สัตวป์ า่ ของไทย สัตวป์ า่ หมายถงึ สัตว์ทกุ ชนดิ ไม่วา่ สตั ว์บก สัตว์นำ้ สัตวป์ กี แมลงหรอื แมง ซง่ึ โดยสภาพ ธรรมชาตยิ อ่ มเกิดและดำรงชีวติ อยูใ่ นป่าหรือในนำ้ และหมายความรวมถึงไข่ของสตั วป์ า่ เหล่านน้ั ทกุ ชนดิ ดว้ ย แตไ่ ม่หมายความรวมถึงสตั ว์พาหนะที่ได้จดทะเบยี น ตามรูปพรรณตามกฎหมายว่า ดว้ ยสัตวพ์ าหนะแล้ว และสัตว์พาหนะท่ีไดม้ าจากการสบื พันธุ์ของสตั ว์พาหนะดังกลา่ ว สตั วป์ ่าสงวน หมายถงึ สตั วป์ ่าหายาก 15 ชนดิ ตามพระราชบัญญัตสิ งวนและคุม้ ครอง สตั วป์ ่า พ.ศ.2535 ได้แก่ แมวลายหนิ อ่อน พะยนู เกง้ หมอ้ นกกระเรยี น เลยี งผา กวางผา ละองหรือละมงั่ สมัน กปู รี ควาย ปา่ แรด กระซู่ สมเสรจ็ นกแตว้ แลว้ ท้องดำ และนกเจ้าฟ้าหญงิ สิรนิ ธร ขอ้ ห้ามขอ้ บังคบั บางประการจากพระราชบญั ญตั ฉิ บบั นี้ทีค่ วรทราบมดี งั นี้ - สตั ว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครอง เป็นสตั วป์ ่าที่หา้ มล่า พยายามล่า ห้ามคา้ ห้ามนำเขา้ หรอื สง่ ออก เว้นแต่จะได้รบั อนุญาต ผู้ฝา่ ฝืนมโี ทษจำคกุ ไมเ่ กินส่ปี ี หรือปรับไม่เกินส่ีหมื่น บาท หรือท้ังจำทัง้ ปรบั - หา้ มครอบครองสัตวป์ า่ สงวนและสัตว์ปา่ ค้มุ ครอง เว้นแต่จะไดร้ ับอนญุ าต ผู้ฝา่ ฝนื มโี ทษ จำคุกไม่เกนิ สามปี หรือปรับไมเ่ กนิ สามหมืน่ บาท หรือทง้ั จำท้งั ปรับ ในกรณีทส่ี ตั ว์ที่ ครอบครองเป็นสัตว์ทีม่ าจากการเพาะพันธ์ุทีไ่ ม่ถูกตอ้ ง จะตอ้ งโทษจำคกุ ไมเ่ กนิ หน่ึงปี หรือ ปรบั ไม่เกินหนงึ่ หม่ืนบาท หรอื ท้ังจำท้ังปรับ - ห้ามเพาะพันธุส์ ัตวป์ ่าสงวนและสัตว์ป่าคมุ้ ครอง เว้นแต่จะได้รบั อนุญาต ผฝู้ ่าฝืนมีโทษ จำคุกไม่เกนิ สามปี หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือท้ังจำทัง้ ปรบั - ในกรณที ีก่ ารล่าเป็นการล่าเพอ่ื ปกป้องตนเองหรือผู้อน่ื หรอื ทรพั ยส์ นิ หรือเหตุอนื่ ทเี่ หน็ ว่า เป็นการกระทำทค่ี วรแกเ่ หตุ ไม่ต้องรับโทษ - การหา้ มการครอบครองและห้ามค้า มีผลไปถึงไข่และซากของสตั ว์เหล่านนั้ ดว้ ย - หา้ มเก็บหรือทำอันตรายรังของสตั ว์ ยกเว้นรงั นกอีแอน่ (นกแอน่ กนิ รงั ) ซึ่งต้องไดร้ บั อนุญาตเชน่ กนั
กระซู่ ช่อื สามัญ : Sumatran Rhinoceros ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Dicermocerus sumatraensis ชอ่ื อืน่ : แรดสมุ าตรา เปน็ แรดพันธ์เุ ลก็ ที่สดุ ในบรรดาแรด 5 ชนิดของโลก มี 2 นอ ความสูงท่ี ระดบั ไหล่ 1.0 - 1.4 เมตร น้ำหนกั 900-1,000 กก. มีขนปกคลุมทง้ั ตวั ปีนเขาเกง่ มปี ระสาทในการรับกลิน่ ดมี าก เมื่อพบส่ิงกีดขวางจะไมข่ ้าม แต่ มักใช้หวั ดันใหพ้ น้ ทางเดนิ ชอบกินกิง่ ไม้ ใบไม้และผลไม้ ตกลูกครงั้ ละ 1 ตัว ตง้ั ท้องนานประมาณ 7-8 เดอื น ปัจจบุ นั หายากมาก คาดว่าจะพบได้ใน บริเวณปา่ ทึบตามแนวพรมแดนไทย-พม่า และชายแดนไทย-มาเลเซยี รายงานล่าสุดในปี พ.ศ.2539 พบรอยเท้าทเี่ ขตรกั ษาพนั ธุ์สตั ว์ปา่ ภูเขยี ว จังหวัดชัยภมู ิ นอกจากน้ียังมีกระจดั กระจายตามปา่ ตา่ ง ๆ แห่งละตวั สองตัว เชน่ แกง่ กระจาน จงั หวัดเพชรบรุ ี ห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานี ฮาลา-บาลา จงั หวัดนราธิวาส เขาสก จังหวัดสรุ าษฎรธ์ านี เลียงผา ชอื่ สามัญ : Serow ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ : Capricornis sumatraensis เป็นสตั ว์กบี คู่ มีเขาจำพวกแพะ ความสงู ที่ระดบั ไหล่ 85-94 ซ.ม. น้ำหนัก ประมาณ 85-140 กก. อาศัยอย่ตู ามภเู ขาทม่ี หี นา้ ผาหรอื ถ้ำ สามารถ เคลอื่ นทใ่ี นที่สงู ชนั อย่างว่องไวและปราดเปรยี วมาก สามารถว่ายนำ้ ข้าม ระหว่างเกาะกับแผน่ ดนิ ได้ มอี วยั วะรบั สมั ผัส ทง้ั ตา หู และจมกู ดี กินพืชท่ี ขนึ้ อยตู่ ามทส่ี ูง ตกลกู คร้ังละ 1 ตวั ต้งั ท้องนาน 7-8 เดอื น ปจั จบุ นั ลดจำนวน ลงไปมากเนือ่ งจาก ถูกล่าเพ่อื เอาเขาและทำนำ้ มันเลียงผา
สมนั ช่ือสามัญ : Schomburgk’s Deer ช่อื วิทยาศาสตร์ : Cervus schomburgki ชอ่ื อืน่ : เน้อื สมัน เป็นกวางขนาดกลาง ความสูงระดบั ไหล่ 1 เมตร ไดช้ ่ือว่ามีเขาสวย ทีส่ ดุ การแตกแขนงของเขาเม่อื โตเตม็ วัยจะมลี ักษณะคล้ายสุม่ ท่ี หงายขึ้น จึงเรียกว่า \"กวางเขาสมุ่ \" ชอบกนิ ยอดหญา้ อ่อน ผลไม้ และใบไม้ อยู่รวมกนั เป็นฝูงเล็ก ๆ อาศัยอยู่เฉพาะทรี่ าบตำ่ ในภาค กลางของประเทศไทยเท่านั้น โดยเฉพาะบรเิ วณรอบ ๆ กรงุ เทพฯ ปทมุ ธานี อยธุ ยา สมุทรปราการ สมันไดส้ ญู พันธุ์ไปโดยสมบรู ณเ์ ม่ือ ราวปี 2475 แมแ้ ตส่ มันตัวสุดทา้ ยของโลกกต็ ายดว้ ยมือของ มนษุ ย์ นกเจา้ ฟา้ หญิงสริ ินธร ชือ่ สามัญ : White-eyed River-Martin ช่อื วทิ ยาศาสตร์ : Pseudochelidon sirintarae ชอ่ื อน่ื : นกเจ้าฟ้า เป็นนกนางแอ่นชนดิ หนึ่ง ขนาดวดั จากปลายจงอยปากถึงโคนหาง ยาวประมาณ 15 ซม. พบคร้ังแรกในประเทศไทยเมอ่ื ปี พ.ศ.2511 บรเิ วณบึงบรเพ็ด จ.นครสวรรค์ เพยี งแห่งเดยี วในโลกและไมพ่ บท่ี อื่นอกี เลย เปน็ นกทอ่ี พยพมาในฤดูหนาว ส่วนในฤดอู ่นื เชื่อว่าจะอยู่ บรเิ วณตน้ แม่นำ้ ปิง ชอบเกาะนอนในพงหญา้ นอนอยรู่ วมกับฝูงนก นางแอน่ ชนิดอื่น ๆ ตามใบอ้อ และใบสนนุ่ โฉบจับแมลงเป็นอาหาร ปจั จบุ นั เชื่อว่าสญู พนั ธไ์ุ ปแลว้ กูปรี ช่ือสามญั : Kouprey ช่ือวิทยาศาสตร์ : Bos sauveii ชอ่ื อ่ืน : วัวเขาเกลยี ว(ลาว) โคไพร
เปน็ สัตวป์ ่าตระกลู เดียวกบั กระทงิ และวัวแดง ความสูงทรี่ ะดบั ไหล่ 1.7- 1.9 เมตร น้ำหนกั ประมาณ 700-900 กก. อยูร่ วมกันเป็นฝูง 2-20 ตัว มลี กั ษณะพเิ ศษคอื ตวั ผ้ทู ่โี ตเตม็ ทม่ี ักจะมปี ลายเขาท่ีแตกเป็นพู่ เน่อื งจากมนั ชอบใชเ้ ขาแทงดินเพื่องัดหาอาหารกิน ส่วนตวั เมยี มีเขา ลกั ษณะเปน็ วงเกลียว ชอบกินหญา้ ใบไม้ ตกลกู ครั้งละ 1 ตัว ต้งั ท้อง นาน 9-10 เดอื น พบในไทย ลาว เขมร และเวยี ดนามเทา่ นน้ั ข้อมูล เกย่ี วกบั กูปรีมีน้อยและยงั ถูกล่าอยู่เสมอเพราะเขามีราคาสงู มาก เป็นที่ ต้องการของนักสะสม มีแนวโน้มวา่ จะสูญพนั ธุ์ได้ นกกระเรียน ชื่อสามญั : Sarus Crane ชอ่ื วิทยาศาสตร์ : Grus antigone sharpii ชอ่ื อืน่ : _ อยูใ่ นตระกลู นกบินไดข้ นาดใหญ่ท่ีสดุ สงู ประมาณ 150 ซม. พบตาม หนอง บงึ และท้องท่งุ หากินเปน็ คแู่ ละกลมุ่ ครอบครัว จับคแู่ บบผวั เดยี ว เมียเดียว กินแมลง สตั ว์เลื้อยคลาน สัตว์น้ำ เมลด็ พชื และต้นอ่อนของพืช นำ้ ปัจจุบันไม่พบในประเทศไทยเพราะถูกลา่ และแหล่งทอ่ี ยอู่ าศยั ถูก ทำลาย แตย่ ังพบในประเทศลาวและเขมร นกแตว้ แลว้ ท้องดำ ชื่อสามัญ : Gurney's Pitta ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Pitta gurney ช่ืออ่นื : _ ขนาดลำตัววัดจากจงอยปากถงึ โคนหางยาว 21 ซม. อาศัยอยู่เฉพาะในป่าดบิ ท่ี ราบตำ่ ชอบทำรงั บนกอระกำ และกอหวาย ซึง่ มหี นามแหลม ชอบกนิ ไสเ้ ดือน ส่งเสยี กร้อง \"วัก วัก\" เพือ่ ประกาศอาณาเขตและร้องหาคู่ สง่ เสยี งรอ้ ง \"แต้ว แตว้ \" ขณะตกใจ ฤดูผสมพนั ธุเ์ รมิ่ เดอื นพฤษภาคม ปัจจุบันพบแหง่ เดียวในโลก ทเ่ี ขตรักษาพนั ธุส์ ตั วป์ า่ เขาประ-บางคราม (เขานอจจู้ ้ี) จ.กระบี่ คาดวา่ เหลอื อยู่ ไม่เกิน 100 ตัว และมแี นวโนม้ ว่าจะสญู พันธใุ์ นไม่ชา้ เนื่องจาก ถ่นิ ท่ีอยู่กำลัง ถกู บกุ รุกอย่างรนุ แรง
ควายปา่ ชอื่ สามัญ : Wile Water Buffalo ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ : Bubalus bubalis ชื่ออืน่ : มหิงสา เปน็ บรรพบรุ ษุ ของควายบ้าน ขนาดของลำตวั ใหญ่กว่าควายบา้ น รอบคอ ด้านหนา้ มรี อยสีขาวเป็นรูปพระจันทร์เสย้ี วหงายอยู่ เรยี กว่า \"รอยเชยี ดคอ\" ขา ท้ังสมี่ ีสีขาวเหมอื นใส่ถุงเทา้ แต่ในธรรมชาตมิ ักไม่เหน็ ถุงเท้านี้ เพราะควายป่า ชอบแช่และลุยปลักโคลนจนถุงเท้าเปื้อนไปหมด ความสูงที่ระดบั ไหล่ 1.6-1.9 เมตร นำ้ หนักถงึ 800-1,200 กก. แตป่ ราดเปรียวมาก ชอบนอนแชป่ ลักให้ ดนิ โคลนพอกลำตวั เพื่อป้องกนั แมลงรบกวน มนี สิ ยั ชอบอยู่เปน็ ฝูง เมอ่ื บาดเจ็บ จะดุร้ายมาก กนิ ใบไม้ หญ้า และหน่อไม้ ตกลูกครั้งละ 1 ตวั ตัง้ ทอ้ งนาน ประมาณ 10 เดอื น ปัจจุบันพบบรเิ วณเขตรักษาพนั ธ์สุ ตั วป์ ่าห้วยขาแข้ง จ. อทุ ัยธานี เท่าน้ัน แมวลายหินออ่ น ชอ่ื สามญั : Marbled Cat ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Pardofelis marmorata ชื่ออ่ืน : _ เปน็ แมวป่าขนาดกลาง นำ้ หนกั ประมาณ 4-5 กก. อยใู่ นป่าดงดบิ และปา่ ดิบช้ืน ชอบอย่บู นตน้ ไม้ หากนิ ในเวลากลางคืน อาหารได้แก่ แมลง งู นก หนู และสัตวเ์ ล้ียงลูกดว้ ยนมขนาดเล็ก ปัจจบุ ันหายากมาก มรี ายงานพบ เพียงไม่ก่ีแห่งเทา่ น้นั เชน่ เขตรักษาพันธุ์สัตวป์ ่าหว้ ยขาแขง้ อทุ ยาน แหง่ ชาตปิ างสีดา อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และอทุ ยานแหง่ ชาติทบั ลาน กวางผา ชื่อสามญั : Goral ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Naemorhedus griseus ช่ืออืน่ : ม้าเทวดา มีลักษณะคล้ายแพะ ความสูงท่ีระดบั ไหล่ 50-70 ซม. นำ้ หนกั ประมาณ 20- 32 กก. มีขาแข็งแรงสามารถกระโดดตามชะงอ่ นผาได้อย่างว่องไวและ แมน่ ยำ พบตามยอดเขาสูงชัน สงู จากระดบั นำ้ ทะเลมากกว่า 1,000 เมตร
ซึ่งมอี ากาศหนาวเย็นเกอื บตลอดปี อาหารได้แก่ พืชตามสันเขาและหน้าผา หิน ตกลูกคร้งั ละ 1 ตัว ตัง้ ท้องนาน 6-8 เดือน อายุประมาณ 8-10 ปี ปัจจบุ ันเหลืออยู่จำนวนน้อย พบบริเวณเขตรักษาพันธุส์ ตั ว์ปา่ แมต่ ่นื จ.ตาก เกง้ หมอ้ ชอ่ื สามัญ : Fea’s Barking Deer ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ : Muntiacus feai ชอื่ อนื่ : เกง้ ดำ, กวางจุก เปน็ เกง้ ทมี่ ีสีคล้ำกว่าเกง้ ธรรมดา ทางดา้ นบนสดี ำตดั กบั สีขาวด้านล่างชดั เจน บรเิ วณโคนเขามขี นยาวแน่นและฟูเปน็ กระจกุ ชอบอาศยั อยู่เดย่ี ว ๆ ในป่า ดงดิบตามลาดเขา จะอยเู่ ปน็ ค่เู ฉพาะในฤดูผสมพนั ธเุ์ ท่านน้ั กนิ ใบไม้ หญ้า และผลไม้ ตกลกู ครั้งละ 1 ตวั ต้ังท้องนาน 6 เดอื น พบบริเวณชายแดน ไทย-พมา่ และในภาคใต้ของไทย เป็นสตั วใ์ นตระกูลกวางที่หายากท่สี ุดชนิด หนง่ึ ของโลก สมเสรจ็ ชอ่ื สามัญ : Malayan Tapir ชอ่ื วิทยาศาสตร์ : Tapirus indicus ชือ่ อน่ื : ผสมเสร็จ เปน็ สัตว์หากินกลางคนื น้ำหนกั ประมาณ 250-300 กก. มปี ระสาท สัมผสั ทางกลน่ิ และเสยี งดีมาก มจี มกู เหมือนงวงช้าง รูปร่างเหมอื นหมู เท้า เหมอื นแรด จึงเรียกว่าผสมเสรจ็ หรือสมเสรจ็ มกั หากนิ ตามที่รกทึบ ตกลกู ครงั้ ละ 1 ตวั ตงั้ ท้องนาน 13 เดอื น พบบริเวณปา่ ชายแดนไทย-พมา่ ตลอดลงไปจนถงึ ภาคใตข้ องไทย แรด ชอ่ื สามัญ : Javan Rhinoceros ช่อื วทิ ยาศาสตร์ : Rhinoceros sondaicus ชื่ออ่ืน : แรดชวา มนี อเดียว ความสงู ท่ีระดับไหล่ 1.70-1.75 เมตร น้ำหนกั 1,500- 2,000 กก. ชอบนอนในปลกั โคลนตม หนองนำ้ เพอ่ื ไม่ให้ถูกแมลงรบกวน
มีสายตาไมค่ ่อยดีนกั แต่ประสาทสมั ผัสในการรับกลิ่นดีมาก ชอบกินยอดไม้ ใบไม้และผลไม้ ตกลูกครัง้ ละ 1 ตวั ต้ังท้องนาน 16 เดือน อาศัยอยูใ่ นป่า ทึบ โดยเฉพาะบริเวณทม่ี แี หล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ ครัง้ หน่ึงเคยมีพบในบริเวณ ป่าชายแดนไทย พม่า ลงไปทางใต้ แตไ่ ม่มใี ครพบแรดในธรรมชาติใน เมืองไทยเปน็ เวลากว่า 30 ปแี ลว้ ประชากรแรดในประเทศอืน่ ๆ กอ็ ย่ใู น ภาวะคล้ายคลึงกนั ปัจจบุ ันยังมเี หลือแรดอยูใ่ นธรรมชาตเิ พียง 20-30 ตวั เทา่ น้นั โดยอยู่ในอทุ ยานแห่งชาติแหง่ หนึง่ ในประเทศเวียดนาม พะยูน ชอ่ื สามญั : Dugong ช่อื วิทยาศาสตร์ : Dugong dugon ชอ่ื อน่ื : หมนู ำ้ , ปลาพะยูน สัตวท์ ะเลเล้ยี งลูกดว้ ยนม น้ำหนกั ประมาณ 300 กก. ชอบอยู่รวมกันเปน็ ฝงู กินหญา้ ทะเลตามบริเวณน้ำต้ืนใกลช้ ายฝั่ง ออกลูกครงั้ ละ 1 ตัว ต้งั ทอ้ งนาน 1 ปี ลดจำนวนลงมากเพราะตดิ อวน และหญา้ ทะเลซึ่งเป็น แหลง่ อาหารสำคญั ถูกทำลาย ปจั จุบนั พบอยู่บรเิ วณเกาะลิบงและหาดเจา้ ไหม จ.ตรัง ประมาณ 40-50 ตวั ละอง, ละมง่ั ชื่อสามญั : Eld's Deer ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ : Cervus eldi ช่ืออ่ืน : _ ละอง เปน็ ช่อื เรยี กตัวผู้ ส่วนละมั่งเปน็ ชื่อเรียกตัวเมีย ความสูง ทีร่ ะดับไหล่ 1.2 - 1.3 เมตร หนกั ประมาณ 95-150 กก. ชอบอยรู่ วมกันเป็นฝงู เล็ก ๆ ออกหากินทง้ั กลางวนั และ กลางคืน กินใบไม้ ใบหญา้ และผลไม้เปน็ อาหาร ตกลกู ครั้งละ 1 ตวั ตง้ั ท้องประมาณ 7-8 เดือน มีสองชนิดย่อย คือ C. e. thamin และ C. e. siamensis ปจั จุบันละองและละมัง่ ได้สญู พนั ธ์ไุ ปจากธรรมชาตขิ องไทยไปแล้ว แตค่ าดว่ายงั มเี หลืออยู่ ตามบรเิ วณเทอื กเขาพนมดงรกั ชายแดนไทย-กัมพชู า และ บรเิ วณเทือกเขาตะนาวศรีชายแดนไทย-พมา่
รูปภาพและข้อมลู น้ี สว่ นหนง่ึ นำมาจาก โปสเตอร์ \"สัตว์ป่าสงวน ๑๕ ชนิด\" จัดพมิ พโ์ ดย มูลนธิ คิ ุ้มครองสัตว์ปา่ และพรรณพืชแห่งประเทศไทย วมิ ุติ วสะหลาย คัดข้อมลู มา เพียงหวัง ตอ้ งการช่วยเผยแพรค่ วามรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับสตั ว์ป่า เพือ่ นำไปสู่จติ สำนึกทร่ี ู้จกั หวงแหน และ ต้องการอนุรกั ษส์ ตั วป์ ่า อันเป็นเพ่ือนรว่ มโลกทม่ี สี ทิ ธอิ ยรู่ ่วมโลกกบั มนษุ ย์ได้อย่างสันติ สตั ว์ปา่ คุม้ ครอง (ตามพระราชบญั ญตั ิสงวนและคุม้ ครอง สัตว์ป่า พ.ศ. 2535) ลม่ิ หรอื นม่ิ ( Manis javanica) เป็นสัตวเ์ ล้ียงลกู ด้วยนมทีค่ ลา้ ยคลึงกบั สัตว์เลือ้ ยคลาน ลำตวั ปกคลุมดว้ ยเกร็ด แขง็ คล้ายปลา ปากเป็นช่องเล็กๆ มลี ้ิน เปน็ เส้นยาว อาศยั อยู่ตามป่าโปร่ง ออกหา กินตามพนื้ ดินในเวลากลางคืน และจะ หลบั ในโพรงดนิ เวลานอนจะขดมว้ นตัว กลม อาหารทชี่ อบได้แก่ มด และปลวก พบเห็นไดใ้ นทกุ ภาคของประเทศไทย หมีควายหรอื หมีดำ ( Selenarctos thibetanus ) เป็นหมขี นาดใหญ่ของไทย ลำตัวมขี น หยาบสดี ำ ใตค้ อมขี นสีขาวรูปตวั วี ปลาย จมูกค่อนขา้ งดำ ปากยาว หางส้นั และหู ใหญ่ ออกหากินตอนกลางคนื กินทัง้ พืช และสตั วเ์ ป็นอาหาร เชน่ แมลง ใบไม้ และ ลูกไมต้ า่ งๆ มหีควายมีนสิ ัยดุร้ายและชอบ การตอ่ สู้ ปกติจะอย่ตู ามลำพังหรืออยกู่ ัน เพยี ง 2-3 ตัวเท่านนั้
เสือโคร่ง ( Panthera tigers) เป็นเสือขนาดใหญท่ สี่ ุดในสัตว์จำพวกแมว ตัวสีเหลอื งส้ม ลายพาดเป็นร้วิ สีดำ หาง ลายดำเป็นปล้อง สามารถขึ้นตน้ ไม้และลง ว่ายนำ้ ไดอ้ ย่างคล่องแคลว่ ออกหากนิ ลำพงั ในเวลาพลบคำ่ และกลางคืน ถ่นิ อาศัยของเสอื โคร่ง พบในไซบเี รยี จนถงึ ทะเลสาบแคสเปยี้ น อนิ เดยี จนี มาเลเซยี ฯลฯ และพบในทุกภาคของ ประเทศไทย กวางปา่ ( Cervus unicolar ) กวางปา่ เปน็ กวางท่มี ขี นาดใหญท่ ่สี ุดใน ประเทศไทย ออกหากนิ หญา้ ลูกไม้ป่า และหน่อไม้ ในตอนกลางคืน กวางป่าจะ ผสมพนั ธใ์ นช่วงเดือนพฤศจิกายนถึง มกราคม ต้ังทอ้ งนานประมาณ 8 เดือน ตกลูกครั้งละ 1 ตัว กวางปา่ มอี ายุยืน ประมาณ 15-20 ปี พบเกือบทกุ ภาคใน ประเทศไทย คา่ งแวน่ ( Presbytis phayrei ) ลำตัวของค่างแว่นด้านหลังมีสีนำ้ ตาลหรือ เทา หนา้ มสี ดี ำหรอื เทา ท่ีขอบตาจะมีสี เขียวอมฟา้ ขาว ขาหลงั และหางมสี ี เดียวกบั แผน่ หลัง ค่างแว่นอาศยั อยบู่ น ตน้ ไม้สูงตามถูเขาและป่าไม้ ค่างแวน่ มกั จะ อยบู่ นต้นไมม้ ากกวา่ ลงมายังพน้ื ดิน คา่ ง แว่นพบมากในเอเซยี ได้แก่ จนี พม่า อินโดนีเซีย และประเทศไทย
เสือดาว ( Panthera pardus ) เปน็ สัตว์ทม่ี ปี ระสาทหู ตา ว่องไว และซ่อน ตวั เกง่ หนงั เสือดาวจะมีสีเหลืองปนน้ำตาล มีลายจดุ สีดำเตม็ ตวั เป็นลอยขยุ้มตนี หมา เสอื ดาวอาศัยอยู่ในป่าลึก ตามโพรงไม้หนา บนภูเขาหิน หรือท่ีที่มันสามรถหลบซ่อนได้ เสือดาวเป็นสัตวท์ ี่ปนี ตน้ ไม้ได้เหมอื นแมว มันจะออกลูกคร้งั ละ 2-3 ตวั หรืออาจ มากกวา่ ถึง 5 ตัว เน้อื ทราย ( Cervus porcinus ) เปน็ กวางขนาดเลก็ เท่าอีเก้ง เขาของมนั คล้ายกับเขากวางป่าแต่เล็กกว่า เนอื้ ทราย ชอบอยู่เปน็ ฝูงเลก็ ๆ ตามทุ่งหญ้ารมิ หนอง บงึ ออกหากนิ ในตอนเช้าและคำ่ ใน ประเทศไทยไดส้ ูญพันธ์ไปแลว้ ส่วนท่ีพบ เหน็ ในสวนสตั ว์จะมาจากพม่า ปจั จบุ ันเนือ้ ทรายถูกพบทปี่ ระเทศอนิ โดนีเซยี ศรีลังกา จนี ตอนใต้ พม่า ลาว ฯลฯ ลงิ ลมหรอื นางอาย ( Nycticebus coucang ) เปน็ ลงิ ที่มีขนาดเลก็ ขนนุ่ม สนั้ และหนา เปน็ ปยุ สีขาวนวล และมสี ีนำ้ ตาลเข้ม คาด จากหวั ไปตลอดแนวสนั หลัง หนา้ สั้น ตา กลมโต ใบหเู ล็ก ออกหากินในเวลา กลางคนื อาหารของลงิ ลมได้แก่ แมลง เล็กๆ ไขน่ ก ผลไม้ มถี นิ่ กำเนิดอยู่บริเวณ เขาหิมาลยั พม่า และในประเทศไทย พบ ทุกภาคของประเทศ
หมีหมา ( Helarctor malaynus ) มถี ิน่ กำเนดิ ในทวีปเอเซยี จดั เป็นหมขี นาด เล็กทสี่ ุดในโลก ขนตามลำตวั เป็นสดี ำ ใต้ คอมีแถบสเี หลอื งรปู ตวั ยู เมอ่ื โตขน้ึ จะ เปล่ยี นเป็นสีขาว บริเวณหนา้ ตง้ั แตต่ า จนถึงปลายจมกู สคี ่อนขา้ งขาว ชอบอยู่เป็น คู่ และออกหากนิ ในเวลากลางคืน อาหาร ของหมีหมาคือ น้ำผึง้ และแมลงต่างๆ ใบไม้ และเนอ้ื อ่อนของคอมะพรา้ ว วัวแดง ( Bos javanicus ) มีรปู รา่ งและสสี ันคล้ายววั บา้ น แตจ่ ะสงู ใหญ่กวา่ วัวแดงเป็นสัตวท์ ีช่ อบอยู่รวมกนั เปน็ ฝงู ฝูงหนง่ึ มรี าว 20-35 ตัว อาศัยอยู่ ในปา่ ดงดบิ ออกหากนิ ในเวลากลางคนื และเชา้ ตรู่ ชอบกนิ หญา้ อ่อนหรอื หญา้ ระบัดเปน็ อาาหร วัวแดงอาศยั อยู่ใน ประเทศไทย อนิ โดนเี ซีย และพม่า ช้างป่าหรือช้างเอเซยี ( Elephas maximus ) มีถนิ่ กำเนดิ อยใู่ นเอเซีย เช่น ไทย อินเดยี มาเลเซยี ขนาดลำตวั สงู ประมาณ 2.8 เมตร หูมีขนาดเล็กเพยี ง 1 สว่ น 3 ของ ช้างแอฟรกิ า อาศัยอยู่ในป่าทึบท่มี อี ากาศ เย็น มีน้ำอุดมสมบรณู ์ ช้างผสมพันธ์ุไดเ้ ม่อื อายุราว 8-12 ปี ตกลกู ครัง้ ละ 1 ตัว และ มีอายุยนื ใกล้เคียงกบั คนคือราว 70 ปี
หมีขอหรอื บนิ ตุรง ( Arctictis binturong ) มีลกั ษณะคล้ายหมี แตต่ า่ งจากหมีคอื มี หางยาวใชเ้ กาะกง่ิ ไมแ้ ทนการใชแ้ ขน หมี ขอเป็นสตั ว์จำพวกชะมดและอัเหน็ ขนาด ใหญ่ ขนตามลำตัวมสี ีดำ หนวดสขี าว ออก หากินในเวลากลางคืน กินทงั้ สัตว์ พชื และ ผลไม้เปน็ อาหาร เชน่ หนู นก ผลไม้ป่า ต่างๆ แหลง้ อาศัยอยู่ในทวปี เอเซีย ใน ประเทศไทยพบตามปา่ ดงดิบทางภาคใต้ กระทงิ ( Bos gaurus ) มีขนตามลำตัวสนั้ ๆ สีดำ ขาสขี าวนวล คล้ายสวมถุงเท้า โคนเขาสีเหลอื ง ปลาย เขาดำ อาศัยอยตู่ ามป่าดงดิบที่อยหู่ า่ งไกล กินดนิ โปร่ง หญา้ หนอ่ ไม้ ฯลฯ พบในทวีป เอเซีย ในประเทศไทยมี 2 พนั ธ์ุ คอื พนั ธุ์ พม่า พบทางภาคเหนือและภาค ตะวนั ออกเฉยี งเหนือ กับพนั ธุ์มลายู พบ ทางภาคใต้ของประเทศไทย อเี ก้งหรือฟาง ( Muntiacus muntjak ) เก้งเป็นกวางขนาดเล็ก ตัวผมู้ เี ขาสัน้ ลำตวั สีน้ำตาลแดง ตัวผมู้ ีเข้ียวยื่นออกมานอกรมิ ปาก ใช้เป็นอาวธุ ในการตอ่ สู้และป้องกัน ตัว ชอบอยลู่ ำพัง และอยูเ่ ป็นคูใ่ นฤดผู สม พนั ธ์ุ คอื ชว่ งหนา้ หนาว เก้งชอบกินใบไม้ หญ้า ลกู ไมป้ า่ เก้งมีถ่นิ กำเนดิ อยใู่ นทวีป เอเซยี และพบอยู่ทุกภาคของประเทศไทย
แมวดาว ( Felis bengalensis ) เปน็ สัตวก์ ินเนอื้ ทมี่ ีลกั ษณธคลา้ ยแมวบา้ น แต่มีรูปร่างปราดเปรียวกว่า ลำตัวสีน้ำตาล แกมเหลือง หคู ่อนข้างยาว มันจะออกหา กินในเวลากลางคืน อาหารของแมวดาว ไดแ้ ก่ นก หนู กระรอก เป้ด ไก่ พบมาก ต้งั แตภ่ าคตะวันออกเฉยี งใต้ของสหภาพโซ เวียต จิน อนิ โดนีเซีย และอนิ เดีย และทุก ภาคของประเทศไทย การอนรุ ักษ์สัตว์ป่า สัตว์ป่ามีประโยชน์ต่อส่งิ แวดลอ้ มซง่ึ รวมถึงคนเราด้วยทั้งโดยทางตรงและ ทางออ้ ม จึงตอ้ งมวี ธิ ีการป้องกนั และแกไ้ ขไมใ่ หส้ ตั วป์ ่าลดจำนวนหรือสญู พนั ธดุ์ ว้ ยการอนุรกั ษส์ ัตว์ป่า ดังน้ี 1. กำหนดกฎหมายและวิธกี ารปฏบิ ัตอิ ยา่ งเคร่งครดั เพอื่ ให้ปา่ เป็นแหล่ง อาหารทอี่ ย่อู าศัยของสตั ว์ปา่ อาทิ เขตรักษาพนั ธุส์ ัตวป์ า่ เขตห้ามล่าสตั ว์ ป่า เขตเพาะพันธ์สุ ัตวป์ ่า ฯลฯ ใหม้ มี ากเพียงพอ 2. การรณรงคเ์ ผยแพร่ประชาสมั พันธ์ ให้เห็นความสำคัญในการอนุรกั ษ์ สัตว์ป่าอยา่ งจรงิ จงั 3. การไม่ลา่ สตั ว์ป่า ไม่ควรมีการลา่ สตั ว์ป่าทุกชนิด ทง้ั สตั ว์ป่าสงวนสัตว์ ป่าคุม้ ครองเพราะปจั จุบันสัตวป์ ่าทกุ ชนดิ ได้ลดจำนวนลงอย่างมากทำให้ ขาดความสมดุลทางธรรมชาติ 4. การปอ้ งกนั ไฟป่า ไฟป่านอกจากจะทำให้ป่าไมถ้ ูกทำลายแล้วยังเป็น การทำลายแหลง่ อาหารและท่ีอยูอ่ าศยั ของสัตว์ป่าดว้ ย 5. การปลูกฝังการใหค้ วามรัก และเมตตาตอ่ สตั วอ์ ยา่ งถกู วธิ สี ัตว์ป่าทกุ ชนิดมีความรกั ชีวิตเหมอื นกบั มนุษย์ การฆ่าสตั วป์ ่า การนำสัตวป์ ่ามา เล้ยี งไวใ้ นบ้านเป็นการทรมานสตั ว์ปา่ ซึง่ มกั ไมม่ ีชีวติ รอด 6. การเพาะพนั ธเุ์ พิ่มสัตว์ปา่ ทกี่ ำลังจะสูญพนั ธ์ุหรือมจี ำนวนนอ้ ยลง ควร มกี ารเพาะพันธุข์ ยายพนั ธ์ุใหม้ จี ำนวนเพ่ิมขึน้ เพือ่ เป็นการทดแทนและ เร่งใหม้ ีสตั ว์ป่าเพิ่มมากข้ึน
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: