Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 中国文化

中国文化

Published by Tang Mo, 2020-08-17 23:38:50

Description: การแต่งกายยุคประวัติศาสตร์ของจีน《中国服装》
วัฒนธรรมจีนด้านอาหาร 《中国饮食文化》
ชาจีน 《中国茶 》

Keywords: Chinese culture,วัฒนธรรม,จีน

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ า 中国⽂化วัฒนธรรมจีน รหัสวชิ า จ31101 กล่มุ สาระการเรยี นภาษาต่างประเทศ ครูศศิธร ใจสบาย ตําแหน่งครูผู้ช่วย โรงเรียนลําปางกัลยาณี

คำนำ รายวชิ าวฒั นธรรมจีน รหสั วชิ า จ31101 เป็นรายวชิ าในแผนการเรียนภาษาจีน ซ่ึงเป็นรายวชิ าหลกั ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 ซ่ึงเป็นรายวชิ าท่ีมีความสาคญั ตอ่ ผูเ้ รียนแผนการเรียนภาษาจีน ที่จะตอ้ ง ไดร้ ับความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกบั ประเทศจีนเพ่ือใหไ้ ดเ้ รียนรู้ภาษาจีนและประเทศจีนที่ควบคู่กนั ไป โดยเอกสารประกอบการเรียนวชิ าวฒั นธรรมจีนประกอบดว้ ย 3 บทเรียน คือ วฒั นธรรมจีนดา้ น การแต่งกาย วฒั นธรรมจีนดา้ นอาหาร และวฒั นธรรมเกี่ยวกบั ชาจีน ซ่ึงเน้ือหาของแต่ละบทเรียนก็จะมี รายละเอียดตา่ งๆ เช่น ความเป็นมาของวฒั นธรรมน้นั องคป์ ระกอบหรือวธิ ีการของแต่ละวฒั นธรรม เป็นตน้ ซ่ึงเอกสารประกอบการเรียนรายวชิ าวฒั นธรรมจีนฉบบั น้ี ก็จะมีประโยชนอ์ ยา่ งยง่ิ ในการเรียนของ ผเู้ รียน หรือผเู้ รียนแผนการเรียนอ่ืนๆ ที่มีความสนใจในเน้ือหาน้ี ก็จะไดร้ ับความรู้เพ่ิมเติมและความรู้รอบตวั ไปเป็นอยา่ งมาก ศศิธร ใจสบาย 21 กรกฎาคม 2563 ก

สำรบญั หนา้ คานา ก สารบญั ข บทที่ 1 กำรแต่งกำยยุคประวตั ิศำสตร์ของจีน 1 1 จุดประสงคร์ ายวชิ าวฒั นธรรมจีน 2 วฒั นธรรมการแตง่ กายยคุ สมยั ฉิน 3 วฒั นธรรมการแตง่ กายยคุ สมยั ฮนั่ 4 วฒั นธรรมการแต่งกายยคุ สมยั เวย่ จิน้ หนานเป่ ย 5 วฒั นธรรมการแตง่ กายยคุ สมยั สุ่ย และสมยั ถงั 6 วฒั นธรรมการแตง่ กายยคุ สมยั ซ่ง 7 วฒั นธรรมการแตง่ กายยคุ สมยั หยวน 8 วฒั นธรรมการแตง่ กายยคุ สมยั หมิง 9 วฒั นธรรมการแต่งกายยคุ สมยั ชิง 10 วฒั นธรรมการแต่งกายยคุ สมยั ปฏิวตั ิซินไฮ่ 11 แบบฝึกหดั คาถามทา้ ยบท 12 บทที่ 2 วฒั นธรรมจีนด้ำนอำหำร 13 อาหารจีน 13-18 8 กลุ่มอาหารข้ึนช่ือของจีน 19 เป็ ดปักกิ่ง 20 แบบฝึกหดั คาถามทา้ ยบท 21 บทที่ 3 ชำจีน 22-25 ชนิดของชา 26 รสนิยมในการด่ืมชา 26 ศิลปะการดื่มชา 27 วธิ ีชงชา 28 แบบฝึกหดั คาถามทา้ ยบท 29 บรรณนุกรม ข

เอกสารประกอบการเรียน วชิ าวฒั นธรรมจีน《中国文化》 ครูศศิธร ใจสบาย ระดบั การศึกษาปริญญาตรี หลกั สูตรครุศาสตร์บณั ฑิต สาขาวชิ าภาษาจีน มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ลาปาง โรงเรียนลาปางกลั ยาณี สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษามธั ยมศึกษาเขต 35

บทที่ 1 การแต่งกายยคุ ประวตั ศิ าสตร์ของจีน《中国服装》 จุดประสงคร์ ายวชิ าวฒั นธรรมจีน 1. เพื่อใหผ้ เู้ รียนมีความรู้ ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั วฒั นธรรมที่สาคญั ของประเทศจีน 2. เพือ่ ใหผ้ เู้ รียนสามารถนาความรู้ไประยกุ ตใ์ ชไ้ ดจ้ ริง จุดประสงค:์ 1.เพอื่ ใหผ้ เู้ รียนรู้ถึงความเป็นมาของวฒั นธรรมดา้ นการแต่งการของจีนในแต่ละยคุ สมยั 2.เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนเกิดความสนใจและสามารถนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวนั 1

การแต่งกายยุคประวตั ิศาสตร์ของจนี 《中国服装 zhōngguófúzhuāng》 ประวตั ิศาสตร์ของประเทศจีนมีมานานถึง 5 พนั ปี วฒั นธรรมเส้ือผา้ เครื่องแต่งกายของชาวจีนก็มีมา ยาวนานไม่แพก้ นั ซ่ึงในระยะเวลา 5 พนั ปี มาน้นั ชาวจีนไดร้ ับอิทธิพลเครื่องแต่งกายจากชนกลุ่มน้อย เผา่ ต่าง ๆ ในประเทศจีน รวมถึงวฒั นธรรมการแต่งกายเส้ือผา้ ของชาวต่างชาติ ผสมผสานกนั จนเป็ นลกั ษณะ พิเศษของการแต่งกายชาวจีนในยุคน้นั ๆ ซ่ึงในบทเรียนน้ีจะกล่าวถึงกลุ่มวฒั นธรรมการแต่งกายแต่ละยุค สมยั ของชาวจีน 1. วฒั นธรรมการแต่งกายยคุ สมยั ฉิน (秦朝 qíncháo ราชวงศ์ฉิน) สมยั ฉิน (221-220 ปี ก่อนคริสตศ์ กั ราช) เส้ือผา้ เครื่องแต่งกายสมยั ฉินไดร้ ับอิทธิพลจากแนวคิด หยนิ หยาง (阴阳 yīnyáng) ความสมดุลของสรรพส่ิง กฎแห่งความสมดุลของธรรมชาติ เนื่องจากยคุ สมยั ฉินค่อนข้างจะส้ัน ด่ังน้ันสีของเส้ือจะเป็ นการผสมผสานระหว่างสีเส้ือผ้าท่ีฉินซีฮ่องเต้ (秦始皇 qínshǐhuáng) เ ป็ น ผู้ก า ห น ด แ ล ะ สี เ ส้ื อ ผ้า ต า ม ป ร ะ เ พ ณี จ า รี ต ข อ ง ยุ ค จ้า น ก๋ัว ( 战国七雄 zhànguóqīxióng) เส้ือผา้ ผูช้ าย ลกั ษณะเป็ นเส้ือคลุมยาว และฉินซีฮ่องเตไ้ ดก้ าหนดใหใ้ ช้สีดาเป็ นหลกั ในการตดั เยบ็ สาหรับเส้ือผา้ พิธีการ โดยเชื่อวา่ สีดาเป็นสีที่คูค่ วรแก่การไดร้ ับความเคารพ ดงั น้ี 1. ขา้ ราชการยศระดบั 3 ข้ึนไปใหใ้ ชส้ ีเขียวประกอบในการตดั เยบ็ 2. ประชาชนทวั่ ไปใชส้ ีขาวประกอบในการตดั เยบ็ เส้ือผา้ ผหู้ ญิง ฉินซีฮ่องเตไ้ ม่ไดม้ ีการกาหนดสีในการตดั เยบ็ เน่ืองจากฉินซีฮอ่ งเตช้ ่ืนชอบสีสันความ สวยงามของเส้ือผา้ ท่ีนางสนมในวงั สวมใส่ จึงเนน้ เส้ือผา้ ท่ีมีสีสนั สวยหรู ฉูดฉาด ภาพที่ 1.1 เส้ือผา้ กษตั ริยย์ คุ สมยั ฉิน ภาพท่ี 1.2 ชุดขา้ ราชการระดบั 3 ข้ึนไป ภาพท่ี 1.3 เส้ือผา้ ผหู้ ญิง ที่มา (http://www.kongqipaoshop.com) 2

2. วฒั นธรรมการแต่งกายยคุ สมัยฮ่ัน (汉朝 hàncháo ราชวงศ์ฮ่ัน) สมยั ฮนั่ (202 ปี ก่อนคริสตศกั ราช – ค.ศ. 8) เส้ือผา้ สมยั ฮนั่ จะประกอบดว้ ย เส้ือคลุมยาว(袍 páo) เส้ือลาลองแบบส้ัน (檐榆 yányú) เส้ือนวมส้ัน (襦 rú) ผหู้ ญิงจะสวมกระโปรง ผชู้ ายจะสวมกางเกง ในยคุ น้ีผา้ ท่ีมีลกั ษณะการถกั ทอไดร้ ับความนิยมเป็นอยา่ งมาก ดงั น้นั คนที่มีเงินในสมยั น้นั จะสวมใส่เส้ือผา้ ที่ทาจากผา้ แพรตว่ น ซ่ึงมีความสวยงามมากและมีลกั ษณะการแต่งกาย ดงั น้ี เส้ือผา้ ผชู้ ายจะสวมเส้ือส้ัน กางเกงขายาว และหากฐานะยากจน จะสวมเส้ือแขนส้นั ท่ีตดั เยบ็ ดว้ ยผา้ หยาบ เส้ือผา้ ผูห้ ญิงมีต้งั แต่เป็ นลกั ษณะเส้ือและกระโปรงต่อกนั ลกั ษณะคลา้ ยกบั ก่ีเพา้ (旗袍 qípáo) และแยกเส้ือกระโปรงเป็ น 2 ชิ้น กระโปรงจะมีลวดลายหลากหลายมาก กระโปรงที่มีชื่อเสียงมากท่ีสุดใน สมยั น้นั คือ “กระโปรงลายเทพสถิตย์ ” (留仙裙 liúxiānqún) ระดบั ช้นั ของขา้ ราชการในสมยั ฮนั่ จะมีหมวกและสายประดบั ยศเป็ นสัญลกั ษณ์ในการแบ่งช้นั ของ ขนุ นาง ซ่ึงสมยั น้นั ตาแหน่งอคั รเสนาบดีเป็นขนุ นางตาแหน่งสูงสุด ภาพท่ี 1.4 ชุดที่กระโปรงมีลายเทพสถิตย์ ที่มา (https://sites.google.com/) 3

3. วฒั นธรรมการแต่งกายยคุ สมยั เว่ยจิน้ หนานเป่ ย (晋南北朝 jìnnánběicháo ราชวงศ์จิน้ และราชวงศ์เหนือใต้) สมยั เว่ยจิ้น หนานเป่ ย ( ค.ศ.220- ค.ศ.589) หรือท่ีเรารู้จกั กนั ในนาม “สมยั สามก๊ก” จดั ไดว้ า่ เป็ น สมยั ท่ีศาสนาพุทธและลัทธิเต๋าเฟ่ื องฟู เคร่ืองแต่งกายชายหญิง ไม่ว่าจะเป็ นกษตั ริย์ เช้ือพระวงศ์ จนถึง ประชาชนทวั่ ไป เส้ือผา้ จะมีลกั ษณะหลวมยาว และมีเขม็ ขดั คาด เส้ือผา้ ผูช้ ายจะมีการเปิ ดแผงหน้าอกเล็กน้อย ไหล่เส้ือลู่ลง แขนเส้ือกวา้ ง สวมใส่ดูสบาย (ท้งั น้ี แลว้ แต่มุมมองของผอู้ า่ น เนื่องจากบางท่านก็เห็นวา่ แลดูลุ่มล่าม) เส้ือผา้ ผหู้ ญิง เส้ือกี่เพา้ แลดูเป็นกระโปรงยาวลากพ้ืน แขนเส้ือกวา้ ง เขม็ ขดั จะคาดให้ดูเป็นช้นั ๆ ซ่ึง แสดงใหเ้ ห็นถึงความสุภาพ และสง่างาม ภาพท่ี 1.6 เส้ือผา้ ผชู้ ายและหมวกตาขา่ ย ภาพที่ 1.7 ภาพเคร่ืองแต่งกายชายหญิง ที่มา (http://www.kongqipaoshop.com/) ภาพท่ี 1.8 เส้ือผา้ ผหู้ ญิง ท่ีมา (http://oknation.nationtv.tv/) 4

4. วฒั นธรรมการแต่งกายยุคสมยั สุ่ย และสมยั ถัง (隋唐朝 suítángcháo ราชวงศ์สุ่ยและ ราชวงศ์ถงั ) สมยั สุ่ยและสมยั ถงั (ค.ศ. 581-ค.ศ. 907) เส้ือผา้ ของสมยั สุ่ยและสมยั ถงั มีรูปแบบเส้ือผา้ ท่ีมีความ ใกล้เคียงกนั สูง เส้ือผา้ ตน้ สมยั สุ่ยค่อนขา้ งจะเรียบง่าย เส้ือผา้ ยงั คงมีลกั ษณะกี่เพา้ หรือเส้ือคลุมยาว เมื่อ กษตั ริยส์ ุ่ยหยางข้ึนครองราชย์ ไดเ้ กิดการเปล่ียนแปลงข้ึนในสังคม ซ่ึงส่งผลใหเ้ ส้ือผา้ ในยคุ สมยั ดงั กล่าวไดม้ ี การปรับเปล่ียนรูปแบบใหส้ วยงามข้ึนเช่นกนั สมยั ถงั นบั ไดว้ ่ามีความเจริญท้งั ในดา้ นวฒั นธรรมและเศรษฐกิจเป็ นอย่างมาก ดงั น้นั เส้ือผา้ ใน สมยั น้ีจดั ไดว้ า่ มีความสวยงามยง่ิ เส้ือผา้ พิธีการของสตรีช้นั สูงจะมีลกั ษณะเปิ ดหน้าอก คอเส้ือต่า แขนเส้ือยาวและใหญ่ สวมเส้ือ กระโปรงท่ีทาจากผ้านวม มีผ้าคลุมไหล่ สมัยน้ันเทคนิคสิ่งทอถือว่ามีความล้าหน้าเป็ นอย่างมาก ขณะเดียวกนั กไ็ ดร้ ับวฒั นธรรมแบบเส้ือผา้ จากต่างชาติเขา้ มาผสมผสานเขา้ ไวด้ ว้ ยกนั (เกาหลี ,ญ่ีป่ ุน) ดงั น้นั สามารถกล่าวไดว้ า่ สมยั ถงั เป็นยคุ ท่ีเส้ือผา้ เคร่ืองแตง่ กายเฟ่ื องฟูเป็นอยา่ งมาก ภาพท่ี 1.9 เส้ือผา้ กษตั ริยส์ มยั สุ่ยและถงั ภาพที่ 1.10 เส้ือผา้ ผหู้ ญิงสมยั สุ่ย ภาพที่ 1.11 เส้ือผา้ ผชู้ ายสมยั ถงั ภาพท่ี 1.12 เส้ือผา้ ผหู้ ญงิ สมยั ถงั ท่ีมา (https://amanerimimiko.blogspot.com/) 5

5. วฒั นธรรมการแต่งกายยุคสมยั ซ่ง (宋朝 sòngcháo ราชวงศ์ซ่ง) สมยั ซ่ง (ค.ศ.960 – ค.ศ.1279) แบบเส้ือผา้ สมยั ซ่งยงั คงไดร้ ับอิทธิพลตกทอดมาจากสมยั ถงั แต่ เนื่องจากสมยั น้นั แนวความคิดปรัชญา (ของสานกั ขงจื๊อ (孔子 kǒngzǐ)) เฟื่ องฟู พฤติกรรมของผคู้ นส่วน ใหญ่คลอ้ ยตามแนวคาสอนของท่านขงจ๊ือ มีรสนิยมช่ืนชมในความเป็ นธรรมชาติ ส่งผลให้แบบเส้ือผา้ ของ ผคู้ นในสมยั ซ่งไม่เนน้ ลวดลายสีฉูดฉาด เครื่องแตง่ กายเส้ือผา้ ของขา้ ราชการจะเป็ นเส้ือคลุมยาว แขนเส้ือใหญ่ สวมหมวกประจาตาแหน่ง มีการแบ่งสีเส้ือผา้ เพอื่ บง่ บอกยศตาแหน่ง เส้ือผา้ ผหู้ ญิง เป็ นลกั ษณะเส้ือคลุมตวั ใหญแ่ ละยาว ช่วงคอตรง ผา้ ในส่วนรักแร้ท้งั สองขา้ งตดั แยก ออกจากกนั หรือเรียกอีกอยา่ งหน่ึงวา่ “เส้ือกก๊ั สมยั ซ่ง” แบบเส้ือผา้ น้ีไดร้ ับความนิยมในหมู่นางสนมในวงั และสตรีทว่ั ไปในสมยั น้นั ภาพที่ 1.13 การแต่งกายของจกั พพรรดิซ่ง (ตวั อยา่ งลกั ษณะการแต่งกายของเส้ือผา้ ของขา้ ราชการ) ภาพที่ 1.14 เส้ือกกั๊ สมยั ซ่ง ภาพที่ 1.15 เส้ือผา้ ผหู้ ญิง ท่ีมา (https://amanerimimiko.blogspot.com/) 6

6. วฒั นธรรมการแต่งกายยคุ สมยั หยวน (元朝 yuáncháo ราชวงศ์หยวน) สมยั หยวน (ค.ศ.1206 – ค.ศ.1368) สมยั หยวนเป็นสมยั ท่ีมองโกลไดเ้ คา้ มายดึ ครองเมืองจีน แต่ทวา่ วฒั นธรรมการแต่งกายยงั คงไดร้ ับอิทธิพลจากชาวฮนั่ อยู่ ดงั น้นั เคร่ืองแต่งกายในสมยั น้ีจึงเป็ นการผสมผสาน ระหวา่ งกล่ินอายมองโกลและฮน่ั เส้ือผา้ ผชู้ ายชุดคลุมยาว เส้ือผา้ ผหู้ ญิงมีเทคนิคการทอโดยการใชว้ ตั ถุดิบผา้ ทอง และขนสัตว์ ในการทอเส้ือผา้ เพ่ือเป็ นการ แบ่งระหว่างการตดั เยบ็ แบบมองโกล และการตดั เยบ็ แบบฮน่ั ชาวมองโกลจะมีเอกลกั ษณ์เคร่ืองแต่งกายที่ นอกเหนือจากก่ีเพา้ ยาวแลว้ ยงั นิยมสวมหมวก “กูกู” (故姑冠 gùgūguān)เส้ือตรงหน้าอก เบไ้ ป ทางซ้าย ยาวและลึก สวมกระโปรงยาวทบั รองเทา้ บูธหนงั น่ิม หากเป็ นเส้ือผา้ สตรีชาวฮน่ั โดยทว่ั ไปแล้ว ยงั คงสืบทอดการแต่งกายสมยั ซ่งอยู่ เส้ือตรงหนา้ อก เบไ้ ปทางขวา มีผา้ คลุมไหล่ สวมกระโปรงจบั จีบ สวม รองเทา้ เรียบติดพ้นื ภาพท่ี 1.16 เส้ือผา้ ผชู้ ายสมยั หยวน ภาพที่ 1.17 เส้ือผา้ ผหู้ ญิงสมยั หยวน ท่ีมา (http://www.kongqipaoshop.com/) 7

7. วฒั นธรรมการแต่งกายยุคสมยั หมิง (明朝 míngcháo ราชวงศ์หมิง) สมยั หมิง (ค.ศ.1368 – ค.ศ.1645) ในสมยั หมิงหรือสมยั แมนจูได้ให้ความสาคญั กับการฟ้ื นฟู วฒั นธรรมของชาวฮนั่ ดงั น้นั เครื่องแตง่ กายจะมีกล่ินอายการผสมผสานระหวา่ งสมยั ฮนั่ ถงั และซ่ง เส้ือผา้ ผชู้ ายจะเนน้ เส้ือคลุมยาวเป็นหลกั ขา้ ราชการจะเนน้ สวมใส่ชุด “ป่ ูฝ”ู (补服 bǔfú) สวม หมวกผา้ แพรบาง สวมเส้ือคอกลมลายผา้ ตรงกลางเส้ือคลุมยาวบ่งบอกถึงยศตาแหน่งทางราชการ สมยั น้นั ผชู้ ายทว่ั ไปยงั นิยมสวมหมวกผา้ แบบสีเหล่ียมอีกดว้ ย เส้ือผา้ ผหู้ ญิงสวมเส้ือกนั หนาวที่มีซบั ในแบบจีน พกผา้ คลุมท่ีมีไวพ้ าดไหล่สีแดง หรือพดั และสวม กระโปรง เป็ นตน้ อรูปแบบเส้ือผา้ ส่วนใหญ่ เช่น เส้ือกกั๊ ยาว ยงั คงลอกเลียนมาจากสมยั ถงั และซ่ง นางใน สมยั หมิงนิยมสวมใส่เส้ือผา้ ท่ีดูน่าเลื่อมใส สวมเส้ือก๊กเป็ นชุดนอก แขนเส้ือแลดูเขา้ รูป กระโปรงจีบขา้ งใน สวมกางเกงขายาว ในสมยั หมิงหญิงสาวเริ่มนิยมพนั เทา้ ใหเ้ ล็กหรือเรียกกนั วา่ “เทา้ กลีบดอกบวั ” ภาพท่ี 1.18 เส้ือผา้ ผชู้ ายสวมหมวกผา้ ทรงส่ีเหลี่ยม ท่ีมา (http://www.kongqipaoshop.com/) ภาพที่ 1.19 เส้ือผา้ ผหู้ ญิงและเส้ือกก๊ั ที่มา (http://oknation.nationtv.tv/blog) 8

8. วฒั นธรรมการแต่งกายยคุ สมยั ชิง (清朝 qīngcháo ราชวงศ์ชิง) สมยั ชิง (ค.ศ.1644 – ค.ศ.1911 ) เครื่องแบบสมยั ชิงยงั คงไดร้ ับการตกทอดมาจากสมยั หมิง ใน ขณะเดียวกนั ก็รับเอาจุดเด่นของแบบเส้ือสมยั ฮนั่ เขา้ มาประยกุ ตด์ ว้ ย เส้ือผา้ ผูช้ ายยงั คงเนน้ เส้ือคลุมยาว เส้ือแจ๊คเก็ตแบบจีน เส้ือช้นั ในแบบยืดลกั ษณะเป็ นเส้ือกลา้ ม โกนศรีษะออกคร่ึงนึง อีกคร่ึงทกั เปี ยยาว เส้ือแจค๊ เก็ตแบบจีนจะสวมทบั ไวด้ า้ นนอกของชุดเส้ือคลุมที่หลวม ยาว ชุดลกั ษณะดงั กล่าวจดั ไดว้ า่ เป็นชุดพธิ ีการ เส้ือผา้ ผูห้ ญิงสมยั น้นั เป็ นลกั ษณะผสมผสานระหว่างชาวฮน่ั กบั ชาวแมนจู โดยเฉพาะก่ีเพา้ เป็ น ลกั ษณะของชาวแมนจูอยา่ งเห็นไดช้ ดั นอกเหนือจากน้ียงั มีเส้ือกก๊ั กระโปรง ผา้ คลุมไหล่ สายรัดเอว เครื่อง แต่งกายต่าง ๆ เรียกไดว้ า่ ถอดมาจากสมยั หมิงหรือแมนจูเลยก็วา่ ได้ และประเพณีการรัดเทา้ ยงั คงสืบทอด มาถึงสมยั ชิง ภาพท่ี 1.20 เส้ือผา้ ผชู้ าย ท่ีมา (http://www.kongqipaoshop.com/) ภาพที่ 1.21 เส้ือผา้ ผหู้ ญิง ท่ีมา (http://oknation.nationtv.tv/blog) 9

9. วฒั นธรรมการแต่งกายยคุ สมัยปฏิวตั ซิ ินไฮ่ (近代 jìndài ยคุ การปฏิวตั ิสมัยใหม่) สมยั ปฏิวตั ิซินไฮ่ (ค.ศ.1911-ค.ศ.1949) ในยุคสมยั ปฎิวตั ิซินไฮ่ หรือยุคปฏิวตั ิราชวงศช์ ิง เคร่ือง แต่งกายของชาวจีนนับวันยิ่งเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัฒนธรรมการแต่งกายแบบ ชาวตะวนั ตกเร่ิมเขา้ มา ทาให้ไม่วา่ จะเป็ นชุดเส้ือคลุมยาวหลวมของผูช้ าย กี่เพา้ ผหู้ ญิง เส้ือกก๊ั กางเกงและ กระโปรง ลว้ นถูกดดั แปลงผสมผสานระหวา่ งแบบเส้ือตะวนั ตกและแบบเส้ือจีน อีกท้งั ในยคุ ดงั กล่าวยงั ได้ ถือกาเนิดแบบเส้ือใหม่ในยุคน้นั คือ ชุดฟอร์มจงซาน ชุดฟอร์มนกั เรียนนักศึกษา ซ่ึงไดร้ ับความนิยมกนั อยา่ งกวา้ งขวาง ภาพท่ี 1.22 ชุดฟอร์มจงซานและเส้ือผา้ ผหู้ ญิง ที่มา (http://amanerimimiko.blogspot.com/) ภาพท่ี 1.23 เส้ือผา้ ผหู้ ญิง ท่ีมา (http://oknation.nationtv.tv/blog) 10

แบบฝึ กหดั คาถามท้ายบท 1. เส้ือผา้ เคร่ืองแตง่ กายสมยั ฉินไดร้ ับอิทธิพลจากแนวคิดใด 2. เส้ือผา้ ผหู้ ญิงในสมยั ฉินเนน้ เส้ือผา้ ลกั ษณะแบบใด 3. จงบอกส่วนประกอบของเส้ือผา้ ในสมยั ฮนั่ 4. ส่ิงใดท่ีมีชื่อเสียงมากที่สุดในสมยั ฮนั่ 5. การแตง่ กายยคุ สมยั เวย่ จิน้ หนานเป่ ยและยคุ สมยั สุ่ย และสมยั ถงั มีลกั ษณะที่เหมือนหรือแตกตา่ งกนั อยา่ งไร 6.ชุดขา้ ราชการสมยั ราชวงศห์ มิงมีชื่อวา่ อะไร 7. ยคุ สมยั ปฏิวตั ิซินไฮไ่ ดร้ ับความผสมผสานของเครื่องแต่งกายจากชาติใด และชุดแบบไหนที่ไดร้ ับความ นิยม 8. นกั เรียนมีความสนใจเคร่ืองแต่งกายในยคุ สมยั ใดท่ีสุด เพราะเหตุใด 11

บทที่ 2 วฒั นธรรมจนี ด้านอาหาร 《中国饮食文化》 จุดประสงค:์ 1. เพื่อใหผ้ เู้ รียนรู้และเขา้ ใจเกี่ยวกบั อาหารจีน 2. เพอื่ ใหผ้ เู้ รียนนามาปฏิบตั ิใชไ้ ดจ้ ริง 12

วฒั นธรรมจนี ด้านอาหาร 《中国饮食文化 zhōngguóyǐnshíwénhuà》 อาหารจีน หมายถึง อาหารที่ประกอบข้ึนตามวฒั นธรรมของชาวจีน ซ่ึงรวมท้งั จีนแผน่ ดินใหญ่ ไตห้ วนั และ ฮ่องกง ซ่ึงมีหลากหลายชนิดตามแต่ละทอ้ งถ่ิน ท้งั ยงั มีสี กลิ่น รส รูปแบบท่ีเป็ นเอกลกั ษณ์ของตวั เอง โดยทวั่ ไปนิยมรับประทานอาหารจานผกั และธัญพืชเป็ นหลกั นอกจากในราชสานกั ท่ีจะมีอาหารประเภท เน้ือ อาหารท่ีรู้จกั กนั เช่น ก๋วยเต๋ียว ติ่มซา หูฉลาม กระเพาะปลา และมีวฒั นธรรมการกินเป็ นการกิน ร่วมกนั โดยอุปกรณ์การกินหลกั คือ ตะเกียบ และอาหารจีนจะมีอุปกรณ์การทาหลกั ๆ 4 อยา่ งคือ มีด เขียง กระทะกน้ กลม และตะหลิว ประเทศจีนมีพ้ืนที่กวา้ งใหญ่ไพศาล ดงั น้นั ผลผลิตสภาพภูมิอากาศและชีวิตความเป็ นอยูข่ องแต่ละ พ้ืนท่ีก็มีความแตกต่างกนั ดงั น้นั รสชาติอาหารของแต่ละพ้ืนท่ีจึงไม่เหมือนกนั เช่น คนภาคใตจ้ ะชอบกิน อาหารรสจืด คนเสสวนชอบกินอาหารรสเผด็ คนซานซีชอบกินอาหารรสเปร้ียว ดงั น้นั จึงมีกลุ่มอาหารของ แต่ละพ้นื ท่ี เรียกวา่ 8 กลุ่มอาหารข้ึนช่ือของจีน 8 กล่มุ อาหารขนึ้ ช่ือของจีน (中国八大菜系 zhōngguóbādàcàixì) 1. อาหารซานตง (山东菜 shāndōngcài) หรือเรียกว่าหลู่ช่าย (鲁菜 lǔcài) กล่าวกนั ว่าต้งั แต่ช่วงยุคหลงั ราชวงศซ์ ่งเป็ นตน้ มา อาหารซานตงไดก้ ลายเป็ นตวั แทนของอาหารทางตอน เหนือ ซ่ึงในสมยั ราชวงศ์หมิงและราชวงศช์ ิง อาหารซานตงก็ไดก้ ลายเป็ นอาหารหลกั ที่ใชท้ าถวายในราช สานกั จุดเด่นของอาหารชานตงคือ ความพิถีพิถนั ในการปรุงซุปผกั และซุปนมเป็ นอย่างมาก อกั ท้งั ยงั ชานาญในการเผา ตม้ ทอด และผดั อาหารท่ีข้ึนชื่อไดแ้ ก่ ไก่ผาจีเต๋อโจว(德州扒鸡 dézhōu bājī), ปลาหลีฮ้ือแมน่ ้าหวงเหอเปร้ียวหวาน(糖醋黄河鲤鱼 tángcùhuánghélǐyú) เป็ นตน้ ภาพท่ี 2.1 ไก่ผาจีเต๋อโจว ภาพที่ 2.2 ปลาหลีฮ้ือแมน่ ้าหวงเหอเปร้ียวหวาน ท่ีมา (http://www.58jmw.com/) ท่ีมา ( https://www.ytn606.com/) 13

2. อาหารกวางตุ้ง (广东菜 guǎngdōngcài)หรือเรียกว่าเยว่ช่าย (粤菜 yuècài) พบวา่ อาหารกวางตุง้ ไดเ้ ริ่มมีการบนั ทึกไวต้ ้งั แต่ยคุ สมยั ฮนั่ ตะวนั ตก (西汉 xīhàn) ต่อมาจนถึงยุคสมยั ราชวงศห์ มิงและราชวงศช์ ิง ที่มีการพฒั นาอยา่ งรวดเร็วมีการติดตอ่ การคา้ กบั ต่างประเทศ ทาใหม้ ีการซึมซบั จุดเด่นของอาหารตะวนั ตกเขา้ มา อาหารกวางตุง้ เป็ นอาหารจีนท่ีเด่นดา้ นการใชเ้ ทคนิคการปรุงเพื่อคงความสดใหม่ของอาหารมาก ที่สุดมกั ใช้น้ามนั หอยและผกั ในการปรุง เนน้ การปรุงอาหารให้ดูสดและมีสีสัน รสชาตินุ่มนวล อาหาร กวางตุ้งที่ข้ึนช่ือได้แก่ ผัดกุ้งสด(油包鲜虾仁 yóubāoxiānxiārén),ลูกหมูย่าง (烤乳猪 kǎorǔzhū) เป็ นตน้ ภาพท่ี 2.3 ผดั กงุ้ สด ภาพที่ 2.4 ลกู หมยู า่ ง ที่มา (https://www.jucanw.com/) ที่มา (https://www.sohu.com/) 3. อาหารเสฉวน หรือเรียกว่า ชวนช่าย (川菜 chuāncài) อาหารเสฉวนเริ่มข้ึนในแตช่ ่วงปลายยคุ สมยั ฉินและตน้ สมยั ของราชวงศฮ์ นั่ ต่อมาในยคุ สมยั ราชวงศถ์ งั มีการ พฒั นาอย่างรวดเร็ว และในช่วงสมยั ราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงเป็ นช่วงระยะเวลาท่ีอาหารเสฉวนได้มี ชื่อเสียงอยา่ งมาก จุดเด่นของของอาหารเสฉวนคือ การให้ความสาคญั ในการคดั สรรวตั ถุดิบ พิถีพิถนั ในเร่ืองความ โดดเด่นและสีสันของอาหาร ส่วนรสชาติน้นั จะเนน้ รสชาติท่ีจดั จา้ น เปร้ียว หวาน เผด็ ชา และมนั มาก ซ่ึง รสชาติความเผด็ แบบชาๆ นี่เอง ที่กลายเป็นสไตล์เฉพาะตวั ของอาหารเสฉวน อาหารที่ข้ึนชื่อไดแก่ เส้นเน้ือ รสปลา (鱼香肉丝 yúxiāngròusī) , ชิ้นเน้ือไก่กงเป่ า (宫保鸡丁 gōngbǎojīdīng),ไก่ หน่ั หลายรส (怪味鸡块 guàiwèijīkuài),เตา้ หูห้ ม่าโผ (麻婆豆腐 mápódòufu)เป็ นตน้ นอกจากน้ีการปรุงอาหารเสฉวน ยงั ข้ึนช่ือวา่ “หน่ึงอยา่ งหน่ึงรสชาติ ร้อยอยา่ งร้อยรสชาติ” (一菜一味, 百菜百味 yīcài yīwèi,bǎicài bǎiwèi) 14

ภาพท่ี 2.5 เสน้ เน้ือรสปลา ท่ีมา (https://www.sohu.com/) ภาพท่ี 2.6 ชิ้นเน้ือไก่กงเป่ า ท่ีมา (http://www.qqgfw.com/) ภาพที่ 2.7 ไก่หลายรส ท่ีมา (https://kknews.cc/) ภาพที่ 2.8 เตา้ หูห้ มา่ โผ ท่ีมา (http://www.chinaerea.com/) 15

4. อาหารฮกเกยี้ น หรือเรียกว่าหมน่ิ ช่าย (闽菜 mǐncài) อาหารฮกเก้ียนมีต้นกาเนิดจากอาเภอหมิ่นโหว (闽侯 mǐnhóu)มณฑลฝูเจ้ียนและเป็ นอาหารที่มี ววิ ฒั นาการมาจากอาหารของเมืองฝโู จว เฉวยี นโจวและเซ้ียะเหมิน จุดเด่นอาหารฮกเก้ียนอยู่ที่หน้าตา สีสัน และความสดใหม่ของอาหารเนื่องดว้ ยมณฑลฝูเจ้ียนมี พ้ืนที่อยูต่ ิดทะเล ทาให้มีอาหารทะเลอุดมสมบูรณ์ ดว้ ยเหตุน้ีอาหารฮกเกี๊ยนส่วนใหญ่จึงใชอ้ าหารทะเลเป็ น วตั ถุดิบหลกั ในการประกอบอาหาร เด่นดา้ นการใชน้ ้าซุป มกั ใชข้ า้ วหมกั สีแดงสด โดยท่ีนามาหมกั เตา้ หูย้ ้ีสี แดงมีน้าซุปใสท่ีเก่าท่ีสุดและใชเ้ คร่ืองปรุงบางอยา่ งจากเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ เช่น น้าปลาและผงกะหรี่ อาหารทีมีชื่อเสียงคือ พระกระโดดกาแพง (佛跳墙 fútiàoqiáng) ภาพท่ี 2.9 อาหารฮกเก้ียน ภาพท่ี 2.10 พระกระโดดกาแพง ที่มา (https://m.94477.com/) ที่มา (https://www.google.com/) 5. อาหารเจ้อเจียง หรือเรียกว่า เจ๋อช่าย (浙菜 zhècài) อาหารเจ้อเจียงเป็ นการพฒั นามาจากอาหารเมืองหางโจว (杭州 hángzhōu) เมืองหนิงโป (宁波 níngbō ) และเมืองซ่าวซิง (绍兴 shàoxīng) จุดเด่นของอาหารเจอ้ เจียงคือ ความหอม สดใหม่ กรอบและละมุนของอาหาร ภาพท่ี 2.11 หมสู ามช้นั ต๋นุ ตารับซูตงโพ ภาพที่ 2.12 ฟองเตา้ หูท้ อด ท่ีมา (https://mgronline.com/) ที่มา (http://www.nipic.com/) 16

6. อาหารซูโจว หรือเรียกว่าซูช่าย (苏菜 sūcài) เกิดข้ึนในยุคสมยั ราชวงศเ์ หนือใตข้ องจีน ในยุคสมยั ราชวงศถ์ งั อาหารซูโจวมีช่ือเสียงคู่กบั อาหาร เจอ้ เจียง โดยจุดเด่นของอาหารซูโจวอยูท่ ่ีรสชาติที่เขม้ ขน้ แต่ไม่ยงั จดั จา้ นและมีความหอมละมุน ในตวั น้าซุปมีความ เขม้ ขน้ แต่ไม่เล่ียน รสชาติกลมกล่อม มีรสเค็มปนหวาน พิถีพิถนั ในรูปลกั ษณ์ และการให้สีสันของอาหาร ตามฤดูการท่ีแตกตา่ งกนั ภาพที่ 2.13 ไท่หูซานไป๋ ภาพท่ี 2.14 อาหารประเภทปลา ท่ีมา (http://thai.cri.cn/) ที่มา (https://www.shanghainavi.com/) 7. อาหารหูหนาน หรือเรียกว่าเซียงช่าย (湘菜 xiāngcài) เป็ นอาหารท่ีพฒั นามาจากอาหารของแถบพ้ืนท่ีลุ่มแม่น้าเซียง (湘江流域 xiāngjiāngliúyù) และ แถบทะเลสาบตง้ ถิง (洞庭湖区 dòngtínghúqū) จุดเด่นอาหาร หูหนานน้นั จะอยทู่ ่ีการใชว้ ตั ถุดิบท่ีหลากหลาย ความมนั และการใหส้ ีสนั ของ อาหาร โดยวตั ถุดิบหลกั ที่ใชใ้ นการประกอบอาหารหูหนานคือ พริก และเน้ือรมควนั (熏腊 xūnlà) ส่วนรสชาติของอาหารหูหนานน้นั จะเนน้ ที่รสเปร้ียวเผด็ (酸辣 Suānlà) เป็นหลกั ภาพที่ 2.15 ไก่ผดั ตงอนั ภาพที่ 2.16 เตา้ หูเ้ หมน็ ฉางชา ท่ีมา (https://m.pingguolv.com/) ท่ีมา (https://m.douguo.com/) 17

8. อาหารอานฮุย หรือ ฮุยช่าย (徽菜 huīcài) อาหารอานฮุยประกอบข้ึนมาจากอาหารของแถบแม่น้าเหยียน (沿江 yánjiāng) แม่น้าไฮว๋ (沿淮 yánhuái) และฮุยโจว (徽州 huīzhōu) จุดเด่นอยูท่ ่ีการเลือกสรรวตั ถุดิบท่ีเรียบง่าย พิถีพิถนั ในการใชไ้ ฟปรุงอาหาร นอกจากน้ี อาหาร อานฮุยจะเน้นที่ความมนั และสีสันของอาหาร และในส่วนรสชาติจะให้ความสาคญั กบั การรักษารสชาติ ด้งั เดิมของตวั วตั ถุดิบเอาไว้ ส่วนวตั ถุดิบหลกั ที่ใช้นามาประกอบอาหารน้ัน โดยมากจะใช้อาหารป่ าและ อาหารทะเล ภาพท่ี 2.17 ต๋นุ เต่ากระดองออ่ น ภาพที่ 2.18 ซุปหน่อไมเ้ ห็ดหอม ท่ีมา (http://ys.15.cc/) ที่มา (https://kknews.cc/) ภาพท่ี 2.19 พริ าบต๋นุ หวงซาน ภาพที่ 2.20 เป็ดรมควนั หวเู่ หวย ที่มา (http://k.sina.com.cn/) ท่ีมา (http://www.51chatu.com/) 18

เป็ ดปักกงิ่ เป็ ดยา่ งปักกิ่ง (北京烤鸭 běijīngkǎoyā)เป็ นอาหารข้ึนช่ือของเมืองปักก่ิง ลกั ษณะของเป็ ดยา่ ง จะมีสีแดงมนั วาว เน้ืออ่อนนุ่ม รสชาติเข้มข้น ที่โดดเด่นคือมัน แต่ไม่เล่ียนทาให้ข้ึนช่ือท้งั ในจีนและ ต่างประเทศ ร้านเป็ดยา่ งปักกิ่งที่มีช่ือเสียงที่สุด คือ ฉวนจูเ้ ต๋อ ภาพที่ 2.21 เป็ดยา่ งปักก่ิง ท่ีมา (https://www.fushifukaoya.com/) ภาพที่ 2.22 ร้านฉวนจูเ้ ต๋อ ท่ีมา (https://many-food-review.blogspot.com/) 19

แบบฝึ กหดั คาถามท้ายบท 1. อุปกรณ์การกินอาหารท่ีเป็ นวฒั ธรรมของจีนคืออะไร 2. อุปกรณ์ในการประกอบอาหารของจีนมีกี่อยา่ ง จงอธิบาย 3. กลุ่มอาหารข้ึนช่ือของจีนเรียกวา่ อะไร และมีอะไรบา้ ง 4. อาหารกลุ่มใดท่ีไดก้ ลายเป็ นอาหารหลกั ท่ีใชท้ าถวายในราชสานกั ในสมยั ราชวงศห์ มิงและชิง 5. อาหารกลุ่มใดท่ีใชอ้ าหารป่ าเป็นวตั ถุดิบในการประกอบอาหาร 6. อาหารเสฉวนมีจุดเด่นอยา่ งไร 7. พระกระโดดกาแพงอยใู่ นกลุ่มอาหารใด 8. หากผเู้ รียนไดม้ ีโอกาสฝึกทาอาหารจีน ผเู้ รียนอยากฝึกทาอาหารกลุ่มใด เพราะอะไร 20

บทท่ี 3 ชาจีน 《中国茶 zhōngguóchá》 จุดประสงค:์ 1. เพื่อใหผ้ เู้ รียนรู้ เขา้ ใจและรู้จกั วฒั นธรรมชาของจีน 2. เพื่อใหผ้ เู้ รียนสามารถนาไปปฏิบตั ิใชจ้ ริงในอนาคตได้ 21

ชาจีน 《中国茶 zhōngguóchá》 ในสมยั ราชวงศถ์ งั ชาไดร้ ับการยกยอ่ งเป็ นเครื่องดื่มประจาชาติของจีน แลว้ ศพั ทค์ าวา่ ชา หรือ (茶 chá) กถ็ ูกบญั ญตั ิข้ึนเพอ่ื เรียกใบไมช้ นิดหน่ึงที่เม่ือนามาตม้ ด่ืมแลว้ มีกลิ่นหอมทาใหช้ ุ่มคอ การดื่มชาของชาวจีนมีประวตั ิการดื่มชามากวา่ 4,000 ปี หลงั จากคนจีนโบราณไดค้ น้ พบตน้ ชา ใน ระยะแรกใชใ้ บชาในการทายา ต่อมาจึงใชเ้ ป็ นเครื่องดื่ม และขาดไม่ไดใ้ นชีวติ ประจาวนั ของชาวจีน ยงั ถือ เป็นสิ่งของ 7 อยา่ งในชีวติ ประจาวนั ของคนจีน คือ ไมข้ า้ ว น้ามนั เกลือ ซีอิ้ว น้าส้มและชา และการด่ืมชาได้ กลายเป็นวฒั นธรรมพิเศษชนิดหน่ึงของจีน ผคู้ นจึงถือการตม้ น้าชาและการชิมชาเป็ นศิลปะอยา่ งหน่ึง ต้งั แต่ สมยั โบราณจนถึงปัจจุบนั ทอ้ งถ่ินตา่ ง ๆ ของจีนมีโรงน้าชาหรือร้านน้าชามากมาย ชนิดของชา ใบชาของจีนแบง่ ตามวธิ ีการทา จึงทาใหช้ าแตล่ ะประเภทกย็ งั แบ่งออกไดอ้ ีกเป็นหลายชนิด ดงั น้ี 1. ชาเขียว (绿茶 lǜchá) ชาเขียวมีความสดและนุ่ม ไมผ่ า่ นกรรมวธิ ีการหมกั ลกั ษณะของน้าชาเป็นสีเขียวหยกและมีกล่ินหอม ชาเขียวท่ีมีช่ือเสียง คือ ชาหลงจิ่ง (龙井茶 lóngjǐngchá)ของมณฑลหางโจว, ชาป้ี หลวั ชุน (碧螺 春茶 bìluóchūnchá) ของเจียงซู , ชาเหมาเฟิ ง (毛峰茶 máofēngchá) ของภูเขาหวงซาน มณฑลอนั ฮุย และชาล่ิวอนั กวาเพี่ยน (六安瓜片茶 liùānguāpiànchá)ของอาเภอลิ่วอนั มณฑล อนั ฮุย ภาพท่ี 3.1 ชาเขียว ท่ีมา (http://www.chayishu.cn/) 22

2. ชาแดง (红茶 hóngchá) ชาแดง เป็ นชาท่ีผา่ นกรรมวิธีการหมกั ของใบชา ชงออกมาจะไดน้ ้าชาสีแดงสด ชาแดงที่ข้ึนชื่อ คือ ชาชีหง (祁红茶 qíhóngchá)ของอนั ฮุย , ชาเตียนหง (滇红茶 diānhóngchá)ของหยนุ หนาน ภาพท่ี 3.2 ชาแดง ภาพที่ 3.3 ใบชาแดง ท่ีมา (https://www.chaliyi.com/) ท่ีมา (https://leenuoo.di7.com/) 3. ชาอู่หลง (乌龙茶 wūlóngchá) ชาอู่หลง กรรมวธิ ีในการผลิตชาอูห่ ลง เริ่มจากนาใบชามาทาให้แห้งลีบโดยใชเ้ วลาท้งั สิ้น 6 ชว่ั โมง หลงั จาก น้นั จึงนาไปกลิ้งดว้ ยลูกกลิ้ง ฉีกและหมกั ดว้ ยระยะเวลาส้นั ๆ สีของชาจะเป็ นสีเหลืองทอง ชาอู่หลงที่ดีท่ีสุด คือ ชาอูอ้ ี๋เหยียนชา ( 武夷岩茶 wǔyíyánchá)อยู่ท่ีมณฑลฝเู จียน ยงั มีแหล่งผลิตใหญ่อีก คือ เกาะ ไตห้ วนั ซ่ึงชาวไตห้ วนั น้นั นิยมดื่มชาอู่หลงมาก ภาพที่ 3.4 ชาอ่หู ลง ท่ีมา (https://post.smzdm.com/) 23

4. ชาดอกไม้ (花茶 huāchá) ชาดอกไมเ้ ป็ นชาท่ีมีเฉพาะท่ีประเทศจีนเพียงประเทศเดียว เป็ นการนาดอกไมห้ อมที่ผา่ นการอบมาผสมกบั ใบชา ส่วนมากดอกไมท้ ี่นิยมนามาทาชา ไดแ้ ก่ ดอกมะลิ ดอกกุหลาบ ดอกเบญจมาศ ดอกหอมหม่ืนล้ี เป็ น ตน้ ชาท่ีมีชื่อเสียง คือ ชามะลิ (茉莉花茶 mòlìhuāchá) ของฝเู จ้ียน ภาพที่ 3.5 ชาดอกไม้ ภาพท่ี 3.6 ชากหุ ลาบ ที่มา (https://www.sohu.com/) ที่มา (https://www.aboluowang.com/) ภาพท่ี 3.7 ชาดอกมะลิ ที่มา (https://www.zhifure.com/) 24

5. ชาถวั ฉา (沱茶 tuóchá) ชาถวั ฉา เป็ นชาชนิดหน่ึงที่ผลิตในหยุนหนานและเสฉวน ผา่ นการนาใบชาไปหมกั แลว้ อดั จนมีรูปร่างคลา้ ย กบั หมน่ั โถวสะดวกตอ่ การเก็บรักษาใบชาไดน้ านนบั ร้อยๆ ปี ภาพที่ 3.8 ชาถวั ฉา ท่ีมา (www.dasintea.com.tw) 6. ชาจวนฉา (砖茶 zhuānchá) ชาจวนฉา คือชาที่อดั เป็นรูปร่างคลา้ ยกบั กอ้ นอิฐ เป็นชาที่ชนกลุ่มนอ้ ยชาวมองโกลและทิเบตชอบด่ืม ภาพที่ 3.9 ชาจวนฉา ท่ีมา (http://www.hechazu.com/) 7. ชาผเู่ อ่อร (普洱茶 pǔěrchá) ชาผูเ่ อ่อร์สด ถา้ แช่ใบชาไวน้ าน น้าชาจะมีรสชาติขมฝาดเลก็ นอ้ ย ชุ่มคอมีสรรพคุณช่วยกระตุน้ การ ทางานของระบบประสาท เมื่อด่ืมแลว้ จะทาใหร้ ู้สึกกระปร้ีกระเปร่า มีชีวติ ชีวามากยงิ่ ข้ึน ชาผเู่ อ่อร์หมกั จะนามาผา่ นกระบวนการหมกั ทาให้ไดใ้ บชาผเู่ อ่อร์หมกั ท่ีมีกล่ิน และรสชาติดีเยย่ี ม ยง่ิ เมื่อเกบ็ ใบชาไวเ้ ป็นระยะเวลายาวนาน ภาพที่ 3.10 ชาผเู่ อ่อร ท่ีมา (https://kknews.cc/) 25

รสนิยมในการด่ืมชา ความเคยชินในการดื่มชาของชาวจีนแต่ละท้องท่ีจะไม่ค่อยเหมือนกนั ในสมยั โบราณชาวจีน นอกเหนือจากนิยมด่ืมชาแลว้ ยงั นิยมใส่ หวั หอม ขิง เกลือ เป็ นส่วนประกอบ พอถึงสมยั ราชวงศห์ ยวน กลบั ไมใ่ ส่อะไรเพิม่ เติมลงไปในชาเลย จนมาถึงปัจจุบนั โดยทว่ั ไปแลว้ ชาวจีนทางตอนเหนือนิยมด่ืมชาดอกไม,้ ชาวเมืองมณฑลเจียงซู มณฑลเจอ้ เจียงนิยมดื่มชาเขียว, ชาวฝเู จียน ชาวกวางตุง้ นิยมดื่มชาอูห่ ลง ,ทางมณฑล ยนุ นานนิยมด่ืมชาผเู่ ออร์,ชาวมองโกเลีย นิยมดื่มชาโดยใส่นมและเกลือ เรียกวา่ (奶茶 nǎichá) ชาวทิเบตนิยมใส่เนยและเกลือลงไปในชา เรียกชาน้ีวา่ (酥油茶 sūyóuchá) ศิลปะการด่ืมชา ศิลปะการดื่มชา ชาวจีนเรียกศิลปะการด่ืมชาวา่ (品茶 pǐnchá)มีข้นั ตอนดงั น้ี 1. เม่ือชงชาเสร็จแลว้ ใหน้ าชาท่ีชงรินใส่แกว้ ชาท่ีเตรียมไวก้ ่อนชิมชาให้สูดกลน่ิ ชาก่อน เรียกวา่ (闻香 wénxiāng) 2. จากน้นั พนิ ิจสีของชาในแกว้ น้นั เรียกวา่ (观色 guānsè) 3. ต่อดว้ ยการจิบชาและแลว้ อมหรือกล้วั ภายในปากสักพกั แลว้ ค่อยกลืนหลงั จากน้นั ค่อย ละเลียดชิมชาจน หมดเรียกวา่ (赏味 shǎngwèi) ภาพท่ี 3.13 สูดดมกล่ินชา ภาพที่ 3.12 พินิจสีของชา ภาพท่ี 3.13 ดื่มชา ท่ีมา (http://699pic.com/) 26

วธิ ีชงชา 1. วธิ ีชงชาแบบท่ีถูกตอ้ ง ดว้ ยวธิ ีง่าย 1. เตรียมแกว้ ชงชา 2. ใส่ใบชาปริมาณ 1 ชอ้ นโตะ๊ 3. เติมน้าร้อนลงในแกว้ ชงชา หลงั จากน้นั กดน้าใหไ้ หลออกเพ่ือเป็ นการทาความสะอาดและอุ่นใบชา 4. เติม น้าร้อนจนเตม็ ปิ ดฝาทิง้ ไวป้ ระมาณ 30 วนิ าที - 1 นาที ( ถา้ แช่ชานานรสชาติจะเขม้ ขน้ (รสชาติขม) แตไ่ ม่ควรนานเกิน 3-5 นาที) แลว้ กดุ ป่ ุมดา้ นบนของฝาปิ ด เพ่ือใหน้ ้าไหลลงไปในแกว้ ดา้ นล่าง 5. รินน้าชาออกมาพร้อมดื่ม 6. สามารถเติมน้าร้อนต่อเพ่ิมไดจ้ นกวา่ รสชาติชาจะจืดลง เพม่ิ เติม กาชงชา สามารถ ชงเติมน้าต่อได้ 6 - 8 คร้ัง หรือจนกวา่ กลิ่นหอมและรสชาติจืดจางหายไป ** หมายแหตุ ชาเม่ือใชห้ มดแลว้ ภายในวนั น้นั ใหท้ ิง้ โดยไม่นากลบั มาใชใ้ หม่ ** 2. วธิ ีชงในถว้ ยชงชา 1. เตรียมถว้ ยชาและใส่ใบชาลงในถว้ ย ใชช้ าปริมาณ 1 ชอ้ นโตะ๊ 2. เติมน้าร้อนจนเตม็ ปิ ดฝาทิง้ ไวป้ ระมาณ 30 วนิ าที - 1 นาที ( ถา้ แช่ชานานรสชาติจะเขม้ ขน้ (รสชาติขม) แตไ่ ม่ควรนานเกิน 3-5 นาที) แลว้ กุดป่ ุมดา้ นบนของฝาปิ ด เพ่อื ใหน้ ้าไหลลงไปในแกว้ ดา้ นล่าง 3. รินน้าชาออกมาจากถว้ ยชงชา ไวใ้ นถว้ ยพกั ชา 4. รินออกมาพร้อมดื่ม 3. วธิ ีชงชาดว้ ยอุปกรณ์ กาน้าชา 1. เตรียมลา้ งทาความสะอาดกาน้าชา 2. ตกั ใบชาใส่ลงในกาน้าชาหน่ึงชอ้ นโตะ๊ 3. เติมน้าร้อน น้าแรกแลว้ รินออกทนั ที เพ่อื ทาความสะอาดและอุ่นใบชาใหต้ ื่นตวั 4. น้าแรกท่ีจะทิง้ กส็ ามารถมาทาความสะอาดแกว้ ดื่มชาโดยการเทราดลงบนถว้ ยชาดว้ ยความร้อน เพอื่ ฆา่ เช้ือโรคและทาความสะอาดไปดว้ ย 5. เติมน้าร้อนจนเตม็ ปิ ดฝาทิง้ ไวป้ ระมาณ 30 วนิ าที - 1 นาที ( ถา้ แช่ชานานรสชาติจะเขม้ ขน้ (รสชาติขม) แตไ่ มค่ วรนานเกิน 3-5 นาที) แลว้ กุดป่ ุมดา้ นบนของฝาปิ ด เพอ่ื ใหน้ ้าไหลลงไปในแกว้ ดา้ นล่าง 6. การรินน้าร้อนบนฝากาชงชาน้นั แลว้ แต่สะดวก เพอ่ื ควบคุมความร้อนใหค้ งที่ 7. รินน้าชาลงที่พกั ชาก่อนหรือจะใส่แกว้ ด่ืม ไดร้ สชาติหอม สดชื่น 27

แบบฝึ กหัดคาถามท้ายบท 1. ชา ไดถ้ ูกถูกบญั ญตั ิศพั ทใ์ นสมยั ราชวงศใ์ ด 2. 7 สิ่งที่ชาวจีนใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ที่ขาดไมไ่ ดม้ ีอะไรบา้ ง 3. ชาชนิดใดท่ีไม่ผา่ นกรรมวธิ ีของการหมกั 4. ศิลปะการด่ืมชาเป็นอยา่ งไร จงอธิบาย 5. ชาชนิดใดที่ถูกอดั จนมีรูปร่างคลา้ ยหมนั่ โถว 6. ชาดอกไมท้ ี่มีช่ือเสียงคือชาอะไร 7. ชาชนิดใดที่มรสรรพคุณทาใหร้ ู้สึกกระปร้ีกระเปร่า มีชีวติ ชีวามากยงิ่ ข้ึน 8. หากผเู้ รียนไดม้ ีโอกาสไดช้ งชา ผเู้ รียนอยากชงชาดว้ ยวิธีใด เพราะอะไร 28

บรรณานุกรม กิตติยา ตุย้ คา. เอกสารประกอบการเรียนวชิ ามรดกและวฒั นธรรมจีน. 2561. Kitsune-San. วฒั นธรรมจีนดา้ นตา่ งๆ. [เวบ็ บล็อก]. สืบคน้ จาก http://amanerimimiko.blogspot.com/ SSBWBLOG. วฒั นธรรมจีน. [เวบ็ บล็อก]. สืบคน้ จาก https://ssbwblog.wordpress.com/ Teaafternoon. วธิ ีการชงชา. [เวบ็ บล็อก]. สืบคน้ จาก http://www.teaafternoon.com/article/7/ 中国文化常识/国务院侨务办公室,国家汉语国际推 广领导小组 办公室.-北京:高等教育出版社 2007. 2 29


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook