ประวัตศิ าสตรช์ าตไิ ทย รหสั วชิ า สค32034 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง
บทท่ี 1 ความภมู ใิ จในความเปน็ ไทย สาระสาคัญ “ ความภูมิใจในความเปน็ ไทย” วลีน้เี ป็นส่งิ ทร่ี ัฐบาล องค์กรปกครอง พยายามใหเ้ กิดขึน้ กับประชาชน ภายในประเทศมาตลอดในหลายยุคหลายสมยั เพราะความภมู ิใจในความเปน็ คนไทยในความเปน็ ชาตไิ ทยนั้น จะเป็นการ สรา้ งแรงผลกั ดันที่สาคัญต่อการดาเนนิ ชีวิตของผู้คนและการพัฒนาชาตใิ หม้ ีความเจรญิ รุ่งเรือง มั่นคง และเข้มแข็ง ประเทศไทยมีประวัติความเป็นมาทยี่ าวนาน ผ่านการเปน็ ทต่ี ้งั ของมนุษยแ์ ละการรวมตวั ของชุมชนมาตง้ั แตย่ ุคกอ่ น ประวัติศาสตร์ ก่อกาเนดิ เปน็ ความเชอื่ วิถีชีวิต ประเพณี และวัฒนธรรมทสี่ บื ต่อมาอยา่ งยาวนาน มีหลายเหตกุ ารณ์ หลายอุปสรรคทผ่ี ูค้ นและเหล่าบรรพบุรุษได้ร่วมกนั “สร้างบ้านแปงเมือง” จนกระทั่งมชี นชาติไทยและประเทศไทยอันนา่ ภาคภูมใิ จปรากฏอยู่ในทุกวนั นี้ และการทจ่ี ะเขา้ ใจถึงความเปน็ ชาตไิ ทยนั้น จะเกิดข้ึนไมไ่ ด้ถา้ ผ้เู รียนไมไ่ ด้เริม่ ตน้ จาก การศกึ ษาประวตั ิความเป็นมาของความเปน็ ชาติไทยเสยี ก่อน ซ่ึงมีขอบขา่ ยเนือ้ หา ดงั น้ี ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอทุ่งชา้ ง
สถาบนั หลกั ของชาติ สถาบันหลักของชาติ ประกอบดว้ ย ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซงึ่ เปน็ สถาบัน ท่ีอย่กู บั สังคมไทยมาช้านาน โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งสถาบันพระมหากษัตรยิ ซ์ ่งึ เป็นเสาหลักในการ สรา้ งชาตใิ ห้เป็นปึกแผ่น เปน็ ศนู ยร์ วมจิตใจของปวงชน เปน็ บอ่ เกิดของความรัก ความสามัคคี นาพาประเทศชาตใิ ห้ผ่านพ้นภยั นานาประการ ไมว่ า่ จะเปน็ ภัยรุกรานของประเทศอน่ื ภยั จากการ ลา่ อาณานคิ มและการแผข่ ยายลทั ธกิ ารปกครอง อีกทัง้ สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์มีบทบาทสาคญั ในการพัฒนาความเป็นอยขู่ องประชาชนในท่วั ทุกภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างย่งิ ในทอ้ งถิน่ ท่ี ห่างไกลส่งผลให้มกี ารยกระดับคณุ ภาพชีวติ ของประชาชนในทุกมิติ และเปน็ รากฐานให้ ประเทศชาตมิ คี วามมน่ั คงสบื มาจนถึงปจั จุบนั ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง
สถาบนั หลกั ของชาติ สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ทอ่ี ยคู่ ู่คนไทยมาชา้ นาน และหากลกู หลานไทยและคนไทยทุกคนไดศ้ ึกษา พงศาวดารและประวตั ศิ าสตร์ชาติไทย กจ็ ะเหน็ วา่ ด้วยเดชะพระบารมแี ละพระปรชี าสามารถของบรู พมหากษัตริย์ ของไทยในอดตี ท่เี ปน็ ผู้นาสามารถรวบรวมชนชาตไิ ทยให้เป็นปึกแผน่ แมว้ ่าเราจะเคยเสียเอกราชและดินแดนมา มากหมายหลายคร้ัง บูรพมหากษตั ริย์ไทยกส็ ามารถกอบกูเ้ อกราชและรวบรวมชนชาวไทยใหเ้ ป็นปกึ แผ่นได้เสมอมา และเหนือสงิ่ อื่นใดพระมหากษัตรยิ ไ์ ทยทกุ พระองค์ เป็นพระมหากษัตริยท์ ี่ปกครองประเทศชาตดิ ้วยพระบารมแี ละ ทศพธิ ราชธรรม ใช้ธรรมะและคาส่ังสอนของพระพทุ ธองค์มาเปน็ แนวในการปกครอง ทาให้คนในชาติอยู่ร่วมกนั อยา่ งรม่ เย็นเปน็ สุข สมกับคาท่วี า่ “ประเทศไทย เป็นประเทศแผน่ ดินธรรมแผน่ ดนิ ทอง” แผน่ ดนิ ธรรม หมายถงึ แผน่ ดนิ ทม่ี ผี ู้ปฏบิ ตั ธิ รรม และการปฏบิ ตั ธิ รรมนัน้ หมายถงึ การปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีอยา่ งถกู ต้อง แผน่ ดนิ ทอง หมายถงึ แผ่นดินท่ปี ระชาชนได้รับประโยชน์ และความสขุ อย่างท่วั ถงึ ตามควรแก่อัตภาพ ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง
ชาติ ความหมาย ความสาคญั ของชาติ ชาติ หมายถงึ กลมุ่ คนทีม่ ีภาษา วัฒนธรรม และเชอื้ ชาติ ประวัตศิ าสตรเ์ ดียวกนั หรอื ใกล้เคียงกัน มแี ผ่นดิน อาณาเขตการปกครอง ทเ่ี ปน็ ระบบ เป็นสัดสว่ น มผี ู้นาหรอื รัฐบาลท่ใี ชอ้ านาจ หรอื มอี านาจอธปิ ไตยทน่ี ามาใช้ในการปกครองประชาชนตามพจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน กล่าว วา่ ชาติ หมายถึง ประเทศประชาชท่ีเป็นพลเมืองของประเทศ กลมุ่ ชนทมี่ คี วามรู้สกึ ในเร่ืองเชื้อชาติ ศาสนา ภาษา ประวัตคิ วามเปน็ มา ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี และวัฒนธรรมอย่างเดียวกันหรืออยใู่ นปกครองรฐั บาลเดยี วกนั “ความจงรกั ภกั ดตี อ่ ชาตนิ นั้ คือ ความสานกึ ตระหนกั ในคุณของแผ่นดิน อันเป็นทีเ่ กิดท่อี าศัย ซ่งึ ทาใหบ้ ุคคลเกิดความภมู ิใจในชาตกิ าเนิด และมุ่งมนั่ ท่จี ะธารงรักษาประเทศชาติไว้ ให้เป็นอสิ ระมั่นคงตลอดไป” ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอทุ่งชา้ ง
ความเปน็ มาของชนชาตไิ ทย ดินแดนประเทศไทยในปจั จบุ ันนน้ั มคี วามเป็นมายาวนาน ในอดีตเคยเป็นทีต่ ั้งของชมุ ชนมนุษยโ์ บราณ โดยมี การคน้ พบหลกั ฐานจากแหล่งโบราณคดตี ่างๆ ต่อมามีการเกดิ ข้ึนของอาณาจกั รโบราณต่างๆ กระจายตัวทว่ั ภูมภิ าคตลอดช่วง ระยะเวลาในประวตั ิศาสตร์ ผลดั กันเรืองอานาจ และลม่ สลายลงไป หากแตย่ งั หลงเหลอื รอ่ งรอยในอดตี ทง้ิ ไว้เป็นมรดกแก่ชน ชาตไิ ทยในปัจจุบัน ชนชาตไิ ทย การสนั นิษฐานของนักโบราณคดมี ีมติวา่ ชาติไทยเดิมเป็นชาตใิ หญ่ชาติหนง่ึ มภี าษาใช้โดยเฉพาะแยก สาขามาจากพวกมองโกลลงมาทางใตเ้ ดิมตัง้ ถน่ิ ฐานอยู่ในดินแดนทีเ่ ป็นภาคตะวันตกเฉียงเหนือแหง่ มณฑลเสฉวนทกุ วันนเี้ ปน็ เวลานานกว่า 4000 ปีข้ึนไป ครั้นตอ่ ๆ มาจานวนพลเมอื งของชาตไิ ทยได้ทวีขึน้ เป็นลาดับจงึ ได้ขยับขยายอาณาเขตออกไปทาง ตะวนั ออกคอื ในดนิ แดนมณฑลเสฉวนเวลาน้ี โดยยดึ เอาลาแมน่ ้าแยงซีเป็นแนวทางนา ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอทงุ่ ชา้ ง
ศาสนา ศาสนา เป็นลทั ธคิ วามเชื่อของมนุษย์ เก่ยี วกับการกาเนดิ และสิ้นสุด ของโลก หลกั ศลี ธรรมตลอดจนลทั ธิพิธีที่กระทาตามความเช่ือน้ัน ๆ จะเห็นไดว้ ่า แตล่ ะประเทศนัน้ จะยึดคาสั่งสอนของศาสนาเป็นหลักในการปกครองประเทศ และมกี ารกาหนดศาสนาเป็นศาสนาประจาชาติ นอกจากศาสนาจะมอี ิทธพิ ลต่อ การปกครองของประเทศแล้วยงั มอี ทิ ธพิ ลตอ่ วัฒนธรรมของแต่ละประเทศเช่น ประเทศไทยมกี ารหล่อพระพุทธรปู เปน็ งานศิลปะ วัฒนธรรมการไหว้ การเผาศพ วฒั นธรรมเหลา่ นี้ไดร้ ับอทิ ธิพลมาจากศาสนาเหมือนกนั ดังนั้น ศาสนาจงึ เป็น สถาบนั ทส่ี าคัญตอ่ ประเทศมาก ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอทุ่งชา้ ง
ศาสนา เป็นลทั ธคิ วามเชอ่ื ของมนษุ ย์ เกี่ยวกบั การกาเนดิ และสน้ิ สดุ ของโลก หลักศลี ธรรมตลอดจนลทั ธพิ ธิ ที ก่ี ระทาตามความเชอื่ นนั้ ๆ จะเหน็ ได้ว่าแตล่ ะประเทศ นัน้ จะยดึ คาสงั่ สอนของศาสนาเปน็ หลกั ในการปกครองประเทศ และมกี ารกาหนดศาสนาเปน็ ศาสนาประจาชาติ นอกจากศาสนาจะมอี ทิ ธพิ ลตอ่ การปกครองของประเทศแลว้ ยังมอี ทิ ธพิ ลตอ่ วฒั นธรรมของแตล่ ะประเทศเชน่ ประเทศไทยมกี ารหลอ่ พระพทุ ธรปู เป็นงานศลิ ปะ วฒั นธรรมการไหว้ การเผาศพ ศาสนาพุทธ ศาสนาครสิ ต์ ศาสนาอิสลาม ศาสนาซกิ ข์ ศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดู ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอทงุ่ ชา้ ง
ศาสนาพทุ ธ ศาสนาพทุ ธ ได้เผยแผเ่ ขา้ มาในดนิ แดนประเทศไทยเป็นครงั้ แรก โดยพระเถระชาวอนิ เดยี เมอ่ื ประมาณ พ.ศ. 236 โดยการอปุ ถมั ภข์ องพระเจ้าอโศกมหาราช แหง่ อนิ เดยี ซงึ่ ในขณะนนั้ ประเทศไทยรวมอยใู่ นดนิ แดนทเ่ี รยี กวา่ สวุ รรณภมู ิ มีอาณาเขตกวา้ งขวาง มหี ลายประเทศรวมกนั ในดนิ แดนสว่ นน้ี มีจานวน 7 ประเทศ ไดแ้ ก่ ประเทศไทย พม่า ศรลี งั กา ญวน กัมพูชาลาว และมาเลเซยี ซึง่ พระพทุ ธศาสนาทเ่ี ขา้ มาในครง้ั นน้ั เปน็ นกิ ายหนิ ยานหรอื เถรวาทแบบ ด้งั เดมิ มพี ทุ ธศาสนกิ ชนเลอ่ื มใสศรทั ธาไดบ้ วชเปน็ พระภกิ ษเุ ปน็ จานวนมาก และไดส้ รา้ งวดั สถปู เจดยี ไ์ วส้ กั การะบชู า ตอ่ มาภายหลงั กษัตรยิ ใ์ นสมยั ศรวี ชิ ยั ทรงนบั ถอื พระพทุ ธศาสนาแบบมหายาน จึงทาใหศ้ าสนาพทุ ธนกิ ายมหายานเผย แผเ่ ข้ามาสดู่ นิ แดนประเทศไทยทางตอนใต้ ซึง่ ไดม้ กี ารรบั พระพทุ ธศาสนาทงั้ แบบเถระวาท แบบมหายาน และศาสนา พราหมณท์ เ่ี ขา้ มาใหม่ จงึ ทาใหป้ ระเทศไทยมผี นู้ บั ถอื พระพทุ ธศาสนาทงั้ 2 แบบ มพี ระสงฆท์ ง้ั 2 ฝ่าย ได้แก่ นกิ ายเถร วาท และมหายาน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอท่งุ ชา้ ง
ศาสนาครสิ ต์ ศาสนาครสิ ตเ์ ปน็ ศาสนาทพี่ ฒั นาหรอื ปฏริ ปู มาจาก ศาสนายดู าห์ ชนเผา่ หนงึ่ เปน็ บรรพ บุรษุ ของชาวยวิ ศาสนาครสิ ตเ์ ขา้ มาในประเทศไทยยคุ เดยี วกบั การลา่ อาณานคิ มของลทั ธจิ กั รวรรดิ นยิ มโดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ชาวโปรตเุ กส ชาวสเปน และชาวดตั ช์ ทก่ี าลงั บกุ เบกิ เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ ซึ่งนอกจากกลมุ่ ทมี่ จี ดุ ประสงค์ คอื ลา่ เมอื งข้ึนและเผยแพรศ่ าสนาพรอ้ มกนั เชน่ จกั รวรรดอิ าณา นิคมฝรงั่ เศส ศาสนาครสิ ตไ์ ดร้ บั พระราชทานพระบรมราชปู ถมั ภเ์ ชน่ เดยี วกบั ศาสนาอนื่ โดยรชั กาลที่ 9 ทรงอดุ หนนุ กจิ การของศาสนาครสิ ตต์ ามวาระโอกาสตา่ ง ๆ อยเู่ สมอ สามารถสรา้ งโรงเรยี น โรงพยาบาล โบสถแ์ ละประกอบศาสนกจิ ไดท้ วั่ ทกุ ภาคของประเทศ ได้เสดจ็ พระราชดาเนนิ ไปในงาน พิธีสาคญั ๆ ของศาสนาครสิ ตเ์ ปน็ ประจา ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง
ศาสนาอสิ ลาม ศาสนาอสิ ลาม เข้ามาเผยแพรใ่ นประเทศไทยตงั้ แตย่ คุ สมยั สโุ ขทยั และช่วงกรงุ ศรอี ยธุ ยาเรอ่ื ยมา โดย กลมุ่ พอ่ คา้ ชาวมสุ ลิมในคาบสมทุ รเปอรเ์ ซยี ทเ่ี ขา้ มาคา้ ขายในแหลมมลายู (อินโดนเี ซยี และมาเลเซยี ) ได้นาศาสนา อิสลามเขา้ มา ภายหลงั คนพน้ื เมอื งจงึ ไดเ้ ปลย่ี นมานบั ถอื ศาสนาอสิ ลาม ก่อนปี พ.ศ. 2505 กงศลุ แหง่ ประเทศซาอดุ อิ าระเบยี ไดเ้ ขา้ เฝา้ รชั กาลที่ 9 เพื่อถวายคมั ภรี อ์ ลั กรุ อาน ฉบับทม่ี คี วามหมายเปน็ ภาษาองั กฤษ โดยรชั กาลท่ี 9 ทรงมพี ระราชดาริวา่ ควรจะมคี มั ภรี อ์ ลั กรุ อานฉบบั ความหมาย ภาษาไทย ใหป้ รากฏเปน็ ศรสี งา่ แกป่ ระเทศชาติ เม่อื นายตว่ น สวุ รรณศาสน์ จุฬาราชมนตรใี นสมยั นนั้ เป็นผนู้ าผแู้ ทน องคก์ ารสมาคม และกรรมการอสิ ลามเขา้ เฝา้ ถวายพระพรในนามของชาวไทยมสุ ลิมในวนั เฉลมิ พระชนมพรรษาปีนน้ั รชั กาลที่ 9 ทรงมพี ระกระแสรบั สงั่ ใหจ้ ฬุ าราชมนตรี แปลความหมายของพระมหาคมั ภรี ์อลั กรุ อานจากคมั ภรี ฉ์ บบั ภาษา อาหรบั โดยตรง สิง่ นเ้ี ป็นพระมหากรณุ าธคิ ณุ ทที่ รงมตี อ่ ศาสนาอสิ ลาม และทรงเป็นองคอ์ คั รศาสนปู ถมั ภกอยา่ งแทจ้ รงิ ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอท่งุ ชา้ ง
ศาสนาซกิ ข์ ศาสนาสิกขเ์ ปน็ ศาสนาประเภทเทวนิยม คือเชอ่ื วา่ พระเจา้ สร้าง โลก มอี านาจยง่ิ ใหญแ่ ละมีองคเ์ ดียว จึงนบั ว่าเป็นศาสนาประเภทเอก นยิ ม (Monotheism) และเป็นศาสนาท่มี ีอายุนอ้ ยที่สดุ ในศาสนาของโลก ท้งั สิบเอด็ ศาสนา ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง
ศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู เปน็ อกี ศาสนาหนง่ึ ทมี่ คี วามเกา่ แก่ และอยคู่ ปู่ ระเทศไทยมาเปน็ ระยะเวลายาวนาน เขา้ ไป มสี ่วนในพธิ สี าคญั ๆ โดยเฉพาะพระราชพธิ ตี า่ ง ๆ เชน่ พระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก ทีเ่ ปน็ พระราชพธิ ี สถาปนาพระมหากษตั รยิ ข์ ึ้นเปน็ สมมตเิ ทพปกครองแผน่ ดนิ เปน็ ใหญใ่ นทศิ ทง้ั แปด และเปน็ การ ประกาศใหป้ ระชาชนทราบโดยทวั่ กนั ตามคตพิ ราหมณจ์ ะประกอบพธิ อี ญั เชญิ พระเปน็ เจา้ เพอ่ื ทาการ สถาปนาใหพ้ ระมหากษตั รยิ เ์ ปน็ สมมตเิ ทพ ดารงธรรมสบิ ประการ ปกครองประเทศดว้ ยความรม่ เยน็ เป็นสขุ ด้วยเหตนุ พี้ ระมหากษตั รยิ ท์ กุ พระองคจ์ งึ ทรงมพี ระมหากรณุ าธคิ ณุ ในการสง่ เสรมิ และ อุปถมั ภก์ จิ การของศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดใู นประเทศไทยดว้ ยดเี สมอมา ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอทุ่งชา้ ง
พระมหากษตั รยิ ์ พระมหากษตั รยิ ์ คอื ประมขุ หรอื ผปู้ กครองสงู สดุ ของประเทศ ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอทงุ่ ชา้ ง
บทสรปุ สถาบนั พระมหากษตั รยิ เ์ ป็นศนู ยร์ วมใจของคนในชาติ สถาบนั พระมหากษตั รยิ ใ์ นประเทศไทยเปน็ ศนู ยร์ วมใจชาวไทยทส่ี ืบทอดมายาวนาน หลายศตวรรษ เป็นวฒั นธรรมการปกครองทม่ี คี วามสาคญั บ่งบอกถงึ แนวคดิ ความเชอ่ื และ ความหมายของสญั ลกั ษณต์ า่ ง ๆ ที่หลอมรวมจติ ใจชาวไทยใหเ้ ปน็ อนั หนงึ่ อนั เดยี วกนั และ สร้างสรรคใ์ หเ้ กดิ ความผาสกุ ของสงั คมโดยรวมได้ วฒั นธรรมการปกครองระบบกษตั รยิ ข์ องประเทศ ไทยจงึ มคี วามผกู พนั อยา่ งแนบแนน่ ตอ่ สงั คมไทยมาแตอ่ ดตี จนปจั จบุ นั ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอท่งุ ชา้ ง
บญุ คุณของพระมหากษตั รยิ ไ์ ทยตง้ั แตส่ มยั สโุ ขทัย อยธุ ยา ธนบรุ ี และรัตนโกสนิ ทร์ สมยั สโุ ขทยั อาณาจกั รสุโขทัย เปน็ สมัยที่เจรญิ รุ่งเรอื งสงู สดุ ในรชั สมยั ของพ่อขนุ รามคาแหงมหาราชอานาจของอาณาจักร สุโขทยั ในชว่ งรชั สมัยของพระองค์มนั่ คงมาก ไดท้ รงแผอ่ าณาเขตออกไปโดยรอบ วัฒนธรรมไทยไดเ้ จริญขึ้นทกุ สาขา ดังปรากฏในศิลาจารึกหลักที่ 1 ซ่ึงเจริญทง้ั ด้านประวัติศาสตร์ การสงคราม ภมู ศิ าสตร์ กฎหมาย ประเพณี การปกครอง เศรษฐกิจ สงั คม ปรชั ญาพระพทุ ธศาสนา การประดิษฐอ์ กั ษรไทย และอนื่ ๆ
ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอทุ่งช้าง สมยั สโุ ขทยั สมยั พอ่ ขนุ รามคาแหงมหาราช ดา้ นการเมอื งการปกครอง พระองคท์ รงใช้รปู แบบการปกครองแบบพอ่ ปกครองลกู คือ พระองค์ทรงดูแลเอาใจใสใ่ นทุกขส์ ขุ ของราษฎรเหมอื นพระองคเ์ ปน็ พอ่ ส่วนราษฎรหรือไพรฟ่ ้า คอื ลูก เมือ่ ราษฎรมีเร่ืองเดอื ดรอ้ นกท็ รงใหส้ ั่นกระดิง่ ทหี่ นา้ ประตูวัง แล้วพระองคก์ จ็ ะเสด็จออกมารับฟัง เรื่องราวและทรงตดั สนิ ปญั หาด้วยพระองคเ์ อง นอกจากนี้ พระองค์ทรงทาสงครามขยายอาณาเขตออกไปอยา่ งกว้างขวางมากกวา่ พระมหากษตั ริย์พระองค์ใดในสมยั สโุ ขทยั ด้านเศรษฐกจิ พระองค์ทรงโปรดให้สรา้ งทานบกกั เกบ็ นา้ ท่เี รยี กว่า ทานบพระรว่ ง หรือ สรีดภงสเ์ พอ่ื ใช้กักเกบ็ นา้ ไวใ้ ช้ในฤดูแลง้ และพระองคท์ รงให้ เสรภี าพแก่ประชาชนในการค้าขายไดอ้ ยา่ งมอี สิ ระเสรี ไม่มกี ารเกบ็ ภาษีผ่านด่านจากราษฎร ทเ่ี รยี กวา่ จงั กอบ ทาให้การคา้ ขายขยาย ออกไปอยา่ งกว้างขวาง และทรงโปรดให้สรา้ งเตาเผาเครือ่ งสงั คโลกเปน็ จานวนมาก เพ่อื ผลิตสนิ คา้ ออกไปขายยงั ดินแดนใกลเ้ คียง ดา้ นศลิ ปวฒั นธรรม พระองคท์ รงประดษิ ฐ์ตัวอกั ษรไทยทเี่ รยี กว่า ลายสือไทย และได้มีการพฒั นามาเปน็ ลาดบั จนถงึ อกั ษรไทยในปจั จบุ นั ทาใหค้ นไทยมี อักษรไทยใช้มาจนถงึ ปัจจุบนั โดยโปรดให้จารึกเร่อื งราวเหตุการณต์ า่ ง ๆ ในสมยั สุโขทัยลงบนศิลา เมอ่ื พ.ศ. 1826 เรยี กว่า ศลิ า จารกึ หลักที่ 1
สมยั สโุ ขทยั (ต่อ) สมยั พระมหาธรรมราชาท่ี 1 (พระยาลิไท) ในสมัยพระมหาธรรมราชาท่ี 1 (พระยาลไิ ท) ทรงรวบรวมราชอาณาจกั รสโุ ขทัยเป็นอันหนง่ึ อนั เดยี วกนั และขยายพระราชอานาจ ออกไประหว่างแควจาปาสกั กบั แมน่ ้าปิงจนจรดแมน่ า้ นา่ นทางทิศเหนอื มาไว้ในราชอาณาจกั รสุโขทัย ดา้ นศาสนา ทรงมีบทบาทสาคัญในการทานบุ ารุงและเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา คือ ได้สง่ พระสงฆ์ออกไปเผยแผ่ พระพุทธศาสนายงั ที่ตา่ ง ๆ เชน่ เมอื งเชยี งใหม่ พิษณโุ ลก อยธุ ยา และหลวงพระบางทรงโปรดเกล้าฯ ให้ซ่อมพระเจดีย์เมอื งนครชุม (กาแพงเพชร) ทรงประดษิ ฐาน รอยพระพุทธบาทที่เขาสมุ นกุฏ ซงึ่ อยู่นอกเมอื งสุโขทัย โปรดให้สร้างวัดป่ามะมว่ ง (สุโขทยั ) ทรงโปรดให้หลอ่ พระพทุ ธรปู ปางมารวิชัย มขี นาดเทา่ กบั องคพ์ ระพุทธเจา้ ถวายพระนามวา่ พระศรศี ากยมนุ ีประดิษฐานทพ่ี ระวหิ ารวดั พระศรรี ตั นมหาธาตุ สุโขทัย ด้านภาษาและวรรณคดี ทรงมีความเช่ยี วชาญในด้านภาษาและวรรณคดเี ปน็ พเิ ศษ ดังมหี ลกั ฐานปรากฏในหนังสอื ไตรภมู พิ ระรว่ ง ว่า พระมหาธรรมราชาท่ี 1 (พระยาลไิ ท) ทรงนิพนธ์ขนึ้ เมอ่ื คร้งั ยงั ดารงพระยศพระมหาอุปราช ครองเมอื งศรีสัชนาลยั หนังสอื ไตรภูมพิ ระร่วงเปน็ วรรณคดที ่ี เก่ียวข้องกับพระพุทธศาสนา ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอทุ่งชา้ ง
สมัยอยธุ ยา สมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ี่ 1 (พระเจา้ อทู่ อง) ทรงเปน็ ปฐมกษตั รยิ ข์ องกรงุ ศรอี ยธุ ยาทรงตงั้ กรงุ ศรอี ยธุ ยา ณ ชัยภมู ทิ เ่ี ออ้ื อานวยทงั้ ในดา้ นความปลอดภยั จากข้าศกึ และความอยดู่ กี นิ ดขี องชาวอยธุ ยา พื้นทเ่ี หมาะแก่การทา เกษตรกรรมบญุ คณุ ของพระมหากษตั รยิ ส์ มยั อยธุ ยาทม่ี ตี อ่ ประเทศในสมยั อยธุ ยา ดังน้ี 1. ทรงปฏริ ปู การปกครอง โดยทรงรวมอานาจการปกครองเขา้ สศู่ นู ยก์ ลาง คอื ราชธานแี ละแยกฝา่ ยทหารกบั ฝา่ ยพลเรอื น ออกจากกนั การแตง่ ตงั้ ตาแหนง่ ขา้ ราชการใหม้ บี รรดาศกั ดต์ิ ามลาดบั จากตา่ สดุ ไปสงู สดุ คือ ทนาย พนั หมื่น ขุน หลวง พระ พระยา และเจา้ พระยา มกี าหนดศกั ดนิ าเพอื่ เปน็ คา่ ตอบแทนการรบั ราชการ ทรงตง้ั กฎมณเฑยี รบาลขน้ึ เปน็ กฎหมาย สาหรบั การปกครอง 2. ทรงประกาศใชก้ ฎหมายลกั ษณะสาคญั คือ กฎหมายศกั ดนิ า เปน็ การกาหนดสทิ ธหิ นา้ ทม่ี ลู นายและไพร่ 3. โปรดเกลา้ ฯ ให้ประชมุ นกั ปราชญ์ราชบณั ฑติ แตง่ หนงั สอื มหาชาตคิ าหลวง นับวา่ เป็นวรรณกรรมทางพระพทุ ธศาสนา เร่อื งแรกของกรงุ ศรอี ยธุ ยา และเป็นวรรณคดที ใ่ี ชเ้ ป็นแนวทางในการศกึ ษาภาษาและวรรณคดขี องไทย พรอ้ มทง้ั สรา้ งวดั จุฬามณี ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอท่งุ ช้าง 4. ทรงรวมอาณาจกั รสโุ ขทยั เปน็ สว่ นหนงึ่ ของอยธุ ยาโดยสมบูรณ์
สมัยอยธุ ยา (ตอ่ ) สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ตลอดรัชสมยั ของพระองคท์ รงกอบกกู้ รุงศรอี ยธุ ยาจากพม่า และได้ทาสงครามกับอริราชศตั รทู งั้ พม่าและ เขมร จนราชอาณาจกั รไทยเปน็ ปึกแผ่นมนั่ คง ขยายดนิ แดนได้อยา่ งกว้างขวางบญุ คณุ ของพระองค์ท่มี ีต่อประเทศชาติ ในด้านต่าง ๆ ดงั นี้ ดา้ นการเมอื งการปกครอง พระองคโ์ ปรดใหป้ รบั ปรงุ การปกครองหวั เมอื งใหญ่เป็นการรวมอานาจเข้าส่ศู ูนยก์ ลางยกเลิกระบบเมอื งพระยามหานคร ยกเลกิ ให้เจา้ นายไปปกครองเมอื งเหล่านี้ แลว้ ให้ขุนนางไปปกครองแทน จดั หวั เมอื งตามความสาคญั และขนาดเปน็ เอก โท ตรี จตั วา ด้านการคา้ ขาย ทรงสง่ ทตู ไปประเทศจีน เพ่อื รับรองฐานะกษตั รยิ ์ของพระองคแ์ ละตดิ ตอ่ คา้ ขายกบั ประเทศจีน ขยายการค้าไปประเทศ สเปน ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง
สมัยอยธุ ยา (ต่อ) สมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช พระองค์ทรงเป็นพระมหากษตั รยิ ์ทท่ี รงพระปรีชาสามารถมาก ทาให้กรงุ ศรอี ยุธยาในรชั สมัยของพระองค์ มคี วาม เจรญิ รุง่ เรอื งกา้ วหน้าในทกุ ดา้ น ทัง้ ในด้านเศรษฐกิจ การตา่ งประเทศการศึกษา ศิลปวัฒนธรรม และวรรณคดที ส่ี าคญั หลายเร่อื งเกิดขนึ้ ในรัชสมัยของพระองค์ จนไดช้ ื่อวา่ เปน็ ยุคทองของวรรณคดใี นสมัยกรุงศรอี ยธุ ยาในรชั สมัยของพระองค์ ไดม้ ี ชาวตะวันตกเดนิ ทางเข้ามาติดตอ่ ค้าขาย เผยแผศ่ าสนาตลอดจนเขา้ รบั ราชการ ทาให้ชาวตะวันตกยอมรบั นับถอื กรงุ ศรี อยธุ ยาเปน็ อย่างมาก ในดา้ นการคา้ ขาย ได้มกี ารติดตอ่ คา้ ขายกับตา่ งประเทศมากย่งิ กว่าในรชั สมยั อน่ื ๆทงั้ ฮอลนั ดา ฝรงั่ เศส และอังกฤษ ทรงโปรดเกล้าฯ ใหต้ อ่ เรอื กาปนั่ หลวง เพอื่ ทาการคา้ ขายกบั ต่างประเทศ จึงทาใหอ้ ยธุ ยาเป็นศนู ย์กลางการค้ากับ ต่างประเทศ มีเศรษฐกิจร่งุ เรือง มีรายไดจ้ ากการจดั เกบ็ ภาษีอากรเป็นจานวนมาก ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอทุ่งชา้ ง
สมยั ธนบรุ ี สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราช พระองค์มีพระราชกรณียกจิ ที่สาคญั คอื การรวบรวมกาลังไว้ต่อสกู้ ับพมา่ สรา้ ง ความเปน็ ปกึ แผน่ ของพระราชอาณาจักรบญุ คณุ ของพระองคท์ ม่ี ีต่อประเทศชาตใิ นดา้ นต่าง ๆ ด้านเศรษฐกจิ เมือ่ เศรษฐกิจของบา้ นเมืองอยใู่ นภาวะตกตา่ ทรงแก้ไขปญั หาเฉพาะหน้าไดเ้ ป็นอย่างดี โดยสละพระราชทรพั ยซ์ ้อื ข้าวสารจากพอ่ ค้าต่างเมอื ง ดา้ นวรรณกรรม ทรงสนพระทัยด้านวรรณกรรม ทรงนพิ นธ์บทละครเรอื่ งรามเกยี รต์ิ ทานบุ ารุงพระพุทธศาสนาใหร้ ุ่งเรืองดงั แตก่ อ่ น นอกจากนพี้ ระองค์ยังทรงเปน็ นกั รบและนักปกครองชัน้ ดเี ย่ยี ม มีคุณลกั ษณะผ้นู าอย่เู ตม็ ตัว ท้ังในยามคบั ขนั และยาม ปกติ ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอทุ่งชา้ ง
สมัยรัตนโกสนิ ทร์ พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) โปรดให้ยา้ ยราชธานีจากกรงุ ธนบุรไี ปยงั ที่แหง่ ใหมซ่ ึง่ อย่คู นละฝง่ั ของแม่นา้ เจา้ พระยา เมอ่ื พ.ศ. 2325 ต่อมาได้พระราชทานนามวา่ กรงุ รัตนโกสินทร์ หรือ กรงุ เทพฯ ในปัจจุบัน การสรา้ งพระบรมมหาราชวงั พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระองค์โปรดให้สร้างวดั ขึน้ ใน พระบรมมหาราชวงั คือ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้วแลว้ อญั เชญิ พระแก้วมรกตมาประดษิ ฐาน ในสมยั รัชกาลท่ี 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั ทรงเปล่ียนนโยบายต่างประเทศ มาเปน็ การค้ากับ ชาวตะวันตก เพ่อื ความอย่รู อดของชาติ เน่ืองจากทรงตระหนักถึงภัยจากลทั ธจิ ักรวรรดินยิ ม ซง่ึ กาลังคุกคามประเทศ ต่าง ๆ อยใู่ นขณะน้นั จดุ เรม่ิ ของการเปลีย่ นแปลงนโยบายต่างประเทศ คือ การทาสนธสิ ญั ญาเบาว์รงิ กับองั กฤษ ใน พ.ศ. 2398 โดยพระ นางเจ้าวกิ ตอเรียได้แตง่ ต้ังให้ เซอร์ จอห์น เบาว์ริง เปน็ ราชทตู เขา้ มาเจรจา ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอทุ่งชา้ ง
สมยั รัตนโกสนิ ทร์ (ต่อ) ในรัชสมยั ของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช (รัชกาลท่ี 9) พระองคม์ ีพระราชกรณียกจิ ด้านการพัฒนาทส่ี าคัญ คอื การบรหิ ารจัดการทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อม เปน็ ส่งิ ที่ ทรงสนพระราชหฤทยั อยา่ งยง่ิ ทรงตระหนักวา่ ปญั หาเกษตรกรมาจากทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมที่เสื่อมโทรม ถกู ทาลายจานวนมาก ทรงคดิ คน้ ดดั แปลงปรบั ปรุง และแก้ไขดว้ ยการพัฒนาท่ีดาเนินการได้ง่าย ไม่ย่งุ ยากซบั ซ้อน สอดคล้องกับสภาพความเปน็ จรงิ ของความเปน็ อยู่ และระบบนิเวศในแต่ละภูมภิ าค สามารถพัฒนาให้เป็นทฤษฎีใหม่ ซึ่งเปน็ ระบบการจดั การท่ีดินและแหลง่ นา้ เพอื่ การเกษตรทย่ี ่ังยนื ทาให้เกษตรกรสามารถดาเนนิ ชวี ิตไดอ้ ย่างมคี วามสุข ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ทรงปฏบิ ัตพิ ระราชกรณยี กิจเพ่อื การพฒั นาประเทศ โดยทรงเนน้ คนเป็นศนู ยก์ ลางตลอดมา พระองค์เปน็ ต้นแบบการบรหิ ารจัดการทีด่ ีในทกุ พระราชภารกิจ นอกจากน้พี ระองคย์ งั ทรงมีพระปรีชาสามารถในศาสตร์สาขาต่าง ๆ ซึง่ สง่ ผลตอ่ การพัฒนาทง้ั สนิ้ ท้งั ใน ดา้ นการประดิษฐ์ ได้แก่ การประดิษฐ์ “กงั หนั ชยั พฒั นา” ซง่ึ เปน็ เครอ่ื งกลเตมิ อากาศแบบทุน่ ลอย
Thank you ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอท่งุ ชา้ ง
Search
Read the Text Version
- 1 - 25
Pages: