Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บุคคลสำคัญเล่ม2

บุคคลสำคัญเล่ม2

Published by 22 กนกภัณฑ์ สุขอุทัย, 2021-03-03 11:42:28

Description: บุคคลสำคัญเล่ม2

Search

Read the Text Version

บคุ คลสําคัญเลม่ 2 น.ส. กนกภณั ฑ์ สขุ อุทยั เลขที 22 น.ส. พลสดุ า บญุ ทนิ เลขที 24 น.ส. ศศิวมิ ล รบิ วงษ์สดุ เลขที 28 น.ส. สปุ รญี า สพุ ร เลขที 29 น.ส. จริ นั นท์ เมอื งสนาม เลขที 32 น.ส. ปพิชญา ปานเเยม้ เลขที 35 น.ส. รชั ตา จนั ทรส์ วสั ดิ เลขที 36 เสนอ คุณครู วฒุ ชิ ยั เชอื ประไพ โรงเรยี น มธั ยมวดั หนองแขม สํานั กงานเขตการศึกษาพืนทกี ารศึกษา เขต1

คํานํ า หนั งสือเลม่ นี เปนส่วนหนึ งของรายวชิ า ประวตั ศิ าสตร์ ส32104 ชนั มธั ยมศึกษาปที 5 จดุ ประสงค์ของการจดั ทาํ หนั งสือเลม่ นี ทางคณะผู้ จดั ไดท้ าํ เลง็ เห็นถงึ ความสําคัญในการศึกษา เกยี วกบั บคุ คลสําคัญในประวตั ศิ าสตรจ์ งึ จดั ทาํ หนั งสือเลม่ นี ขนึ เพือตอ้ งการให้ความรูแ้ ละความ เขา้ ใจเกยี วกบั บคุ คลในประวตั ศิ าสตรแ์ ละ สามารถนํ าไปประกอบการเรยี นวชิ า ประวตั ศิ าสตร์ คณะผจู้ ดั ทาํ หวงั เปนอยา่ งยงิ วา่ หนั งสือรายวชิ า ประวตั ศิ าสตรเ์ ลม่ นี จะเปนประโยชน์ ตอ่ การ เรยี นรูแ้ ละชว่ ยให้เขา้ ใจเกยี วกบั วชิ า ประวตั ศิ าสตรม์ ากยงิ ขนึ หากขอ้ เสนอแนะเพือ ปรบั ปรุงแกไ้ ขโปรดแจง้ ทางคณะผจู้ ดั และหากมี เนื อหาผดิ พลาดประการใดทางคณะผจู้ ดั ทาํ ตอ้ ง ขออภยั มา ณ ทนี ี ดว้ ย คณะผจู้ ดั ทาํ

สารบญั พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ ัว 1 พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว 2 พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาอานั นทมหิดลพระอฐั มรามาธบิ 3 ดนิ ทร พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช 4 มหาราชบรมนาถบพิตร สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส 5 พระเจา้ บรมวงศ์เธอกรมหลวงวงศาธริ าชสนิ ท 6 สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศ์เธอกรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ 7 สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศ์เธอกรมพระยาดํารงราชานภุ าพ 8 สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศ์เธอเจา้ ฟากรมพระยานรศิ รานวุ ดั ติ 9 สมเดจ็ พระศรสี วรนิ ทริ าบรมราชเทวพี ระพันวสั สาอยั ยกิ าเจา้ 10 เจา้ พระยาโกษาธบิ ดี (ปาน) 11 หมอ่ มราโชทยั (หมอ่ มราชวงศ์กระตา่ ย อศิ รางกรู ) 12 สมเดจ็ เจา้ พระยาบรมมหาศรสี รุ ยิ วงศ์ (ชว่ ง บนุ นาค) 13 ซมี ง เดอ ลา ลแู บร 14 พระสังฆราชปลเลอกวั ซ์ 15 หมอบรดั เลย์ หรอื แดน บชี แบรดลยี 16 พระยารษั ฎานปุ ระดษิ ฐม์ หิศรภกั ดี (คอซมิ บี ณ ระนอง) 17 พระยากลั ยาณไมตรี (ฟรานซสิ บ.ี แซร)์ 18 ศิลป พีระศรี 19

1 พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ ัว พระองค์ทรงรเิ รมิ สรา้ งโรงเรยี นขนึ แทนวดั ประจํารชั กาล ไดแ้ ก่ โรงเรยี น มหาดเลก็ หลวง (ปจจบุ นั คือ โรงเรยี นวชริ าวธุ วทิ ยาลยั ทงั ยงั ทรง สนั บสนนุ กจิ การของโรงเรยี นราชวทิ ยาลยั ซงึ พระบาทสมเดจ็ พระ จลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัวโปรดเกลา้ ฯ ให้สถาปนาขนึ ในปพ.ศ. 2440 (ปจจบุ นั คือ โรงเรยี นภ.ป.ร. ราชวทิ ยาลยั ในพระบรมราชปู ถมั ภ)์ และในป พ.ศ. 2459 ไดท้ รงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ให้ประดษิ ฐานโรงเรยี นขา้ ราชการ พลเรอื นของพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว ขนึ เปน “จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ” ซงึ เปนมหาวทิ ยาลยั แห่งแรกของประเทศไทย

2 พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว มพี ระราชปรารภจะพระราชทาน รฐั ธรรมนญู แตถ่ กู ทกั ทว้ งจากพระบรมวงศ์ชนั ผใู้ หญจ่ งึ ไดร้ ะงบั ไปกอ่ น ซงึ หมอ่ มเจา้ พนู พิศมยั ดศิ กลุ มดี ํารสั ถงึ เรอื งนี วา่ \"ส่วนพระเจา้ อยหู่ ัวเองนั น [พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว] ทรงรูส้ ึกยงิ ขนึ ทกุ ทวี า่ การปกครอง บา้ นเมอื งในสมยั เชน่ นี เปนการเหลอื กําลงั ของพระองค์ทจี ะทรงรบั ผดิ ชอบ ไดโ้ ดยลําพังแตผ่ เู้ ดยี วพระองค์ทรงรูด้ วี า่ ทรงออ่ นทงั ในทาง physical และmental จงึ มพี ระราชปรารถนาจะพระราชทานรฐั ธรรมนญู ให้ชว่ ยกนั รบั ผดิ ชอบให้เตม็ ทอี ยเู่ สมอ\" แตก่ เ็ กดิ เหตกุ ารณ์ปฏวิ ตั โิ ดยคณะราษฎร ในวนั ที 24มถิ นุ ายน พ.ศ. 2475 โดยพระองค์ทรงยนิ ยอมสละพระราชอํานาจ และ เปนพระมหากษัตรยิ ภ์ ายใตร้ ฐั ธรรมนญู ทรงให้ตรวจตราตวั บทกฎหมาย รฐั ธรรมนญู ทจี ะเปนหลกั ในการปกครองอยา่ งถถี ว้ น

3 พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาอานั นทมหิดล พระอฐั มรามาธบิ ดนิ ทร พระองค์ไดเ้ สดจ็ พระราชดําเนิ นไปในพระราชพิธพี ระราชทานรฐั ธรรมนญู ฉบบั ใหมใ่ นวนั ที 9พฤษภาคม พ.ศ. 2489 และเปดประชมุ สภาผแู้ ทนราษฎร ในวนั ที 1 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2489นอกจากนี ยงั เสดจ็ พระราชดําเนิ นทรงเยยี ม ราษฎรในจงั หวดั ตา่ ง ๆ และทรงเยยี มชาวไทยเชอื สายจนี เปนครงั แรก ณ สํา เพ็ง พระนคร พรอ้ มดว้ ยสมเดจ็ พระเจา้ น้ องยาเธอ เจา้ ฟาภมู พิ ลอดลุ ยเดช เมอื วนั ที 3 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2489 ซงึ เปนชว่ งทเี กดิ ความขดั แยง้ กนั ระหวา่ ง ชาวไทยและชาวไทยเชอื สายจนี จนเกอื บเกดิ สงครามกลางเมอื ง เมอื พระองค์ ทรงทราบเรอื ง มพี ระราชดํารวิ า่ หากปลอ่ ยความขนุ่ ขอ้ งบาดหมางไวเ้ ชน่ นี จะเปนผลรา้ ยตลอดไป จงึ ทรงตดั สินพระทยั เสดจ็ พระราชดําเนิ นสําเพ็ง ซงึ ใชร้ ะยะเวลาประมาณ 4 ชวั โมง และพระองค์ทรงพระราชดําเนิ นดว้ ยพระบาท เปนระยะประมาณ 3กโิ ลเมตร การเสดจ็ พระราชดําเนิ นสําเพ็งในครงั นี จงึ เปนการประสานรอยรา้ วทเี กดิ ขนึ ให้หมดไป

4 พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ พระราชทานพระราชทรพั ยส์ ่วน พระองค์จดั ตงั มลู นิ ธอิ านั นทมหิดลขนึ เมอื ป พ.ศ. 2502 โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์ เพือพระราชทานทนุ แกน่ ิ สิตนั กศึกษาทมี ผี ลการเรยี นดเี ดน่ ในดา้ นตา่ ง ๆ ให้ นิ สิตนั กศึกษาเหลา่ นั นไดม้ โี อกาสไปศึกษาหาความรูว้ ชิ าการชนั สงู ในตา่ ง ประเทศ และนํ าความรูน้ ั นกลบั มาใชพ้ ัฒนาบา้ นเมอื งส่วนในประเทศ พระองค์ทรงให้การอุปถมั ภใ์ นดา้ นตา่ ง ๆ เชน่ ทรงพระราชทานพระราช ทรพั ยช์ ว่ ยเหลอื ให้คําแนะนํ า รวมทงั เสดจ็ พระราชดําเนิ นไปเยยี มเยยี นและ พระราชทานพระบรมราโชวาทเพือสนั บสนนุ และเปนกําลงั ใจแกค่ รูและ นั กเรยี นของโรงเรยี น

5 สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณว โรรส ทรงเรมิ พัฒนาการพระศาสนา โดยเรมิ ตน้ ทวี ดั บวรนิ เวศวหิ าร ไดแ้ กร่ เิ รมิ ให้ ภกิ ษุสามเณรทบี วชใหมเ่ รยี นพระธรรมวนิ ั ยในภาษาไทย มกี ารสอบความรู้ ดว้ ยวธิ เี ขยี น ตอ่ มาจงึ กําหนดให้เปนหลกั สตู รการศึกษาสําหรบั คณะสงฆ์ เรยี กวา่ นั กธรรม ทรงจดั ตงั มหามกฎุ ราชวทิ ยาลยั เปนการรเิ รมิ จดั การ ศึกษาของพระภกิ ษุ สามเณรแบบใหม่ คือ เรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรม ประกอบ กบั วชิ าการอนื ทเี ออื อํานวยตอ่ การสอนพระพทุ ธศาสนา ผทู้ สี อบไดจ้ ะได้ เปนเปรยี ญเชน่ เดยี วกบั ทสี อบไดใ้ นสนามหลวง เรยี กวา่ เปรยี ญมหามงกฎุ แตไ่ ดเ้ ลกิ ไปในอกี 8 ปตอ่ มา ทรงออนิ ตยสาร ธรรมจกั ษุ ซงึ เปนนิ ตยสาร ทางพระพทุ ธศาสนา ฉบบั แรกของไทยทรงอํานวยการจดั การศึกษาหัวเมอื ง ทวั ราชอาณาจกั รเมอื ป พ.ศ. 2441 ตามพระราชดํารขิ องพระบาทสมเดจ็ พระ จลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัวทจี ะขยายการศึกษาขนั พืนฐานไปยงั ประชาชนทวั ราช อาณาจกั ร ทรงเห็นวา่ วดั เปนแหลง่ ให้การศึกษาแกค่ นไทยมาแต่ โบราณกาล เปนการขยายการศึกษาไดเ้ รว็ และทวั ถงึ เพราะมวี ดั อยทู่ วั ไปใน พระราชอาณาจกั ร ไมต่ อ้ งสินเปลอื งงบประมาณแผน่ ดนิ งานนี มกี ระทรวง มหาดไทยเปนหน่ วยสนั บสนนุ พระองค์ดําเนิ นการอยู่ 5 ป กส็ ามารถขยาย การศึกษาขนั พืนฐานคือ ชนั ประถมศึกษา ออกไปไดท้ วั ประเทศจากนั นจงึ ให้ กระทรวงธรรมการ ดําเนิ นการตอ่ ไป

6 พระเจา้ บรมวงศ์เธอกรมหลวงวงศาธริ าชสนิ ท พระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงศาธริ าชสนิ ทในรชั กาลพระบาทสมเดจ็ พระนั งเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว ทรงกํากบั กรมหมอหลวง และทรงศึกษาวชิ าการ แพทยส์ มยั ใหมจ่ ากมชิ ชนั นารชี าวอเมรกิ นั โปรดเกลา้ ฯสถาปนาขนึ เปนกรม หมนื วงศาสนิ ท เมอื ครนั ป พ.ศ.2392 พระบาทสมเดจ็ พระนั งเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว มพี ระราชปรารภ ถงึ ความเสือมโทรมของภาษาไทย จงึ ทรงพระกรุณาโปรด เกลา้ ฯ ให้พระองค์เจา้ นวม ทรงแตง่ ตําราภาษาไทยขนึ ใหม่ เพืออนรุ กั ษ์ภาษา ไทย พระนิ พนธเ์ รอื ง “จนิ ดามณี เลม่ 2” ซงึ ทรงดดั แปลงจากตําราเดมิ สมยั อยธุ ยา อธบิ ายหลกั เกณฑภ์ าษาไทยให้เขา้ ใจงา่ ยกวา่ เดมิ

7 สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศ์เธอกรมพระยาเทวะ วงศ์วโรปการ สมเดจ็ ฯ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ทรงบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ ตลอด พระชนมช์ พี จากรชั กาลที 5ถงึ รชั กาลที 6 พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัวโปรดเกลา้ ฯ ให้ทรงดํารงตําแหน่ งไปรเวตสิเกรตารฝี รงั (ราช เลขานกุ ารฝายตา่ งประเทศ)ทาํ หน้ าทดี แู ลงานตา่ งประเทศ ทรงมบี ทบาท สําคัญดา้ นการทตู เปนผเู้ จรจาขอ้ พิพาทกบั ฝรงั เศส ครงั วกิ ฤตการณ์ ร.ศ. 112 ทรงเสนอให้มกี ารตงั สถานทตู ในตา่ งประเทศ ทยี โุ รปและสหรฐั อเมรกิ า ทรงวา่ ราชการเปนเสนาบดกี ระทรวงการตา่ งประเทศทงั ในรชั กาลที 5 และ รชั กาลที 6 เปนเวลา 37 ป จนไดช้ อื วา่ เปน องค์บดิ าแห่งการตา่ งประเทศ ของไทย อกี ทงั ทรงสนพระทยั ในวชิ าโหราศาสตร์ เมอื พ.ศ.2432 พระบาท สมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัวทรงประกาศใชป้ ฏทิ นิ แบบใหมต่ ามสรุ ยิ คติ ตามแบบสากล จากเดมิ ทปี ระเทศไทยใชแ้ บบจนั ทรคตสิ มเดจ็ ฯ กรมพระยา เทวะวงศ์วโรปการ ทรงเปนผคู้ ิดปฏทิ นิ ไทยใชต้ ามสรุ ยิ คติ เรยี กวา่ เทวะ ประตทิ นิ มกี ารกําหนดชอื เดอื นขนึ มาใหม่ จากเดมิ ทใี ช้ เดอื นอา้ ย เดอื นยี ถงึ เดอื นสิบสอง เปนชอื เดอื นแบบทใี ชก้ นั อยใู่ นปจจบุ นั

8 สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศ์เธอกรมพระยาดํารง ราชานภุ าพ ทรงพระปรชี าสามารถในดา้ นการศึกษาสาธารณสขุ ประวตั ศิ าสตร์ โบราณคดี และศิลปวฒั นธรรม ทรงไดร้ บั พระสมญั ญานามเปน\"พระบดิ า แห่งประวตั ศิ าสตรไ์ ทย\" ในวนั ที 21มถิ นุ ายน พ.ศ. 2505 ทปี ระชมุ ใหญข่ อง องค์การการศึกษา วทิ ยาศาสตร์ และวฒั นธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ไดป้ ระกาศยกยอ่ งพระองค์เปนบคุ คลสําคัญของโลกคนแรกของ ประเทศไทย[8] และวนั ที 27 พฤศจกิ ายนพ.ศ. 2544 คณะรฐั มนตรไี ดม้ มี ติ ให้วนั ที 1ธนั วาคม ของทกุ ป ซงึ ตรงกบั วนั คลา้ ยวนั สินพระชนมข์ องพระองค์ เปน \"วนั ดํารงราชานภุ าพ\" กําหนดขนึ เพือเปนการระลกึ ถงึ สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมพระยาดํารงราชานภุ าพ

9 สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศ์เธอเจา้ ฟากรมพระยา นรศิ รานวุ ดั ติ ดา้ นศิลปกรรม งานสถาปตยกรรมทโี ปรดทาํ มากคือ แบบพระเมรุ โดยตรสั วา่ \"เปนงานทที าํ ขนึ ใชช้ วั คราวแลว้ รอื ทงิ ไป เปนโอกาสไดท้ ดลองใชป้ ญญา ความคิดแผลงไดเ้ ตม็ ที จะผดิ พลาดไปบา้ งกไ็ มส่ ้กู ระไร ระวงั เพียงอยา่ งเดยี ว คือเรอื งทนุ เทา่ นั น\"ดา้ นสถาปตยกรรม พระอุโบสถวดั เบญจมบพิตร เมอื แรกสรา้ งอาคารเรยี นโรงเรยี นมธั ยมวดั เบญจมบพิตร (ตกึ ชมพ)ู การ ออกแบบกอ่ สรา้ งพระอุโบสถวดั เบญจมบพิตร ถวายพระบาทสมเดจ็ พระ จลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว เมอื พ.ศ. 2442 การออกแบบกอ่ สรา้ งอาคารเรยี น โรงเรยี นมธั ยมวดั เบญจมบพิตร เรมิ กอ่ สรา้ งเมอื วนั ที 4มถิ นุ ายน รตั นโก สินทรศก 121(พ.ศ. 2445)หรอื ร.ศ. 121 งานดา้ นสถาปตยกรรมเปนงานที พระองค์ทรงพิถพี ิถนั อยา่ งมาก เพราะตรสั วา่ \"ตอ้ งระวงั เพราะสรา้ งขนึ กเ็ พือ ความพอใจ ความเพลดิ เพลนิ ตา ไมใ่ ชส่ รา้ งขนึ เพืออยากจะรอื ทงิ ทนุ รอนที เสียไปกใ็ ชจ่ ะเอาคืนมาได้ ผลทสี ดุ กต็ อ้ งทงิ ไวเ้ ปนอนสุ าวรยี ส์ ําหรบั ขายความ อาย\"ดา้ นภาพจติ รกรรม ภาพเขยี น ภาพเขยี นสีนามนั ประกอบพระราช พงศาวดาร แผน่ ดนิ พระเจา้ ทา้ ยสระครงั กรุงศรอี ยธุ ยา เปนภาพชา้ งทรงพระ มหาอุปราชแทงชา้ งพระทนี ั ง ภาพเขยี นรถพระอาทติ ยท์ เี พดานพระทนี ั งภานุ มาศจํารูญ (พระทนี ั งบรมพิมาน) ภาพประกอบเรอื งธรรมาธรรมะสงคราม ภาพแบบพัดตา่ ง ๆ

10 สมเดจ็ พระศรสี วรนิ ทริ าบรมราชเทวพี ระพัน วสั สาอยั ยกิ าเจา้ พระองค์ทรงดํารงตําแหน่ งองค์สภาชนนี สภาอุณาโลมแดง อนั เปนชอื ของ สภากาชาดไทยเมอื ครงั แรกตงั ในตน้ รชั กาลที 5เปนพระองค์แรกและ พระองค์เดยี ว และองค์สภานายกิ าสภากาชาดไทย พระองค์ที 2 และทรง สรา้ งสถานพยาบาลขนึ ปจจบุ นั คือ โรงพยาบาลสมเดจ็ พระบรมราชเทวี ณ ศรรี าชาซงึ อยภู่ ายใตก้ ารดแู ลของสภากาชาดไทยในวนั ที 11 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2554 ทปี ระชมุ ใหญอ่ งค์การการศึกษา วทิ ยาศาสตร์ และวฒั นธรรม แห่งสหประชาชาต(ิ ยเู นสโก) ไดป้ ระกาศยกยอ่ งสมเดจ็ พระศรสี วรนิ ทริ าบรม ราชเทวฯี เปนบคุ คลสําคัญของโลก เนื องในโอกาสวนั ครบรอบ150 ปวนั คลา้ ยวนั พระราชสมภพ ในวนั ที 10 กนั ยายน พ.ศ.2555 ในฐานะทที รงมผี ล งานดเี ดน่ ดา้ นการศึกษาวทิ ยาศาสตรส์ ขุ ภาพและการอนรุ กั ษ์พัฒนาดา้ น วฒั นธรรม

เจา้ พระยาโกษาธบิ ดี (ปาน) 11 ออกญาโกษาปานไดบ้ รรดาศักดิ ออกพระวสิ ทุ ธสนุ ทร และไดร้ บั แตง่ ตงั เปน ทตู ออกไปเจรญิ สัมพันธไมตรกี บั ฝรงั เศส ในสมยั ดงั กลา่ ว ฝรงั เศสมอี ทิ ธพิ ล ในราชสํานั กของพระนารายณ์มาก จดุ ประสงค์ของฝรงั เศส คือ เผยแพร่ ครสิ ตศ์ าสนา และพยายามให้พระนารายณ์เขา้ รตี เปนครสิ ตชน รวมทงั พยายามมอี ํานาจทางการเมอื งในอยธุ ยาดว้ ยการเจรจาขอตงั กําลงั ทหารของ ตนทเี มอื งบางกอกและเมอื งมะรดิ คณะทตู ไปฝรงั เศสดงั กลา่ ว ประกอบดว้ ย ปาน เปนราชทตู , ออกหลวงกลั ยาราชไมตรี เปนอุปทตู , และออกขนุ ศรี วสิ ารวาจา เปนตรที ตู พรอ้ มทงั บาทหลวงเดอ ลอี อง และผตู้ ดิ ตาม รวมกวา่ 40 คน ออกเดนิ ทางจากกรุงศรอี ยธุ ยาในวนั ที 18 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2229 ไดเ้ ขา้ เฝาพระเจา้ หลยุ ส์ที 14 เมอื วนั ที 1 กนั ยายน พ.ศ. 2229 ณ พระราชวงั แวรซ์ าย และเดนิ ทางกลบั เมอื วนั ที 9 ตลุ าคม พ.ศ. 2230 ปาน เปนนั กการทตู ทสี ขุ มุ ไมพ่ ดู มาก ละเอยี ดลออในการจดบนั ทกึ สิงทพี บเห็น ในการเดนิ ทาง[ตอ้ งการอา้ งองิ ] ในการเขา้ เฝาพระเจา้ หลยุ ส์ที 14 คณะทตู อยธุ ยาไดร้ บั การยกยอ่ งชนื ชมจากชาวฝรงั เศส เนื องจากเปนครงั แรกทพี ระ เจา้ แผน่ ดนิ ฝายตะวนั ออกแตง่ ทตู ไปยงั ฝรงั เศส พระเจา้ หลยุ ส์ที 14 ทรง รบั รองคณะทตู อยา่ งสมเกยี รตยิ ศ โปรดให้ทาํ เหรยี ญทรี ะลกึ และเขยี นรูป เหตกุ ารณ์เอาไว้

หมอ่ มราโชทยั 12 (หมอ่ มราชวงศ์กระตา่ ย อศิ รางกรู ) ครนั เมอื เจา้ ฟามงกฎุ เสดจ็ เถลงิ ถวลั ยราชสมบตั ขิ นึ เปนพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว หมอ่ มราชวงศ์กระตา่ ยกต็ ดิ ตามสมคั รเขา้ รบั ราชการ ความสามารถของหมอ่ มราชวงศ์กระตา่ ยทชี ว่ ยราชกจิ ไดด้ ี จงึ ไดร้ บั พระราชทานเลอื นอสิ รยิ ยศเปน \"หมอ่ มราโชทยั \" และดว้ ยความรูใ้ นภาษา องั กฤษดี พ.ศ.2400 พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัวจงึ โปรดเกลา้ ฯ ให้หมอ่ มราโชทยั เปนลา่ มหลวงไปกบั คณะราชทตู ไทยทเี ชญิ พระราชสาสน์ และเครอื งมงคลราชบรรณาการ เดนิ ทางไปถวายสมเดจ็ พระราชนิ ี นาถ วกิ ตอเรยี การเดนิ ทางไปในครงั นั นเปนทมี าของหนั งสือนิ ราศเมอื ง ลอนดอน ซงึ แตง่ หลงั จากเดนิ ทางกลบั ได้ 2 ป ตอ่ มาพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัวทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ และถอื วา่ เปนหนั งสือเลม่ แรกทมี กี ารขายลขิ สิทธเิ กดิ ขนึ ในไทยให้หมอ่ มราโชทยั ขนึ เปนอธบิ ดี พิพากษาศาลตา่ งประเทศเปนคนแรกของไทย

สมเดจ็ เจา้ พระยาบรมมหาศรสี รุ ยิ วงศ์ 13 (ชว่ ง บนุ นาค) สมเดจ็ เจา้ พระยาบรมมหาศรสี รุ ยิ วงศ์เปนคน “หัวกา้ วหน้ า”รวมทงั ชอบ คบหาสมาคมกบั ชาวตา่ งประเทศและรบั ความเจรญิ มาจากชาตติ ะวนั ตก ทา่ น จงึ มองเห็นถงึ ความสําคัญของวชิ าความรู้ วทิ ยาการ และวทิ ยาศาสตรส์ มยั ใหม่ เชน่ การแพทย์ การพิมพ์ และการรกั ษาพยาบาลทที นั สมยั ของหมอสอน ศาสนาครสิ ต์ โดยเฉพาะมชิ ชนั นารชี าวอเมรกิ นั นั นเปนประโยชน์ แกป่ ระเทศ ชาติ แตค่ นเหลา่ นี มกั ถกู รงั เกยี จจากเจา้ นายและขนุ นางหัวเกา่ จงึ มกั ไดร้ บั ความยากลําบากในการหาทอี ยอู่ าศัย ทที าํ งาน และการทาํ งาน ทา่ นไดใ้ ห้ ความอุปการะอํานวยความสะดวกแกห่ มอสอนศาสนาเหลา่ นี และคอยตดิ ตอ่ เรยี นรูส้ ิงใหม่ ๆ อยตู่ ลอดเวลา ดงั ลกั ษณะทเี รยี กกนั ในปจจบุ นั วา่ “การ ถา่ ยทอดเทคโนโลย”ี ซงึ ทา่ นหมนั เพียรเรยี นรูว้ ชิ าการตะวนั ตกกบั ชาวตา่ ง ประเทศมาตงั แตอ่ ยใู่ นวยั หน่ มุ ทาํ ให้ทา่ นสามารถตอ่ \"เรอื กําปน\" ไดเ้ อง และ นั บเปนนายชา่ งสยามคนแรกทสี ามารถตอ่ เรอื แบบฝรงั ได

ซมี ง เดอ ลา ลแู บร 14 เดอ ลา ลแู บร์ ไดร้ บั การแตง่ ตงั ให้เปนหัวหน้ าคณะทตู ฝรงั เศสรว่ มกบั โกลด เซเบอแร ดวู ์ บแู ล (Claude Céberet duBoullay) เดนิ ทางมาอยธุ ยาเพือ เจรจาเรอื งศาสนาและการค้าของฝรงั เศสในอาณาจกั รอยธุ ยาเมอื พ.ศ. 2230 ในการเจรจานั นอยธุ ยาไมส่ ้จู กั ยนิ ยอมรบั ขอ้ เสนอของฝรงั เศส ทาํ ให้ เสียเวลาในการเจรจาหลายสัปดาห์ ในทสี ดุ ฝายไทยกย็ นิ ยอมรบั ขอ้ เสนอ ตามความประสงค์ของฝรงั เศสและทงั สองฝายไดล้ งนามในสัญญาการค้าที เมอื งลพบรุ เี มอื วนั ที 11 ธนั วาคมนอกจากจะเปนหัวหน้ าคณะทตู จากฝรงั เศส แลว้ เดอ ลา ลแู บรย์ งั ไดร้ บั คําสังให้สังเกตเรอื งราวตา่ ง ๆ เกยี วกบั อาณาจกั รอยธุ ยาและบนั ทกึ ขอ้ สังเกตทงั หลายเหลา่ นั นกลบั ไปรายงานให้ ราชสํานั กของพระเจา้ หลยุ ส์ที 14 ไดร้ บั ทราบดว้ ย จดหมายเหตเุ หลา่ นี ได้ กลายเปนหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรท์ มี คี ุณค่าตอ่ แวดวงวชิ าประวตั ศิ าสตร์ ไทยสมยั อยธุ ยา เพราะกลา่ วถงึ ชวี ติ ความเปนอยู่ สังคม ประเพณี ประวตั ศิ าสตร์ วฒั นธรรม หลายสิงหลายอยา่ งของคนในสมยั กรุงศรอี ยธุ ยา จงึ นั บไดว้ า่ เปนหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรท์ มี จี ารกึ เปนลายลกั ษณ์อกั ษร

พระสังฆราชปลเลอกวั ซ์ 15 พระสังฆราชปลเลอกวั ซ์ เปนบาทหลวงสังกดั คณะมสิ ซงั ตา่ งประเทศแห่ง กรุงปารสี ปฏบิ ตั หิ น้ าทมี ชิ ชนั นารใี นประเทศไทยในรชั สมยั ของพระบาท สมเดจ็ พระนั งเกลา้ เจา้ อยหู่ ัวถงึ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว มี สมณศักดเิ ปนประมขุ มสิ ซงั สยามตะวนั ออก (apostolic vicar of Eastern Siam)และมขุ นายกเกยี รตนิ ามแห่งมาลลอสหรอื มลั ลสุ (titularbishop of Mallos/Mallus) ทา่ นไดน้ ํ าวทิ ยาการการถา่ ยรูปเขา้ มาในประเทศไทย และ นอกจากนี ทา่ นยงั จดั ทาํ พจนานกุ รมสีภาษาเลม่ แรกของไทยขนึ ชอื สัพะ พะ จะนะ พาสา ไท โดยมภี าษาทงั สีทวี า่ นี คือ ภาษาไทย ภาษาองั กฤษ ภาษา ฝรงั เศส และภาษาละตนิ ทา่ นไดเ้ รยี นภาษาไทยและภาษาบาลี มคี วามรูใ้ น ภาษาทงั สองเปนอยา่ งดจี นสามารถแตง่ หนั งสือไดห้ ลายเลม่ นอกจากนั น ทา่ นมคี วามรูท้ างดา้ นดาราศาสตร์ ภมู ศิ าสตรว์ ทิ ยาศาสตร์ โดยเฉพาะฟสิกส์ เคมแี ละดาราศาสตร์ มคี วามรูค้ วามชาํ นาญทางดา้ นวชิ าการถา่ ยรูปและชบุ โลหะ บตุ รหลานขา้ ราชการบางคนไดเ้ รยี นรูว้ ชิ าเหลา่ นี กบั ทา่ น ทา่ นไดส้ รา้ ง ตกึ ทาํ เปนโรงพิมพ์ภายในโบสถค์ อนเซป็ ชญั จดั พิมพ์หนั งสือสวด

16 หมอบรดั เลย์ หรอื แดน บชี แบรดลยี หมอบรดั เลยเ์ ปนผนู้ ํ าแพทยแ์ ผนปจจบุ นั (แบบตะวนั ตก) เขา้ มาหลาย ประการ ทงั การผา่ ตดั และการปองกนั โรค หมอบรดั เลยเ์ ปดสถานพยาบาล รกั ษาผปู้ วยในบางกอกเปนครงั แรกเมอื วนั ที 4 สิงหาคม พ.ศ. 2374 ในการ รกั ษาโรคในระยะแรกๆ หมอบรดั เลยจ์ ะตรวจผปู้ วยไดเ้ ปนจํานวนมากเกอื บ 70-100 คน ในเวลา 3-4 ชวั โมง ส่วนมากในชว่ งเชา้ มคี นชว่ ยจดั ยาและแจก ใบปลวิ ขอ้ ความในพระคัมภรี ด์ ว้ ยในปแรกเจา้ ฟาน้ อย (พระบาท สมเดจ็ พระปนเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว) ไดเ้ สดจ็ มาเยยี ม เลา่ ให้ฟงเรอื งประเพณีการ อยไู่ ฟของมารดาหลงั คลอด หมอบรดั เลยไ์ ดเ้ สนออยากจะสอนให้คนไทย บางคนรูจ้ กั ภาษาองั กฤษแลสอนวชิ าแพทยท์ มี ี โดยในชว่ งทมี กี ารปลกู ฝ มี หมอหลวงมาศึกษากบั หมอบรดั เลย์ และยงั เขยี นหนั งสือเพือสอนหมอชาว สยาม เขยี นบทความอธบิ ายวธิ กี ารปลกู ฝ ในภายหลงั รชั กาลที 3 ได้ พระราชทานรางวลั ให้ 250 บาท(เทา่ กบั 145 ดอลลารอ์ เมรกิ นั ในสมยั นั น) ตําราแพทยแ์ ผนปจจบุ นั เลม่ แรกนี ชอื วา่ ครรภท์ รกั ษา[7] มคี วามหนา 200หน้ า มภี าพประกอบฝมอื คนไทยประมาณ 50 ภาพ มเี นื อหาเกยี วกบั อาการของโรคในการคลอดและวธิ กี ารแกไ้ ขรกั ษา กบั พยายามสอนให้คน ไทยเลกิ ธรรมเนี ยมการอยไู่ ฟ ซงึ เปนสาเหตสุ ําคัญทที าํ ให้มารดาหลงั คลอด เสียชวี ติ

พระยารษั ฎานปุ ระดษิ ฐม์ หิศรภกั ดี 17 (คอซมิ บี ณ ระนอง) ดา้ นการปกครอง กศุ โลบายหลกั ในการปกครองของทา่ นคือ หลกั พ่อ ปกครองลกู ทาํ นองเดยี วกบั ทใี ชใ้ นยคุ สโุ ขทยั นอกจากจะยดึ หลกั พ่อ ปกครองลกู แลว้ ยงั ยดึ หลกั ในการแบง่ งาน และความรบั ผดิ ชอบแกผ่ ใู้ ต้ บงั คับบญั ชา ดงั จะเห็นไดจ้ ากการรเิ รมิ จดั ตงั ทวี า่ การกํานั นขนึ เปนแห่งแรก ทมี ณฑลภเู กต็ และไดจ้ ดั ระเบยี บการประชมุ ผใู้ หญบ่ า้ น กํานั น นายอําเภอให้ เปนทแี น่ นอนดา้ นการส่งเสรมิ อาชพี ราษฎร อาจจะเปนเพราะพระยารษั ฎานุ ประดษิ ฐฯ์ เกดิ ในตระกลู พ่อค้าทา่ นจงึ มโี ลกทรรศน์ ตา่ งจากขนุ นางอนื ๆ คือ มอี ุปนิ สัยบํารุงการค้า เมอื เปนเจา้ เมอื งตรงั ไดย้ า้ ยจากตําบลควนธานี ไป อยตู่ ําบลกนั ตงั ดว้ ยเหตผุ ลทวี า่ มที าํ เลการค้าทดี กี วา่ เรอื กลไฟ เรอื สินค้า ใหญ่ สามารถเขา้ ถงึ ไดส้ ะดวก เหลา่ นี เปนตน้ ดา้ นการคมนาคม พระยารษั ฎา นปุ ระดษิ ฐฯ์ ให้ความสําคัญเปนทสี ดุ โดยเฉพาะการสรา้ งถนนอกี ทงั ยงั ชวน ให้เห็นประโยชน์ ของการปลกู ยางพาราและการทาํ สวนยา

18 พระยากลั ยาณไมตรี (ฟรานซสิ บ.ี แซร)์ ในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว รชั กาลที ๕ ประเทศสยาม มคี วามสัมพันธอ์ นั ดกี บั มหาวทิ ยาลยั ฮารเ์ วริ ด์ ซงึ เปนมหาวทิ ยาลยั ทมี ชี อื เสียงในประเทศสหรฐั อเมรกิ า โดยสมยั นั น พระองค์ไดว้ า่ จา้ งมสิ เตอร์ เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์ (Jens Iverson Westengard) ศาสตราจารยท์ ี มหาวทิ ยาลยั แห่งนี มาเปนทปี รกึ ษาดา้ นกฎหมาย เพราะถกู รุกลาดนิ แดน และเอาเปรยี บหลายๆ อยา่ งจากประเทศองั กฤษ ประเทศฝรงั เศส รวมถงึ ชา ตอิ นื ๆ ในขณะที ดร. ฟรานซสิ บ.ี แซร์ (Dr. Francis Bowes Sayre) กําลงั ทาํ การสอนอยทู่ มี หาวทิ ยาลยั ฮารเ์ วริ ด์ คณบดกี ไ็ ดเ้ รยี กทา่ นเขา้ ไปพดู คุย และถามวา่ “จะไปทาํ งานทตี ะวนั ออกไกลในตําแหน่ งทปี รกึ ษาการตา่ ง ประเทศของพระเจา้ แผน่ ดนิ สยามบา้ งไหม” แน่ นอนวา่ แมต้ อนนั นจะมอาจาร ยจ์ ากมหาวทิ ยาลยั ฮารเ์ วริ ด์ หลายคนเคยไปเปนทปี รกึ ษาแตใ่ นขณะนั น นอกจากตวั ทา่ นเองแลว้ กย็ งั มบี ตุ รอกี ๓ คน ทตี อ้ งดแู ลอกี ซงึ คนโตกอ็ ายุ เพียง ๘ ป และคนเลก็ กอ็ ายเุ พียง ๔ ปเทา่ นั น แตเ่ มอื ไดพ้ ดู คุยกบั เหลา่ มชิ ชนั นารถี งึ สภาพชวี ติ ความเปนอยใู่ นกรุงเทพฯ ทา่ นจงึ ตดั สินใจไป แตก่ ําหนด ระยะเวลาทจี ะอยปู่ ระเทศสยามเอาไวเ้ พียง ๑ ปเทา่ นั น

ศิลป พีระศรี 19 ศาสตราจารยศ์ ิลปยงั เปนผวู้ างรากฐานทเี ขม้ แขง็ ให้แกว่ งการศิลปะไทยสมยั ใหมจ่ ากการทไี ดพ้ ราสอนและผลกั ดนั ลกู ศิษยใ์ ห้ไดม้ คี วามรูค้ วามสามารถ ในวชิ าศิลปะทงั งานจติ รกรรมและงานชา่ งมจี ดุ ประสงค์ให้คนไทยมคี วามรู้ ความเขา้ ใจในศิลปะและสามารถสรา้ งสรรค์งานศิลปะไดด้ ว้ ยความสามารถ ของบคุ ลากรของตนเองการกอ่ ตงั มหาวทิ ยาลยั ศิลปากรจงึ เปรยี บเสมอื น การหวา่ นเมลด็ พันธุใ์ ห้แกค่ นไทยเพือทจี ะออกไปสรา้ งศิลปะเพือแผน่ ดนิ ของตนและถงึ แมจ้ ะรเิ รมิ รากฐานของความรูด้ า้ นศิลปะตะวนั ตกใน ประเทศไทย แตใ่ นขณะเดยี วกนั ศาสตรจารยศ์ ิลปกไ็ ดศ้ ึกษาศิลปะไทยอยา่ ง ลกึ ซงึ เนื องจากตอ้ งการให้คนไทยรกั ษาความงามของศิลปะไทยเอาไว้ จงึ ได้ เกดิ การสรา้ งลกู ศิษยท์ มี คี วามรูท้ งั งานศิลปะตะวนั ตกและศิลปะไทยออกไป เปนกําลงั สําคัญให้แกว่ งการศิลปะไทยเปนจํานวนมาก และเกดิ รูปแบบงาน ศิลปะไทยสมยั ใหมใ่ นทสี ดุ

บรรณานกุ รม พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ ัว https://g.co/kgs/MSoKAU พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว https://g.co/kgs/oqe9xY พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาอานั นทมหิดลพระอฐั มรามาธบิ ดนิ ทร https://g.co/kgs/3mPqrb พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร https://g.co/kgs/fSzz3c สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส https://g.co/kgs/9TJjLA พระเจา้ บรมวงศ์เธอกรมหลวงวงศาธริ าชสนิ ท https://g.co/kgs/N6zgi3 สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศ์เธอกรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ https://g.co/kgs/HjdqXz สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศ์เธอกรมพระยาดํารงราชานภุ าพ https://g.co/kgs/YCu8aK สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศ์เธอเจา้ ฟากรมพระยานรศิ รานวุ ดั ติ https://g.co/kgs/BsHZKx สมเดจ็ พระศรสี วรนิ ทริ าบรมราชเทวพี ระพันวสั สาอยั ยกิ าเจา้ https://g.co/kgs/3hNUjV เจา้ พระยาโกษาธบิ ดี (ปาน) https://g.co/kgs/HzMPS4 หมอ่ มราโชทยั (หมอ่ มราชวงศ์กระตา่ ย อศิ รางกรู ) https://g.co/kgs/Ue8HEz

สมเดจ็ เจา้ พระยาบรมมหาศรสี รุ ยิ วงศ์ (ชว่ ง บนุ นาค) https://g.co/kgs/qGS3Rf ซมี ง เดอ ลา ลแู บร https://g.co/kgs/owTbQs พระสังฆราชปลเลอกวั ซ์ https://g.co/kgs/sfi7vo หมอบรดั เลย์ หรอื แดน บชี แบรดลยี https://g.co/kgs/1LhLbG พระยารษั ฎานปุ ระดษิ ฐม์ หิศรภกั ดี (คอซมิ บี ณ ระนอง) https://g.co/kgs/BsNmTo พระยากลั ยาณไมตรี (ฟรานซสิ บ.ี แซร)์ https://g.co/kgs/zuW7tb ศิลป พีระศรี https://g.co/kgs/PMy7cr


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook