สัญญาณชีพ ดร. ชลการ ทรงศรี http://student.mahidol.ac.th/~u4 809053/index.htm
1. การวดั สัญญาณชีพ( vital sign) • สญั ญาณชีพ เป็นสิง่ ที่บ่งบอก ความมีชีวิตของบุคคล • เปน็ เครื่องมือทีจ่ ะนามาใช้ในการประเมินการเปลี่ยนแปลง ของสขุ ภาพตนเอง ได้แก่ – อุณหภูมิ - ชีพจร – การหายใจ และ -ความดนั โลหิต เพราะสิง่ เหล่านี้เกิดจากการทางานของอวัยวะภายในร่างกาย ที่สาคญั ต่อชีวิต ได้แก่ หัวใจ ปอด และสมอง รวมถึงการ ทางานของระบบไหลเวียนเลือด และระบบหายใจ
ชีพจร ( Pulse) • ชีพจร คือ การหดตัวและการขยายตวั ของหลอดเลือดแดงตาม จังหวะการเต้นของหัวใจ เมือ่ จับดู จะรู้สึกว่าเปน็ เส้นๆ หย่นุ ๆ แน่นๆ ภายในเส้นน้มี ีเลือดสมา่ เสมอ เมือ่ กดลงจะรู้สึกเต้น ซึง่ จะตรงกบั การ เต้นของหวั ใจ • ปกติผูใ้ หญเ่ มื่อพกั แล้วชีพจรจะเต้นประมาณ 60-80 ครั้งต่อนาที เฉลี่ย 72 คร้ังต่อนาที • สว่ นในทารกและเด็กเล็ก ประมาณ 90-140 คร้งั ต่อนาทีหรือ มากกว่านั้น
ชีพจร ( Pulse) • เราสามารถจับชีพจร สามารถจับได้ท้งั ที่ – ข้อมือ (radial) - ข้อพบั ศอก (brachial) – ข้างคอ (carotid) - ขาหนีบ (femoral) – หลังเข่า (poplitial) และ - หลงั เท้า (pedal pulse) • การจับชีพจรโดยปกติ – เริม่ ทีข่ ้อมือ วิธีจับชพี จรเราใชค้ ลาโดยหงายมือผู้ป่วยขึ้น – วางนิว้ ชี้ นวิ้ กลาง นวิ้ นาง ของเราลงบนตาแหน่งของชีพจรตรงข้อมือ และ วางนิว้ หัวแม่มือไว้ทางด้านหลงั ข้อมือของ ผู้ปว่ ย
ควรจบั ชีพจรเมือ่ ใดบ้าง 1. เมื่อมีอาการผิดปกติหรือเจบ็ ป่วยเกิดขึ้น เช่น เป็นไข้ตวั ร้อน ปวด หวั ปวดท้องอย่างรุนแรง ท้องเดิน ซีด เหลือง อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หน้ามืด เปน็ ลม เจบ็ หน้าอก ฯลฯ 2. เมือ่ มีการเสียเลือด หรือประสบอบุ ตั ิเหตุ 3. เมื่อร้สู ึกว่าใจสน่ั ซึง่ อาจมีสาเหตุจากโรคทางกายจริงๆ หรือโรค ทางใจ (โรคประสาท วิตกกงั วลคิดมาก) กไ็ ด้ ชีพจรเตน้ อยา่ งไร ในคนปกติ ชีพจรจะเต้นแรงเปน็ จงั หวะสมา่ เสมอ • ผ้ใู หญ่ เต้นประมาณนาทีละ 60-80 คร้ัง • เดก็ เต้น ประมาณนาทีละ 90-100 คร้ัง • ทารกแรกเกิด เต้นประมาณนาทีละ 120-130 ครั้ง
การเตน้ ของชีพจรที่ผิดปกติ การเต้นของชีพจรที่ผิดปกติ เกิดจากสาเหตุต่างๆ ได้หลายสาเหตุ การเต้นของชีพจรผิดปกติลักษณะต่างๆ ดงั นี้ 1. ชีพจรที่เต้นแรงและเร็วกว่าปกติ เช่น ผ้ใู หญ่เต้นนาทีละ 100- 120 ครั้ง ชีพจรแบบน้ีจะพบได้ในคนที่เปน็ โรคและไม่เปน็ โรคก็ได้ ถ้าการเต้นนั้นเกี่ยวข้องกบั อาการเหนื่อยง่าย เวลาออกกาลงั กาย เพียงเลก็ น้อยหรือว่าอย่เู ฉยๆ หัวใจก็เต้นแรงผิดปกติ รู้สึกเจ็บหน้าอก บ่อยๆ เหนื่อยง่าย อาการที่เกิดขึ้นน้ีมักพบในคนทเี่ ปน็ โรคหวั ใจ ถ้ามีอาการเหนื่อยง่าย กินจุ แต่ผอมลง คลื่นไส้อาเจียน คอโต หรือตาโปน ก็อาจเป็นโรคต่อมทยั รอยด์ (คอพอกเปน็ พิษ) คนที่มีไข้ตวั ร้อน กอ็ าจมีชีพจรเต้นแรงและเร็วได้ ตามปกติถ้าไข้ ขึ้น 1 ฟ. (องศาฟาเรนไฮท์) ชีพจรจะเต้นเร็วขึ้นอีกนาทีละ 10 คร้ัง
การเตน้ ของชีพจรที่ผิดปกติ (ต่อ) 2. ชีพจรทีเ่ ตา้ ช้ากว่า 60 คร้ังตอ่ นาที บางรายอาจไม่แสดงอาการ แต่ บางรายก็มีอาการหน้ามืด วิงเวียนเป็นลมได้ มักพบในคนทีม่ ีความผิดปกติของ หวั ใจ หรือในคนที่เปน็ นกั กีฬาที่มีร่างกาย “ฟิต” เต็มทีก่ ็จะพบว่าชีพจรเต้น ค่อนข้างช้า แต่มีแรงและสมา่ เสมอดีชีพจรแบบนี้เราถือเปน็ สิง่ ที่ดีมาก 3. ชีพจรเต้นเบาและเรว็ พบในคนทีเ่ ปน็ ลม ช็อค ท้องเดินมากๆ ท้อง นอกมดลกู กระเพาะทะลุ ถ้าชีพจรในลักษณะนี้รีบให้การปฐมพยาบาลแล้วส่ง โรงพยาบาลโดยด่วน 4. ชีพจรที่เต้นไม่สม่าเสมอ ถ้าเป็นตลอดเวลา จะพบในคนที่เปน็ โรคหัวใจ คอพอกเป็นพิษ ในคนปกติ บางคร้ังชีพจรก็เต้นไม่สมา่ เสมอเปน็ ครั้ง เปน็ คราวได้ ซึง่ เป็นผลมาจากร่างกายได้รับยาและสารเคมีบางชนิดเข้าไปใน ร่างกาย เช่น เหล้า บหุ รี่ กาแฟ หรือแม้แต่ถ้าพักผ่อนไม่เพียงพอเคร่งเครียด ก็ ทาให้ชีพจรเต้นไม่สมา่ เสมอได้
ความดนั โลหิต (Blood pressure) คือ แรงดนั เลือด ทีเ่ กิดจากการบีบตวั และการคลายตวั ของหัวใจ ซึ่ง สามารถวัดโดยใช้ เครือ่ งวัดความดัน เครื่องวดั ความดนั (Sphygmomanometer) วัดที่แขน (ดังภาพ) จะได้ค่าตัวเลข 2 ค่า เช่น • 120/80 มิลลิเมตรปรอท - ค่าตัวบนเรียกว่า ความดนั ชว่ งหวั ใจบีบ (ความดนั ซิสโต ลิก:systolic) หมายถึง ความดันเมือ่ หัวใจห้องล่างซ้ายบีบตวั จาก ตวั อย่างวัดได้ค่าเท่ากับ 120 มม.ปรอท - ส่วนค่าตัวล่างเรียกว่า ความดันชว่ งหัวใจคลาย (ความดนั ได แอสโตลิก:diastolic) หมายถึง ความดันเมือ่ หวั ใจคลายตวั ซึ่งจาก ตัวอย่างจะมีค่าเท่ากบั 80 มม.ปรอท นน่ั เอง ซึง่ ค่าความดันโลหิตทีเ่ หมาะสมของผ้ทู ีม่ ีสขุ ภาพดี ไม่ควรเกิน 120/80 มิลลิเมตรปรอท
ค่าความดนั โลหิตที่ผิดปกติ 1. คา่ ความดนั โลหิตสูง (Hypertension) - มีความดันโลหิตวัดได้มากกว่า 140 /90 มม.ปรอท - การที่ความดันโลหิตสงู อย่เู ปน็ เวลานาน เพิ่มความเสีย่ งต่อการเกิดโรค ต่างๆ เช่น โรคหลอดเลือดในสมองตีบ โรคหัวใจ โรคไตวาย เส้นเลือด แดงใหญ่โป่งพอง อัมพาต ฯลฯ 2. ความดันโลหิตต่า (Hypotension) -ความดนั โลหิตตา่ กว่า 90/50 มิลลิเมตรปรอท -สาเหตุ จากโรคหรือความผิดปกติอื่น ๆ ของร่างกาย ได้แก่ การพักผ่อนไม่ เพียงพอ การขาดอาหาร โลหิตจาง และมีการสญู เสียโลหิตจากสาเหตุ ต่าง ๆ ความดนั ต่าจากการปรับตวั ของร่างกายไม่ทัน เช่น หน้ามืด เวลา เปลีย่ นอิริยาบถต่าง ๆ เช่น จากท่านอนเป็นท่านงั่ เร็ว ๆ
อณุ หภมู ิ (Temperature) • อณุ หภูมิปกติของร่างกาย หมายถึง อุณหภูมิทีว่ ัดได้จากคน ปกติในระยะพกั ที่ไม่ได้รบั ผลกระทบจากความร้อนใดๆ • คนเปน็ สตั ว์เล้ียงลูกด้วยนม ซึ่งจัดเปน็ สตั ว์เลือดอ่นุ ทีส่ ามารถ ควบคมุ อณุ หภมู ิของร่างกายให้คงที่อย่ทู ี่ 37องศาเซลเซียส การมีไข้ หมายถึง สภาพทีร่ ่างกายมีอณุ หภูมิสูงกว่า 37.5 องศา (เมื่อวดั ทางปาก) การมีไข้ถือว่ามีประโยชน์ เพราะใช้เปน็ สัญญาณเตือนให้ ทราบว่าร่างกาย มีความผิดปกติควรได้รบั การดูแลเอาใจใส่
อตั ราการหายใจ (Respiratory rate) การนบั อตั ราการหายใจจะช่วยให้ทราบว่าการหายใจเพียงพอหรือไม่ หากว่า การหายใจไม่เพียงพอร่างกายเราจะหายใจเร็วข้นึ และแรงขึ้น โดยเราจะสังเกต การเคลื่อนไหวของทรวงอก นบั จานวนคร้งั ในหนึง่ นาที ค่าปกติของอัตราการหายใจขึ้นกับอายุ ดังนี้ - ทารกแรกคลอดจะหายใจเฉลีย่ 44 คร้ังต่อนาที - เดก็ ทารกจะหายใจ 20-40 คร้ังต่อนาที - เด็กก่อนวยั เรียนประมาณ: 20–30คร้ังต่อนาที - เดก็ วัยรุ่น 16–25 ครั้งต่อนาที - ผ้ใู หญ่ 12–20 ต่อนาที - ผ้ใู หญ่ขณะออกกาลงั กาย 35–45 คร้ังต่อนาที นอกจากอัตราการหายใจสิ่งที่ต้องสังเกตร่วมด้วย ได้แก่ สีผิว โดยเฉพาะริมฝีปาก ปกติสีจะออกแดง หากพบว่าริมฝีปากออกสีม่วงร่วมกับการ หายใจผิดปกต ท่านิต้องรีบพาไปพบแพทย์
1. เม่ือแรกรับผู้ป่ วยไว้ในโรงพยาบาล 2. วัดตามระเบียบปฏบิ ัตขิ องโรงพยาบาล/ตามแผนการรักษาของแพทย์ 3. ก่อนและหลังการผ่าตดั 4. ก่อนและหลังการตรวจวนิ ิจฉัยโรคท่ตี ้องใส่เคร่ืองมอื ตรวจเข้าไปภายใน ร่ างกาย 5. ก่อนและหลังให้ยาบางชนิด 6. เม่ือผู้ป่ วยมีอาการเปล่ียนแปลง เช่น ความรู้สกึ ตัวลดลง / ความรุนแรง ของอาการปวดเพ่มิ ขนึ้ 7. ก่อนและหลังการให้การพยาบาลท่ีมีผลต่อสัญญาณชีพ เช่น ก่อนให้ ผู้ป่ วย ambulate / ออกกาลังกาย
ความหมาย สัญญาณชีพ (Vital Signs) เป็ นส่งิ ท่บี ่งบอกการมีชีวติ ของบุคคล ประกอบด้วย 1. อุณหภูมิ (Temperature) 2. ชีพจร (Pulse) 3. การหายใจ (Respiration) 4. ความดันโลหติ (Blood pressure) ประภสั สร อกั ษรพนั ธ์, คณะพยาบาลศาสตร์ ม.ราชภฎั สรุ าษฏร์ธานี
อุณหภมู ิ (Temperature) เป็ นระดับความร้อนของร่างกาย มีหน่วยเป็ นองศาเซลเซียส ( ◦C ) หรือ องศาฟาเรนไฮต์ (◦F) อุณหภูมใิ นร่างกายของมนุษย์จะคงท่ีไม่ค่อย เปล่ียนแปลง ถงึ แม้อุณหภูมภิ ายนอกจะเปล่ียนแปลง - อุณหภมู ปิ กตขิ องร่างกายประมาณ 36.4 – 37.4◦C
เคร่ืองมือท่ใี ช้วัดอุณหภูมิ ปรอทวัดไข้ วธิ ีวัดอุณหภูมขิ องร่างกาย 1. ทางปาก (ประมาณ 2-3 นาที) 2. ทางรักแร้ (ประมาณ 5 นาที) 3. ทางทวารหนัก (ประมาณ 1-2 นาที) 4. โดยเทอร์โมมเิ ตอร์แบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์
วธิ ีวัดอุณหภมู ขิ องร่างกาย 1. ทางปาก (ประมาณ 2-3 นาที) 2. ทางรักแร้ (ประมาณ 5 นาที) 3. ทางทวารหนัก (ประมาณ 1-2 นาที) 4. โดยเทอร์โมมเิ ตอร์แบบอิเลก็ ทรอนิกส์
ข้อควรคานึง - ไม่วัดอุณหภมู ทิ างปากหลังด่มื นา้ เยน็ หรือนา้ ร้อนมา ควรรออย่างน้อย 15 นาที - ถ้าวัดอุณหภูมไิ ด้ค่าท่ผี ดิ ปกติ ให้วัดซา้ อีกครัง้ - ห้ามวัดปรอททางปากในกรณีต่อไปนี้ -1. เดก็ อายุต่ากว่า 6 ปี -2. ผู้ป่ วยมีอาการเพ้อคล่ัง -3. ผู้ป่ วยกระสับกระส่าย ไม่รู้สกึ ตวั -4. ผู้ป่ วยหอบ ไอบ่อย หรือหายใจทางปาก -5. ผู้ป่ วยเป็ นแผลปากเป่ื อย/ผ่าตัดในช่องปาก
ความหมาย ชีพจร คือ การหดและขยายตวั ของผนังหลอดเลือด ซ่งึ เกดิ จากการบบี ตวั และ คลายตัวของกล้ามเนือ้ หวั ใจทาให้เกดิ คล่ืนความดนั โลหติ ไปดนั ผนังเส้นเลือดแดง เป็ นจงั หวะ การเต้นของเส้นเลือดจะสัมพันธ์กับการเต้นของหวั ใจโดยตรง วัตถุประสงค์การจับชีพจร 1. เพ่ือสังเกตอตั ราการเต้นของหวั ใจ 2. เพ่ือสังเกตความสม่าเสมอของการเต้นของหวั ใจ 3. เพ่ือสังเกตปริมาณเลือดท่ีไหลออกจากหัวใจ เคร่ืองมือท่ใี ช้ นาฬิกาท่มี ีเขม็ วนิ าที
ตาแหน่งท่จี ะคลาชีพขจร ตาแหน่งท่ใี ช้คลาชีพขจรเป็ นตาแหน่งท่มี ีเส้นเลอื ดอยู่ใกล้ผิวหนังมากท่สี ุด ตาแหน่งท่นี ิยมได้แก่ 1.บริเวณข้อมอื ทางด้านนิว้ หวั แม่มอื เรียกว่า radial pulseเป็ นตาแหน่งท่นี ิยมมากท่สี ุด 2. ข้อพบั แขน เรียก Brachial artery เป็ นตาแหน่งเส้นเลือดค่อนข้างใหญ่คลาง่าย
ตาแหน่งท่จี ะคลาชีพขจร 3. บริเวณคอเรียก Carotid pulse เป็ นตาแหน่งท่เี ส้นเลือดแดงท่ไี ปเลีย้ งสมองอย่ใู ต้ผิวหนัง คลาได้ง่าย มักจะใช้คลาในกรณีท่คี ลาเส้นเลือดอ่นื แล้วไม่พบชีพขจร 4. เส้นเลือดแดงท่ขี าหนีบหรือท่เี รียกว่า Femoral pulse เป็ นเส้นเลือดแดงใหญ่ซ่งึ คลาได้ง่าย
ตาแหน่งท่จี ะคลาชีพขจร 5. เส้นเลือดแดงท่ขี ้อเข่า Popliteal artery ตาแหน่งนีจ้ ะคลายาก ปกตไิ ม่นิยมใช้คลาชีพขจร นอกจากว่าสงสยั จะมกี ารอุดตันของหลอดเลือดท่ไี ปเลีย้ งเท้า 6. เส้นเลือดหลังเท้าทางนิว้ หวั แม่เท้า เรียก Dorsalis pedis เป็ นเส้นเลือดขนาดเล็ก หากวาง ตาแหน่งนิว้ ไม่ถูกจะคลาไม่ได้
การจับชีพจร เพ่อื ตรวจสอบจังหวะเต้นของหัวใจ ดูการทางานของหัวใจ จับ ดูจะรู้สกึ เป็ นเส้นหยุ่นๆ เม่ือกดลงจะรู้สกึ ว่าเต้นได้ ซ่งึ จะตรงกับการเต้น ของหวั ใจ • ผู้ใหญ่เม่ือพกั แล้วชีพจรจะเต้นประมาณ 60-100 ครัง้ ต่อนาที - ถ้าเต้นเร็วกว่า 100 ครัง้ ต่อนาที ถอื ว่าเร็วกว่าปกติ (tachyardia) - ถ้าเต้นช้ากว่า 60 ครัง้ ต่อนาที ถือว่าช้ากว่าปกติ (bradycardia) • ส่วนในทารกและเดก็ เลก็ ประมาณ 90-130 ครัง้ ต่อนาที
วธิ ีจับชีพจร 1.ใช้นิว้ ชี้ นิว้ กลาง และนิว้ นาง ใช้นิว้ กลางสัมผัสกับชีพจรมากกว่าอีก 1 นิว้ 2.อย่าใช้นิว้ หวั แม่มือ 3.ให้อวัยวะส่วนท่ีจับ วางลงราบๆโดยมีท่หี นุน อย่ายกแขนผู้ป่ วยขนึ้ จับ 4.นับคร่ึงนาทหี รือ 1 นาที ถ้าผู้ป่ วยเป็ นโรคหวั ใจ ต้องนับทัง้ 2 ข้าง และนับให้เตม็ 1 นาที ถ้าสงสัยควรนับใหม่
การนับการหายใจ (Respiration) หมายถงึ การนาเอาออกซเิ จนในอากาศเข้าสู่ร่างกาย และ ขบั คาร์บอนไดออกไซค์ออก โดยผ่านทางปอด ซ่งึ เป็ นขบวนการแลกเปล่ียน ก๊าซออกซเิ จนและคาร์บอนไดออกไซค์ระหว่างร่างกายกับส่งิ แวดล้อม วัตถุประสงค์การจับชีพจร 1. เพ่ือสังเกตลักษณะและอัตราการหายใจต่อ 1 นาที 2. เพ่ือสังเกตความผิดปกตติ ่างๆเก่ียวกับการหายใจ เคร่ืองมือท่ีใช้ นาฬิกาท่ีมีเขม็ วนิ าที
ปกตกิ ารถ่ขี องการหายใจขนึ้ กบั อายุ - ทารกแรกคลอดจะหายใจเฉล่ีย 44 ครัง้ ต่อนาที - เดก็ ทารกจะหายใจ 20-40 ครัง้ ต่อนาที - เดก็ ก่อนวัยเรียนประมาณ: 20–30ครัง้ ต่อนาที - เดก็ วัยรุ่น16–25 ครัง้ ต่อนาที - ผู้ใหญ่ 12–20 ต่อนาที - ผู้ใหญ่ขณะออกกาลังกาย 35–45 ครัง้ ต่อนาที
ความดนั โลหติ - คือแรงดันของเลือดท่ีไปกระทบกับผนังเส้นเลือดแดง - การไหลเวียนของเลือดเป็ นไปตามจังหวะการบีบตัวและคลายตวั ของกล้ามเนือ้ หวั ใจ - ค่าของแรงดันท่ีปะทะกับผนังเส้นเลือดทัง้ 2 จังหวะนีไ้ ม่เท่ากนั - มีหน่วยเป็ นมลิ ลเิ มตรปรอท (mm.Hg.)
วัตถปุ ระสงค์การวดั ความดนั โลหติ 1. เพ่อื ดรู ะดับอุณหภมู ขิ องร่างกาย 2. เพ่อื ตรวจดูทวารหนักในทารกแรกเกดิ 3. เพ่อื สังเกตอาการเปล่ียนแปลงของผู้ป่ วย 4. เพ่อื ช่วยในการวนิ ิจฉัยและพยากรณ์โรค
ใบบันทกึ สัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง ตึก.................. วนั ท่ี ช่อื - สกลุ 02.00 น. 06.00 น. 10.00 น. 14.00 น. 18.00 น. 22.00 น. T P R BP T P R BP T P R BP U S T P R BP T P R BP U S T P R BP
Search
Read the Text Version
- 1 - 38
Pages: