๘.๒ องคก์ รและผนู้ า พัฒนาการด้านองค์กรการต่อสู้ของชนชั้นกรรมกรไทยใน ระยะสามปหี ลัง ๑๔ ตุลาอาจแบ่งได้เป็น ๓ ชว่ ง คือ ชว่ งแรก จากปี ๒๕๑๖ ถึงปลายปี ๒๕๑๗ ช่วงที่สอง ตลอดปี ๒๕๑๘ ถึงต้นปี ๒๕๑๙ และช่วงสุดท้ายจากตน้ ปี ๒๕๑๙ ถงึ ๖ ตุลาคม ช่วงแรก หลัง ๑๔ ตุลา กรมแรงงานได้เปน็ ตัวต้ังตัวตีเรียก ประชุมสมาคมลูกจ้างต่างๆ ท่ีมีอยู่(สมาคมลูกจ้างตั้งขึ้นตาม ประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับท่ี๑๐๓) ให้มารวมกันเป็น \"กลุ่มสมาคม ลูกจ้าง\" เหตุท่กี รมแรงงานกลายเปน็ ตัวตั้งตัวตีในเร่ืองน้ีเสียเองก็ เพราะ รัฐบาลไทยหวังจะสร้างภาพพจน์ที่เคยถูกประณามจาก องค์กรกรรมกรระหว่างประเทศมาโดยตลอด เช่น ปัญหาการ เลือก \"ตัวแทนกรรมกร\" เข้าร่วมประชุมองค์การกรรมกรสากล ของสหประชาชาติ และรัฐบาลไทยยังต้องการความช่วยเหลือใน รปู ให้เปล่าจากองค์การฯน้ีดว้ ย นอกจากนี้ การปล่อยให้กรรมกร รวมตัวกันภายใต้การ \"เอาใจใส่ดูแล\" ของรัฐบาลยังทาให้ สามารถควบคุมการเคลอ่ื นไหวของกรรมกรไปในทศิ ทางทร่ี ัฐบาล ต้องการด้วย. การประชุมกลุ่มสมาคมลกู จ้างจึงใช้หอ้ งประชุมกรม แรงงานมาโดยตลอดและงานท่ีทาในตอนแรกๆก็เป็นงานธุรการที่ กรมแรงงานเคยทา ต้นปี ๒๕๑๗ ท่ีประชุมกลุ่มฯ ได้เลือกนายบุญเท่ียง เจริญ พิทักษ์ จากสมาคมลูกจ้างคนงานการรถไฟให้ทาหน้าท่ีประธาน ดาเนินการประชุม 51
อารมณ์ พงศ์พงัน ซึ่งเคยคลุกคลีกบั งานด้านน้ีมาตั้งแต่ต้น ได้แบ่งบรรดาสมาคมลูกจ้างออกตามแนวความคิดเป็น ๔ กลุ่ม ใหญๆ่ คอื กลุ่มแรก สมาคมลกู จา้ งรัฐวิสาหกิจ ซ่ึงมแี นวคิดค่อนข้าง กลางๆ แบบเดียวกับลัทธสิ หภาพแรงงานในประเทศตะวันตก กลุ่ม นี้มีอานาจต่อรองมาก เพราะคุมกิจการสาธารณูปโภคสมาคมท่ี สาคัญ ๆ ไ ด้แก่ สมาคมลูก จ้ าง ของ ก าร ไ ฟ ฟ้าน คร หลว ง องคก์ ารโทรศัพท์ โรงงานยาสูบ องค์การคลังสินค้า เปน็ ต้น ; กลุม่ ท่ี สอง สมาคมลูกจ้างในอุตสาหกรรมหรือธุรกิจเอกชน มี แนวความคดิ ท่ีก้าวหนา้ มากกว่ากลุ่มอ่ืนๆ เป็นกลุ่มท่ีต้องการจะ \"ปกป้องผลประโยชน์ของกรรมกรอย่างจริงจัง\" ผู้นาที่เด่นของ กลุ่มน้ี ได้แก่ เทอดภูมิ ใจดี จากสมาคมลูกจ้างโรงแรมและหอพัก ประสิทธ์ิ ไชโย จากสมาคมลูกจ้างอุตสาหกรรมทอผ้าสมุทรสาคร กลุ่มนี้กลายเป็นเป้าโจมตีของบรรดานายทุนผูกขาดและกลไกของ รัฐอย่างรุนแรง ; กลุ่มท่ีสาม แทรกตัวอยู่ในกลุ่มแรก มี ความสัมพันธ์กับ \"ศูนย์กรรมกรแห่งประเทศไทย\" ของนาย ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร(ที่ปรึกษา กอ.รมน.)ได้แก่ สมาคมลูกจ้าง คนงานการรถไฟ ; กลมุ่ ทสี่ ี่ เป็นกลุ่มปกี ขวาในขบวนการกรรมกร มีนายสน่ัน วงศ์สุธี นายบุญสม ฉัตรบุปผา เป็นผู้นา (นายสน่ัน เคยเปน็ ผู้นาสมาคมลกู จ้างโรงแรมร่วมกับนายเทอดภูมิ ภายหลงั จึง แยกตัวออกมาเคลอ่ื นไหวในแนวต่างกัน) กลุม่ ที่ ๑,๒,๓ มีบทบาทมากในการเคลื่อนไหวของกรรมกร โดยเฉพาะสองกลุ่มแรก แม้ว่าจะมีข้อขัดแย้งด้านวิธีการอยู่บ้าง แต่ ก็ยังร่วมมือกันในการต่อสู้เพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ของกรรมกรมา โดยตลอด (ภายใต้ชือ่ กลุ่มสมาคมลกู จ้างแรงงานแห่งประเทศไทย) 52
เช่น ร่วมกันตอ่ สู้ในกรณีเรียกรอ้ งค่าแรงขัน้ ตา่ ของกรรมกรทอผ้าใน เดือนมิถุนายน ๑๕๑๗ กลุ่มท่สี อง ภายใต้การนาของ เทอดภูมิ ใจดี ประสิทธ์ิ ไชโย ไดร้ วมกันตั้งเป็น \"ศนู ยป์ ระสานงานกรรมกรแห่งชาต\"ิ มบี ทบาทเด่น ข อ ง ต น ต่ า ง ห า ก แ ล ะ มี ค ว า ม สั ม พั น ธ์ กั บ ข บ ว น ก า ร นั ก ศึ ก ษ า ค่อนขา้ งมาก ทางด้านกลุ่มสมาคมลกู จ้าง นายบุญเท่ยี ง เจรญิ พิทักษ์ อยู่ ในตาแหน่งไม่ก่ีเดือนก็ถูกปลด เพราะเอาเร่ืองของกลุ่มไปออกข่าว ทางหน้าหนังสือพิมพ์โดยไม่ได้รับมอบหมาย กลุ่มได้เลือกนายผัน วงษ์ดี จากสมาคมลูกจ้างคนงานเหล็กและโลหะแห่งประเทศไทย เป็นประธาน ซึ่งอยู่ได้ไม่ก่ีเดือนก็ถกู ปลดดว้ ยข้อหาเดยี วกับนายบุญ เที่ยง ทปี่ ระชมุ กลุ่มจึงเลอื กนายวเิ ชยี ร ศรีวเิ ชียร จากสมาคมลูกจา้ ง คนงานขนส่งสนิ ค้าท่าเรอื เป็นแทน ปลายปี๒๕๑๗ กลุ่มสมาคมลูกจ้างมีความเห็นพ้องต้องกัน ว่าควรจัดรูปแบบการบริหารงานของกลุ่มให้เป็นรูปเป็นร่าง จึง มอบหมายให้สมาคมลกู จา้ งสองสามสมาคมไปร่างระเบยี บของกลุ่ม ข้ึนมา พร้อมกับกาหนดหน้าท่ีของตาแหน่งต่างๆภายในกลุ่มให้ แน่นอน หลังจากน้ันก็เลือก นายไพศาล ธวัชชัยนันท์ จากสมาคม ลกู จ้างการไฟฟ้านครหลวงเป็นประธานถาวร(คราวละ ๑ปี)คนแรก โดยมนี ายวิเชียร ศรีวิเชียร เป็นรองประธาน 53
ช่วงท่ีสอง ต้นปี๒๕๑๘ กฎหมายแรงงานสัมพันธ์ผ่านสภา สมาคมลูกจ้างเปลี่ยนเป็นสหภาพแรงงาน กลุ่มสมาคมลูกจ้างจึง เปลยี่ นช่ือเป็นกลุ่มสหภาพแรงงานแหง่ ประเทศไทย และใช้ชื่อนี้จน ประกาศเปลี่ยนเป็น \"สภาแรงงานแห่งประเทศไทย\" อย่างเป็น ทางการ ในเดอื นพฤษภาคม ๒๕๑๙ ขณะเดียวกนั ศูนย์ประสานงาน กรรมกรแหง่ ชาตกิ ็มบี ทบาทสงู ที่สุดและหมดบทบาทไปในชว่ งนีเ้ อง กลางปี๒๕๑๘ เกิดการเคลื่อนไหวของกรรมกรกรณี สแตนดาร์ดการ์เมนต์ซ่งึ กลายมาเปน็ ความแตกแยกระหวา่ งกรรมกร กลุ่มต่างๆ กล่าวคือ กลุ่มกรรมกรปีกขวา ภายใต้นาของนายสนั่น วงศ์สุธีร์ ได้แยกตัวออกจากกลุ่มสหภาพแรงงานแห่งประเทศไทย และชักจูงให้กรรมกรส่วนหนึ่งกลับเข้าทางานอันนาไปสู่การปะทะ ระหว่างเจา้ หน้าทต่ี ารวจกบั กรรมกรหญงิ (อา่ นหวั ขอ้ ๘.๑) นอกจากน้ี ความขดั แย้งที่มมี าอย่างประปรายระหว่างกลุ่ม สหภาพแรงงานรฐั วสิ าหกจิ กบั กลุ่มศนู ย์ประสานงานกรรมกรภายใต้ การนาของนายเทอดภูมิ - ประสิทธ์ิ ก็มาปะทุขนึ้ ในช่วงนี้ (ก่อนหน้า น้ันไมน่ าน เคยมีขอ้ ขดั แยง้ ในการจัดงานกรรมกร ๑ พฤษภาคม จน ตา่ งฝ่ายตา่ งแยกกันจัด) หลังกรณีสแตนดาร์ดเมนต์ ศูนย์ประสานงานกรรมกร แห่งชาติ เร่ิมหมดบทบาทลงทีละน้อยและหมดบทบาทไปในที่สุด ก่อน ๖ ตุลาคมไม่นาน ส่วนหนึ่งเพราะผู้นาของกลุ่ม ได้แก่ นาย เทอดภูมิ ใจดี กับนายประสิทธิ์ ไชโย ถูกคุกคามจากอานาจมือ(นาย เทอดภูมิ เคยถูกลอบยิง) จนต้องหลบออกนอกประเทศ* แต่ท่ี 54
สาคัญ เพราะกลุม่ น้ที าความผดิ พลาดในดา้ นการเคล่ือนไหว ท่ลี ้า เกนิ ระดับความตืน่ ตวั ของกรรมกรโดยทั่วๆ ไป ทาให้เริ่มออกหา่ ง จากขบวนแถวกรรมกร และโดยเดยี่ ว ส่วนกลุ่มสหภาพแรงงาน เนื่องจากเคลื่อนไหวสอดคล้อง กับระดับความต่ืนตัวของกรรมกรทาให้สามารถพัฒนาตัวเอง จน กลายเป็นองค์กรทเ่ี ดน่ และมบี ทบาทมากทสี่ ดุ ในชว่ งหลงั ได้ ปลายปี ๒๕๑๘ กลุ่มสหภาพแรงงานได้ปรับปรุงระบบการบรหิ ารงานของ ตนใหม่ เพ่ือเตรยี มการท่ีจะเปล่ียนเป็นสภาแรงงานในอนาคต ช่วงสุดท้าย ต้นปี ๒๕๑๙ กลุ่มสหภาพแรงงานนาการ เคลอ่ื นไหวประทว้ งรัฐบาลคกึ ฤทธิ์- ประมาณข้ึนราคาข้าวสาร และ ได้รับชัยชนะในระดับหน่ึง มีการต้ังคณะกรรมการร่วมระหว่าง ตัวแทนรัฐบาล ตัวแทนกลุ่มสหภาพแรงงาน ตัวแทนศนู ย์นิสิต และ ตัวแทนสหพันธ์ชาวนาชาวไร่ เพื่อพิสูจน์อัตราการแปรสภาพ ข้าวเปลอื กเปน็ ขา้ วสาร หลังการเคล่ือนไหวคร้ังน้ี กลุ่มสหภาพแรงงานได้รับการ ยอมรับจากกรรมกรลูกจ้างตามโรงงานต่างๆอย่างมาก กลุ่มได้ กลายเป็นศนู ยก์ ลางรับปรึกษาปัญหาแรงงานและการจดั ต้ังสหภาพ แรงงาน ซ่ึงทาให้กาลังของกลมุ่ ขยายตัวออกไปอกี . ในท่ีสุด โดยมติ ของคณะมนตรี --บริหารกลมุ่ ฯ นายไพศาล ธวัชชยั นนั ท์ ได้ประกาศ เปล่ียนชื่อกลุ่มสหภาพแรงงานแห่งประเทศไทย เป็น \"สภาแรงงาน แห่งประเทศไทย\"(Labour Council of Thailand, LCT.)เม่ือวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๑๙ ในงานฉลองวันกรรมกร ที่สวนลุมพินี ซ่ึงมี 55
กรรมกรเข้าร่วมด้วยนับหม่ืนคน. วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ประธาน สหภาพแรงงาน ๑๐๒ แห่งก็ลงมติผ่านธรรมนูญสภาแรงงานฉบับ แรกดว้ ยคะแนนเสียงเป็นเอกฉนั ท์ 56
๘.๓ นักศกึ ษา-กรรมกร แนวคิดในการเข้าหากรรมกรของนกั ศกึ ษาเร่ิมต้นขึน้ ในชว่ ง ประมาณปี ๒๕๑๐ แตจ่ นกระท่งั เกดิ เหตุการณ์ ๑๔ ตลุ าคม แนวคิด นย้ี ังไม่ได้รบั การปฏิบัติอย่างแท้จริง จะมีก็เพียงนกั ศึกษาจานวนไม่ มากเท่านั้น ท่ีเข้าไปช่วยอยู่ตามสมาคมลูกจ้างต่างๆ การเข้าหา อย่างเป็นทางการคร้ังแรกเริ่มในปี ๒๕๑๖ เม่อื เกิดการประท้วงของ กรรมกรโรงเหล็กสมุทรปราการ(ดูตอนต้นของหัวข้อนี้) อย่างไรก็ ตาม แนวคิดนี้ ได้กลายเป็นการปฏิบัติที่เป็นจริงจนกระท่ัง กลายเป็น \"นโยบาย\" สาคัญอย่างหนึ่งของขบวนการนักศึกษา ไทยในท่ีสุด นับต้ังแต่การชุมนุมประท้วงของกรรมกรทอผ้า เมื่อ เดือนมิถนุ ายน ๒๕๑๗ เปน็ ต้นมา 57
แต่การเข้าหากรรมกรของนักศึกษาในช่วงระหว่างปี ๒๕๑๗ - ๒๕๑๘ ยังมีข้อบกพร่องอยู่มาก คือ มีลักษณะที่เป็นการ เข้าหาแบบ \"เฮโลสาละพา\" กันเข้าไป เมื่อมีการเคลื่อนไหว หรือ ชุมนุมประท้วงของกรรมกรที ก็เข้าไปที เม่ือหมดการเคลื่อนไหวก็ ถอนตัวออกมา ไม่มีการสานต่อ เช่น กรณีการนัดหยุดงานของ พนกั งานรถเมล์ศรีนคร พนักงานรถเมล์ไทยประดิษฐ์ รถเมล์สาย๒๑ กรรมกรอนิ โดไทย พนักงานอิตลั ไทยทค่ี ลองเตย โรงงานสแตนดาร์ด การเ์ มนต์ พฒั นากิจเทคไทล์ และอ่ืนๆ เปน็ ตน้ ผลก็คอื ในบางทบี่ าง แห่งองค์การท่ีเป็นเครื่องมือของนายทุนสามารถเข้าไปจัดต้ัง และ แยกสลายกรรมกรได้ แลว้ นากรรมกรกลับมาตอ่ ตา้ นนักศึกษาอีกต่อ หน่งึ นอกจาน้ี การเข้าไปประสานกรรมกรของนักศึกษาในชว่ ง น้ี กเ็ ป็นการเขา้ ไปแบบ \"รับเหมาทาแทน\" กรรมกรเป็นส่วนใหญ่ ทาให้กรรมกรในอุตสาหกรรมบางแห่งขาดแคลนผู้นาตาม ธรรมชาติของตนเอง และผู้นาน้ันไม่สามารถแสดงบทบาทหรือ พสิ ูจนต์ ัวเองท่ามกลางการต่อสู้ บางครั้งการเข้าไปของนักศึกษา ขาดการสารวจ ทาให้เหินห่างจากสภาพท่เี ป็นจริงของกรรมกร 58
อย่างไรก็ตาม นักศึกษาเริ่มสรุปบทเรียนและปรับปรุง วิธีการเข้าหากรรมกรใหม่ ถึงปี ๒๕๑๙ การเข้าหากรรมกรของ นักศึกษาก็มีทิศทางท่ีถูกต้องแจ่มชัดมากขึ้น และสามารถแสดง บทบาทหนุนชว่ ยการต่อสู้ของกรรมกรได้อย่างมีพลัง การที่นักศึกษาเข้าไปมีบทบาทช่วยเหลือกรรมกรในด้าน ต่างๆน้ัน เปน็ สงิ่ ทช่ี อบธรรม เพราะกรรมกรโดยทั่วไปถกู กดใหอ้ ยู่ใน สภาพไม่รู้หนังสือหนังหา ไมเ่ ข้าใจกฎหมาย ยิ่งกฎหมายแรงงานแต่ ละฉบับที่ร่างขึ้นมามีความสลับซับซ้อนมากเท่าไร กรรมกรก็ยิ่ง เสียเปรียบมากเท่านั้น ในขณะท่ีนายทุนเจ้าของโรงงานมีกลไกทุก ชนิดอย่างพร่ังพร้อมไว้เล่นงานกรรมกร การเข้าไปของนักศึกษาจึง ชอบด้วยเหตุผล แต่บรรดานายทุนผูกขาดท่ีต้องการเอารัดเอา เปรียบกรรมกรทุกวิถีทาง ย่อมไม่พอใจและหาทางขดั ขวาง กลางปี ๒๕๑๙ โดยการยุยงของพวกนายทุนผูกขาด เจ้าหน้าท่ีตารวจได้จู่ โจมเข้าจับนักศึกษาและบัณฑิต ๔ คนที่เข้าไปช่วยเหลือกรรมกร อ้อมน้อยในข้อหากบฎ- คอมมิวนิสต์ ในท่ีสุด ศาลก็ตัดสินยกฟ้อง ปลอ่ ยตัวออกมา หลงั จากถกู คุมขงั อยู่นานถงึ ๓ ปี 59
๙..... จาก \"กรณีนองเลอื ด ๖ ตุลาคม\" ถึงปัจจุบัน : การต่อสู้ของกรรมกรไมอ่ าจทาลายได้ 60
การรวมพลังครั้งใหญ่ของนักศึกษา กรรมกรที่คัดค้านการ กลับเขา้ มาของ \"ทรราช\" ถนอม ในชว่ งเดือนกันยา-ตุลา ๒๕๑๙ ได้ ส่ันสะเทือนผู้สูญเสียอานาจอย่างรุนแรง วันท่ี ๕ ตุลาคม สภา แรงงานซ่ึงนาการต่อสู้ร่วมกับศูนย์นิสิตฯมาต้ังแต่ต้น ได้ลงมติให้ มีการนัดหยุดงานท่ัวไปในวันท่ี ๑๑ ตุลาคม พอวันรุ่งขึ้น(๖) กาลังติดอาวุธของทหารตารวจก็บุกเข้าปราบปรามนักศึกษา ประชาชนในธรรมศาสตร์อย่างเหี้ยมโหด ; ก่อกรณีนองเลือกท่ี สยดสยองเป็นประวัติการณข์ ้นึ , ในคืนเดียวกนั คณะทหารทเี่ รยี ก ตัวเองว่า \"คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน\" ก็ทารัฐประหารยึด อานาจ ล้มรัฐบาลท่ีมาจากการเลือกตั้ง เลิกรัฐธรรมนูญและยุบ สภา หลังจากน้ัน ก็ประกาศกฏอัยการศึกท่ัวประเทศ ออก \"ประกาศคณะปฏิรูป\" ซึ่งก็คือ กฎหมายเถ่ือนออกมาจากัดสิทธิ เสรีภาพของประเทศนับสิบๆฉบบั ตงั้ แตน่ ้นั มา เมืองไทยกเ็ ขา้ สู่ยุค ของความมดื มนอกี คร้งั หนึ่ง คณะปฏิรูปได้ออกประกาศ ใช้มาตรา ๒๕ และ ๓๖ แห่ง พระราชบัญญัติแรงงาน ปี๒๕๑๘ ซ่ึงให้อานาจรัฐบาลในภาวะท่ี ประกาศกฎอัยการศกึ โดยหา้ มกรรมกรนัดหยุดงาน และยังได้ออก ประกาศบังคบั ให้บรรดาขอ้ พิพาทแรงงานท่มี อี ยู่ก่อนหน้านสี้ นิ้ สุดลง ใหล้ ูกจ้างกลบั เขา้ ทางานกอ่ น ๑๕ ตุลาคม ๒๕๑๙ นอกจากนี้ ยังได้ แก้ไขเพิม่ เติมพระราชบญั ญัติแรงงานในเรือ่ งเกี่ยวกับการตั้งสหภาพ หรือสหพันธ์แรงงาน และสมาคมนายจ้างหรือสหภาพนายจ้าง ที่ รวมตัวกันเป็นสภาองค์การลูกจ้างหรือนายจ้าง จะต้องจดทะเบียน และมีฐานะเป็นนิติบุคคล ซึ่งเท่ากับเป็นการจากัดจานวนสหภาพ และสิทธิในการต้ังสหภาพของกรรมกรไปในตัว ทั้งยังพยายาม 61
ตีความในกฎหมายใหม่ เพื่อแบ่งแยกกรรมกรรัฐวิสาหกิจ ไม่ให้อยู่ ภายใต้กฎหมายแรงงาน และห้ามการชุมนุม หรือประชุมของ สหภาพแรงงานทุกสหภาพ กรรมกรใดไม่ยอมรับหรือไม่ทาตามกฎหมายท่ีพวกเขา กาหนด ก็จะถูกจับในข้อหาภัยสังคม ไม่มีการส่งตัวข้ึนฟ้องศาล อยากจะขังไว้นานแค่ไหนก็ได้ มกี รรมกรโดนจับในข้อหานห้ี ลายราย เช่น วันที่๒๑ มกราคม ๒๕๒๐ จับกรรมกรบริษัทแสงฟ้าแบตเตอรี่ ๑๒ คน หลังการนัดหยุดงานของกรรมกร ๘๐๐ คนในวันท่ี ๑๙ ต่อมาก็จับกุมคนงานบริษัทรอแยลโมเสต เอกซ์ปอร์ต ๑๕ คน (คนงาน ๑๐๐ คนนดั หยดุ งานระหว่าง ๑๔-๒๑ มกราคม) วันท่ี ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๐ จับกรรมกร ๑๐ คนของบริษัทสหธัญพืช หลัง การประท้วงของกรรมกร ๑,๕๐๐ คนในวนั เดยี วกนั ฯลฯ แตก่ ารต่อสู้ของกรรมกรมิได้ยตุ ลิ ง หากดาเนินตอ่ ไป และ กลายเป็นกระแสหนึ่งท่ีบีบให้รัฐบาลเผด็จการธานินทร์ ต้องลง จากบลั ลังภไ์ ปในทส่ี ดุ หลังจากทารัฐประหารยึดอานาจในวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๒๐ แล้ว คณะทหารที่ข้ึนมามีอานาจก็พยายามผ่อนคลาย บรรยากาศและหาเสียงกับประชาชนด้วยการให้โอกาสแสดงความ คิดเห็นบ้างเล็กๆน้อยๆ ขณะเดียวกนั ก็ยงั คงกฎหมายฟาสซสิ ตฉ์ บับ ต่างๆของคณะปฏิรูปไว้อย่างเหนียวแน่น รวมท้ังกฎหมายห้ามนัด หยดุ งานของกรรมกรดว้ ย 62
ตัวพลเอกเกรียงศักด์ิ ชมะนันท์ ได้พยายามฉวยโอกาสเข้า มามีบทบาทในหมู่กรรมกรโดยจัดตั้งมูลนิธิกรรมกรไทยขึ้น และได้ เข้าดารงตาแหน่งประธานมูลนิธิเสยี เอง ท้ังยังประกาศ \"ยืนหยัดอยู่ ข้างกรรมกร\" ด้วย แต่นโยบายแบบ \"ปากปราศรัย น้าใจเชือดคอ\" ของเกรียงศักดิ์นี้ไม่สามารถหลอกลวงกรรมกรได้ กระแสความไม่ พอใจรฐั บาลเกรียงศักดิ์ในหมู่กรรมกรได้เพม่ิ สงู ขน้ึ ทกุ ที เดือนกรกฎาคม ๒๕๒๒ กรรมกรได้จัดชุมนุมทีส่ นามหลวง เป็นครั้งแรกหลังกรณีนองเลือด ๖ ตุลาคม คัดค้านการขึ้นราคา น้ามนั ของรฐั บาลและเรยี กรอ้ งให้เพมิ่ คา่ แรงขนั้ ตา่ เดอื นพฤศจกิ ายน ๒๕๒๒ กรรมกรได้จับมือกับนักศกึ ษาอีก คร้งั ประท้วงรฐั บาลขึน้ ค่าไฟฟ้าและได้รบั ชัยชนะ เดอื นกมุ ภาพันธ์ ๒๕๒๓ กรรมกรนัดชุมนมุ ประทว้ งรฐั บาล เกรียงศักด์ิ ข้ึนราคาน้ามันท่ีสนามหลวง มีผู้มาชุมนุมหลายหม่ืนคน กระแสความไม่พอใจรัฐบาลเกรียงศักดิ์ ท่ีมนี กั ศึกษา-กรรมกรเปน็ ผู้ ริเร่ิมน้ี ได้ซัดกระหน่ารัฐบาลเกรียงศักดิ์ล้มคว่าไปในที่สุด. การฉวยโอกาสขึ้นมามีอานาจของรฐั บาลเปรม ไมไ่ ดท้ าใหช้ วี ิตความ เปน็ อยู่ของกรรมกรดีขน้ึ แต่อย่างใด ตรงกันข้าม กลับยงิ่ ยากลาบาก ลงทุกที การต่อสู้เพื่อปากท้อง และสิทธิผลประโยชน์อันพึงมีพึงได้ ของชนช้นั กรรมกรไทย จึงยงั ตอ้ งดาเนนิ ตอ่ ไป 63
๑๐..... ชนชนั้ กรรมกร จงสามัคคกี นั 64
ประวัติการต่อสู้ของชนช้ันกรรมกรไทยในระยะเวลากว่า หน่ึงศตวรรษมานี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความตื่นตัวท่ีเพิ่มสูงข้ึนทุกที ของชนชั้นกรรมกร ขณะเดียวกัน ก็พิสูจน์ให้เห็นว่า มีแต่การ สามัคคีกันยืนหยัดต่อสู้เทา่ น้ัน ชนชน้ั กรรมกรจึงจะมีชวี ิตทดี่ ีกว่า จึงจะได้รบั สิทธเิ สรภี าพและผลประโยชน์อันพึงมขี องตน ชยั ชนะ ประการต่างๆของชนชั้นกรรมกรล้วนได้มาภายใต้สัจธรรมข้อนี้ ทั้งสน้ิ บทเรียนของการต่อสู้ยังสอนให้กรรมกรรู้ว่า ปัญหาทาง เศรษฐกิจนั้นเชื่อมโยงกับปัญหาทางการเมืองการที่กรรมกรมีชีวิต ความเป็นอยู่อันยากลาบากและอดอยากแสนเข็ญน้ัน ก็เพราะ ผปู้ กครองประเทศดาเนินนโยบายเข้าข้างนายทุนต่างชาติ และกลุ่ม ผูกขาด ด้วยการกดหัว จากัดสิทธิเสรีภาพของกรรมกร ดังน้ัน กรรมกรจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่าได้ ก็ต้องดาเนินการต่อสู้เพ่ือ เรียกร้องและช่วงชิงสิทธิทางการเมืองของตนกลับคืนมา การต่อสู้ เพ่ือผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของกรรมกรจึงต้องเชื่อมโยง และ ยกระดบั ขน้ึ สู่การต่อสู้ทางการเมอื ง อยา่ ยอมให้คาโกหกประเภท \"การเมอื งไม่ใชเ่ ร่อื งของกรรมกร\" มาหลอกลวงเราได้ ชนชน้ั กรรมกร จงสามคั คกี ัน ๑๕-๑๖ กรกฎาคม ๑๙๘๐. 65
66
Search