Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่1-หลักการและเทคนิคปฏิบัติเกี่ยวกับการควบคุมการแพร่กระจายเชื้อ

บทที่1-หลักการและเทคนิคปฏิบัติเกี่ยวกับการควบคุมการแพร่กระจายเชื้อ

Published by siriornk-ple, 2018-08-07 02:21:06

Description: บทที่1-IC -ปี2 รุ่น 26-7สค.61
โดย อาจารย์สิริอร ข้อยุ่น

Search

Read the Text Version

ไมครอน

40,000 Droplets by Cough

3. การแพร่เชือทางอากาศ อนุภาคมีขนาดเลก็ สามารถหลุดลง ในหลอดลมคอ และลงไปในถุงลมได้

การแพร่กระจายเชือด้วยวธิ ีอืนๆ (พบได้น้อยใน รพ.) ทางพาหะหรือสือนํา (common vehicle transmission) เกดิ จากการทีมีเชือจุลชีพปนเปื อนอยู่ ในเลือดผลิตภณั ฑ์ของเลือด หนอง อาหาร นํา ยา สารนําทใี ห้กับผู้ป่ วยทางแมลง หรือสัตว์นําโรค(vecterborne transmission) ได้ รับเชื อจากการถูกแมลงหรือสัตว์ กดั และเชือทมี ีอย่ใู นแมลงถกู ถ่ายทอดสู่คน

ผลกระทบของการตดิ เชือในรพ. ต่อผู้ป่ วย ---- เจบ็ ป่ วยเพมิ , ป่ วยรุนแรง, มีโอกาส เสียชีวติ /พกิ าร, เสียค่าใช้จ่าย, เสียเวลา, เสียความรู้สกึ ต่อญาติ --- เสียค่าใช้จ่าย, เสียเวลา, เสียความรู้สกึ ต่อบุคลากร-- ภาระงานมากขึน, มีโอกาสตดิ เชือ ต่อ รพ. --- เสียค่าใช้จ่าย, เสีย.....................

การดาํ เนินงานควบคุมและป้ องกันการตดิ เชือ ทเี กียวข้องกับการรักษาพยาบาล

แนวทางการดาํ เนินงาน IC ด้านบุคลากร1. การตรวจสุขภาพก่อนปฏบิ ตั งิ าน2. การตรวจสุขภาพประจาํ ปี และตรวจสุขภาพตามความ เสียง3. การป้ องกันอุบตั เิ หตุขณะปฏบิ ตั งิ าน และแนวทางการ บริหารจดั การหลังเกดิ อุบตั เิ หตุขณะปฏบิ ตั งิ าน (post exposure management :เชือเอชไอว,ี ตบั อกั เสบบ,ี วัณโรค)4. การสร้างเสริมภมู ิคุ้มกัน (การฉีดวัคซีน)

แนวทางการดาํ เนินงาน IC ด้านผู้รับบริการกลุ่มที 1 ผู้รับบริการ/ผู้ป่ วย ทไี ด้รับหตั ถการ หรือมีการสอดใส่ อุปกรณ์ในร่างกาย : ผู้ป่ วยทีได้รับการผ่าตดั , ผู้ป่ วยใส่เครืองช่วย หายใจ, ผู้ป่ วยใส่คาสายสวนปัสสาวะกลุ่มที 2 ผู้รับบริการ /ผู้ป่ วยทมี ีการเจบ็ ป่ วยเรือรัง และมีภมู ิ ต้านทานตาํ : ผู้ป่ วยมะเร็งรับยาเคมบี าํ บดักลุ่มที 3 ผู้รับบริการ/ผู้ป่ วยทมี ีการตดิ เชือทสี ามารถ แพร่กระจายเชือได้ทางละอองฝอย หรือทางอากาศ(ส่วนมากเป็ นโรคอุบัตใิ หม่และอุบัตซิ ํา เช่น ผู้ป่ วยไข้หวัดใหญ่ 2009, ผู้ป่ วยวัณโรค)

การเฝ้ าระวังภาวะสุขภาพบุคลากร1. การป้ องกันอุบตั เิ หตุของมีคมทมิ ตาํ / เลือด / สารคัดหลังกระเดน็ ถูกเยือบุขณะปฏบิ ัตงิ าน2. การสร้างเสริมภมู คิ ุ้มกัน3. การตรวจสุขภาพก่อนปฏบิ ตั งิ านและการ ตรวจสุขภาพประจาํ ปี

แนวทางการดาํ เนินงาน IC ด้านสงิ แวดล้อม1. การจดั สถานทีเพือความปลอดภยั (zoning) : * เขตสะอาด เช่น ห้องตรวจผู้ป่ วย, ห้องให้การรักษาพยาบาล, บริเวณจัดชุดอุปกรณ์, nurse station * เขตสกปรก เช่น ห้องนํา บริเวณล้างเครืองมือ เป็ นต้น2. การทาํ ความสะอาดอุปกรณ์เครืองมือทางการแพทย์ มีการทาํ ลายเชือ และทาํ ให้ปราศจากเชือถกู ต้องเหมาะสม3. การจัดการมูลฝอยในสถานพยาบาล ของมูลฝอยแต่ละประเภท4. การไหลเวียนของอากาศ จากบริเวณสะอาดมากบริเวณสะอาดน้อย กว่า5. การทาํ ความสะอาดด้านสิงแวดล้อมในสถานพยาบาล จากบริเวณ สะอาดมาก ไปบริเวณสะอาดน้อยกว่า

การป้ องกันการแพร่กระจายเชือ ในโรงพยาบาล

ระยะแรกทมี ีการปฏบิ ตั ิ มีการระบาดของเชือเอชไอวี องค์การอนามัยโลก กาํ หนดให้มีการใช้มาตรการ “การ ป้ องกันแบบครอบจักรวาล” (universal precautions : UP) เน้นการปฏบิ ตั เิ พอื ป้ องกนั การตดิ เชือจากเลือด และ นํ าเหลือง ให้ปฏบิ ตั กิ ับผู้ป่ วยทกุ รายเหมือนกัน

แต่ทกุ วนั นี ใช้เฉพาะ UP ไม่เพยี งพอในการป้ องกันการแพร่กระจายเชือในหน่วยงาน เนืองจาก.... เชือโรคไม่ได้มีเฉพาะในเลือด และสารคดั หลังเท่านัน มีผู้ป่ วยบางราย สามารถแพร่เชือได้ทางการไอ จาม

หลักการ “ถอื ว่าสารทกุ ชนิดในร่างกายมนุษย์มีเชือโรค” เกดิ แนวคิดการป้ องกันการแพร่กระจายเชือจาก เลือด / สารคัดหลัง จากร่างกายทกุ ชนิดขึนมา เรียกว่า “Body substance isolation (BSI)” กเ็ กดิ คาํ ถามว่า “แล้วมกี ารปฏบิ ตั แิ ตกต่างจาก การ ป้ องกันแบบครอบจกั รวาลอย่างไร”

การป้ องกนั การแพร่กระจายเชือแบบมาตรฐาน (Standard precautions : SP) เป็ นการรวมเอา การปฏบิ ตั เิ พือป้ องกันการ แพร่กระจายเชือแบบครอบจกั รวาล (UP) มารวมกัน กับการปฏบิ ตั เิ พอื ป้ องกันการแพร่กระจายเชือจาก เลือด/สารคัดหลังทุกชนิด (BSI) มารวมกัน เรียกว่า “การป้ องกันการแพร่กระจายเชือแบบมาตรฐาน

Standard Precautions เป็ นวธิ ีมาตรฐานในการป้ องกนั การแพร่กระจายของโรคตดิ เชือ เน้นปฏบิ ตั ใิ นการดแู ลผู้ป่ วยทุกรายทีเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โดยไม่คาํ นึงว่า ผู้ป่ วยเป็ นโรคใดหรือมีการตดิเชื อหรือไม่ Standard Precautions ใช้กบั เลือด สารนําของร่างกาย สารคัดหลังทุกชนิด อุจจาระ ปัสสาวะ ผวิ หนังทีมีบาดแผลและเยือบุของร่ างกาย

Universal Precautions คือ “ระมัดระวังป้ องกันตนเองตลอดเวลากับคนไข้ทุกคน” Precautions คือ “การเฝ้ าระวังมใิ ห้เชือแพร่ กระจาย” การใช้ Universal precaution ถูกเปลียนมาเป็ นStandard precaution แทนการใช้ Universal precautionทที าํ ให้เจ้าหน้าทมี ีความรู้สกึ ว่าป้ องกนั ตนเองไม่ให้ตดิ โรค แต่ไม่ได้ป้ องกนั การตดิ เชือจากผู้ป่ วยคนหนึงไปยังผู้ป่ วยคนอืนๆ

หลักการของการป้ องกนั การแพร่กระจายเชือใน โรงพยาบาล มี 3 อย่าง1. การป้ องกันอุบตั เิ หตุขณะปฏบิ ตั งิ าน2. การใช้อุปกรณ์ป้ องกันอันตรายส่วนบุคคลที เหมาะสม3. การมีสุขาภบิ าล และสุขอนามัยทีดี

หลักการของการป้ องกันการแพร่กระจายเชือตามหลัก standard precaution ล้างมือก่อนและหลังสัมผัสผู้ป่ วยและถอดถุงมือ สวมอุปกรณ์ป้ องกันร่างกายตามความเหมาะสม ระวงั อุบตั เิ หตุจากของมีคม ทาํ ความสะอาดสิงแวดล้อมทเี ปื อนเลือดและสารคัดหลัง ทาํ ความสะอาดและทาํ ลายเชือหรือทาํ ให้ปราศจากเชือใน อุปกรณ์ทกุ ชินทใี ช้กับผู้ป่ วย บรรจุผ้าเปื อนในถุงพลาสตกิ และปิ ดปากถุงให้แน่น

จาํ นวนเชือโรคทตี รวจพบในสารนําจากร่างกาย VERY HIGH จาํ นวนมากทสี ุด CSF HIGH จาํ นวนมาก BLOOD, SEMEN, FLUID MODERATEจาํ นวนปานกลาง VAGINAL FLUID, CERVICAL SECRETIONS และนํานม VERY LOWจาํ นวนน้อย นําตา นําลาย ปัสสาวะ อุจจาระสงิ คัดหลังจากจมูก เสมหะ อาเจียน

การป้ องกันอุบตั เิ หตุขณะปฏบิ ตั งิ าน

การป้ องกันอุบตั เิ หตุจากของแหลมคม1.ห้ามสวมปลอกเข็มโดยใช้มือจับปลอกเข็ม (ใช้ one hand technique)2.ห้ามส่งของมีคมจากมือคนหนึงไปสู่มืออกี คนหนึงโดยตรง3.ห้ามทิงของแหลมหรือของมีคมในถังขยะหรือถงุ ขยะ(ทิ งในขยะเฉพาะ)

การเกดิ อุบัตเิ หตุของมีคมทิมตาํ /บาดขณะ ปฏบิ ตั งิ านเราสามารถได้ รับเชื อเหล่ านี ทางเลือดจากการถูก ของมีคมทมิ ตาํ ขณะปฏบิ ัตงิ าน  โรคเอดส์  ตบั อกั เสบบี  ตบั อกั เสบซี

ความเสียงต่อการตดิ เชือ จากการถูกของมีคมทีเปื อนเชือโรคตาํ1.ความเข้มข้นของปริมาณเชือโรคในเลือด /สารคัดหลัง2.ปริมาณเชือโรคทเี ข้าสู่ร่างกายเลือดทีตดิ อย่ใู นเข็มกลวงเช่น เข็มฉีดยาจะมีปริมาณมากกว่าเลือดทีอาบอยู่ทเี ข็มเยบ็ แผล3. เลือดจะเข้าสู่บาดแผลลดลง 10 เท่าถ้าเข็มแทงทะลุ ถุงมือสู่ผวิ หนัง

สาเหตุของการถูกของมีคมทิมตาํ สวมปลอกเข็มกลับ พบ 80-90%

ลกั ษณะการเกิดอบุ ตั ิเหตุ สวมปลอกเขม็ แล้วแทงมือตนเอง ผู้ใช้ไม่ได้เก็บ ผู้เกบ็ ไม่ได้ใช้ การไม่ทิงเขม็ ในภาชนะทีเหมาะสม การปฏบิ ัตทิ ีสาํ คัญ ไม่สวมปลอกเขม็ กลับ/ใช้ มือเดยี ว(One hand technique)

ทาํ อย่างไรเมือถกู เข็มตาํ ล้ างมือให้ สะอาดด้ วยนํ าสบ่ ู เช็ดด้วย70%แอลกอฮอล์แจ้งอาจารย์/พยาบาลหวั หน้าเวร เจาะเลือดตรวจ ลงบนั ทกึ เหตกุ ารณ์ทีเกดิ ขึน

เทคนคิ การแยก (Isolation Technique)หลักการแยก-แยกของสะอาดจากของทีปนเปื อน-แยกผปู ้ ่ วยทีตดิ เชือจากผปู ้ ่ วยทัวไป

Isolation precaution การแยกผู้ป่ วยใช้ในกรณีทราบว่าผู้ป่ วย/ผู้รับบริการมีโอกาสแพร่กระจาย เชือด้วยวธิ ีใดๆ (ทางการสัมผัส, ละอองฝอย, อากาศ)

วธิ ีการแพร่กระจายเชือในสถานพยาบาล แพร่ กระจายเชื อทางการสัมผัส การแพร่ กระจายเชื อทางละอองฝอย การแพร่ กระจายเชื อทางอากาศ

Expanded Precautionsเป็ นการปฏบิ ตั ใิ นการดแู ลผู้ป่ วยทมี ีการตดิ เชือทสี ามารถแพร่กระจายได้ง่าย แบ่งได้ 3 วธิ ี 1. การตดิ เชือทแี พร่ทางอากาศ (Airborne Precautions) 2. การตดิ เชือทแี พร่ได้ทางละอองฝอยเสมหะ (DropletPrecautions) 3. การตดิ เชือทแี พร่ได้จากการสัมผัส (ContactPrecautions)

การป้ องกนั การแพร่เชือทางละอองฝอย (Droplet Precaution )ขนาดของเชือโรค> 5 ไมครอนสามารถลอยในอากาศได้นาน และลอยได้ไกลประมาณ 1 เมตรโรคทีสามารถแพร่ได้ เช่น หดั เยอรมัน (Rubella) คางทมู (Mumps)  นําผปู้ ่ วยเข้าห้องแยก ถ้าไมม่ ีห้องแยกให้จดั ไว้ทีมุมใดมมุ หนึง แต่ ให้คาํ นึงถงึ ทิศทางลมด้วย  จดั ระยะห่างระหว่างเตียงอย่างน้อย 3 ฟตุ  สวมผา้ ปิ ดปากจมกู , แวน่ ป้ องกนั ตา เมอื คาดว่าจะสมั ผสั เลือดหรือ สารคดั หลัง  จาํ กดั การเคลือนย้ายผปู้ ่ วยเท่าทีจาํ เป็น ให้ผปู้ ่ วยสวมผา้ ปิ ดปาก จมกู

การป้ องกนั การแพร่เชือทางอากาศ ( Air borne Precaution)ขนาดของเชือโรค< 5 ไมครอนสามารถลอยในอากาศได้นาน และลอยได้ไกลมากกว่า 1 เมตรโรคทีสามารถแพร่ได้ เช่น วัณโรค,สุกใส, โรคไข้หวัดนก, หวัด 2009  จดั ห้องทีมีความดนั เป็นลบ → มีการระบายอากาศ 12 รอบต่อชั วโมง มีตวั กรองก่อนปล่อยอากาศออก, ประตปู ิ ดมิดชิดเสมอ  การสวมอปุ กรณ์ป้ องกนั เฉพาะ → บคุ ลากรสวมหน้ากากแบบ N-95 สาํ หรบั ดแู ลผปู้ ่ วยวณั โรค ไข้หวดั นก  จาํ กดั การเคลือนย้ายผปู้ ่ วย ถา้ จาํ เป็น ต้องโทรแจ้งผเู้ กียวข้อง  ผปู้ ่ วย และญาติสวมหน้ากากอนามยั

การป้ องกนั การแพร่เชือทางอากาศ ( Air borne Precaution)

การป้ องกนั การแพร่เชือทางการสัมผัส1.ถ้ามีห้องแยก จดั ให้อย่ใู นห้องแยกแต่ถ้าไม่มีห้องแยก2.จดั ช่องว่างระหว่างเตยี งให้มีความเหมาะสม3.แยกอุปกรณ์เครืองมือ สาํ หรับผู้ป่ วยรายนีต่างหาก ถ้าทาํ ได้ แต่ ถ้าทาํ ไม่ได้ ต้องมีการทาํ ลายเชือระหว่างรายอย่างเหมาะสม4.เน้นการล้างมือ5.เลือกใช้อุปกรณ์ป้ องกันอย่างเหมาะสม6.ให้ความรู้แก่ผู้ป่ วย และญาติ7.หาก จาํ เป็ นต้องติดป้ าย

การแบ่งเขตพืนทใี นการปฏบิ ตั งิ าน มีวัตถปุ ระสงค์เพือป้ องกนั การปนเปื อนเชือ และป้ องกนั การ แพร่ กระจายเชื อ แบ่งเขตพืนทตี ามความเสียงของลักษณะงาน เช่น ห้องผ่าตัด ห้องคลอด หอผู้ป่ วยสามัญ ผู้ป่ วยนอก หรือสถานพยาบาล ขนาดเลก็ เช่น รพ.สต. เขตสะอาด ได้แก่ บริเวณห้องตรวจ ห้องรักษาพยาบาล, ห้อง จัดชุดเครืองมือ, ห้องนึง, ห้องตังต้เู กบ็ อุปกรณ์ปราศจากเชือ, ห้องพกั เจ้าหน้าที เป็ นต้น เขตสกปรก ได้แก่ ห้องนํา บริเวณล้างเครืองมือ

การแบ่งเขตพืนทใี นการปฏบิ ัตงิ าน (ต่อ) ต้องกาํ หนดเส้นทางสัญจรของเจ้าหน้าที ผู้รับบริการ อุปกรณ์ ปราศจากเชือ และของสกปรก เช่น มูลฝอยตดิ เชือ ผ้าเปื อน ให้ ชัดเจน กาํ หนดแนวทางการทาํ ความสะอาด เช่น ทาํ ความสะอาดจาก พืนทสี ะอาดทสี ุด ไปหาพืนทสี ะอาดน้อยทีสุด กาํ หนดความถีในการทาํ ความสะอาด (ขึนกบั ลกั ษณะของ หน่วยงาน) ดูแลให้อากาศไหลจากบริเวณทีสะอาดทสี ุด ไปหาบริเวณที สะอาดน้อยทีสุด

การป้ องกันการแพร่กระจายเชือในสถานพยาบาลการป้ องกนั แบบ มาตรการขันพเิ ศษ : ควบคุม มาตรฐาน -ป้ องกันแพร่กระจายเชือทางสัมผัส -ป้ องกันแพร่กระจายเชือทางละอองฝอย UP + BSI ขนาดใหญ่ -ป้ องกันแพร่กระจายเชือทางอากาศ

Contact Precautionsใช้ร่วมกับ standard CONTACT PRECAUTIONSprecautionในผู้ป่ วยทีทราบ ห้องแยก - ไม่ต้องควบคุมความหรือสงสัยว่ามีการตดิ เชือที ดนั อากาศแพร่ กระจายง่ ายจากการ แยกอยู่ในห้องเดยี วกัน(Cohorting)สัมผัสโดยตรงและสิง - การเคลือนย้ายผู้ป่ วยควรสวมถุงปนเปื อน เช่น เข็ม ชุดทาํ มือและล้างมอื / ใช้อุปกรณ์แผล ถุงมือทีปนเปื อนเชือ ป้ องกัน

การป้ องกนั และควบคุมการแพร่กระจายเชือโรคผู้ป่ วยทกุ ราย มาตรการขั นพื นฐาน Standard precautions เพมิ มาตรการขันพเิ ศษ ตามการแพร่กระจายของเชือโรค (Transmission based precautions)ละอองฝอยขนาดเลก็ ละอองฝอยขนาดใหญ่ การสัมผัส Airborne Droplet precautions Contact precautions precautions

“เครืองแต่งกายพเิ ศษหรืออุปกรณ์ทีใช้สวมใส่ สาํ หรับเจ้าหน้าทีเพอื ป้ องกันการตดิ เชือ”

วัตถุประสงค์ เพอื เพมิ ความปลอดภยั ในการทาํ งานของบุคลากรทางด้านสาธารณสุขโดยการใช้เครืองป้ องกันร่างกาย Purposes : To protect

ชนิดของอุปกรณ์ป้ องกนั ส่วนบุคคล หมวกคลุมผม แว่นป้ องกันตา หน้ากาก เสื อคลุม เอียม ถุงมือ รอง เท้าบ๊ทู

วัตถุประสงค์ ต้องทราบว่าเมือไหร่ หรือสถานการณ์ใด จะเลือกใช้ อุปกรณ์ป้ องกนั ส่วนบุคคลชนิดใด จงึ จะเหมาะสม สวมอุปกรณ์ป้ องกนั ส่วนบุคคลถกู ต้อง ถอดอุปกรณ์ป้ องกันส่วนบุคคลถกู ต้อง ทาํ ความสะอาดอุปกรณ์ป้ องกนั ส่วนบุคคลถกู ต้องหลังการ ใช้งาน

การดแู ลผู้ป่ วยโรคตดิ ต่อ หรือโรคตดิ เชือ จาํ เป็ นต้องระวังมิ ให้เชือแพร่กระจายโดยใช้มาตรฐานต่างๆ ถ้าเป็ นการ ป้ องกันต้องใช้ห้องแยก เรียกว่า การแยกผู้ป่ วย (isolation)แต่ถ้าไม่ต้องใช้ห้องแยก เรียกว่า การเฝ้ าระวังมิให้เชือ แพร่กระจาย (Precautions) สาํ หรับแนวทางการแยกผู้ป่ วย แบ่งวธิ ีการปฏบิ ตั อิ อกเป็ น 2 ขัน คอื - Standard Precautions - Expanded Precautions (Transmission-Based Precautions)

ภาวะปลอดเชือ (Asepsis ) หมายถงึ การปฏบิ ตั เิ พือลดความเสียงต่อการตดิเชือทจี ะเกดิ กบั เครืองมือเครืองใช้และสิงแวดล้อม ลดแหล่งของเชือโรคและการแพร่ กระจายเชื อ เทคนิคปลอดเชือ ( Aseptic technique )หมายถงึ วธิ ีการปฏบิ ตั เิ พือลดความเสียงต่อการตดิ เชือทจี ะเกดิ กบั เครืองมือเครืองใช้ และสิงแวดล้อม แบ่งได้ 2 ชนิด - Medical asepsis or clean technique - Surgical asepsis or sterile techniqueSterile technique วธิ ีการปฏบิ ตั เิ พือให้เครืองมือเครืองใช้ปลอดเชือ( sterile ) หลีกเลียงการปนเปื อน ( contamination ) ใช้ในการปฏบิ ตั กิ ารพยาบาลในห้องผ่าตดั เช่น การหยบิ จบั ของปลอดเชือโรค การทาํ แผล การสวนปัสสาวะและการดแู ลเสมหะทางท่อหลอดลมคอ

การควบคุมการตดิ เชือตามหลักสากล Medical asepsis or clean technique หมายถงึ การปฏิบัติพืนฐานในการลดจาํ นวนเชือโรคหรือป้ องกันการแพร่กระจายเชือโรคเทคนิคการทาํ ให้สะอาด เช่น การล้างมือ ปิ ดปาก – ปิ ดจมูกเวลาไอจาม แยกของใช้ - การแยกผู้ป่ วย Surgical asepsis or sterile techniqueวธิ ีการปฏิบัติเพือให้ เครืองมือเครืองใช้ เกิดความปลอดเชื อรวมทั งสปอร์ ของเชื อหลีกเลียงการปนเปื อน เช่น การสวมถุงมือ sterile การใช้ปากคบีหยบิ จบั ของที sterile การสวมเสือกราวด์

วธิ ีปฏบิ ตั กิ ารป้ องกันการแพร่กระจายเชือตามหลักสากล 1. การล้างมือ 2. การสวมถุงมือสะอาด/ปราศจากเชือ 3. การเปิ ดและหยบิ จับของสะอาดปราศจากเชือ 4. การสวมเสือกราวด์ 5. การสวม Mask 6. การสวมหมวก

การล้างมือ การล้างมือธรรมดา ( Normal hand washing ) เป็ นการล้างมือเพอื ขจดั สิงเปรอะเปื อน ฝ่ ุนละอองเหงือไคลบนมือล้างนานอย่างน้อย 10วนิ าที การล้างมือภายหลังสัมผัสผู้ป่ วยหรือสิงปนเปื อนเชือโรค( Hygienic hand washing ) เป็ นการล้างมือเพือต้องการขจดั เชือจุลชีพทอี ยู่ชัวคราวบนมือ โดยล้างมือด้วยสบ่ยู าฆ่าเชือ(antiseptic) เช่น chlorhexidine 4% Iodophor7.5% โดยฟอกมืออย่างทวั ถงึ เป็ นเวลาอย่างน้อย 30 วนิ าที

การล้างมือก่อนทาํ หตั ถการ( Surgical hand washing) เช่น การผ่าตดั การทาํ คลอด โดยการล้างมือด้วยสบ่ยู าฆ่าเชือ เช่น chlorhexidine 4% หรือIodophor 7.5% ฟอกมือและแขนถงึ ข้อศอกให้ทัวทกุ ซอกทุกมุมเป็ นเวลาอย่างน้อย 5 นาที และในการล้างมือครังต่อไปฟอกมือนาน 3-5 นาที