Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารประกอบการสอนคอมพิวเตอร์กราฟิก 3

เอกสารประกอบการสอนคอมพิวเตอร์กราฟิก 3

Published by jantanuch, 2020-08-29 05:04:17

Description: เอกสารประกอบการสอนคอมพิวเตอร์กราฟิก 3

Search

Read the Text Version

การสรา้ งขอ้ ความประเภท Text frame เป็นขอ้ ความที่สร้างขึน้ ภายในเฟรม ซ่ึงข้อความประเภทนี้เราต้องสรา้ งเฟรมขึ้นมาก่อน โดยใช้ Frame Tool แล้วจึงใช้ Type Tool พิมพ์ข้อความลงในเฟรม เราสามารถสร้าง Text frame ขึ้นมาได้ โดยสร้าง เฟรมขึน้ มากอ่ น จากนัน้ พมิ พ์ข้อความใสล่ งเฟรม ดังนี้ 1. คลกิ คา้ ง และเลอื ก Polygon Frame Tool 2. คลิกเมาส์ และลากเพือ่ สร้างพนื้ ทพ่ี ิมพ์ขอ้ ความ 3. พิมพ์ข้อความท่ีต้องการลงในเฟรมรูปหกเหล่ียม ข้อความ จะมรี ูปร่างตามเฟรมที่สรา้ งขน้ึ การสรา้ งขอ้ ความบนเส้นพาธ การสร้างข้อความบนเส้นพาธ เป็นการสร้างข้อความให้เรียงไปตามเส้นโค้งตามที่เรากำหนด โดยใช้ เครื่องมอื Type on a Path Tool โดยมีขนั้ ตอนการทำ ดังนี้ 1. คลกิ เลอื ก Pen Tool 2. คลกิ ค้างและเลือก Type on a path Tool 3. คลกิ บริเวณเสน้ พาธของวัตถุ 4. พมิ พ์ข้อความ การปรบั แตง่ ขอ้ ความแบบ Type on Path เลือ่ นข้อความบนพาธ ขณะที่เราสร้างข้อความ เมื่อเราคลิกทส่ี ว่ นไหนของเส้นพาธ ส่วนน้นั ก็จะเป็นจุดเริ่มตน้ ของขอ้ ความ แต่ หากว่าเราต้องการย้ายตำแหน่งเริ่มต้นของข้อความก็สามารถทำได้ โดยใช้ Selection Tool คลิกเลือก ขอ้ ความ จะปรากฏแกน ท่ีจุดเร่มิ ตน้ ของข้อความ เล่ือนเมาส์ไปท่ีแกนน้ี ตัวช้ีเมาส์จะเปลย่ี นเป็นรปู จากนั้น คลกิ เพอ่ื เล่อื นขอ้ ความไปยงั ตำแหนง่ ใหม่ 1. คลกิ เลอื ก Selection Tool 2. คลิกเมาส์ และเล่ือนตำแหน่งเริม่ ตน้ ของขอ้ ความ

พลกิ กลบั ขอ้ ความ 1. คลกิ เลอื ก Selection Tool 2. คลกิ ที่เสน้ ตงั้ ฉากบนเส้นพาธ และพลิกกลับดา้ นข้อความ รู้จักกบั ขอ้ ความใน InDesign การเลือกข้อความในสถานะวตั ถุ 1. คลกิ เลอื ก Selection Tool 2. คลิกเมาสเ์ ลอื กข้อความทีต่ อ้ งการ การเคล่อื นยา้ ยขอ้ ความ 1. คลิกเลือก Selection Tool 2. คลิกลากข้อความไปจดั วางยังตำแหนง่ ใหม่ 3. ปล่อยเมาส์ ขอ้ ความจะวางอยู่ท่ีตำแหนง่ ใหม่ การยอ่ -ขยายกรอบข้อความ 1. คลิกเลอื ก Selection Tool 2. คลกิ เมาส์ เลอื กขอ้ ความ 3. คลิกเมาส์ คา้ งจนเป็นสญั ลกั ษณ์ (ขยาย) 4. ลากเมาส์ เพอ่ื ขยายขอบเขตของข้อความ 5. ลากเมาส์อกี มมุ เพอ่ื ขยายกรอบข้อความใหเ้ ต็มหนา้ กระดาษ เลือกข้อความที่ต้องการปรับแต่ง เลอื กข้อความเฉพาะบางส่วน 1. คลิกเลกื Type Tool 2. คลกิ เมาสแ์ ล้วลาก เลือกขอ้ ความในสว่ นทตี่ ้องการ

เลือกขอ้ ความเฉพาะคำ 1. คลกิ เลอื ก Type Tool 2. วางเคอรเ์ ซอร์บริเวณขอ้ ความ แล้วดับเบิลคลิกจะแสดงไฮไลท์เฉพาะคำทต่ี ้องการ เลือกข้อความทง้ั หมด 1. คลิกเลอื ก Type Tool แล้ววางเคอร์เซอร์บรเิ วณข้อความ 2. ดับเบลิ คลกิ เมาสท์ ขี่ ้อความจนเกดิ แถบไฮไลทข์ อ้ ความท้ังหมด การใช้คอลมั น์ ในหน้าต่าง Text Frame Options สามารถกำหนดจำนวนคอลมั น์ของ ข้อความ และระยะหา่ งของขอ้ ความกบั เฟรมได้ ดังนี้ 1. คลิกเลอื กเฟรมทต่ี อ้ งการกำหนดค่า 2. เลือกคำส่ัง object->Text Frame Options 3. ในตัวอย่างน้ีกำหนดจำนวนคอลัมน์ในช่อง Number เท่ากับ 2 คอลัมน์ และ ระยะห่างของขอบเฟรมกับข้อความเท่ากับ 0.0625 inch และเลือกคำส่ัง Top ใน ช่อง Align เพอื่ จดั วางข้อความหรอื รูปภาพชดิ ขอบดา้ นบน 4. ข้อความจะถูกวางอยู่ในตำแหนง่ และรูปแบบตามทเี่ รากำหนด การตดั และรวมขอ้ ความ การตัดและรวมวัตถุเป็นการนำเอาข้อความที่อยู่ต่างวัตถุกันมารวมเป็นวัตถุเดียวกัน ดัง ตวั อย่างเราจะนำข้อความจากวัตถุทส่ี องมารวมกบั วัตถแุ รก ดงั นี้ 1. คลกิ เลอื ก Selection Tool 2. คลกิ เลือกวตั ถุข้อความทสี่ องที่ต้องการรวมกบั ขอ้ ความอื่น 3. คลิกเลอื กทเี่ มนู Edit->Cut หรือ กดคีย์ Ctrl+X เพื่อตดั ขอ้ ความ 4. คลิกเลอื ก Type Tool 5. เลอื กตำแหนง่ ทีต่ อ้ งการวางข้อความ 6. คลกิ เลอื กที่เมนู Edit->Paste หรือ กดคยี ์ Ctrl+V เพื่อวางขอ้ ความ 7. ขอ้ ความจากวัตถุทส่ี อง จะถกู วางรวมกับวตั ถุแรก การตัดและแยกวัตถุ 1. คลิกเลอื ก Type Tool 2. ลากเมาส์ เพื่อไฮไลท์ขอ้ ความ 3. คลิกเลอื กทีเ่ มนู Edit->Cut หรอื กดคยี ์ Ctrl+X 4. คลิกเลอื กเมนูท่ี Edit->Paste หรอื กดคีย์ Ctrl+V 5. ข้อความท่เี ราเลอื กไวจ้ ะเขา้ มาในกรอบขอ้ ความทส่ี รา้ งไว้

การปรบั แต่งและจดั วางขอ้ ความ การปรับแต่งตวั อักษรจากพาเนล Character กำหนดลักษณะตวั อักษร เมื่อเราต้องการกำหนดลักษณะของข้อความหรือตัวอักษร สำหรับเน้นข้อความในส่วนสำคัญ ได้ท่ี พาเนล Character ในชอ่ ง Type Style โดยเลือกข้อความทตี่ อ้ งการ แล้วทำตามขนั้ ตอน ดังน้ี 1. คลิกเลอื ก Type Tool 2. ไฮไลท์ข้อความทตี่ อ้ งการเปลย่ี นลักษณะตวั อกั ษร 3. คลิกเลือกลักษณะของตัวอักษรท่ีต้องการ ซ่ึงมี 4 ลักษณะ คือ Regular ตัวปกติ Italic ตัว เอียง Boldตวั หนาและ Bold Italic ตัวหนาเอยี ง การปรบั แตง่ ตัวอกั ษรจากคอนโทรลพาเนล เมื่อเราคลิกเลือก Type Tool ที่กล่องเคร่ืองมือ คอนโทรลพาเนลจะแสดงช่องกำหนดค่าตัวอักษรต่างๆ น่ีขึ้นมา ซ่งึ เราสามารถกำหนดคา่ ตวั อกั ษร จากคอนโทรลพาเนลแทนการใชพ้ าเนล Character ได้ 1. คลกิ เลือก Type Tool และ Character Formatting Controls 2. จะปรากฏช่องกำหนดค่าตา่ งๆ ของคอนโทรลพาเนล

การตง้ั ค่าแท็บและย่อหน้า การต้งั คา่ แทบ็ เราสามารถกำหนดตำแหน่งท่ตี ้องการให้ขอ้ ความเคล่อื นยา้ ยไป เมอ่ื เรากดคีย์ Tab ทค่ี ยี บ์ อรด์ ได้ดังนี้ 1. คลกิ เลือก Type Tool 2. ไฮไลทข์ อ้ ความทีต่ อ้ งการกำหนดแท็บ 3. คลกิ เลอื กทเี่ มนู Type->Tab เพอ่ื เปดิ หน้าต่าง Tabs ข้นึ มา 4. คลกิ เลอื กรปู แบบแทบ็ แล้วกำหนดระยะการเวน้ ในแถบไมบ้ รรทัด 5. กำหนดสัญลกั ษณ์ทใี่ ส่ในพ้นื ทเ่ี วน้ แทบ็ 6. จะได้ระยะของแท็บ และสญั ลกั ษณท์ ีก่ ำหนดให้ใสใ่ นพน้ื ทีเ่ ว้นแท็บ การตั้งคา่ ย่อหน้า การตงั้ คา่ ยอ่ หนา้ จากหน้าตา่ ง Tabs เป็นการกำหนดยอ่ หน้า โดยกำหนดระยะจากเครื่องหมายย่อหน้า บนแถบไม้บรรทัดในหนา้ ต่าง Tabs เพ่ือ ปรับตำแหน่งของยอ่ หนา้ เสน้ ก้ันดา้ นซ้าย และเส้นก้นั ด้านขวา สามารถ ทำได้ดงั น้ี 1. คลกิ เลือก Type Tool 2. คลกิ ทีย่ ่อหน้า หรอื เลอื กข้อความทั้งย่อหน้า 3. คลิกเลอื กท่ีเมนู Type->Tabs หรอื กดคีย์ Shift+Ctrl+T เพ่ือเปิดหน้าต่าง Tabs 4. ลากเมาส์ เพ่อื ตัง้ คา่ ยอ่ หน้าของข้อความทเี่ ลอื กไว้ 5. ขอ้ ความท่เี ลือกไว้จะถูกต้ังคา่ ตำแหนง่ ย่อหนา้ เส้นกน้ั ดา้ นขวา ตามทีก่ ำหนด

การจดั เรยี งขอ้ ความ ในพาเนล Paragraph เราสามารถจดั เรยี งขอ้ ความในลักษณะต่างๆได้ โดยคลิกเลือก Ty pe Tool เลือกข้อความท่ีตอ้ งการจดั เรยี ง และเลอื กป่มุ คำส่งั ต่างๆ Align left จดั เรยี งข้อความชดิ ซ้าย Align center จัดเรยี งขอ้ ความตรงกลาง Align right จัดเรียงขอ้ ความชดิ ขวา Justtify with last line aligned left จัดเรียงขอ้ ความเหยยี ดเต็มบรรทดั สุดทา้ ยชดิ ซ้าย Justtify with last line aligned center จดั เรยี งข้อความเหยยี ดเต็มบรรทัดสดุ ทา้ ยตรงกลาง Justtify with last line aligned right จัดเรยี งข้อความเหยยี ดเต็มบรรทัดสดุ ท้ายชดิ ขวา Justtify all lines จัดเรียงขอ้ ความเหยียดเตม็ ทุกบรรทดั Align towards spine จดั เรียงขอ้ ความชิดด้านฝั่งหยกั นอ้ ย Align away from spine จดั เรยี งขอ้ ความชิดดา้ นฝั่งหยกั มาก การขนึ้ ตน้ ย่อหน้าดว้ ยตัวอกั ษรขนาดใหญ่ 1. คลิกเลือก Type Tool 2. คลกิ เมาส์ลงในตำแหนง่ ใดก็ได้ของยอ่ หนา้ ทต่ี อ้ งการขยายขนาดตัวอักษรตัวแรก 3. คลิกเลือกท่ีเมนู Type->Paragroph หรอื กดคยี ์ Alt+Ctrl+T 4. กำหนดขนาดตัวอกั ษรเป็นจำนวนบรรทัด 5. ตัวอักษรตวั แรกของย่อหน้าจะขยายขนาดใหญ่ ตามจำนวนบรรทดั ทก่ี ำหนด

รจู้ ักกบั สไตล์ขอ้ ความ (Paragraph style) การสรา้ งสไตล์ใหม่ (New paragraph style) 1. คลิกเลอื ก Type Tool 2. เลือกขอ้ ความท่ตี อ้ งการนำการตกแตง่ มาใช้สร้างสไตล์ 3. คลกิ เลอื กที่เมนู Window->Type & Tables -> Paragraph Styles หรือกดคยี ์ F11 การนำสไตล์ไปใช้งาน 1. คลกิ เลอื ก Type Tool 2. คลิกท่ียอ่ หน้า หรือเลอื กขอ้ ความในยอ่ หนา้ ทีต่ อ้ งการ 3. คลกิ เลอื กสไตลท์ ี่ต้องการ 4. ข้อความทีเ่ ลอื กจะเปล่ียนแปลงตามค่าสไตล์ทเี่ ราต้องการ การแกไ้ ขสไตล์ 1. ดบั เบิลคลกิ สไตล์ท่ีต้องการแก้ไข หรอื คลิกทป่ี มุ่ และเลือก Style Options 2. คลกิ เลอื กหัวข้อ เพ่อื แก้ไขหรือกำหนดรายละเอียดของสไตลท์ ่ตี ้องการ 3. กำหนดรายละเอียดในการปรับแต่งสไตลแ์ ตล่ ะหัวข้อ การนำเข้าสไตล์ (Load Paragraph Style) 1. คลกิ ทป่ี ุ่ม และเลอื ก Load Paragraph Style … 2. เลอื กโฟลเดอร์ทีจ่ ัดเก็บไฟล์ 3. เลือกไฟลง์ านพมิ พท์ ่ีตอ้ งการนำเขา้ สไตล์ 4. คลกิ เมาสท์ ่ี Open 5. คลกิ เลือกสไตล์ที่ตอ้ งการนำเข้า 6. คลิกเมาสท์ ี่ OK เพื่อยืนยนั การนำเขา้ สไตล์ท่เี ราเลอื ก 7. สไตลท์ ่นี ำเข้ามาจากไฟล์งานพมิ พอ์ ื่นจะปรากฏอย่ใู นพาเนล Paragraph Styles ของเรา การลบสไตล์ (Delete Style) เป็นการลบสไตลท์ ีม่ ีอย่ใู นพาเนล Paragraph Style ออก คลกิ เมาสข์ วาท่ีสไตล์ และเลือก Delete Style สไตลท์ ีเ่ ลอื กน้นั จะถูกลบจากพาเนล Paragraph Styles การเปล่ยี นสีขอ้ ความ 1. คลิกเลือก Type Tool 2. เลอื กขอ้ ความที่ต้องการเปล่ียนสี 3. คลกิ เลือกที่เมนู Window->Color หรอื กดคีย์ F6 4. เลอื กโหมดสีท่เี หมาะสมกบั กบั งานพมิ พ์ 5. คลิกเลอื กโทนสี

6. คลกิ คา้ งทปี่ มุ่ ^ และเล่ือนแถบ เพื่อปรับผสมความเขม้ ข้นของแมส่ ี 7. แสดงผลสีทชี่ อ่ ง Fill 8. อกี วิธดี ับเบิลคลิกท่ชี อ่ ง Fill 9. คลิกเลือกสี 10. คลกิ คา้ ง >< และเล่อื นขนึ้ ลง เพอ่ื ปรับโทนสีทต่ี ้องการ 11. ดูผลลัพธข์ องสที ี่ตอ้ งการ 12. คลกิ เมาส์ที่ OK 13. ข้อความท่เี ลอื กไว้จะเปล่ียนสตี ามตอ้ งการ การวาดวัตถุประกอบ ทำความรจู้ ักกบั พาธ (Path( การวาดภาพเวกเตอรจ์ ะเปน็ การสรา้ งเส้นพาธ จากจุดหน่งึ ไปยังจดุ หนงึ่ ตอ่ กันไปจนเป็นรูปทรงหรือภาพตามทเ่ี รา กำหนด โดยท่ีจุดปลายท้ัง 2 ด้าน ของเสน้ แต่ละเส้นนน้ั จำทำหนา้ ที่เป็นตัวยดึ เสน้ ใหเ้ ชอ่ื มตอ่ กัน ประเภทของเส้นพาธ เสน้ พาธจะมีอยู่ 2 ประเภท คอื 1. เสน้ พาธแบบเปิด (open path) เปน็ เส้นพาธทมี่ จี ุดยดึ จดุ เริม่ ตน้ และจุดจบของพาธ ไมเ่ ปน็ จดุ เดียวกนั 2. เสน้ พาธแบบเปดิ (close path) เป็นเสน้ พาธทมี่ ีจดุ ยดึ จดุ เริ่มตน้ ของพาธ และจุดจบของพาธเป็นจุดเดียวกนั ชนิดของจุดยึด 1. จุดยึดด่วนมุม (corner point) เป็นจดุ ยึดท่ีเชื่อมตอ่ เส้นตรงเข้ากับเส้นตรง หรือเส้นตรงเขา้ กับเส้นโคง้ 2. จุดยึดสว่ นโคง้ (smooth point) เปน็ จุดยึดทเ่ี ชอ่ื มตอ่ ระหวา่ งเสน้ โค้งกับเส้นโค้ง ซ่งึ จะมลี ักษณะ เป็นสว่ นโค้งท่ี มคี วามตอ่ เนื่องกัน ความโคง้ ของเส้นพาธ ความโคง้ ของเส้นพาธน้นั ขึ้นอยู่กับแขนปรับความโค้งท่จี ุดยึด หากแขนยาวกจ็ ะได้มุมโค้งท่ีกว้าง และหากแขนส้ันก็ จะได้มุมโคง้ ทีแ่ คบลงหรือหากจุดยึดไมม่ แี ขน 2 จุดอยตู่ ิดกนั เส้นพาธระหวา่ ง 2 จดุ น้จี ะเปน็ เส้นตรง

การวาดเส้นตรง ในหวั ขอ้ น้ีเราจะวาดภาพจากเคร่อื งมือตา่ ง ๆ โดยเริ่มจากการวาดเสน้ ตรงกันก่อนด้วย Line Tool โดยคลกิ เลอื ก เครือ่ งมือ Line Tool และคลิกลากเส้นบนหนา้ กระดาษ 1. คลกิ เลอื ก Line Tool 2. คลิกลากเสน้ ตรง 3. ดับเบ้ลิ คลกิ เพ่อื เปลีย่ นสเี สน้ 4. คลกิ เลือกสีทตี่ อ้ งการ 5. เส้นตรงจะเปลย่ี นสีจากสีดำเป็นสีเขยี วตามทเ่ี ราไดเ้ ลือกไว้ 6. กำหนดความหนาของเสน้ ในคอนโทรลพาเนลเท่ากบั 3 pt 7. จะได้เสน้ สีเขียวทีม่ ขี นาดเท่ากบั 3 pt การวาดรปู ทรงแบบตายตวั วาดรูปสีเหลีย่ มมุมฉากดว้ ย Rectangle Tool 1. คลิกเลือก Rectangle Tool 2. คลกิ วาดรปู วาดรปู วงกลมหรอื วงรีด้วย Ellipse Tool 1. คลกิ เลอื ก Ellipse Tool 2. คลิกวาดรปู วาดรูปหลายเหลย่ี มด้วย Polygon Tool 1. คลกิ เลือก Polygon Tool 2. คลิกวาดรปู การวาดรปู ทรงอยา่ งอสิ ระ วาดภาพดว้ ย Pen Tool Pen Tool เปน็ เคร่ืองมอื ท่ใี ช้วาดเส้นไดอ้ ย่างอสิ ระ โดยแตล่ ะสว่ นของเสน้ นน้ั จะถูกเชอ่ื มตอ่ ถงึ กันดว้ ยจุดยดึ ซงึ่ ภายในกล่มุ ของ Pen Tool จะมีเครอ่ื งมือตา่ ง ๆ สำหรับปรบั แตง่ เส้นพาธใหเ้ ปน็ รปู ททรงตา่ ง ๆ การวาดเส้นตรง 1. คลกิ เลือก Pen Tool 2. คลิกวาดจุดเร่มิ ตน้ 3. คลิกวาดจดุ ปลายของเสน้

การวาดเสน้ โค้ง ในการใช้ Pen Tool วาดเส้นโค้งจะมีแขนปรบั ความโคง้ ย่นื ออกมาสำหรบั ใหเ้ ราปรับความโค้งไดต้ ามตอ้ งการ ดงั น้ี เสน้ โค้งแบบตวั C 1. คลิกเลอื ก Pen Tool 2. คลกิ และดงึ ขนาดของจุด 3. คลิกและดงึ แขนของจุดลง เส้นโคง้ แบบตวั S 1. คลกิ และดงึ แขนของจุดเร่ิมตน้ ข้นึ 2. คลิกและดงึ แขนของจุดปลายขึ้น เสน้ โค้งทเี่ ช่อื มต่อกัน 1. จดุ เชื่อมต่อเปน็ เส้นโคง้ à เสน้ โค้งทีต่ อ่ กันเป็นแนวโค้งจะมีแขนปรับความโค้งทั้ง 2 ดา้ น 2. จดุ เชอื่ มต่อเป็นมมุ à เส้นโค้งทต่ี อ่ กนั แบบหกั มมุ จะมีแขนปรับความโคง้ เพียงขา้ งเดยี ว การเพิ่มจุดยึด 1. คลกิ เลอื กพาธดว้ ย Selection Tool 2. คลิกเลือก Add Anchor Point Tool 3. คลกิ เพมิ่ จดุ ยึด 4. คลกิ ลากจดุ ยึดเพอ่ื ปรับรปู ร่างของภาพด้วย การลบจุดยึด 1. คลกิ เลอื ก Delete Anchor Point Tool 2. คลิกเลือกลบจดุ การเปลยี่ นลักษณะจุดยึดระหว่างจดุ ยึดส่วนโคง้ เปลยี่ นเส้นโคง้ เป็นตรง ใช้ Direct Selection Tool คลกิ เลอื กพาธทต่ี ้องการปรบั จากน้นั คลิกเลอื ก Convert Direction Point Tool เปลี่ยนเสน้ ตรงเป็นเส้นโคง้ คลิกเลอื กพาธท่ตี อ้ งการปรบั จากนน้ั ใช้ Convert Direction Point Tool คลิกทีจ่ ดุ ยึดของเส้นตรงและดงึ แขนปรับความ โคง้ ออกมาจากยดึ สว่ นมุมจะไดเ้ ส้นตรงเปลีย่ นเป็นเส้นโคง้ แทน วาดภาพด้วนดินสอ (Pencil Tool) วาดเสน้ อยา่ งอสิ ระ 1. คลิกเลือก Pencil Tool 2. คลิกเมาสว์ าดภาพ 3. คลิกเมาสว์ าดเช่ือมตอ่ ปลายทัง้ 2 ของเสน้ พาธใหเ้ ป็นแบบปิด

แกไ้ ขลายเสน้ ของภาพ นอกจากเราจะใชด้ นิ สอ (Pencil Tool) วาดเส้นข้ึนมาใหม่ใหเ้ ปน็ ภาพแล้ว เรายงั สามารถใช้ดนิ สอวาดลงไปใน ภาพเพ่อแก้ไขลายเส้นทีม่ อี ยู่ให้เปน็ รูปร่างทเี่ ปล่ยี นไปหรอื วาดต่อเตมิ ลายเส้นจากเดมิ ให้ยาวเพ่มิ ขึ้นอีกได้ ตกแตง่ เสน้ ให้โคง้ เรยี บ 1. คลกิ เลอื ก Smooth Tool 2. กดคีย์ <Ctrl> และคลิกเลือกเส้นพาธที่ต้องการปรบั แต่ง 3. คลิกวาดปรบั แต่งเส้นพาธ ลบเสน้ ทไี่ ม่ต้องการ 1. คลิกเลือก Erase Tool 2. กดคีย์<Ctrl> และคลกิ เลอื กเส้นพาธที่ต้องการลบ 3. คลกิ ลบเสน้ การนำรปู ภาพจากภายนอกเขา้ มาใช้งาน 1. คลกิ เลือกเมนู FileàPlace เพอื่ เลอื กไฟลร์ ปู ภาพเขา้ ไปยงั หนา้ กระดาษ 2. เลอื กไฟล์รูปภาพท่ีตอ้ งการนำเข้าไปยังหน้ากระดาษ 3. คลกิ ทปี่ มุ่ OK 4. คลกิ เมาสเ์ พ่อื วางรูปภาพบนหนา้ กระดาษบริเวณท่ตี ้องการ 5. ปรบั ขนาดรปู แบบ และจัดตำแหน่งตามต้องการ การใชง้ านวตั ถุ การเลอื กวตั ถเุ ดียว การเลือกเฉพาะวัตถุใดวตั ถุหนึง่ ท่ีต้องการ ทำได้โดยใช้ Selection Tool คลิกเลอื กท่วี ตั ถุนน้ั 1. คลิกเลือก Selection Tool 2. คลกิ เมาส์เลอื กวตั ถุทต่ี ้องการ

เลอื กหลายวัตถุ หากเราตอ้ งการเลือกหลายวัตถุให้กดปุ่ม<Shift> ที่คยี บ์ อรด์ และใช้ Selection Tool คลกิ เลือกวตั ถทุ ต่ี อ้ งการ ต่อไปจนครบ ดงั น้ี 1. คลกิ เลอื ก Selection Tool 2. คลกิ เลอื กวัตถุทต่ี ้องการ 3. กดปุ่ม <Shift> + เลือกวตั ถุท่ีต้องการเพมิ่ เติม เลือกวตั ถุทั้งหมดท่อี ยบู่ นหนา้ กระดาษ เราสามารถยกเลิกการเลอื กวัตถุทถ่ี กู เลอื กไวท้ ้ังหมดได้ โดยใช้คำสงั่ Edit à Select All ดงั นี้ 1. เลือกคำสั่ง Edit à Select All 2. วัตถุทีอ่ ยู่บนหนา้ กระดาษทง้ั หมดจะถูกเลอื กทันที ยกเลกิ การเลอื กวัตถุ เราสามารถยกเลกิ การเลือกทีถ่ กู เลอื กไวท้ ั้งหมดพร้อมได้ โดยใช้คำสง่ั Edit à Deselect All ดังน้ี 1. เลือกคำสัง่ Edit à Deselect All เพอื่ ยกเลิกการเลือกวตั ถุ 2. วตั ถทุ ่โี ดนเลือกไวจ้ ะถูกยกเลกิ การเลือกทันที การเคลือ่ นย้ายวัตถุ ใช้เมาส์คลกิ แล้วลาก 1. คลกิ เมาส์เลือกวตั ถุคา้ งไว้ 2. ลากเมาส์เพื่อย้ายวัตถุ จะมีเค้าร่างรูปสเ่ี หลี่ยมของวตั ถุเคล่อื นตามเมาส์ 3. ปล่อยเมาส์ วัตถุจะยา้ ยมาอยู่ในตำแหน่งใหม่ การปรับขนาดของวตั ถุ ใชเ้ มาสป์ รบั ขนาดของวตั ถุ 1. ใช้ Selection Tool คลิกเลอื กวตั ถุ 2. คลิกเมาส์ท่จี ุดมุม จากนน้ั ลากเมาส์เพ่อื ปรับขนาด 3. ปล่อยเมาส์ วตั ถุจะเปลย่ี นขนาดไป การคัดลอกวัตถุ 1. ใช้ Selection Tool คลิกเลอื กวัตถุ 2. เลอื ก Edit à Copy เพือ่ คกั ลอกวัตถุ 3. เลือก Edit à Paste เพ่ือวางวัตถุ 4. ปรากฏวตั ถทุ ่ไี ด้จากการคดั ลอก การวางวตั ถโุ ดยใช้ Paste in Place เป็นการวางวตั ถทุ ่ไี ด้จากการคดั ลอกไว้ ในตำแหน่งเดียวกันกับวตั ถทุ ีไ่ ด้คดั ลอกไว้ ดังน้ี 1. ใช้ Selection Tool คลิกเลือกวัตถุ 2. เลือก Edit à Copy เพอื่ คัดลอกวตั ถุ 3. คลิกเลอื กหนา้ ต่างที่ต้องการวางวตั ถุ 4. เลือก Edit à Paste In Place เพอ่ื วางวัตถุ 5. แสดงผลลพั ธ์การคดั ลอกวัตถุในตำแหน่งเดยี วกบั วัตถุต้นแบบ

การหมนุ โดยใช้ Rotating Tool การหมุนวตั ถโุ ดยใชเ้ ครือ่ งมือ Rotating Tool จากกลอ่ งเครือ่ งมอื เป็นวธิ ีการหมุนวตั ถุจากการคลกิ เลือกจุดหมนุ และลากเมาส์เพอ่ื ปรบั องศาของการหมนุ วัตถอุ ยา่ งอิสระ ดังนี้ 1. คลกิ เลือกวตั ถุท่ีตอ้ งการหมุน 2. คลิกเลือก Rotating Tool 3. คลกิ เมาสว์ างจดุ หมุน เพื่อกำหนดจุดหมนุ ของวัตถุ 4. ลากเมาส์เพ่ือหมุนวัตถุ 5. ปลอ่ ยเมาส์ วตั ถจุ ะหมนุ อยู่ใน ตำแหน่งที่เราต้องการ การบดิ วัตถุ 1. ใช้ Selection Tool คลกิ เลอื กวัตถุ 2. คลกิ เมาส์เลอื กจุดยึดในการบิดที่ Proxy 3. กำหนดองศาของการบดิ 4. กดปุ่ม <Enter> เพ่อื ตกลงใช้ค่าทีก่ ำหนด 5. วตั ถ๔ุ กบิดใหเ้ อียงไปตามทก่ี ำหนด การพลิกกลับด้านวัตถุ 1. ใช้ Selection Tool คลกิ เลือกวัตถุ 2. คลกิ เมาส์เลอื กจุดยดึ ในการบิดที่ Proxy 3. กำหนดองศาของการบิต 4. วัตถุว่าพลิกกลับดา้ นตามต้องการ การลอ็ ควัตถุ 1. คลกิ เลือกวัตถุที่ตอ้ งการลอ็ ค 2. เลือก Objecct à Lock Position 3. วตั ถโุ ดนลอ็ ค การลบวัตถุ 1. คลกิ เลอื กวัตถุที่ตอ้ งการลบ 2. เลือก Edit à Clear 3. วัตถถุ ูกลบออก

การมาสก์วัตถุ การมาสกร์ ูปภาพ เป็นการกำหนดบรเิ วณของรปู ภาพให้แสดงอยูใ่ นขอบเขตของเฟรมที่กำหนดเสมือนการสร้าง หน้ามาซอ้ นปิดบนภาพ เพอื่ แสดงเฉพาะสว่ นทอี่ ยู่ภายในรปู ทรงดา้ นบน โดยเราสามารถเลอื กการสร้างเฟรมได้ 3 รูปแบบ คือ เฟรมรูปสี่เหลี่ยม เฟรมรูปวงรี หรอื วงกลม และเฟรมรปู ทรงหลายเหลี่ยม 1. เตรยี มภาพท่ีตอ้ งการมาสก์ 2. วาดรปู วงกลมทีต่ อ้ งการให้เปน็ ตวั มาสก์ 3. คลิกเลือกวตั ถรุ ปู ภาพแล้วคลิกท่ี Edit à Copy 4. คลิกเลอื กวัตถวุ งกลมแลว้ เลอื กคำส่ัง Edit à Paste into 5. รูปจะถูกมาสกด์ ว้ ยรปู วงกลม 6. คลกิ แล้วลากวตั ถุวงกลมออกมายงั พืน้ ที่ภายนอก 7. จะเหน็ วา่ รปู ถูกมาสกด์ ้วยรปู วงกลม การรวมกลุ่มวัตถุ 1. ลากเมาส์เพื่อเลือกวัตถุท้งั หมดท่ี ต้องการรวมกลมุ่ 2. เลือก Object à Group 3. วตั ถุที่เลือกไวท้ ั้งหมด จะถกู รวมเป็นกลุ่มเดียวกัน เมอ่ื มกี ารเคลื่อนยา้ ย วตั ถุทัง้ กลุ่มก็จะถกู เคลื่อนย้ายไปพรอ้ มกัน จัดลำดับการซอ้ นวตั ถุ ในการสร้างช้ินงาน เราอาจต้องการจดั ลำดบั ในการซอ้ นกลมุ่ วา่ วัตถุไหนซอ้ นอยดู่ า้ นบน หรอื อยดู่ ้านล่าง ให้เรา เลอื กวัตถทุ ่ีต้องการจัดลำดับ แลว้ เลือกคำสง่ั Object à Arrange à รปู แบบการซ้อนวตั ถุ ดังน้ี - Bring to Front เลือ่ นวัตถุขนึ้ มาใหอ้ ยูบ่ นสดุ - Bring Forward เลื่อนวตั ถุขนึ้ มา 1 ชัน้ - Send Backward เลอื่ นวัตถลุ งไป 1 ชัน้ - Send to Back เลื่อนวตั ถุไปอยู่หลังสุดของวตั ถุทงั้ หมด การจดั เรียงวตั ถุ 1. เลือกวัตถุท่ตี อ้ งการจดั เรยี งท้ังหมด 2. เลอื กพาเนล Align 3. เลอื กคำส่ัง Align horizontal centers 4. วตั ถุมีรูปแบบการจดั เรยี งตามท่ีกำหนด ความรเู้ รือ่ งสแี ละการใช้งานสี โมเดลการมองเห็นสีทั่วไป - โมเดล HSB ตามหลกั การมองเห็นสีของมองเหน็ สขี องสายตามนุษย์ - โมเดล RGB ตามหลักการแสดงสขี องเคร่ืองคอมพิวเตอร์ - โมเดล CMYK ตามหลกั การแสดงสีของเครื่องพมิ พ์ - โมเดล Lab ตามมาตรฐานของ CIE

โมเดลแบบ HSB ตามหลักการมองเห็นสขี องสายตามนษุ ย์ เปน็ ลักษณะพนื้ ฐานของการมองเหน็ สีด้วยสายตาของมนษุ ย์โมเดล HSB จะประกอบด้วยลกั ษณะของสี 3 ลักษณะคือ 1. Hue เป็นสีของวตั ถุท่ีสะทอ้ นเข้ายังตาของเรา ทำให้เราสามารถมอเห็นวัตถุเป็นสไี ด้ ซึง่ แตล่ ะสีจะ แตกตา่ งกันตามความยาวของคลืน่ แสงที่มากระทบวัตถุและสะท้อนกลบั มาทต่ี าของเรา 2. Saturation คือสัดสว่ นของสีเทาที่มีอยู่ในสนี น้ั โดยวดั ค่าสีเทาในสีหลักเป็นเปอร์เซ็นตด์ งั น้ีคือ 0% จนถงึ 100% 3. Brightness เปน็ เรอ่ื งของความสว่างและความมดื ของสี ซ่งึ ถกู กำหนดค่าเปน็ เปอรเ์ ซน็ ต์จาก 0% ยง่ิ มี เปอรเ์ ซ็นต์มากจะทำให้สนี ั้นสวา่ งมากข้ึน โมเดล RGB ตามหลกั การแสดงสีของเครือ่ งคอมพิวเตอร์ โมเดล RGB เกดิ จากการรวมกนั ของสเปกตรัมของแสงสี แดง (Red), เขยี ว และนำ้ เงนิ ในสัดสว่ นความเขม้ ข้น ทีแ่ ตกตา่ งกัน โดยจดุ ท่แี สงทงั้ สามสรี วมกนั จะเปน็ สีขาว โมเดล CMYK ตามหลกั การแสดงสขี ิงเคร่ืองพิมพ์ โมเดล CMYK มีแหลง่ กำเนิดสีอยู่ท่กี ารซมึ ซับ (absorb) ของหมกึ พิมพบ์ นกระดาษ โดยมีสพี นื้ ฐานคอื สฟี ้า (cyan), สบี านเย็น (magenta) และเหลอื ง (yellow) โดยเรียกการผสมสีทั้ง 3 สีข้างตน้ ว่า “subtractive color” โมเดล Lab ตามมาตรฐานของ CLE โมเดล Lab เปน็ ค่าสีท่ีถกู กำหนดข้ึนโดย CIE ใหเ้ ปน็ มาตรฐานกลางของการวัดสที ุกรปู แบบ ครอบคลุมทุกสใี น RGB และ CMYK โหมดสีท่ใี ชง้ านในโปรแกรม InDesign โหมด RGB ใช้หลกั การของโมเดล RGB โดยมกี ารกำหนดคา่ ความเข้มขน้ ของสีแดง เขียว และนำ้ เงนิ ทม่ี าผสมกนั ในแต่ละ พกิ เซล เป็นคา่ ตงั้ แต่ 0-255 ภาพทีเ่ กิดจากโหมด RGB โหมด CMYK ใช้หลักการของโมเดล CMYK โดยมกี ารกำหนดค่าสีจากเปอรเ์ ซน็ ต์ความเขม้ ข้นของสีแต่ละสีที่มาผสมโหมด Lab ใช้หลักการของโมเดล Lab ในการผสมสี โดยโปรแกรมจะยึดโหมดนี้เป็นเหมือนตัวกลางในการแปลงจากโหมดสีหนง่ึ ไปอีกโหมดสีหน่ึง เนือ่ งจากหลกั การชอง Lab น้ีเปน็ มาตรฐานที่ไมข่ ้ึนอย่กู ับโมเดลใดๆ จงึ ใช้เป็นโหมดตัวกลางน่ันเอง การใสส่ ใี หว้ ัตถุ สพี น้ื ของโปรแกรม (Default color) คลกิ เมาส์ท่ี สี จะเปน็ การเปลี่ยนสีขอวัตถุ และเสน้ ขอบของวัตถุ กำหนดรูปแบบการใส่สี เป็นการกำหนดรูปแบบของสพี ืน้ หรอื สีเส้นขอบตามที่เราเลือก คือ - Color เปน็ การกำหนดสเี พยี งสีเดยี วลงในพนื้ ท่ี หรอื เส้นขอบของวตั ถุ - Gradient เปน็ การระบายสแี บบไล่โทนสใี ห้กับพน้ื ที่ หรือเส้นขอบวัตถุ - None ไม่มกี ารใส่สีลงในพืน้ ท่ี หรอื เส้นขอบของวัตถุ การเลอื กสจี าก Color Picker 1. คลกิ เลอื กวตั ถุ 2. ดบั เบิ้ลคลิกเมาสท์ ่ีสีพ้นื หรอื สเี สน้ 3. เลือ่ นสไลด์เลอื กโทนสี 4. กำหนดค่าสี โดยการคลิกเมาส์ 5. คลกิ เมาส์เพื่อตกลงใช้สที เี่ ลอื ก

เลอื กสจี ากพาเนล Color 1. คลิกเลือกวัตถุ 2. คลกิ เลือกกำหนดสีพ้ืน หรือสีเสน้ 3. คลกิ เลือกสีทีต่ ้องการ การเลอื กสีจากพาเนล Swatches 1. คลิกเลือกวตั ถุ 2. คลิกเลอื กกำหนดสพี ้นื หรือสีเส้น 3. คลิกเมาสเ์ ลอื กสที ่ีตอ้ งการใช้ การระบายสีดว้ ยเครื่องมอื Eyedropper Tool 1. คลิกเลอื กวตั ถุ 2. คลิกเลือก Eyedropper Tool 3. เลอื กสีจากต้นแบบ การระบายสีแบบไล่โทน (Gradient) Gradient เปน็ คำสง่ั ที่ใชใ้ นการระบายสีแบบไลโ่ ทนสจี ากสหี นงึ่ ไปยงั อกี สหี น่งึ ซึง่ เราสามารถกำหนดสแี ตล่ ะชว่ งที่ ใช้ และมุมมองการไลโ่ ทนสีได้อีกด้วย โดยจะใชง้ านควบคู่กนั ระหวา่ งพาเนล Gradient และเคร่ืองมือ Gradient Swatch Tool ใสโ่ ทนสีใหก้ ับวตั ถุ 1. คลิกเลอื กภาพ 2. กำหนดสพี ืน้ แบบไล่สี 3. เลอื กลกั ษณะการไล่สี 4. คลกิ ป่มุ ใหเ้ ลือกสี ตรงเป็นรปู สามเหล่ยี ม 5. คลิกเลอื กสีทต่ี ้องการ 6. เปล่ยี นเปน็ สที ี่เราต้องการ 7. คลกิ เลอื่ นกำหนดการไล่โทนของสี 8. กำหนดมมุ เอียง การเพ่ิมจุดสี จากสีท่ีเริ่มตน้ ทเี่ ป็นการไลส่ ีเพยี ง 2 สี เราสามารถจะเพ่ิมของสเี ข้าไป เพ่อื ให้สามารถไล่สีใหม้ ากขน้ึ ได้ โดย คลิกเพมิ่ จุดสีในพาเนล Gradient และกำหนดสีให้จุดสีใหม่ท่เี พ่ิมเข้าไป การลบจดุ สี เราสามารถลบจุดสบี างสอี อกได้ หากจุดสมี มี ากเกนิ ไป โดยคลกิ ลากจุดสีออกจากพาเนล Gradient จดุ สีนน้ั ก็ จะหายไปทันที การสรา้ งภาพโปร่งแสง 1. คลิกเลือกวัตถุ 2. กำหนดค่า Opacity ของวัตถุ 3. กำหนด Blending Mode

การตั้งค่าการแสดงผล เราสามารถควบคุมความสามารถการแสดงผลของภาพกราฟิก ในพ้นื ทก่ี ารทำงานได้ และสามารถปรับเปลย่ี นค่า การแสดงผลภาพกราฟกิ เลือกกำหนดคุณภาพแสดงผลได้ ดงั น้ี 1. คลกิ เลอื กความละเอียดของภาพ 2. เลือกคำสั่ง Edit->Preferences->Display Performance… 3. คลกิ เลอื กคำส่ังเพื่อกำหนดค่าการแสดงผล หรอื คลกิ เลอ่ื นเพอ่ื กำหนดระดบั การแสดงผลท่ีต้องการ 4. คลกิ เลอื ก เพ่ือตกลงใช้คา่ ทีก่ ำหนด การปรบั แต่งภาพ การใช้เอฟเฟก็ ตป์ รบั แต่งภาพให้ดูสวยงามยิ่งข้ึน ซง่ึ มลี กั ษณะการใชง้ าน ดงั น้ี 1. คลกิ เลือกภาพที่ต้องการปรับแต่ง 2. เลือกคำสงั่ Object->Effect->Transparency… 3. เลอื กรูปแบบการปรบั แตง่ ภาพ 4. คลกิ ให้เกดิ เคร่อื งหมายถูก เพ่อื เลอื กใช้งานเอฟเฟ็กต์ 5. เลือกรปู แบบการปรบั แต่งเอฟเฟ็กตก์ ารใช้งาน 6. คลกิ เมาส์ เพ่อื ตกลงใช้ค่าทก่ี ำหนด 7. ภาพจะเปล่ยี นไปตามเอฟเฟก็ ต์ทกี่ ำหนด ลกั ษณะการใชง้ านเอฟเฟก็ ต์ ในหนา้ ต่าง Effect มีเอฟเฟ็กตต์ า่ งๆ ให้เราเลอื กสำหรบั ปรบั แตง่ ภาพ และมคี ำสั่งต่างๆ เพอื่ กำหนดรูปแบบการ งาน ซง่ึ มีลักษณะการใช้งาน ดังน้ี 1. คลกิ เมาส์เลือกเอฟเฟ็กตท์ ี่ต้องการปรับแตง่ การใช้งาน 2. กำหนดคา่ การใชง้ านเอฟเฟก็ ตท์ เ่ี ลอื ก 3. คลกิ เมาส์ เพือ่ ยอมรับการใชง้ าน

จัดวางขอ้ ความล้อมรอบรูปภาพ โดยปกติแล้วเมอ่ื เรานำเอาวตั ถุขอ้ ความมาวางร่วมกบั รปู ภาพ วตั ถุทั้ง 2 จะซ้อนทบั กนั แตใ่ น โปรแกรม InDesign นัน้ เราสามารถกำหนดให้ขอ้ ความลอ้ มรูปภาพ หรือเว้นทไ่ี วเ้ พ่ือแสดงภาพได้ ดังน้ี 1. เลือกคำสง่ั window->Text->wrap เพือ่ เปดิ พาเนลขึ้นมาใชง้ าน 2. คลกิ ลากเมาส์พาเนล Text wrap ไปรวมกับพาเนลอ่ืนๆ การใช้งานเฟรมกับภาพ การสร้างเฟรม เราสามารถสรา้ งเฟรมได้จากเคร่อื งมอื Frame Tool จากกล่องเครื่องมอื ซงึ่ สามารถสร้างไดท้ ้งั รูปส่เี หลี่ยม รปู วงกลมและรูปหลายเหลีย่ ม ดงั น้ี 1. คลิกปุ่มเครอื่ งมือคา้ งไว้จะแสดงรปู แบบเฟรมทง้ั หมดและเลอื กเคร่ืองมือการสร้างเฟรมที่ต้องการ 2. ลากเมาสเ์ พ่อื วาดเฟรม 3. ปลอ่ ยเมาส์ จะได้เฟรมท่ีวาดไว้ กำหนดขนาดเสน้ ขอบ 1. คลกิ เลอื กเฟรมท่ีต้องการกำหนดขนาดเสน้ ขอบ 2. กำหนดลายเสน้ และขนาดทตี่ ้องการในคอนโทรลเลอื กรปู แบบของลายเส้นท่ีตอ้ งการ 3. กำหนดขนาดเสน้ ขอบที่ตอ้ งการ ในที่น้กี ำหนด เทา่ กับ 2pt 4. จะแสดงเสน้ ขอบของเฟรม มีขนาดท่ีต้องการ การใสร่ ปู ภาพลงในเฟรม 1. คลกิ เลอื กรูปภาพทตี่ อ้ งการบรรจุลงในเฟรม 2. คลกิ เลอื กคำสงั่ Edit->Cut 3. คลกิ เลือกเฟรมที่ต้องการใส่รูปภาพ 4. เลือกคำสง่ั Edit->Paste->Into 5. ภาพจะถูกใส่ลงในเฟรม นำภาพจากไฟลภ์ ายนอกมาใส่ลงในเฟรม 1. คลกิ เมาสเ์ ลือกเฟรมเปลา่ 2. เลือกคำส่ัง File->Place… 3. คลิกเลอื กไฟล์ภาพที่ต้องการจากนน้ั คลิกปุ่ม Open 4. ภาพจากไฟลภ์ ายนอกจะถูกบรรจลุ งในเฟรม แยกรปู ภาพออกจากเฟรม 1. คลิกท่ี Direct Selection Tool แล้วคลกิ ท่ีวัตถุ 2. เลอื กคำสัง่ 3. เลือกคำสัง่ Edit->Paste เพอ่ื วางภาพนอกพ้ืนทีเฟรม ลบรปู ภาพที่อยใู่ นเฟรม 1. ใช้ Direct Selection Tool คลกิ เลือกเฟรมท่ีบรรจรุ ปู ภาพ 2. คลกิ ทเ่ี มนู Edit->Clear เพ่ือลบรูปภาพออกจากเฟรม 3. รูปภาพทีอ่ ยใู่ นเฟรมจะถกู ลบท้งิ ไป

ใส่ภาพรวมกับขอ้ ความ เราสามารถนำภาพเขา้ มาใส่ในบรรทัดที่เป็นตวั อักษรได้ ดังนี้ 1. คลกิ เลือกวตั ถรุ ูปภาพ 2. เลือกคำสง่ั Edit->Cut 3. คลกิ เลือก 4. คลกิ เมาส์ ในตำแหนง่ ที่ตอ้ งการวางภาพ 5. เลอื กคำสั่ง Edit->Paste เพือ่ แทรกภาพอยู่ในขอ้ ความ 6. รปู ภาพถูกวางอยใู่ นวตั ถขุ ้อความ แกไ้ ขข้อความหรอื รูปภาพ เราสามารถเข้าไปแกไ้ ขข้อความ หรือเปล่ียนแปลงรปู ภาพไดต้ ามต้องการ โดยใช้ Type Tool เพื่อแกไ้ ข ข้อความ และใช้ Selection Tool เพอ่ื แก้ไขภาพในบรรทดั ขอ้ ความ ดังนี้ 1. คลิกเลือก Type Tool จากน้ันคลกิ เมาส์ ในบรรทดั ท่ีตอ้ งการแกไ้ ขข้อความ 2. คลิกเลอื ก Selection Tool จากนั้นคลกิ เลอื กภาพทอ่ี ยู่ในบรรทัดเพ่ือแกไ้ ข การจดั หนา้ มาสเตอร์และการทำงานกับหนา้ เอกสาร สว่ นประกอบทใ่ี ช้เป็นเลย์เอาต์บนหน้ามาสเตอร์ - เส้นไกด์จากไมบ้ รรทดั - คอลัมนไ์ กด์ทใ่ี ช้ในการแบ่งเนือ้ หาออกเป็นคอลัมน์ - เสน้ ไกดท์ ่ีใช้กำหนดขอบกระดาษ - กราฟิกทีไ่ ดอ้ อกแบบไวเ้ พ่อื ใช้ตกแต่งในหนา้ ต่างๆ

พาเนล Pages สำหรับจัดการหน้ามาสเตอร์ พาเนล Pages เป็นหนา้ ต่างที่ใชจ้ ดั การหน้ามาสเตอร์และการสร้างหนา้ กระดาษใหม่ตง้ั แต่การสร้างคัด ลอก ลบ กำหนดค่าเลย์เอาต์ และการสำเนาเพอื่ นำไปใช้ในไฟลง์ านอื่นๆ เราสามารถเปิดใชง้ านพาเนล Pages ได้ โดยเลือก Window->Pages ดังน้ี 1. เลอื ก Window->Pages 2. แสดงหน้าพาเนล Pages 3.พื้นทีจ่ ัดการกบั หนา้ มาสเตอร์ การสรา้ งหนา้ มาสเตอร์ การสรา้ งหน้ามาสเตอร์ใหม่ 1. คลิกเมาส์ขวาบรเิ วณพน้ื ที่ Master Pages แลว้ เลือกคำสง่ั New Master เพอ่ื สร้างหนา้ Master Pages ใหม่ 2. ปรากฏหนา้ ต่าง New Master ใหก้ ำหนดคา่ การใช้งานทต่ี อ้ งการ 3. กำหนดจำนวนหน้ามาสเท่ากบั 2 เพอ่ื ให้เปน็ หนา้ คู่ 4. คลิกเลอื กเพ่ือยอมรบั ค่าที่กำหนด 5. ปรากฏหน้าเอกสารในพน้ื ทกี่ ารสร้างหน้าสเตอร์ โดยจะได้หนา้ มาสเตอร์ B-Master ในหนา้ คู่ตอ่ จากหนา้ A- Master ทม่ี อี ยกู่ อ่ นแล้ว การสร้างหน้ามาสเตอร์โดยคดั ลอกจากหนา้ เดิมมาแก้ไข 1. คลิกเมาส์ขวาบริเวณพืน้ ท่ี MasterPagerแล้วเลอื กคำสง่ั New Masterเพ่ือสร้างหน้าMasterPager ใหม่ 2. ปรากฏหนา้ ตา่ ง New Master ให้กำหนดค่าการใชง้ านที่ต้องการ 3. กำหนดจำนวนหนา้ มาสเตอรท์ ่ตี ้องการสรา้ งในทก่ี ำหนดค่าเท่ากบั 2 เพือ่ ใหเ้ ป็นหน้าคู่ 4. คลิกเลือกเพอื่ ยอมรบั ค่าทก่ี ำหนด 5. แสดงหน้ามาสเตอรข์ น้ึ ใหม่ ในที่นจี้ ะไดห้ น้า B-Master การใช้งานหน้ามาสเตอรใ์ นหน้ากระดาษ 1. คลกิ เมาส์ท่ีหน้าMaster Pager ทต่ี ้องการนำไปใชง้ านหน้าเอกสารแล้วคลิกที่เลือกคำส่งั Apply Masterto Pager 2. ปรากฏหน้าต่าง Apply Master สำหรับกำหนดหนา้ กระดาษท่ี ต้องการใช้แบบจากหน้ามาสเตอร์ 3. เลือกหนา้ มาสเตอรท์ ่ีต้องการเปน็ ตน้ แบบ และเลือกหน้ากระดาษที่ต้องการใช้ตน้ แบบจากหนา้ มาสเตอร์ 4. คลกิ เลอื กเพือ่ ยอมรับค่าท่ีกำหนด 5. จะแสดงรปู แบบหน้ามาสเตอรใ์ นหน้ากระดาษทีไ่ ดก้ ำหนดไว้

การใชห้ น้ามาสเตอรเ์ พิม่ หนา้ กระดาษ 1. คลกิ เลือกหน้ามาสเตอร์ที่ตอ้ งการ ไปยังพ้นื ทีแ่ สดงหน้ากระดาษ 2. หนา้ กระดาษจะเพิม่ เขา้ มาในหนา้ ตอ่ จากหน้ากระดาษท่มี อี ยู่เดมิ ยกเลกิ หน้ากระดาษเพม่ิ หน้าหน้ามาสเตอร์ 1. คลกิ เลอื กหนา้ None แลว้ ลากไปยังหนา้ กระดาษที่ตอ้ งการยกเลิกการใชห้ น้ามาสเตอร์ 2. หน้ากระดาษในหน้านั้นจะถูกยกเลิกการใช้หน้ามาสเตอร์ นำหนา้ มาสเตอร์จากไฟลเ์ อกสารอนื่ ๆ เข้ามาใชง้ าน ลักษณะน้ีเป็นการนำหน้ามาสเตอร์จากไฟล์ชิ้นงานอื่นๆ ท่ีสร้างขึ้นใน InDesign เข้ามากำหนดเป็นหน้า มาสเตอร์ในช้ินงานที่ต้องการ โดยจะมรี ูปแบบเหมือนกับหน้ามาสเตอร์ตน้ แบบทุกประการ ไม่วา่ จะเป็น ชื่อ หน้า มาสเตอร์ ลำดบั ของหนา้ มาสเตอร์ และวัตถุท่ีนำนำเขา้ มากำหนดเปน็ หนา้ มาสเตอร์ ขน้ั ตอนการใช้งานหน้ามาสเตอร์เพจจากไฟล์เอกสารอนื่ 1. เปดิ ไฟลช์ ิ้นงานท่ีตอ้ งการกำหนดหน้ามาสเตอร์เพจ 2. เปดิ พาเนล Pages ขึน้ มา เพอ่ื เลอื กคำสัง่ การใช้งานหน้ามาสเตอรเ์ พจจากเอกสารอ่ืน 3. คลกิ ที่ Pages แล้วเลอื กคำส่ัง Load Master Pages 4. เลือกไฟลท์ ีก่ ำหนดหนา้ มาสเตอร์เพจเอาไว้ 5. คลิกท่ีปุ่ม Open เพอื่ นำหน้ามาสเตอร์เพจ เขา้ มาใชง้ าน 6. หนา้ มาสเตอร์เพจจากไฟล์ Master Page จะเข้ามาในพาเนล เพ่ือกำหนดคา่ การใช้งานกับหนา้ กระดาษต่อไป การคดั ลอกหนา้ มาสเตอร์จากหน้ามาสเตอร์เดิม 1. คลิกเลือกหนา้ มาสเตอรท์ ีต่ อ้ งการใช้รปู แบบในการเพิ่มหน้ามาสเตอร์ 2. คลกิ เมาสข์ วาบริเวณพ้นื ทก่ี ารจดั การหนา้ มาสเตอรแ์ ล้วเลอื กคำส่งั Duplicate Master Spread “B-Master B1” 3. หนา้ มาสเตอร์ C-Master จะเพ่มิ เขา้ มาในพาเนลตอ่ จากมาสเตอรต์ ้นแบบ B-Master B1 การปรบั แตง่ หนา้ มาสเตอร์ 1. คลิกเลอื กหน้ามาสเตอร์ทีต่ ้อการปรบั แตง่ 2. คลิกเมาส์ขวาบริเวณพื้นท่ีการจัดการหน้ามาสเตอร์แล้วเลือกคำส่ัง Master Options for “C- Master”… 3. ปรากฏหน้าต่าง Master Options สำหรบั กำหนดคา่ หนา้ มาสเตอร์ที่ตอ้ งการ 4. เลือกกำหนดค่าหน้ามาสเตอร์ท่ตี ้องการ ในท่ีน้ไี ดก้ ำหนดช่ือหน้ามาสเตอร์ ในช่อง Name เป็น Master C1 และเลือกรูปแบบจาก A-Master A1 เป็นตน้ แบบหน้ามาสเตอรน์ ี้ 5. คลิกเลือก เพือ่ ยอมรบั การใช้ค่าทก่ี ำหนด 6. ชื่อ และรูปแบบของหน้ามาสเตอร์ A-Master A1 จะเพ่ิมเข้ามาในหน้ามาสเตอร์ C-Master C1 ตามท่ี ได้กำหนดคา่ ไว้ การเพิ่มหนา้ มาสเตอร์จากหน้ากระดาษ 1. คลิกเมาส์ขวาบริเวณหน้ากระดาษที่ต้องการในพาเนล Page แล้วเลือกคำสั่ง Save as Master เพื่อ กำหนดใหเ้ ป็นหนา้ มาสเตอร์ 2. หนา้ มาสเตอรจ์ ะเพิม่ เข้ามาในพ้นื ทก่ี ารจัดการหนา้ มาสเตอร์ โดยมีรูปแบบจากหนา้ กระดาษทก่ี ำหนด

การลบหนา้ มาสเตอร์ 1. คลกิ เลือกหนา้ มาสเตอรท์ ต่ี อ้ งการลบ หากตอ้ งการลบหลายหน้าพรอ้ มกนั ให้กดปุม่ <Shift> คา้ งไว้ 2. คลกิ เมาสข์ วาบริเวณพนื้ ที่ Master Pages แลว้ เลืกคำส่งั Delete Master Spread D-Master” สว่ นประกอบที่ใช้เปน็ เลย์เอาต์บนหนา้ มาสเตอร์ - เส้นไกดจ์ ากไมบ้ รรทดั - คอลัมน์ไกด์ทใ่ี ช้ในการแบ่งเนื้อหาออกเปน็ คอลมั น์ - เสน้ ไกดท์ ใี่ ชก้ ำหนดขอบกระดาษ - กราฟิกทไ่ี ดอ้ อกแบบไวเ้ พื่อใชต้ กแตง่ ในหนา้ ตา่ งๆ พาเนล Pages สำหรับจัดการหน้ามาสเตอร์ พาเนล Pages เป็นหนา้ ต่างท่ีใช้จดั การหนา้ มาสเตอรแ์ ละการสรา้ งหนา้ กระดาษใหมต่ ง้ั แต่การสร้างคดั ลอก ลบ กำหนดค่าเลย์เอาต์ และการสำเนาเพ่ือนำไปใชใ้ นไฟล์งานอื่นๆ เราสามารถเปิดใช้งานพาเนล Pagesได้ โดยเลือก Window->Pages ดังนี้ 1. เลือก Window->Pages 2. แสดงหนา้ พาเนล Pages 3.พน้ื ทีจ่ ัดการกบั หน้ามาสเตอร์ สร้างงานพิมพใ์ นรปู แบบหนงั สอื การใส่หมายเลขหน้า 1. ดบั เบลิ้ คลิกหน้ามาสเตอร์ในพเนล Pages ทเี่ ราต้องการกำหนดหมายเลขหนา้ 2. ใช้ Type Tool คลกิ แล้วลากเพื่อสร้างกรอบข้อความในตำแหน่งท่ตี ้องการ 3. แสดงเคอร์เซอรเ์ พ่อื กำหนดตัวอกั ษรตน้ แบบในการใส่หมายเลขหน้า 4. เลือกคำสงั่ Type->Insert Special Character->Markers Current Page Number เพื่อใสห่ มายเลขหน้า 5. ปรากฏหมายเลขหน้าเปน็ ตวั อักษร ในหนา้ มาสเตอร์ กำหนดหมายเลขหน้าเร่มิ ตน้ และรปู หมายเลขหนา้ 1. คลกิ เลือกหน้ากระดาษในหนา้ แรก แล้วคลกิ เมาสข์ วาเลอื กคำสั่ง Numbering & Section Option 2. ปรากฏหนา้ ตา่ ง Numbering & Section Options ขึ้นมา 3. ในช่อง Start Page Numbering at กำหนดหมายเลขหนา้ แรกท่ตี ้องการ 4. ในช่อง Style เลือกรปู แบบการรนั ด้วยเลขอารบิค 5. คลิกเมาส์ เพอ่ื ตกลงใช้คา่ ท่ีกำหนด

รวมไฟล์เป็นหนังสอื (Book) และรับหนา้ ต่อเนอื่ ง 1. คลกิ ท่เี มนู File -> New ->Book 2. เลอื กโฟลเดอร์ทต่ี อ้ งการจดั เก็บไฟล์ ในการรวมไฟลง์ าน 3. ตง้ั ช่ือไฟลท์ ่ีต้องการ 4. คลกิ ท่ีปมุ่ Save เพือ่ บันทกึ ไฟล์ 5. จะปรากฏพาเนลชอ่ื ไฟล์งานขึน้ มา ตามท่ีเราไดต้ ้งั ชือ่ ไว้ การเพ่มิ ไฟลง์ าน 1. คลกิ ทปี่ ุ่ม +(Add documents) เพื่อเลือกไฟลง์ านทตี่ อ้ งการรวมเขา้ มาในพาเนล 2. คลิกเลอื ก ไฟลง์ านทตี่ อ้ งการรวมตามลำดบั 3. คลกิ ทปี่ มุ่ Open เพอื่ เปิดไฟล์ 4. ไฟล์งานจะมาแสดงในพาเนล 5. ทำซ้ำครบทกุ ไฟล์ แลว้ คลกิ ที่ปุ่มบนั ทึก การกำหนดรปู แบบการรนั เลขหนา้ เม่ือเราเพมิ่ ไฟล์งานเข้าไปในหนังสอื เลขหน้าของไฟลง์ านนนั้ จะเปล่ยี นใหโ้ ดยอัตโนมตั ิ ซง่ึ ในสว่ นการทำงาน นี้เราสามารถกำหนดรายละเอียดเพิ่มเติมได้ โดยคลกิ ทเ่ี มนูในพาเนล Book เลือกคำสั่ง Book Page Option และ ปรบั แตง่ การรนั เลขอตั โนมตั ไิ ด้ การเปิดไฟล์งาน 1. ดบั เบลิ้ คลิกทไี่ ฟล์งาน เพ่ือแสดงไฟล์ 2. ไฟลง์ านจะปรากฏขึ้นมา การลบไฟล์งาน 1. คลกิ เลือกไฟลง์ านท่ตี อ้ งการลบ 2. คลิกทป่ี ุม่ – เพือ่ ลบไฟลง์ าน 3. ไฟล์งานทไ่ี มต่ ้องการจะถูกลบออกไป 4. คลกิ ท่ปี ุ่มบันทึกเพอื่ บนั ทกึ การใช้งาน การถ่ายโอนรูปแบบไฟล์งาน กำหนดส่วนถ่ายโอน กอ่ นที่เราจะถ่ายโอนรปู แบบ เราตอ้ งกำหนดส่วนทต่ี อ้ งการถา่ ยโอนกอ่ น โดยคลิกท่ีเมนู ใน พาเนล Book เลอื กคำส่งั Synchronize Options ส่วนทถ่ี ่ายโอนไดจ้ ะมี รูปแบบตัวอกั ษร (Styles) , ตัว แปร (Text variables) , หนา้ มาสเตอร์ (Master Pages) รปู แบบการตงั้ คา่ ท่ีบันทึกไว้ (Trap presets) และ รปู แบบสี (Swatches) การถ่ายโอนรปู แบบในหนงั สอื การถ่ายโอนรูปแบบเราจะต้องมไี ฟลต์ น้ แบบกอ่ น โดยเราจะเลอื กไฟลต์ น้ แบบจากการคลิกทก่ี ล่องเปล่า หน้าชื่อไฟลง์ าน จะปรากฏสญั ลักษณ์ ตน้ แบบ แสดงว่าไฟล์งานนนั้ เป็นไฟลง์ านต้นแบบ 1. คลิกเลอื กไฟลง์ านต้นแบบ 2. คลิกที่การถา่ ยโอนรปู แบบ Ws 1 ไปสู่ทุกๆ ไฟลง์ านในหนังสือ 3. คลิกท่ีปมุ่ 0km แสดงการถา่ ยโอนรูปแบบเสรจ็ สมบูรณ์

สร้างหนา้ ดัชนี เปดิ พาเนลท่ใี ช้สร้างดชั นีข้นึ มาใชง้ าน 1. เลอื กคำสง่ั Window->Type & Index เพ่อื เปิดพาเนลขึน้ มาใช้งาน 2. จะปรากฏพาเนล index ข้นึ มา สำหรบั ใช้สรา้ งดชั นี สว่ นประกอบของดัชนี ในการสรา้ งดชั นที ัว่ ๆ ไป ดัชนที สี่ ร้างจะมีองคป์ ระกอบต่างๆ ดังตอ่ ไปน้ี - ช่ือรายการ - อกั ษรนำของคำดัชนี - หมวดคำดชั นี - คำดชั นอี า้ งองิ เลขหน้า - คำดชั นอี ้างองิ คำดัชนี ขน้ั ตอนการสร้างดชั นี 1. สรา้ งรายการหมวดหมู่ เปน็ การสรา้ งรายการของหมวดคำดชั นี เปน็ ขน้ั ตอนในการสร้างหมวดเตรยี มไว้ กอ่ นและจัดคำดัชนใี ส่ลงไป 2. เลือกคำในหนา้ ไฟล์งานมาสร้างเป็นดชั นี ขั้นตอนนี้ใชเ้ วลาค่อนข้างมาก เพราะตอ้ งทำทีละคำไล่ต้งั แต่ หนา้ แรกจนถงึ หน้าสุดทา้ ย 3. สร้างรายการคำดัชนี เป็นการดึงคำดัชนีที่เรากำหนดไวใ้ นขนั้ ตอนท่ี 2 ออกมาเปน็ รายการแสดงคำ ดัชนี แสดงหมวดคำดัชนี แสดงเลขหนา้ ทค่ี ำดัชนอี ยู่ 4. ตกแต่งรายการคำดัชนี ดว้ ยสี การจัดเรยี ง ขนาดตัวอักษร และอื่นๆ สรา้ งรายการหมวดหมู่ 1. เลอื กใช้ Topic เพ่อื สร้างรายการหมวดหมู่ 2. คลกิ ทป่ี มุ่ Create a new index entry 3. กำหนดชือ่ หมวดหมู่ แล้วคลกิ ปมุ่ OK 4. แสดงชอื่ หมวดหมู่ท่ีสร้างข้นึ เลอื กคำในหน้าไฟล์งานมาสรา้ งเปน็ ดชั นี 1. เลือกใช้ Topic เพื่อสรา้ งรายการหมวดหมู่ 2. คลิกเลอื ก Type Tool แลว้ ไฮไลท์ข้อความ หรอื คำที่ต้องการนำมาสรา้ งเปน็ ดัชนี 3. คลิกเลอื กหมวดหมู่ (ถา้ มี) แลว้ พิมพค์ ำทเ่ี ราตอ้ งการสร้างเป็นดชั นี 4. กำหนด Current Page 5. คลิกทป่ี ุ่ม OK 6. จะแสดงค่าดชั นีและจดั หมวด พรอ้ มระบุเลขหน้าอา้ งองิ คา่ ดัชนี

สร้างรายการคำดชั นี 1. เปดิ พาเนล Index ท่ีกำหนดคำหรือขอ้ ความทีต่ ้องการใช้เปน็ ดัชนีเรยี บรอ้ ยแล้วขึ้นมา 2. คลิกที่ปุ่ม Generate index ไปพาเนล index เพอ่ื นำดัชนีทีก่ ำหนดไวไ้ ปแสดงในหน้ากระดาษ 3. กำหนดช่ือดชั นี 4. คลิกทปี่ ่มุ OK 5. ตัวชเ้ี มาส์จะเปล่ียนเปน็ ข้อความสำหรบั นำไปจดั วางในหน้ากระดาษ การลบคำดชั นี ทำได้ 2 วิธี สามารถเลอื กวิธีใดก็ได้ - ลบในพาเนล เลือกคำดชั นที ีต่ ้องการแลว้ คลกิ ป่มุ Delete selected entry ดา้ นล่างของพาเนล - ลบในหน้ากระดาษ เลอื กเครอื่ งหมายกำกบั กดปมุ่ <Backspace> หรือ <Delete> เพอื่ ลบท้ิง สรา้ งหน้าสารบัญ กำหนดสไตล์ของหวั ขอ้ ทจี่ ะนำไปสร้างสารบัญ ใหเ้ ราสร้างสไตลใ์ ดๆ ก็ได้ จากน้ันสงวนสไตลน์ ้นั ไว้ใช้กบั ข้อความสว่ นท่ีเปน็ ข้อความเท่าน้นั ไมน่ ำไปใชก้ บั สว่ นอ่ืนท่เี ป็นเนื้อหา ดึงสารบญั 1. เลอื กคำสั่ง Layout->Table of Contents 2. กำหนดชื่อสารบัญ และเลอื กสไตล์ให้ชื่อสารบญั 3. เลือกสไตลท์ ่ีจะนำไปสรา้ งเปน็ สารบญั 4. สไตล์ทีเ่ ลือกจะเขา้ มาในชอ่ ง Include Paragraph Styles 5. คลิกปมุ่ OK 6. ตวั ช้ีเมาส์จะเปล่ยี นเปน็ รปู ให้เราคลกิ เมาส์เพอ่ื สร้างสารบญั ในหน้ากระดาษ 7. ขอ้ ความที่ใชส้ ไตล์ “ index Section Head “ จะแสดงเปน็ สารบญั สรา้ งหวั และท้ายกระดาษ ในการสร้างหวั และท้ายกระดาษเราสามารถกำหนดคำ หรอื ข้อความท่ีตอ้ งการได้ตา่ งๆ ท่โี ปรแกรมได้กำหนดไว้ ซึ่งมลี ักษณะการใชง้ าน ดงั น้ี 1. เลือกคำส่งั Type -> Text Variables -> Define 2. หนา้ ต่าง Text Variables จะปรากฏข้นึ มาสำหรับเลือกรูปแบบของหัวใจและท้ายกระดาษ 3. ถา้ รูปแบบหัวและท้ายกระดาษไมต่ รง ให้คลกิ ที่ปมุ่ NEW เพอ่ื สร้างรูปแบบหัวและทา้ ยกระดาษ 4. หนา้ ต่าง New Text Variable จะปรากฏขึ้นมา

หนว่ ยท่ี 5 การสร้างสรรค์งานออกแบบโฆษณา ความคดิ สรา้ งสรรค์ (Creative Thinking( กระบวนการคิดของสมองซ่ึงมีความสามารถในการคิดได้หลากหลายและแปลกใหม่จากเดิม โดยสามารถ นำไปประยุกต์ทฤษฎี หรือหลักการได้อย่างรอบคอบและมีความถูกต้อง จนนำไปสู่การคิดค้นและสร้าง ส่ิงประดิษฐ์ที่แปลกใหม่หรือรูปแบบความคิดใหม่ นอกจากลักษณะการคิดสร้างสรรค์ดังกล่าวนี้แล้ว ยังมี สามารถมองความคิดสร้างสรรค์ในหลาย ซง่ึ อาจจะมองในแงท่ ่ีเป็นกระบวนการคดิ มากกว่าเนื้อหาการคิด โดย ที่สามารถใช้ลักษณะการคิดสร้างสรรค์ในมิติท่ีกว้างข้ึน ซ่ึงความคิดสร้างสรรค์ ควรจะประกอบไปด้วย 3 ประการ คือ 1.ส่ิงใหม่ (new, original) เป็นการคิดที่แหวกวงล้อมความคิดท่ีมีอยู่เดิม ที่ไม่เคยมีใครคิดได้มาก่อน ไม่ได้ลอกเลยี นแบบใคร แมก้ ระทง่ั ความคิดเดิมๆ ของตนเอง 2.ใช้การได้ (workable) เป็นความคิดที่เกิดจากการสร้างสรรค์ที่ลึกซึ้ง และสูงเกินกว่าการใช้เพียง \"จินตนาการเพ้อฝัน\" คือ สามารถนำมาพัฒนาให้เป็นจริง และใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสม และ สามารถตอบสนองวัตถปุ ระสงค์ ของการคิดได้เปน็ อยา่ งดี 3.มีความเหมาะสม เป็นความคิดท่ีสะท้อนความมีเหตุมีผล ที่เหมาะสม และมีคุณค่า ภายใต้มาตรฐาน ทีย่ อมรบั กันโดยทั่วไป การที่คนเราจะมีความคิดสร้างสรรค์ ได้ตามลักษณะท่ีกล่าวมานั้น ขึ้นอยู่กับศักยภาพการทำงาน และ การพัฒนาของสมอง ซ่งึ สมองของคนเรามี 2 ซกี มกี ารทำงานทแ่ี ตกตา่ งกัน สมองซีกซ้าย ทำหนา้ ท่ใี นส่วนของ การตดั สนิ ใจ การใช้เหตุผล สมองซีกขวา ทำหน้าทใ่ี นส่วนของการสร้างสรรค์ แม้สมองจะทำงานต่างกัน แตใ่ น ความเปน็ จรงิ แล้ว สมองท้ังสองซีก จะทำงานเช่ือมโยงไปพร้อมกนั ในแทบทุกกิจกรรมทางการคดิ โดยการคิด สลับกันไปมา อย่างเช่น การอ่านหนังสือ สมองซีกซ้ายจะทำความเข้าใจ โครงสร้างประโยค และไวยากรณ์ ขณะเดียวกัน สมองซีกขวาก็จะทำความเข้าใจ เกี่ยวกับลีลาการดำเนินเร่ือง อารมณ์ท่ีซ่อนอยู่ในข้อเขียน ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องพัฒนาสมองท้ังสองซีกไปพร้อมๆ กัน ไม่สามารถแยกพัฒนาในแต่ละด้านได้ การ คน้ พบหนา้ ทแ่ี ตกตา่ งกนั ของสมองทัง้ สองส่วน ช่วยให้สามารถใชป้ ระโยชน์จากได้มากขนึ้ การสร้างสรรค์งานโฆษณา เป็นการโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ โดยมีจุดมุ่งหมายเพ่ือให้ข้อมูลข่าวสาร เกยี่ วกับสินค้าหรือบริการ ตลอดจนแนวคิดไปสู่ผู้บริโภคตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ การโฆษณาจึงต้องมีลกั ษณะ สร้างสรรค์ โดยการวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ ไมว่ ่าจะเปน็ ด้านการตลาด ด้านผู้บริโภคและด้านสื่อโฆษณา เพ่ือ นำมาใชเ้ ปน็ ขอ้ มูลในการสร้างงานโฆษณาให้บรรลุผลตามวัตถุประสงค์ท่ีต้งั ไว้ 3. กลยุทธ์ในการสรา้ งสรรค์งานโฆษณา (Creative Strategy) กลยุทธ์ในการสร้างสรรค์งานโฆษณา เป็นขั้นตอนในการสร้างงานโฆษณาที่มีคุณภาพ สามารถสร้าง ความแปลกใหม่ โดยใช้ความรู้ เหตุผล จินตนาการสร้างเอกลักษณ์และแนวความคิดที่เหมาะสม สร้าง ความรู้สึกต่อเน่ืองและแสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างความคิดหรือส่ิง ของ ประ เด็นสำคัญในการ สรา้ งสรรคง์ านโฆษณามดี ังน้ี 1. การวเิ คราะห์ลกั ษณะของผู้รับขา่ วสาร การวิเคราะห์ลกั ษณะของผู้รับข่าวสาร (Audience Characteristics) ซ่ึงอาจเป็นผฟู้ ัง ผู้อ่านหรอื ผู้ชมท่ี เป็นกลุ่มเป้าหมายในการโฆษณา เพ่ือให้ทราบถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตอบสนองความต้องการของ ผู้บริโภค โดยศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค(Consumer Behavior) ผลิตภัณฑ์ (Product) และคู่แข่งขัน (Competitor)

2. วตั ถุประสงค์ในการโฆษณา (Creative Objective) 1. เพ่ือแนะนำใหร้ จู้ ักสนิ ค้าหรือบรกิ ารใหม่ ๆ แก่ผบู้ ริโภคกลุ่มเปา้ หมาย 2. เพ่ือเสนอข้อมูลเก่ียวกับสินค้าหรือบริการ เช่น ประเภท ประโยชน์ คุณสมบัติโดดเด่น ความสำคัญ ของสินค้าหรือบรกิ ารนนั้ ๆ ต่อการดำรงชวี ิตของผ้บู รโิ ภค เป็นตน้ 3. เพ่ือสร้างจุดเด่นให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของสินค้าหรือบริการ จนผู้บริโภคจำช่ือจำตราของ สนิ ค้าหรอื บริการน้นั ได้ดี 4. เพื่อสร้างแรงจูงใจ เร้าใจหรือดึงดูดใจ กระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดความสนใจในสินค้าหรือบริการ ซึ่งนำไปส่คู วามตอ้ งการในการซื้อสนิ คา้ หรือบริการนั้น ๆ 5. เพ่ือส่งเสริมการใช้สินค้าหรือบริการให้มากข้ึน เป็นการแข่งขนั ในการจำหน่ายสินค้า หรือบริการ กับคู่แข่งที่จำหน่ายสินค้า หรือบริการประเภทเดียวกัน เป็นการเอาชนะคู่แข่งขันในการจำหน่าย เพ่มิ ยอดขายหรือเพิ่มการครองตลาด การขยายตลาดสินค้าหรือบริการน้นั ใหก้ วา้ งยง่ิ ข้ึน 6. เพ่ือเป็นการทบทวนความจำ เนน้ ย้ำให้สินคา้ หรอื บรกิ ารน้นั อยู่ในความทรงจำ ของผ้บู รโิ ภคตลอดไป 7. เพ่ือสรา้ งตำแหน่งสนิ คา้ หรอื บรกิ ารข้ึนในความนึกคิดของผบู้ ริโภค 8. เพื่อสร้างภาพลักษณ์และเจตคตใิ นทางท่ีดใี หก้ บั บริษทั ผู้ผลิตสินคา้ หรือบริการน้ัน 9. เพื่อสร้างศรัทธาความเชื่อถือในสินค้าหรือบริการให้เป็นท่ียอมรับ อันจะส่งผลถึง การจำหน่าย สนิ คา้ ตวั ใหมห่ รือบริการใหม่ ๆ ของผู้ผลติ เดยี วกัน 3. การจงู ใจการโฆษณา การจูงใจการโฆษณา (Advertising Appeals) หมายถึง หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการโฆษณาเพ่ือให้เกิดการ ตอบสนองหรือสร้างอิทธิพลต่อความร้สู ึกของผู้บรโิ ภคที่มีต่อสินค้าหรือบริการประกอบด้วยหลักเกณฑด์ ังน้ี 1. การจูงใจด้านเหตุผล (Rational Appeals) หมายถึง ลักษณะที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จรงิ เหตุผลในการ เป็นเจ้าของสินค้า โดยมีเน้ือหามุ่งทีข่ ้อเทจ็ จริงการเรียนรู้ หลักเหตุผลในการจงู ใจเช่น รูปลักษณ์ ข้อดี ราคา ความนยิ ม 2. การจูงใจดา้ นอารมณ์ (Emotional Appeals) เนน้ การใหข้ ่าวสารท่มี ิไดม้ ่งุ ขายสินค้าโดยตรง เป็นการ สร้างภาพพจนแ์ ละการตอบสนองความรู้สึกหรอื ทศั นคตเิ ชน่ การตอบสนองดา้ นความปลอดภยั ความ รักในครอบครัวหรือการประสบความสำเร็จในชีวิต 3. การจูงใจด้านเหตุผลร่วมกับการจูงใจด้านอารมณ์ (Combining Retional Appeal and Emotional Appeals) คือ การใช้การจงู ใจทั้งด้านเหตุผลและด้านอารมณ์ร่วมกนั 4. การจงู ใจด้านสังคม ศีลธรรมและส่งิ แวดลอ้ ม (Social Morals and Environment Appeals) เป็น การเสนอข่าวสารเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม อนุรักษ์ส่ิงแวดล้อมเช่นการโฆษณาสถาบัน โฆษณารณรงค์ในเร่อื ง 4. ส่ือโฆษณา (Advertising media) สื่อโฆษณาเป็นเครื่องมือทางการตลาดท่ีมีบทบาทสำคัญต่อองค์กรตา่ งๆ ท้ังภาครัฐและเอกชนรวมถึงผู้ที่ ทำธุรกิจ เพราะเป็นสื่อท่ีมีหน้าท่ีนำข้อมูลข่าวสารสื่อสารเรื่องราวเหล่านั้นไปยังกลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่ม ผู้บริโภคทัง้ ในรปู แบบของธุรกิจทห่ี วังผลกำไรหรือเป็นงานบริการสาธารณะท่ีเป็นประโยชนต์ ่อสังคมก็ได้ การ โฆษณาจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยและกาลเวลา มกี ารปรับตัวใหเ้ หมาะสมและมีหลากหลายรูปแบบ มากขึ้นการใช้สื่อโฆษณานั้นๆจะเกิดประโยชน์หรือประสบความสำเร็จหรือไม่ ข้ึนอยู่กบั การเลือกใช้สือ่ แต่ละ ชนดิ อยา่ งเหมาะสมต่อกล่มุ เป้าหมายดว้ ย

ความสำคญั ของสื่อโฆษณา การโฆษณาในปัจจุบนั เกิดข้ึนดว้ ยหลายจุดประสงค์ เช่น เน้นยำ้ ให้เห็นถึงจุดดีจุดเด่นเพื่อจำหน่ายสินค้าหรือ การให้บริการ การเผยแพรป่ ระชาสมั พันธข์ อ้ มลู ขา่ วสารเพอ่ื ปลกู ฝงั หรือสร้างจิตสำนึกให้ยึดถอื ปฏบิ ัติตามกฎระเบยี บของ สังคม การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลงาน เป็นต้น ดังนั้นความสำคัญของส่ือโฆษณาจึงมีฐานะเป็นสื่อสนับสนุนให้ข้อมูล ข่าวสารท่ตี อ้ งการนำเสนอมีประสิทธิภาพและประสทิ ธิผลมากยงิ่ ขึ้น ดังนี้ 1. สรา้ งความเข้าใจในคุณสมบัติของสนิ คา้ และบริการ หรือประชาสัมพนั ธผ์ ลงานใหส้ าธารณะชนได้รับร้ใู นวงกวา้ ง 2. สร้างแรงกระตนุ้ แรงจูงใจให้เกิดความต้องการซอื้ สนิ ค้า บรกิ ารหรอื ตอ้ งการนำไปทดลองและปฏบิ ตั ิตาม 3. สร้างความเช่อื มนั่ และไวว้ างในในตัวสนิ ค้าและบริการ หรือมัน่ ใจภมู ิใจในองคก์ ร 4. สรา้ งการตอกย้ำความทรงจำของผบู้ ริโภคหรือบคุ คลกลุ่มเป้าหมายให้จดจำสินค้า บริการ หรือส่ิง ที่ตอ้ งการสือ่ สารประชาสัมพนั ธไ์ ด้ 5. กระบวนการสรา้ งสรรค์งานโฆษณา (Advertising creative process( 1. การรวบรวมข้อมลู (Immersion) เปน็ การรวบรวมขอ้ มูลโดยอาศัยการวจิ ัย เช่น ข้อมูลดา้ นผลิตภัณฑ์ข้อมูล ด้านผู้บรโิ ภค ขอ้ มูลด้านการตลาด โดยทำการวจิ ัยดังนี้ 1.1 การวิจัยผลิตภัณฑ์และบริการ (Product Research) ในการโฆษณาน้ันจำเป็นอย่างยิ่ง ท่ีนักโฆษณา จะต้องทราบรายละเอียดทั้งหมดของ ตัวสินค้าและบริการในเชิงเปรียบเทียบกับสินค้า เช่นคุณลักษณะ เฉพาะของสินค้า ขนาดบรรจุ ตราสนิ ค้าหรือเครื่องหมายการค้า ราคา การนำไปใช้และจินตภาพของสินค้า 1.2 การวิจัยผู้บริโภค (Consumer Research) เพ่ือให้มีความเข้าใจถึงความรู้สึกนึกคิดและสามารถตอบสนอง ความต้องการของ กลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายหลักเช่น เพศ อายุ การศึกษา อาชีพ รายได้ ภูมิลำเนา ขนาด ครอบครัวลกั ษณะทางจิตวิทยา ความตอ้ งการ แรงจูงใจ บคุ ลิกภาพ การรบั รู้ เจตคติ และวัฒนธรรม 1.3 การวิจัยการตลาด (Market Research) เพ่ือให้ทราบถึงสภาพตลาดของคู่แข่งขันเช่น สภาวะของการ แข่งขัน การวางตำแหน่งของสินค้า ระบบการจัดจำหน่าย ส่วนประกอบตลาด แนวโน้มของตลาด การ เปลี่ยนแปลงของตลาด กิจกรรมส่งเสริมการตลาด งบประมาณโฆษณาและแผนรณรงค์ทางการโฆษณา 2. การแยกแยะข้อมูล (Digestion) เป็นการนำข้อมูลที่ได้จากการรวบรวมข้อมูลในขั้นที่หนึ่งมาแยก ประเภทและวิเคราะห์ประเด็นสำคัญการวิเคราะห์ข้อมูลด้านสินค้าและบริการ ทั้งในทางบวกและ ทางลบนอกจากนี้ยังต้องเปรียบเทียบกับคู่แข่งขันด้วย ทางด้านกลุ่มผู้บริโภค เป้าหมายต้องศึกษา วิเคราะหถ์ ึงพฤติกรรมการตัดสินใจ ซื้อและสิ่งจูงใจตา่ งๆ ทีม่ ีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซอ้ื ส่วนทางดา้ น ตลาดก็จะวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ของตลาดสินค้าชนิดนั้น ๆ ว่ามีแนวโน้มการขยายตัว หรือมี ปัญหาอุปสรรคอย่างไร ยิ่งได้ข้อมูลมากเท่าใดก็สามารถนำมาใช้ในการตดั สินใจวางแผนกลยุทธ์ได้เป็น อย่างดี 3. การใช้ความคิด (Incubation) โดยคำนึงถึงข้อมูลที่ได้ เพื่อเปลี่ยนแปลงข้อมูล เป็นแนวคิดในการ โฆษณา ผูโ้ ฆษณาตอ้ งวางยทุ ธวธิ แี ผนรณรงคโ์ ฆษณา(Advertising Campaign) ซ่ึงประกอบดว้ ย 3 แผนคอื แผนงานตลาด แผนงานสร้างสรรค์ และแผนงานซื้อส่ือโฆษณา โดยมีการกำหนดหลักกว้างๆ ไว้ว่าต้อง ทำกิจกรรมอะไรบ้าง เพ่ือให้บรรลุผลตามเปา้ หมายที่วางไว้ 4. การสร้างความคิดให้กระจ่าง (Illumination) เป็นขั้นของการเกิดความคิดที่สำคัญในการโฆษณา รายละเอียดต่างๆ ที่วางไว้ในหลักการเช่น แผนงานตลาดจะมีการจัดสรรงบประมาณในการสร้างงานค่าส่ือ โฆษณา ในดา้ นการสร้างสรรคจ์ ะมีการสรา้ งเน้อื เรอื่ งตามแนวทางท่ีกำหนดไว้

หน่วยที่ 6 การออกแบบสื่อโฆษณาประเภทต่างๆ ส่อื โฆษณาแบง่ เป็นประเภทต่าง ๆ ไดเ้ ปน็ 4 ประเภท คือ 1. สื่อโฆษณาประเภทสิง่ พมิ พ์ (Print Media) เป็นการส่ือโฆษณาโดยใช้ตัวหนังสือเป็นตัวกลางในการถ่ายทอดความคิดส่ิงท่ีต้องการส่ือสารไปสู่ประชาชน มี ดว้ ยกนั หลากหลายประเภท เชน่ หนงั สือพมิ พ์ นติ ยสาร ใบปลิว แผน่ พับ โปสเตอร์ ค่มู อื การใช้สินคา้ แบบตัวอยา่ ง สนิ คา้ (catalogs) เปน็ ต้น ซึ่งสื่อประเภทนี้กเ็ ป็นหนงึ่ ในประเภทของสื่อโฆษณายุคแรกเรมิ่ ด้วย 2. สื่อโฆษณาประเภทกระจายเสยี งและแพร่ภาพ (broadcasting media) เป็นการโฆษณาโดยการใชเ้ สียง ภาพ หรอื ตัวหนังสือ ไดแ้ ก่ โฆษณาวทิ ยแุ ละโทรทศั น์

3. สอ่ื โฆษณาออนไลน์ ส่ือโฆษณาประเภทที่มาแรงเป็นอย่างมากในปัจจุบัน มีทั้งแบบภาพน่ิงท่ีสื่อสารด้วยรูปภาพและตัวหนังสือ หรือ แบบภาพเคล่ือนไหวที่ครบไปด้วยภาพและเสียง ซง่ึ สื่อโฆษณาออนไลน์เร่ิมเข้ามามบี ทบาทเป็นอย่างมากเนือ่ งดว้ ย คนเรมิ่ ใช้ส่อื อย่างโทรศพั ท์มอื ถือที่เขา้ ถึงโลกออนไลน์ได้ง่ายมากยิง่ ข้นึ เรอ่ื ยๆ 4. ส่อื โฆษณาประเภทอ่นื ๆ เปน็ ส่อื โฆษณาอ่นื ๆ นอกเหนอื จากส่อื ท่ีกล่าวไปแลว้ ข้างตน้ เชน่ ส่ือทโ่ี ฆษณาสำหรับติดตั้งเฉพาะกับสถานที่ตา่ งๆ ส่อื โฆษณานอกสถานท่ีอย่างป้ายโฆษณาขนาดตา่ งๆ โฆษณาท่ตี ิดตามรถที่ใชส้ ำหรบั คมนาคม เปน็ ตน้ สื่อโฆษณาเป็นเคร่อื งมือทางการตลาดท่มี ีบทบาทสำคัญต่อองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงผู้ท่ี ทำธุรกิจ เพราะเป็นสือ่ ที่มหี น้าทน่ี ำข้อมูลข่าวสารสือ่ สารเรอ่ื งราวเหล่านัน้ ไปยังกลมุ่ เป้าหมายหรอื กลมุ่ ผ้บู ริโภค ซ่ึง สามารถใชไ้ ดท้ ้ังในรปู แบบของธุรกจิ ทห่ี วังผลกำไรหรอื เป็นงานบริการสาธารณะทีเ่ ป็นประโยชนต์ อ่ สังคมก็ได้ ประเภทของงานออกแบบกราฟกิ และสือ่ 1. งานกราฟกิ บนสอ่ื โฆษณาสิ่งพิมพ์ 1.1 ใบปดิ โฆษณา (Poster) ใบปิดโฆษณา เป็นส่ือที่มีบทบาทอย่างมากในการประชาสัมพันธ์ เพราะเป็นส่ือท่ีสามารถเผยแพร่ได้ สะดวก กว้างขวางและสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทุกพ้ืนที่ สื่อสารกับผู้บริโภคได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกระดับ การศกึ ษา มคี วามยดื หยนุ่ ในตวั ของสื่อได้เปน็ อย่างดี

ใบปิดโฆษณา สามารถนำเสนอ ข้อมูลรายละเอียดได้มากพอสมควร ผลิตง่าย ใช้สะดวก จึงเป็นท่ีนิยม ตลอดมา การออกแบบแผน่ ป้ายโฆษณาควรคำนงึ ถึงองค์ประกอบ 4 อย่าง ดังนี้ - ต้องเปน็ แผน่ เดียว สามารถปะตดิ ลงบนพ้ืนผิวใดก็ได้ - ตอ้ งมขี อ้ ความประกอบด้วยเสมอ - ตอ้ งปดิ ไวใ้ นท่ีสาธารณะ - ตอ้ งผลติ ขึน้ เป็นจำนวนมากได้ นอกจากนกี้ ารออกแบบควรคำนึงถึงหลกั พน้ื ฐานที่จะทำให้ส่ือแสดงบทบาทอย่างเตม็ ท่ี โดยสื่อใบปดิ โฆษณา ทดี่ ีควรจะต้องสนองแนวคิดหลกั 5 ประการไดแ้ ก่ - จะตอ้ งตอบสนองจดุ ประสงค์ในการสื่อความหมายไดอ้ ยา่ งเต็มท่ี - จะต้องมคี วามชดั เจนในภาพลักษณ์ และขอ้ ความทใ่ี ชต้ อ้ งกระจ่างชดั ขนาดพอดี - รูปภาพและข้อความทีน่ ำเสนอควรใหม้ ีความสอดคลอ้ งสันพนั ธก์ ัน - จะต้องสามารถเข้าใจ ดงึ ดูดความสนใจกลมุ่ เป้าหมายไดม้ ากทีส่ ุด - ต้องมคี วามกะทัดรัดและแสดงแนวคิดหลักเพียงอยา่ งเดียว

1.2 แผ่นพับ (Floders) แผ่นพับจัดว่าเป็นสิ่งพิมพ์ประเภทที่ผู้ผลิตส่งตรง ถึงผู้บริโภคท้ังวิธีการทางไปรษณีย์ และแจก ตามสถานท่ีต่างๆ ไปยังกลุ่มเป้าหมายได้ตามต้องการ ลักษณะเด่นของแผ่นพบั คือ มีขนาดเล็ก หยิบง่าย ให้ข้อมูล รายละเอียดได้มากพอสมควร หลากหลายและสวยงามวิธีการออกแบบแผ่นพับสามารถพับได้หลายแบบ การพับ แบบต่าง ๆ จะทำให้ภาพลักษณ์ของส่ือเปล่ียนไป แผ่นพับเมื่อพับแล้วจะมหี ลายหน้า อย่างน้อย 80 หน้า จนถึง 4 หน้า และไม่นิยมใส่เลขหน้า ในการออกแบบงานกราฟิกในแตล่ ะหน้า ไม่ 16 หน้าแต่ส่วนใหญ่นิยมพับอย่างมาก ควรให้รกหรอื แน่นจนเกนิ ไป การจัดระเบยี บของขอ้ ความและจดั วางภาพประกอบต้องใหส้ อดคลอ้ งสมั พันธก์ ัน ใช้ หลักการทางองค์ประกอบศิลป์ช่วยแก้ปัญหา และต้องพิถีพิถันมากเป็นพิเศษ เพราะผู้ดูมีโอกาสพิจารณาได้นาน และอาจดูไดห้ ลายครง้ั แผ่นพับควรพับง่ายและมคี วามน่าสนใจ

1.3 แผ่นปลิว (Leaflets) แผ่นปลิวเป็นสอื่ ท่ีมีค่าใช้จ่ายในการผลิตถูกที่สุด สามารถผลิตได้ครั้งละมาก ๆ จึงไดร้ ับความนิยมในการ นำมาเป็นสื่อเพ่ือเป็นการส่ือสาร เพ่ือให้ถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างกว้างขวาง รูปแบบและลีลาของการออกแบบ นำเสนอสาระขอ้ มลู ของแผ่นปลวิ ไมม่ จี ำกัดตายตวั นยิ มใช้กระดาษขนาด A4 1.4 บตั รเชญิ (Cards) บตั รเชิญเปน็ ส่ือโฆษณาอีกประเภทหน่ึงที่มีบทบาทในการโฆษณา ประชาสัมพนั ธก์ ารออกแบบงานกราฟิก ด้านบตั รเชิญมีอย่างกว้างขวาง สามารถสรา้ งสรรค์รูปแบบใหม่ ๆ ท่ีจะท้าทายให้ผู้ได้รับเชิญเกิดความรู้สึกอยากรู้ อยากเห็น อยากสัมผัส บัตรเชิญเรียกได้ว่างเป็นสื่อเฉพาะกิจ ใช้ในโอกาสท่ีสำคัญ ดังนั้นการออกแบบบัตรเชิญ จะตอ้ งมีความประณีต สวยงาม มคี ุณคา่ สูงในด้านศิลปะ เน่ืองจากต้องการดึงดูดชักจูงให้เกิดความรู้สึกคลอ้ ยตาม การออกแบบบัตรเชิญสามารถตอบสรองแนวคิดสร้างสรรค์ของผู้ออกแบบได้เป็นอย่างดี อาจมีลักษณะเป็นแผ่น พบั 2 พบั หรือทำเป็นแบบสามมิติกไ็ ดแ้ ลว้ แต่ความเหมาะสมกบั งานน้ัน

2. งานกราฟิกบรรจุภณั ฑ์ บรรจุภัณฑ์มีหน้าท่ีหลักคือเป็นตัวภาชนะ สำหรับบรรจุสินค้า มีหลายรูปแบบแตกตา่ งกันไปตามลักษณะของ สินค้า เช่น หีบ ห่อ กล่อง ขวด ลัง กระป๋อง ฯลฯ บรรจุภัณฑ์จะมีขนาดต่าง ๆ ตามขนาดที่บรรจุสินค้า การ ออกแบบบรรจุภณั ฑ์แบง่ เป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้ 3 กลุ่ม คอื • บรรจุภัณฑ์สำหรับค้าปลีก มักออกแบบสวยงาม สะดวกในการใช้สอย น่าใช้ บางชนิดจะเน้นความสวยงาม เปน็ พเิ ศษ จะมีรายละเอยี ดของสินคา้ บรรจุอยูภ่ ายใน • บรรจภุ ัณฑ์เพอื่ การค้าส่ง เปน็ บรรจภุ ัณฑ์ทอ่ี อกแบบสำหรับบรรจุสินค้าจำนวนมากๆ การกำหนดรายละเอยี ด จะแตกต่างออกไป • บรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่ง จะเน้นในเร่ืองความสะดวก ความปลอดภัย และความประหยัดในการขนส่ง การ ออกแบบฉลากของบรรจุภณั ฑจ์ ะต้องอยภู่ ายใต้เง่ือนไขและข้อกำหนดหลายอยา่ ง นกั ออกแบบมกั จะต้องสรา้ ง ภาพลักษณ์ของตัวสินค้าให้เกิดความน่าเช่ือถือ สวยงาม ส่วนการออกแบบหีบห่อบรรจุภัณฑ์ก็มีจุดประสงค์ อย่างเดยี วกนั กบั ฉลากสนิ ค้า แตม่ จี ุดเดน่ คือ เพ่ือความสะดวกในการขนสง่

3. งานกราฟิกบนเครอ่ื งหมายและสญั ลกั ษณ์ ส่ือทเ่ี ปน็ ภาพเครือ่ งหมายหรือสญั ลักษณ์ เป็นสอ่ื ท่ีมีบทบาทอยา่ งมากในชวี ิตประจำวนั ถา้ เรามองไปรอบ ๆ ตวั จะเหน็ สื่อทเี่ ปน็ ภาพเคร่ืองหมายหรือสัญลักษณ์ปรากฏอยทู่ ว่ั ไปการออกแบบ สญั ลักษณ์นกั ออกแบบจะต้อง ใช้ความรู้ความสามารถอย่างย่ิงในการวิเคราะห์เน้ือหาสาระท่ี ต้องการสื่อความหมาย และสังเคราะห์ให้เป็น รปู ลักษณ์ท่ีเป็นส่ิงแทนอันสามารถจะบอกได้ถึงความหมาย ทั้งยังต้องใช้ความสามารถในการเขียนภาพหรือผลิต ภาพ สัญลกั ษณใ์ หป้ ระณตี คมชดั เพอื่ ส่ือความหมายไดอ้ ยา่ งถูกต้อง

หน่วยที่ 7 การนำเสนอผลงาน PRESENTATION คือ : การถ่ายทอดความคิดในเรื่องใดเร่ืองหนึ่ง ท่ีมีวัตถุประสงค์ท่ีแน่ชัด ให้ผู้ฟังเข้าใจ ภายในเวลาจำกดั ความหมายของการนำเสนอในแง่ต่าง ๆ 1.คอื การขายความคิด 2.คือ การลดความแตกต่างความเขา้ ใจของผพู้ ูดกบั ผู้ฟัง 3.คือ การเอาชนะขอ้ โต้แย้งจากผฟู้ งั 4.คอื เพือ่ ช่วยการตัดสินใจของผ้ฟู งั การนำเสนอท่ีจะบรรลุเป้าหมายต้องมีทั้งเนื้อหา / เนื้อเรื่อง (Content) และวิธีการ / ขบวนการในการส่ือ หรอื การถ่ายทอด (Process) 1. การค้นคว้าและวิเคราะหข์ อ้ มลู เพอ่ื นำเสนอได้อยา่ งถูกตอ้ ง ตอ้ งรูห้ ลักการดังน้ี 1.1 ร้ลู ักษณะการนำเสนอผลงานทีด่ ี 1.2 รู้ขนั้ ตอนการนำเสนอผลงาน 1.3 ร้หู ลักการเตรียมสอ่ื และคำอธบิ าย 2. การวเิ คราะห์ขอ้ มูลเพอ่ื การนำเสนอ Presentation ลักษณะการนำเสนอผลงานท่ีดี 1. มโี ครงสร้างการนำเสนอท่ชี ัดเจน ซง่ึ โครงสรา้ งของการนำเสนอควรแยกเปน็ ส่วนยอ่ ยๆ มีการกำหนด รายละเอยี ดต่างๆ 2. ผฟู้ งั ไดป้ ระโยชน์สงู สุด 3. ไมค่ วรมีรายละเอียดหรือยาวจนเกินไป ขั้นตอนการนำเสนอผลงาน 1. ขั้นเตรียมการนำเสนอ 2. ข้นั นำเขา้ สู่เรอื่ งทีจ่ ะนำเสนอ 3. ขั้นนำเสนอผลงาน 4. ข้นั สรุปการนำเสนอผลงาน การเตรียมสื่อและคำอธบิ าย 1.ใช้ภาษาง่าย ๆ และ หน่ึงความคิดในหนงึ่ สไลด์ 2. เขียนเฉพาะหัวข้อสำคัญและข้อมูลเทา่ ทจ่ี ำเปน็ และไม่ควรเกดิ 6 หวั ข้อ 3. เขียนเฉพาะเรอ่ื งท่ตี ้องการให้ผูฟ้ ังสนใจ 4. ใชส้ ีใหแ้ ตกต่างระหว่างหัวขอ้ กับ รายละเอียด และเป็นแบบเดียวกนั ท้งั ชดุ 5. ไมใ่ ชอ้ ักษรหลาย ๆ แบบในสไลดเ์ ดียวกนั 6. หลกี เล่ยี งการอ่านขอ้ มูลแบบคำต่อคำบนสไลด์

ความสำคญั ของการนำเสนองาน การนำเสนองานเข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานทางธุรกิจ การเมือง การศึกษา ตลอดจนหน่วยงานของรัฐ ต้องอาศยั วิธีการนำเสนองานเพ่ือสื่อสารขอ้ มูลเสนอความเห็น เสนอขอ อนมุ ตั ิหรอื เสนอข้อมูลการดำเนินงานต่างๆ ผมู้ หี น้าท่เี กี่ยวกับงานด้านประชาสัมพันธก์ ารแนะนำเพ่ือการเยี่ยม ชม เหมาะสมกบั งานดา้ นต่างๆ และต้องเลือกใช้ซอฟตแ์ วรท์ เ่ี หมาะสม เพราะในปจั จุบนั มีซอฟต์แวร์ให้เลอื กใช้ มากมาย มีจุดเด่นจดุ ด้อยแตกต่างกนั ไป ดังน้ันเราจงึ จำเปน็ ต้องเลือกพจิ ารณาใหเ้ หมาะสมกับลักษณะงานท่ีจะ นำมาใชง้ าน ซอฟตแ์ วรก์ ราฟกิ การนำเสนองาน ซอฟต์แวร์กราฟิกการนำเสนองานเป็นซอฟต์แวร์ประยุกต์ท่ีช่วยงานด้านการนำเสนอข้อมูลด้วย คอมพิวเตอร์ซึ่งอาจเป็นการนำเสนอข้อมูลให้กับผู้เข้าฟังการประชุม สัมมนา การบรรยาย หรือในการจัดการ เรียนการสอน โดยท่ัวนิยมท่ีจะใช้คอมพวิ เตอรพ์ ่วงต่อกับเครื่องฉายวิดีทัศน์(LCD Projector) หรือจอทวี ีขนาด ใหญ่ ให้กบั ผฟู้ งั ทมี่ จี ำนวนมาก เพ่ือนำเสนอข้อมูลหรือผลงานในรปู กราฟกิ และสามารถสร้างเอกสารนำเสนอที่ มีรปู แบบสวยงาม ใช้งานง่าย คำสงั่ และเครื่องมือทีใ่ ช้ในแต่ละซอฟต์แวร์มีลกั ษณะใกลเ้ คียงกัน บางซอฟต์แวร์ สามารถแปลงใหเ้ ป็นเอกสารอนิ เทอร์เน็ต เพอื่ ใหน้ ำเสนอผ่านทางอินเทอร์เน็ต และสามารถสร้างสไลดห์ ลายๆ แผ่น แล้วรวบรวมเกบ็ ไวใ้ นแฟม้ งานเดยี วกันได้ทำใหเ้ กิดความตอ่ เนือ่ ง และสะดวกตอ่ การใช้งาน คณุ สมบัติพืน้ ฐานของซอฟตแ์ วรส์ ำเร็จเพอ่ื สรา้ งงานนำเสนอ 1. สรา้ งเอกสารนำเสนอที่ประกอบด้วยขอ้ ความ ตวั เลข รูปภาพ แผนภมู ไิ ด้อยา่ งรวดเรว็ 2. แสดงเอกสารนำเสนอผ่านทางคอมพิวเตอร์โดยสามารถเพ่ิมเติมเทคนิคพิเศษต่างๆ เช่น ทำภาพเคล่ือนไหว เสยี งประกอบ วิดีโอประกอบ ฯลฯ และถ้าเชอ่ื มเขา้ กับเครื่องฉายภาพวิดีทัศน์(LCD Projector) หรือจอ ทีวีขนาดใหญ่ เพือ่ ขยายภาพขนาดใหญ่ แสดงต่อผูช้ มจำนวนมากได้ 3. ทำเอกสารยอ่ สำหรับผู้ฟังบรรยายได้ 4. ทำบนั ทึกย่อสำหรบั ผู้บรรยายได้ 5. สร้างแผน่ ใสสำหรบั เครื่องฉายขา้ มศรี ษะได้ 6. ถา้ มอี ปุ กรณใ์ นการสร้างสไลด์สามารถสรา้ งสไลด์๓๕ มลิ ลเิ มตรได้แต่ถา้ ไม่มีอุปกรณ์กส็ ามารถส่งแฟ้ม งานไปให้บรษิ ัททร่ี บั ทำสไลดส์ ร้างได้ ประเภทของซอฟตแ์ วร์กราฟกิ การนำเสนองาน มี๔ ประเภท คอื 1. ซอฟต์แวร์การนำเสนอข้อมูลซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ท่ีสามารถนำเสนอข้อมูลภาพ รูปกราฟิกต่างๆ ได้โดยไม่ สามารถแก้ไขได้เชน่ ซอฟต์แวร์เบราเซอร์ 2. ซอฟต์แวร์การสร้างและการนำเสนอข้อมูล สามารถสร้างและแก้ไขขอ้ มูลซึ่งเป็นตัวอักษร รูปกราฟ ต่างๆ เพื่อนำมาแสดงหรือนำเสนองา่ ย ตัวอย่างซอฟต์แวรป์ ระเภทน้ีได้แก่ซอฟต์แวรฮ์ ารเ์ วิร์ดกราฟกิ (Harvard Graphic) ซอฟต์แวร์โลตัสฟรีแลนซ์(Lotus Freelance) และซอฟต์แวร์ไมโครซอฟต์ เพาเวอร์พอยต(์ Microsoft PowerPoint) และซอฟต์แวร์ปลาดาว(Pladao Office) เปน็ ตน้ 3. ซอฟตแ์ วรก์ ารนำเสนอขอ้ มลู กราฟิก ซอฟต์แวรป์ ระเภทน้ีใช้ขอ้ มลู การเก็บรวบรวมคำนวณหรอื ทดลอง มาแสดงผลเป็นรูปกราฟ ๒ มติ หิ รือกราฟ ๓ มิติทำให้เข้าใจความสัมพันธ์ของข้อมูลได้ดียิ่งข้นึ ตัวอย่าง ซอฟตแ์ วรป์ ระเภทนีไ้ ดแ้ กซ่ อฟตแ์ วรไ์ มโครซอฟตเ์ อกเซล(Microsoft Excel) 4. ซอฟต์แวร์การนำเสนอกราฟกิ เฉพาะทาง เชน่ การสรา้ งแผนที่อากาศ การทดสอบเครื่องบนิ ในอโุ มงค์ ลม การสร้างภาพนามธรรม เปน็ ต้น

ตวั อย่างซอฟตแ์ วร์สำเร็จสำหรับสรา้ งงานนำเสนอทมี่ ีการใชง้ านกันโดยทั่วไป ไมโครซอฟต์เพาเวอร์พอยต์ (Microsoft PowerPoint) ซอฟตแ์ วร์โลตัสฟรีแลนซ์ (Lotus Freelance) ซอฟต์แวรน์ ำเสนอของชดุ ซอฟตแ์ วรปลาดาว




Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook