43 ตอนท่ี 3 ผลการวิเคราะห์ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเก่ียวกับคุณค่าศิลปะ รายวิชาศิลปะ 2 รหัสวิชา 31102 ตามการรับรขู้ องนกั เรยี น ระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4.1 ตารางที่ 17 ขอ้ เสนอแนะและความคิดเหน็ เพ่ิมเติมเกย่ี วกบั คณุ ค่าศิลปะในหลักสตู รศลิ ปศกึ ษา ความถ่ี 4 ข้อเสนอแนะ 2 1.1 ช่วยสง่ เสริมใหผ้ เู้ รียนมีความสนใจ และเห็นคณุ คา่ ศลิ ปะมากขน้ึ 1 1.2 วชิ าทัศนศลิ ปส์ ามารถชว่ ยพัฒนาให้มีเป็นคนทีส่ มบูรณ์ขน้ึ 1.3 เป็นหลักสตู รท่ีดี มคี วามเหมาะสมกับผู้เรียน ตารางที่ 18 ขอ้ เสนอแนะและความคิดเหน็ เพิม่ เติมเกีย่ วกบั คุณคา่ ศลิ ปะต่อการพฒั นาด้านจิตใจ ขอ้ เสนอแนะ ความถ่ี 1.1 การเรียนวิชาทศั นศลิ ปเ์ ป็นการฝกึ สมาธิที่ดี 5 1.2 งานศลิ ปะช่วยกลอ่ มเกลาจิตใจให้อ่อนโยน 2 1.3 ทาใหจ้ ติ ใจสงบ 1 ตารางท่ี 19 ขอ้ เสนอแนะและความคดิ เหน็ เพ่ิมเตมิ เก่ยี วกับคุณค่าศิลปะต่อการสง่ เสรมิ ความคิดสรา้ งสรรค์ ขอ้ เสนอแนะ ความถ่ี 1.1 ช่วยพฒั นาความคดิ สรา้ งสรรค์ 3 1.2 สามารถสร้างสรรคผ์ ลงานได้อย่างอสิ ระ 1 1.3 ทาใหเ้ กิดจนิ ตนาการ 1 1.4 ทาใหร้ ูจ้ ักเทคนิคในการสร้างสรรคผ์ ลงานศลิ ปะมากขน้ึ 1 ตารางที่ 20 ข้อเสนอแนะและความคิดเห็นเพิ่มเตมิ เก่ยี วกบั คุณคา่ ศลิ ปะตอ่ การเสริมสร้างความสนุ ทรยี ์ ข้อเสนอแนะ ความถี่ 1.1 งานศลิ ปะชว่ ยพัฒนาสุนทรยี ภาพ 3 1.2 เกดิ ความภาคภูมิใจในตนเอง 2 1.3 มคี วามประทบั ใจ มีความสุขเมอ่ื ชมผลงานศิลปะ 1 ตารางที่ 21 ข้อเสนอแนะและความคิดเห็นเพ่ิมเติมเกี่ยวกับคุณค่าศิลปะต่อการมีส่วนร่วมและจิตสานึก สาธารณะ ขอ้ เสนอแนะ ความถี่ 1.1 ศลิ ปะทาใหม้ นุษย์อยู่รว่ มกนั ในสงั คมได้อย่างมีความสขุ 5 1.2 ทาใหเ้ กดิ ความรู้สึกทดี่ ีตอ่ กนั 2 1.3 เห็นคณุ คา่ ของงานศลิ ปะในชวี ิตประจาวนั 1 1.4 ทาใหส้ งั คมน่าอย่มู ากข้นึ 1
บทท่ี 5 สรปุ ผลการวิจยั อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ งานวจิ ัยในชั้นเรียน เรื่อง “การศกึ ษาความคิดเห็นเกีย่ วกบั คณุ ค่าทางศิลปะ รายวชิ าศลิ ปะ 2 รหัสวิชา 31102 ตามการรับรู้ของนักเรยี น ระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 4.1” 1. วตั ถุประสงค์ของการวิจัย เพ่ือศึกษาความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณค่าศิลปะ ในรายวิชาศิลปะ 2 รหัสวิชา 31102 ตามการรับรู้ของ นกั เรียน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4.1 โรงเรียนดารงราษฎร์สงเคราะห์ ในคุณค่าศิลปะ 5 ด้าน คือ 1) คุณค่า ศิลปะในหลักสูตรศลิ ปศึกษา 2) คุณค่าศิลปะต่อการพัฒนาด้านจิตใจ 3) คุณค่าศิลปะต่อการส่งเสริมความคิด สรา้ งสรรค์ 4) คณุ ค่าศลิ ปะตอ่ การเสริมสรา้ งความสุนทรยี ์ และ 5) คุณคา่ ศิลปะต่อการมีส่วนร่วมและจิตสานึก สาธารณะ 2. วธิ ีดาเนนิ การวจิ ัย 1. กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4.1 ท่ีเรียนในรายวิชาศิลปะ 2 รหัส วิชา 31102 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 จานวน 30 คน แบ่งเป็นเพศชาย จานวน 9 คน และเพศหญิง จานวน 21 คน โดยได้มาจากการจับฉลาก 2. เคร่อื งมือท่ใี ชใ้ นการวิจัย เป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเอง โดยศึกษาจากเอกสาร ตารา และ งานวิจยั ท่ีเก่ียวข้องกบั คุณค่าทางศลิ ปะ เพอื่ เป็นแนวทางในการสร้างแบบสอบถามให้ครอบคลุม ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ของกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ และขอคาแนะนาจาก ผ้เู ชย่ี วชาญ จานวน 3 ท่าน ไดพ้ ิจารณาตรวจสอบแกไ้ ขความเทย่ี งของเนื้อหา ความครอบคลุมของเนื้อหา การ ใช้ภาษาแต่ละข้อความ แล้วนามาปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสมยิ่งข้ึน จากน้ันนาแบบสอบถามไปทดลองใช้กับ กลุ่มตัวอย่างอีกกลุ่ม ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับกลุ่มตัวอย่างท่ีจะทาการศึกษา เพื่อหาค่าความเชื่อมั่นของ แบบสอบถาม (Reliability) โดยวิธีหาค่าสัมประสิทธ์ิแอลฟา (Coefficient Alpha) ของครอนบาค (Cronbach) แล้วนามาปรับปรุงแก้ไขอีกคร้ัง สร้างเป็นแบบสอบถามฉบับสมบูรณ์ โดยแบ่งออกเป็น 3 ตอน ดงั นี้ ตอนที่ 1 แบบสอบถามสถานภาพของผู้เรียน เป็นแบบตรวจสอบคาตอบ (Checklist) และเติมคาใน ช่องว่าง (Questionnaire) ตอนที่ 2 แบบสอบถามเก่ียวกับคุณค่าศิลปะ ในรายวิชาศิลปะ 2 รหัสวิชา31102 ระดับชั้น มัธยมศึกษาตอนปลาย เป็นแบบมาตราส่วนประเมินค่า ( Rating scale) ซ่ึงแบ่งเป็นคุณค่าทางศิลปะ 5 ด้าน ดงั น้ี 1. คณุ ค่าศลิ ปะในหลกั สตู รศลิ ปศกึ ษา 2. คณุ ค่าศิลปะต่อการพัฒนาด้านจติ ใจ 3. คุณค่าศลิ ปะต่อการสง่ เสริมความคิดสรา้ งสรรค์ 4. คณุ ค่าศลิ ปะตอ่ การเสริมสรา้ งความสนุ ทรยี ์ 5. คณุ คา่ ศิลปะตอ่ การมสี ่วนรว่ มและจติ สานกึ สาธารณะ
45 ตอนที่ 3 แบบสอบถามขอ้ เสนอแนะเพ่มิ เติมเป็นแบบปลายเปิด (Open end) 3. การเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างด้วยตนเอง ใช้แบบสอบถาม จานวน 30 ฉบบั ไดร้ บั แบบสอบถามกลบั มา จานวน 30 ฉบบั คดิ เป็นร้อยละ 100 การวิเคราะห์ข้อมูลผู้วิจัยได้ดาเนินการ วิเคราะหข์ อ้ มลู ดงั นี้ 3.1 ข้อมลู เก่ียวกับสภาพทัว่ ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม เก่ียวข้องกับคุณค่าทางศิลปะ นามา แจกแจงความถ่ีของคาตอบ และวิเคราะห์โดยหาค่าร้อยละ (Percent) แล้วนาเสนอในตารางประกอบความ เรียง 3.2 ข้อมูลเก่ียวกับความคิดเห็น นามาแจกแจงความถี่ของคาตอบแต่ละข้อ แล้วนามาหา ค่าเฉลีย่ (̅) คา่ สว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน (S.D.) แลว้ นาเสนอในตารางประกอบความเรยี ง 3.3 ข้อมูลเก่ียวกับความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ นามาเรียงลาดับความถ่ี แล้วนาเสนอใน ตารางประกอบความเรียง 3. สรุปผลการวิจยั แบบสอบถาม ตอนท่ี 1 สถานภาพท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม จากการศึกษาความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณค่าทาง ศลิ ปะ รายวิชาศิลปะ 2 รหัสวิชา 31102 ตามการรับรู้ของนักเรียน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4.1 พบว่า จาก จานวน 30 คน เปน็ นกั เรียนหญิงมากกว่านักเรียนชาย คือ เป็นนักเรียนหญิง จานวน 21 คน คิดเป็นร้อยละ 70.00 เป็นนกั เรียนชาย จานวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 30.00 โดยมีความถนัดทางทัศนศิลป์ด้านการวาดภาพ คิดเป็นร้อยละ 36.67 มคี วามถนัดทางทัศนศิลป์ด้านการป้ัน คิดเป็นร้อยละ 33.33 มีความถนัดทางทัศนศิลป์ ด้านการแกะสลัก คิดเป็นร้อยละ 26.67 มีความถนัดทางทัศนศิลป์ด้านภาพพิมพ์ คิดเป็นร้อยละ 33.33 มีความถนัดทางทัศนศิลป์ด้านงานปะติด คิดเป็นร้อยละ 40.00 มีความถนัดทางทัศนศิลป์ด้านอ่ืน ๆ คิดเป็น ร้อยละ 43.33 เคยไปทัศนศึกษางานทัศนศิลป์ คิดเป็นร้อยละ 93.33 เคยชมนิทรรศการผลงานทัศนศิลป์ คดิ เป็นร้อยละ 83.33 เคยมสี ่วนรว่ มกจิ กรรมทางทศั นศลิ ป์ท่ีจัดขนึ้ ในโรงเรียน คิดเป็นร้อยละ 46.67 และเคยมี ส่วนรว่ มกิจกรรมทางทศั นศลิ ป์ทีจ่ ดั ข้ึนโดยหนว่ ยงานภายนอก คดิ เปน็ รอ้ ยละ 13.33 ตอนท่ี 2 ความคิดเห็นเก่ียวกับคุณค่าศิลปะ รายวิชาศิลปะ 2 รหัสวิชา 31102 ตามการรับรู้ของ นักเรียน ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4.1 ในคุณค่าศิลปะ 5 ด้าน คือ 1) คุณค่าศิลปะในหลักสูตรศิลปศึกษา 2) คุณค่าศลิ ปะตอ่ การพัฒนาดา้ นจติ ใจ 3) คุณค่าศลิ ปะต่อการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ 4) คุณค่าศิลปะต่อ การเสรมิ สรา้ งความสุนทรีย์ และ 5) คุณคา่ ศลิ ปะตอ่ การมีสว่ นรว่ มและจิตสานกึ สาธารณะ 1. คุณค่าศิลปะในหลกั สูตรศลิ ปศกึ ษา (ตารางที่ 12) จากความคิดเห็นของนักเรียน ในด้านคุณค่าศิลปะในหลักสูตรศิลปศึกษา โดยรวมนักเรียนมีระดับ ความคิดเห็น อยู่ในระดับเห็นด้วยมาก (̅ = 3.64) เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ส่งเสริมพัฒนาความสนใจและค่านิยม เห็นคุณค่าศิลปะมากขึ้น (̅ = 3.80) และข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่าสุด คือ พัฒนาความคิดและความรสู้ กึ ทีก่ ระจา่ งกวา่ การใชว้ ธิ พี ูดหรอื เขียน (̅ = 3.47) 2. คุณคา่ ศิลปะต่อการพัฒนาด้านจิตใจ (ตารางที่ 13) จากความคิดเห็นของนักเรียน ในด้านคุณค่าศิลปะต่อการพัฒนาด้านจิตใจ โดยรวมนักเรียนมีระดับ ความคิดเห็น อยู่ในระดับเห็นด้วยมาก (̅ = 3.63) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ข้อท่ีมีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ยอมรบั ในความสามารถและความสาเรจ็ ของเพ่ือนอย่างเข้าใจ และช่ืนชมยินดี (̅ = 3.70) และข้อท่ีมีค่าเฉล่ีย
46 ตา่ สดุ คอื ความงามในทัศนศิลป์เสริมสร้างประสบการณ์ทางสุนทรีย์ ก่อให้เกิดการผ่อนคลายอย่างมีความสุข และความภาคภมู ิใจในความสาเร็จจากผลงาน กอ่ เกิดความปีติ และยกระดบั จิตใจใหส้ ูงขึ้น (̅ = 3.50) เทา่ กนั 3. คุณค่าศิลปะต่อการสง่ เสรมิ ความคิดสรา้ งสรรค์ (ตารางที่ 14) จากความคดิ เห็นของนักเรียน ในด้านคุณค่าศิลปะตอ่ การสง่ เสริมความคดิ สร้างสรรค์ โดยรวมนักเรียน มีระดับความคิดเหน็ อยใู่ นระดับเห็นดว้ ยมาก (̅ = 3.57) เม่อื พิจารณาเป็นรายขอ้ พบว่า ข้อท่ีมีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ นักเรียนสามารถพัฒนาความคิดเชงิ นามธรรมสรู่ ปู ธรรมได้อย่างสร้างสรรค์ (̅ = 3.70) และข้อที่มีค่าเฉลี่ย ต่าสุด คือ นักเรียนสามารถเช่ือมโยงความคิดท่ีสัมพันธ์กับส่ิงเร้า หรือประสบการณ์การศึกษาค้นคว้าด้วย ตนเอง และนกั เรยี นกลา้ คิด กลา้ ทดลอง และกลา้ แสดงออกอยา่ งฉลาด (̅ = 3.50) เท่ากัน 4. คุณค่าศิลปะตอ่ การเสรมิ สร้างความสนุ ทรีย์ (ตารางที่ 15) จากความคดิ เห็นของนักเรียน ในด้านคุณค่าศิลปะต่อการเสริมสร้างความสุนทรีย์ โดยรวมนักเรียนมี ระดับความคดิ เหน็ อยู่ในระดบั เห็นด้วยมาก (̅ = 3.68) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ข้อที่มีค่าเฉล่ียสูงสุด คือ ความสุนทรียท์ างศลิ ปะสามารถพฒั นาค่านิยมท่ีดีงามอย่างมีรสนิยม (̅ = 3.77) และข้อท่ีมีค่าเฉล่ียต่าสุด คือ ความมสี ุนทรีสามารถปลูกฝังและถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้ด้วยกระบวนการเรียนรู้และบรรยากาศจากงาน ศลิ ปะ และความสนุ ทรีย์นาไปสู่อารมณ์ท่ีละเอียดอ่อนงดงามและความคิดท่ีเข้าใจกันทาให้สังคมอยู่ร่วมกันได้ อยา่ งมคี วามสุข (̅ = 3.63) เท่ากัน 5. คุณค่าศลิ ปะต่อการมีส่วนร่วมและจติ สานึกสาธารณะ (ตารางที่ 16) จากความคิดเห็นของนักเรียน ในด้านคุณค่าศิลปะต่อการมีส่วนร่วมและจิตสานึกสาธารณะ โดยรวม นักเรียนมีระดับความคิดเห็น อยู่ในระดับเห็นด้วยมาก (̅ = 3.68) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ข้อท่ีมี ค่าเฉลย่ี สงู สดุ คอื ศลิ ปะในวิชาทศั นศิลปค์ ือเปน็ สอ่ื กลาง ท่ีทาให้วิถชี วี ติ มนุษยอ์ ยู่ร่วมกนั ในสงั คมได้อย่างสมดุล และสันติสุข (̅ = 4.53) และข้อท่ีมีค่าเฉลี่ยต่าสุด คือ วิชาทัศนศิลป์ช่วยพัฒนาจิตสานึกการมีส่วนร่วมในการ อนรุ ักษ์ และการดารงรักษาศลิ ปวัฒนธรรมในท้องถิน่ ที่ถอื เปน็ มรดกชมุ ชน (̅ = 3.53) ตอนที่ 3 ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเก่ียวกับคุณค่าศิลปะ รายวิชาศิลปะ 2 รหัสวิชา31102 ตามการรบั รูข้ องนกั เรียน ระดับชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4.1 1. คุณค่าศิลปะในหลักสูตรศลิ ปศึกษา นักเรียนได้ให้ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะว่า ช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความสนใจ และเห็นคุณค่า ศิลปะมากขึ้น สามารถช่วยพัฒนาให้มีเป็นคนท่ีสมบูรณ์ข้ึน และวิชาทัศนศิลป์เป็นหลักสูตรที่ดี มีความ เหมาะสมกบั ผเู้ รียน 2. คุณคา่ ศลิ ปะต่อการพัฒนาด้านจติ ใจ นักเรียนไดใ้ ห้ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะว่า การเรยี นวชิ าทศั นศิลป์เป็นการฝึกสมาธิที่ดี งานศิลปะ ชว่ ยกล่อมเกลาจติ ใจใหอ้ ่อนโยน และยังทาใหจ้ ิตใจสงบ 3. คณุ ค่าศิลปะต่อการส่งเสรมิ ความคดิ สรา้ งสรรค์ นกั เรยี นไดใ้ ห้ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะว่า คุณค่าศิลปะช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ สามารถ สรา้ งสรรคผ์ ลงานไดอ้ ย่างอิสระ ทาใหเ้ กดิ จินตนาการ และทาใหร้ ้จู ักเทคนิคในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะมาก ข้นึ 4. คุณคา่ ศลิ ปะตอ่ การเสรมิ สรา้ งความสนุ ทรยี ์ นกั เรียนไดใ้ ห้ความคดิ เห็นและข้อเสนอแนะวา่ งานศลิ ปะช่วยพฒั นาสุนทรียภาพ เกิดความภาคภูมิใจ ในตนเอง และมีความประทบั ใจ มคี วามสขุ เม่อื ชืน่ ชมผลงานศลิ ปะ
47 5. คณุ ค่าศิลปะตอ่ การมีส่วนร่วมและจติ สานึกสาธารณะ นักเรียนได้ให้ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะว่า ศิลปะทาให้มนุษย์อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมี ความสุข ทาให้เกิดความรู้สึกท่ีดีต่อกัน เห็นคุณค่าของงานศิลปะในชีวิตประจาวัน และทาให้สังคมน่าอยู่มาก ขึ้น 4. อภิปรายผลการวิจัย การอภิปรายผลการวิจยั เรือ่ ง การศกึ ษาความคดิ เหน็ เก่ียวกบั คุณค่าทางศิลปะ รายวิชาศิลปะ 2 รหัส วชิ า 31102 ตามการรบั รขู้ องนักเรียน ระดับช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 4.1 ได้แบ่งสาระสาคัญของการอภิปรายผลได้ 3 ตอน คือ 1. สถานภาพทัว่ ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม 2. ความคิดเหน็ เกยี่ วกบั คณุ ค่าศิลปะในดา้ นตา่ ง ๆ 3. ความคิดเห็นและขอ้ เสนอแนะเกย่ี วกับคุณคา่ ศลิ ปะในด้านตา่ ง ๆ ตอนท่ี 1 สถานภาพทั่วไปของผตู้ อบแบบสอบถาม เกี่ยวกับสถานภาพทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ผลการวิจัย พบว่า ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4.1 นกั เรียนส่วนใหญ่เปน็ เพศหญิงมากกว่าเพศชาย คือ เป็นนักเรียนหญิง จานวน 21 คน คิดเป็นร้อยละ 70.00 เป็นนักเรยี นชาย จานวน 9 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 30.00 นักเรียนส่วนใหญ่มีความถนัดทางทัศนศิลป์ด้านงานปะ ตดิ ภาพมากกว่าดา้ นอนื่ ๆ คดิ เป็นรอ้ ยละ 40.00 อาจเปน็ เพราะการปะติดเป็นทักษะพ้ืนฐานของการเรียนรู้ที่ ง่ายกว่าด้านอื่น ๆ และมีประสบการณ์ในงานปะติดต้ังแต่ระดับอนุบาล ระดับประถมศึกษา ต่อเน่ืองจนถึง ระดบั มธั ยมศึกษา แต่ในความเป็นจริงแล้วทัศนศิลป์ยังมีสาระการเรียนรู้อื่น ๆ อีก ได้แก่ งานจิตรกรรม งาน ประตมิ ากรรม งานภาพพมิ พ์ งานสื่อผสม เปน็ ต้น นกั เรยี นสว่ นใหญ่เคยไปทัศนศกึ ษางานทัศนศิลป์ มีจานวน 28 คน คิดเป็นร้อยละ 93.33 ซึ่งแสดงให้ เห็นว่านักเรียนมีประสบการณ์การไปทัศนศึกษางานทัศนศิลป์ สอดคล้องกับนโยบายเรียนฟรี 15 ปี อย่างมี คุณภาพ ท่ีจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนให้นักเรียนทัศนศึกษานอกสถานที่ โดยจัดอย่างน้อย 1 คร้ัง ต่อคนต่อปี โดยการไปทศั นศึกษาผู้เรียนจะได้รับความรู้จากประสบการณ์ตรง ซึ่งช่วยให้เกิดความเข้าใจและจดจาสิ่งที่ได้ พบเห็นในเวลาอันรวดเร็วและเป็นเวลานาน และการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบนี้เป็นการใช้แหล่งการ เรียนรทู้ มี่ อี ยู่ใหเ้ กดิ ประโยชน์อยา่ งสูงสดุ ซึ่งสอดคล้องกบั ฐิตศิ นั ส์ พากยส์ ขุ ี (2547) การศกึ ษาดงู านศิลปะนอก สถานที่ ช่วยขยายขอบเขตความรู้และความเข้าใจของนักเรียน ท่ีมีต่อผลงานทัศนศิลป์ให้กว้างขวางข้ึน การท่ี ได้สมั ผัสกับผลงานศิลปะต้นฉบับ มีส่วนปลุกเร้าให้นักเรียนเกิดความสนใจใคร่รู้ นักเรียนส่วนใหญ่เคยชมนิทรรศการผลงานทัศนศิลป์ มีจานวน 25 คน คิดเป็นร้อยละ 83.33 ด้วย โรงเรยี นดารงราษฎร์สงเคราะห์ อยู่ในจังหวัดเชียงราย ซ่ึงส่งเสริม Chiangrai the City of Art หรือ เชียงราย เมอื งศิลปะ เป็นการนาเสนอในมิติของศิลปะอันทรงคุณค่าท่ีสามารถผสมผสานได้กับปัจจุบัน จึงมีนิทรรศการ ทัศนศิลป์บ่อยคร้ัง ซึ่งสอดคล้องกับ ศักดิ์ชัย เกียรตินาคินทร์ (2542) เรียนรู้คุณค่าศิลปกรรมโดยเชื่อมโยง ความคิดกับประวัติศาสตร์และความรู้ดั้งเดิมท่ีเป็นรากฐานของตน ก่อให้เกิดความเข้าใจการตัดสินใจได้เอง ความมน่ั ใจ ความภาคภมู ิใจ และความมีเกยี รติภูมิ จะส่งผลให้เกิดทศั นคตติ ่อตนเองในเชิงบวก และหากชุมชน เกิดความคุ้นเคยกับแบบแผนทางสังคม ก่อให้เกิดความเชื่อมั่นการยอมรับการปรับตัวต่อพฤติกรรมภายใน ชมุ ชนได้ ความพอใจและความรสู้ ึกเป็นเจา้ ของชุมชนส่งผลใหเ้ กิดความผกู พนั กบั ชมุ ชนมาก
48 นักเรียนส่วนใหญไ่ ม่เคยมีส่วนรว่ มกิจกรรมทางทศั นศลิ ปท์ ่จี ัดขึ้นในโรงเรียน มีจานวน 16 คน คิดเป็น ร้อยละ 53.33 อาจเป็นเพราะนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4.1 เป็นแผนการเรียนคณิตศาสตร์ - วทิ ยาศาสตร์ จงึ ไมไ่ ดเ้ ข้าร่วมกจิ กรรมทางทัศนศิลป์มากนัก และกิจกรรมของโรงเรียนท่ีจัดขึ้นไม่ได้บูรณาการ รว่ มกนั ระหวา่ งสาระการเรียนรู้ ซง่ึ สอดคล้องกับ สน วัฒนสิน (2544) ว่าควรมีส่วนร่วมในการจัดทาหลักสูตร และวางแผนการจัดการเรยี นการสอนร่วมกันในโรงเรียน นักเรียนส่วนใหญไ่ ม่เคยมสี ่วนร่วมกจิ กรรมทางทัศนศลิ ปท์ จี่ ัดข้ึนโดยหน่วยงานภายนอก มีจานวน 26 คน คิดเป็นร้อยละ 86.67 อาจเปน็ เพราะกิจกรรมท่ีจัดข้ึนไม่บ่อยนักหรือกิจกรรมไม่ตรงกับความต้องการของ นักเรียน หน่วยงานภายนอก ชุมชน ท้ังภาครัฐบาลและเอกชน ซ่ึงสอดคล้องกับ ศักดา บุญยืน (2546) ว่า การศึกษาและการอนุรักษ์ ควรมีการนาเข้าสู่กระบวนการศึกษาในสถาบันการศึกษาระดับต่าง ๆ โดยจัด กจิ กรรมการเรียนการสอนให้เหมาะสม ใหผ้ ้เู รยี นและเยาวชนได้เห็นคุณค่าและความสาคัญ มีความสานึกและ ตระหนักในการอนุรกั ษส์ บื ทอดตอ่ ไป ตอนท่ี 2 ความคดิ เห็นเก่ยี วกับคุณค่าศิลปะในดา้ นต่าง ๆ 1. คุณคา่ ศิลปะในหลักสตู รศิลปศกึ ษา จากสรุปผลการวิจัย การศึกษาความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณค่าทางศิลปะ รายวิชาศิลปะ 2 รหัสวิชา 31102 ตามการรับรู้ของนักเรียน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4.1 ด้านคุณค่าศิลปะในหลักสูตรศิลปศึกษา โดยรวมนกั เรยี นมรี ะดับความคิดเห็น ในระดับเห็นด้วยมาก (̅ = 3.64) โดยข้อท่ีมีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ส่งเสริม พฒั นาความสนใจและค่านิยม เห็นคุณค่าศิลปะมากข้ึน (̅ = 3.80) ซึ่งสอดคล้องกับ สุลักษณ์ ศรีบุรี (2536) ซ่ึงสรุปไวท้ ้ายบทความ เรอื่ ง คุณคา่ ศลิ ปะจากทศั นะของบคุ คลต่าง ๆ ว่า ศลิ ปะทจี่ ัดเข้าไว้ในระบบการศึกษามี ส่วนสาคัญในการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กและเยาวชน ให้เติบโตเป็นบุคคลที่มีเจคติ ค่านิยม รสนิยม และ สุนทรียภาพที่ดี อันนาไปสู่พื้นฐานของการเป็นพลเมืองดี ในสังคมต่อไปในอนาคต ซ่ึงสอดคล้องกับ แมนดิ แพทริเซีย (2007) ทกี่ ล่าววา่ จดุ สาคญั และโครงสร้างของหลักสูตรทาให้ความสัมพันธ์ของครูกับนักเรียนดีข้ึน และชว่ ยสร้างประสบการณท์ างศิลปะใหแ้ ก่นกั เรยี นมากยิ่งขึ้น ครูศิลปะให้ข้อเสนอแนะว่าหลักสูตรใหม่นั้นทา ให้ยกระดับความเป็นมืออาชีพของพวกเขา และทาให้ความสัมพันธ์ของศิลปกรรมหลักสูตรการศึกษา อื่น ๆ มีระดับทีส่ งู ขึ้น ส่วนข้อท่ีมีค่าเฉลี่ยรองลงมา คือ ทาให้คนมีความเป็นคนสมบูรณ์แบบย่ิงข้ึน โดยเฉพาะการ ปรับเปล่ียนวิถีชีวิตที่ละเอียดอ่อน อารมณ์สุนทรีย์ อย่างมีความสุข (̅ = 3.73) ซึ่งสอดคล้องกับ ไทเลอร์ (Ralph W. Tyler, 1969) กล่าวว่า ศิลปศึกษาช่วยทาให้คนมีความเป็นคนสมบูรณ์แบบยิ่งข้ึน ช่วยให้เกิด ความรู้สึกผ่อนคลายความเครียดต่าง ๆ เช่น การสร้างงานในสตูดิโอ การทางานศิลปะแล้วนาไปใช้ใน ชีวติ ประจาวนั ใหเ้ กดิ ประโยชนใ์ ช้สอย ส่วนคุณคา่ ศิลปะในหลกั สตู รศิลปศึกษา ในข้ออื่น ๆ ได้แก่ พัฒนาขอบเขตการรับรู้ได้ชัดเจนข้ึน ด้วย การสังเกต พิจารณา ทั้งรายละเอียดและองค์รวม (̅ = 3.63) พัฒนาทักษะการแสดงออกทางศิลปะ ด้วย ความสามารถทางเทคนิคต่าง ๆ อย่างมีประสบการณ์ (̅ = 3.57) และพัฒนาความคิดและความรู้สึก ที่ กระจ่างกว่าการใช้วิธีพูดหรือเขียน (̅ = 3.47) สอดคล้องกับ คะนึงหา สุภานันท์ (2544) ครูศิลปะมีความ คิดเห็นโดยรวมเก่ียวกับกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาศิลปะสาตามทฤษฎี DBAE ในระดับเห็นด้วย และเมื่อ พิจารณารายละเอียดเก่ียวกับกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาศิลปศึกษาจาแนกตามแกนความรู้ตามทฤษฎี DBAE ครศู ลิ ปศึกษาแสดงความเหน็ ในระดับสงู สุด คอื แกนความรดู้ า้ นศิลปะปฏิบตั ิ
49 2. คณุ คา่ ศิลปะต่อการพฒั นาดา้ นจติ ใจ จากสรุปผลการวิจัย การศึกษาความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณค่าทางศิลปะ รายวิชาศิลปะ 2 รหัสวิชา 31102 ตามการรับรู้ของนักเรียน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4.1 ด้านคุณค่าศิลปะต่อการพัฒนาด้านจิตใจ โดยรวมนักเรียนมรี ะดบั ความคดิ เหน็ ในระดับเห็นด้วยมาก (̅ = 3.63) โดยข้อทม่ี คี ่าเฉลีย่ สงู สดุ คือ ยอมรับใน ความสามารถและความสาเร็จของเพื่อนอย่างเข้าใจ และช่ืนชมยินดี (̅ = 3.70) ซ่ึงสอดคล้องกับ สงวน รอด บุญ (อ้างถงึ ใน สลุ กั ษณ์ ศรีบุร,ี 2536) เช่อื ว่าศิลปศึกษามีคุณค่าต่อเด็กเป็นอย่างย่ิง เพราะศิลปศึกษาเป็นวิชา ท่ีช่วยสรา้ งเสริมคุณประโยชน์ด้านต่าง ๆ หลายด้าน รวมถึงเพื่อสร้างความเพลิดเพลินสนุกสนานและทางาน ร่วมกันเป็นกลุ่มได้ สอดคล้องกับ น. ณ ปากน้า (2540) ที่กล่าวว่า การเข้าถึงศิลปะเป็นเรื่องได้เปรียบหลาย ประการ ประการแรก คือ เราจะได้รับรถความงามอันเป็นอมตะของศิลปิน ซ่ึงเราไม่เคยเห็นในธรรมชาติมา กอ่ นเลย ประการตอ่ มา คอื ความงามของศิลปะจะฝังแน่นอยู่ในความทรงจาชนิดไม่ลืมเลือนง่าย ๆ ศิลปะจึง ทาให้เรามีความงามร่วม ทาให้มนุษย์มีจิตใจผูกพันกันยิ่งกว่าส่ิงใด ๆ คนท่ีมีอารมณ์ตรงกันทางรสนิยมนั้น ยอ่ มจะรกั กันแน่นแฟน้ ย่งิ กว่าสิ่งอ่ืน สว่ นข้อที่มีค่าเฉล่ียรองลงมา คือ การทางานศิลปะสามารถพัฒนาให้เกิดสมาธิและมีความแน่วแน่ใน การทางาน (̅ = 3.60) สอดคล้องกบั เจนนเิ ฟอร์ คิงส์ (2007) ศิลปศกึ ษาเป็นวิธีการท่ีทาให้เด็กนักเรียนนั้นได้ แสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติ และสนับสนุนให้นักเรียนมีความเช่ือมั่นในตนเอง และเป็นการขยายหนทางสู่ ความสาเร็จของนักเรียน ส่วนคุณค่าศิลปะต่อการพัฒนาด้านจิตใจ ในข้ออ่ืน ๆ ได้แก่ การมีสมาธิในการทางานศิลปะจะเกิด ความสุขอย่างมีจุดหมาย (̅ = 3.53) ความงามในทัศนศลิ ปเ์ สริมสร้างประสบการณ์ทางสุนทรีย์ ก่อให้เกิดการ ผ่อนคลายอย่างมีความสุข และความภาคภูมิใจในความสาเร็จจากผลงาน ก่อเกิดความปีติ และยกระดับจิตใจ ให้สูงข้ึน (̅ = 3.50) เท่ากัน สอดคล้องกับ ประเสริฐ ศีลรัตนา (2542) กล่าวไว้ว่า ศิลปะเป็นเพียง องค์ประกอบหนึ่งของชีวิต ท่ีสามารถช่วยพัฒนาสร้างสรรค์คุณค่าให้แก่มนุษย์ทางด้านต่าง ๆ ทั้งแก่ผู้ สร้างสรรค์ ผู้ขานรบั การที่มนษุ ย์ได้พบเห็นซมึ ซับรับรูส้ งิ่ ท่สี วยงามทางจากธรรมชาติ โดยจากผลงานทางศิลปะ ย่อมมีอิทธิพลทาให้ความรู้สึกนึกคิดโน้มเอียงไปในทางท่ีดี และเกิดจิตสานึกท่ีดี ซึ่งส่งผลไปถึงพฤติกรรมการ แสดงออกยอ่ มดีงามไปดว้ ย 3. คุณค่าศิลปะตอ่ การสง่ เสริมความคดิ สรา้ งสรรค์ จากสรุปผลการวิจัย การศึกษาความคิดเห็นเก่ียวกับคุณค่าทางศิลปะ รายวิชาศิลปะ 2 รหัสวิชา 31102 ตามการรับรู้ของนักเรียน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4.1 ด้านคุณค่าศิลปะต่อการพัฒนาด้านจิตใจ โดยรวมนักเรียนมีระดบั ความคดิ เห็น ในระดับเห็นด้วยมาก (̅ = 3.57) โดยข้อท่ีมีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ นักเรียน สามารถพัฒนาความคดิ เชงิ นามธรรมส่รู ูปธรรมได้อย่างสรา้ งสรรค์ (̅ = 3.70) ซึ่งแสดงให้เห็นว่า นักเรียนเห็น คุณค่าศิลปะต่อการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ซ่ึงในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ให้ความสาคญั กบั ความคิดสร้างสรรค์ ดังท่กี าหนดไวใ้ นมาตรฐาน ศ 1.1 สร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ตาม จินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่างานทัศนศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึ ก ความคิดต่องานศลิ ปะอยา่ งอิสระ ชืน่ ชม และประยกุ ต์ใช้ในชีวิตประจาวัน สอดคล้องกับ ฮับบาร์ด (2004) ว่า ปฏสิ ัมพนั ธ์ระหว่างเยาวชนผชู้ มงานกับผลงานศิลปกรรมทั้งหลาย สามารถให้ผลในด้านการสร้างสรรค์ของส่ิง ใหม่ ๆ และเต็มไปด้วยพลงั ของขดี ความรซู้ ่งึ ส่งผลนาไปส่คู วามดนั หนักในการรับรู้และการเปล่ียนแปลงภายใน ตวั มนุษย์
50 ส่วนข้อท่ีมีคา่ เฉล่ียรองลงมา คือ นักเรียนมีระบบความคิดเชิงเหตุผลจากจินตนาการ (̅ = 3.60) ซ่ึง วิทย์ พณิ คันเงิน (2547) กล่าวว่า การสรา้ งสรรคน์ นั้ เป็นกิจกรรมพิเศษอย่างหนึ่ง ซ่ึงจะบังเกิดข้ึนได้จากความ สนใจเปน็ อันดับแรก ดงั นั้นการสรา้ งความสนใจให้เกิดผลในทางสร้างสรรค์ขึ้นจึงนับว่าสาคัญมาก ยกตัวอย่าง เชน่ การมกี ระดาษแผน่ หนึ่งเราอาจแกป้ ัญหาเรอื่ งความวา่ งเปล่าบนแผ่นกระดาษ โดยขีดเส้นในทิศทางต่าง ๆ หรอื บรรจรุ ูปเรขาคณิต มรี ปู สี่เหล่ยี ม สามเหลีย่ ม วงกลมลงในกรอบ เส้นดินสอซึ่งต่างคนก็ต่างสามารถวาดได้ และมคี วามคิดเห็นของตนเองทุกคน สว่ นคุณคา่ ศิลปะต่อการส่งเสรมิ ความคิดสรา้ งสรรค์ในขอ้ อืน่ ๆ ได้แก่ นักเรยี นสามารถพัฒนาความคิด ทเ่ี ป็นอสิ ระอยา่ งแปลกใหม่ของตนเอง (̅ = 3.53) นกั เรยี นสามารถเช่ือมโยงความคิดที่สัมพันธ์กับสิ่งเร้า หรือ ประสบการณ์การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง และนักเรียนกล้าคิด กล้าทดลอง และกล้าแสดงออกอย่างฉลาด (̅ = 3.50) เท่ากัน ตามท่ี สุชาติ เถาทอง (2532: 44) กล่าวว่า มนุษย์มีความต้องการแสดงออกทางอารมณ์ และความร้สู กึ มันเป็นสภาวะทางจิตใจท่มี ปี ฏิกิริยาต่อสิ่งแวดล้อมภายนอกรอบ ๆ ตัว หรือจากความเช่ือและ ความศรัทธาต่อระบบความคิดของมนษุ ย์เอง ทาให้ปรากฏเป็นสิ่งมตี วั ตนทางการสร้างสรรค์ 4. คณุ คา่ ศิลปะตอ่ การเสริมสร้างความสุนทรีย์ จากสรุปผลการวิจัย การศึกษาความคิดเห็นเก่ียวกับคุณค่าทางศิลปะ รายวิชาศิลปะ 2 รหัสวิชา 31102 ตามการรับรู้ของนักเรียน ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4.1 ด้านคุณค่าศิลปะต่อการเสริมสร้างความ สุนทรีย์ โดยรวมนักเรียนมีระดับความคิดเห็น ในระดับเห็นด้วยมาก (̅ = 3.68) โดยข้อที่มีค่าเฉล่ียสูงสุด คือ ความสุนทรีย์ทางศิลปะสามารถพัฒนาค่านิยมที่ดีงามอย่างมีรสนิยม (̅ = 3.77) ซ่ึงสอดคล้องกับ แทรคซี ลี คอสแทนติโน (2005) ว่าคุณค่าทางด้านการศึกษาความสุนทรีย์ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ลึก ๆ ภายใตค้ วามเข้าใจท่มี ีอยู่ในตัวเองและประสบการณ์ของมนุษย์ สอดคล้องกับ สุลักษณ์ ศรีบุรี (2536) ที่กล่าว ว่า ศิลปศึกษาชว่ ยพัฒนาความสนใจและค่านิยมต่าง ๆ ของเด็กและเยาวชนการแสดงออกทางศิลปะรูปแบบ ต่าง ๆ ถือว่าเป็นพื้นฐานท่ีอานวยให้ผู้เรียนเกิดความสนใจ และช่วยพัฒนาความเข้าใจในศิลปะต่าง ๆ ได้ ชดั เจนยง่ิ ข้นึ สว่ นข้อทมี่ คี า่ เฉลี่ยรองลงมา คอื ความเขา้ ใจในคุณค่าและความงามของศิลปะก่อให้เกิดความสุนทรีย์ อารมณแ์ ละความคิด (̅ = 3.70) ซึ่งการท่ีนักเรียนจะเกิดความสุนทรีย์ทางอารมณ์และความคิดน้ัน นักเรียน จะต้องมีความเข้าใจในคุณค่าและความงามของศิลปะเสียก่อน อารมณ์สุนทรีย์มีส่วนสัมพันธ์กับชีวิตเรามาก เพราะช่วยให้เราคลายจากโลกแห่งความเป็นจริง เข้าไปสัมผัสกับโลกของความสุขทางอารมณ์ ซึ่งจะช่วย ประคองสขุ ภาพให้มพี ลัง รจู้ กั ใช้เวลาว่างไมเ่ ครยี ดจนรา่ งกายบอบช้า ส่วนคุณค่าศิลปะต่อการเสริมสร้างความสุนทรีย์ ในข้ออ่ืน ๆ ได้แก่ การมีรสนิยมทางสุนทรีที่ดีงาม สามารถเขา้ ใจและเข้าถึงคุณค่าความงามในมรดกทางศิลปะของชุมชนได้อย่างดีและลึกซึ้ง (̅ = 3.67) ความมี สนุ ทรสี ามารถปลูกฝังและถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้ด้วยกระบวนการเรียนรู้และบรรยากาศจากงานศิลปะ และ ความสุนทรีย์นาไปสู่อารมณ์ที่ละเอียดอ่อนงดงามและความคิดที่เข้าใจกันทาให้สังคมอยู่ร่วมกันได้อย่างมี ความสขุ (̅ = 3.63) เท่ากัน สอดคล้องกับ ประเสรฐิ ศลี รตั นา (2542) กล่าวว่า การรับรู้สภาวะธรรมชาติเป็น สิ่งกอ่ ใหเ้ กดิ ความเจริญงอกงามทางสนุ ทรยี ศาสตร์ และค่าของความงามทางสุนทรียศาสตร์จากธรรมชาติก็ให้ อิทธิพลต่อความรู้สึกของมนุษย์ และเกิดแรงบันดาลใจให้ถ่ายทอดความรู้สึกทางความงามออกมาในรูปแบบ การสร้างสรรคค์ วามงามทางศิลปะ ความเจริญงอกงามทางสุนทรียศาสตร์จึงเก่ียวข้องกับการรับรู้จากประสาท สัมผัส ความคิด ความรู้สึกท่บี รู ณาการประสบการณ์ และการแสดงออกจนเกิดค่าความงามในลักษณะใหม่ ผู้ที่ บกพร่องทางด้านความงอกงามทางสุนทรียภาพ จะขาดความรู้สึกในคุณค่าของความงามความคิด และการ
51 แสดงออกทางการสร้างสรรค์จะสับสน การศึกษาทางด้านความงามจะส่งเสริมให้เกิดสุนทรียภาพทางในขณะ ปฏบิ ตั งิ าน ชื่นชมผลงาน ตลอดจนการชน่ื ชมธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ ม 5. คุณคา่ ศิลปะตอ่ การมีส่วนร่วมและจติ สานกึ สาธารณะ จากสรุปผลการวิจัย การศึกษาความคิดเห็นเก่ียวกับคุณค่าทางศิลปะ รายวิชาศิลปะ 2 รหัสวิชา 31102 ตามการรับรู้ของนักเรียน ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4.1 ด้านคุณค่าศิลปะต่อการมีส่วนร่วมและ จิตสานึกสาธารณะ โดยรวมนักเรียนมีระดับความคิดเห็น ในระดับเห็นด้วยมาก (̅ = 3. 83) โดยข้อที่มี ค่าเฉล่ียสูงสุด คือ ศิลปะในวิชาทัศนศิลป์คือเป็นสื่อกลาง ที่ทาให้วิถีชีวิตมนุษย์อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่าง สมดุลและสนั ติสุข (̅ = 4.53) สอดคล้องกับ จอห์น ดิวอี้ (1979) นักปราชญ์และนักการศึกษาคนสาคัญท่ีเคย มีประสบการณ์ทางศิลปะ เขาช้ีให้เห็นถึงการพัฒนาชุมชนและภาพโดยผ่านประสบการณ์ทางศิลปะว่าศิลปะ เปน็ สิ่งจาเป็นทีเ่ สริมสรา้ งสตปิ ัญญาให้แก่ชวี ิต สตปิ ญั ญาไมไ่ ดม้ าจากการเรียนอะไรจากส่ิงภายนอกเพียงอย่าง เดียว แตม่ าจากการเขา้ ถึงศิลปะของแตล่ ะบคุ คลดว้ ย นอกจากนี้ยังเชอ่ื ว่าศิลปะบอกให้เราทราบถึงสภาวะของ ชีวิต และอารยธรรมของคนในชาติต่าง ๆ ที่มีวิวัฒนาการต่อเน่ืองกันมาในรูปแบบต่าง ๆ ศิลปะจึงเป็น แกนกลางหรือเป็นส่ือสาคัญในการประสานให้เกิดความงามความกลมเกลียวในสังคม ดังน้ันประเพณีและ พฤติกรรมคนในสังคมจึงมุ่งไปสู่การพัฒนาสุนทรียภาพ ซ่ึงในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กาหนดไว้ในมาตรฐาน ศ 1.2 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างทัศนศิลป์ ประวัติศาสตร์ และ วัฒนธรรม เหน็ คณุ คา่ งานทัศนศิลป์ที่เปน็ มรดกทางวัฒนธรรม ภูมปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ ภูมปิ ัญญาไทย และสากล สว่ นข้อทมี่ ีค่าเฉลีย่ รองลงมา คือ วิชาทัศนศิลป์ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้คุณค่าศิลปะ ท่ีเกี่ยวข้องกับวิถี ชวี ิตของมนษุ ยใ์ นสงั คม และผู้มกี ารศึกษาและความสามารถทางศิลปะ ควรตระหนักถึงบทบาทที่มีต่อชุมชน ที่ จะต้องช่วยพัฒนาสภาพแวดล้อมให้น่าอยู่ น่าอาศัย มีคุณค่าทางสุนทรีย์ (̅ = 3.73) เท่ากัน แสดงให้เห็นว่า งานศลิ ปกรรมสว่ นมากทมี่ นุษยส์ รา้ งข้นึ นัน้ ล้วนแล้วแตเ่ ป็นผลสืบเนื่องมาจากความเชื่อความศรัทธาต่อสิ่งหนึ่ง ส่ิงใดรวมถึงวิถีชีวิตประจาวันของมนุษย์ในสังคม ซึ่งสอดคล้องกับ อนุชิต หนูเอียด (2546) ที่ศึกษาเก่ียวกับ คุณค่าประติมากรรมไทย 5 ด้าน คือ คุณค่าด้านศิลปกรรม ด้านประวัติศาสตร์ ด้านภูมิปัญญา ด้าน ศิลปวัฒนธรรม และลัทธิความเช่ือและขนบนิยม พบว่า การสร้างจิตสานึกในการเผยแพร่และอนุรักษ์ ประติมากรรมไทย สร้างการตระหนักถึงคุณค่าของประติมากรรมไทยด้านประวัติศาสตร์ ซ่ึงแสดงถึง ววิ ัฒนาการและการบนั ทึกเหตกุ ารณท์ างประวตั ิศาสตรข์ องงานประติมากรรมไทย ส่วนคุณคา่ ศลิ ปะต่อการมีสว่ นร่วมและจติ สานกึ สาธารณะในขอ้ อ่นื ๆ ไดแ้ ก่ ผลงานศิลปะของศิลปินท่ี สร้างสรรค์ด้วยปัญญาจัดเป็นมรดกที่มีคุณค่าเพ่ือการเรียนรู้ของชุมชน (̅ = 3.63) และวิชาทัศนศิลป์ช่วย พัฒนาจิตสานึกการมสี ว่ นรว่ มในการอนุรักษ์ และการดารงรกั ษาศิลปวฒั นธรรมในทอ้ งถ่นิ ทีถ่ อื เปน็ มรดกชุมชน (̅ = 3.53) สอดคลอ้ งกบั ประสบ ลีเ้ หมอื ดภัย (2543) กลา่ วว่า ศลิ ปะท้งั อดีตและปจั จบุ นั ได้รับการสร้างสรรค์ ขึ้นมาเปน็ รปู แบบเสมือนสงิ่ แทนความคดิ เหน็ และความเขา้ ใจ ท่ไี ด้รับการยอมรับในสมัยน้ัน ๆ ซึ่งแสดงออกให้ เห็นถึงลักษณะขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรม เป็นต้น ความคิดชี้นาให้เกิดผลงานศิลปะคุณค่าทาง วัฒนธรรมที่อยู่ในศิลปะจะใช้วัตถุที่มีเพียงความงามทางศิลปะเท่านั้น แต่จะเป็นสัญลักษณ์องค์แห่งการรับรู้ ชว่ ยแผ่ขยายพฤตกิ รรมทางจติ ใจให้เกิดมโนภาพความคิดรวบยอดจินตนาการและเป้าหมายท่ีชัดเจนม่ันคง จึง เป็นคุณคา่ ทางวฒั นธรรมทใ่ี ห้มากกวา่ เร่ืองของความงามและความพึงพอใจ
52 ตอนที่ 3 ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกย่ี วกบั คณุ ค่าศลิ ปะในด้านตา่ ง ๆ 1. คุณค่าศลิ ปะในหลักสูตรศลิ ปศกึ ษา ประเดน็ ทีน่ กั เรยี นระบุถึงมากทีส่ ุด คอื ศิลปะช่วยส่งเสรมิ ให้ผูเ้ รยี นมีความสนใจ และเห็นคุณค่าศิลปะ มากขึ้น รองลงมา คือ วิชาทัศนศิลป์สามารถช่วยพัฒนาให้มีเป็นคนที่สมบูรณ์ข้ึน ซึ่งสอดคล้องกับ สุลักษณ์ ศรีบรุ ี (2536) วิชาศิลปศึกษามีความสาคัญ 5 ประการ คือ 1) ศิลปศึกษาช่วยขยายขอบเขตของการรับรู้ของ ผู้เรียน ทางด้านการใช้ประสาทสัมผัส โดยวิชาศิลปศึกษาช่วยให้คนเราสามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้อย่าง ชัดเจนย่ิงข้ึน เพราะเป็นการมองด้วยการสังเกตเพ่งพิจารณาเปรียบเสมือนศิลปินมองส่ิงท่ีเห็น และเก็บ รายละเอียดจากสง่ิ ท่เี หน็ มาถา่ ยทอดในงานศิลปะ 2) ศิลปศึกษาสามารถทาให้ความคิดและความรู้สึกกระจ่าง แจ่มชัดออกมา โดยอาศัยสื่ออย่างอื่นเพิ่มเติมจากคาพูด จะเห็นได้ว่ามีนักเรียนจานวนไม่น้อยที่สามารถ แสดงออกทางศลิ ปะได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพมากกว่าการเขียนการพดู 3) ศลิ ปศึกษาชว่ ยทาให้คนมคี วามเป็นคน สมบรู ณแ์ บบยิง่ ขน้ึ กล่าวคือศิลปะช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายความเครียดต่าง ๆ ทางอารมณ์ ท่ีสะสมอยู่ ในตัวโดยอาศัยการแสดงออกด้วยการทากิจกรรมต่าง ๆ เช่นการสร้างศิลปะในสตูดิโอการทางานศิลปะ แล้ว นาไปใช้ในชีวิตประจาวันให้เกิดประโยชน์ใช้สอย เช่น การตกแต่งหรือแม้แต่การแสดงออกทางการร้องเพลง เต้นรา เล่นดนตรี ส่ิงต่าง ๆ เหล่าน้ี ถือว่าเป็นสิ่งที่ช่วยให้คนเราได้แสดงออกทาให้เกิดความสนุกสนาน เพลิดเพลิน และผ่อนคลายความเครียดเป็นการส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนเป็นคนที่สมบูรณ์ย่ิงขึ้น 4) ศิลปศึกษาช่วยพัฒนาความสนใจและค่านิยมต่าง ๆ ของเด็กและเยาวชนการแสดงออกทางศิลปะรูปแบบ ตา่ ง ๆ ถือวา่ เป็นพืน้ ฐานท่อี านวยใหผ้ เู้ รียนเกดิ ความสนใจ และชว่ ยพัฒนาความเข้าใจในศิลปะต่าง ๆได้ชัดเจน ยง่ิ ขน้ึ และ 5) ศิลปศึกษาเปน็ วิชาท่ชี ่วยพัฒนาความสามารถทางเทคนิคได้ ยกตัวอย่างเช่น กระบวนการท่ีจะ ทาใหเ้ กดิ ทกั ษะในการระบายสี การวาดภาพคน การเล่นเครื่องดนตรชี นิดตา่ ง ๆ เป็นตน้ 2. คุณคา่ ศลิ ปะต่อการพฒั นาดา้ นจิตใจ ประเด็นทีน่ กั เรยี นระบถุ งึ มากที่สุด คือ การเรียนวิชาทศั นศลิ ป์เปน็ การฝึกสมาธิท่ีดี รองลงมา คือ งาน ศลิ ปะช่วยกล่อมเกลาจิตใจให้อ่อนโยน ซ่ึงสอดคล้องกับ อาจารย์สงวน รอดบุญ เชื่อว่าศิลปศึกษามีคุณค่าต่อ เด็กเป็นอย่างย่ิงเพราะศิลปศึกษาเป็นวิชาที่ช่วยสร้างเสริมคุณประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ดังต่อไปน้ี 1) เป็นการเตรียมความพร้อมของเด็กในการศึกษาวิชาต่าง ๆ 2) ช่วยกระตุ้นให้เด็กมีความสนใจ และ แสดงออกตามความถนัดและความสามารถ 3) ช่วยสร้างความเพลิดเพลินสนุกสนาน และทางานร่วมกันเป็น กลุ่มได้ 4) ชว่ ยให้เดก็ มีจิตสานึกในคณุ คา่ ของธรรมชาติและในงานศลิ ปะ 5) ช่วยเสริมสร้างลักษณะนิสัยให้เด็ก มีความคิดสร้างสรรค์ 6) ช่วยปลูกฝังความรู้สึกทางสุนทรียภาพและมีรสนิยมท่ีดี และ 7) ช่วยให้รู้จักนาเอา ศิลปะมาประยุกต์ในการดารงชวี ติ ให้สมบรู ณข์ น้ึ 3. คุณคา่ ศลิ ปะต่อการส่งเสรมิ ความคิดสร้างสรรค์ ประเด็นที่นักเรียนระบุถึงมากที่สุด คือ ช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ รองลงมา คือ สามารถ สร้างสรรคผ์ ลงานได้อยา่ งอิสระ ทาให้เกิดจินตนาการ และทาให้รจู้ กั เทคนิคในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะมาก ขน้ึ ดังที่พฒั นาการทางดา้ นสร้างสรรค์ ผู้ท่มี ีความคิดสร้างสรรค์และเป็นผู้ที่สามารถยึดโยงสัมพันธ์ ระหว่างสิ่ง เรา้ กบั สิ่งตอบสนองตา่ ง ๆ ทีแ่ ปลกใหม่มากกวา่ และมปี ระสิทธิภาพกว่าผู้ท่ีคิดในทิศทางเดียวกัน ด้วยเหตุน้ีผู้ท่ี ไดร้ บั การพฒั นาทางการสรา้ งสรรค์และมีความสามารถในการคิดสร้างผลผลิต สิง่ แปลกใหม่ ซ่ึงไม่เป็นที่รู้จักมา ก่อน ผลผลิตน้ันอาจจะเกิดจากการรวบรวมเอาความรู้ต่าง ๆ ที่ได้จากประสบการณ์แล้วเช่ือมโยงเข้ากับ
53 สถานการณ์ใหม่ เกิดการกระทาท่ีให้ผลผลิตใหม่ วิถีทางศิลปะจึงเป็นทางที่จะพัฒนาการแสดงออก พัฒนา ความคดิ อนั เปน็ หนทางไปสกู่ ารพฒั นาบุคคลใหส้ มบรู ณต์ ่อไป 4. คุณค่าศิลปะตอ่ การเสริมสรา้ งความสนุ ทรีย์ ประเด็นที่นักเรียนระบุถึงมากที่สุด คือ งานศิลปะช่วยพัฒนาสุทรียภาพ รองลงมา คือ เกิดความ ภาคภูมใิ จในตนเอง และมคี วามประทบั ใจ มีความสขุ เมอื่ ชมผลงานศิลปะ ดังที่วิชาศิลปศึกษามีส่วนร่วมให้เด็ก เจรญิ เตบิ โตทางสุนทรียภาพและการรับรู้ เด็กที่มีความเจริญเติบโตทางด้านนี้ จะได้รับการปลูกฝังนิสัยที่เป็น ระเบียบในการทางาน และรกั สวยรักงามช่วยปรบั ปรุงบ้านช่องและส่งิ แวดล้อมให้สวยงามเป็นระเบียบดีข้ึนอยู่ เสมอ 5. คุณคา่ ศิลปะตอ่ การมสี ่วนรว่ มและจิตสานึกสาธารณะ ประเด็นท่ีนักเรียนระบุถึงมากท่ีสุด คือ ศิลปะทาให้มนุษย์อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมีความสุข รองลงมา คือ ทาใหเ้ กิดความรู้สึกที่ดีต่อกัน เห็นคุณค่าของงานศิลปะในชีวิตประจาวัน และทาให้สังคมน่าอยู่ มากขนึ้ สอดคล้องกบั วิรัตน์ พชิ ญไพบูลย์ (2536) ซ่ึงเป็นอาจารย์และนักวิชาการด้านศิลปศึกษาในยุคเร่ิมต้น ของประเทศไทย ปัจจบุ ันเป็นอาจารยพ์ ิเศษภาควิชาศิลปะดนตรแี ละนาฏศิลป์ศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้สรุปในตอนท้ายของบทความไว้ว่า เพราะศิลปะเป็นมูลฐานสาคัญ สามารถใช้สนับสนุนการดาเนินชีวิตให้ เป็นสุข ศิลปะยังช่วยส่งเสริมการแสดงออกถึงอารมณ์ความคิดและประสบการณ์ เช่น ความรัก การเกิด การตาย และการขัดแย้งของสังคม ศิลปะอาจจะแสดงออกถึงคุณค่าของชีวิตในสังคมหรือปัญหาของสภาพ ต่าง ๆ ของสังคม เช่น ปัญหาความขัดแย้งในครอบครัว จนถึงความขัดแย้งในโลก ตลอดจนการก่อสงคราม หรือศิลปะอาจจะสะทอ้ นหรือตอบสนองความต้องการของสังคม เช่น ความตอ้ งการที่อยู่อาศัยภายในเมืองจึงมี การสร้างตึกระฟ้าขึ้น ศิลปะจึงมีความหมายมากกว่าการแสดงออกถึงความงามตามปกติ ศิลปะเป็นส่ือหรือ สร้างเสริมความรไู้ ดโ้ ดยตรง ศิลปะจึงตอบสนองการเรียนรู้ท่ีมีความหมายต่อสังคมช่วยสนับสนุนการแสวงหา ความรู้ประสบการณ์ เพ่ือสร้างเสริมพฤติกรรมท่ีดีงามแก่ผู้ศึกษา กิจกรรมศิลปศึกษาจึงช่วยส่งเสริมพัฒนา อารมณ์สตปิ ญั ญาร่างกายและสงั คม 5. ขอ้ เสนอแนะในการทาวจิ ยั ในคร้งั ต่อไป 1. ควรมีการทาวจิ ัยเกี่ยวกบั ทัศนคติของผูป้ กครองนกั เรยี น ท่มี ีตอ่ คุณค่าศิลปะ เพ่อื นามาเปรียบเทียบ กบั ความคิดเห็นของนักเรยี น 2. ควรมีการทาวิจยั เกี่ยวกบั ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนของนกั เรียน ท่มี ีตอ่ คณุ ค่าศลิ ปะ เพื่อเปรียบเทียบ การสอนกอ่ นเรยี นและหลังเรียน
บรรณานกุ รม
55 บรรณานกุ รม กรี ติ บุญเจอื . (2522). ปรัชญาศิลปะ. กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานชิ . คะนึงหา สุภานันท์. (2544). ความคิดเห็นของครูศิลปศึกษาเก่ียวกับกิจกรรมการเรียนการสอนวิชา ศิลปศึกษา ตามทฤษฎี DBAE ในหลักสตู รมัธยมศึกษาตอนต้น พุทธศักราช 2521 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2533) ในโรงเรยี นมัธยมศึกษาสังกดั กรมสามัญ. วทิ ยานิพนธ์ ปริญญามหาบัณฑิต. กรุงเทพฯ: จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. ฐิติศันส์ พากย์สุขี. (2547). ผลการสอนทัศนศิลป์โดยการบูรณาการการจัดการศึกษานอกสถานท่ีที่มีต่อ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาตอนต้น. วิทยานิพนธ์ ปริญญา มหาบณั ฑติ . กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย. เทวี ประสาท. (2546). ศิลปะรากฐานแห่งการศึกษา. กรงุ เทพฯ: มลู นิธิเด็ก. น. ณ ปากนา้ . (2540). บันไดเข้าถงึ ศิลปะ (พิมพค์ รง้ั ที่ 2). กรงุ เทพฯ: ตน้ อ้อ แกรมม่ี. ประสบ ลีเ้ หมอื ดภัย. (2543). ศลิ ปะนยิ ม. กรงุ เทพฯ: โอเดียนสโตร.์ ประเสริฐ ศีลรัตนา. (2542). สนุ ทรยี ะทางทัศนศิลป์. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร.์ ปฤณัต แสงสว่าง. (2541). การศึกษาคุณค่าศิลปะปูนปั้นไทยตามทัศนะของผู้เชี่ยวชาญงานปูนปั้นและ นักศึกษาโปรแกรมวิชาศิลปศึกษา ระดับปริญญาบัณฑิตในสถาบันราชภัฏ. วิทยานิพนธ์ ปริญญา มหาบัณฑติ . กรงุ เทพฯ: จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . เลศิ อานนั ทะ. (2549). แนวคดิ เกย่ี วกบั ศลิ ปศกึ ษา. กรงุ เทพฯ: จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั . วิทย์ พิณคันเงิน. (2547). ศลิ ปะทัศน.์ กรุงเทพฯ: เพ่ิมทรพั ยก์ ารพมิ พ.์ วบิ ลู ย์ ล้ีสวุ รรณ. (2539). เครอื่ งจกั สานในประเทศไทย. กรงุ เทพฯ: โอเดยี นสโตร์. วริ ัตน์ พชิ ญไพบลู ย์. (2536). ศิลปะเปน็ มลู ฐานสาคญั . วารสารครศุ าสตร,์ 1-12. ศกั ดา บุญยนื . (2546). การศกึ ษาความคิดเห็นเก่ียวกับคุณค่าศิลปะแกะสลักไม้หอไตร ภาคอีสานตอนล่าง ของผูเ้ ชย่ี วชาญ อาจารย์ และนักศึกษาระดับปริญญาตรี โปรแกรมวิชาศิลปศึกษาและโปรแกรม วิชาศิลปกรรม สถาบันราชภัฏอุบลราชธานี. วิทยานิพนธ์ ปริญญามหาบัณฑิต. กรุงเทพฯ: จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย. ศกั ด์ิชยั เกียรตินาคินทร์. (2542). คุณคา่ ศลิ ปกรรมกบั เส้นทางของชุมชน. กรุงเทพฯ: พิมพด์ ี. สงวน รอดบญุ . (2533). ศิลปะกับมนษุ ย์. กรงุ เทพฯ: โอ.เอส.พริ้นตง้ิ เฮาส.์ สน วัฒนสิน. (2544). การศกึ ษาปญั หาการจดั การเรยี นการสอนวชิ าศิลปศึกษา โดยใช้ภูมิปัญญาท้องถ่ินใน โรงเรยี นมัธยมศกึ ษาตอนต้น สังกัดกรมสามัญศึกษา ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้. วิทยานิพนธ์ ปริญญามหาบณั ฑติ . กรงุ เทพฯ: จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. สานักงานคณะกรรมการการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (ม.ป.พ.). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ ฉบับทสี่ บิ สอง พ.ศ. 2560-2564. กรงุ เทพฯ: สานักนายกรัฐมนตร.ี สานักวชิ าการและมาตรฐานการศึกษา. (2551). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้ ศลิ ปะ หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551. กรุงเทพฯ: กระทรวงศกึ ษาธิการ สชุ าติ เถาทอง. (2532). ศิลปะกบั มนษุ ย์. กรุงเทพฯ: โอ.เอส.พร้ินต้งิ เฮาส์. สุลกั ษณ์ ศรบี รุ ี. (2536). คุณค่าศิลปะจากทศั นะของบคุ คลตา่ ง ๆ. วารสารครศุ าสตร,์ 51-63.
56 อนชุ ิต หนเู อยี ด. (2546). การศึกษาคุณค่าประติมากรรมไทย ตามการรับรู้ของอาจารย์และนักศึกษาระดับ ปริญญาตรี คณะศิลปกรรม สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล. วิทยานิพนธ์ ปริญญามหาบัณฑิต. กรุงเทพฯ: จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย. Hubard, Olqa M. (2004). The human dimensions of aesthetic experience : An adolescent encounter With the art of Isamu Noguchi. Dissertation Abstracts International. Columbia University teachers College.
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก เครอ่ื งมอื ท่ใี ชใ้ นการวจิ ยั
59 แบบสอบถามเพือ่ การวจิ ัย “การศกึ ษาความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั คณุ คา่ ทางศิลปะ รายวชิ าศิลปะ 2 รหสั วชิ า 31102 ตามการรับรู้ของนกั เรียน ระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4.1” คาชแ้ี จง แบบสอบถามนี้มีวัตถปุ ระสงค์เพื่อ ศึกษาความคิดเห็นเก่ียวกับคุณค่าศิลปะ ในรายวิชาศิลปะ 2 รหัส วชิ า 31102 ตามการรบั รขู้ องนกั เรียน ระดับช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4.1 โรงเรยี นดารงราษฎร์สงเคราะห์ ในคุณค่า ศิลปะ 5 ด้าน คือ 1) คุณค่าศิลปะในหลักสูตรศิลปศึกษา 2) คุณค่าศิลปะต่อการพัฒนาด้านจิตใจ 3) คุณค่า ศิลปะตอ่ การส่งเสรมิ ความคดิ สรา้ งสรรค์ 4) คุณค่าศิลปะต่อการเสริมสร้างความสุนทรีย์ และ 5) คุณค่าศิลปะ ตอ่ การมีส่วนรว่ มและจติ สานกึ สาธารณะ แบบสอบถามมีท้ังหมด 3 ตอน ดังน้ี ตอนท่ี 1 แบบสอบถามข้อมลู สถานภาพทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ตอนที่ 2 แบบสอบถามความคิดเห็นเกย่ี วกบั คุณคา่ ศลิ ปะ แบ่งเป็น 5 ด้าน ดังนี้ 1. คณุ ค่าศลิ ปะในหลกั สตู รศิลปศกึ ษา 2. คุณคา่ ศิลปะตอ่ การพฒั นาด้านจติ ใจ 3. คณุ ค่าศิลปะต่อการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ 4. คณุ คา่ ศลิ ปะตอ่ การเสริมสร้างความสุนทรยี ์ 5. คุณค่าศิลปะต่อการมสี ว่ นรว่ มและจิตสานึกสาธารณะ ตอนที่ 3 แบบสอบถามความคิดเหน็ และขอ้ เสนอแนะเกย่ี วกับคณุ คา่ ศลิ ปะ
60 ตอนที่ 1 แบบสอบถามขอ้ มลู สถานภาพท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม คาชีแ้ จง โปรดตอบแบบสอบถามโดยเขียนเคร่ืองหมาย ลงใน หน้าคาตอบ หรือข้อความในช่องว่างท่ี กาหนด ตามความเปน็ จรงิ 1. เพศ หญิง ชาย 2. นกั เรยี นมคี วามถนดั ทางทัศนศิลปใ์ นดา้ นใด (สามารถเลอื กตอบได้หลายดา้ น) วาดภาพ การป้ัน การแกะสลกั ภาพพิมพ์ งานปะติด อน่ื ๆ 3. ในรอบปีการศกึ ษาที่ผา่ นมา นักเรียนมีโอกาสไปทัศนศึกษางานทศั นศิลป์หรือไม่ เคย ไม่เคย 4. ในรอบปกี ารศกึ ษาทีผ่ า่ นมา นกั เรยี นมโี อกาสไปชมนทิ รรศการผลงานทศั นศลิ ป์หรอื ไม่ เคย ไมเ่ คย 5. ในรอบปกี ารศึกษาที่ผ่านมา นกั เรียนมีโอกาสร่วมกิจกรรมทางทัศนศิลป์ท่ีจดั ข้ึนในโรงเรยี น หรือไม่ เคย ไม่เคย 6. ในรอบปกี ารศึกษาที่ผา่ นมา นักเรียนมีโอกาสร่วมกจิ กรรมทางทัศนศิลป์ทจี่ ดั ข้ึนโดยหน่วยงาน ภายนอกหรือไม่ เคย ไม่เคย
61 ตอนที่ 2 แบบสอบถามความคิดเหน็ เกย่ี วกับคุณค่าศลิ ปะ คาชี้แจง กรุณาทาเคร่ืองหมาย ลงในช่องหมายเลข ให้ตรงกับระดับความคิดเห็นของนักเรียนมากท่ีสุด เพยี งขอ้ ละหนึง่ ระดบั ความคิดเห็น ระดับความคิดเหน็ ความหมาย 5 เห็นดว้ ยอยา่ งยิ่ง เพราะขอ้ ความดังกลา่ วตรงกับความคดิ ของนักเรียนมากท่ีสุด 4 เหน็ ดว้ ย เพราะขอ้ ความดังกล่าวตรงกบั ความคดิ ของนักเรียน 3 ไมแ่ นใ่ จ เพราะขอ้ ความดังกล่าวตรงกับความคดิ ของนักเรยี นบางส่วน 2 ไมเ่ ห็นด้วย เพราะข้อความดงั กลา่ วไมต่ รงกับความคดิ ของนักเรียนเปน็ สว่ นมาก 1 ไม่เห็นดว้ ยอย่างย่งิ เพราะขอ้ ความดงั กลา่ วไมต่ รงกบั ความคิดของนักเรียนเลย ขอ้ ท่ี คุณค่าศิลปะ ระดับความคิดเห็น 54321 คณุ ค่าศลิ ปะในหลกั สตู รศิลปศกึ ษา 1 พฒั นาขอบเขตการรบั รไู้ ด้ชัดเจนข้นึ ด้วยการสังเกต พจิ ารณา ท้ังรายละเอยี ดและองคร์ วม 2 พัฒนาความคดิ และความร้สู ึก ทีก่ ระจ่างกว่าการใช้วิธพี ูดหรือเขยี น 3 ทาให้คนมีความเป็นคนสมบูรณ์แบบย่งิ ขึ้น โดยเฉพาะการ ปรับเปล่ยี นวิถีชีวิตท่ีละเอียดอ่อน อารมณ์สนุ ทรยี ์ อย่างมคี วามสุข 4 ส่งเสรมิ พัฒนาความสนใจและคา่ นยิ ม เห็นคุณค่าศลิ ปะมากข้ึน 5 พฒั นาทักษะการแสดงออกทางศิลปะ ดว้ ยความสามารถทาง เทคนิคต่าง ๆ อยา่ งมีประสบการณ์ คณุ คา่ ศลิ ปะตอ่ การพฒั นาดา้ นจติ ใจ 1 ความงามในทัศนศิลป์เสริมสรา้ งประสบการณท์ างสุนทรีย์ กอ่ ให้เกิดการผ่อนคลายอยา่ งมคี วามสขุ 2 การทางานศลิ ปะสามารถพัฒนาใหเ้ กิดสมาธิและมีความแน่วแน่ ในการทางาน 3 การมีสมาธิในการทางานศิลปะจะเกดิ ความสุขอย่างมจี ุดหมาย 4 ความภาคภมู ิใจในความสาเร็จจากผลงาน ก่อเกิดความปีติ และยกระดับจิตใจใหส้ งู ขนึ้ 5 ยอมรับในความสามารถและความสาเร็จของเพ่ือนอยา่ งเข้าใจ และชน่ื ชมยนิ ดี คณุ คา่ ศิลปะตอ่ การส่งเสรมิ ความคดิ สรา้ งสรรค์ 1 นกั เรยี นสามารถเชือ่ มโยงความคิดทส่ี มั พันธก์ บั ส่ิงเรา้ หรอื ประสบการณก์ ารศกึ ษาคน้ คว้าดว้ ยตนเอง 2 นกั เรียนมีระบบความคดิ เชิงเหตผุ ลจากจินตนาการ
62 ข้อที่ คณุ คา่ ศลิ ปะ ระดบั ความคิดเหน็ 54321 3 นักเรียนสามารถพฒั นาความคิดท่ีเป็นอสิ ระอยา่ งแปลกใหม่ของ ตนเอง 4 นกั เรียนกล้าคดิ กล้าทดลอง และกลา้ แสดงออกอย่างฉลาด 5 นกั เรียนสามารถพฒั นาความคิดเชงิ นามธรรมสรู่ ูปธรรมได้อย่าง สรา้ งสรรค์ คณุ คา่ ศิลปะตอ่ การเสริมสรา้ งความสุนทรีย์ 1 ความเข้าใจในคุณค่าและความงามของศิลปะก่อให้เกิดความ สุนทรียอ์ ารมณแ์ ละความคดิ 2 ความสนุ ทรยี ท์ างศิลปะสามารถพัฒนาคา่ นยิ มที่ดีงามอยา่ งมี รสนิยม 3 การมรี สนยิ มทางสุนทรที ่ดี งี ามสามารถเข้าใจและเขา้ ถงึ คณุ ค่า ความงามในมรดกทางศิลปะของชมุ ชนได้อยา่ งดแี ละลกึ ซง้ึ 4 ความมสี ุนทรสี ามารถปลูกฝงั และถา่ ยทอดจากรนุ่ สู่รนุ่ ได้ดว้ ย กระบวนการเรียนรูแ้ ละบรรยากาศจากงานศลิ ปะ 5 ความสนุ ทรยี ์นาไปสู่อารมณ์ทีล่ ะเอียดอ่อนงดงามและความคิด ที่เขา้ ใจกันทาให้สังคมอย่รู ว่ มกนั ไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข คุณคา่ ศิลปะต่อการมสี ว่ นรว่ มและจิตสานกึ สาธารณะ 1 วิชาทัศนศิลป์ช่วยสง่ เสริมการเรียนรูค้ ณุ ค่าศิลปะ ท่ีเก่ียวขอ้ ง กับวิถชี วี ติ ของมนุษยใ์ นสังคม 2 วิชาทัศนศิลป์ชว่ ยพัฒนาจติ สานึกการมีส่วนรว่ มในการอนุรกั ษ์ และการดารงรกั ษาศลิ ปวัฒนธรรมในทอ้ งถ่นิ ทีถ่ อื เป็นมรดกชมุ ชน 3 ผลงานศิลปะของศิลปนิ ทสี่ รา้ งสรรค์ด้วยปัญญาจัดเป็นมรดกท่มี ี คุณค่าเพ่ือการเรยี นรูข้ องชมุ ชน 4 ผ้มู กี ารศึกษาและความสามารถทางศิลปะ ควรตระหนักถงึ บทบาท ทีม่ ตี ่อชมุ ชน ท่จี ะตอ้ งช่วยพฒั นาสภาพแวดล้อมใหน้ า่ อยู่ นา่ อาศัย มีคุณค่าทางสนุ ทรีย์ 5 ศิลปะในวชิ าทศั นศิลป์คอื เป็นส่อื กลาง ที่ทาให้วิถีชีวติ มนุษย์ อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างสมดลุ และสนั ติสุข
63 ตอนที่ 3 แบบสอบถามความคดิ เห็นและข้อเสนอแนะเกย่ี วกับคุณค่าศิลปะ คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นตอบแบบสอบถามเกย่ี วกับคุณคา่ ศิลปะ ดังน้ี 1. ความคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เกี่ยวกบั คุณค่าศิลปะในหลักสตู รศิลปศึกษา 2. ความคิดเห็นและขอ้ เสนอแนะเพม่ิ เตมิ เกี่ยวกับคณุ ค่าศิลปะตอ่ การพฒั นาด้านจิตใจ 3. ความคดิ เห็นและขอ้ เสนอแนะเพม่ิ เตมิ เกี่ยวกบั คณุ คา่ ศิลปะต่อการสง่ เสรมิ ความคิดสรา้ งสรรค์ 4. ความคิดเหน็ และขอ้ เสนอแนะเพมิ่ เติม เกีย่ วกับคุณค่าศิลปะตอ่ การเสริมสรา้ งความสนุ ทรยี ์ 5. ความคดิ เห็นและข้อเสนอแนะเพ่มิ เตมิ เกีย่ วกบั คุณคา่ ศิลปะต่อการมีส่วนรว่ มและจติ สานึกสาธารณะ
ภาคผนวก ข ตารางวเิ คราะห์ข้อมลู กลมุ่ ตวั อยา่ ง กลุม่ ทดลอง
ตารางวิเคร งานวจิ ยั ในชน้ั เรยี น เรอื่ ง การศึกษาความคดิ เห็นเกี่ยวก ตามการรบั รู้ของนกั เรยี น ระ คนท่ี 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 1 434544443433 2 333334435334 3 554544354453 4 445454334544 5 333335335553 6 322332323423 7 333445334343 8 354543544545 9 335453354435 10 5 3 5 3 3 4 4 3 3 3 3 3 11 4 2 4 3 3 2 3 2 3 2 4 2 12 5 3 3 4 4 3 3 3 3 4 4 5 13 4 5 4 4 4 4 5 3 3 4 3 4 14 3 5 4 3 3 4 3 5 4 4 5 4 15 3 3 3 3 2 5 3 3 5 4 4 3
65 ราะหข์ อ้ มลู กบั คุณค่าทางศิลปะ รายวิชาศลิ ปะ 2 รหัสวชิ า 31102 ะดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4.1 ข้อที่ 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 4454535444345 3334453343434 3545435445454 3354533544354 5353344333335 4243323232425 4345444453355 4333344544355 4545443553535 3454543423454 3334454343454 3343434545435 3445454444445 5444354434333 5433333234454
คนที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 16 4 2 3 4 4 3 4 4 3 3 3 3 17 4 4 5 4 5 4 4 4 3 3 2 4 18 5 4 4 3 5 4 3 3 3 5 4 5 19 3 3 3 3 3 3 3 2 4 5 3 3 20 2 3 2 4 2 3 4 4 5 4 3 3 21 3 5 4 5 3 3 5 4 4 4 3 3 22 3 3 2 5 3 3 5 4 5 4 2 4 23 3 4 4 3 4 4 3 3 3 3 4 5 24 5 4 5 4 4 4 3 4 5 4 3 3 25 4 3 5 4 3 3 3 5 4 3 3 3 26 3 3 3 3 3 3 2 4 3 2 4 2 27 3 3 2 5 3 3 5 5 4 4 5 3 28 3 4 4 3 4 4 3 4 3 3 2 4 29 5 4 5 4 4 4 3 3 3 4 4 5 30 4 3 5 4 3 3 3 2 3 5 4 4 รวม 109 104 112 114 107 107 105 106 112 114 105 108 ̅ 3.63 3.47 3.73 3.80 3.57 3.57 3.50 3.53 3.73 3.80 3.50 3.60 S.D. 0.85 0.90 1.01 0.76 0.82 0.77 0.82 0.94 0.78 0.85 0.90 0.89
66 ข้อท่ี 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 3332423335445 2344545443335 3354435232324 4433333344435 2323242333335 3332444443434 5344532443454 3354444533335 4433354445334 3324233343544 3445323253354 5544445334345 4333543544545 3332453354435 3535334433335 106 105 111 111 113 110 109 109 112 106 109 112 136 3.53 3.50 3.70 3.70 3.77 3.67 3.63 3.63 3.73 3.53 3.63 3.73 4.53 0.86 0.78 0.88 0.92 0.86 0.92 0.85 0.96 0.74 0.82 0.67 0.98 0.57
คนท่ี 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 ̅ 3.64 3.63 S.D. 0.87 0.83
67 ขอ้ ท่ี 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 3.57 3.68 3.83 0.86 0.90 0.76
ตารางวิเคร เพื่อหาคา่ ความเชอื่ มนั่ ของแบบสอบถาม โดยวธิ หี าคา่ สมั ประส คนที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 ขอ้ ท่ี 9 10 11 12 13 1 3433343353534 2 4444545544334 3 3443345555554 4 4335442442323 5 3332323434323 6 4333343535353 7 5555555454455 8 4444444433535 9 4444545544334 10 3 4 4 3 3 4 5 5 5 5 5 5 4 11 4 3 3 5 4 4 2 4 4 2 3 2 3 12 3 3 3 2 3 2 3 4 3 4 3 2 3 13 4 4 4 4 5 4 5 5 4 4 4 4 4 14 5 5 5 5 4 5 4 5 4 5 4 5 5 15 4 3 3 3 3 4 3 5 3 5 3 5 3 16 5 5 5 5 5 5 5 4 5 4 4 5 5 17 4 4 4 4 4 4 4 4 3 3 5 3 5 18 4 4 4 4 5 4 5 4 5 4 5 4 5 19 4 3 3 3 3 4 3 5 3 5 3 5 3
68 ราะห์ข้อมลู สิทธิ์แอลฟา (Coefficient Alpha) ของครอนบาค (Cronbach) 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 3 5 3 5 3 5 4 4 4 4 4 3 93 8649 4 4 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 111 12321 4 3 3 3 5 3 4 3 5 3 4 3 98 9604 3 2 3 3 3 3 2 4 4 5 4 5 84 7056 5 3 2 3 4 3 4 3 4 3 4 3 79 6241 3 3 4 3 5 3 3 3 3 5 3 5 90 8100 4 4 4 4 5 4 5 5 5 5 5 5 117 13689 3 4 4 4 5 4 3 3 3 3 3 3 93 8649 4 4 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 111 12321 4 3 3 3 5 3 4 3 5 3 4 3 98 9604 3 2 3 3 3 3 2 4 4 5 4 5 84 7056 5 3 2 3 4 3 4 3 4 3 4 3 79 6241 4 4 3 4 4 4 3 3 3 4 4 4 99 9801 4 4 4 4 5 5 5 5 5 4 4 5 115 13225 3 3 4 3 5 3 3 3 3 5 3 5 90 8100 4 4 4 4 5 4 5 5 5 5 5 5 117 13689 3 4 4 4 5 4 3 3 3 3 3 3 93 8649 3 5 3 4 5 4 5 3 5 4 5 4 107 11449 3 3 4 3 5 3 3 3 3 5 3 5 90 8100
คนที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 ขอ้ ที่ 9 10 11 12 13 20 5 5 5 5 5 5 5 4 5 4 4 5 5 21 4 4 4 4 5 4 5 5 4 4 3 3 4 22 3 4 4 3 3 4 5 5 5 5 5 5 4 23 4 3 3 5 4 4 2 4 4 2 3 2 3 24 3 3 3 2 3 2 3 4 3 4 3 2 3 25 5 5 5 5 5 5 5 4 5 4 4 5 5 26 4 4 4 4 4 4 4 4 3 3 5 3 5 27 4 4 4 4 4 4 3 3 3 4 4 3 3 28 4 4 4 4 5 4 5 5 4 4 3 3 4 29 3 4 4 3 3 4 5 5 5 5 5 5 4 30 4 3 3 5 4 4 2 4 4 2 3 2 3 31 3 3 3 2 3 2 3 4 3 4 3 2 3 32 5 5 5 5 4 5 4 5 4 5 4 5 5 33 4 3 3 3 3 4 3 5 3 5 3 5 3 ̅ 0.46 0.53 0.55 1.05 0.71 0.68 1.23 0.37 0.68 0.93 0.73 1.60 0.71 ความแปรปรวนของคะแนน เท่ากับ 169.25 คา่ สมั ประสิทธแ์ิ อลฟาของครอนบาค เท่ากบั 0.93
69 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 4 4 4 4 5 4 5 5 5 5 5 5 117 13689 4 4 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 111 12321 4 3 3 3 5 3 4 3 5 3 4 3 98 9604 3 2 3 3 3 3 2 4 4 5 4 5 84 7056 5 3 2 3 4 3 4 3 4 3 4 3 79 6241 4 4 4 4 5 4 5 5 5 5 5 5 117 13689 3 4 4 4 5 4 3 3 3 3 3 3 93 8649 4 3 4 3 4 3 3 3 4 4 4 4 90 8100 4 4 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 111 12321 4 3 3 3 5 3 4 3 5 3 4 3 98 9604 3 2 3 3 3 3 2 4 4 5 4 5 84 7056 5 3 2 3 4 3 4 3 4 3 4 3 79 6241 4 4 4 4 5 5 5 5 5 4 4 5 115 13225 3 3 4 3 5 3 3 3 3 5 3 5 90 8100 0.45 0.63 0.76 0.55 0.57 0.66 1.09 0.81 0.67 0.82 0.50 0.90 17.76
ภาคผนวก ค ภาพกิจกรรม
71 ภาพนักเรยี นขณะทาแบบสอบถามเพอื่ การวิจยั เรื่อง การศึกษาความคิดเห็นเก่ียวกบั คุณค่าทางศิลปะ รายวชิ าศิลปะ 2 รหัสวชิ า 31102 ตามการรับรู้ของนกั เรยี น ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4.1
72 ประวตั ิผ้วู ิจยั ช่อื นายพิชติ ศิลป์ ป่ินคา เกิด 7 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2532 ระดบั การศึกษา ประถมศึกษา โรงเรยี นอนุบาลเชียงราย มัธยมศึกษา โรงเรยี นดารงราษฎรส์ งเคราะห์ ปริญญาตรี การศึกษาบัณฑติ (กศ.บ.) สาขาทัศนศิลปศกึ ษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวโิ รฒ ปรญิ ญาโท ศึกษาศาสตรมหาบณั ฑติ (ศษ.ม.) สาขาการบรหิ ารการศึกษา มหาวิทยาลยั กรงุ เทพธนบรุ ี ทอ่ี ยู่ 187 หมู่ 3 ตาบลแม่กรณ์ อาเภอเมอื ง จงั หวัดเชียงราย 57000 ปจั จุบนั ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะ ชานาญการ โรงเรยี นดารงราษฎรส์ งเคราะห์
Search