม การซํอมแซมอุปกรณ์ เครื่องมือและเครื่องใช๎ การประดิษฐ์ของใช๎ ของตกแตํงจากใบตองและ กระดาษ การจัดเกบ็ เอกสารสวํ นตวั การปลกู ไมด๎ อกไม๎ประดบั อธิบายความหมายและความสาคญั ของอาชีพ ฝึกปฏิบัติดูแลรักษาของใช๎สํวนตัว จัดโต๏ะเขียนหนังสือ จัดกระเป๋านักเรียน จัดต๎ูเส้ือผ๎า ขจัดรอย เปือ้ นบนเสอ้ื ผ๎า ซํอมแซมเสอ้ื ผ๎าด๎วยการด๎น ประกอบอาหารและเครื่องด่ืม ซํอมแซมอุปกรณ์ เคร่ืองมือและ เคร่ืองใช๎ ประดิษฐข์ องใช๎ ของตกแตงํ จากใบตองและกระดาษ จัดเก็บเอกสารสํวนตัว ปลูกไม๎ดอกไม๎ประดับ โดยใชท๎ ักษะกระบวนการทางานอยํางเปน็ ขนั้ ตอน การจัดการกระบวนการแก๎ปัญหา การทางานรํวมกัน และ การแสวงหาความร๎ู มคี วามร๎ูความเข๎าใจในการทางาน และรู๎จกั สร๎างองค์ความรด๎ู ว๎ ยตนเอง เพ่ือให๎ผ๎ูเรียนเกิดเจตคติที่ดีตํอการทางาน มีมารยาท ขยัน อดทน รับผิดชอบ และซื่อสัตย์ในการ ทางาน รู๎จักใช๎พลังงานและทรัพยากรในการทางานอยํางประหยัดและค๎ุมคํา ตลอดจนนาความรู๎ไปใช๎ใน ชวี ิตประจาวนั ได๎ รหัสตัวช้ีวัด ง ๑.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔ ง ๔.๑ ป๔/๑ รวมทั้งหมด ๕ ตวั ชี้วัด หลกั สตู รโรงเรียนบ๎านนางเลศิ (ฉบับปรบั ปรงุ พุทธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๗๖ คาอธิบายรายวิชาพ้ืนฐาน รหสั วชิ า ง๑๕๑๐๑ การงานอาชีพ กลมํุ สาระการเรียนรกู๎ ารงานอาชีพ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๕ เวลา ๔๐ ชัว่ โมง อธิบายเหตุผลในการจัดห๎องครัว การจัดต๎ูอาหาร การจัดโต๏ะอาหาร การจัดตู๎เย็น การทาความ สะอาดหอ๎ งนา๎ และหอ๎ งสว๎ ม การซักเส้ือผ๎า การตากเส้ือผา๎ การเก็บเสื้อผ๎า การพับเสื้อผ๎า การรีดเสื้อผ๎า การ ซํอมแซมเสือ้ ผ๎าด๎วยการสอย การเยบ็ เคร่ืองเกาะเก่ียว การเลือกซ้ืออาหาร และเคร่ืองดื่ม การปลูกพืชในแปลง การซํอมแซมอุปกรณ์ของใช๎ในบ๎าน การทาบัญชีครัวเรือน การจัดเก็บเอกสารสาคัญ การดูแลรักษาและใช๎ สมบัติสํวนตัว สมาชิกในครอบครัวและสํวนรวม การประดิษฐ์ของใช๎ ของตกแตํงจากวัสดุเหลือใช๎ที่มีอยํูใน ท๎องถน่ิ ฝึกปฏิบัติจัดห๎องครัว จัดตู๎อาหาร จัดโต๏ะอาหาร จัดต๎ูเย็น ทาความสะอาดห๎องน้าและห๎องส๎วม ซักเส้ือผ๎า ตากเสื้อผ๎า เก็บเส้ือผ๎า พับเส้ือผ๎า รีดเสื้อผ๎า ซํอมแซมเส้ือผ๎าด๎วยการสอยเย็บเครื่องเกาะเก่ียว เลือกซื้ออาหารและเคร่ืองดื่ม ปลูกพืชในแปลง ซํอมแซมอุปกรณ์ของใช๎ในบ๎าน ทาบัญชีครัวเรือน จัดเก็บ เอกสารสาคัญ ดูแลรักษาและใช๎สมบัติสํวนตัว สมาชิกในครอบครัว และสํวนรวม ประดิษฐ์ของใช๎ ของ ตกแตํงจากวัสดุเหลือใช๎ท่ีมีอยํูในท๎องถิ่น สำรวจข๎อมูลเกี่ยวกับอาชีพตําง ๆ ในชุมชน และระบุความแตกตําง ของอาชีพโดยใช๎ทักษะกระบวนการทางานอยํางเป็นข้ันตอน การจัดการกระบวนการแก๎ปัญหาการทางาน รํวมกัน การแสวงหาความรู๎ เพื่อให๎มคี วามรูค๎ วามเขา๎ ใจในการทางาน และรจ๎ู กั สรา๎ งองค์ความรู๎ด๎วยตนเอง เกิดเจตคติ ท่ีดีตํอการ ทางาน มีมารยาทในการทางานกับสมาชิกในครอบครัว มีความประณีตในการทางาน มีจิตสานึกในการใช๎ พลังงานและทรพั ยากรในการทางานอยาํ งประหยัดและคุ๎มคาํ ตลอดจนนาความรู๎ไปใชใ๎ นชวี ติ ประจาวนั ได๎ รหัสตัวช้ีวดั ง ๑.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔ ง ๔.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒ รวมทั้งหมด ๖ ตัวช้ีวัด หลักสูตรโรงเรยี นบ๎านนางเลศิ (ฉบบั ปรับปรุงพุทธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๗๗ คาอธิบายรายวิชาพ้ืนฐาน รหัสวชิ า ง๑๖๑๐๑ การงานอาชพี กลุมํ สาระการเรยี นรูก๎ ารงานอาชพี ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๖ เวลา ๔๐ ช่วั โมง อภิปรายแนวทางในการดูแลรักษาสมบัติภายในบ๎าน การซํอมแซมเส้ือผ๎าด๎วยการปะ และการชุน การจัดอาหารให๎สมาชิกในครอบครัว การเตรียมประกอบอาหารและเคร่ืองดื่มให๎สมาชิกในครอบครัว การ เลยี้ งปลาสวยงาม การติดตั้ง ประกอบของใช๎ในบ๎าน การสร๎างของใช๎ของตกแตํงให๎สมาชิกในครอบครัวหรือ เพื่อนในโอกาสตําง ๆ โดยใช๎แผนท่ีความคิดและทักษะการสร๎างชิ้นงาน การวางแผนในการเลือกอาชีพ การ ระบุความร๎ูความสามารถ และคณุ ธรรมทส่ี มั พันธก์ บั อาชีพทีส่ นใจ ฝึกปฏิบัติดูแลรักษาสมบัติภายในบ๎าน ซํอมแซมเสื้อผ๎าด๎วยการปะและการชุน จัดอาหาร ให๎สมาชิก ในครอบครวั เตรียมประกอบอาหารและเครื่องดม่ื ใหส๎ มาชกิ ในครอบครวั เลี้ยงปลาสวยงาม ติดตั้ง ประกอบ ของใช๎ในบา๎ น สรา๎ งของใช๎ ของตกแตงํ ให๎สมาชิกในครอบครัวหรือเพือ่ น ในโอกาสตาํ ง ๆ โดยใช๎แผนท่ีความคิด และทักษะการสร๎างช้ินงาน โดยใช๎ทักษะกระบวนการทางานอยํางเป็นข้ันตอนการจัดการ กระบวนการ แก๎ปัญหา การทางานรํวมกันและการแสวงหาความรู๎ วางแผนในการเลือกอาชีพ ระบุความร๎ูความสามารถ และคณุ ธรรมทีส่ มั พนั ธก์ ับอาชพี ทส่ี นใจ เพ่ือให๎ผู๎เรียนเกิดเจตคติท่ีดีตํอการทางาน มีมารยาทในการทางานกับครอบครัวและผู๎อื่น มีคุณธรรม ในการประกอบอาชพี ตลอดจนนาความร๎ูไปใช๎ในชวี ติ ประจาวนั ได๎ รหัสตวั ช้ีวัด ง ๑.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓ ง ๔.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒ รวมทั้งหมด ๕ ตัวชี้วดั หลกั สตู รโรงเรียนบา๎ นนางเลศิ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พุทธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๗๘ คาอธบิ ายรายวชิ า กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ หลกั สตู รโรงเรยี นบา๎ นนางเลิศ (ฉบับปรับปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๗๙ อ๑๑๑๐๑ ภาษาองั กฤษ คาอธิบายรายวิชาพ้ืนฐาน ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๑ กลุํมสาระการเรยี นรู๎ภาษาตาํ งประเทศ เวลา 20๐ ชัว่ โมง ศึกษาและปฏิบัติตามคาส่ังท่ีใช๎ในห๎องเรียน การอํานตัวอักษร (Letter names) เสียงตัวอักษรและ สระ (Letter sounds) และการสะกดคา หลักการออกเสียงคา การออกเสียงเน๎นหนัก – เบา และการออก เสยี งตามระดบั เสยี ง – ต่า (intonation) ในประโยค ความหมายของคา กลุํมคา เก่ียวกับตนเอง ครอบครัว โรงเรียน ส่ิงแวดล๎อมใกล๎ตัว อาหาร เครื่องด่ืม และนันทนาการภายในวงคาศัพท์ประมาณ ๑๕๐ – ๒๐๐ คา (คาศัพท์ที่เป็นรูปธรรม) การตอบคาถามจากบทอํานเก่ียวกับเร่ืองใกล๎ตัวหรือนิทานท่ีมีภาพประกอบ พูด สนทนาที่ใช๎ในการทักทาย กลําวลา ขอบคุณ ขอโทษ และประโยค/ข๎อความ ที่ใช๎แนะนาตนเอง การ ปฏิบัติตามคาส่ังที่ใช๎ในห๎องเรียน การใช๎คาศัพท์ที่บอกความต๎องการ การใช๎คาศัพท์ สานวนภาษาและ ประโยคท่ีใช๎ขอและให๎ข๎อมูลเก่ียวกับตนเอง การใช๎คาและประโยคในการพูดให๎ข๎อมูลเก่ียวกับตนเอง บุคคล ใกล๎ตัวและเรื่องใกล๎ตัว การพูดและทาทําประกอบตามวัฒนธรรมของเจ๎าของภาษา การใช๎คาศัพท์เกี่ยวกับ เทศกาลสาคัญของเจ๎าของภาษา การเข๎ารํวมกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมท่ีเหมาะสมกับวัย การใช๎ ตวั อักษรและเสยี งตวั อกั ษรของภาษาตํางประเทศและภาษาไทย การใช๎คาศัพท์ที่เก่ียวกับกลํุมสาระการเรียนร๎ู อื่น การใช๎ภาษาในการฟัง/พูดในสถานการณ์งํายๆ ที่เกิดขึ้นในห๎องเรียน การใช๎ภาษาตํางประเทศในการ รวบรวมคาศัพท์ที่เก่ียวข๎องใกล๎ตัวจากส่ือตํางๆ โดยใช๎กระบวนการฟัง พูด อําน เขียน แลกเปล่ียนข๎อมูล ขาํ วสาร แสดงความรูส๎ กึ และ ความคิดเห็น ตีความ นาเสนอข๎อมูล ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นใน เรื่องตํางๆ และสร๎างความสัมพันธ์ระหวํางบุคคลอยํางเหมาะสม เพื่อให๎เกิดความรู๎ ความเข๎าใจ ความคิด สามารถส่ือสารส่งิ ที่เรียนร๎ู มีความสามารถในการคดิ และการแกป๎ ัญหา เห็นคุณคําของการนาความร๎ูไปใช๎ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน มีเจตคติท่ีดีตํอภาษาตํางประเทศ ใช๎ภาษาตํางประเทศเพ่ือการส่ือสารได๎ ใฝุเรียนรู๎ มํุงม่ันในการทางาน เข๎าใจเร่ืองราวและวัฒนธรรมอัน หลากหลายของประชาคมโลกและสามารถถํายทอดความคิดและวัฒนธรรมไทยไปยังสังคมโลกได๎อยําง สร๎างสรรค์ รหสั ตวั ชวี้ ัด ต ๑.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓, ป.๑/๔, ต ๑.๒ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓, ป.๑/๔ ต ๑.๓ ป.๑/๑, ต ๒.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓ ต ๒.๒ ป.๑/๑ ต ๓.๑ ป.๑/๑ ต ๔.๑ ป.๑/๑ ต ๔.๒ ป.๑/๑ รวมทัง้ หมด ๑๖ ตัวชว้ี ดั หลกั สตู รโรงเรยี นบ๎านนางเลิศ (ฉบับปรบั ปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๘๐ คาอธบิ ายรายวชิ าพืน้ ฐาน อ๑๒๑๐๑ ภาษาอังกฤษ กลุํมสาระการเรยี นรูภ๎ าษาตํางประเทศ ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๒ เวลา 20๐ ชัว่ โมง ศึกษาและปฏิบัติ ตามคาส่ังและคาขอร๎องท่ีใช๎ในห๎องเรียน การอํานตัวอักษร (Letter names) เสียงตัวอักษรและสระ (Letter sounds) การสะกดคาและประโยค ความหมายของคา กลุํมคา ประโยค เดย่ี ว (simple sentence) เกี่ยวกับตนเอง ครอบครัว โรงเรียน ส่ิงแวดล๎อมใกล๎ตัว อาหาร เคร่ืองดื่มและ นันทนาการ เป็นวงคาศัพท์สะสมประมาณ ๒๕๐ – ๓๐๐ คา (คาศัพท์ที่เป็นรูปธรรม) การตอบคาถามจาก การฟังประโยค บทสนทนาหรือนิทานท่ีมีภาพประกอบ การพูดบทสนทนาที่ใช๎ในการทักทาย กลําวลา ขอบคณุ ขอโทษและประโยค/ขอ๎ ความทใ่ี ช๎แนะนาตนเอง การใช๎คาสั่งและคาขอร๎องที่ใช๎ ในห๎องเรียน การใช๎ คาศัพท์ สานวนภาษา และประโยคท่ีใช๎บอกความต๎องการ การพูดและใช๎คาศัพท์ สานวนภาษา และ ประโยคที่ใช๎ขอและให๎ข๎อมูลเกี่ยวกับตนเอง การใช๎คาและประโยคที่ใช๎ในการพูด ให๎ข๎อมูล เกี่ยวกับตนเอง บุคคลใกล๎ตัวและเร่ืองใกล๎ตัว การพูดและทาทําประกอบตามวัฒนธรรมของเจ๎าของภาษา การใช๎คาศัพท์ เกยี่ วกบั เทศกาลสาคญั ของเจ๎าของ การเข๎ารํวมกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรม การระบุตัวอักษรและเสียง ตัวอักษรของภาษาตํางประเทศและภาษาไทย การใช๎คาศัพท์ ที่เก่ียวข๎องกับกลํุมสาระการเรียนรู๎อื่น การใช๎ ภาษาในการฟัง/พูดในสถานการณ์งํายๆ ที่เกิดขึ้นในห๎องเรียน การใช๎ภาษาตํางประเทศ ในการรวบรวม คาศพั ทท์ ่ีเกี่ยวขอ๎ งใกล๎ตวั จากสอ่ื ตํางๆ โดยใช๎กระบวนการฟัง พูด อําน เขียน แลกเปลี่ยนข๎อมูล ขําวสาร แสดงความรูส๎ กึ และ ความคดิ เหน็ ตคี วาม นาเสนอขอ๎ มูล ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องตํางๆ และสร๎างความสัมพันธ์ระหวํางบุคคลอยํางเหมาะสม เพื่อให๎เกิดความร๎ู ความเข๎าใจ ความคิด สามารถ สอ่ื สารสิ่งทีเ่ รียนร๎ู มีความสามารถในการคดิ และการแกป๎ ญั หา เห็นคุณคําของการนาความร๎ูไปใช๎ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน มีเจตคติท่ีดีตํอภาษาตํางประเทศใช๎ ภาษาตํางประเทศเพื่อการสื่อสารได๎ ใฝุเรียนร๎ู มุํงมั่นในการทางาน เข๎าใจเรื่องราวและวัฒนธรรมอัน หลากหลายของประชาคมโลกและสามารถถํายทอดความคิดและวัฒนธรรมไทยไปยังสังคมโลกได๎อยําง สร๎างสรรค์ รหสั ตัวชีว้ ดั ต ๑.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔ ต ๑.๒ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔, ต ๑.๓ ป.๒/๑ ต ๒.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓ ต ๒.๒ ป.๒/๑ ต ๓.๑ ป.๒/๑ ต ๔.๑ ป.๒/๑ ต ๔.๒ ป.๒/๑ รวม ทัง้ หมด ๑๖ ตัวชว้ี ัด หลกั สูตรโรงเรียนบ๎านนางเลิศ (ฉบับปรับปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๘๑ อ๑๓๑๐๑ ภาษาอังกฤษ คาอธิบายรายวชิ าพ้นื ฐาน ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๓ กลํุมสาระการเรียนรูภ๎ าษาตาํ งประเทศ เวลา 20๐ ชว่ั โมง ศึกษาและปฏิบัติตามคาสั่งและคาขอร๎องท่ีใช๎ในห๎องเรียน การอํานออกเสียง คา กลุํมคาประโยค เด่ียว และบทพูดเข๎าจังหวะและการสะกดคา การใช๎พจนานุกรม หลักการอํานออกเสียง พยัญชนะ คา การ เน๎นเสยี ง และการออกเสยี งตามระดบั เสยี งสงู – ตา่ ในประโยค การใช๎กลํุมคา ประโยคเดี่ยว เก่ียวกับตนเอง ครองครัว โรงเรียน ส่ิงแวดล๎อมใกล๎ตัว อาหาร เครื่องด่ืม และนันทนาการเป็นวงคาศัพท์สะสมประมาณ ๓๕๐ – ๔๕๐ คา (คาศัพท์ท่ีเป็นรูปธรรม) การตอบคาถามจากการฟังหรืออํานประโยค บทสนทนา หรือ นิทานที่มีภาพประกอบ การพูดบทสนทนาท่ีใช๎ในการทักทาย กลําวลา ขอบคุณ ขอโทษ และประโยค/ ข๎อความท่ีใช๎แนะนาตนเอง การใช๎คาสั่งและคาขอร๎องที่ใช๎ในห๎องเรียน การใช๎คาศัพท์ สานวนภาษา และ ประโยคทใ่ี ช๎บอกความตอ๎ งการ การใช๎คาศัพท์ สานวนภาษา และประโยคที่ใช๎ขอและให๎ข๎อมูลเก่ียวกับตนเอง และเพ่ือน การใช๎คาและประโยคท่ีใช๎แสดงความรู๎สึก การใช๎คาและประโยคที่ใช๎ในการพูดให๎ข๎อมูลเกี่ยวกับ ตนเอง บุคคลใกล๎ตัวและเรื่องใกล๎ตัว การใช๎คา กลุํมคา ที่มีความหมายสัมพันธ์ของส่ิงตํางๆ ใกล๎ตัว การใช๎ ประโยคในการพดู แสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกับเรอื่ งตํางๆ ใกลต๎ วั การพูดและทาทําประกอบตามมารยาทสังคม/ วัฒนธรรมของเจ๎าของภาษา การใช๎คาศัพท์เก่ียวกับเทศกาล/วันสาคัญ/งานฉลองและชีวิตความเป็นอยํูของ เจา๎ ของภาษา การเข๎ารวํ มกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมท่ีเหมาะสมกับวัย การใช๎คาศัพท์เก่ียวข๎องกับกลุํม สาระการเรียนร๎ูอื่น การใช๎ภาษาในการฟัง/พูดในสถานการณ์งํายๆ ท่ีเกิดขึ้นในห๎องเรียน การใช๎ ภาษาตํางประเทศในการรวบรวมคาศัพท์ท่ีเกี่ยวข๎องใกล๎ตัวจากสื่อตํางๆ โดยใช๎กระบวนการฟัง พูด อําน เขยี น แลกเปลี่ยนขอ๎ มลู ขําวสาร แสดงความร๎สู กึ และ ความคิดเห็น ตีความ นาเสนอข๎อมูล ความคิดรวบ ยอด และความคิดเห็นในเร่ืองตํางๆ และสร๎างความสัมพันธ์ระหวํางบุคคลอยํางเหมาะสม เพ่ือให๎เกิดความรู๎ ความเขา๎ ใจ ความคิด สามารถสอ่ื สารสง่ิ ที่เรียนร๎ู มีความสามารถในการคดิ และการแกป๎ ัญหา เห็นคุณคําของการนาความร๎ูไปใช๎ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน มีเจตคติที่ดีตํอภาษาตํางประเทศใช๎ ภาษาตํางประเทศเพ่ือการส่ือสารได๎ ใฝุเรียนรู๎ มุํงม่ันในการทางาน เข๎าใจเรื่องราวและวัฒนธรรมอัน หลากหลายของประชาคมโลกและสามารถถํายทอดความคิดและวัฒนธรรมไทยไปยังสังคมโลกได๎อยําง สร๎างสรรค์ รหัสตัวชวี้ ัด ต ๑.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔ ต ๑.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔, ป.๓/๕ ต ๑.๓ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ต ๒.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓ ต ๒.๒ ป.๓/๑ ต ๓.๑ ป.๓/๑ ต ๔.๑ ป.๓/๑ ต ๔.๒ ป.๓/๑ รวม ๑๘ ตวั ช้ีวดั หลักสตู รโรงเรยี นบา๎ นนางเลศิ (ฉบบั ปรับปรุงพุทธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๘๒ อ๑๓๑๐๑ ภาษาอังกฤษ คาอธบิ ายรายวิชาพื้นฐาน ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๔ กลมุํ สาระการเรียนรภู๎ าษาตํางประเทศ เวลา ๘๐ ช่วั โมง ศึกษาและปฏิบัติตามคาส่ังและคาขอร๎องท่ีใช๎ในห๎องเรียน และคาแนะนาในการเลํมเกม การวาด ภาพ หรอื การทาอาหารและเครอื่ งด่มื การอาํ นออกเสยี งคา กลํมุ คา ประโยค ข๎อความ บทพูดเข๎าจังหวะและ การสะกดคา การใช๎พจนานุกรม หลักการอํานออกเสียงพยัญชนะต๎นคาและท๎ายคา การออกเสียงเน๎นหนัก การออกเสียงตามระดับเสียงสูง – ต่า ในประโยค การใช๎กลุํมคา ประโยคเดี่ยว สัญลักษณ์ เครื่องหมาย ตรง ความหมายเกี่ยวกับตนเอง ครอบครัว โรงเรียน ส่ิงแวดล๎อม อาหาร เครื่องด่ืม เวลาวําง และนันทนาการ สุขภาพและสวัสดิการ การซื้อ - ขาย และลมฟูาอากาศ และเป็นวงคาศัพท์สะสมประมาณ ๕๕๐ - ๗๐๐ คา (คาศพั ทท์ เี่ ป็นรูปธรรมและนามธรรม) การตอบคาถามจากการฟังและการอํานประโยค บทสนทนา และ นิทานงาํ ยๆ การพูด/เขยี นบทสนทนาที่ใชใ๎ นการทักทาย กลําวลา ขอบคุณ ขอโทษ การพูดแทรกอยํางสุภาพ ประโยค/ข๎อความท่ีใช๎แนะนาตนเอง เพ่ือนและบุคคลใกล๎ตัว และสานวนการตอบรับ การใช๎คาสั่ง คาขอร๎อง และคาขออนญุ าตทีใ่ ชใ๎ นห๎องเรียน การพูด/เขียนคาศัพท์ สานวนภาษา และประโยคที่ใช๎แสดงความต๎องการ และขอความชํวยเหลือในสถานการณ์ตํางๆ การขอและให๎ข๎อมูลเก่ียวกับตนเองส่ิงใกล๎ตัว เพื่อน ครอบครัว และ การแสดงความร๎ูสึก การพูด/เขียนประโยคและข๎อความท่ีใช๎ในการพูดให๎ข๎อมูลเกี่ยวกับตนเอง บุคคล สัตว์และเร่ืองใกล๎ตัว การใช๎เคร่ืองหมายวรรคตอน การพูด/วาดภาพสัมพันธ์คา กลุํมคา ท่ีมีความหมาย สัมพันธ์กับสิ่งตํางๆ ใกล๎ตัว การพูดแสดงความคิดเห็นงํายๆ เก่ียวกับเร่ืองตํางๆ ใกล๎ตัว การพูดและทาทํา ประกอบอยํางสุภาพตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ๎าของภาษา การใช๎คาศัพท์เก่ียวกับเทศกาล/วัน สาคัญ/งานฉลอง และชีวิตความเป็นอยูํของเจ๎าของภาษา การเข๎ารํวมกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมที่ เหมาะสมกับวัย ความแตกตํางของเสียงตัวอักษร คา กลุํมคา และประโยคของภาษาตํางประเทศและ ภาษาไทย ความเหมือน/ความแตกตํางระหวํางเทศกาลและงานฉลองตามวัฒนธรรมของเจ๎าของภาษากับของ ไทย การคน๎ ควา๎ การรวบรวม และการนาเสนอคาศพั ทท์ เ่ี กี่ยวขอ๎ งกบั กลุมํ สาระการเรียนร๎ูอ่ืน การใช๎ภาษาใน การฟังและพูด/อํานในสถานการณ์ท่ีเกิดขึน้ ในห๎องเรียนและสถานศึกษา การใช๎ภาษาตํางประเทศในการสืบค๎น และการรวบรวมคาศัพทท์ ่ีเกี่ยวขอ๎ งใกลต๎ วั จากสอื่ และแหลํงการเรยี นรู๎ตํางๆ โดยใช๎กระบวนการฟัง พูด อําน เขียน แลกเปลีย่ นข๎อมลู ขําวสาร แสดงความร๎ูสึกและ ความคดิ เห็น ตีความ นาเสนอข๎อมูล ความคิดรวบ ยอด และความคิดเห็นในเรื่องตํางๆ และสร๎างความสัมพันธ์ระหวํางบุคคลอยํางเหมาะสม เพ่ือให๎เกิดความร๎ู ความเข๎าใจ ความคิด สามารถสอื่ สารสิ่งทเ่ี รียนร๎ู มคี วามสามารถในการคดิ และการแก๎ปัญหา เห็นคุณคําของการนาความร๎ูไปใช๎ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน มีเจตคติที่ดีตํอภาษาตํางประเทศใช๎ ภาษาตํางประเทศเพื่อการสื่อสารได๎ ใฝุเรียนร๎ู มุํงม่ันในการทางาน เข๎าใจเร่ืองราวและวัฒนธรรมอัน หลากหลายของประชาคมโลกและสามารถถํายทอดความคิดและวัฒนธรรมไทยไปยังสังคมโลกได๎อยําง สรา๎ งสรรค์ รหัสตัวชวี้ ดั ต ๑.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔ ต ๑.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕ ต ๑.๓ ป.๔/๑, ป.๔/๒ ต ๒.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓ ต ๒.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒ ต ๓.๑ ป.๔/๑ ต ๔.๑ ป.๓/๑ ต ๔.๒ ป.๔/๑ รวมท้งั หมด ๑๙ ตวั ช้ีวัด หลักสูตรโรงเรียนบา๎ นนางเลิศ (ฉบบั ปรับปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๘๓ อ๑๕๑๐๑ ภาษาอังกฤษ คาอธิบายรายวิชาพ้นื ฐาน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ กลํุมสาระการเรียนร๎ูภาษาตํางประเทศ เวลา ๘๐ ช่วั โมง ศึกษาและปฏิบัติตามคาส่ังและคาขอร๎องท่ีใช๎ในห๎องเรียน ภาษาทําทาง และคาแนะนาในการเลํม เกม การวาดภาพ หรือการทาอาหารและเครื่องด่ืม การอํานออกเสียงประโยค ข๎อความ และบทกลอน การใช๎พจนานุกรม หลักการอํานออกเสียงคา กลุํมคา ประโยค การออกเสียงบทกลอนตามจังหว ะ การ ระบุ/วาดภาพ กลุํมคา ประโยคผสม ข๎อความสัญลักษณ์ เคร่ืองหมายและความหมายเก่ียวกับตนเอง ครอบครัว โรงเรียน สิ่งแวดล๎อมใกล๎ตัว อาหาร เครื่องดื่ม เวลาวํางและนันทนาการ สุขภาพและสวัสดิการ การซือ้ - ขาย และลมฟูาอากาศ ภายในวงคาศัพท์สะสมประมาณ ๗๕๐ – ๙๕๐ คา (คาศัพท์ท่ีเป็นรูปธรรม และนามธรรม) การบอกใจความสาคัญและตอบคาถามจากประโยค บทสนทนา นิทาน หรือเรื่องสั้นๆ การ พูด/เขียนบทสนทนาที่ใช๎ในการทักทาย กลําวลา ขอบคุณ ขอโทษ ชมเชย การพูดแทรกอยํางสุภาพ ประโยค/ข๎อความท่ีใช๎ในการแนะนาตนเอง เพื่อน และบุคคลใกล๎ตัวและสานวนการตอบรับ การใช๎คาส่ัง คา ขอรอ๎ ง คาขออนญุ าต คาแนะนาท่ีมี ๑ – ๒ ข้นั ตอน การพูด/เขียนคาศัพท์ สานวนภาษา และประโยคท่ีใช๎ บอกความต๎องการ การขอความชํวยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธ การให๎ความชํวยเหลือ การขอและให๎ข๎อมูล เก่ียวกบั ตนเองและเรื่องใกล๎ตัว การแสดงความร๎ูสึกและการให๎เหตุผล การพูด/เขียนประโยคและข๎อความท่ีใช๎ ในการให๎ข๎อมูลเกี่ยวกับบุคคล สัตว์ สถานที่ และกิจกรรมตํางๆ เคร่ืองหมายวรรคตอน การเขียนคา กลํุมคา ประโยค ภาพ แผนผังและแผนภูมิแสดงข๎อมูลตํางๆ ตามท่ีฟังหรืออําน การใช๎ประโยคพูดแสดง ความคิดเห็นเก่ียวกับกิจกรรมหรือเรื่องตํางๆ ใกล๎ตัว การใช๎ถ๎อยคา น้าเสียง และกิริยาทําทางตามมารยาท สังคมและวัฒนธรรมของเจ๎าของภาษา การให๎ข๎อมูลและบอกความสาคัญของเทศกาล/วันสาคัญ/งานฉลอง และชีวิตความเป็นอยํูของเจ๎าของภาษา การเข๎ารํวมกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมตามความสนใจ ความ เหมือน/ความแตกตํางระหวํางการออกเสียงประโยคชนิดตํางๆ ของเจ๎าของภาษากับของไทย การใช๎ เครื่องหมายวรรคตอน การลาดับคาตามโครงสร๎างของประโยคของภาษาตํางประเทศและภาษาไทย ความ เหมือน/ความแตกตํางระหวํางเทศกาลและงานฉลองของเจ๎าของภาษากับของไทยการค๎นคว๎า การรวบรวม และการนาเสนอคาศัพทท์ ่ีเกี่ยวขอ๎ งกบั กลมํุ สาระการเรียนร๎ูอ่ืน การใช๎ภาษาในการฟัง พูด และอําน/เขียนใน สถานการณ์ตํางๆ ที่เกิดข้ึนในห๎องเรียนและสถานศึกษา การใช๎ภาษาตํางประเทศในการสืบค๎นและการ รวบรวมคาศัพท์ท่ีเกี่ยวข๎องใกล๎ตัวจากสื่อและแหลํงการเรียนร๎ูตํางๆ โดยใช๎กระบวนการฟัง พูด อําน เขียน แลกเปล่ียนข๎อมูล ขําวสาร แสดงความร๎ูสึกและ ความคิดเห็น ตีความ นาเสนอข๎อมูล ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเร่อื งตาํ งๆ และสร๎างความสัมพันธ์ระหวํางบุคคลอยํางเหมาะสม เพ่ือให๎เกิดความร๎ู ความ เขา๎ ใจ ความคดิ สามารถสอ่ื สารสงิ่ ท่ีเรยี นร๎ู มีความสามารถในการคิดและการแก๎ปญั หา เห็นคุณคําของการนาความร๎ูไปใช๎ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน มีเจตคติที่ดีตํอภาษาตํางประเทศใช๎ ภาษาตํางประเทศเพื่อการสื่อสารได๎ ใฝุเรียนรู๎ มํุงม่ันในการทางาน เข๎าใจเรื่องราวและวัฒนธรรมอัน หลากหลายของประชาคมโลกและสามารถถํายทอดความคิดและวัฒนธรรมไทยไปยังสังคมโลกได๎อยําง สร๎างสรรค์ หลักสตู รโรงเรยี นบา๎ นนางเลิศ (ฉบบั ปรับปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๘๔ รหัสตวั ช้ีวัด ต ๑.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔ ต ๑.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕ ต ๑.๓ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓ ต ๒.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓ ต ๒.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒ ต ๓.๑ ป.๕/๑ ต ๔.๑ ป.๕/๑ ต ๔.๒ ป.๕/๑ รวมท้ังหมด ๒๐ ตัวชวี้ ัด หลกั สตู รโรงเรยี นบา๎ นนางเลศิ (ฉบบั ปรบั ปรุงพทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๘๕ อ๑๖๑๐๑ ภาษาองั กฤษ คาอธบิ ายรายวิชาพ้ืนฐาน ช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๖ กลํุมสาระการเรยี นรู๎ภาษาตาํ งประเทศ เวลาเรยี น ๘๐ ชัว่ โมง ศึกษาและปฏิบัติตามคาส่ังและคาขอร๎องที่ใช๎ในห๎องเรียน ภาษาทําทาง และคาแนะนาในการเลํม เกม การวาดภาพ หรือการทาอาหารและเคร่ืองดื่ม และการประดิษฐ์ การอํานออกเสียงข๎อความ นิทาน และบทกลอน การใช๎พจนานุกรม หลักการอํานออกเสียงคา กลํุมคา ประโยค การออกเสียง บทกลอนตาม จังหวะ การเลือก/ระบุประโยคหรือข๎อความ สัญลักษณ์ เครื่องหมายและความหมายเกี่ยวกับตนเอง ครอบครัว โรงเรียน สิ่งแวดล๎อมใกล๎ตัว อาหาร เครื่องด่ืม เวลาวํางและนันทนาการ สุขภาพและสวัสดิการ การซ้ือ- ขาย และลมฟูาอากาศ ภายในวงคาศัพท์สะสมประมาณ ๑,๐๕๐ – ๑๒๐๐ คา (คาศัพท์ที่เป็น รูปธรรมและนามธรรม) การบอกใจความสาคัญและตอบคาถามจากประโยค บทสนทนา นทิ าน หรือเร่ืองเลํา การพูด/เขียนบทสนทนาท่ีใช๎ในการทักทาย กลําวลา ขอบคุณ ขอโทษ ชมเชย การพูดแทรกอยํางสุภาพ ประโยค/ขอ๎ ความท่ใี ช๎ในการแนะนาตนเอง เพื่อน และบุคคลใกล๎ตัวและสานวนการตอบรับ การใช๎คาส่ัง คา ขอรอ๎ ง คาขออนุญาต คาแนะนาท่ีมี ๒ - ๓ ขนั้ ตอน การพูด/เขยี นคาศัพท์ สานวนภาษา และประโยคท่ีใช๎ บอกความต๎องการ การขอความชํวยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให๎ความชํวยเหลือ การขอและให๎ข๎อมูล เกี่ยวกบั ตนเองและเร่อื งใกลต๎ ัว การแสดงความร๎ูสึกและการให๎เหตุผลประกอบ การพูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยว กจิ กรรมหรือเรอ่ื งตํางๆ ใกล๎ตัว การพดู /เขียนประโยคและข๎อความที่ใช๎ในการให๎ข๎อมูลเก่ียวกับตนเอง กิจวัตร ประจาวัน เพ่ือน สิ่งแวดล๎อมใกล๎ตัว เคร่ืองหมายวรรคตอน การเขียนคา กลุํมคา ประโยค ภาพ แผนผัง แผนภูมิ และตาราง ตามที่ฟังหรืออําน การใช๎ประโยคพูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรมหรือเร่ืองตํางๆ ใกล๎ตัว การใช๎ถ๎อยคา น้าเสียง และกิริยาทําทางตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ๎าของภาษา การให๎ ขอ๎ มูลและบอกความสาคัญของเทศกาล/วนั สาคญั /งานฉลอง และชวี ิตความเป็นอยํูของเจ๎าของภาษา การเข๎า รํวมกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมตามความสนใจ ความเหมือน/ความแตกตํางระหวํางการออกเสียง ประโยคชนิดตาํ งๆ ของเจ๎าของภาษากบั ของไทย การใช๎เครื่องหมายวรรคตอนและการลาดับคาตามโครงสร๎าง ของประโยคของภาษาตาํ งประเทศและภาษาไทย การเปรียบเทียบความเหมอื น/ความแตกตํางระหวํางเทศกาล งานฉลองและประเพณีของเจ๎าของภาษากับของไทย การค๎นคว๎า การรวบรวมและการนาเสนอคาศัพท์ท่ี เก่ียวข๎องกับกลํุมสาระการเรียนรู๎อื่น การใช๎ภาษาส่ือสารในสถานการณ์ตํางๆ ที่เกิดข้ึนในห๎องเรียนและ สถานศึกษา การใช๎ภาษาตํางประเทศในการสืบค๎น และการรวบรวมคาศัพท์ที่เก่ียวข๎องใกล๎ตัวจากส่ือและ แหลํงการเรียนรูต๎ ํางๆ โดยใชก๎ ระบวนการฟัง พดู อําน เขียน แลกเปล่ียนข๎อมูล ขําวสาร แสดงความร๎ูสึก และ ความคิดเห็น ตีความ นาเสนอข๎อมูล ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเร่ืองตํางๆ และสร๎าง ความสัมพันธ์ระหวํางบุคคลอยํางเหมาะสม เพื่อให๎เกิดความร๎ู ความเข๎าใจ ความคิด สามารถส่ือสารส่ิงท่ี เรียนร๎ู มีความสามารถในการคดิ และการแก๎ปญั หา เห็นคุณคําของการนาความรู๎ไปใช๎ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน มีเจตคติที่ดีตํอภาษาตํางประเทศใช๎ ภาษาตํางประเทศเพื่อการสื่อสารได๎ ใฝุเรียนร๎ู มํุงม่ันในการทางาน เข๎าใจเร่ืองราวและวัฒนธรรมอัน หลากหลายของประชาคมโลกและสามารถถํายทอดความคิดและวัฒนธรรมไทยไปยังสังคมโลกได๎อยําง สร๎างสรรค์ หลกั สูตรโรงเรียนบ๎านนางเลิศ (ฉบับปรบั ปรุงพุทธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๘๖ รหัสตวั ช้ีวดั ต ๑.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔ ต ๑.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕ ต ๑.๓ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓ ต ๒.๑ ป๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓ ต ๒.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒ ต ๓.๑ ป.๖/๑ ต ๔.๑ ป.๖/๑ ต ๔.๒ ป.๖/๑ รวมท้งั หมด ๒๐ ตวั ชี้วดั หลักสตู รโรงเรียนบา๎ นนางเลศิ (ฉบับปรบั ปรุงพุทธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๘๗ คาอธบิ ายรายวิชาเพ่มิ เตมิ กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศ หลกั สูตรโรงเรียนบา๎ นนางเลิศ (ฉบับปรบั ปรงุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๘๘ อ ๑๑๒๐๑ ภาษาอังกฤษ ๑ คาอธบิ ายรายวชิ าเพ่ิมเตมิ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๑ กล่มุ สาระการเรยี นร้ภู าษาต่างประเทศ เวลา ๘๐ ช่ัวโมง คาอธบิ ายรายวชิ า เข๎าใจคาส่ังและใช๎คาสั่งในห๎องเรียน คาขอร๎อง ตัวอักษร เสียงตัวอักษร สระ การสะกดคา การอําน ออกเสยี ง คา กลํมุ คา ประโยคที่มีความหมายสัมพันธ์กับสิ่งตํางๆใกล๎ตัว อาหาร เคร่ืองดื่ม บทอําน บทสนทนา ด๎วยภาษางํายๆ ประโยค นิทานงํายๆ ท่ีมีภาพประกอบ การเลํานิทานประกอบทําทาง ให๎ข๎อมูลและความ ต๎องการเกี่ยวกับตนเองส้ันๆ เชํน การพูดแนะนา ตนเอง ขอบคุณ ขอโทษ เรียน รู๎คา ศัพท์เก่ียวกับเทศกาล ขนบธรรมเนียม ประเพณี เทศกาล งานฉลอง เห็นประโยชน์ในการเรียนรู๎ภาษาอังกฤษ โดยสนใจเข๎ารํวม กจิ กรรมทางภาษาและวฒั นธรรม และแสวงหาความรู๎ ความเพลิดเพลินจากภาษาอังกฤษ การร๎องเพลง เพ่ือให๎ เกิดความรู๎ความเข๎าใจ สามารถส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู๎ และนาความรู๎ไปใช๎ประโยชน์ในชีวิตประจาวันตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ผลการเรียนรู้ ๑. ปฏบิ ัตติ ามคาส่งั คาขอร๎องทีฟ่ งั ได๎ ๒. อาํ นออกเสยี งตัวอักษร คา กลุํมคา ประโยคงํายๆ และบทพดู เขา๎ จงั หวะงาํ ยๆ ตามหลกั การอาํ นได๎ ๓. บอกความหมายของคาและกลมุํ คาที่ฟังตรงตามความหมาย ตอบคาถามการฟังที่มีภาพประกอบ หรอื อํานประโยคบทสนทนาหรอื นทิ านงาํ ยๆได๎ ๔. พูดโต๎ตอบด๎วยคาสั้นๆ งํายๆ ในการสื่อสารระหวํางบุคคลตามแบบที่ฟัง ใช๎คาสั่งและคาขอร๎อง งํายๆ บอกความตอ๎ งการและความรสู๎ ึกของตนเอง พดู ขอและใหข๎ ๎อมูลเกยี่ วกบั ตนเองและเพอ่ื นได๎ ๕. สามารถพูดและทาทําประกอบตามมารยาทสังคม วัฒนธรรมของเจ๎าของภาษา เข๎ารํวมกิจกรรม ทางภาษา และวัฒนธรรมท่เี หมาะสมกับวัย รวมท้ังหมด ๕ ผลการเรยี นรู้ หลกั สตู รโรงเรยี นบา๎ นนางเลิศ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๘๙ อ ๑๒๒๐๒ ภาษาอังกฤษ ๒ คาอธบิ ายรายวชิ าเพ่ิมเตมิ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๒ กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาต่างประเทศ เวลา ๘๐ ชว่ั โมง คาอธบิ ายรายวิชา ใช๎คาสั่งที่ใช๎ในห๎องเรียน ตัวอักษร เสียงตัวอักษร สระ การสะกดคา การอํานออกเสียงคา กลุํมคาบท อําน บทสนทนา ประโยค ให๎ข๎อมูลเก่ียวกับตนเองคา ประโยคบทอําน บทสนทนา ประโยค ให๎ข๎อมูล เกี่ยวกับ ตนเอง ข๎อความที่ใช๎ในการพูดให๎ข๎อมูลเก่ียวกับตนเอง และเร่ืองใกล๎ตัว คาที่มีความหมายสัมพันธ์กับ สิ่งตํางๆ ใกล๎ตัว อาหาร เคร่ืองด่ืมวัฒนธรรมเจ๎าของภาษาแสดงกิริยา การขอบคุณ ขอโทษ การพูดแนะนาตนเอง กิจกรรมทางภาษาการร๎องเพลง การใช๎ภาษาในการฟัง พูด อํานในสถานการณ์ท่ีเกิดข้ึนในห๎องเรียน โดยใช๎ กระบวนการสืบเสาะหาความรู๎การสืบค๎นข๎อมูลและมีทักษะทางสังคม มีวิถีของระบอบ ประชาธิปไตย ซ่ือสัตย์ ใฝุเรียนรู๎แสดงออกถึงความเป็นไทย เพื่อให๎เกิดความรู๎ความเข๎าใจสามารถสื่อสารสิ่งท่ีเรียนร๎ูและ นาความร๎ูไป ใช๎ประโยชนใ์ นชีวิตประจาวันตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ผลการเรยี นรู้ ๑. ปฏิบตั ิตามคาสงั่ คาขอร๎องทฟ่ี งั ได๎ ๒. อาํ นออกเสยี งตัวอักษร คา กลํุมคา ประโยคงาํ ยๆ และบทพดู เขา๎ จงั หวะงาํ ยๆ ตามหลักการอาํ นได๎ ๓. บอกความหมายของคาและกลํุมคาท่ีฟังตรงตามความหมายตอบคาถามการฟังที่มีภาพประกอบ หรืออํานประโยคบทสนทนาหรือนทิ านงาํ ยๆได๎ ๔. พูดโต๎ตอบด๎วยคาสั้นๆ งํายๆ ในการส่ือสารระหวํางบุคคลตามแบบที่ฟัง ใช๎คาส่ังและ คาขอร๎อง งาํ ยๆ บอกความต๎องการและความรู๎สึกของตนเอง พูดขอและใหข๎ อ๎ มลู เกี่ยวกับ ตนเองและเพือ่ นได๎ ๕. สามารถพูดและทาทําประกอบตามมารยาทสังคม วัฒนธรรมของเจ๎าของภาษา เข๎ารํวมกิจกรรม ทางภาษา และวัฒนธรรมทเ่ี หมาะสมกับวัย รวมทั้งหมด ๕ ผลการเรยี นรู้ หลกั สตู รโรงเรยี นบา๎ นนางเลิศ (ฉบับปรบั ปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๙๐ อ ๑๓๒๐๓ ภาษาอังกฤษ ๓ คาอธิบายรายวิชาเพ่ิมเติม ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๓ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ เวลา 80 ชั่วโมง คาอธิบายรายวิชา ปฏิบัตติ ามคาสัง่ คาขอรอ๎ ง ฟัง และอํานตัวอกั ษร เสยี งตวั อักษร สระ การสะกดคา การอํานออก เสียง คา กลุมํ คา บทอาํ น บทสนทนา ประโยค ให๎ข๎อมูลเกีย่ วกบั ตนเอง คา ประโยค บทอําน บทสนทนา ประโยค ให๎ ข๎อมูลเกี่ยวกับตนเอง ข๎อความที่ใช๎ในการพูดให๎ข๎อมูลเก่ียวกับตนเอง และเร่ืองใกล๎ตัว คา ที่มี ความหมาย สัมพันธ์กับสิ่งตํางๆ ใกล๎ตัว เวลา สถานท่ี อาหาร เครื่องด่ืม วัฒนธรรมเจ๎าของภาษา แสดงกิริยา การขอบคุณ ขอโทษ การพดู แนะนาตนเอง กิจกรรมทางภาษา การร๎องเพลง การใช๎ภาษาในการฟัง พูด อําน ในสถานการณ์ ที่เกิดข้ึนในห๎องเรียน โดยใช๎กระบวนการสืบเสาะหาความรู๎การสืบค๎นข๎อมูลและมีทักษะ ทางสังคม มีวิถีของ ระบอบประชาธิปไตย ซ่ือสัตย์ ใฝุเรียนร๎ูแสดงออกถึงความเป็นไทยเพื่อให๎เกิดความรู๎ ความเข๎าใจ สามารถ สือ่ สารสิง่ ทีเ่ รยี นรแู๎ ละนาความรไู๎ ปใช๎ประโยชน์ในชวี ติ ประจาวันตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ผลการเรยี นรู้ ๑. ปฏบิ ัติตามคาสง่ั คาขอร๎องทฟี่ ัง หรือ อาํ นได๎ ๒. อํานออกเสียงตวั อักษร คา กลุํมคา ประโยคงาํ ยๆ และบทพดู เขา๎ จังหวะงาํ ยๆ ตามหลกั การอาํ นได๎ ๓. บอกความหมายของคาและกลุมํ คาท่ีฟงั ตรงตามความหมาย ตอบคาถามการฟังทีม่ ภี าพประกอบได๎ ๔. เลอื กระบุภาพ หรอื สญั ลักษณ์ตรงตามความหมายของกลํุมคาและประโยคท่ีฟังได๎ ๕. ตอบคาถามจากการฟัง หรืออํานประโยค บทสนทนา หรือนิทานงํายๆ หรืออํานประโยค บท สนทนาหรือนทิ านงาํ ยๆได๎ ๖. พดู ขอและใหข๎ อ๎ มลู งํายๆ เกีย่ วกบั ตนเองและเพือ่ นตามแบบที่ฟังได๎ ๗. พดู ให๎ข๎อมูลเกีย่ วกับตนเองและเรอ่ื งใกลต๎ วั ได๎ ๘. พูดโต๎ตอบด๎วยคาสั้นๆงํายๆในการส่ือสารระหวํางบุคคลตามแบบท่ีฟัง ใช๎คาส่ังและคาขอร๎องงํายๆ บอกความต๎องการและความร๎สู ึกของตนเอง พดู ขอและใหข๎ อ๎ มูลเกี่ยวกบั ตนเองและเพื่อนได๎ ๙. สามารถพูดและทาทําประกอบตามมารยาทสังคม วัฒนธรรมของเจ๎าของภาษา เข๎ารํวมกิจกรรม ทางภาษา และวัฒนธรรมที่เหมาะสมกับวยั รวมท้ังหมด ๙ ผลการเรียนรู้ หลักสูตรโรงเรียนบา๎ นนางเลิศ (ฉบับปรับปรงุ พุทธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๙๑ อ ๑๔๒๐๔ ภาษาอังกฤษ ๔ คาอธิบายรายวชิ าเพิ่มเติม ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๔ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ เวลา 80 ชัว่ โมง คาอธบิ ายรายวชิ า เข๎าใจคาสั่ง คาขอร๎อง รูปประโยคและโครงสร๎างประโยค คา กลํุมคา และประโยค การถํายโอนเป็น ภาพ สัญลักษณ์ เรื่องราว บทอําน สนทนา เร่ืองส้ัน เรื่องเลํา นิทาน บทกลอนสั้นๆ การใช๎ถ๎อยคา สานวนที่ใช๎ ในเทศกาล ในเรอื่ งเสียงสระ พยญั ชนะ คา วลี ประโยค และขอ๎ ความท่ีซบั ซ๎อน ประโยคเดี่ยว และประโยคผสม อํานออกเสียงคา กลํุมคา ประโยค ขอ๎ ความ บทอํานได๎ถูกตอ๎ งตามหลกั การออกเสยี งและการใช๎ถ๎อยคา น้าเสียง การพูด เขียน โต๎ตอบในการส่ือสารระหวํางบุคคล ใช๎คาสั่ง คาขอร๎อง และให๎คาแนะนา แสดงความต๎องการ แสดงความรู๎สึก แสดงความชํวยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธ ในสถานการณ์งํายๆ พูดเขียนเพ่ือขอและให๎ข๎อมูล เกี่ยวกับตนเอง เพ่ือน ครอบครัว และเร่ืองใกล๎ตัว ซึ่งอยูํในท๎องถ่ินของตน มีทักษะการใช๎ภาษาตํางประเทศ (เน๎นการฟงั พดู อําน เขียน) สนกุ สนานและเพลิดเพลนิ จากกิจกรรมภาษาตํางประเทศ เห็นประโยชน์การเรียน ภาษาตํางประเทศในการแสวงหาความร๎ู ความบันเทิง และสนใจเข๎ารํวมกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรม มี ความขยัน ซ่ือสัตย์ อดทน เสียสละและมีสัมมาคารวะ สามารถนาความร๎ูไปใช๎ประโยชน์ในชีวิตประจาวันตาม หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ผลการเรยี นรู้ ๑. เข๎าใจและปฏิบตั ติ ามคาสัง่ คาขอร๎อง และคาแนะนา งาํ ยๆ ตามท่ฟี ังและอาํ นได๎ถูกตอ๎ ง ๒. รจ๎ู กั ชนดิ ของคา ศัพท์ รปู ประโยค และการลาดบั คา (order) ตามโครงสร๎างประโยค สามารถ นาไปใช๎พดู หรือเขียนในสถานการณ์ตํางๆ ไดถ๎ ูกต๎องตามหลกั ไวยากรณท์ างภาษา ๓. สามารถพูด/อํานออกเสียงคา วลี ประโยค ขอ๎ ความส้ันๆ บทสนทนาไดถ๎ ูกต๎องตามหลกั การออก เสยี ง ๔. สามารถพดู /เขียนคา วลี ประโยคถาม - ตอบ แลกเปลย่ี นข๎อมูล สอื่ สารสรา๎ งสมั พันธ์ระหวําง บคุ คลในสถานการณ์ตํางๆ ไดถ๎ ูกต๎องตามหลักโครงสร๎างไวยากรณ์และโครงสรา๎ งของกาล (Tense) ๕. สามารถฟงั /อํานคา วลี ข๎อความสน้ั ๆ บทสนทนาแล๎วสามารถบอกความหมาย สรปุ ความหมายและ ตอบคาถามจากการฟังหรืออํานไดถ๎ ูกตอ๎ ง รวมท้ังหมด ๕ ผลการเรยี นรู้ หลกั สูตรโรงเรยี นบา๎ นนางเลิศ (ฉบบั ปรบั ปรุงพทุ ธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๙๒ อ๑๕๒๐๕ ภาษาอังกฤษ ๕ คาอธบิ ายรายวิชาเพิ่มเตมิ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๕ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ เวลา 80 ชั่วโมง คาอธบิ ายรายวชิ า เข๎าใจคาส่ัง คาขอร๎อง รูปประโยคและโครงสร๎างประโยค คา กลํุมคา และประโยค การถํายโอนเป็น ภาพ สัญลักษณ์ เร่ืองราว บทอําน บทสนทนา เรื่องสั้น เร่ืองเลํา นิทาน บทกลอนสั้นๆ การใช๎ประโยคเดี่ยว และประโยคผสม อํานออกเสียงคา กลุํมคา ประโยค ข๎อความ บทอํานได๎ถูกต๎องตามหลักการออกเสียง และ การใช๎ ถอ๎ ยคา น้าเสยี ง การพดู เขียน โต๎ตอบในการสอ่ื สารระหวํางบคุ คล ใชค๎ าส่ัง คาขอร๎อง และให๎คาแนะนา แสดงความต๎องการ แสดงความรู๎สึก ขอความชํวยเหลือ ตอบรับ และปฏิเสธ ในสถานการณ์งํายๆ พูด เขียน เพื่อขอและให๎ข๎อมูลเก่ียวกับตนเอง เพ่ือน ครอบครัว และเรื่องใกล๎ตัวซ่ึงอยํูในท๎องถิ่นของตน มีทักษะการใช๎ ภาษาตํางประเทศ (เน๎นการฟัง พูด อําน เขียน) สนุกสนานและเพลิดเพลินจากกิจกรรมทางภาษาตํางประเทศ เห็นประโยชน์ของการเรียนร๎ูภาษาตํางประเทศ ในการแสวงหาความร๎ูความบันเทิง และสนใจเข๎ารํวมกิจกรรม ทางภาษาและวัฒนธรรม มีความขยัน ซ่ือสัตย์อดทน เสียสละ และมีสัมมาคารวะ สามารถนาความรู๎ท่ีได๎ไปใช๎ ประโยชนใ์ นชีวติ ประจาวนั ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ผลการเรียนรู้ ๑. เขา๎ ใจและปฏบิ ัตติ ามคาสงั่ คาขอร๎อง และคาแนะนางํายๆตามท่ีฟังและอาํ นได๎ถูกต๎อง ๒. ร๎ูจักชนิดของคาศพั ทร์ ปู ประโยคและการลาดับคา (order) ตามโครงสรา๎ งประโยค สามารถ นาไปใช๎พูดหรือเขียนในสถานการณ์ตาํ งๆ ไดถ๎ ูกต๎องตามหลักไวยากรณ์ทางภาษา ๓. สามารถพูด/อํานออกเสียงคา วลปี ระโยคขอ๎ ความสัน้ ๆ บทสนทนาได๎ถูกต๎องตามหลกั การออกเสยี ง ๔. สามารถพดู /เขียนคา วลีประโยคถาม-ตอบ แลกเปลี่ยนข๎อมลู สื่อสารสร๎างสัมพันธร์ ะหวํางบุคคล ในสถานการณต์ ํางๆ ไดถ๎ ูกตอ๎ งตามหลักโครงสรา๎ งไวยากรณ์และโครงสร๎างของกาล (Tense) ๕. สามารถฟัง/อํานคา วลขี อ๎ ความส้ันๆ บทสนทนาแลว๎ สามารถบอกความหมาย สรุปความหมาย และ ตอบคาถามจากการฟังหรอื อาํ นไดถ๎ ูกต๎อง รวมท้ังหมด ๕ ผลการเรยี นรู้ หลกั สูตรโรงเรยี นบ๎านนางเลศิ (ฉบับปรบั ปรงุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๙๓ คาอธบิ ายรายวชิ าเพิ่มเตมิ อ๑๖๒๐๖ ภาษาอังกฤษ ๖ กล่มุ สาระการเรียนรูภ้ าษาต่างประเทศ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๖ เวลา 80 ช่วั โมง คาอธิบายรายวชิ า เข๎าใจคาส่ัง คาขอร๎อง รูปประโยคและโครงสร๎างประโยค คา กลุํมคา และประโยค การถํายโอนเป็น ภาพ สญั ลกั ษณเ์ รอ่ื งราว บทอําน บทสนทนา เร่ืองสั้น เร่ืองเลํา นิทาน บทกลอนสั้นๆ การใช๎ถ๎อยคา สานวน ท่ี ใช๎ในเทศกาล ในเร่ืองเสียง สระ พยัญชนะ คา วลีประโยค และข๎อความที่ซับซ๎อนประโยคเดี่ยวและประโยค ผสม อํานออกเสียงคา กลุํมคา ประโยค ข๎อความ บทอํานได๎ถูกต๎องตามหลักการออกเสียง และการใช๎ถ๎อยคา น้าเสียง การพูด เขียน โต๎ตอบในการส่ือสารระหวํางบุคคล ใช๎คาส่ัง คาขอร๎อง และให๎คาแนะนา แสดงความ ต๎องการ แสดงความร๎ูสึก ขอความชํวยเหลือ ตอบรับ และปฏิเสธในสถานการณ์งํายๆ พูด เขียน เพื่อขอ และ ให๎ข๎อมูลเกี่ยวกับตนเอง เพื่อน ครอบครัว และเรื่องใกล๎ตัวซึ่งอยํูในท๎องถ่ินของตน มีทักษะการใช๎ ภาษาตํางประเทศ (เน๎นการฟัง พูด อําน เขียน) สนุกสนานและเพลิดเพลินจากกิจกรรมทางภาษาตํางประเทศ เหน็ ประโยชนข์ องการเรียนรภ๎ู าษา ตาํ งประเทศ ในการแสวงหาความร๎ูความบันเทิง และสนใจเข๎ารํวมกิจกรรม ทางภาษา และวัฒนธรรม มีความ ขยัน ซ่ือสัตย์อดทน เสียสละ และมีสัมมาคารวะ สามารถนาความรู๎ไปใช๎ ประโยชนใ์ นชีวิตประจาวันตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ผลการเรยี นรู้ ๑. สามารถฟัง พดู อาํ น เขียน และ บอกความหมายของคา ประโยค ขอ๎ ความ บทสนทนา ๒. อธิบายประเภทของคา และนาไปใช๎ในประโยคตาํ งๆได๎ ๓. เข๎าใจโครงสร๎างประโยคตามหลักไวยากรณ์(Tense) ๔. เขยี นประโยคคาส่งั คาขอร๎อง การขออนุญาต ประโยคบอกเลํา ประโยคคาถาม ประโยคปฏิเสธ ตามโครงสร๎างประโยคได๎ ๕. อํานและตอบคาถามจากเร่อื งได๎ รวมท้ังหมด ๕ ผลการเรียนรู้ หลักสูตรโรงเรียนบา๎ นนางเลิศ (ฉบับปรบั ปรุงพุทธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๙๔ คาอภิบายรายวิชา กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน หลกั สตู รโรงเรียนบา๎ นนางเลศิ (ฉบับปรบั ปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
๙๕ คาอธิบายรายวชิ ากิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น กิจกรรมแนะแนว ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที ๑ - ๖ เวลา ๔๐ ช่วั โมง/ปี รู้จักและเข้าใจตนเอง รักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ มีเจตคติที่ดีต่อ การมชี วี ิตท่ดี ีมคี ณุ ภาพ มีทักษะในการดําเนินชีวิต สามารถปรับตัวให้ดํารงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข รู้จักตนเองในทุกด้าน รู้ความถนัด ความสนใจ และบุคลิกภาพของตนเอง รู้และเข้าใจโลกของงานอาชีพ อยา่ งหลากหลาย มีเจตคติท่ีดีตอ่ อาชพี สจุ รติ รขู้ ้อมลู อาชพี สามารถเลือกตนแนวทางในการประกอบอาชีพได้ อย่างเหมาะสม มีการเตรียมตัวสู่อาชีพ สามารถวางแผนเพ่ือประกอบอาชีพตามท่ีตนเองมีความถนัดและ สนใจ มีคณุ ลกั ษณะพนื้ ฐานที่จําเปน็ ในการประกอบอาชพี และพฒั นางานให้ประสบความสําเร็จเพื่อสร้างฐานะ ทางเศรษฐกิจให้กบั ตนเอง ครอบครวั ชุมชนและประเทศชาติ พัฒนาตนเองในด้านการเรียนอย่างเต็มศักยภาพ รู้จักแสวงหาความรู้ใฝ่รู้ใฝ่เรียนให้เป็นคนดีมีความรู้ และทักษะทางวิชาการ รู้จักแสวงหาและใช้ข้อมูลประกอบการวางแผนการเรียนหรือการศึกษาต่อได้อย่างมี ประสิทธิภาพ มีวิธีการเรียนรู้ มีทักษะการคิด แก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ คิดเป็น ทําเป็น มีคุณธรรม จริยธรรม เอื้ออาทรและสมานฉนั ท์ เพือ่ ดาํ รงชวี ติ อยรู่ วมกันอยา่ งสงบสขุ ตามวถิ ชี ีวติ เศรษฐกิจพอเพยี ง เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นเกิดการเรยี นรู้ ร้จู กั เขา้ ใจ รกั และเห็นคณุ ค่าในตนเองและผู้อ่ืน เกิดการเรียนรู้ สามารถวางแผนการเรียนรู้ อาชีพ รวมทั้งการดําเนินชีวิตและมีทักษะทางสังคม เกิดการเรียนรู้สามารถ ปรับตัวได้อย่างเหมาะสม อยู่ร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่างมีความสุข พึ่งตนเองได้มีทักษะในการเลือกแนวทาง การศึกษา การงานและอาชีพ ชีวิตและสังคม มีสุขภาพจิตที่ดีและจิตสํานึกในการทําประโยชน์ต่อครอบครัว สังคมและประเทศชาติตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ผลการเรยี นรู้ ๑. เพ่อื ใหผ้ ู้เรยี นเกิดการเรยี นรู้ รู้จกั เข้าใจ รกั และเหน็ คุณคา่ ในตนเองและผอู้ ่ืน ๒. เพื่อให้ผเู้ รยี นเกิดการเรยี นรู้ สามารถวางแผนการเรียน การศกึ ษาตอ่ อาชีพ รวมทงั้ การ ดาํ เนินชวี ติ และมีทักษะทางสังคม ๓. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นเกดิ การเรียนรู้ สามารถปรบั ตวั ได้อยา่ งเหมาะสม และอยู่รว่ มกับผู้อน่ื ได้อย่าง เหมาะสม ๔. สามารถประยุกต์ใช้หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งได้ รวม ๔ ผลการเรยี นรู้ หลกั สูตรโรงเรียนบา๎ นนางเลิศ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๓) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137