11\07\2560 สงั คมไทย
1 เรอ่ื ง สังคมไทยความหมายศาสตราจารยพ์ ระยาอนุมานราชธน ไดอ้ ธบิ ายความหมายของสงั คมไทยไว้ว่าสงั คมไทย หมายถึงชนทุกกลุ่มท่ดี ำรงชีวิตอยรู่ ว่ มกัน โดยมีวัฒนธรรมไทยเป็นพื้นฐำนในกำรดำเนนิ ชีวิตสงั คมไทยมไิ ด้เน้นเฉพาะชนเชอื้ ชาติไทยเท่านนั้ แต่รวมถงึ ชนกลมุ่ นอ้ ยอื่น ๆ ซง่ึ อาจมีเช้อืชาติ ศาสนา และวฒั นธรรมบางอยา่ งแตกตา่ งกนั แตท่ ุกกลมุ่ ยึดถอื วัฒนธรรมไทยเป็นพืน้ ฐานในการดารงชวี ิตรว่ มกันลักษณะทว่ั ไปของสงั คมไทย1. ยดึ ถอื พระมหากษัตริย์และนบั ถอื พระพุทธศาสนา2. มโี ครงสรา้ งแบบหลวม ๆ ไม่ค่อยมกี ารรักษากฎเกณฑร์ ะเบยี บอย่างเครง่ ครดั มีการผ่อนปรนในเรอื่ งต่าง ๆ3. เป็นสงั คมเกษตรกรรม ประชากรมีชวี ติ อยอู่ ย่างงา่ ย ๆ4. ส่วนใหญ่ยดึ ถอื ขนบธรรมเนียมประเพณีเป็นหลกั5. โครงสรา้ งของชนช้ันยึดสถานภาพ ทรัพย์สมบตั ิ อานาจ เกยี รติยศ คณุ งามความดี เปน็ เกณฑ์การแบ่งชนช้นั6. มีความรกั ในถ่ินฐานบ้านเกิดของตนปจั จยั ทีเ่ ปน็ ตวั กาหนดลกั ษณะของสงั คมไทย1. ส่ิงแวดลอ้ มทางธรรมชาติ ไดแ้ ก่ ลักษณะภูมปิ ระเทศ ภมู ิอากาศ ทรพั ยากรและพชื พรรณธรรมชาติ ส่งิ แวดลอ้ มทางธรรมชาตินที้ าให้สังคมไทยเป็นสงั คมเกษตรกรรมมาตง้ั แต่อดีต มีขนบธรรมเนียมประเพณหี ลายอย่างทเ่ี กีย่ วขอ้ งกบั สง่ิ แวดลอ้ มทางธรรมชาติเชน่ ลกั ษณะการสรา้ งบ้านเรือน ประเพณีแห่นางแมว เป็นตน้2. สิง่ แวดลอ้ มทางวฒั นธรรม ไดแ้ ก่ สิง่ ประดิษฐ์ ศลิ ป ภาษาและวรรณคดี ความเชื่อ ตลอดจนค่านิยมทางสงั คม อทิ ธพิ ลของพระพทุ ธศาสนาในปัจจุบนั ยงั รับเทคโนโลยสี มยั ใหมจ่ ากสังคมตะวันตกทาให้เกิดการเปล่ยี นแปลงวถิ ชี วี ิตของสงั คมไทยไปจากอดตี
2 3. ส่ิงแวดลอ้ มทางสงั คม หมายถึง แบบแผนความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในสงั คม เช่น ความเปน็ไมตรชี ว่ ยเหลอื เกือ้ กูลต่อกัน การให้ความเคารพตอ่ ผใู้ หญ่ การมคี วามสมั พันธร์ ะหวา่ งสมาชิกในครอบครวั อยา่ งใกลช้ ดิ สนิทสนม เป็นต้น สิง่ แวดล้อมทางสงั คมที่ยกตวั อย่างมาน้ีบางอยา่ งก็เปล่ียนไปจากอดีตเน่ืองจากโครงสร้างประชากรของสงั คมไทยเปลี่ยนแปลงไปและเน่อื งจากการทไ่ี ด้ตดิ ต่อสัมพนั ธ์กบั สงั คมอน่ื ๆ โดยเฉพาะอทิ ธิพลจากสังคมตะวันตกทาใหส้ ่ิงแวดล้อมทางสงั คมได้ขยายกวา้ งออกไปกว่าเดิม และมผี ลต่อรปู แบบความสมั พนั ธ์ในการดาเนนิ ชวี ติ ของสังคมไทยปจั จบุ ันโครงสรา้ งของสังคมไทย โครงสร้างของสงั คมไทย หมายถงึ สว่ นต่าง ๆ ทป่ี ระกอบกันเปน็ ระบบความสมั พนั ธ์ ของสงั คมไทยท่สี าคญั ได้แก่ กลุ่มสังคมตำ่ ง ๆ ทด่ี ารงชีวติ อยู่รว่ มกนั ในสังคมไทยและสถำบนั สงั คมไทย 1. กลมุ่ ตา่ ง ๆ ทอ่ี ยู่รว่ มกนั ในสังคมไทย - ครอบครวั ไทย มลี ักษณะเป็นครอบครัวขยายประกอบดว้ ยสมาชกิ ซ่ึงเปน็ ประชากรไทย จานวนครวั เรือนในสังคมไทยมีทง้ั ส้นิ ประมาณ 11.3 ล้านครัวเรือน มจี านวนสมาชิกโดยเฉลย่ี ครัวเรอื นละ 4.99 คน และมีแนวโนม้ วา่ จานวนสมาชิกเฉล่ยี ในแตล่ ะครวั เรือนจะลดลง ทงั้ น้ีเนอ่ื งจากนโยบายควบคมุ ขนาดประชากรของรฐั บาล โดยการวางแผนครอบครัว - ชุมชน หมายถงึ กลุ่มครอบครัวซ่ึงต้ังถนิ่ ฐานอยใู่ นทอ้ งถ่นิ เดียวกัน มี วัฒนธรรมและกจิกรรมบางประการรว่ มกันเพื่อสนองความต้องการของสมาชิก และเพือ่ แก้ปญั หาในการดาเนินชีวติ ประจาวนั รว่ มกัน ชุมชนในสงั คมไทยมี 2 ประเภท คือ ชุมชนชนบทและชมุ ชนเมืองซงึ่ มีลักษณะเปรียบเทียบได้ดังน้ี
3 ชุมชนชนบท ชุมชนเมอื ง1.ประชากรมีจานวนมากแตอ่ ยู่กระจดั 1.ประชากรมีเป็นจานวนมากและอยกู่ นักระจาย อย่างหนาแน่นเปน็ ชมุ ชนเลก็ ๆ2.สถาบันการศึกษามีไมม่ ากนกั 2.มกั เปน็ ศูนยก์ ลางทางการศึกษาท่ีสาคัญ3.รายไดย้ งั นอ้ ย มอี าชีพเกษตรกรรม 3.เศรษฐกจิ ดี มรี ายได้รายจา่ ยสูง เป็นศูนย์เปน็ หลัก รวมทาง เศรษฐกิจและมอี าชีพหลากหลาย4.เปน็ การปกครองสว่ นภมู ภิ าค มีส่วน 4.เปน็ ศูนย์กลางการเมอื งการปกครองของรว่ มทาง ประเทศการเมอื งนอ้ ย5.สถาบนั ศาสนาสาคัญมากของชมุ 5.เป็นศูนยร์ วมของศาสนาและความเชอ่ืชนบทไทยมี แตร่ ะดับศรัทธาในศาสนาเครง่ ครดั ความศรัทธาในศาสนาไมส่ ูง6.มคี วามสัมพนั ธเ์ ปน็ แบบส่วนตัวและ 6.มคี วามสัมพันธ์แบบทางการ ยดึ ถือกันเอง ประโยชนเ์ ปน็เป็นไปตามประเพณี เกณฑ์7.มกี ารเปลยี่ นแปลงชา้ และมปี ญั หา 7.มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วและมีปญั หาสังคมน้อย สังคมมากเนื่องจากสังคมไทยมกี ารเปลี่ยนแปลง สังคมชนบทเดิมกับสงั คมชนบทปัจจบุ ันจึงมีความแตกตา่ งทค่ี วรสงั เกตดงั น้ีชมุ ชนชนบทปจั จบุ ัน ชมุ ชนชนบทเดิม1.มีความโดดเดย่ี วลดลง มี 1.ต้งั อยอู่ ย่างโดดเด่ียวความสัมพนั ธ์กบัชาวเมอื งมากข้นึ 2.มีความเปน็ อนั หนง่ึ อนั เดยี วกัน2.ทาการเกษตรเพอ่ื การคา้ 3.มีการใชแ้ รงงานเพอื่ การเกษตร3.มีการใช้เคร่ืองทุ่นแรงเพอื่ การเกษตร 4.เศรษฐกจิ เพ่อื การบรโิ ภค4.เศรษฐกิจเป็นแบบการค้ามากขน้ึ
4สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงสังคมชนบท 1. สาเหตุภายใน เช่น การเกดิ การตาย การยา้ ยถนิ่ ฐาน 2. สาเหตภุ ายนอก เช่น การคมนาคม การผสมผสานทางวัฒนธรรม ขอ้ แตกตา่ งระหว่างชุมชนไทยท้ัง 2 ประเภท อาจเปรียบเทยี บได้ดังนี้ ชุมชนชนบท ชุมชนเมอื ง1.มีลักษณะครอบครัวขยาย เป็นสังคม 1.ลกั ษณะครอบครัวเด่ียวเปน็ สว่ นใหญ่สว่ นใหญข่ องไทย 2.สมาชกิ สัมพันธ์กนั ตามสถานภาพ มกี าร2.สมาชกิ สัมพนั ธก์ ันแบบปฐมภมู ิ ติดต่อกันเคารพนบั ถือ เปน็ ทางการกนั แบบเครือญาติ 3.อาชีพหลากหลาย3.มอี าชพี เกษตรกรรมเปน็ หลัก 4.มีฐานะอาชพี แตกต่างกนั มาก ต้งั แตย่ าก4.ลักษณะทางเศรษฐกจิ ใกลเ้ คียงกนั จนถึง เศรษฐี5.เป็นสงั คมแบบประเพณนี า ยึดถือใน 5.วฒั นธรรมผสมปนเปศาสนาขนบธรรมเนยี มประเพณี 6.โดยเฉลยี่ คุณภาพชวี ติ สงู กวา่ ชนบท6.คณุ ภาพชีวติ ยังอยใู่ นระดบั ตา่ 7.การเปลยี่ นแปลงทางสงั คมเป็นไปรวดเร็ว7.มีการเปลีย่ นแปลงทางสงั คมชา้ แต่ ทงั้ การบางอย่าง ศึกษา เทคโนโลยี ความเป็นอยู่พัฒนาไปรวดเรว็ เช่น ชวี ิตความเป็นอยู่ - ชาตพิ ันธุต์ า่ ง ๆ ในสงั คมไทย นอกจากสงั คมไทยจะประกอบไปดว้ ยชนเช้อื ชาตไิ ทย ซง่ึเปน็ สมาชกิ ส่วนใหญข่ องสงั คมแล้ว ยังประกอบไปดว้ ยชนชาตพิ ันธ์ุอน่ื ๆ ซ่งึ ดารงชีวติ อยู่ร่วมในสังคมไทยด้วยกัน เช่น ชาวไทยเชื้อชาติสายจีน และเช้อื ชาตติ ่าง ๆ ท่กี ระจัดกระจายอยูท่ ่ัวไป นอกจากน้ียงั ประกอบไปด้วยชนกลุ่มนอ้ ย ชาวไทยทนี่ ับถอื ศาสนา
5อสิ ลามและครสิ ตใ์ นภาคใต้ เป็นตน้ กล่มุ สงั คมทกี่ ลา่ วมาน้ีแมว้ ่าจะมวี ฒั นธรรมยอ่ ยในการดาเนินชวี ิตในกลมุ่ ของตน แต่กย็ ดึ ถือวัฒนธรรมไทยเป็นวัฒนธรรมหลกั และรว่ มสรา้ งความเจรญิ แก่สงั คมไทยมาโดยตลอดสถาบนั สาคญั ของสังคมไทย 1. สถาบนั ครอบครัว ครอบครวั ของชาวไทยปจั จุบนั สว่ นใหญ่จะเปน็ ครอบครัวเดีย่ ว ประกอบด้วยสามี ภรรยา บตุ รและอาจมีคนรับใช้อาศัยอยู่ดว้ ย แตก่ ย็ งั มจี านวนไม่นอ้ ยที่เป็นครอบครัวใหญ่ คือ ครอบครวั ทมี่ ีสามี-ภรรยาอยู่หลายคูอ่ าศัยอยใู่ นบ้านเดียวกัน การแต่งงานของคนไทยจะเป็นแบบสามเี ดยี ว ภรรยาเดยี ว ห้ามแต่งงานระหว่างผู้สบื สายโลหิตการสืบสกลุ ถือผชู้ ายเปน็ หลกั บดิ าหรอื ฝ่ายชายเป็นหัวหน้าครอบครวั ครอบครวั เปน็ ท้ังหนว่ ยผลิตและหน่วยบริโภค2. สถาบนั ทางศาสนาและการศึกษา คนไทยสว่ นใหญ่นับถอื พระพทุ ธศาสนา96.4% นบั ถือศาสนาอสิ ลาม 3.7% ศาสนาครสิ ต์ 0.6% ศาสนาฮินดู 0.01% และไม่ทราบวา่ ศาสนาใด0.2% รว่ มทาบุญกันทว่ี ดั รวมกล่มุ เพื่อฟังเทศน์ ประกอบพธิ กี รรมทางศาสนา เคารพสกั การะพระภิกษเุ จา้ ถน่ิ เช่น “เจ้าอาวาส” และ “พระลูกวัด” พระซึ่งเปน็ ตวั แทนของวดั มีบทบาทเปน็ ผู้นาทางจติ ใจของประชาชนในท้องถิ่น พระจงึ เป็นหลกั แห่งความยึดเหนีย่ ว พระมีสว่ นรว่ มอยา่ งสาคัญในการพฒั นาทอ้ งถ่นิ ใจชนบท เช่น การสรา้ งโรงเรยี นสรา้ งบ่อน้าสาธารณะ สรา้ งถนน เป็นตน้ วัดเป็นสถาบนั สาคัญของหม่บู ้าน เปน็ ศูนยร์ วมของชาวชนบท โรงเรียนเปน็ สถาบันการศกึ ษาทเี่ ดก็ ๆ ในชนบทไปเรียนหนงั สือ บางโรงเรียนก็ขาดเครือ่ งมืออุปกรณ์การสอน ขาดครู ขาดอาคารเรยี น ฯลฯ โดยเฉพาะโรงเรียนท่ตี ั้งอย่ใู นถ่ินทรุ กนั ดาร การคมนาคมไม่สะดวก ทาใหเ้ ด็ก ๆ ชนบทได้รับการศึกษาไมท่ ่วั ถงึ การศึกษาของเด็กชนบทตา่ อีกอย่างหนึง่ เพราะพอ่ แมข่ องเดก็ ชนบทส่วนใหญ่ มฐี านะทางเศรษฐกจิ ยากจน ไม่สามารถท่ีจะสง่ บุตรหลานได้ศึกษาต่อข้นั สูงการเงินเป็นอปุ สรรคอย่างใหญ่หลวงในการศกึ ษาเลา่ เรียนของเดก็ ชนบทไทย3. สถาบนั ทางเศรษฐกิจ ชาวชนบทไทยรอ้ ยละ 80 เป็นเกษตรกร เกยี่ วขอ้ งกับการเกษตรกรรม
6เช่น การทานา ทาไร่ ทาสวน เลยี้ งสตั ว์ เปน็ ตน้ สนิ ค้าออกท่ีชว่ ยผดุงเศรษฐกิจของประเทศประมาณร้อยละ 90 เปน็ ผลผลติ ทางเกษตรกรรม ได้แก่ ขา้ ว ยางพารา ขา้ วโพด ไม้สกั ปอมันสาปะหลัง4. สถาบนั พระมหากษัตริย์ จากประวตั ศิ าสตร์อันยาวนานของประเทศไทยได้จารึกให้เป็นท่ีประจักษ์ว่า ประเทศไทยมพี ระมหากษัตริย์ปกครองประเทศมาตัง้ แต่สมยั เร่ิมแรกมลี กั ษณะเป็นแบบพอ่ ปกครองลูกการเรยี กพระมหากษตั รยิ ์จึงมีคาขน้ึ ตน้ ว่า “พ่อขุน”ตลอดระยะเวลาที่ประเทศไทยสามารถรวบรวมแคว้นตา่ ง ๆ เขา้ มาอยูร่ วมกันเป็นประเทศไดน้ น้ั ประเทศไทยมพี ระมหากษตั รยิ ป์ กครองสืบตอ่ กนั เรอ่ื ยมา ในปัจจบุ ันนส้ี ถาบนัพระมหากษตั รยิ ์เปน็ ศนู ยร์ วมน้าใจของคนไทยท้ังชาติพระมหากษัตรยิ ์องคป์ จั จุบนั คือพระบาทสมเดจ็ พระจ้าอย่หู วั ภมู ิพลมหาราช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่เป่ยี มไปด้วยทศพิธราชธรรม พระองคท์ รงปกครองพสกนิกรดว้ ยพระมหากรณุ าธคิ ุณ ประดุจดังบดิ าปกครองบตุ ร พระบารมีของพระองคแ์ ผ่ไพศาล ปกป้องภยันตรายแกผ่ องไทยท้ังชาติพสกนิกรไทยทวั่ หน้าตา่ งซาบซึ้งในพระราชกรณกี ิจท่ีพระองคไ์ ด้ทรงบาเพ็ญแกป่ ระเทศชาติและแกอ่ าณาประชาราษฎร์ พระองคจ์ ึงทรงเปน็ เสมือนจดุ รวมพลังแห่งความสามัคคขี องคนไทยท้งั ชาติ นอกจากนีบ้ รรดาพสกนกิ รชาวไทย ต่างก็ไดต้ ระหนักเปน็ อย่างดวี ่าสถาบนั พระมหากษัตรยิ ์เป็นเสมือนหลกั ชัยของประเทศ และจะเทิดทนู สถาบนัพระมหากษัตรยิ ์ใหค้ งอยูค่ ู่ชาตไิ ทยไปช่วั กาลนานคา่ นยิ มทางสงั คมไทยค่านิยม (Value) หมายถึง ส่ิงทมี่ ีคณุ ค่า นา่ ยกยอ่ ง เป็นรูปแบบของความคดิ ทต่ี ดิ อยู่ในจติ ใจของคนในสังคม และเปน็ แนวทางท่คี นยดึ ถอื ไวเ้ พือ่ ประพฤตปิ ฏิบัติ ค่านิยมแบ่งเป็น 2 ประเภท1. ค่านิยมของบคุ คล ซง่ึ บุคคลจะแสดงออกใหเ้ หน็ ไดจ้ ากการตดั สินใจของตนเองทงั้ น้ียอ่ มจะแตกตา่ งไปตามความถนดั และความสนใจของแตล่ ะบคุ คล2. ค่านยิ มของกลุ่มหรอื คา่ นยิ มของสงั คม ซ่งึ ชี้ใหเ้ ป็นถงึ การเลอื กสรร การยกยอ่ ง และสิง่ ทบี่ ุคคลทัว่
7ไปในสังคมปรารถนาวา่ มอี ะไรบา้ ง สิ่งเหลา่ นย้ี ่อมเป็นแนวทางใหบ้ คุ คลอืน่ ๆ ในสังคมทราบว่าควรปฏบิ ตั อิ ยา่ งไรในสถานการณห์ นึ่งสถานการณใ์ ด ลักษณะของคา่ นิยม ค่านิยมมลี ักษณะดังน้ี 1. ค่านิยมมที ัง้ ค่านิยมท่ีดี และค่านิยมที่ไมด่ ี 2. เป็นสิง่ ท่สี ามารถปลกู ฝงั ถ่ายทอดได้ 3. สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ แต่กไ็ มอ่ าจจะทาได้โดยง่ายนกั อยา่ งไรกต็ ามการ เปลีย่ นแปลงคา่นิยมอาจจะทาได้งา่ ยขนึ้ เมอื่ บุคคลได้เรียนรู้และมปี ระสบการณเ์ พม่ิ ข้นึ 4. เป็นมาตรฐานอย่างหนง่ึ ในการประเมนิ ความประพฤติของบคุ คล ความสาคญั ของค่านยิ ม 1. คา่ นิยมเปน็ สิ่งทมี่ ีความสาคัญตอ่ การแสดงพฤติกรรมของบคุ คล 2. ค่านยิ มเป็นสิ่งท่ีควบคุมพฤติกรรมของคนในสังคม 3. ค่านิยมมีอิทธพิ ลตอ่ บคุ ลิกภาพ และอปุ นิสัยใจคอของคนสว่ นมาก เพราะบคุ คลใน สังคมย่อมได้รับอิทธิพลจากค่านิยมของสังคม 4. คา่ นิยมจะช่วยให้คนในสงั คมมจี ดุ มุ่งหมายอยา่ งเดียวกนั ทาให้มคี วามเชอื่ ในเรอื่ ง ต่าง ๆ อย่างเดียวกนั ดังนั้นค่านยิ มของสงั คมจงึ จัดว่าเป็นกระบวนการทีเกิดขึ้นเพื่อสร้างความสงบเรยี บรอ้ ยให้แก่สังคม ท่มี าของค่านิยมของสังคมไทย 1. ไดจ้ ากการศาสนาพุทธ ปะปนกบั ศาสนาพราหมณ์ 2. ไดจ้ ากสงั คมด้งั เดิม คอื ระบบศกั ดินา เช่น ค่านิยมการนบั ถอื เจา้ นาย ยศถาบรรดาศักด์ิ เป็นตน้ 3. ได้จากระบบสงั คมเกษตรกรรม เช่น ความเฉอ่ื ย ขาดความกระตอื รอื ร้น ยึดตัว บุคคล 4. ได้จากความเชอ่ื ในอานาจศกั ดิส์ ิทธิ์โชคลาภ คา่ นิยมของชนุ สังคมชนบทในสังคมไทย 1. ยอมรบั เรอื่ งบุญวาสนา กรรมเกา่ โดยไมโ่ ต้แยง้ 2. เชอื่ ถือโชคลาภ เพราะมีวถิ ีชวี ิตผกู พันกบั ธรรมชาติ
83. นิยมเครอ่ื งประดบั ประเภท ทอง เพชรนลิ จนิ ดา4. ชอบเสยี่ งโชค5. เชดิ ชูยกยอ่ งผคู้ ุณความดี6. นยิ มทาบุญเกนิ กาลงั และพิธกี ารต่าง ๆ7. ไม่นยิ มโต้แยง้ ขีเ้ กรงใจคน เช่อื ผสู้ ง่ั เห็นแกห่ นา้8. พงึ่ พาอาศัยกนั ร่วมมือกนั ชว่ ยเหลือจุนเจอื กนั9. สนั โดษ เรอื่ งท่ีเก่ยี วกับสว่ นรวมไม่คอ่ ยกระตือรอื รน้10. หวังผลเฉพาะหนา้ เช่น สนใจเฉพาะผลผลิตปีนี้ โดยไมค่ อ่ ยสนใจอนาคตค่านยิ มของสังคมเมืองในสังคมไทย1. มีเหตผุ ล จะไม่เชื่อเรือ่ งทพ่ี สิ ูจนไ์ มไ่ ด้2. มีกาหนดเวลาแต่ละวันชัดเจน เช่น ต่ืนนอน ไปทางาน3. มีการแขง่ ขนั สูง ต้องดน้ิ รนเพ่ือความอยรู่ อด4. นิยมตะวนั ตก เช่น การใชเ้ ทคโนโลยี การแตง่ กาย การนนั ทนาการ มคี วาม รับผิดชอบต่อสังคม5. ชอบงานฟุ่มเฟือยหรหู รา เช่น ตกแตง่ บ้านหรูหรา การเล้ียงรนุ่ เล่ือนยศ วนั เกิด ฯลฯ6. เหน็ แก่ตวั ไม่คอ่ ยไวใ้ จใคร เน่ืองจากต้องแขง่ ขัน และมีสมาชิกในสังคมมากคา่ นยิ มทคี่ วรปลูกฝังในสงั คมไทย คา่ นยิ มทด่ี ีงามควรปลกู ฝงั ในสงั คมไทยมีดังน้ี1. การจงรักภกั ดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์2. ความซอื่ สตั ยส์ ุจริต3. ความขยนั ขันแข็งมีมานะอดทน4. การยกย่องผทู้ ่ีทาความดี5. ความกตญั ญูกตเวที6. การเคารพผอู้ าวุโส7. การไมผ่ ูกพยาบาท8. การนยิ มของไทย9. การเหน็ แก่ประโยชน์ของส่วนรวม10. ความเออ้ื เฟอื้ เผ่ือแผ่
9 คา่ นยิ มท่คี วรแก้ไขในสงั คมไทย คา่ นยิ มในทางทีไ่ มถ่ ูกต้องจะเป็นอปุ สรรคในการอยู่ ร่วมกันในสงั คมไทย ค่านิยมที่ควรแกไ้ ขมดี งั น้ี 1. การเหน็ คณุ ค่าของเงินตรามากเกินไป 2. การชอบเสย่ี งโชคและถือโชคลาง 3. การขาดระเบยี บวนิ ยั 4. การนยิ มใช้ของท่มี าจากต่างประเทศ 5. การไมร่ จู้ กั ประมาณในการใชจ้ ่าย 6. การไมช่ อบเหน็ ใครดีเด่นกว่าตนเองปัญหาสังคมไทย ปญั หาสงั คม (Social Problem) หมายถงึ สถานการณ์ทีม่ ผี ลกระทบกระเทือนต่อคนจานวนหน่งึ ซึง่ มากพอควรและเกดิ ความรสู้ กึ กว่าควรมารว่ มกันแก้ปญั หาน้ันให้ดีข้นึ ลกั ษณะของปญั หาสงั คม ปญั หาสงั คมโดยท่วั ไปมลี ักษณะดงั นีค้ อื 1. เปน็ สถานการณ์ที่กระทบกระเทอื นบุคคลเป็นจานวนมาก 2. เปน็ สิ่งทไ่ี มถ่ กู ต้องชอบธรรม 3. รู้สกึ วา่ สามารถจดั การอย่างใดอย่างหน่ึงได้ 4. การแกไ้ ขมลี กั ษณะทจ่ี ะรว่ มมอื รว่ มใจกัน สาเหตขุ องปัญหาสังคม มีปจั จยั หลายอยา่ ง เชน่ 1. เกดิ จำกกำรเปลี่ยนแปลงทำงสงั คม ไดแ้ ก่ - สมาชิกในสงั คมสร้างระบบสังคมและค่านยิ มใหม่ ๆ ทาให้ระเบยี บกฎเกณฑ์ เดิมไม่อาจนามาใชไ้ ด้ - การเปลี่ยนแปลงเปน็ สังคมเมอื ง ทาให้เกดิ ปัญหาตา่ ง ๆ เช่น แหล่งเส่อื ม โทรม ความยากจน ฯลฯ - การเปลยี่ นแปลงจากสงั คมเกษตรกรรมเป็นสงั คมอตุ สาหกรรม ทาให้เกดิ ปัญหาต่าง ๆเช่น การอพยพเข้าสตู่ วั เมอื งเพอ่ื หางานทา
10 2. เกิดจำกสมำชกิ ในสงั คมบำงคนหรอื บำงกลุ่ม ไม่ปฏบิ ัติตำมระเบยี บกฎเกณฑ์ที่ สังคมวำงไว้ ทาให้เกิดการขาดระเบียบและกอ่ ให้เกิดปัญหาทางสังคมขึ้น โดยมี สาเหตเุ กิดจาก - ความขดั แย้งระหว่างกฎเกณฑ์กับความมุ่งหมาย เชน่ นักเรยี นขยนั ทอ่ ง หนังสือ แต่สอบตกจงึ ตอ้ งทุจริตในการสอบ - ความล้มเหลวของกระบวนการขัดเกลาทางสังคม - สมาชกิ ในสงั คมบางคนหรอื บางกลุ่ม มีบคุ ลกิ ภาพทีเ่ ป็นปัญหาสร้างความ เดอื ดรอ้ นให้สังคม เช่น ชอบก่อการววิ าท เป็นต้น 3. เกดิ จำกกำรท่ีกล่มุ สงั คมต่ำง ๆ มคี วำมคิดเหน็ ควำมต้องกำรและผลประโยชน์ ขดั กนั ไมย่ อมร่วมมอื กนั แก้ไขปญั หาของสังคม เช่น นายจา้ งเอารัดเอาเปรียบลกู จา้ ง เปน็ ตน้ 4. กำรเปล่ยี นแปลงทำงเทคโนโลยี ก่อใหเ้ กดิ ปญั หา 2 ประการ คือ - ปัญหาการวา่ งงานเพราะมีการนาเครอ่ื งจกั ร เคร่อื งทนุ่ แรงมาใช้ - ปญั หาสง่ิ แวดล้อมเป็นพษิ เน่ืองจากผลกระทบของเทคโนโลยีนัน้ 5. กำรเปลีย่ นแปลงบรรทัดฐำนของสงั คม เช่น หากมกี ารเปลย่ี นแปลงระบบการ ปกครองเปน็ประชาธปิ ไตย อาจกอ่ ใหเ้ กิดการต่อตา้ นหรอื การผูกขาดอานาจทางการเมือง 6. ควำมลำ้ หลังทำงวฒั นธรรม ท้ังนี้เพราะความเจรญิ ทางวัตถุกบั จติ ใจยังไม่มี ความสัมพนั ธ์กนั แนวทางแกป้ ัญหาสงั คมไทย 1. แกป้ ัญหำแบบระยะสน้ั หรอื แบบย่อย เป็นการแกป้ ัญหาเฉพาะหน้า ทีไ่ มไ่ ด้มี การวางแผนมากอ่ นเช่น ปี 2538 น้าท่วมกรงุ เทพมหานครฉับพลัน กรุงเทพมหานครวางแผนรับมือ โดยการสรา้ งคันดินกนั้ น้าเปน็ การด่วน 2. แกป้ ัญหำแบบระยะยำว หรือแบบรวม เพ่ือหามาตราการมใิ ห้เกดิ ปัญหานั้นอีก เช่น หลงั จากสร้างคันดนิ แล้ว กรุงเทพมหานครได้วางโครงการปอ้ งกันนา้ ท่วมระยะยาว เพื่อป้องกนั การเกิดนา้ ท่วมตลอดไป
11 ปญั หาที่สาคญั ของสังคมไทย 1. ปัญหำควำมยำกจน มสี าเหตุมาจาก - การเพม่ิ ประชากรอยา่ งรวดเร็ว - การขาดการศกึ ษา ทาให้ตอ้ งประกอบอาชพี ทม่ี ีรายไดต้ ่า - ขาดความชานาญหรือทกั ษะในการประกอบอาชพี จึงหางานทายาก - ครอบครัวแตกแยก เช่น หวั หน้าครอบครัวเลน่ การพนนั ด่ืมสุรา ทาให้ เกดิ ความยากจน - ได้รับบาดเจบ็ หรือทุพพลภาพจากเครอื่ งจกั รในโรงงาน ทาให้ทางานไม่ได้ หรือได้นอ้ ยลง - ลกั ษณะอาชีพมรี ายไดส้ มา่ เสมอ จะเหน็ จากพวกเกษตรกร และกรรมกร รับจ้าง - ภัยจากธรรมชาติ หรือโรคระบาด เห็นได้ชดั เจนจากการเกษตร ทาให้ผล ผลิตเสยี หายขายไมไ่ ดร้ าคา - การมีบตุ รมากเกินไป รายได้ไมพ่ อกับรายจา่ ย - มีนสิ ัยเฉื่อยชาและเกียจครา้ น เช่น ไม่กระตอื รอื รน้ ทจี่ ะพัฒนาอาชีพของ ตน ไมช่ อบทางาน เป็นตน้ แนวทำงป้องกนั และแกไ้ ขปัญหำ - พฒั นาเศรษฐกจิ เช่น ปฏิรูปทีด่ นิ ขยายการคมนาคมขนส่ง เปน็ ต้น - พัฒนาสงั คม เช่น บริหารฝกึ อาชพี ใหป้ ระชาชน พฒั นาโครงการขยาย โอกาสทางการศกึ ษา - พัฒนาคุณภาพชีวิตประชากร เช่น ขยายโรงพยาบาล เสรมิ สรา้ งค่านิยม ในการทางานเปน็ ต้น 2. ปญั หำสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมในสังคมไทย สาเหตุหลกั ของปญั หาสิ่งแวดลอ้ มมี 2 ประการคอื 1. สภาวะทางธรรมชาติ เช่น ความรอ้ น แสงแดด ฝนลม ทาใหส้ ภาพภูมิ ประเทศถูกทาลายได้
12เอง ยากทจี่ ะบรรเทารักษา แตก่ ารทาลายโดยวธิ ีน้ใี ชเ้ วลานานมาก 2. การกระทาของมนุษย์ ทาลายไดร้ วดเร็วและรนุ แรงยิง่ กว่าธรรมชาตมิ ากนกั สาเหตุหลกั มาจาก - การเพมิ่ ประชากร - การขยายตัวทางเศรษฐกจิ และเทคโนโลยี แนวทำงป้องกนั และแกไ้ ขปญั หำ - แก้พฤติกรรมของคนอนั เปน็ สาเหตขุ องปญั หา ตั้งแต่เรือ่ งเล็กน้อย เช่น ไม่ท้ิงขยะลงในแมน่ า้ ไปถึงเร่ืองใหญ่โตกวา้ งขวาง โดยการสร้างจติ สานกึ ใหร้ ้คู ณุ คา่ ของส่ิงแวดล้อม - อนุรกั ษ์สภาพแวดลอ้ ม โดยการนาทรพั ยากรธรรมชาตมิ าใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชนส์ งู สุด - พฒั นาสภาพแวดลอ้ มท่ีมอี ยแู่ ล้วใหด้ ีขน้ึ กว่าเดิม และสรา้ งส่งิ แวดล้อมใหม่ ทดี่ ีขน้ึ มาเพิม่เติม 3. ปญั หำสงิ่ เสพยต์ ิดยาเสพยต์ ิด มหี ลายชนิด ได้แก่ ฝิ่น มอรฟ์ นี เฮโรอนี กระทอ่ ม แอมเฟตามีน บาร์บทิ -เรต แอล.เอส.ด.ี และสารระเหย ปัญหาสิง่ เสพย์ตดิ ส่วนใหญ่มกั จะพบในกรุงเทพมหานคร และมแี นวโน้มว่าจะเพมิ่ ข้ึน นบั เป็นปัญหาแกส่ ังคมไทยอย่างร้ายแรง แนวทำงป้องกันและแกไ้ ขปัญหำ - ผมู้ ีสว่ นเกย่ี วขอ้ งได้แก่ ครู ผปู้ กครอง โรงเรียน สือ่ มวลชน ตอ้ ง ประชาสัมพนั ธใ์ ห้สงั คมรับรอู้ ันตรายจากสิง่ เสพยต์ ิด - รัฐบาลจะตอ้ งกาหนดมาตรฐานการลงโทษแก่ผูค้ า้ ยาเสพย์ติด และ จดั บริการบาบัดแก่ผู้ตดิยาเสพย์ตดิ อย่างเพยี งพอ - สมาชิกในสังคมไทยโดยเฉพาะเยาวชน และผู้ใชแ้ รงงาน ต้องมคี วาม รบั ผดิ ชอบตนเอง มีเหตุผล ไม่หลงเช่ือคาชกั จูงของผอู้ ่นื
13 - ครอบครัวจะต้องให้การอบรมบตุ ร ใหค้ วามรกั และความอบอนุ่ ทางดา้ น จิตใจ แกส่ มาชิกในครอบครัว 4.ปญั หำโรคเอดส์ เกดิ จากเช้ือไวรสั เอดส์ ชอื่ ภาษาอังกฤษวา่ Human immunodeficiency Virus หรือ เอชไอวี(H.I.V.) กลุ่มทต่ี ดิ เชอื้ ส่วนใหญม่ าจากผู้ท่มี ีพฤตกิ รรมสาสอ่ นทางเพศ และติดยาเสพย์ตดิในปจั จบุ ันปัญหานเี้ ป็นภยั อย่างร้ายแรงของสงั คมไทย และนบั วันจะทวีมากขนึ้ หากไมม่ ีการวางแผนปอ้ งกนั ทีด่ ี แนวทำงป้องกนั และแกไ้ ขปญั หำ - หน่วยงานทม่ี หี นา้ ทเี่ กย่ี วข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสขุ จะตอ้ งวางแผน และโครงการป้องกนั การแพรข่ องโรคเอดส์ ดว้ ยวธิ กี ารตา่ ง ๆ ท้งั ระยะสนั้ และระยะยาว - รฐั จะตอ้ งประชาสมั พนั ธ์ให้ความรเู้ ก่ียวกบั โรคเอดส์ - สรา้ งคา่ นยิ มที่ถูกต้องใหส้ งั คมไทย เช่น ผู้ชายไม่ควรเท่ียวหญงิ บรกิ าร เพราะจะทาให้ภรรยาติดเชอื้ ได้ - แก้ปญั หาอน่ื ๆ อันเปน็ สาเหตุเกย่ี วขอ้ งกับโรคเอดส์ เช่น ปญั หาความ ยากจน ปญั หายาเสพยต์ ิด ปัญหาโสเภณี ฯลฯ 4. ปัญหำอำชญำกรรม เปน็ ปญั หาที่คุกคามต่อความสงบเรียบร้อยและความ ผาสกุ ของประชาชนในสังคม สาเหตุของปัญหาอาชญากรรมมหี ลายประการดังต่อไปน้ี - เกิดความบกพรอ่ งทางร่างกาย - เกดิ จากความบกพรอ่ งทางจิตใจ - เกดิ จากสงิ่ แวดล้อม - เกิดจากการไร้ระเบียบในสงั คม แนวทำงปอ้ งกนั และแก้ไขปญั หำ - การลงโทษผู้กระทาผดิ
14 - การเขา้ คา่ ยฝึกอบรมใหก้ ลบั ประพฤติตนเปน็ คนดี - ให้คาแนะนาปรึกษาใหป้ ระพฤติตนอย่างถูกตอ้ ง - การพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมเพ่อื ให้ประชากรมคี ุณภาพที่ดี 5. ปญั หำสุขภำพอนำมัย เปน็ ปัญหาเก่ียวกับความเจบ็ ปว่ ยอนั เน่อื งจากขาด ความร้คู วามเข้าใจเกี่ยวกบั สขุ ภาพอนามยั โภชนาการ การรกั ษาโรคภยั ไข้เจบ็ ฯลฯ สาเหตุของปัญหาสขุ ภาพอนามยั มีดงั น้ี 1. ขาดความรเู้ กย่ี วกบั สุขภาพอนามัย 2. ขาดแคลนหมอและอุปกรณ์การแพทย์ 3. ข้อผดิ พลาดและปญั หาด้านการบริการ 4. ปัญหาด้านการกระจายแพทย์ไปยงั โรงพยาบาลต่าง ๆ 6. ปัญหำกำรฉอ้ รำษฎร์บงั หลวง เป็นปัญหาทเ่ี กิดข้ึนในทุกสงั คมรวมทง้ั ประเทศ ไทย ก่อใหเ้ กิดปัญหาทีบ่ ั่นทอนความกา้ วหนา้ ของสงั คมไทยมาโดยตลอด กอ่ ใหเ้ กดิ ผลเสียดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ทาให้ชาติเส่ือมเสยี ชือ่ เสียง 2. เกิดความแตกแยกและความไม่ยุตธิ รรมในสงั คม 3. เปน็ อุปสรรคต่อการพฒั นาประเทศ 4. ประชาชนขาดความศรทั ธาในข้าราชการและรฐั บาล 5. เปน็ ขอ้ อ้างของฝ่ายตรงขา้ มกบั รฐั บาล สาเหตุของปญั หาฉอ้ ราษฎร์บังหลวง 1. แรงจูงใจและโอกาสอานวย 2. ความจาเปน็ ทางเศรษฐกิจ 3. กฎหมายมีขอ้ บกพร่อง 4. การบริหารงานขาดประสทิ ธิภาพ 5. ค่านยิ มในทางทไ่ี มถ่ ูกต้อง 7. ปญั หำโสเภณี นับเป็นปัญหาสังคมทีส่ าคัญปญั หาหนงึ่ แสดงใหเ้ หน็ ถึงความ เสื่อมทางศีลธรรมและสง่ ผลไปยังปัญหาโรครา้ ยต่าง ๆ รวมท้งั โรคเอดส์
15 สาเหตทุ ส่ี าคญั ของปัญหาโสเภณี คือ คา่ นิยมในด้านเงินตราและวตั ถุ รวมท้งัการแสวงหาผลประโยชนจ์ ากสถานบริการและนโยบายสง่ เสรมิ การทอ่ งเที่ยว แนวทางการป้องกนั และแก้ไขปญั หาสงั คมไทย การแกไ้ ขปญั หาสงั คมนัน้ ตอ้ งแก้ตามปญั หาทเี่ กิดขน้ึ เพราะแตล่ ะปัญหามีสาเหตแุ ตกต่างกันออกไป แนวทางการปอ้ งกนั และแก้ไขปัญหาสังคม อาจสรุปได้ดังน้ี - รัฐบาลจะตอ้ งวางระเบียบและออกกฎหมาย เพ่ือกาหนดมาตรการปอ้ งกนั และปราบปรามผู้กระทาความผดิ อย่างรัดกมุ เช่น ออกกฎหมายลงโทษผทู้ ี่ค้ายาเสพยต์ ดิ หรือล่อลวงหญงิมาเปน็ โสเภณี เปน็ ตน้ - วางแผนและนโยบายแกไ้ ขปญั หาสังคมท่ีเกดิ ข้นึ ประสานการทางาน ระหว่างรัฐกับเอกชนเพ่ือแก้ปัญหานน้ั ๆ เช่น จัดโครงการอนรุ ักษ์ส่งิ แวดล้อม โครงการรณรงคโ์ รคเอดส์ เปน็ต้น - ให้การศึกษาแก่ประชาชนเพราะการศกึ ษาเปน็ บ่อเกดิ ของเหตุผลและการมี ความคดิ ทด่ี ี - ปรับปรงุ ระบบสงั คมใหม้ ีประสทิ ธิภาพ เช่น ระบบการใหส้ วสั ดิการแกผ่ ู้ ยากไร้ การประกันสังคม การวางแผนครอบครวั เปน็ ตน้ - พัฒนาเศรษฐกจิ ทั้งทางเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และการบรกิ าร ช่วยเหลือดา้ นตา่ ง ๆเช่น การประกันราคาพชื ผล ส่งเสริมการลงทุน พยายามให้บุคคลในท้องถนิ่ มีงานทาตลอดปี - พัฒนาสังคม เช่น สือ่ มวลชนช่วยกนั เผยแพร่สรา้ งค่านิยมทด่ี แี กส่ ังคม ครอบครัวพยายามสรา้ งคา่ นยิ มทดี่ ใี หแ้ กบ่ ตุ ร รณรงคใ์ ห้ประชาชนร่วมมอื ในการแก้ปัญหาสงั คมที่เกดิ ขึ้น เปน็ ต้น
16
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: