Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทความเรื่องเด็ก

บทความเรื่องเด็ก

Published by oilnoii15, 2017-07-11 11:09:40

Description: book1

Search

Read the Text Version

ปัญหาการเล้ียงลกู ศภุ รัตน์ ทิพย์ประเสริฐ วทิ ยาลยั อาชวี ศกึ ษานครราชสมี า

1 สารบัญเดก็ ตดิ เกม ..............................................................................................................................................3บทนา...................................................................................................................................................... 3ปัญหาเดก็ ติดเกมมีความสาคญั อยา่ งไร?.............................................................................................................. 3ปัญหาเดก็ ติดเกมมีสาเหตุและวธิ ีการแกไ้ ขอยา่ งไร?................................................................................................ 3ป้ องกนั ปัญหาเดก็ ติดเกมไดอ้ ยา่ งไร? ................................................................................................................. 5ลูกไม่สนใจเรียน 6บทนา 6ปัญหาลูกไม่สนใจเรียนมีความสาคญั อยา่ งไร? 6ปัญหาลกู ไม่สนใจเรียนมีสาเหตแุ ละวิธีการแกไ้ ขอยา่ งไร? ........................................................................................ 8ป้ องกนั ปัญหาลูกไมส่ นใจเรียนไดอ้ ยา่ งไร?........................................................................................................ 11ลกู ถูกรังแก............................................................................................................................................12บทนา.................................................................................................................................................... 12ปัญหาลกู ถูกรังแกมีความสาคญั อยา่ งไร?........................................................................................................... 13ปัญหาลูกถกู รังแกมีสาเหตแุ ละวิธีการแกไ้ ขอยา่ งไร?............................................................................................. 13ป้ องกนั ปัญหาลกู ถูกรังแกไดอ้ ยา่ งไร? .............................................................................................................. 16ลกู พดู ไม่สุภาพ .......................................................................................................................................18บทนา.................................................................................................................................................... 18ปัญหาลูกพดู ไม่สุภาพมีความสาคญั อยา่ งไร? ...................................................................................................... 18ปัญหาลูกพูดไม่สุภาพมีสาเหตุและวธิ ีการแกไ้ ขอยา่ งไร? ........................................................................................ 19ป้ องกนั ปัญหาลกู พดู ไม่สุภาพไดอ้ ยา่ งไร? ......................................................................................................... 22ลูกทะเลาะกบั เพอ่ื น ..................................................................................................................................23บทนา.................................................................................................................................................... 23ปัญหาลูกทะเลาะกบั เพื่อนมีความสาคญั อยา่ งไร?................................................................................................. 24ปัญหาลกู ทะเลาะกบั เพื่อนมีสาเหตุและวิธีการแกไ้ ขอยา่ งไร?................................................................................... 25แกไ้ ขปัญหาลูกทะเลาะกบั เพื่อนไดอ้ ยา่ งไร?....................................................................................................... 26ป้ องกนั ปัญหาลกู ทะเลาะกบั เพ่ือนไดอ้ ยา่ งไร? .................................................................................................... 28

สารบญั ภาพ 2ภาพที่ 1 เดก็ ยมิ้ 6ภาพที่ 2 เด็กซาตาน 13ภาพท่ี 3 เดก็ ข้ีโมโห 18ภาพที่ 4 เดก็ ห่อเหี่ยว 23

3 ปัญหาของเดก็ ในสมยั นี้ เด็กติดเกมบทนา ปัญหาการติดเกมคอมพิวเตอร์ เป็ นปัญหาที่เกิดข้ึนเมื่อคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตเขา้ มามีบทบาทแพร่หลายในสังคมมากข้ึน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนโทรศพั ท์มือถือ พฤติกรรมการติดเกมของเด็กคลา้ ยกบั พฤติกรรมของผปู้ ่ วยติดสารเสพติด 1และผปู้ ่ วยติดการพนนั คือ มีความพึงพอใจเมื่อไดร้ ับชยั ชนะในการเล่นเกม และตอ้ งการเอาชนะเพิ่มข้ึนอีกจึงรู้สึกพึงพอใจเท่าเดิม และมกั ใช้เวลาในการเล่นเกมนานจนกวา่ จะบรรลุเป้ าหมายที่ตอ้ งการ มีความคิดหมกมุ่น2กบั เกมคอมพิวเตอร์อยา่ งมาก และมีความตอ้ งการเล่นเกมตลอดเวลาปัญหาเด็กตดิ เกมมคี วามสาคญั อย่างไร? การติดเกมคอมพิวเตอร์มีผลกระทบต่อเด็กหลายด้าน เช่น ปัญหาการเรียน การทางานสุขภาพ ความสัมพนั ธ์ในครอบครัว และสังคม และมีปัญหาพฤติกรรมหลายอยา่ งตามมา เช่น พูดปด ลกั ขโมย กา้ วร้าว หนีเรียน หนีออกจากบา้ น ผลกระทบท่ีเกิดข้ึนกบั เด็กที่ติดเกมคอมพิวเตอร์ดงั กล่าว มีท้งั ผลกระทบท่ีเกิดข้ึนกบั ท้งั ทางร่างกายและทางจิตใจ การนง่ั เล่นเกมคอมพิวเตอร์นานๆทาให้เกิดความเครียด หงุดหงิดโกรธง่าย และกา้ วร้าว ปัญหาเหล่าน้ีเป็ นปัญหาท่ีทุกคนตอ้ งร่วมมือกนั ในการป้ องกนั และหาแนวทางในการแกไ้ ข เพราะเด็กปัจจุบนั หลีกเลี่ยงไม่ไดท้ ่ีจะเขา้ ไปสัมผสักบั สิ่งเหล่าน้ีซ่ึงมีอย่แู ละเขา้ ถึงไดง้ ่ายมากในสังคมปัจจุบนั ปัญหาเด็กติดเกมจึงพบไดบ้ ่อยข้ึนในครอบครัวไทยยุคน้ี ซ่ึงสร้างความลาบากใจให้แก่พ่อแม่ เนื่องจากไม่รู้จะบงั คบั ให้ลูกเลิกเล่นเกมอยา่ งไร อีกท้งั เด็กบางคนติดเกมจนไม่สนใจเรียน ทาใหผ้ ลการเรียนตกลงเร่ือย ๆ หรือบางคนเล่นจนไม่รู้เวลากินเวลานอนกนั เลยทีเดียว ทาอยา่ งไรท่ีจะทาใหเ้ ด็กท่ีใชเ้ วลาส่วนใหญ่ในการเล่นเกมไปเป็นเวลาแห่งการเรียนรู้ที่เกิดประโยชน์ และการสร้างเสริมสุขภาพปัญหาเด็กติดเกมมสี าเหตุและวธิ กี ารแก้ไขอย่างไร?1 คือสารเสพตดิ ดดดดดดดดดดดดดดด2 คือออออออออออหมกมนุ่

4 คอมพิวเตอร์มีคุณประโยชน์มากมาย ถา้ ใชใ้ ห้ถูกตอ้ งและเหมาะสม แต่ในขณะเดียวกนั ถา้พ่อแม่ไม่ควบคุมการใช้ โดยเฉพาะการเล่นเกมคอมพิวเตอร์ก็อาจมีโทษมหันตต์ ่อลูกได้ การสร้างความเขา้ ใจระหวา่ งพ่อแม่และลูกเป็ นสิ่งสาคญั ที่ตอ้ งร่วมมือกนั เพื่อแกไ้ ขปัญหา การศึกษาสาเหตุของการติดเกมของลูกซ่ึงอาจจะไมไ่ ดม้ ากจากลูกเพียงอยา่ งเดียว บางครอบครัวพอ่ แม่ก็เป็นสาเหตุที่ทาใหล้ ูกติดเกม การเลือกหาวธิ ีเพ่อื การแกไ้ ขปัญหากต็ อ้ งเลือกใหถ้ ูกตอ้ งและเหมาะสมดว้ ย ดงั น้ี - สาเหตุที่เกิดจากผปู้ กครอง พอ่ แม่ส่วนใหญ่ไมไ่ ดก้ าหนดระยะเวลาที่อนุญาตใหเ้ ดก็ เล่นเกม หรือคอมพิวเตอร์ให้แน่ชัดลงไปเป็ นเวลาที่แน่นอนหรือกาหนดว่ากี่ชัว่ โมง พ่อแม่ส่วน ใหญ่ไม่ได้ให้ความสนใจในเน้ือหาและรายละเอียดของเกมท่ีลูกเล่น หรือไม่ได้ให้ ความสาคญั กบั การแบ่งชนิดของเกมตามความเหมาะสมของอายุของผเู้ ล่นตามท่ีกาหนด เดก็ ส่วนใหญเ่ ล่นเกมหลงั เวลาเลิกเรียน เน่ืองจากเป็นช่วงเวลาท่ีผปู้ กครองยงั ไม่เลิกงาน ทา ใหไ้ มม่ ีเวลาดูแลลูก - สาเหตุที่เกิดจากตวั เด็กเอง เด็กอาจเล่นเกมเกินเวลากวา่ ท่ีต้งั ใจไว้ หรือเล่นเพราะมีสังคม เพื่อนอีกกลุ่มท่ีรอคอยการพดู คุยสนทนาถึงความกา้ วหนา้ ของการเล่นเกมที่จะแข็งขนั ของ ระดบั ความยากของเกมซ่ึงเป็ นการสร้างความภาคภูมิใจหากมีระดบั ความยากที่สูงหรือมี แตม้ คะแนนท่ีสูงกวา่ เพ่อื น - สาเหตุความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี ท่ีมีรูปแบบ เน้ือหา แสง เสียง วิธีการ ความ รวดเร็ว ความแปลกใหม่ในเทคนิคต่างๆ ทาให้เกิดความต่ืนเตน้ เร้าใจ เหมือนจริงมากข้ึน และในบางคร้ังก็เกินความเป็ นจริงมากเกินไป เหมือนเป็ นการสร้างจินตนาการเพอ้ ฝันให้ เด็กลุ่มหลง เน้ือหาของเกมในปัจจุบนั ไดม้ ีการพฒั นาเปล่ียนแปลงไปจากเดิมที่เป็ นเร่ือง สมมติและจินตนาการ ไม่ค่อยมีความรุนแรงเก่ียวขอ้ งกบั มนุษย3์ กลายเป็ นเร่ืองราวที่มี ความรุนแรงและเหมือนชีวิตจริงมากข้ึน และท่ีสาคญั กวา่ น้นั คือ มีการให้รางวลั หรือการ ได้รับการยกย่องชมเชยเม่ือมีการกระทาที่ผิดกฎเกณฑ์ ต่อต้านสังคมหรือผิดกฎหมาย ขนบธรรมเนียมประเพณีอนั ดีงามของสงั คม

5ป้ องกนั ปัญหาเดก็ ติดเกมได้อย่างไร? การป้ องกนั ปัญหาลูกติดเกม ยอ่ มดีกว่ามาตามแกไ้ ขเมื่อลูกติดเกมไปแลว้ การสร้างเกราะป้ องกนั เพอ่ื ไม่ใหล้ ูกตอ้ งไปหลงเสียเวลาการกบั เล่นเกมกส็ ามารถช่วยลดปัญหาไดอ้ ีกทางเพราะการป้ องกนั ปัญหายอ่ มจะดีกวา่ การตอ้ งมานงั่ แกไ้ ขปัญหาภายหลงั ดงั น้ี - ให้ความสาคญั ในเน้ือหาของเกมท่ีลูกเล่น ว่าเหมาะสมหรือไม่อยา่ งไร พ่อแม่ควรมีส่วน ร่วมในการเลือกเกมให้ลูกโดยมีส่วนร่วมในการเลือกและตดั สินใจซ้ือหรือเล่นกมต่างๆ ดว้ ย - ควรเขา้ ไปเล่นเกมกบั เด็กดว้ ย เพราะนอกจากจะไดเ้ ขา้ ไปกากบั ดูแลเน้ือหาในเกมแลว้ ยงั ได้ สังเกตดูพฤติกรรมและการตอบสนองของลูกตอ่ เกมตา่ งๆ สามารถสอดแทรกแนวความคิด ขอ้ คิดเห็นต่างๆ อีกดา้ นหน่ึงให้แก่ลูกในแง่ความถูกตอ้ ง ความเหมาะสมในสงั คมและโลก ของความเป็นจริงมากข้ึน รวมถึงผลท่ีจะเกิดตามมาจากการกระทาน้นั ๆ - ใหค้ าแนะนา ปลูกฝังบอกใหล้ ูกรู้ผลดีผลเสียในดา้ นต่างๆ ของการเล่นเกมมากเกินไป เช่น ขาดประสบการณ์ ขาดทกั ษะ ไม่ได้ทากิจกรรมในด้านอ่ืนๆ ที่สาคญั และจาเป็ นในการ ดาเนินชีวิตต่อไปในอนาคต ไม่มีเวลาทบทวนบทเรียน ผลการเรียนอาจต่าลง ถา้ เล่นนาน เกินไป ตาและกลา้ มเน้ือตาไม่ไดห้ ยดุ พกั เกิดอาการปวดลา้ ปวดตา และปวดศีรษะได้ บาง คนเล่นเกมมากเกินไปจนเกิดการติดเกมทาให้การพกั ผอ่ นไม่เพียงพอ กินอาหารไม่ตรง เวลา ซ่ึงจะมีผลกระทบต่อสุขภาพและการเจริญเติบโต - ควรศึกษาถึงชนิดของเกมตา่ งๆ ความรุนแรง ความเหมาะสม อายุและพฒั นาการของเดก็ ใน วยั ต่างๆ เพ่ือจะช่วยในการเลือกได้อย่างเหมาะสมกับเด็ก โดยจะมีเคร่ืองหมายและ คาอธิบายแสดงไวท้ ่ีกล่องบรรจุเกมโดยกาหนดสัญลกั ษณ์ตามเกณฑอ์ ายุ - กาหนดและควบคุมเวลาเล่นคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตของลูกให้ชดั เจน และควบคุม ไม่ให้เด็กใชเ้ วลากบั เกมคอมพิวเตอร์มากเกินไป อาจตอ้ งลงในรายละเอียดวา่ ใหเ้ ล่นไดว้ นั ละกี่ชวั่ โมง สัปดาห์ละก่ีวนั บางบา้ นก็ต้งั กฎไวเ้ ลยว่าจะให้เล่นไดเ้ ฉพาะวนั เสาร์ อาทิตย์ เท่าน้นั - ส่งเสริมให้ลูกใช้ประโยชน์จากเกมคอมพิวเตอร์ในแง่การศึกษาให้มากข้ึน เช่น คดั เลือก โปรแกรมเกมท่ีเหมาะสมกบั อายใุ ห้ลูก เช่น โปรแกรมสอนวิชาต่างๆ เกมการศึกษา หรือ

6 การสอนภาษาอังกฤษ ช่วยลูกค้นหาข้อมูลข่าวสารท่ีเป็ นประโยชน์ทางเว็บไซต์ ใน อินเตอร์เน็ต - หากิจกรรมเสริมท่ีน่าสนใจ เช่น ชวนลูกไปเล่นกีฬา สร้างสรรค์งานศิลปะ ปลูกตน้ ไม้ ทาอาหาร อา่ นหนงั สือ ทศั นศึกษา พอ่ แมต่ อ้ งพยายามหากิจกรรมท่ีน่าสนุกกวา่ เพ่ือเอาชนะ ความสนุกท่ีลูกไดจ้ ากเกมใหไ้ ด้ ลกู ไม่สนใจเรียนบทนา ปัญหาลูกไม่อยากไปโรงเรียน ไม่สนใจการเรียน ไม่รับผดิ ชอบตวั เอง ไม่ทางานที่ครูใหท้ าทาไม่เสร็จ จดงานหรือจดการบา้ นไม่เสร็จ ลืมสมุดการบา้ น ทาหนังสือหาย ฯลฯ ปัญหาเหล่าน้ีส่งผลเสียถึงอนาคตของลูกหากไมไ่ ดร้ ับการแกไ้ ขใหถ้ ูกตอ้ ง ภาพที่ 1 เด็กยมิ้ปัญหาลกู ไม่สนใจเรียนมคี วามสาคญั อย่างไร? ปัญหาลูกไม่สนใจการเรียนอาจส่งผลกระทบต่อปัญหาพฤติกรรม เช่น ไม่ยอมไปโรงเรียนหนีเรียน ขาดเรียนบ่อย รวมไปถึงปัญหาดา้ นอารมณ์ เช่น ซึมเศร้า และวิตกกงั วล นาไปสู่ปัญหาทางการเรียนรู้และมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนต่า กลายเป็ นวงจรของปัญหาการเรียนรู้ของเด็ก เป็ นสาเหตุตอ่ เนื่องไปถึงปัญหาสุขภาพจิตและพฤติกรรม อาจเร่ิมจากผลการเรียนท่ีไมด่ ี ทาใหเ้ ด็กมีปมดอ้ ย ขาดความเช่ือมนั่ และความภาคภมู ิใจ ทอ้ แทห้ มดกาลงั ใจ หาสิ่งชดเชย มีปัญหาพฤติกรรม และเอาดีทางอื่นทดแทน ซ่ึงจิตแพทยเ์ ด็กถือวา่ ปัญหาเด็กมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนต่า หรือเด็กเรียน

7อ่อน เป็ นปัญหาสาคญั อยา่ งหน่ึงในทางสุขภาพจิต และจิตเวช ซ่ึงคนส่วนใหญ่อาจเขา้ ใจผดิ วา่ เด็กเรียนออ่ นคือ เด็กข้ีเกียจ ไม่ใส่ใจเร่ืองการเรียน ไมม่ ีความพยายาม ท้งั น้ีในความเป็ นจริง ปัญหาการเรียนรู้ของเด็กไม่ใช่เกิดจากสาเหตุทางสติปัญญาเพียงอยา่ งเดียว แต่ยงั มีสาเหตุมาจากโรคทางจิตเวชและปัจจยั อ่ืนประกอบดว้ ย ไดแ้ ก่ สาเหตุปัญหาทางอารมณ์ ซ่ึงจดั เป็นท้งั เหตุและผลจากผลการเรียนที่ไม่ดี ปัญหาทางอารมณ์ท่ีอาจเร่ิมจากเร่ือง พ่อแม่ทะเลาะกนั ความยากจน ปัญหาโรคทางจิตเวชคือสมาธิส้ัน และความบกพร่องทางการเรียนรู้ นอกจากน้ี ยงั มีสาเหตุการขาดแรงจงู ใจที่เป็ นปัจจยั ที่ทาให้เด็กเรียนอ่อน เด็กที่ฉลาด ปัญญาดี แต่ผลการเรียนต่า ไม่สนใจการเรียน ไม่ทาการบา้ น ทาไม่เสร็จ ไม่ส่งงาน ทางานไม่เรี ยบร้อย ไม่ชอบครู ขาดความพยายามและความมุ่งม่ัน ชอบผดั วนั ประกนั พรุ่ง สนใจเรื่องอ่ืน และสามารถเพิ่มความคิดเห็นที่บ่งวา่ เป็ นเด็กฉลาดหรือมีความสร้างสรรค์ เช่น ชอบเคร่ืองจกั รกล ชอบวาดรูป ชอบประดิษฐ์ และมกั จะทาได้ ท้งั น้ีสาเหตุของการขาดแรงจูงใจมกั เกิดจากการเล้ียงดูท่ีขาดการฝึกฝนอบรมนิสัยเรื่องวนิ ยั และการควบคุมตนเอง มกั ใช้วิธีหลีกเล่ียง หาขอ้ อา้ งแก้ตวั อยู่เสมอ แทนที่เด็กกลุ่มน้ีจะใช้ความฉลาดกบั การเล่าเรียนกลบั ใช้พลงั งานไปในทางหาวิธีจดั การกบั ผใู้ หญ่รอบขา้ งเพื่อให้ตนพน้ ผิดและรู้สึกปลอดภยั ในแง่มุมของการช่วยเหลือเด็กที่มีปัญหาทางการเรียน เป็ นส่ิงท่ีเด็กตอ้ งการความช่วยเหลือมากไปกวา่ การที่เด็กไม่พยายามหรือแกล้งทา ซ่ึงจะนาไปสู่ข้ันตอนต่อไปในการจัดการศึกษาพิเศษในรูปแบบที่เหมาะสมกบั เด็กในแต่ละราย อิงตามหลกั ของการเรียนรู้ โดยสร้างแรงจูงใจ ทาไดด้ ว้ ยการให้เด็กมีความสุข กบั การเรียนรู้ เน่ืองจากเม่ือเด็กมีความสุขในการเรียนจะมองตนและส่ิงรอบขา้ งในแง่ดี มีทศั นคติที่ดีต่อการเรียน ตลอดจนสามารถสร้างสัมพนั ธภาพที่ดีกบั เพ่ือนและครูได้ ขณะที่การสอนตอ้ งเร่ิมสอนจากส่ิงที่ง่ายที่สุด โดยการเริ่มตน้ ในระดบั ท่ีต่ากว่าความสามารถของเด็กเล็กนอ้ ย เพ่ือช่วยให้เด็กเรียนรู้และไดร้ ับความรู้สึกของการประสบความสาเร็จในการเรียน ทาใหเ้ ด็กมีกาลงั ใจท่ีจะเรียนในระดบั ที่ยากข้ึนต่อไปขณะเดียวกนั ตอ้ งสอนจากสิ่งที่เด็กคุน้ เคยไปหาส่ิงท่ีไม่คุน้ เคย ซ่ึงเด็กจะสามารถเขา้ ใจในบทเรียนไดง้ ่าย หากเรียนรู้จากส่ิงที่อยใู่ กลต้ วั และสิ่งที่เด็กสามารถมองเห็นภาพหรือจินตนาการไดง้ ่าย หลงั จากน้นั จึงเช่ือมโยงไปยงั ส่ิงที่ยากข้ึนหรือสิ่งท่ีเด็กไม่คุน้ เคย รวมไปถึงการเปิ ดโอกาสให้โอกาสเด็กไดเ้ ลือกเรียนหรือเลือกกิจกรรมท่ีสนใจ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เด็กรู้สึกสนใจและเรียนรู้ได้ ดียิ่งข้ึน การให้เด็กมีประสบการณ์ตรงโดย ให้โอกาสเรี ยนรู้จากประสบการณ์จริง ๆ ในเร่ืองน้นั ๆ จะช่วยใหเ้ ด็กไดเ้ ขา้ ใจบทเรียนไดง้ ่ายข้ึน และเป็นการส่งเสริมให้เด็กไดม้ ีโอกาสศึกษาหาความรู้ไดด้ ว้ ยตนเอง “การส่งเสริมให้เด็กเรียนรู้ตามขีดความสามารถของตน โดยการเรียนการสอนตอ้ งจดั ใหส้ อดคลอ้ งกบั ความสามารถในการเรียนรู้ของเดก็ ส่งเสริมใหไ้ ด้แสดงความสามารถพิเศษ ยอมรับในจุดดอ้ ยและเปิ ดโอกาสใหเ้ ด็กมีโอกาสแสดงความเป็นผนู้ าและผตู้ ามเพ่อื พฒั นาความภาคภูมิใจและปฏิบตั ิในแต่ละบทบาทใหเ้ หมาะสมในแตล่ ะสถานการณ์ ลว้ น

8แต่เป็ นการช่วยเหลือทางการศึกษาโดยอิงหลกั ของการเรียนรู้และการสร้างแรงจูงใจให้เด็กที่มีปัญหาทางดา้ นการเรียนได้ปัญหาลกู ไม่สนใจเรียนมสี าเหตุและวธิ ีการแก้ไขอย่างไร? - ปัญหาลูกไม่สนใจเรียนมีสาเหตุไดจ้ ากหลายปัจจยั ร่วมกนั ไดแ้ ก่ สาเหตุภายในตวั เด็กท้งั ดา้ นร่างกาย ดา้ นจิตใจ และสาเหตุทางสิ่งแวดลอ้ ม ดงั น้ี - เด็กท่ีมีการเจริญเติบโตทางสมองชา้ เด็กกลุ่มน้ีจะมีเชาวป์ ัญญาต่า ซ่ึงสังเกตไดต้ ้งั แต่เล็กๆ วา่ มีการยิม้ ชันคอ คว่า นั่ง ยืน เดิน และพูดช้ากว่าเด็กอื่น เมื่อเขา้ สู่วยั เรียนเด็กอาจเรียน ไม่ไดเ้ ลย เรียนไม่ทนั เพ่ือนหรือเรียนไดเ้ ฉพาะช้นั ตน้ ๆ แต่จะมีความลาบากข้ึนจนเรียน ต่อไปไม่ไดใ้ นช้นั สูงๆ ข้ึนไป ซ่ึงมีวชิ าเรียนมากข้ึนและบทเรียนยากข้ึน - เด็กที่มีความผิดปกติทางสมองท่ีทาให้มีขีดจากดั ในวิธีการเรียนรู้บางอย่าง เช่น มีความ ลาบากในการพดู การสะกดคา การอ่าน การเขียน หรือการคิดคานวณ ท้งั ๆ ท่ีมีระดบั เชาว์ ปัญญาอยใู่ นเกณฑป์ กติแต่จะมีผลการเรียนต่าในดา้ นที่สมั พนั ธ์กบั ปัญหาดงั กล่าว - เด็กปัญญาเลิศ คือเด็กท่ีมีเชาว์ปัญญาสูงกว่าปกติมาก มีลกั ษณะฉลาดเกินวยั มีความคิด สร้างสรรค์ และอาจมีความถนดั เป็ นพิเศษทางดา้ นใดดา้ นหน่ึง เช่น ศิลปะ ดนตรี แต่ยงั คง เป็ นเด็กที่มีความต้องการอื่นๆ เหมือนเด็กทั่วๆ ไป ปัญหาที่พบมักจะเป็ นผลจาก สิ่งแวดลอ้ มท่ีไม่เขา้ ใจธรรมชาติของเด็กกลุ่มน้ี และไม่สามารถเอ้ืออานวยต่อความตอ้ งการ และความสามารถของเด็กไดอ้ ยา่ งเหมาะสม จึงพบปัญหาการปรับตวั ได้ เช่น การแยกตวั จากกลุ่มเพื่อน เบื่อหน่ายการเรียนไม่ได้เรียนสิ่งท่ีตนสนใจหรือคบั ขอ้ งใจท่ีได้รับการ ส่งเสริมแต่เพยี งการใชค้ วามสามารถทางเชาวป์ ัญญา แต่ขาดการตอบสนองทางอารมณ์ตาม วยั - เด็กที่เป็ นโรคซนและสมาธิส้ัน ซ่ึงเกิดจากความผดิ ปกติของสมองบางส่วนคาดวา่ อาจเกิด จากสารเคมีในสมองบางส่วนไม่สมดุล เด็กจะมีอาการสาคญั คือ ซน อยไู่ ม่นิ่ง ชอบวิ่ง ปี น ป่ าย กระโดด มีสมาธิส้นั เหม่อลอย วอกแวกง่าย หุนหนั ววู่ าม ลาบากในการคุมตวั เอง

9- เด็กมีสุขภาพไม่แขง็ แรง หรือมีโรคประจาตวั เช่น โรคหวั ใจพิการ โรคไต โรคมะเร็ง หรือ มีโรคที่มีผลกระทบต่อสมอง เช่น โรคลมชกั ทาใหเ้ ด็กตอ้ งขาดเรียนบ่อยตอ้ งหยุดพกั รักษา ตวั นาน ทาใหเ้ รียนไม่ทนั เพอ่ื นได้- เดก็ มีความผดิ ปกติทางสายตา การไดย้ นิ หรือความพกิ าร ทาใหเ้ กิดอุปสรรคตอ่ การเรียน- สาเหตุจากลกั ษณะเฉพาะของเด็ก เช่น เด็กมีลกั ษณะสมยอม ขาดแรงจูงใจในการเรียนรู้ และปล่อยความรู้สึกเบ่ือการเรียนให้เป็ นไปโดยไม่คานึงถึงผลเสียที่จะเกิดข้ึนภายใน อนาคต- สาเหตุดา้ นอารมณ์จิตใจ มกั จะมีความกงั วล ครุ่นคิด แต่ปัญหาที่ไม่สบายใจ มกั จะแสดง อาการ เหม่อลอย อ่อนเพลีย เป็ นลม กลบั มามีปัสสาวะรดท่ีนอนอีก หรือหงุดหงิด กา้ วร้าว เปล่ียนไปจากเดิม มีผลให้ความสนใจและสมาธิในการเรียนลดลง เรียนไม่ได้เต็ม ความสามารถ- ปัญหาภายในครอบครัว เช่น ครอบครัวที่ไมส่ มบูรณ์ พ่อแม่แยกกนั อยู่ หยา่ ร้าง ทอดทิ้งเด็ก มีการทะเลาะ หรือใชค้ วามรุนแรงมีผลกระทบต่ออารมณ์ และการเรียนรู้ของเด็กได้- การเล้ียงดูท่ีไม่เหมาะสม และความคาดหวงั ของผใู้ หญ่ เช่น การปล่อยปละละเลย ตามใจ หรือบงั คบั เขม้ งวด ตลอดจนมีความคาดหวงั ในการเรียนของเด็กมากเกินไป ลว้ นก่อใหเ้ กิด ปัญหาทางอารมณ์ พฤติกรรมและการเรียน- ปัญหาการเงิน เช่น ครอบครัวท่ีตอ้ งการแรงงานจากเด็กเพ่ือช่วยหารายไดเ้ ขา้ ครอบครัว มกั จะทาให้เด็กขาดโอกาสไดเ้ รียนอยา่ งเหมาะสมหรือครอบครัวท่ีประสบปัญหาการเงิน เช่น พ่อหรือแม่ตกงาน ย่อมทาให้เกิดความเครียดในครอบครัว และอาจมีผลกระทบต่อ โอกาสการเรียนของลูกได้- ปัญหาโรงเรียน เช่น ระบบโรงเรียน มาตรฐานการเรียนการสอนไม่สอดคล้องกนั เช่น อนุบาลมีท้งั แบบเตรียมความพร้อม แบบกลางๆ และแบบเร่งรัด หรือความแตกตา่ งระหวา่ ง โรงเรียนรัฐบาลกบั เอกชนที่มีช่ือเสียง โรงเรียนในเมืองหลวงกบั ต่างจงั หวดั ฯลฯ ลว้ นมีผล ต่อวิธีการ บรรยากาศ และโอกาสในการเรียนรู้ของเด็กหรือทศั นคติ และความคาดหวงั ของ พอ่ แม่มาก- ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งเด็กกบั ครูและเพื่อน จะพบว่าเด็กท่ีขาดความสัมพนั ธ์อนั ดีกบั ครู มี การเปล่ียนครูบอ่ ย เขา้ กบั เพ่ือนไม่ได้ รังแกเพื่อน หรือถูกเพ่ือนข่มขู่ รังแก อาจมีผลกระทบ

10 ตอ่ การเรียนได้ เม่ือประสบกบั ปัญหาและทราบสาเหตุท่ีส่งผลใหล้ ูกเกิดพฤติกรรมไม่สนใจ การเรียนแลว้ ควรศึกษาและหาวธิ ีการแกไ้ ขปัญหาดงั น้ี- เขา้ ใจและยอมรับในปัญหาท่ีเกิดข้ึน ลดการตาหนิติเตียนหรือดูถูก และสนบั สนุนใหเ้ ด็กได้ มีโอกาสพดู หรือเล่าปัญหาของตนเองบา้ ง- ถา้ พบวา่ ลูกเริ่มมีปัญหาดา้ นการเรียนควรรีบพาไปปรึกษาจิตแพทยแ์ ต่เนิ่นๆ โดยอธิบายให้ เด็กเขา้ ใจถึงความห่วงใยและความจาเป็ นในการมาพบแพทยเ์ พื่อช่วยให้ลูกมีความสุขใน การเรียนมากข้ึน- พอ่ แม่ควรช่วยกนั สร้างบรรยากาศท่ีดีในครอบครัว พดู คุยกนั ดว้ ยเหตุผลและเป็ นตวั อยา่ งท่ี ดี ในเร่ืองความรับผดิ ชอบ- พอ่ แม่ควรพยายามควบคุมอารมณ์ตนเองและไมต่ าหนิหรือลงโทษรุนแรงเมื่อเด็กทาผดิ- แบ่งหนา้ ท่ีการทางานในบา้ น ควรใหเ้ ด็กไดฝ้ ึ กรับผดิ ชอบงานบา้ นตามความเหมาะสมและ ชมเชยเมื่อเด็กทาไดด้ ี เช่น เก็บท่ีนอน ลา้ งจาน ควรมีการตกลงกนั ระหวา่ งเด็กและพอ่ แม่ถึง เวลาในการทาการบา้ น เล่นอิสระ อาบน้า และควรเขา้ นอนไม่เกินกี่ทุ่ม ถือเป็ นการฝึ กวินยั เบ้ืองตน้ จะสาเร็จหรือไม่อยทู่ ี่ว่าพ่อแม่ตอ้ งช่วยกนั เฝ้ าติดตามผลและปฏิบตั ิกบั ลูกอย่าง ต่อเนื่องและจริงจงั จนลูกทากิจกรรมตา่ งๆ จนเป็นนิสยั- พ่อแม่ควรช่วยกันมองหาจุดเด่นหรือข้อดีในตวั ลูก และคอยช่ืนชมส่งเสริมให้ทาอย่าง ต่อเน่ือง เป็ นการสร้างความมน่ั ใจในตวั เองให้กบั เด็ก เช่น นิสัยดีมีน้าใจ เล่นกีฬาเก่ง วาด รูปเก่ง กลา้ แสดงออก เป็ นตน้ ในเวลาเดียวกนั หากลูกมีจุดอ่อนบางดา้ น เช่น เรียนไม่เก่ง หรือมีปัญหาด้านการปรับตัวกับเพื่อนๆ ควรเข้าใจยอมรับคอยให้กาลังใจและคอย ช่วยเหลือ เช่น ทบทวนบทเรียน พูดคุยกบั ลูกบ่อยๆ หาครูที่เขา้ ใจสอนเสริมให้ ให้ลูกมี โอกาสเขา้ ร่วมกิจกรรมเสริมสร้างทกั ษะชีวติ- มีเวลาทากิจกรรมร่วมกนั ระหวา่ งสมาชิกในครอบครัว เพ่ือเสริมสร้างความสัมพนั ธ์อนั ดี และช่วยใหพ้ อ่ แม่ไดต้ ิดตามการเปล่ียนแปลงของลูก- พอ่ แม่ควรยอมรับการเปล่ียนแปลงและพฒั นาการตามวยั ของลูก โดยเฉพาะเม่ือลูกเริ่มจะ เขา้ สู่วยั รุ่นที่ตอ้ งการความเป็ นอิสระ ตอ้ งการความไวว้ างใจจากพอ่ แม่ ดงั น้นั เวลามีปัญหา อะไรเกิดข้ึน ควรรับฟังอธิบายจากลูกก่อน ที่จะปรักปราหรือลงโทษจะช่วยให้เด็กรู้สึกดี กบั พอ่ แม่

11 - พ่อแม่และครูควรช่วยเหลือและร่วมมือกนั ประคบั ประคองเด็กให้มีโอกาสเรียนรู้ไดเ้ ต็ม ตามศกั ยภาพ และยอมรับวา่ เด็กแต่ละคนมีความสามารถและความถนดั แตกต่างกนั ดงั น้นั จึงไม่ตอ้ งเก่งเหมือนกนัป้ องกนั ปัญหาลูกไม่สนใจเรียนได้อย่างไร? - พ่อแม่ควรสนบั สนุนหรือส่งเสริมให้ลูกไดม้ ีโอกาสอยใู่ นสภาวะอยากรู้อยากเห็น ทดลอง อยากเรี ยนรู้ และมีโอกาสทดลองทาส่ิ งแปลกใหม่ในขอบเขตท่ีเหมาะสมเพิ่มข้ ึนตามวยั เนื่องจากธรรมชาติของวยั เดก็ เป็ นช่วงวยั ที่มีพฒั นาการความสามารถในดา้ นต่างๆ ในอตั รา ที่รวดเร็วอยา่ งยง่ิ การกระทาดงั กล่าวจะมีส่วนช่วยใหเ้ ด็กสามารถพฒั นารากฐานของชีวติ ท่ี ดี และเจริญเติบโตข้ึนเป็นคนดีมีคุณภาพของสังคมไดโ้ ดยพอ่ แม่นบั เป็ นบุคคลสาคญั บุคคล แรก ที่มีส่วนช่วยเพาะบ่มอุปนิสัยใจคอที่รักการเรียนใหเ้ กิดข้ึนในลูกต้งั แต่ยงั เล็กๆ - พ่อแม่ควรเป็ นแบบอย่างของการเรียน โดยเป็ นแบบอย่างดว้ ยชีวิต ท่ามกลางบุคคลท่ีอยู่ ลอ้ มรอบตวั ลูก พอ่ แม่นบั เป็นบุคคลที่อยใู่ กลช้ ิดตวั เดก็ มากท่ีสุด ดงั น้นั พอ่ แมจ่ ึงเป็นตวั แปร หลกั ที่มีอิทธิพลต่อตวั เด็กมากที่สุดเช่นกนั พ่อแม่จึงตอ้ งเป็ นแบบอยา่ งที่ดีให้ลูกและเป็ น อยา่ งต่อเน่ือง กระบวนการซึมซบั รับเอาแบบอยา่ งจากบุคคลและสิ่งแวดลอ้ มในดา้ นต่างๆ ของเด็กน้นั มิใช่จะเกิดข้ึนไดใ้ นช่วงระยะเวลาอนั ส้นั เพียงไมก่ ่ีวนั หรือสองสามสัปดาห์ ทวา่ พอ่ แม่จาเป็นตอ้ งเป็นแบบอยา่ งท่ีดีในการเรียนส่ิงต่างๆ อยา่ งต่อเนื่องจนเด็กไดเ้ ห็นและซึม ซบั เอาแบบอยา่ งดงั กล่าวหล่อหลอมกล่อมเกลาเขา้ เป็นอุปนิสัยของเดก็ ไปโดยไม่รู้ตวั - พ่อแม่ควรสร้างให้เด็กมีนิสัยใฝ่ การเรียน โดยการให้มีส่วนร่วม ในช่วงเวลาแห่งการสร้าง ความสนใจในการเรียนให้เกิดข้ึนในเด็ก เป็ นวยั ท่ีเด็กมีความผกู พนั ใกลช้ ิดกบั พ่อแม่มาก ท่ีสุด พ่อแม่จึงควรฉวยโอกาสในการนาลูกให้เขา้ มามีส่วนร่วมมีปฏิสัมพนั ธ์ในครอบครัว เพื่อสร้างความรัก ความอบอุ่นระหวา่ งกนั เช่น อ่านหนงั สือนิทานให้ลูกฟังก่อนนอน และ สอนหรือแนะนาลูก เพราะครูคนแรกของลูกก็คือพ่อแม่ และบ้านหรือครอบครัวคือ โรงเรียนแห่งแรกของลูกนนั่ เอง จึงควรเร่ิมตน้ สอนหรือฝึ กหดั ลูกให้เรียนรู้ส่ิงต่างๆ รอบ ดา้ นไดต้ ้งั แต่เขายงั เด็ก ให้รู้จกั สังเกตสิ่งรอบตวั ต้งั คาถามเพราะคาถามจะเป็ นการเปิ ดทาง ให้ลูกเรียนรู้ และเล่าประสบการณ์ในชีวิตของพ่อแม่ โดยพอ่ แม่แบ่งปันเร่ืองราวในชีวิตท่ี น่าสนใจท่ีเหมาะสมกับแต่ละวยั ของเด็กก็จะช่วยให้เด็กเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้อย่างเป็ น ธรรมชาติ เช่น เล่าเร่ืองต่ืนเตน้ ผจญภยั สาหรับลูกชาย หรือเล่าเรื่องราวเป็ นลกั ษณะนิทาน สาหรับลูกสาว รวมท้งั สอนให้ลูกสนใจใฝ่ เรียนในทางที่ถูกตอ้ งเหมาะสม โดยคอยสอน

12 หรือช้ีแนะลูกเพ่ือท่ีลูกจะสามารถเขา้ ใจ และแยกแยะไดว้ า่ สิ่งใดถูกสิ่งใดผิด อะไรสมควร และไมส่ มควรทา นอกจากน้ีควรมีการจดั สรรบรรยากาศที่เอ้ือต่อการเรียนแก่เด็ก ไดแ้ ก่ จดั ใหม้ ีหอ้ งสมุดหรือมุมหนอนหนงั สือภายในบา้ น โดยมุมน้ีอาจตกแต่งในสไตลข์ องเดก็ เช่น นาภาพประกอบสวยๆ มีสีสันสดใสติดไวท้ ่ีผนงั มีเทปเพลงสื่อการเรียนการสอนท่ีอาจมี เกมแสนสนุกประเทืองปัญญา หรือเครื่องดนตรีท่ีสามารถเล่นไดง้ ่ายและจดั ให้มีมุมสวน นอกบา้ นดว้ ย - แม่ควรดูแลให้เด็กรักษาวินัยแห่งการเรียนอย่างสม่าเสมอ มีคากล่าวท่ีว่า หากทาสิ่งใด ต่อเน่ืองกนั เป็ นเวลา 45 วนั ส่ิงน้นั จะกลายเป็ นความเคยชินและเป็ นอุปนิสัยของเราไดใ้ น ที่สุด จึงควรตอ้ งดูแลรักษาใหค้ งอยแู่ ละพฒั นาใหก้ า้ วหนา้ ต่อไป ซ่ึงอาจกระทาไดโ้ ดย การ สร้างวินยั แห่งการเรียนในตวั เด็ก เพือ่ ใหเ้ ด็กยงั คงรักษาความต่อเน่ืองในการเรียนรู้ มีกรอบ มีเป้ าหมายและมีทิศทางซ่ึงจะช่วยใหเ้ วลาท่ีพอ่ แม่ไม่ไดอ้ ย่ดู ว้ ยในช่วงเวลาน้นั เด็กก็ยงั คง สามารถนาพาตนเองใหเ้ รียนรู้ในสิ่งต่างๆ ได้ แต่ในระยะแรกโดยเฉพาะเด็กเล็กพอ่ แม่ยงั คง ตอ้ งคอยวางแผน คอยกากบั ดูแลอยา่ งเป็ นธรรมชาติใหเ้ ด็กรู้สึกสนุกสนานทา้ ทาย และคอย สนบั สนุนใหก้ าลงั ใจ ลูกถูกรังแกบทนา การถูกรังแก อาจมีท้งั จากการถูกทาร้ายโดยมีร่องรอยกลบั มาบา้ นให้เห็น หรือถูกข่มข่โู ดยพอ่ แม่ไม่ทราย ปัญหาเหล่าน้ีอาจทาให้ลูกไม่อยากไปโรงเรียน มีผลต่อการเรียนของลูก หากไม่รีบแกไ้ ข หรือแกไ้ ขไม่ถูกวธิ ีอาจจะลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้

13 ภาพที่ 2 เด็กซาตานปัญหาลูกถูกรังแกมคี วามสาคญั อย่างไร? เมื่อลูกเขา้ สู่สังคมโรงเรียน ไดพ้ บกบั เพ่ือนๆ ท่ีมาจากครอบครัวท่ีมีสภาพและการอบรมเล้ียงดูท่ีแตกตา่ งกนั อาจทาใหเ้ กิดเหตุการณ์ท่ีพอ่ แม่ไม่คาดคิด เช่น การถูกข่มขู่ หรือการถูกรังแก ซ่ึงอาจส่งผลให้ลูกต่อตา้ นหรืออาจกลวั สังคมเพ่ือนและโรงเรียนไปเลยก็ได้ ถา้ ไม่ไดร้ ับการช่วยเหลือปัญหาที่ตามมาจากการถูกรังแกกจ็ ะมีเพ่ิมมากข้ึน เช่น การไมอ่ ยากไปโรงเรียน การไมย่ อมรับสังคมการคิดต่อสู้เพื่อนที่มารังแก นนั่ หมายความวา่ ความรุนแรงจากการป้ องกนั ตวั เองจากการถูกรังแกก็จะเพม่ิ ทวคี ูณข้ึน การทะเลาะกนั ก็จะเพม่ิ มากข้ึน และบางคร้ัง สาเหตุของการถูกรังแก อาจไม่ไดเ้ กิดจากเพื่อนเสมอไป หากพอ่ แมท่ ราบขอ้ มลู จากลูกวา่ ถูกรังแก แลว้ แสดงอาการโมโหโกรธ ออกมาให้ลูกไดร้ ับทราบ น้นั ผลเสียท่ีจะตามมา คือลูกอาจจะเอาเร่ืองถูกรังแกจากโรงเรียนมาสร้างสถานการณ์ให้พ่อแม่เกิดความสนในตนเองเพ่ิมมากข้ึน ย่ิงถา้ พ่อแม่ไปจดั การเพื่อนคนน้นั ที่โรงเรียน โดยไม่ถามถึงสาเหตุที่แทจ้ ริงแลว้ อาจจะเกิดปัญหาลุกลามระหวา่ งพอ่ แม่กบั ครู หรือพอ่ แมข่ องเดก็ ท่ีรังแกลูกก็เป็ นได้ แต่ในทางกลบั กนั หากพ่อแม่ไม่จดั การกบั ความรู้สึกของลูกเมื่อถูกรังแก มองวา่ เป็ นเรื่องของเด็กทะเลากนั เด๋ียวก็ดีกนั ผลที่ตามมาคือ ลูกจะรู้สึกว่าตนเองไม่มีที่พ่ึงเมื่อถูกรังแก ไม่มีใครมารับรู้ความรู้สึกเจ็บปวดทางกาย ทางใจของตนเอง และเม่ือถูกรังแกอีกก็จะตอ้ งหาวิธีต่อสู้หรือไม่ก็ หลีกหนีจนกลายเป็ นเด็กท่ีเขา้ กบั สังคมไม่ได้ ต่อตา้ นการคบเพ่ือนซ่ึงจะเกิดภาวะซึมเศร้าไม่มีเพ่ือน ไม่มีพฒั นาการทางดา้ นสังคมที่สมวยั อีกเช่นกนั ดงั น้นั การต้งั สติเม่ือรู้วา่ ลูกถูกรังแกจึงเป็ นเร่ืองสาคญั ควรที่จะศึกษาสาเหตุ และคอยสังเกตพฤติกรรมของลูกอยเู่ สมอเพื่อการแกป้ ัญหาที่ทนั ทว่ งทีปัญหาลูกถูกรังแกมสี าเหตุและวธิ กี ารแก้ไขอย่างไร?

14 จากพฒั นาการทางอารมณ์ เด็กวยั 3-5 ขวบ มกั จะเป็ นเด็กเจา้ อารมณ์ และจะแสดงอารมณ์อยา่ งเปิ ดเผยและมีอิสระเต็มที่ เด็กวยั น้ีมกั กลวั อยา่ งสุดขีด อิจฉาอยา่ งไม่มีเหตุผล โมโหร้าย การท่ีเดก็ มีอารมณ์เช่นน้ีอาจจะเป็นเพราะเดก็ มีประสบการณ์กวา้ งข้ึน อารมณ์จึงเกิดข้ึนเพราะเง่ือนไขทางสังคม ต้งั แต่สงั คมภายในบา้ นจนกระทง่ั ถึงสังคมภายนอกบา้ น เด็กเคยไดร้ ับแตค่ วามรักความเอาใจใส่จากพอ่ แม่และผทู้ ่ีอยใู่ กลช้ ิด เม่ือตอ้ งพบกบั คนนอกบา้ นซ่ึงไม่สามารถเอาใจใส่เด็กไดเ้ ท่าคนในบา้ น หรือเหมือนเมื่อยงั เลก็ เด็กจึงรู้สึกขดั ใจ และพยายามปรับตวั เพ่ือตอ้ งการใหเ้ ป็นท่ีรักและเป็นที่ยอมรับของบุคคลขา้ งเคียง การแสดงออกเพื่อเรียกร้องความสนใจหรือระบายความรู้สึกของตนเองจึงอาจเกิดข้ึนไดโ้ ดยแสดงออกกบั เพ่ือนๆ ซ่ึงเป็ นการง่ายท่ีสุด เพราะอยูใ่ นวยั เดียวกนั และใกลช้ ิดกนั เมื่อการแสดงออกรุนแรงมากข้ึนกลายเป็นการรังแกกนั ข้ึนมา และหากการรังแกกนั ที่ไมม่ ีบุคคลอื่นเช่น ครู หรือพ่อแม่มาช่วยแก้ไขปัญหา ฝ่ ายถูกรังแกก็จะมีปัญหาทางจิตใจมากข้ึน และเด็กท่ีรังแกผอู้ ่ืนก็จะไดเ้ กิดความรู้สึกภาคภูมิใจในการกระทาของตนเองแบบผิดๆ และเกิดความฮึกเหิมรังแกบุคคลที่อ่อนแอกวา่ ต่อไป จึงเป็นเร่ืองสาคญั ท่ีตอ้ งศึกษาสาเหตุใหช้ ดั เจน เพื่อการเลือกวธิ ีการแกไ้ ขปัญหาไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง และสอนให้ลูกเผชิญปัญหาดว้ ยตนเองเม่ือเกิดปัญหาการถูกรังแกข้ึนอีกในอนาคตขา้ งหนา้ ตลอดจนการสร้างภูมิคุม้ กนั ทางจิตใจที่ดีใหล้ ูกเพ่ือการเตรียมเผชิญกบั ปัญหาในอนาคตต่อไป ซ่ึงสรุปสาเหตุของปัญหาไดด้ งั น้ี - เด็กชอบรังแกเพื่อนเพราะความสนุกสนานและขาดทกั ษะในเร่ืองความเห็นอกเห็นใจ ขาด ทกั ษะในการรับรู้ถึงความรู้สึกของผอู้ ื่น - เด็กชอบรังแกเพื่อนเพราะว่าเด็กน้นั อย่ใู นสภาพแวดลอ้ มท่ีรุนแรง จึงซมั ซบั เอาพฤติกรรม รุนแรงมาเป็ นนิสัยท่ีเคยชินเมื่อกระทาต่อผอู้ ื่นแลว้ ก็ไม่สามารถรับทราบไดว้ ่าเพื่อนๆ จะ รู้สึกอยา่ งไรบา้ ง - เด็กท่ีไม่ได้รับการแก้ปัญหาเมื่อถูกรังแก ไม่ไดร้ ับการปกป้ องจากการถูกรังแก จึงต้อง ป้ องกนั ตนเองดว้ ยการรังแกผอู้ ื่นก่อน - เดก็ รังแกเพอ่ื นเพราะตอ้ งการเรียกร้องความสนใจจากบุคคลรอบขา้ งไมว่ า่ จะเป็นครู พอ่ แม่ หรือบุคคลที่ตอ้ งการใหม้ าใส่ใจตนเองเป็นพเิ ศษ - เดก็ บางคนเม่ือรังแกผอู้ ื่นแลว้ รู้สึกมีความมน่ั ใจในตนเองมากข้ึน รู้สึกตนเองเขม้ แขง็ มีพลงั มีอานาจ ตอ้ งการเป็นท่ียอมรับจากเพือ่ นๆ - เดก็ บางคนช่างฟ้ องแมถ้ ูกรังแกนิดหน่อย เพื่อยมื มือคุณครูเพ่ือลงโทษเพ่อื นคนอ่ืนๆ

15- เด็กขาดทกั ษะในการจดั การปัญหาเมื่อถูกรังแก และแกป้ ัญหาโดยการร้องเสียงดงั แมถ้ ูก แหยเ่ พยี งเล็กนอ้ ย หรือบางคร้ังเพอ่ื นมาหยอกลอ้ ตามปกติ- เด็กท่ีโรงเรียนซ่ึงดูแลไม่ทว่ั ถึงมกั ซึมซบั การจดั การปัญหาท่ีไม่ถูกตอ้ ง เช่น การนาคนท่ี รังแกมาตี และเอาใจเด็กคนท่ีร้องงอแงโดยไม่หาสาเหตุท่ีแทจ้ ริง ทาให้เด็กมีพฤติกรรม “สร้างสถานการณ์” คือ สร้างใหต้ วั ถูกรังแกเพอื่ ใหเ้ กิดวธิ ีจดั การปัญหาดงั กล่าว- เด็กบางคนไม่ไดต้ ้งั ใจแกลง้ แต่เป็ นเพราะราคาญ เช่น ราคาญเสียงงอแงของเพื่อนหรือการ ปะทะท่ีเกิดจากความไม่ตอ้ งใจ เช่น เดินเบียด หรือเดินเฉี่ยวกนั เพยี งเล็กนอ้ ย- เด็กเกิดการอิจฉากนั จึงสนองความรู้สึกทางอารมณ์ เพื่อทดแทนความรู้สึกของตนเองโดย การทาร้าย รังแกผอู้ ่ืน- เด็กถูกวางเง่ือนไขในการแสดงพฤติกรรมทางบวกมากเกินไป ทาให้เด็กเก็บกดและแสดง ความเกเรในทางอื่น แนวทางปฏิบตั ิสาหรับพอ่ แม่ เม่ือตอ้ งประสบกบั ปัญหาลูกถูกรังแก- พ่อแม่ควรแจ้งกับทางโรงเรียนว่าลูกถูกรังแก และขอความช่วยเหลือจากครูและทาง โรงเรียนให้ช่วยกนั ยุติการรังแกกนั ไม่ควรลงั เลใจท่ีจะแจง้ ให้ครูทราบ เพราะกลวั วา่ เมื่อ แจง้ ทางโรงเรียนแลว้ สถานการณ์จะแยล่ งกวา่ เดิม หรืออายท่ีลูกถูกรังแก กลวั จะถูกมองวา่ ปกป้ องลูกของตนเองมากเกินไป หรือเช่ือว่าเป็ นหนา้ ที่ของลูกท่ีตอ้ งแกป้ ัญหาหยุดการถูก รังแกดว้ ยตนเอง เพราะเดก็ ตอ้ งการความช่วยเหลือเมื่อถูกรังแก- พ่อแม่ควรศึกษานโยบายและความรับผิดชอบของโรงเรียน เพื่อป้ องกันการเกิดปัญหา เพราะเด็กทุกคนควรไดร้ ับการปฏิบตั ิดว้ ยความสุภาพ และการเคารพในศกั ด์ิศรีจากเพื่อน นักเรียนและบุคลากรของโรงเรียน ครูมีหน้าที่รับประกนั ให้เกิดบรรยากาศการเรียนที่ ปลอดภยั ในบางประเทศมีกฎหมายเพื่อบงั คบั ให้โรงเรียนมีการกาหนดนโยบายและแนว ปฏิบตั ิเพือ่ ต่อตา้ นการรังแกในโรงเรียนแลว้- พอ่ แม่ควรร่วมมือกบั โรงเรียนเพือ่ แกไ้ ขปัญหา ถา้ ลูกบอกวา่ เขากาลงั ถูกรังแก หรือสงสัยวา่ ลูกอาจถูกรังแกท่ีโรงเรียน พ่อแม่ควรจะบนั ทึกเหตุการณ์ที่ลูกไดเ้ ล่าให้ฟัง จดช่ือเด็กท่ี เก่ียวขอ้ ง วนั ที่เกิดเหตุการณ์ข้ึนเพื่อให้มีหลกั ฐานท่ีเป็ นลายลกั ษณ์อกั ษรที่สามารถนามา อา้ งอิงไดเ้ มื่อจาเป็ น ขอพบครูประจาช้นั ของลูกทนั ทีและอธิบายความห่วงใยหรือไม่สบาย ใจด้วยท่าทางเป็ นมิตร หลีกเลี่ยงการกล่าวโทษหรือตาหนิกัน ถามครูว่าได้สังเกตเห็น เหตุการณ์อะไรบา้ ง ครูไดท้ ราบถึงหรือสงสัยว่ามีการรังแกกนั เกิดข้ึนบา้ งหรือไม่ ลูกกบั นักเรียนคนอื่นในห้องได้หรือไม่ ครูได้สังเกตเห็นว่าลูกถูกเพิกเฉยจากเพ่ือนๆ หรือถูก

16 ปล่อยให้อยู่โดดเดี่ยวบา้ งหรือไม่ เช่น ไม่ไดไ้ ปเล่นในสนามโรงเรียน หรือร่วมกิจกรรมที่ นักเรียนคนอื่นๆ ทาด้วยกัน ถามครูว่ามีความต้งั ใจที่จะสืบสวนหรือช่วยยุติการรังแก หรือไม่อย่างไร นดั พบคุณครูเพ่ือติดตามความคืบหนา้ หากไม่มีอะไรดีข้ึนหลงั จากที่ได้ รายงานการรังแกให้ครูทราบ ให้ขอพบครูอีกคร้ัง จดบนั ทึกรายละเอียดต่างๆ ทุกคร้ังเม่ือ พดู คุยกบั ครูและบุคลากรของโรงเรียน - สร้างภูมิคุม้ กนั ใหล้ ูก พยายามกระตุน้ ใหล้ ูกไดใ้ ชเ้ วลาเล่นกบั เพ่ือนท่ีหลากหลาย และสร้าง ความมนั่ ใจใหต้ วั ลูก เพื่อลูกจะไดเ้ ผชิญกบั สถานการณ์ท่ีแตกต่างกนั ฝึกแกป้ ัญหา และรับรู้ อารมณ์เพ่ือนๆ ที่ต่างกนั หรืออาจลูกพาไปร่วมกิจกรรมอื่นๆ นอกบา้ นบ้าง เพื่อได้หา ประสบการณ์ใหมๆ่ ที่จะเป็นภูมิคุม้ กนั เมื่อลูกเผชิญปัญหาป้ องกนั ปัญหาลูกถูกรังแกได้อย่างไร?พอ่ แม่ควรศึกษาแนวทางในการป้ องกนั และจดั การกบั ปัญหา การโดนรังแกของลูก ดงั น้ี - กบั ลูกถึงเร่ืองท่ีโรงเรียน บางคร้ังลูกอาจกลวั อายหรือเสียหนา้ เม่ือถูกเด็กรังแก จึงไม่กลา้ บอกเรื่องที่เกิดข้ึนให้คนอ่ืนรู้ ดงั น้ัน พ่อแม่จึงควรคุยกบั เขาก่อนที่เรื่องจะบานปลายไป มากกวา่ น้ี โดยแสดงใหเ้ ขาเห็นวา่ พอ่ แม่เป็ นท่ีพ่ึงพาไดแ้ ละพร้อมที่จะแกป้ ัญหาที่เขาเผชิญ ได้ - ฝึ กความมนั่ ใจในตวั เอง ฝึ กให้ลูกกล้าพูด หรือลองแก้ปัญหาเบ้ืองตน้ เองหากเป็ นความ ขดั แยง้ เพียงเล็กนอ้ ย แตเ่ ม่ือลูกถูกรังแก ควรใหเ้ ขากลา้ ที่จะเปิ ดเผยถึงเร่ืองที่เกิดข้ึน และเขา้ ไปช่วยเหลือ - หลีกเล่ียงพ้นื ท่ีเส่ียง การรังแกมกั จะเกิดข้ึนในท่ีท่ีลบั ตาผคู้ น หรือไม่อยใู่ นสายตาของผใู้ หญ่ เช่น ห้องน้า ใตอ้ าคารเรียน หลงั อาหารเรียน เป็ นตน้ ดงั น้นั จึงควรสอนให้ลูกหลีกเลี่ยง สถานท่ีเหล่าน้ี เพื่อป้ องกนั การตกเป็นเหยอื่ - ทาความรู้จกั กบั เพื่อนของลูก เด็กๆ มกั จะให้ความสาคญั กับเพ่ือนและเปิ ดเผยกบั เพื่อน มากกวา่ ดงั น้นั การรู้จกั เพ่ือน ๆ ของลูก จะเป็ นผลดีในการเขา้ ใจปัญหาของลูกเม่ือเขาถูก รังแก - เช่ือใจลูก การเช่ือใจลูกอยา่ งมีเหตุผลถือเป็นสิ่งสาคญั ท่ีพอ่ แมค่ วรมีใหก้ บั ลูก เพราะการเชื่อ ใจลูกจะเป็นวธิ ีท่ีทาใหล้ ูกเปิ ดใจ กลา้ ระบายปัญหาที่เกิดข้ึนใหฟ้ ังมากยง่ิ ข้ึน

17- ใหเ้ ด็กกลา้ ตดั สินใจเม่ือถูกรังแก เด็กที่ถูกรังแก ก็มกั จะโดนรังแกอยเู่ ป็ นประจา ดงั น้นั การ ฝึกใหเ้ ด็กกลา้ ตดั สินใจ เม่ือถูกรังแกจะทาใหเ้ ขาไดเ้ รียนรู้เองวา่ จะตอ้ งทาอยา่ งไรเพื่อใหเ้ ขา เลิกโดนรังแก- สอนลูกใหร้ ู้จกั ระวงั ตวั เอง เด็กส่วนใหญ่ไม่อาจแกป้ ัญหาการโดนรังแกไดด้ ว้ ยตวั เอง และ มกั จะตอ้ งการความช่วยเหลืออยู่เสมอ ดงั น้ัน จึงควรสอนลูกให้ได้รู้จกั ระวงั ตวั เอง เช่น หากลูกตอ้ งไปไหนมาไหนคนเดียว ก็ควรสอนใหเ้ ขารู้จกั วธิ ีป้ องกนั การโดนรังแก ดว้ ยการ หาเพอื่ นสักคนใหไ้ ปดว้ ยกนั- อยา่ สญั ญากบั ลูก การแกป้ ัญหาการถูกรังแก ควรไดร้ ับความร่วมมือจากโรงเรียนดว้ ย จึงไม่ ควรสัญญาท่ีว่ารักษาความลบั เกี่ยวเรื่องท่ีลูกโดนรังแก ให้ลูกได้กลา้ เผชิญกับปัญหาที่ เกิดข้ึน โดยมีพอ่ แมค่ อยเป็นท่ีปรึกษาอยเู่ คียงขา้ ง- สอนให้เช่ือมน่ั ในตวั เอง การท่ีเด็กมีความมน่ั ใจในตวั เอง จะทาให้เขากลา้ แสดงออก กลา้ ทาในสิ่งต่าง ๆ ความเชื่อมนั่ ในตวั เองน้ีก็จะผลกั ดนั ให้เขากลา้ ท่ีจะบอกกล่าว หรือขอความ ช่วยเหลือจากการถูกรังแกดว้ ยตวั ของเขาเอง- ฝึ กให้มีความใจเยน็ เด็กที่มีนิสัยเกเรมกั จะแกลง้ รังแกเด็กท่ีแสดงอาการกลวั หรืออ่อนแอ อยเู่ ป็ นประจา ดงั น้นั จึงควรสอนใหล้ ูกพยายามที่จะซ่อนความรู้สึกกลวั หรืออ่อนแอ ไม่ให้ เดก็ เกเรเห็นหรือรับรู้ เพื่อป้ องกนั การโดนรังแก- สอนให้กลา้ มีปากมีเสียง วธิ ีน้ีไม่ใช่ให้เป็ นการฝึ กเด็กมีนิสัยท่ีกา้ วร้าว แต่เป็ นการสอนให้ เด็กรู้จกั ปกป้ องตวั เอง กลา้ ที่จะหา้ มหรือพดู กบั เดก็ ท่ีมารังแกเขา- ให้ขอความช่วยเหลือเม่ือจาเป็ น บอกลูกให้เดินไปขอคาปรึกษาในยามท่ีเกิดปัญหา หรือ ตอ้ งการคาปรึกษาท้งั กบั เพื่อนๆ หรือครู- ส่งเสริมให้เด็กมีความมน่ั ใจในตวั เอง มีการสารวจพบวา่ การสอนลูกให้รู้จกั ป้ องกนั ตนเอง ดว้ ยความมนั่ ใจ เป็นหน่ึงในวธิ ีที่ดีที่สุดในการป้ องกนั ไม่ใหล้ ูกโดนรังแก การมีความมน่ั ใจ ในตวั เองผสมผสานกบั การเรียนศิลปะป้ องกนั ตวั สนใจในงานอดิเรก เล่นกีฬา ฯลฯ เหล่าน้ี เป็นการแกป้ ัญหาท่ีดีเยยี่ ม ที่ทาใหล้ ูกสามารถจดั การกบั ปัญหาการโดนรังแกของตวั เองได้

18 ลกู พูดไม่สุภาพบทนา ปัญหาเด็กพูดคาไม่สุภาพเป็ นปัญหาท่ีมกั สร้างความตกใจให้กบั พ่อแม่และคนรอบขา้ งถึงแมว้ า่ ปัญหาเด็กพดู คาไม่สุภาพน้ีไม่ไดเ้ ป็นเรื่องท่ีร้ายแรงมากนกั แตห่ ากเราปล่อยปละละเลยและไม่หาวิธีการแกไ้ ขพฤติกรรมน้ีใหห้ มดไป เด็กก็จะติดคาพดู คาไม่สุภาพไปจนโต การแกป้ ัญหาเด็กพดู คาไม่สุภาพ น้นั ควรจะเริ่มสนใจที่มาท่ีไปของคาไม่สุภาพน้นั วา่ เด็กไปเรียนรู้เอาคาไม่สุภาพมาจากไหน ใครพูดเป็ นแบบอยา่ งใหเ้ ด็กไดย้ นิ และจะแกไ้ ขปัญหาน้ีไดอ้ ยา่ งไร เพ่ือใหพ้ ฤติกรรมเด็กพดู คาไม่สุภาพจะไดห้ มดไปอยา่ งถาวร ตลอดจนเด็กสามารถแยกแยะคาพูดไดว้ า่ ประเภทไหนควรพูดประเภทไหนไม่ควรพูด เพื่อท่ีว่าในสถานการณ์ที่ไม่มีพ่อแม่หรือครูอยู่ขา้ งๆ เขาก็สามารถตระหนักได้ถึงคาที่ควรพูดและคาท่ีไม่ควรพูด แหล่งปัญหาที่พ่อแม่จะตอ้ งศึกษาให้ทราบอย่างชดั เจนวา่ ลูกไดร้ ับ หรือเรียนรู้การพดู คาไม่สุภาพมาจากใคร เพื่อท่ีวา่ จะไดด้ าเนินการแกไ้ ขไดอ้ ยา่ งตรงประเด็นตลอดจนการป้ องกนั แบบถาวรหรือท่ีเรียกวา่ สร้างภมู ิคุม้ กนั การพดู คาไมส่ ุภาพนน่ั เอง ภาพที่ 3 เดก็ ข้ีโมโหปัญหาลูกพดู ไม่สุภาพมคี วามสาคญั อย่างไร?พฤติกรรมที่ไม่ปกติของลูกเป็ นพฤติกรรมท่ีเป็ นปัญหาสาหรับตวั เด็กเองและครอบครัวท่ีตอ้ งดูแลเอาใจใส่อยา่ งใกลช้ ิด เมื่อลูกแสดงพฤติกรรมท่ีไม่พึงประสงคไ์ มว่ า่ จะเป็นทางกาย วาจา พอ่ แมค่ วรท่ีจะปรับปรุงแกไ้ ขใหล้ ูกเขา้ สู่สภาวะปกติ เด็กปฐมวยั มีพฒั นาการเป็ นข้นั ตอนท้งั ทางดา้ นร่างกายและจิตใจ ในบางกรณีแทนที่ความเจริญทางร่างกายจะควบคู่กนั ไปกบั การพฒั นาทางจิตใจ ทางดา้ นจิตใจเกิดมีปัญหาไม่พฒั นาตามวยั ปรับตวั ตามสภาพการณ์ไม่ได้ เกิดปัญหาทางด้านจิตใจ เช่น

19ความเครียดทางอารมณ์ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ดีเท่าที่ควร มีความคิดท่ีต่างไปจากปกติก่อให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่ปกติเป็ นปัญหาต่างๆ ลกั ษณะของพฤติกรรมที่เป็ นปัญหาอาจแบ่งเป็ น 2ประเภทใหญๆ่ คือ 1. พฤติกรรมท่ีกา้ วร้าว ระราน ประเภทหน่ึง 2. อีกประเภทหน่ึงคือประเภท ถอยหนี เก็บกด อ่อนไหว ไม่สู้ และเม่ือพูดถึงพฤติกรรมที่ กา้ วร้าว เป็ นพฤติกรรมท่ีสังคม และพอ่ แม่สามารถมองเห็นไดช้ ดั และจะส่งผลในอนาคต หากไม่ได้รับการแกไ้ ข กล่อมเกลาพฤติกรรม ปัญหาลูกพูดคาไม่สุภาพเป็ นปัญหาท่ีอาจ เกิดข้ึนไดใ้ นทุกบา้ น เพราะเม่ือเด็กๆ มีเพื่อนหรือไปโรงเรียนจะเลียนแบบกนั และกนั ย่ิง ปัจจุบนั มีสื่อใหเ้ ห็นทุกวนั คาที่ฟังแลว้ รู้สึกระคายหู ก็ปรากฏใหไ้ ดย้ นิ ในครอบครัวจนพอ่ แม่ตกใจ บางคนถึงกบั คิดไปไกลว่า ลูกจะกลายเป็ นคนไม่มีมารยาทไปไหม อยา่ เพิ่งตีตน ไปก่อนไข้ เพราะการเลือกใช้คาพูดเป็ นตวั บ่งช้ีความสามารถทางภาษา ซ่ึงโยงไปถึง ความสามารถในการเรียนรู้และวิเคราะห์ของเด็ก เช่น เด็กท่ีใช้คาที่เป็ นนามธรรมอย่าง เขา้ ใจ สามารถเรียนรู้เร่ืองยากๆ ไดด้ ีกว่าเด็กท่ียงั ตอ้ งอธิบายเป็ นนามธรรม ส่วนการใช้ คาพดู สุภาพหรือไม่ เป็นเรื่องของการเรียนรู้และส่ิงแวดลอ้ มปัญหาลกู พูดไม่สุภาพมสี าเหตุและวธิ ีการแก้ไขอย่างไร? เด็กๆ มกั จะเริ่มจดจาและพูดคาไม่สุภาพเมื่ออายุไดป้ ระมาณ 2-4 ขวบ เขามกั จะจดจาคาต่างๆ เมื่อไดย้ ินบ่อยๆ และทดลองการใช้คาไม่สุภาพ ในความคิดของพวกเขาน้นั คาไม่สุภาพน้นัเป็ นคาคาหน่ึงที่เขาไม่รู้ความหมายแน่นอน ซ่ึงเลียนแบบคาพูดจากผูใ้ หญ่ เด็กจะพูดตามโดยไม่รู้ความหมายหรือรู้เพียงคร่ึงๆ กลางๆ ซ่ึงบางคร้ังผูใ้ หญ่ไดฟ้ ังเด็กพูดแล้วเห็นว่าเด็กพูดโดยไม่รู้ความหมาย ไร้เดียงสาและหัวเราะชอบใจ ทาให้เด็กเขา้ ใจผดิ วา่ การพูดเช่นน้ีดี เด็กจึงพดู อยู่เร่ือยๆเด็กบางคนมกั จะพดู ในเวลาโกรธหรือไม่พอใจ เช่นเวลาเด็กถูกเพ่ือนรังแกแลว้ ทาอะไรไม่ได้ ก็จะใชค้ าวา่ \"ไอ้ \" หรือ “อี” แต่เด็กรู้วา่ เวลาโกรธหรือไม่พอใจใครสักคนก็สามารถระบายคาน้ีออกมาเด็กบางคนพูดเพ่ือตอ้ งการให้ผูใ้ หญ่ราคาญ และตวั เองรู้สึกวา่ สนุก ซ่ึงพ่อแม่สามารถดาเนินการดงั น้ี 1. หาท่ีมาของคาไม่สุภาพ ศึกษาที่มาของคาไมส่ ุภาพเหล่าน้ีวา่ เดก็ เรียนรู้มากจากแหล่งใดบา้ ง ส่วนใหญไ่ ดแ้ ก่ - ครอบครัว คือสมาชิกในครอบครัวหรือบางคร้ังอาจจะเป็ นพอ่ แม่เองท่ีพดู คาไมส่ ุภาพกนั ใน บา้ นหรือกบั คนที่สนิทสนมโดยลืมนึกไปวา่ ลูกไดย้ นิ และรับฟังคาไม่สุภาพเหล่าน้นั ไปใน

20 ความทรงจา และจะนามาทดลองใช้เมื่อตนเองไดร้ ับการกระตุน้ อารมณ์ทางลบ เช่น เม่ือ โดนแหย่ โดนแกลง้ หรือเวลาที่ตนเองกระทาสิ่งใดที่ไม่เป็นไปตามตอ้ งการของตนเอง- ส่ิงแวดลอ้ มนอกบา้ น บ่อยคร้ังท่ีเด็กรับฟัง หรือไดย้ ินคาไม่สุภาพจากบา้ นขา้ งๆ หรือจาก เด็กในซอยบา้ น ขณะที่ออกไปเล่นร่วมกนั หรือบางคร้ังที่ออกไปไหนมาไหนกบั พ่อแม่เอง เราคงหา้ มไม่ไดท้ ่ีสิ่งแวดลอ้ มหรือคนในสังคมน้นั จะพูดคาไมส่ ุภาพให้เดก็ ไดย้ นิ ไดฟ้ ัง ซ่ึง เม่ือเด็กรับฟังมาก็จดจาและนามาใชโ้ ดยไมร่ ู้วา่ ผลจากการพดู คาไมส่ ุภาพจะเป็นอยา่ งไร- โรงเรียน เป็นสถานที่อนั ดบั สองรองจากบา้ นท่ีเด็กๆ ตอ้ งใชช้ ีวติ นานวนั ละหลายชวั่ โมง จึง ไม่สามารถหลีกเลี่ยงไดว้ ่าเด็กจะตอ้ งรับเอาวิถีชีวิตท่ีมาจากสภาพส่ิงแวดลอ้ มในโรงเรียน กลบั มาใชท้ ่ีบา้ น ซ่ึงหลากหลายพ้ืนฐานของเด็กท่ีมาจากครอบครัวที่ต่างกนั ย่อมจะนามา ซ่ึงพฤติกรรมไม่พึงประสงคม์ าถ่ายทอดท่ีบา้ นให้พ่อแม่ไดเ้ ห็นไดก้ นั จากแหล่งปัญหาท่ี กล่าวมาขา้ งตน้ น้ี เป็ นแหล่งปัญหาที่พ่อแม่ไม่อาจจะปฏิเสธไดว้ า่ เด็กตอ้ งเขา้ ไปมีวิถีชีวิต อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังน้นั จึงควรทาใจยอมรับ สร้างภูมิคุม้ กัน และหาแนวทางแก้ไข พฤติกรรมการพูดคาไม่สุภาพของเด็กไว้ เพื่อมิให้กลายเป็ นความเคยชินและติดตวั เด็ก ตลอดไป2. หาสาเหตุ ลองพจิ ารณาสาเหตุสาคญั ที่ทาใหเ้ ดก็ นาคาไมส่ ุภาพมาใช้ ซ่ึงส่วนใหญ่มีดงั น้ี- พดู เพราะไม่รู้ความหมาย เด็กเล็กเช่นน้ียงั ไม่รู้วา่ คาไหนสุภาพหรือไมส่ ุภาพ ดงั น้นั เมื่อเด็ก พดู คาไม่สุภาพพอ่ แม่ตอ้ งช้ีเป็นคาๆ ไปวา่ คาน้ีพูดไม่ได้ พดู ออกไปแลว้ คนท่ีฟังจะรู้สึกไม่ ดี รู้สึกเสียใจ และตอ้ งสอนดว้ ยวา่ ควรใชค้ าพดู คาไหน คาพดู แบบไหนแทนได้ แลว้ ตอ้ งให้ เด็กพูดตาม และควรยกประโยคตวั อย่างสักสองถึงสามประโยคเพื่อให้เด็กเกิดการเรียนรู้ เพ่มิ เติม- พดู เพ่อื เรียกร้องความสนใจ เดก็ บางคนอาจพดู คาไมส่ ุภาพเพือ่ อยากจะเรียกร้องความสนใจ จากพ่อแม่ เม่ือเด็กพูดคาไม่สุภาพออกไปแล้วมีคนหันมาสนใจ หรือบางคร้ังคนใน ครอบครัวอาจจะแสดงอาการตกใจ หวั เราะ ขาขนั ถา้ เด็กเป็ นแบบน้ี พ่อแม่ไม่ควรแสดงสี หนา้ ตกใจหรือไปจ้าจ้ีจ้าไช ดุวา่ เด็กหรือลงโทษเด็กรุนแรง จะทาให้ลูกเสียความเช่ือมน่ั ใน ตนเอง บางคร้ังย้าคิดแต่คาน้นั และเลิกพดู คาน้นั ไม่ไดย้ ่ิงพ่อแม่ดุมากยิ่งเลิกพดู ไม่ได้ และ อย่าเผลอหัวเราะชอบใจเมื่อเด็กพูดคาแปลกๆ ท่ีเป็ นคาไม่สุภาพออกมา ย่ิงคนรอบขา้ ง หวั เราะชอบใจ เป็นการเสริมพฤติกรรมใหเ้ ดก็ พดู อีกเพราะคิดวา่ ถูกตอ้ งเหมาะสมแลว้- พดู เพือ่ ระบายอารมณ์ บางคร้ังลูกเรียนรู้วา่ การใชค้ าไม่สุภาพเป็ นการระบายอารมณ์ เพราะ เห็นตวั อยา่ งจากผใู้ หญ่หรือจากเด็กอ่ืนที่เวลาไม่พอใจก็สบถคาไม่สุภาพออกมา คุณพ่อคุณ

21 แม่ควรจะสอนให้เด็กใชค้ าอ่ืนท่ีน่าฟังกวา่ แทน เช่น เวลาโกรธ ก็ให้พูดวา่ \"โกรธแลว้ นะ\" แทน- พูดเพ่ือแสดงอานาจ หากสังเกตวา่ ลูกพูดคาไม่สุภาพเพราะเรียนรู้ว่าคาบางคา เม่ือพูดแลว้ ทาให้คนอ่ืนมีปฏิกิริยาตอบสนองไดม้ ากกวา่ เป็ นคาท่ีมีอานาจสูง สั่งให้คนหยุดทาอะไร หรือทาตามที่บอกได้ เดก็ จึงพูดคาน้นั ออกมา แลว้ คอยจอ้ งดูปฏิกิริยาของพอ่ แม่ สาหรับเด็ก เล็กๆ การพูดคาไม่สุภาพเป็ นการทดสอบอานาจของคาน้นั และเด็กกาลงั เรียนรู้เกี่ยวกบั อานาจของถอ้ ยคา หากรู้วา่ เด็กกาลงั ทดสอบอยู่ พ่อแม่อาจทาเป็ นเพิกเฉย ใหเ้ ขารู้สึกวา่ คา ไม่สุภาพไม่มีความหมายสาหรับพ่อแม่ แลว้ เด็กจะเลิกพูดไปเอง เช่น หากเด็กเรียกพ่อแม่ ดว้ ยคาไมส่ ุภาพ ไมค่ วรหนั ไปมอง เด็กจะเรียนรู้วา่ เป็นส่ิงท่ีไม่เหมาะสมและไมม่ ีใครสนใจ3. แก้ไขปัญหา เม่ือเด็กพูดคาไม่สุภาพออกมา พ่อแม่ไม่ควรถือเป็ นอารมณ์หรือวิตกกงั วล จนเกินไป ควรช่วยกนั แกไ้ ขดงั น้ี- อยา่ ทาให้ลูกเครียดโดยการไปคอยกงั วลถามย้า คาดค้นั ใหล้ ูกสัญญาวา่ จะไม่พูดอีก ย้ากบั ลูกแต่เรื่องคาน้นั ๆ และคอยหา้ มลูกไม่ใหพ้ ดู นน่ั เป็ นการไปเพิ่มความสนใจในคาน้นั ใหแ้ ก่ ลูกมากข้ึน ทาใหล้ ูกจดจาและพูดคาน้นั อยเู่ รื่อยๆ ยง่ิ ลูกพูดพ่อแม่ยงิ่ เครียดวา่ ทาไมลูกถึงยงั พูดคาไม่สุภาพไม่ยอมเลิกเสียที หากเคยย้าและสอนหลายคร้ังแลว้ ลูกก็ยงั ไม่เลิกพูด อาจ เพราะลูกเครียดจนจาแต่คาน้นั ไป บางคร้ังพ่อแม่อาจตอ้ งปล่อยวาง และลองเพิกเฉยกบั คา น้นั ลูกจะค่อย ๆ เลิกพูดไดเ้ อง เพราะย่ิงพ่อแม่ห้ามปรามหรือดุวา่ เท่าไร หรือไปย้าบ่อยๆ เด็กจะพูดคาไม่สุภาพมากข้ึน ดงั น้นั จึงไม่ควรดุวา่ หรือลงโทษเด็กรุนแรง แต่ควรสอนให้ เด็กพดู คาอื่นแทน หรือพยายามหาวธิ ีการอ่ืนเพื่อเล่ียงการพูดคาไม่สุภาพ เพราะเด็กยงั ไม่รู้ ความหมายของคาไม่สุภาพเหล่าน้นั การท่ีไม่ย้าหรือใหค้ วามสนใจในเรื่องน้ีจนเกินไป เด็ก อาจหยดุ คาพูดน้ีไดส้ ักพกั หน่ึง แต่เด็กอาจมีพฤติกรรม และพูดคาไม่สุภาพไดอ้ ีกซ่ึงคุณแม่ ควรพดู วา่ \"แม่ไมช่ อบคาน้ี เราจะไมพ่ ดู คาน้ี ไมใ่ ชก้ นั \" ถา้ เด็กยงั พดู อีก ควรบอกเดก็ วา่ \"แม่ เสียใจที่ไดย้ ินคาน้ี ถา้ หนูอยากพดู ให้พูดไปคนเดียว แม่ไม่สนใจ\" แลว้ ก็ไปทาอยา่ งอ่ืนเสีย ไม่ไปพดู ย้า คาดค้นั เอาสัญญาหรือสนใจใดๆ เด็กจะเรียนรู้วา่ เป็ นส่ิงท่ีไม่เหมาะสมและไม่ มีใครสนใจ- พอ่ แม่หรือผใู้ หญ่ในบา้ นตอ้ งระวงั ไม่พดู คาไม่สุภาพใหเ้ ด็กไดย้ ินเป็ นอนั ขาดเพราะเด็กจะ ไม่เขา้ ใจวา่ ทาไมพอ่ แม่หรือ คนอ่ืนๆ ในครอบครัวและในโรงเรียนพูดได้ แต่ทาไม่ตวั เขา ถึงพดู ไม่ได้ ทาไมเม่ือเขาพดู กลบั ถูกดุ ถูกต่อวา่ และทาโทษจากพ่อคุณแม่ หรือเม่ือเด็กพูด คาไม่สุภาพ ในคร้ังแรกๆ คุณพ่อคุณแม่หรือสมาชิกในครอบครัวกลบั หวั เราะอย่างรู้สึก

22 ตลก ในการพดู คาไม่สุภาพทาใหเ้ ด็กคิดไปวา่ การพูดคาไม่สุภาพเป็ นส่ิงที่ดี น่าภาคภูมิใจ จึงจาและนามาพดู ไปเร่ือยๆ อาจทาใหล้ ูกกลายเป็นคนไมม่ ีเหตุผลในอนาคตได้ - ถา้ เด็กติดการพูดคาไม่สุภาพจากกลุ่มเพ่ือนที่โรงเรียนมาใหพ้ ่อแม่ไดย้ ินแลว้ ควรสอนเด็ก ในขณะน้นั ทนั ทีไม่ควรปล่อยเวลาให้เนิ่นนาน โดยช้ีแจงในผลของการพดู คาไม่สุภาพ และ ควรบอกวา่ คาน้ีถา้ คนฟังไดร้ ับฟังแล้วจะรู้สึกอยา่ งไร และจะมองว่าลูกเป็ นเด็กไม่น่ารัก อยา่ งไร - การปฏิบตั ิของพ่อแม่ตอ้ งแน่นอนและสม่าเสมอ ช่วยสอนให้เด็กรู้วา่ คาไม่สุภาพท่ีเด็กพูด น้ันเป็ นส่ิงที่พ่อแม่ไม่ชอบและไม่ดี ไม่มีใครสนใจหรือใส่ใจ โดยสอนหรือบอกเด็กให้ เขา้ ใจอย่างง่ายๆและส้ันๆ พร้อมท้งั การปฏิบตั ิคงที่แน่นอนสม่าเสมอให้เด็กเห็น เด็กอาจ หยุดไม่ไดท้ นั ที พ่อแม่ควรให้เวลาและโอกาสแก่ลูก ลูกก็จะกลบั มาเป็ นเด็กที่น่ารัก และ พดู จาไพเราะเหมือนเดิมป้ องกนั ปัญหาลกู พดู ไม่สุภาพได้อย่างไร? การพดู คาไม่สุภาพเป็นพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงคใ์ นสังคม ถึงแมว้ า่ จะมีแนวทางแกไ้ ข แต่ถา้ พฤติกรรมดงั กล่าวไม่เกิดข้ึนเลย ยอ่ มจะดีกวา่ ดงั น้นั พอ่ แม่จึงควรจะเรียนรู้วธิ ีป้ องกนั ปัญหา ซ่ึงเป็นการสร้างภูมิคุม้ กนั ระยะยาว คือ การส่งเสริมใหเ้ ดก็ มีสุขภาพจิตที่ดีน้นั ดงั น้ี - ฝึ กให้เด็กมีอารมณ์เยน็ อารมณ์ดี คงมองโลกในแง่ดี มีความแจ่มใสร่าเริงเบิกบานใจ เม่ือ เด็กมีอารมณ์ฉุนเฉียว ควรอธิบายใหเ้ ด็กเขา้ ใจถึงโทษของความโกรธ เช่น อาจจะทาให้หวั ใจเตน้ แรง ควบคุมสติไมอ่ ยู่ เกิดความทุกขแ์ ก่ตนฝ่ ายเด่ียว คนอ่ืนท่ีเราโกรธเขาไมร่ ู้เรื่องเลย - ฝึกเด็กใหร้ ู้จกั ตวั เองอยา่ งแทจ้ ริงในดา้ นต่างๆ เช่น รู้จกั นิสัยของตนเอง รู้จกั พิจารณาตนเอง วา่ มีขอ้ ดีขอ้ เสียท่ีจะตอ้ งแกไ้ ขอยา่ งไร การพจิ ารณาตนเองวา่ มีนิสยั อยา่ งไร เอาแต่ใจหรือไม่ พดู จาไพเราะเหมาะสมหรือไม่ - ฝึกใหเ้ ด็กกลา้ ที่จะเผชิญกบั ความเป็นจริงท้งั ที่ดีและไมด่ ี ไม่ควรใชก้ ลไกป้ องกนั ตวั เองมาก เกินไป เช่น เมื่อตนเองทาผดิ ก็ไม่ยอมรับผดิ กลบั ไปกล่าวโทษวา่ ผอู้ ่ืน การโยนความผดิ ให้ ผอู้ ื่นๆ บ่อยๆ จะทาให้ขาดความรับผิดชอบ จิตใจไมม่ ีความสุข เพราะในส่วนลึกของจิตใจ เราก็ทราบดีวา่ ตวั เองทาผิด ทาให้ไม่ไดแ้ กไ้ ขขอ้ บกพร่องของตนเองให้ตรงกบั ความเป็ น จริงและถูกตอ้ ง ผใู้ หญ่บางคนอาจเขา้ ขา้ งเด็ก ทาให้เด็กเขา้ ใจผิด เช่น เม่ือเด็กเดินไปชนตู้ แล้วเด็กก็หกล้มร้องไห้ ผูใ้ หญ่ก็จะตรงไปอุม้ เด็กให้ลูกข้ึน แล้วก็ปลอบเด็กว่า หนูอย่า ร้องไหน้ ะคะ เดี่ยวป้ าจะตีตูใ้ ห้เอง แลว้ ก็พูดจาว่ากล่าวตู้ ท่ีมาขวางทางเดินของหลาน เด็ก

23 เกิดความเขา้ ใจผิดวา่ ตูผ้ ิดตามที่ผใู้ หญ่สอน และกลายเป็ นคนที่ใช้คาพูดกล่าวโทษคนอื่น ไปจนโต - เป็ นตวั อยา่ งที่ดีในการใชค้ าพูดที่สุภาพ อารมณ์ดี ใจเยน็ กบั เด็กเสมอ และชมเด็กเมื่อพูดจา สุภาพ จะเป็ นการป้ องกนั แบบปลูกฝังรากฐานจิตใจหรือสุขภาพจิตท่ีดีให้เด็ก เพ่ือป้ องกนั การเกิดของพฤติกรรมท่ีไม่พึงประสงค์ของเด็ก ไม่ว่าจะเป็ นเร่ืองของการแสดงออกของ พฤติกรรมทางกายหรือทางวาจา เพราะเด็กมีสุขภาพจิตท่ีดี เขม้ แขง็ อารมณ์ข่นุ มวั่ ก็ยอ่ มจะ ไม่บงั เกิดข้ึน เมื่ออารมณ์ขุ่นมวั ไม่เกิดข้ึน การแสดงออกทางวาจาของเด็ก การพูดคาไม่ สุภาพกไ็ มม่ ีโอกาสเกิดข้ึนจากเดก็ ได้ ลูกทะเลาะกบั เพอ่ื นบทนา ภาพท่ี 4 เดก็ ห่อเห่ียว ปัญหาเด็กทะเลาะกนั ที่ใครหลายคนอาจมองวา่ เป็ นเรื่องเล็ก แต่หากไม่แกไ้ ขให้ถูกวิธีอาจทาใหล้ ูกไม่อยากไปโรงเรียน หรือลุกลามเป็ นเรื่องใหญ่ท่ีสร้างปัญหาให้พอ่ แม่ทะเลาะกนั ไปดว้ ยก็ได้ ท้งั น้ี การอยรู่ ่วมกนั ในสังคมของมนุษยน์ ้นั คงจะหลีกเลี่ยงปัญหาจากการกระทบกระทงั่ กนั ได้ยาก ดงั น้นั ความสามารถในการแกไ้ ขปัญหา การป้ องกนั ปัญหา หรือการหลีกเลี่ยงปัญหา ข้ึนอยกู่ บัวฒุ ิภาวะของเด็กท่ีประสบกบั ปัญหา การเผชิญกบั ปัญหา และการแกไ้ ขสถานการณ์ที่เป็นปัญหาจากการอยรู่ ่วมกนั ในสังคมของเด็กเป็ นประเด็นสาคญั ที่ผปู้ กครองตลอดจนครูผดู้ ูแลเด็กตอ้ งมีส่วนในการแกป้ ัญหาและคล่ีคลายสถานการณ์ให้ความรุนแรงเบาบางและหมดสิ้นไปในท่ีสุด การแกไ้ ขปัญหาท่ีเกิดจากการทะเลาะกนั ของลูกกบั เพ่ือนๆ ตอ้ งมีการศึกษาถึงสาเหตุ ท่ีมาที่ไปของสาเหตุที่เกิดการทะเลาะกนั เพ่อื การแกไ้ ขปัญหาไดถ้ ูกตอ้ งตรงประเด็น และหาวธิ ีป้ องกนั การเกิดการทะเลาะกนั อีก ซ่ึงปัญหาบางคร้ังมากจากเร่ืองประเด็นเล็กๆ น้อยๆ ที่พ่อแม่และครูอาจจะมองวา่ เป็ นเรื่อง

24เล็กไม่น่าจะเกิดการทะเลาะกนั ดว้ ยสาเหตุน้ีไดเ้ ลย แต่ในวุฒิภาวะของเด็กไม่สามารถเรียนรู้ไดว้ ่าเหตุแห่งการทะเลาะน้นั สมควรหรือไม่สมควร เพียงแต่ชนวนสาเหตุมาจากความไม่พึงพอใจในความรู้สึกของเด็กเองเพียงเล็กนอ้ ย เช่น เพ่ือนเดินเตะรองเทา้ ของลูกกระเด็น หรือทาดินสอของลูกหล่นลงจากโตะ๊ เพยี งแคน่ ้ีก็เป็นเหตุใหเ้ กิดการทะเลาะกนั ได้ และเช่นเดียวกนั การทะเลาะของเด็กก็เกิดข้ึนง่ายและสามารถจบสิ้นลงได้เร็วเช่นกัน ถ้าพ่อแม่เก็บเอาปัญหามาเป็ นอารมณ์หรื อความเครียดที่ใหญ่โตอาจจะลุกลามเป็ นปัญหาระหว่างผูป้ กครองแทนก็เป็ นได้ เพราะฉะน้นั การเลือกแนวทางท่ีจะแกไ้ ขปัญหาลูกทะเลาะกบั เพ่ือนๆ อาจจะมีสองแนวทางโดยศึกษาจากสาเหตุวา่ลูกของเราเริ่มตน้ การทะเลาะหรือวา่ ลูกของเราเป็ นผถู้ ูกกลนั่ แกลง้ หรือถูกกระทาในการทะเลาะกนัท้งั สองแนวทางสามารถแกไ้ ขและช่วยลดปัญหาการทะเลาะกนั ได้ และแน่นอนวา่ แนวการป้ องกนัและแกไ้ ขควรเป็นท้งั แกไ้ ขเฉพาะหนา้ และการใชแ้ นวทางแกไ้ ขปัญหาท่ีไม่ทาใหเ้ กิดการทะเลาะข้ึนอีกในอนาคตปัญหาลกู ทะเลาะกบั เพอื่ นมคี วามสาคญั อย่างไร? เด็กจะเริ่มพบกบั ความเครียดแบบใหม่ เม่ือพวกเขาตอ้ งเผชิญหนา้ กบั เพ่ือนๆ ท่ีเขาไม่รู้จกัมกั คุน้ มาก่อน โดยอาจจะเป็ นเพื่อนที่เขาไดพ้ บเมื่อเขา้ เรียนในช้นั อนุบาล หรือกลุ่มเพื่อนใหม่ที่พ่อแม่พาเขาไปพบเจอ หรือแมจ้ ะเป็ นกรณีที่เด็กรู้จกั มกั คุน้ กนั แลว้ ก็ยงั อาจเกิดความเครียดข้ึนได้ หากเขาพบว่า เพื่อนมีการกระตุน้ ทา้ ทาย ให้เขาทาในส่ิงที่ไม่ตอ้ งการ ปัญหาลูกทะเลาะกบั เพื่อนเป็ นประเด็นปัญหาท่ีเกิดข้ึนบ่อยคร้ังในแต่ละวนั บางวนั อาจจะมีการทะเลาะกนั หลายคร้ัง ความสาคญัของปัญหาลูกทะเลาะกบั เพื่อนข้ึนอยู่กบั ว่าการทะเลาะกนั น้ันรุนแรงมากแค่ไหน บางคร้ังอาจทะเลาะกนั ทางวาจา บางคร้ังอาจรุนแรงถึงข้นั ทาร้ายร่างกายกนั ก็มี พ่อแม่และครูตอ้ งศึกษาถึงตน้ เหตุแห่งการทะเลาะกนั เพราะหากไม่แกไ้ ข อาจส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ทะเลาะกนั ของลูกกบัเพื่อนอยา่ งไม่มีวนั สิ้นสุดและอาจจะเพ่ิมความรุนแรงของการทะเลาะมากข้ึนดว้ ย เพราะการที่ลูกๆตอ้ งเผชิญกบั สภาวะเครียดในการการทะเลาะกนั ลูกก็จะแสวงหาความรุนแรงที่จะตอ้ งนามาต่อสู้กบั เพื่อนเพ่ือให้เกิดชยั ชนะหรือทาอยา่ งไรก็ไดใ้ ห้เพ่ือนถอยห่างจากตนเองไป ซ่ึงแน่นอนวา่ ดว้ ยวุฒิภาวะของเด็กที่ยงั แยกแยะความรุนแรงหรือความเหมาะสมของพฤติกรรมยงั ไม่ได้ ก็ตอ้ งเลือกวธิ ีท่ีเขาสามารถชนะเพ่ือนได้ หรือทาอยา่ งไรกไ็ ดท้ ี่เพ่ือนไม่มาทะเลาะกบั เขาอีก หรือเพื่อนตอ้ งยอมเขาตลอดทุกคร้ังที่ทะเลาะกนั และแน่นอนทีเดียวว่าพฤติกรรมส่วนใหญ่ท่ีเขาใช้ต่อสู้กบั เพื่อนๆอาจมีพฤติกรรมที่เป็ นเชิงลบที่สร้างความรุนแรง หากพฤติกรรมท่ีรุนแรงน้นั ไม่ไดร้ ับการแกไ้ ข ก็จะพอกพูนเพิ่มข้ึนกลายเป็ นพฤติกรรมประจาตวั ของลูกไปจนโต ดงั น้นั การแกป้ ัญหาลูกทะเลาะกนั น้นั พอ่ แม่จะตอ้ งศึกษาเหตุปัจจยั ที่ทาใหเ้ กิดการทะเลาะกนั เพื่อจะไดแ้ กไ้ ขปัญหาไดถ้ ูกตอ้ ง

25ปัญหาลกู ทะเลาะกบั เพอ่ื นมสี าเหตุและวธิ ีการแก้ไขอย่างไร?สาเหตุหลกั ๆ ท่ีทาใหเ้ กิดเหตุการณ์ลูกทะเลาะกบั เพื่อน มีประเดน็ ท่ีเกิดข้ึนบ่อยๆ ดงั น้ี - นิสัยชอบเอาชนะ ธรรมชาติของเด็กน้นั การเล่นถือเป็ นเรื่องจริงจงั มาก เพราะพวกเขายงั เด็กเกินกวา่ จะเขา้ ใจวา่ การเล่นพลาด เล่นแพน้ ้นั ไมไ่ ดส้ ลกั สาคญั อะไรเท่ากบั การมีชีวติ อยู่ การเล่นเป็ นแคเ่ กมเกมหน่ึงเท่าน้นั เด็กส่วนใหญจ่ ะถือเอาชยั ชนะเป็นกรรมสิทธ์ิและอิ่มเอม ใจ ชยั ชนะไม่วา่ เรื่องใดๆ ก็ตาม เด็กมกั จะถือเป็ นความสาเร็จใจช่วงเวลาน้นั ในขณะท่ีเด็ก หลายคนเม่ือแพจ้ ะรู้สึกลม้ เหลว ล่มสลาย ยอมรับไม่ได้ นิสัย “ชอบเอาชนะ” นอกจากจะ เกิดจากธรรมชาติของเด็กท่ีตอ้ งการเป็ นผชู้ นะแลว้ ปัจจุบนั พบวา่ พ่อแม่บางคนคิดวา่ โลก ทุกวนั น้ีน้นั เป็ นโลกของการแข่งขนั และคนชนะเท่าน้นั ถึงจะอยรู่ อดได้ จึงผลกั ดนั ให้ลูก เขา้ สู่การแข่งขนั ต้งั แต่เยาวว์ ยั การเล่นดว้ ยกนั ของเด็กแทนท่ีจะเนน้ ไปท่ีความสนุกสนาน กลบั พุง่ เป้ าไปที่ชยั ชนะ ซ่ึงเป็นจุดเริ่มตน้ ของการทะเลาะววิ าทกนั ของเด็กและเป็นท่ีมาของ ความลม้ เหลวในการอยรู่ ่วมกนั ในสังคม - นิสัยไม่ชอบแบ่งปัน เด็กวยั น้ีส่วนใหญ่มกั จะผกู พนั รัก และรู้สึกเป็ นเจา้ ของของเล่นหรือ สมบตั ิของตวั เองทุกชิ้น การท่ีจะให้เด็กแบ่งปันสิ่งของของตนเองไปให้คนอ่ืนน้นั จึงเป็ น เร่ืองที่เด็กตอ้ งการกาลงั ใจอยา่ งมากในการกระทา อยา่ งไรก็ตามผใู้ หญ่ไม่ควรบงั คบั ใหเ้ ขา “ตอ้ ง” ทาเช่นน้นั เด็ดขาด เพราะการถูกบีบบงั คบั ให้เด็กตอ้ งทาในส่ิงท่ีเขาไม่พึงพอใจไม่ ตอ้ งการ พฤติกรรมท่ีเด็กจะแสดงออกมาจะเป็ นการต่อตา้ นและแสดงออกถึงพฤติกรรมที่ เป็นเชิงลบออกมาใหพ้ อ่ แมต่ อ้ งปวดหวั อีกเช่นกนั - พฤติกรรมการชอบโกง เมื่อเป็ นเรื่องยากอย่างย่ิงสาหรับเด็กหลายคนท่ีจะตอ้ งแพ้ ดงั น้ัน พวกเขาจึงพยายามทุกวถิ ีทางท่ีจะหลีกเลี่ยงการแพ้ เด็กท่ีโกงบ่อยๆ น้นั กเ็ พื่อหลีกเลี่ยงการ พ่ายแพ้ ซ่ึงจะทาให้เขารู้สึกวา่ เจ็บปวดเกินไปที่ไม่สมารถควา้ ชยั ชนะมาและการพ่ายแพ้ ท่ีมาจากการโกงของเพื่อนทาใหเ้ ขาตอ้ งต่อสู้และดิ้นรนที่จะไดช้ ยั ชนะจากการถูกโกงมา - ปัญหาท่ีมาจากเพื่อน เพราะพ้ืนฐานการเล้ียงดูแตกต่าง เพ่ือนบางคนก็อาจชอบแกลง้ เป็ น ฝ่ ายมารังแกลูก ทางที่ดีให้ลูกหลีกเล่ียงสถานการณ์ท่ีจะถูกรังแกเสีย ถา้ เขายงั ตามมารัง ควาน ก็ใหบ้ อกผูใ้ หญ่ เช่น ถา้ ท่ีโรงเรียนก็บอกครู อยา่ ให้ลูกใชก้ าลงั ตดั สินปัญหา เพราะ การใชก้ าลงั แกป้ ัญหา ความรุนแรงของการทะเลาะกนั กจ็ ะลุกลามใหญโ่ ต - ปัญหาที่มาจากตวั ลูก ความมีนิสัยชอบแหย่ ชอบหยอก เพราะอยากเล่นกบั เพื่อน ซ่ึงบางที เพ่ือนไม่ชอบหรือไมเ่ ขา้ ใจ ก็ทาใหเ้ กิดการทะเลาะกนั ได้ ตรงจุดน้ีพ่อแม่ตอ้ งค่อยๆ อธิบาย

26 ให้ลูกเขา้ ใจวา่ บางทีวิธีเล่นของหนูอาจทาให้เพ่ือนไม่ชอบ เพ่ือนจะหนี ไม่อยากเล่นดว้ ย ถา้ อยากเล่นกบั เพื่อนดีๆ โดยไม่ทะเลาะกนั ก็ตอ้ งชวนเพ่ือนเล่นดีๆ เม่ือลูกเขา้ ใจตรงจุดน้ี ปัญหาก็จะคอ่ ยๆ ลดลงแก้ไขปัญหาลูกทะเลาะกบั เพอื่ นได้อย่างไร? วธิ ีการแกไ้ ขปัญหาลูกทะเลาะกนั ที่พอ่ แม่สามารถช่วยคล่ีคลายความทุกขใ์ นใจของลูกที่เกิดความข่นุ ขอ้ งหมองใจเม่ือเกิดการทะเละเบาะแวง้ กบั เพ่ือนน้นั มีแนวทางพ้ืนฐานดงั น้ี 1. ทาความเขา้ ใจธรรมชาติของเด็กและเปิ ดใจรับฟังลูก พ่อแม่ตอ้ งทาความเขา้ ใจธรรมชาติ ของเด็กวา่ ท้งั 2 ฝ่ ายท่ีทะเลาะกนั ตา่ งเป็นเด็กท้งั คู่ ปมปัญหาอาจไมไ่ ดซ้ บั ซอ้ น หรือขดั แยง้ รุ นแรงอะไรเลย แต่เป็ นเพราะเขายังขาดวุฒิภาวะ ทักษะการใช้เหตุผล และไม่มี ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ดีพอ จึงควรรับฟังปัญหาของลูกอย่างต้งั ใจจนจบ เสียก่อน อย่าเพิ่งให้คาแนะนาหรือตดั สินใดๆ เพราะการที่พ่อแม่พูดแทรกเขา้ มา หรือเริ่ม ให้คาแนะนาโดยท่ียงั ฟังปัญหาของลูกไม่จบน้นั ลูกจะจบการบอกเล่าเหตุการณ์อนั เป็ น ประเด็นสาเหตุสาคญั ที่ทาให้ลูกทะเลาะกบั เพ่ือนๆ หรืออาจจะหลีกเลี่ยงการเล่าความจริง ท้งั หมดเพราะคาแนะนาอาจทาให้เขา้ กลัวที่จะเล่าความจริงว่า เขาเป็ นคนเร่ิมต้นการ ทะเลาะคร้ังน้ีกไ็ ด้ 2. คอยดูแลในระยะท่ีเหมาะสมและแสดงความคิดเห็นอย่างเขา้ ใจ หากพิจารณาจากปัจจยั หลายอยา่ ง คือ อายุ และความรุนแรงของปัญหา ถา้ ลูกยงั อายนุ อ้ ยมากๆ พอ่ แม่อาจเขา้ ไปมี บทบาทในเร่ืองของการเบ่ียงเบนความสนใจของท้งั คู่ออกมาดว้ ยของเล่น หรืออะไรที่ดู สนุก เพราะวยั ก่อน 3 ขวบ ยงั ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ แตพ่ อโตมากข้ึน เช่น 4-6 ขวบ ก็อาจคอยดูอยู่ห่างๆ แต่ใกลช้ ิดมากกวา่ เด็กโต โดยยงั ไม่เขา้ ไปแทรกกลางเม่ือลูกมีปัญหา เพราะวยั น้ีสามารถฝึ กให้รู้จกั แกไ้ ขปัญหาไดแ้ ลว้ ส่วนการแสดงความเห็นอกเห็นใจ เขา้ ใจ ในความทุกขข์ องลูกเป็ นส่ิงที่พ่อแม่สามารถทาได้ และนนั่ จะทาให้ลูกรู้สึกดีข้ึน เช่น “ลูก คงทุกขม์ ากเลยสินะที่ทะเลาะกบั ...” หรือ “แม่เสียใจดว้ ยนะจ๊ะที่เรื่องเป็ นแบบน้ี” ตรงกนั

27 ขา้ ม ลูกจะรู้สึกแยม่ ากข้ึนหากพอ่ แมแ่ สดงความเห็นในเชิงต่อวา่ หรือมองวา่ มนั เป็นเรื่องไร้ สาระ เช่น “อยา่ ไปใส่ใจกบั เรื่องแค่น้ีเลยน่า เดี๋ยวลูกก็หาเพื่อนใหม่ไดเ้ องแหละ” เพราะลูก คงรู้สึกว่าความทุกข์ใจที่ลูกแบกกลับบา้ นกลายเป็ นส่ิงที่ไร้สาระในสายตาของคนที่ลูก คาดหวงั ว่าจะช่วยคลี่คลายความทุกข์ขอ้ งหมองใจ หรือแมแ้ ต่ช่วยปลอบใจให้ลูกคลาย ความเครียดได้3. ไมเ่ ขา้ ไปกา้ วก่ายในความสมั พนั ธ์ของลูกกบั เพือ่ น เมื่อเดก็ ทะเลาะกนั ไม่วา่ ใครเป็ นฝ่ ายผดิ พอ่ แม่อยา่ เพงิ่ โวยวาย หรือทาโทษใคร ควรเขา้ ไปไกล่เกลี่ยอยา่ งนุ่มนวล บอกวา่ เล่นแบบน้ี คงไม่สนุกแลว้ และเสนอทางเลือกใหม่ในการอยรู่ ่วมกนั ดว้ ยวิธีที่ดีกวา่ เดิม ให้เด็กเรียนรู้ วา่ มีทางออกของปัญหาหลายทางที่ดี และน่าสนใจกวา่ การทะเลาะกนั เสียอีก และไม่พดู ถึง ดา้ นไม่ดีของเพ่ือนลูก เช่น \"แม่ก็ไม่ชอบ....เหมือนกนั \" เพราะไม่เป็ นผลดีกบั ใครเลย และ จะกลบั กลายเป็ นการตอกย้าความรู้สึกไม่ดีกบั เพื่อน สร้างความกดดนั ให้ลูกเพ่มิ มากข้ึนไป อีก4. ไม่เขา้ ไปทะเลาะกบั พ่อแม่ของอีกฝ่ าย ปัญหาเด็กทะเลาะกนั มกั จะบานปลายหากมีการดึง พ่อแม่ของท้งั สองฝ่ ายให้ทะเลาะกันไปด้วย ซ่ึงไม่เป็ นผลดีกบั ใครเลย เด็กๆ ก็ได้เห็น ตวั อยา่ งท่ีไม่ดีไปดว้ ย อีกท้งั หากพอ่ แมเ่ ขา้ ไปยมุ่ ยา่ มกบั ปัญหาของเด็กๆ นน่ั เทา่ กบั วา่ เดก็ ๆ พลาดโอกาสที่จะเรียนรู้การปรับตวั และการอยรู่ ่วมกนั ไป และมนั ยงั ทาใหเ้ ด็กรู้สึกวา่ พวก เขาไม่สามารถจดั การกบั ปัญหาน้ีไดด้ ว้ ยตวั เองอีกดว้ ย5. เปิ ดโอกาสใหล้ ูกเรียนรู้ และใหค้ าแนะนาเก่ียวกบั ทศั นคติในการมีเพือ่ นของลูก พอ่ แมค่ วร ท่ีจะเปิ ดโอกาสใหล้ ูกไดเ้ รียนรู้ ใหไ้ ดป้ รับพฤติกรรมดว้ ยตวั เอง หากพอ่ แมเ่ อนเอียงปกป้ อง เพ่ือน ลูกจะเกิดความฝังใจวา่ อย่างไรตนก็ไม่ดีอยู่แลว้ ก็จะมีพฤติกรรมน้นั ซ้าๆ หากลูก เป็ นฝ่ ายท่ีถูกปกป้ อง ก็จะไม่รู้จกั วธิ ีการแกป้ ัญหาดว้ ยตนเอง ควรถือเอาความขดั แยง้ น้ี เป็ น โอกาสดีที่จะให้ลูกไดฝ้ ึ กรู้จกั การแกป้ ัญหา คล่ีคลายปมต่างๆ ดว้ ยตวั ของเขาเอง ลูกจะได้ เป็ นคนท่ีมีความสามารถในการแกไ้ ขปัญหาเฉพาะหน้า ซ่ึงเป็ นทกั ษะท่ีจาเป็ นต่อการใช้ ชีวิตในสังคมยคุ ปัจจุบนั แต่หากลูกโดนเพ่ือนแกลง้ ลอ้ เลียน กีดกนั ไม่ใหเ้ ขา้ กลุ่ม แต่ก็ยงั มองเพ่ือนในแง่ดี และมองว่าเขาคนน้นั ไม่วา่ อยา่ งไรก็คือเพื่อน ในกรณีน้ีพ่อแม่อาจตอ้ ง ช่วยลูกต้งั ค่า \"ความเป็ นเพื่อน\" อีกนิดหน่อย เพราะหากปล่อยเป็ นเช่นน้ีต่อไป เด็กอาจ เขา้ ใจว่า การจะทาให้ตนเองมีเพื่อนได้น้ัน อาจตอ้ งแลกมาด้วยการเป็ นตวั ตลก เป็ นที่ ลอ้ เลียนของเพ่อื นๆ ก็เป็นได้6. ส่งเสริมการคบเพ่ือนให้หลากหลาย การพาลูกไปร่วมกิจกรรมต่างๆ ในช่วงวนั หยุดสุด สัปดาห์ หรือพาไปเยย่ี มญาติที่มีลูกหลานวยั ใกลเ้ คียงกนั เป็ นอีกหน่ึงทางออกดีๆ ท่ีพอ่ แม่

28 ทาเพ่ือลูกได้ นนั่ เท่ากบั ทาใหล้ ูกมีเพ่อื นหลายกลุ่มมากข้ึน และถา้ หากเด็กมีปัญหากบั เพ่อื น ที่โรงเรียน อยา่ งนอ้ ยเขาก็ไม่ไดร้ ู้สึกโดดเด่ียวเสียทีเดียว เขาสามารถนาปัญหาน้ีไปปรึกษา เพือ่ นอีกกลุ่มหน่ึงไดอ้ ีกดว้ ยป้ องกนั ปัญหาลูกทะเลาะกบั เพอ่ื นได้อย่างไร? วธิ ีป้ องกนั ปัญหาลูกทะเลาะกบั เพ่ือน ควรจะสอนไม่ใหล้ ูกไปเยา้ แหย่ หรือทะเลาะกบั ใครส่วนการสอนให้ลูกโตต้ อบเพื่อนที่มาแกลง้ ก็ไม่ถูกตอ้ งนัก แมว้ ่าพ่อแม่บางท่านเห็นวา่ เป็ นเร่ืองจาเป็ นท่ีเราต้องสู้บ้าง แต่จริงๆ แล้ว การหลีกเล่ียงการทะเลาะกันน้ันน่าจะเป็ นการดีกว่าแนวทางแกไ้ ข เมื่อถูกเพื่อนคุกคามนอกจากการเล่ียงไม่เล่นกบั เพื่อนคนน้นั แลว้ บางคร้ัง เด็กก็สามารถแสดงสีหนา้ ท่าทาง โดยอาจหยุด ยืนมองหนา้ เพ่ือนคนน้นั และการใช้เสียงดงั ตอบกลบั ไปวา่ ไม่ชอบ ก็จะทาใหอ้ ีกฝ่ ายรู้สึกวา่ ไม่สามารถคุกคามได้ และการท่ีเด็กใชเ้ สียงดงั ก็จะทาให้คนรอบขา้ งหนั มาสนใจ อาจมีครูเขา้ มาช่วยแกป้ ัญหา พ่อแม่บางท่านไม่ทราบ และสอนให้ลูกใชก้ าลงั โตต้ อบกลบั ไป มนั จะทาใหเ้ ด็กซึมซบั เร่ืองการใชค้ วามรุนแรง ใครใชก้ าลงั ไดม้ ากกวา่ กจ็ ะกลายเป็นหวั โจกซ่ึงในจุดน้ีก็ตอ้ งถามวา่ แลว้ พอ่ แมจ่ ะอยากใหล้ ูกโตข้ึนไปเป็นคนแบบน้ีไหม คงปฏิเสธไมไ่ ดว้ า่ เด็กสามารถซึมซับการใช้ความรุนแรงเหล่าน้นั จากส่ือดว้ ย เช่น ละครโทรทศั น์หลงั ข่าว เป็ นแหล่งในการถ่ายทอดความรุนแรงสู่จิตใจของเดก็ ๆ ลาดบั ตน้ ๆ เลยทีเดียว ปัจจุบนั มีเดก็ บางคนพยายามหกั ขาโต๊ะ ขาเกา้ อ้ีเพื่อนามาเป็ นอาวุธเลียนแบบในละคร หรือละครบางเร่ืองก็เน้นการตบตี ใชก้ าลงั ส่ิงเหล่าน้ี พ่อแม่จึงตอ้ งดูแลใกลช้ ิด หากยอมให้ลูกดูก็ตอ้ งอธิบายว่านี่มนั เป็ นละคร นอกจากน้ี การเล้ียงลูกดว้ ยความเขา้ ใจ การที่พอ่ แมล่ ูกมีสัมพนั ธภาพท่ีดีตอ่ กนั มีความเขา้ อกเขา้ ใจกนั จะทาใหล้ ูกปฏิเสธการเล่นแบบเสี่ยงอนั ตราย หรือโลดโผนไดม้ ากกวา่ ครอบครัวที่พ่อแม่ลูกไม่เขา้ ใจกนั หรือปฏิบตั ิต่อเด็กด้วยความรุนแรงจึงควรสอนลูกให้รู้จกั คิดหากลูกถูกเพ่ือนกระตุ้นให้ทาบางส่ิงบางอยา่ ง เพราะเมื่อเด็ก ๆ เล่นดว้ ยกนั บางคร้ังเด็กท่ีเป็ นหวั โจกอาจเกิดไอเดียแผลงๆ และชกั ชวนใหเ้ พื่อนคนอ่ืนๆ ทาตาม ดงั น้นั หากลูกของเราเป็นเดก็ ในกลุ่ม พอ่ แม่อาจตอ้ งสอนใหล้ ูกรู้จกั คิดเผ่อืไวก้ ่อน เช่น ก่อนจะทาตามใคร ใหล้ ูกถามตวั เองวา่ เร่ืองที่เพ่ือนชวนทาน้นั เป็ นเร่ืองที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ ทาไมเพื่อนถึงชวนให้เราทา การสอนให้เดก็ คิด และต้งั คาถามถึงผลที่จะตามมาจะทาให้ลูกไดม้ ีโอกาสทบทวนถึงผลของการกระทาอยา่ งรอบคอบ นิสัยเหล่าน้ี หากฝึ กให้คุน้ เคย จะทาใหเ้ มื่อเขาโตข้ึน เขาจะเป็ นเด็กท่ีมีเหตุผล ไม่ถูกเพ่ือน หรือรุ่นพ่ีชกั ชวนไปในทางที่ผดิ ไดด้ ว้ ยเปิ ดโอกาสให้ลูกได้ตัดสินด้วยตวั เองว่าอะไรผิด-ถูกผ่านสถานการณ์จาลอง พ่อแม่อาจลองยกตัวอย่างสถานการณ์จาลองข้ึนมา แลว้ ลองถามลูกวา่ หากเกิดเหตุการณ์เช่นน้ีลูกจะทาอยา่ งไร แน่นอนวา่ ในการถามคาถามเหล่าน้ี พ่อแม่ตอ้ งมีใจเปิ ดกวา้ ง เพราะไม่มีคาตอบท่ีถูกหรือผดิ เพียงแต่เป็ นการฝึ ก

29ใหล้ ูกรู้จกั คิดเป็นระบบ คอยสังเกตวา่ เวลาใดที่ลูกตอ้ งการความช่วยเหลือแมว้ า่ จะมีเดก็ ๆ กาลงั เล่นกนั อยา่ งสนุกสนานก็ตาม แต่พอ่ แมไ่ มค่ วรปล่อยใหล้ ูกของตนเองคลาดสายตา โดยเฉพาะในเวลาที่ลูกถูกเพ่ือนร้องขอให้ทาบางส่ิงบางอย่างที่เขาไม่ต้องการ และเขากาลังจาใจทา หากพ่อแม่สังเกตเห็นและเขา้ ไปช่วยเหลือไดท้ นั เวลา ก็จะทาให้เด็กรอดพน้ จากการถูกเพื่อนบงั คบั ได้ การช่วยเหลือเช่น อาจเรียกให้ลูกกลบั บา้ น เพื่อให้เด็กใช้พ่อแม่เป็ นขอ้ อา้ งในการถอนตวั ออกมาจากกลุ่มการเล่นน้นั ๆ อยา่ งไรก็ดี ส่วนหน่ึงของความเครียดมาจากการไม่อยากปฏิเสธเพ่ือน เน่ืองจากเด็กบางคนเกรงว่าเพ่ือนจะโกรธ และจะพาลไม่เล่นด้วย หรืออาจเกเร แกล้งให้เขาตอ้ งเจ็บตวัแนะนาให้ลูกปฏิเสธเพือ่ นเพื่อหลีกเลี่ยงการทะเลาะโดยมองตาเพ่ือนตรงๆ พดู กบั เพ่ือนโดยใชเ้ สียงปกติธรรมดา บอกเพื่อนไปตามตรงวา่ เราไม่ตอ้ งการเล่นแบบน้ี เสนอทางเลือกอื่น พร้อมใหเ้ หตุผลถา้ เพอ่ื นไมเ่ ขา้ ใจ หรือยงั ต้ือไม่เลิก ก็ใหบ้ อกอยา่ งหนกั แน่นวา่ \"ไม่\" ถา้ ทนไม่ไหวจริงๆ ใหเ้ ดินออกจากกลุ่ม หรือขอความช่วยเหลือจากพอ่ แมห่ รือครูใหพ้ าออกไป


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook