Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารประกอบการสอน ภาพล้อและภาพประกอบเรื่องปวส

เอกสารประกอบการสอน ภาพล้อและภาพประกอบเรื่องปวส

Published by jantanuch, 2021-01-31 19:34:00

Description: เอกสารประกอบการสอน ภาพล้อและภาพประกอบเรื่องปวส

Search

Read the Text Version

การเขยี นภาพผหู้ ญิงและเด็กเป็นภาพลอ้ เลียน จำเป็นอย่างยงิ่ ทตี่ อ้ งระวงั เรื่องราวตา่ งๆที่จะถา่ ยทอดออกมา ตอ้ งระวงั ย่ิงกวา่ ภาพเขียนของผ้ชู ายซงึ่ มีความเป็นอิสระมากกวา่ ควรใชส้ ไี มใ่ ห้ดูดดุ ัน แข็งแกร่ง หรอื ตัดกันมาก เกินไป ควรใช้สีสนั ท่ชี ว่ ยใหผ้ ิวพรรณดูสดใส ไม่หมน่ เกินไป

หนว่ ย 6 การเขียนภาพประกอบเร่ือง 1. ความหมายของภาพประกอบเร่ือง ภาพประกอบเรื่อง หมายถึง ภาพวาดที่เขียนขึ้นเพื่อให้มีเนื้อหาสาระสอดคล้อง สัมพันธ์กับเรื่องราวที่ กำหนดไว้ สามารถช่วยส่งเสริมให้เกิดการ รับรู้ต่อเรื่องราวนั้นๆได้ เช่น ภาพวาดประกอบเรื่องจากศาสนา วรรณคดี นิทาน นวนยิ าย บทเรอ่ื ง คำบอกเล่า เหตุการณใ์ น ชวี ิตประจาวนั เป็นตน้ 2. ความเป็นมาของภาพประกอบเรอื่ ง ภาพประกอบเรื่อง เป็นผลงานศิลปะที่มนุษย์ สร้างขึ้นเพื่อการสื่อสาร ระหว่างมนุษย์นับตั้งแต่ยุค ประวัติศาสตร์ ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ และหลักฐานที่เห็นเด่นชัดคือ ข้อความทางประวัติศาสตร์ ที่บันทึกความเป็นมา ของการเกิดนิทาน ในลังคมมนุษย์ ทั้งน้ี เกริก ยุ้นพันธ์ (2539, หน้า 9-10) ได้ระบุว่า นิทานเกิดขึ้นครั้งแรกใน ดินแดน แห่งความเจริญทางสติปัญญาของอียิปต์ ซึ่งใน ระยะแรก นิทานของอียิปต์มีเพียงการบันทึกเป็น ตัวอักษรลงบนกระดาษปาปิรสั เมื่อประมาณ 2,000 -1,300 ปีก่อนคริสตกาล การเขียนภาพ ประกอบเรื่องในยคุ แรกนี้ มีเป้าหมายเพื่อรับใช้ ศาสนา และสถาบันกษัตริย์ โดยแหล่งกำเนิดของการสร้างสรรค์งานภาพประกอบ เร่ืองสำหรับยคุ น้ี ได้แก่ ภาพจติ รกรรมฝาผนังในผนงั ปริ ามิด นอกจากส่ือทเี่ รยี กวา่ นทิ านของอียิปตย์ ุคแรก มนษุ ย์ ได้พัฒนาสื่อสิ่งพิมพ์เพื่อการสื่อสารโดยใช้ กลวิธีทางการออกแบบ (design techniques) เข้ามาเกี่ยวข้องเป็น ครั้งแรก ท้งั นี้ สกนธ์ ภู่งามดี (2545, หน้า 95) ไดก้ ลา่ วถึงพัฒนาการของส่ือสิ่งพิมพ์ สรปุ ไดว้ ่า เมื่อปี ค.ศ. 1799 มนุษย์ได้พัฒนาสื่อสิ่งพิมพ์ทีใ่ ช้กระดาษปาปิรัส (papyrus) ในลักษณะที่เป็นม้วน ไม่ใช่ลักษณะเย็บเป็นเลม่ แบบ ปัจจุบัน ดังนั้นจึงเรียกผลผลิตที่เกิดขึ้นนี้ว่า หนังสือม้วนกระดาษปาปิรัส (papyrus scrolls) หนังสือที่ถูกค้นพบอัน เปน็ สื่อสิง่ พมิ พ์ทางประวัติศาสตร์แห่งยุคนี้ มีช่อื ว่า “หนงั สือแห่ง ความตาย” (The Book of the Death) เน้ือหาของ หนังสือเล่มนี้ ได้บรรยายถึงเรื่องราวแห่งชีวิตหลังความตายของชาวอียิปต์โดยมีการออกแบบ ที่ใช้ตัวอักษรและ ภาพประกอบเรื่องมาจัดวางไว้ด้วยกันเป็นครั้งแรก นอกจากหนังสือแห่งความตาย ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่เป็นสื่อ สงิ่ พิมพ์ ซง่ึ ใช้ประโยชน์จากภาพประกอบเรื่องในการ ส่ือสารกบั ผอู้ า่ น สำหรับในประเทศไทย จะมกี ารเขยี น ภาพประกอบคำสอนของพระสงฆ์ทางอิสานท่ี เรยี กวา่ ภาพพระเวด เพื่อใช้ เป็นสื่อประกอบการเทศน์เรื่องพระเวสสันดร แต่ทั้งนี้ ภาพพระเวด เป็นผลงานการสร้างสรรค์ภาพประกอบเรื่องที่ไม่ คงทนถาวรเพราะมีขนาดใหญ่ ดแู ลรักษายาก และไม่สะดวกในการพกพาไปใช้ประกอบการเทศน์เท่าใดนัก ก่อนปี พ.ศ. 2451 การเขียนภาพประกอบเรื่องในนิทานได้เกิดขึ้นเมื่อสมัยของกรมหลวงวชิรญาณ วโรรส ซึ่งในขณะนั้นมีนทิ านสำหรับเด็กท่ีซึ่อว่า อีสป รวมทั้งนิทานเรื่องอืน่ อีกประมาณ 53 เรื่อง ทั้งนี้ หม่อมเจ้าวิบูลย์ สวัสดิวงษ์จะเป็นผู้เขียนภาพประกอบตามเนื้อเรื่องนิทานไทยในขณะนั้น จนกระทั่งปัจจุบัน ภาพประกอบเรื่อง ยัง คงเป็นปัจจัยสำคัญส่วนหนึ่งของการสื่อสาร เพราะภาพเป็นภาษาหนึ่งของสาร (message) ซึ่งสามารถสร้าง ความชัดเจนให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจในเนื้อหาของสารได้มากขึ้น รวมทั้งทำให้เนื้อหาท่ีเป็นตัวอักษรมีความ น่าสนใจและดงึ ดูดใจผู้อ่าน มากข้นึ

3. ความสำคญั ของภาพประกอบเรือ่ ง ในปจั จุบนั การสรา้ งสรรค์งานภาพประกอบเร่อื งน้ันถือว่าเปน็ งานศลิ ปะประยุกต์ (applied art) ประเภทหน่ึงท่ีเอื้อ ประโยชน์ตอ่ งานศลิ ปะประยุกตป์ ระเภทอื่นๆ เชน่ เป็นประโยชนต์ ่อส่ือโฆษณาประเภทสิ่งพิมพ์ในฐานะเป็นภาพประกอบ ในแผ่นพับ (folder) ใบปะปิดโฆษณา (poster) นิตยสาร (magazine) หนังสือนิทาน (fable book) หนังสือวิชาการ (academic book) รวมทั้ง สื่อโฆษณาประเภทบรรจุภัณฑ์(packaging) และงานภาพต้นแบบก่อนการถ่ายทำภาพยนตร์ โฆษณา หรือสตอรี่บอร์ด (story board) การสร้างภาพ ประกอบนั้นมีหลักสำคัญคือ ต้องเป็นภาพที่ สอดคล้องและ ส่งเสริมเนื้อหา เรื่องราว หรือ ข้อความที่ต้องการนำไปประกอบ นอกจากนี้ต้องเป็นภาพที่มีความคมชัดมากพอที่จะเปน็ ตน้ ฉบบั ในกระบวนการทางการพิมพ์ ภาพและสว่ นประกอบตกแต่งภาพบนหน้าส่งิ พมิ พน์ ้นั ก่อให้เกดิ คุณคา่ ทางความงาม และการถ่ายทอดจินตนาการความคิดให้เป็นรปู ธรรมที่ชัดเจนเพื่อต้องการใหเ้ กิดประสิทธิภาพผลในการสื่อสารมากที่สดุ ดังนนั้ ภาพประกอบในสิ่งพมิ พจ์ งึ มคี วามสำคัญดังน้ี 1. ใช้สร้างความสวยงามทางด้านศิลปะความคิดสรา้ งสรรค์ในการออกแบบและการนำเสนอภาพ มุ่งที่จะใช้ภาพเพอ่ื การเสนอเนื้อหา และสร้างความสวยงาม ความคิด ความรู้สึก ตลอดจนก่อให้เกิดความงามทางจิตใจ ทั้งนี้การนำ ภาพประกอบลงพมิ พช์ ่วยตกแตง่ หนา้ สิง่ พมิ พ์ใหส้ วยงาม นา่ อา่ น ดว้ ยการพมิ พภ์ าพประกอบปัจจุบนั ท่ที ันสมัย 2. ใช้ดึงดูดความสนใจแก่ผู้พบเห็นไม่ว่าจะเป็นรูปแบบภาพ การจัดวางเนื้อหาภายในภาพตลอดจนสีสันในภาพที่ กระตนุ้ ใหเ้ กดิ ความสนใจสื่อสงิ่ พมิ พน์ ั้น ๆ 3. ใช้สร้างความเข้าใจ บางครั้งการอธิบายเรื่องใดอาจยากต่อการบรรยายให้เกิดความเข้าใจแต่เมื่ออธิบายและใช้ ภาพประกอบด้วยก็จะช่วยใหเ้ ขา้ ใจได้ดี รวดเรว็ และถูกต้องกวา่ การไม่มีภาพประกอบ 4. ใช้เสริมความเข้าใจ ในกรณีที่ข้อความสร้างความเข้าใจในระดับหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังอาจจะไม่ชัดเจนหรือ ไขวเ้ ขว จำเปน็ ต้องมีภาพประกอบเพอื่ เสริมความเข้าใจใหช้ ดั เจน 5. ใช้นำเสนอข้อมูลเพื่อให้เกิดความง่ายต่อการจดจำ รูปภาพและแนวทางการออกแบบนั้นจะทำให้เกิดความ ชัดเจนของเน้ือหา ภาพจะทำใหผ้ อู้ ่านเข้าใจงา่ ยขึ้น บุคลิกของการออกแบบจะชว่ ยเน้นความทรงจำไดด้ ยี ิ่งขึ้น 6. ใช้เป็นหลักฐานเพื่อบ่งบอกบุคคล เช่น เมื่อมีการนำเสนอภาพของบุคคลใด ไม่อาจใช้ข้อความอธิบายให้ เหน็ ไดอ้ ย่างชัดเจนวา่ บคุ คลนเ้ี ป็นใคร แต่เม่อื ลงพิมพ์ภาพแล้วบอกช่อื ผเู้ ห็นก็จะรจู้ ักบคุ คลนไ้ี ด้ในทนั ที 7. ใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อความหมาย การออกแบบและการใช้ภาพที่เหมาะสมจะช่วยให้การสื่อ ความหมายไดต้ รงกับวตั ถปุ ระสงค์และเขา้ ใจง่าย ใชเ้ วลาน้อย และเพมิ่ ความชัดเจนของเน้ือหาสาระได้มากยิ่งขนึ้ 4. ประเภทของภาพประกอบเรื่อง ภาพประกอบเรือ่ งแบ่งเป็น 4 ประเภท คือ 1. ภาพเขยี น ระบายสี ทสี่ ร้างสรรคผ์ ลงานตามแนวทางของ งานจติ รกรรม (painting) โดยใช้เส้นและสีเป็น หลัก ภาพเขียนระบายสีเป็นที่นิยมในการนำไปใช้เป็นภาพประกอบหนังสือที่ต้องการภาพที่มีลักษณะเป็น ธรรมชาติ หรือตอ้ งการภาพท่ีสบายตา เช่น หนังสือกลอน หนังสือนทิ าน สมดุ บันทึก

2. ภาพเขียนลายเส้น ซ่ึงหมายถงึ ภาพทีเ่ น้นการใช้เส้น โดยสขี องภาพ มักเป็นขาวดำ ภาพประกอบประเภท นี้ จะให้ ความรูส้ กึ ที่จริงคังก็ไต้ถ้าภาพนน้ั ใช้เส้นที่ หนาและหนัก หรอื ให้ความรสู้ ึกเบาสบายก็ไต้ หากภาพนั้นใช้ เส้นพริ้วเบา ตัวอย่างเช่น ภาพ ประกอบเรื่องสั้นแบบลึกลับ ภาพประกอบก็จะมี เส้นหนัก มีการแรเงาหนักเพ่ือ สือ่ ถงึ ความลกึ ลับตามเน้ือเร่ือง หรือภาพประกอบในหนังสือนยิ าย รักแบบเพอ้ ฝัน กจ็ ะเปน็ ภาพประกอบท่ีมีลาย เสน้ เบาเพื่อชว่ ยสร้างบรรยากาศตามเนอื้ เรอื่ งนน้ั รปู แบบของภาพประกอบเร่ือง ท้งั 2 ประเภทน้นั สามารถแบง่ รูปแบบการสรา้ งภาพประกอบดงั น้ี 1.รูปแบบเหมือนจริง (Realistic Style) เปน็ รูปแบบที่ต้องการความเป็นธรรมชาติ ความถูกต้อง และบรรยากาศของความเป็นจริงขณะนั้น นิยมใช้กับภาพถ่าย ใช้ภาพประกอบปกหนังสือพิมพ์ นิตยสาร ประกอบหนังสอื วชิ าการต่างๆ ทตี่ อ้ งการความถกู ตอ้ ง เพราะต้องการความเขา้ ใจ งา่ ยตอ่ การรับรขู้ องคนท่วั ไป http://thanakornkarages.blog https://twitter.com/_blueler/status/891825 https://shop.trekkingthai.com spot.com/2016/02/blog- 552046174208 /product/%E0%B8%AB%E0% post.html B8%99%E0%B8%B1%E0%B8 %87%E0%B8%AA%E0%B8% B7%E0%B8%AD%E0%B8%9 4%E0%B8%B9%E0%B8%99% E0%B8%81/ https://sites.google.com/site/ https://www.chaipat.or.th/3 http://oknation.nationtv.tv/blo visuadesignit16/kar-srang- 0thanniversary/8illustrators g/silpa/2009/12/14/entry-1 phaph-prakxb-mi-xari-bang /theduang.html

2.รูปแบบดัดแปลงธรรมชาติ (Modulation Style) เป็นรูปแบบท่ีสร้างขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับ เรื่องราว เน้อื หา ซงึ่ ไมม่ ีในธรรมชาติ เช่นภาพการต์ ูน https://th.lovepik.com/image-401173614/cartoon-labor-day-illustration.html https://www.kalyanamitra.org/th/Aesop_list.php 3.รูปแบบอิสระ (Free Style) เป็นรูปแบบที่ไม่แสดงเรื่องราวเนื้อหา อาจจะเป็นเพียงลวดลาย รูปทรงแปลก หรอื ต้องการความสวยงามของสีสนั มากกวา่ เนอื้ หา เป็นต้น https://www.pinterest.com/pin/799459371331389086/ https://www.shutterstock.com/th/image- vector/doodle-black-white-abstract-hand- drawn-365118377

3.ภาพจากการ ถ่ายภาพ ภาพประกอบประเภทนี้ เป็นภาพที่บันทึก เรื่องราวที่เป็นจริงเอาไว้ ในปัจจุบันมีท้ัง ภาพถ่าย ขาวดำและภาพถ่ายสี ภาพประกอบประเภทนี้ เป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งของการออกแบบ งาน กราฟิก และการออกแบบงานโฆษณา เน่ืองจากปัจจบุ ัน เทคโนโลยีการถ่ายภาพ สามารถสร้างภาพถ่ายให้แปลก และเกนิ จรงิ ซง่ึ เปน็ ไปตามความต้องการท่ไี รข้ อบขดี จำกัด https://susupa89.wordpress.com/about/ http://www.naibann.com/20-awesome-tricks-to-take-photographs/ 4. ภาพจากเทคนิคสรา้ งสรรค์ ภาพประกอบประเภทนี้ ไม่เนน้ ความเหมือนจรงิ แตเ่ น้นความแปลกใหม่ และ ความตื่นตาตื่นใจเทคนิคที่นำมาใช้มีมากมาย เช่น เทคนิคการสร้างภาพ ด้วยการปะติด (collage technique) ภาพ 3 มติ ิ (Pop-Up) http://us.personal-art.com/product-detail/art- https://www.poppaganda.net/2018/06/ shop/make-your-portrait/photo-collage- 03/bangkok-pop-up-book/ portrait/photo-collage-portrait-1/

5. ขัน้ ตอนการวาดภาพภาพส่ือความหมาย ภาพวาดที่ผู้วาดจะวาดออกมานั้นนอกจากจะสวยงามแล้วยังสื่ อถึงความหมายและเรื่องราวต่างๆท่ี เกิดขึ้น ซึ่งผู้วาดภาพจะเข้าใจดี คือ การวาดภาพนั้นไม่ใช่วาดเพื่อความสวยงามแต่ต้องสามารถเล่าถึงเรื่องราว ต่างๆจากภาพได้ ขั้นตอนการวาดภาพภาพสื่อความหมายและเรื่องราวผู้วาดจะต้องมีการวางแผน ออกแบบไป ตามขนั้ ตอนดง้ นี้ 1. ข้ันกำหนดกรอบแนวคดิ คือ เป็นการกระชับขอบเขตการทำงานไม่ให้กวา้ งจนเกินไป คือ กำหนดว่า จะ วาดอะไร เพ่อื สื่อความหมายและเร่อื งราวใด นา่ จะใช้เทคนคิ การวาดภาพแบบใด 2. ขน้ั กำหนดช่ือเรอ่ื ง เป็นการตั้งชอ่ื เรื่องใหม้ ีความสมั พันธก์ ับภาพทเี่ ราวาดออกมาหรือก่อนจะวาดภาพนั้น 3. ข้ันร่างภาพ หลังจากตกผลกึ แนวคิดในการวาดภาพแล้ว กท็ ำการรา่ งภาพด้วยดินสอเบาๆ โดยคำนงึ ถงึ การจดั วาง รปู ทรง ใหเ้ ปน็ เอกภาพ 4. ข้นั ระบายสี เป็นขัน้ ตอนสุดทา้ ยของการสร้างสรรคผ์ ลงาน ตอ้ งใชเ้ ทคนคิ และวธิ ีการท่ีแตกต่างกันไปของ การลงสแี ตล่ ะชนดิ 6. สิง่ สำคญั สำหรบั การวาดภาพประกอบเรอ่ื ง 1. จนิ ตนาการ คอื การสรา้ งภาพขึ้นในใจ ซ่งึ เป็นผลงานมาจาก ประสบการณใ์ นการสมั ผสั รับรจู้ ากธรรมชาติ สภาพแวดล้อม ได้รบั แรงบนั ดาลจากภายนอกและ ภายในไปสู่การสรา้ งสรรค์ การมีจนิ ตนาการที่ดชี ว่ ย ใหเ้ ราสามารถวาดเรอื่ งราวตา่ งๆสื่อความหมายไดด้ เี ช่นกนั การจินตนาการมี 3 ประเภท 1.1 จนิ ตนาการจากประสบการณ์ตรง คือสมั ผัสโดยตรงกับ สภาพสังคมแวดล้อมอยู่ 1.2 จนิ ตนาการประสบการณท์ างอ้อมคือ ได้รบั คำถา่ ยทอด จากการบอกเลา่ จากวรรณกรรมและสื่อต่างๆ 1.3 จินตนาการจากการสรา้ งสรรค์คือเกดิ ความสรา้ งสรรค์ ใหม่ของศิลปินเอง โดยคดิ ไมซ่ ้าแบบใคร 2.แรงบันดาลใจ คือ สิ่งเร้าที่มีอานาจกระตุ้นให้เกิดความปารถนาที่จะสร้างงานศิลปะ เช่น ได้พบเจอหรือ รับฟังเร่อื งราวมา ทำใหเ้ ราอยากถ่ายทอดออกมาเปน็ ผลงานศลิ ปะ 3. การวาดใหส้ ื่อถึงเร่อื งราวได้ดี คอื ผ้วู าดตอ้ งเขา้ ใจในเรื่องๆน้ันกอ่ น จึงจะสามรถถ่ายทอดออกมาให้ผ้อู ่ืนรับรู้ได้ อาจจะอา่ นเรือ่ งราวน้นั หรือฟังให้หลายๆครง้ั และสรปุ เหตกุ ารณทื ่สี ำคัญหรือเหตกุ ารณ์ที่น่าสนใจในเร่อื ง 4. การวาดภาพประกอบเร่ืองไมจ่ ำเปน็ ต้องใส่รายละเอยี ดเยอะ ผ้วู าดต้องรู้จักตดั ทอนหรือตดั สิ่งไม่จำเป็นใน ภาพออกไปบ้างเพอ่ื ให้เหตกุ ารณใ์ นภาพดไู ม่อึดอัด และเรอ่ื งราวดูกลมกลนื เป็นเร่อื งเดยี วกัน 7.หลกั การใช้ภาพประกอบเรื่อง ภาพประกอบของสื่อเป็นสิ่งที่ช่วยเร้าความสนใจ และทำให้สิ่งพิมพ์หน้าสนใจมากยิ่งขึ้น เพราะผู้ดูจะให้ ความสนใจในเบื้องแรกต่อภาพมากกว่าข้อความที่ต้องอ่านเพราะใช้เวลาในการทำความเข้าใจน้อยกว่า ฉะนั้น หากภาพที่ใช้ประกอบในการออกแบบมีคุณภาพ สามารถสื่อคามหมายได้ดี และมีความเหมาะสมกับเนื้อหาและ วตั ถปุ ระสงคข์ องการใช้สือ่ สงิ่ พิมพ์นน้ั ๆแลว้ จะทำให้สง่ิ พมิ พ์ได้ประโยชน์ตรงตามความตอ้ งการยิง่ ขนึ้

1. ภาพมคี วามเหมาะสมเพ่ือใช้ในการประกอบแบบน้ัน ต้องพิจารณาถึงเนื้อหา ข่าวสาร เนือ้ ความ เนื้อเร่ืองท่ีจะ ช่วยให้เกิดการรับรู้ของผู้อ่านได้ดีข้ึน เพราะการฝืนเลือกใช้ภาพที่ไมม่ ีความเหมาะสมจะทำให้ส่ิงพิมพ์น้ันลดคุณค่าลง ไปภาพท่ตี รงกับเรื่องและสามารถอธบิ ายหรือเสริมเน้ือเรื่องได้จะเปน็ ภาพท่ีเหมาะสมในการนำมาใชม้ ากท่สี ุด https://sites.google.com/site/tharikaart2018/home/sisan-si-na 2. ภาพท่คี มชดั สวยงาม ควรเป็นภาพทค่ี มชดั เหมาะสมเข้ากบั เนือ้ หา เนือ้ เร่ือง https://108topic.com/tale/132.html 3. ภาพคุณภาพต่ำ บางครั้งอาจมีความจำเปน็ ที่จะต้องใชภ้ าพท่มี คี ุณภาพต่ำอย่างหลีกเลย่ี งไม่ได้ ก็อาจใชเ้ ทคนิค การออกแบบมาช่วยโดยการจัดให้ภาพนั้นอยู่ทางด้านข้างของหน้าและไม่พยายามเน้นหรือทำให้เป็นจุดสนใจมาก เกนิ ไป และใชต้ ัวอักษรพาดหัวท่ีมีขนาดใหญ่เพื่อหันเหความสนใจออกไป จะทำภาพใหด้ ูแปลกตามากขึ้น https://www.grappik.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0 %B9%8C%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%9A

4. การบังภาพ (cropping) ในบางกรณีภาพถ่ายที่ได้มาเป็นภาพที่ถ่ายในระยะไกลเกินไป ทำให้ครอบคลุม ส่วนอื่นๆที่ไม่ต้องการติดตามมาด้วย ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องปิดหรือบังส่วนที่ไม่ต้องการออกไป แล้วนำภาพนั้นมา ขยายเฉพาะส่วนที่ต้องการเท่านั้น ซึ่งเป็นความจำเป็นที่จำต้องทำเชน่ นีเ้ พราะส่วนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องน้ัน บางคร้ัง กลายเป็นสิ่งที่ลดความสนใจของผู้อ่านลงไปเพราะเมื่อดูภาพนั้นแล้วหาจุดที่เป้นจุดเด่นของภาพไม่ได้ ถึงแม้ว่ า การบงั ภาพจะทำให้ขนาดของภาพเล็กลงแต่จะไดร้ ายละเอียดของภาพมากข้ึน https://blog.breathingcolor.com/art-of-cropping/ 5. การจัดภาพขนาดเล็กให้รวมกันเป็นกลุ่ม การใช้ ภาพขนาดเล็กสอดแทรกอยู่ในเนื้อความทั่วไป อาจไม่ เป็นที่น่าสนใจเท่าที่ควร จึงอาจพิจารณาจัดให้ภาพเหล่านั้นอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ในรูปทรงที่น่าสนใจ จะทำให้ เรียกความสนใจได้มากกว่า https://www.gotoknow.org/posts/107865

6. การเร้าความสนใจโดยการทำภาพให้มีความต่อเนื่อง บ่อยครั้งการใช้ภาพเพียงภาพเดียวไม่สามารถ อธิบายเร่อื งราวได้ท้ังหมด ไม่ว่าภาพที่ใชจ้ ะเปน็ ภาพท่ดี ีเพยี งใดก็ตาม จึงจำเป็นต้องใช้ภาพหลายภาพมาจัดเรียง ไว้ในลักษณะคล้ายกับการจัดลำดับเป็นระยะๆแต่ไม่ต่อเนื่องบนหน้าเดียวกัน เป็นการสร้างความสัมพันธ์ให้ เกดิ ขนึ้ และพฒั นาความคดิ ของผู้อ่านตามลำดับซ่ึงในการพิจารณาใชภ้ าพมาประกอบมาสรา้ งความคิดให้เกิดเป็น ลำดับ จะตอ้ งพจิ าณาภาพให้ดแี ละต้องอธบิ ายเหตผุ ลของการใชภ้ าพแตล่ ะภาพได้เสมอว่า ทำไมถึงไดใ้ ชภ้ าพน้ันๆ ตอ้ งแนใ่ จว่ามีความสอดคล้องและสร้างเสริมความเข้าใจเน้ือหาได้มากกว่า และทีส่ ำคัญต้องไม่ใช่ภาพมากเกินไป ควรใชภ้ าพให้มากทสี่ ุดเท่าทจ่ี ะนอ้ ยได้ https://www.adsoftheworld.com/taxonomy/brand/fortis 8. หลกั ศิลปะ ท่ีใชใ้ นการสรา้ งสรรคภ์ าพประกอบเรื่อง งานสร้างภาพประกอบ เปน็ งานศลิ ปะประเภทหนึง่ ท่ีกระบวนการสร้างสรรค์ ตอ้ งอาศยั หลักการและทฤษฎี ทางศิลปะ จึงจะทำให้งานสร้างสรรค์ภาพประกอบมีคุณค่า ความงาม ความสะเทือนอารมณ์แก่ผู้ดู แม้ว่าจะ ถ่ายทอดด้วยเทคนิควธิ ีการใดๆ ก็ตาม กระบวนการสร้างสรรค์ในทุกๆ แขนง หลกั การและทฤษฎีต่างๆ ท่ีใช้ย่อม มีความประสานสมั พนั ธก์ นั เพยี งแตว่ ่าการสรา้ งสรรคง์ านในบางประเภท อาจจะเน้นหลกั การทฤษฎีบางเรื่องที่จะ ชว่ ยสง่ เสริมผลงานให้โดดเด่น หลักการและทฤษฎที ใ่ี ช้เปน็ พ้นื ฐานในการสร้างสรรค์ภาพประกอบมีดงั น้ี สว่ นประกอบศิลปะ (Art Elements) นับว่าเป็นพื้นฐานสำคัญที่นักสร้างสรรค์ภาพประกอบควรจะรู้และเข้าใจเพื่อจะใช้เป็นมูลฐานในการสร้างสรรค์ งาน ไดแ้ ก่

1. เส้น (Line) เส้นเป็นสิ่งที่แสดงระยะทาง และแสดงขอบเขตเมื่อปลายของเส้นที่เราลากมาบรรจบกัน เส้นมี หลายลักษณะและแต่ละลักษณะก็ให้ความรูส้ ึกที่แตกต่างกันออกไป เชน่ เสน้ ตรงให้ความรสู้ ึกมั่นคง แข็งแรง เส้นนอน ให้ความรู้สึกสงบ ราบเรียบ แสดงพื้นระนาบ เส้นโค้งให้ความรู้สึกเคลื่อนไหว นุ่มนวล อ่อนหวาน ขณะที่เส้นหยักให้ ความรู้สึกรุนแรง เคลื่อนไหวฉับพลัน และเส้นขดให้ความรู้สึกหมุนเวียน วกวน เป็นต้น นอกจากนี้ เส้นยังสามารถ แสดงออกถึงบุคลิกภาพลักษณะความแตกต่างของบุคคลและวัตถุต่างๆ ที่ใช้ การใช้เส้นให้ประสานกลมกลืนกันจะ ช่วยให้แลดูมีระเบียบ แต่การใช้เส้นให้มีทิศทางขัดแย้งกันจะทำให้เกิดความสับสนและความไม่มีระเบียบ ในทำนอง เดยี วกนั การใช้เส้นโค้งในงานศิลปะหรือการออกแบบโดยให้มีความประสานสัมพันธ์กัน จะช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อน คลาย ความสงบ และอ่อนโยน ผู้สร้างงานศิลปะทุกๆ แขนง ต้องสามารถนำเอาลักษณะเด่นของเส้นต่างๆ มาใช้ ประโยชน์ในการสร้างสรรค์งานจะต้องสามารถเลือกใช้เส้นในโอกาสอนั เหมาะสมทจึงจะช่วยส่งเสริมคุณค่าของผลงาน ท้งั ลกั ษณะวจิ ิตรศลิ ป์ และประยุกต์ศิลป์ ดังเช่นการสร้างสรรค์ภาพประกอบวาดเส้น ศิลปนิ จะต้องมีทักษะการใช้เส้น สรา้ งสรรค์ เร่อื งราว รปู ภาพ และก่อใหเ้ กิดพลังในการส่ือสาร 2. รูปร่างและรูปทรง (Shape and Form) รูปร่างและรูปทรงเป็นสิ่งที่เกิดจากการใช้เส้นในรูปแบบต่างๆ ถ้าหากเพียงลากเส้นให้เกิดขอบเขตของภาพมีแต่ความกว้าง ความยาว เราเรียกรูปที่เกิดขึ้นว่า รูปร่าง แต่เม่ือ เพมิ่ เตมิ เสน้ ให้เกดิ เป็นรปู ทรงปริมาตร หรอื มีความหนาเกิดข้นึ เราเรียกวา่ รูปทรง รปู ร่างจงึ มลี ักษณะเป็น 2 มิติ ส่วนรูปทรงเปน็ 3 มติ ิ ศิลปินผ้สู ร้างสรรค์ภาพประกอบจำเปน็ ตอ้ งเข้าใจในเร่อื งรปู ร่างรปู ทรง เพ่อื จะใช้ในการสื่อ ความหมายไดต้ รงตามเรอื่ งราว และบรรยากาศของภาพท่ีจะให้เกิดขึน้ รูปรา่ งรูปทรงจะเปลี่ยนแปลงความรสู้ กึ ได้ ถ้าอยู่ในพื้นที่ ทิศทาง และองค์ประกอบแวดล้อมแตกต่างกัน เช่นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า และรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสให้ ความรู้สึกคงทีส่ งบ แต่ถ้าจัดใหรูปรา่ งนั้นวางเอียงหรือวางตรงมุม ความรู้สกึ สมดุล ความสงบก็จะเปลี่ยนไปทันที ในงานศิลปะชิ้นหนึ่งๆ นั้น จะประกอบด้วยรูปร่างรูปทรงที่หลากหลายมาจัดวางเข้าด้วยกันในพื้นภาพ ศิลปิน จะต้องแก้ปัญหาขนาดและสัดส่วนของรูปร่าง รูปทรงให้เกิดภาพและความรู้สึกตามที่ต้องการ ในงานสร้างสรรค์ ภาพประกอบสิ่งที่ปรากฏในกรอบภาพก็จะมีรูปร่างรูปทรางหลากหลาย ต่างขนาดซึ่งเพิ่มความมีชีวิตชีวาของ ภาพ

3. พื้นผิว (Texture) หมายถึง ลักษณะความแตกต่างที่ปรากฎบนระนาบหรือบนพื้นผิวใดๆ อาจจะเป็นผิว เรียบ หยาบ มัน ขรุขระ พื้นผิวถือเป็นส่วนประกอบศิลปะที่สำคัญที่จะช่วยบอกความแตกต่างของวัตถุ บอกถึง บรรยากาศก่อให้เกิดอารมณ์สุนทรีย์แก่ผู้พบเห็น ในงานสร้างสรรค์ภาพประกอบจำนวนมากนิยมให้คุณลักษณะ ของพื้นผิวเน้นเรื่องราวของภาพให้โดดเด่นน่าสนใจ อาจจะกระทำขึ้นด้วยการระบายสี การพิมพ์ การ วาดเส้น หรอื การปะตดิ ด้วยวสั ดุตา่ งๆ https://sites.google.com/site/thsanathat/home/phun-phiw 4. สี (Color) สเี กิดจากแสงทีส่ อ่ งกระทบผวิ วัตถุ และสะทอ้ นแสงคา่ ของสีอกมาสูส่ ายตา สีทปี่ รากฏในวงจร สีธรรมชาติมีมากมายหลายสี ได้แก่ สีแดง สีเหลือง สีฟ้า สีม่วง สีแสด สีดำ ฯลฯ สีต่างๆ เหล่านี้ช่วยให้งาน สร้างสรรค์ศิลปะมีความน่าสนใจ และยังบอกเรื่องราวของปรากฏการณ์ วัตถุ ได้ใกล้เคียงความเป็นจริง นัก สรา้ งสรรค์ภาพประกอบต้องมีความรอบรู้เร่ืองสีซ่ึงมีผู้คิดค้นไว้หลายทฤษฎีประเภทของสี ทั้งนี้เพ่ือจะสามารถใช้ สใี นการสร้างสรรคง์ านได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ มคี วามหมาย และเสรมิ สรา้ งความเข้าใจแก่ผชู้ มภาพ สี แบ่งวงสีออกเป็น 3 กลุ่ม ซึ่งมีความแตกต่างกันคือ ทฤษฎีสีบนพื้นฐานของเนื้อสี 3 สี คือ สีแดง สีเหลือง สีน้ำ เงิน เมื่อจับคู่ผสมกันก็จะได้สีแท้อื่นๆ เพิ่มขึ้น และถ้านำสีพื้นฐานท้ัง 3 สีผสมกันก็จะได้สีดำ หรือสีน้ำตาลเข้ม สีแดง เหลือง น้ำเงิน ในวงสีเรียกว่า สีหลักหรือสีขั้นที่หนึ่ง (Primary Colors) ซึ่งเชื่อกันว่าสีเหล่านี้ไม่สามารถ ผสมจากสีอื่นได้ แต่เมื่อนำสีคู่ใดคู่หนึ่งของสีหลักผสมกันก็จะได้สีขั้นที่สอง (Secondary Colors) คือสีเหลือง ผสมกบั สนี ้ำเงิน เกิดเป็นสเี ขยี ว สีเหลอื งผสมสีแดง เกิดเป็นสีสม้ สแี ดงผสมกบั สีน้ำเงินเกิดเป็นสีม่วง และถ้าผสม สีขั้นที่หนึ่งและสอง ซึ่งอยู่ใกล้กันในวงสีก็จะได้สีขั้นที่สาม (Tertiaries) คือ สีเหลืองส้ม ส้มแดง ม่วงแดง ม่วงน้ำ เงนิ น้ำเงนิ เขียว เขียวเหลอื ง

https://goterrestrial.com/2019/08/08/color-of-wheel-for-clothing/ สำหรับคณุ สมบตั ิของสี (Color Property) ทฤษฎหี ลายทฤษฎไี ด้แบง่ คุณสมบัตขิ องสีไว้ 3 ลกั ษณะคือ สีแท้ (Hue) นำ้ หนักสี (Value) และความเข้มของสี (Intensity) สีแท้ คอื สเี ด่นหรอื สบี รสิ ทุ ธ์สิ ีใดสหี นึ่ง ซ่ึงยังมิได้ผสมให้เกิดค่าสีตา่ งออกไป สแี ดงแท้ หมายถึงสีแดงบริสุทธ์ิ ทีป่ ราศจากสีดำ สีขาว หรือสีอืน่ ใด และเป็นพ้ืนฐาน ซงึ่ กอ่ ใหเ้ กดิ คุณสมบตั ิอนื่ ๆ ตามมา น้ำหนักสี น้ำหนักสีคือ สีซึ่งสัมพันธ์กับความเบา – หนัก หรืออ่อน – แก่ (Lightness or Darkness) ของสี ใดสีหน่งึ น้ำหนกั สมี ีความสัมพนั ธ์กบั ระดับสีเทา (Gray Scale) ซงึ่ ไลน่ ำ้ หนักจากสีขาวไปสสู่ ดี ำหลายน้ำหนกั อาจ เป็น 5, 7 หรือ 9 น้ำหนัก (หรือนับด้วยสิบหรือร้อยน้ำหนักก็ได้) ผู้มีความเชี่ยวชาญในเรื่องสี เช่นนักออกแบบ หรือจติ รกร เมอ่ื เห็นสีแทส้ ีใดสหี นึ่ง ย่อมมองเห็นนำ้ หนักสีของสีแท้นัน้ ไปพร้อมกนั น้ำหนักสีซึ่งเบากว่าน้ำหนักสี ปกติ เรียกวา่ สีค่าอ่อน (Tint) สีซงึ่ มีน้ำหนักสีหนักกว่าน้ำหนักสีปกติของสีน้ันเรียกว่า สีค่าแก่ (Shade) https://nextlady.ru/th/coloring/the-principles-of-combining-colors-in-clothes-the-harmony-of-shades-color- science.html

ความเข้มของสี ความเข้มของสี (Intensity) มีความหมายคล้ายกับค่าสี (Chroma) หรือสภาพอิ่มตัวของสี (Saturation) ซ่งึ เป็นสภาพบรสิ ุทธ์ิของสีแต่ละสี เปน็ สีทีไมม่ ีค่าของสีเทาเจือปน ถา้ มคี ่าสีเทาเจือปนอยู่ก็ถือว่าเป็นสีท่ี มีความเข้มต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าสีเทาหรือสีเทากลาง (Neutral Gray) ที่เกิดจากการผสมกับสีตรงข้ามผสมกับ สี เทา สขี าวหรือสดี ำ และสีความเข้มต่ำเหล่าน้ีเรียกว่า สคี ลำ้ (Tone) ซึ่งถา้ หากพิจารณาสที ี่ใช้อยู่ในชีวิตประจำวัน เช่น สนี ำ้ ตาล สนี ้ำตาลเขม้ สเี นือ้ (Tan) ล้วนเปน็ สีทีม่ ีความเข้มตำ่ จติ วทิ ยาเกยี่ วกับสีก็เปน็ เร่ืองท่ีควรศึกษาเรยี นรู้ โดยเฉพาะศลิ ปินด้านทัศนศิลป์และประยุกต์ศลิ ป์ เพราะสีแต่ละ สีมีพลังปลุกเร้าการตอบสนองของอารมณ์อกจากคุณภาพด้านอื่นๆ แล้ว ยังมีอุณหภูมิเชิงจิตวิทยาอยู่ในตัวของมัน เช่น สแี ดง สีส้ม สีเหลอื ง ให้ความรสู้ ึกอุ่น และสัมพันธ์กับแสงอาทิตย์ หรือไฟ สีนำ้ เงินหรือสีเขียว สัมพันธ์กับป่า น้ำ ท้องฟ้า และให้ความรู้สึกเย็น เป็นต้น นักออกแบบและนักสร้างสรรค์ ย่อมต้องเรียนรู้และเข้าใจในเรื่องจิตวิทยา เกย่ี วกับสี ความสัมพันธ์ระหว่างสกี ับปฏิกริ ยิ าตอบสนองของมนุษย์ และนำประโยชน์จากการเรียนรู้และประสบการณ์ ไปสร้างสรรค์งานศิลปะหรืองานออกแบบ สีจึงเปรียบประดุจองค์ประกอบหลักที่สามารถควบคุมและเปลี่ยนแปลง องค์ประกอบอื่น ทั้งนี้เพราะสีมีส่วนเกี่ยวพันกับองค์ประกอบทุกอย่างที่ประกอบเป็นภาพ และมีอิทธิพลเหนือจิตใจ และก่อให้เกิดความรสู้ ึกในด้านต่างๆ ได้ การใชส้ ีอาจใชส้ ี ๆ เดยี วหรือหลายสี สที ุกสจี ึงมีความหมายและมีสัญลักษณ์ เฉพาะตวั ซ่งึ จะใหค้ วามรูส้ ึกทางด้านท่ีดีและไม่ดีไปตามลักษณะของสี ซ่งึ อาจจะเปลี่ยนแปลงไปตามวฒั นธรรมของแต่ ละสังคมด้วย เช่น สีแดง สำหรับชาวตะวันออกเป็นสีแห่งความสุขสมบูรณ์ สัญลักษณ์ของชีวิตและแสดงถึงความปิติ ยินดี รา่ เริง แต่ในประเทศทางตะวันตก สีแดงกลับมคี วามหมายไปในทางตรงกันข้ามกับชาวตะวนั ออก คือ มคี วามรู้สึก ว่าเป็นสีที่แสดงถึงความไม่ปลอดภัย น่ากลัว และมักจะมีความหมายไปในทำนองก่อกวนอารมณ์ เป็นต้น ในการ สรา้ งสรรค์งานภาพประกอบศิลปินท่ีมีความรู้ความเข้าใจเร่ืองสีเป็นอย่างดี ยอ่ มสรา้ งสรรค์บรรยากาศของภาพวาดได้ อยา่ งสมจริงสมจงั ตอบสนองอารมณ์ของผู้อ่าน 5. แสงและเงา (Light & Shade) แสงและเงา คอื ค่าความเข้มของแสง เมื่อแสงกระทบวัตถุ ส่วนท่ีรบั แสงจะ มีความสว่าง ส่วนด้านตรงข้ามที่แสงส่องจะเป็นเงาค่าของแสงและเงาช่วยให้การรับร็ของวัตถุ เกิดมิติ ตื้นลึก ใน งานจิตรกรรมแสงและเงาเกดิ จากการระบายน้ำหนักอ่อนแก่ของสี ส่วนงานประติมากรรมและสถาปัตยกรรมนนั้ ค่าแสงเงาเกิดจากการที่แสงไปกระทบพื้นผิวประติมากรรม หรือสถาปัตยกรรม การสร้างสรรค์ศิลปะในแขนง อื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน ก็ต้องคำนึงถึงค่าของแสงและเงาด้วย เช่น การสร้างฉากละคร การสร้างภาพยนตร์ การสรา้ ศลิ ปะสมยั ใหม่ รวมทงั้ การใชแ้ สงและเงาในงานประยุกต์ศลิ ป์อืน่ ๆ แสงและเงามผี ลต่อความรู้สึกและการรับรู้ จึง เป็นเรื่องที่ผู้สร้างสรรค์งานศิลปะจำเป็นต้องศึกษา ทั้งในด้านความงามในธรรมชาติ และในการสร้างสรรค์งาน ศิลปะ ปริมาณและช นิดของแสงที่ตกลงกระทบบนวตั ถุ จะก่อให้เกิดอารมณ์และความรู้สึกท่ีแตกต่างกันออกไป เช่น แสงยามเยน็ ทพี่ ระอาทิตยก์ ำลังจะลบั ขอบฟ้า จะทำใหร้ สู้ กึ หมน่ หมอง สงบเงียบ แตแ่ สงยามรุ่งอรุณท่ีเร่ิมทอ แสงทองสว่างกจ็ ะทำให้รู้สกึ สดช่นื มีพลังแหง่ ความหวัง

หลกั การใช้แสงและเงา แบง่ คา่ ออกเปน็ 6 คา่ ดงั นี้ 1. แสงสว่างที่สุด (High Light) เป็นส่วนของวัตถุที่กระทบแสงโดยตรงจึงทำให้บริเวณที่มีแสงสว่างที่สุด มี ลกั ษณะมนั วาว ในการวาดเสน้ แรเงาบริเวณน้ี จะมนี ำ้ หนกั อ่อนที่สดุ ซง่ึ อาจทำขน้ึ ได้โดยใช้วธิ ีลบดว้ ยยางลบ 2. แสงสว่าง (Light) เปน็ ส่วนของวัตถทุ ่ีไม่ไดป้ ะทะแสงโดยตรง แต่อยใู่ นพ้ืนทที่ ไ่ี ด้รบั อทิ ธิพลจากแสงน้ัน ใน การแรเงานำ้ หนักบริเวณนจ้ี ะตอ้ งทำใหน้ ้ำหนกั อ่อนจาง แต่ก็ยงั มีนำ้ หนกั แก่บรเิ วณที่เปน็ แสงสว่างท่ีสุดเล็กนอ้ ย 3. เงา (Shadow) เป็นส่วนของวัตถุที่ได้รับอิทธิพลของแสงเพียงเล็กน้อยการแรเงาน้ำหนักนี้จะต้องให่มี นำ้ หนกั แกก่ วา่ บรเิ วณแสงสว่างพอสมควร 4. เงามืด (Core of Shadow) เปน็ ส่วนของวตั ถุทไ่ี มม่ ีอทิ ธพิ ลของแสงเลย จงึ เป็นบรเิ วณท่จี ะตอ้ งแรนำ้ หนัก เข้มท่สี ุด ยง่ิ กว่าสว่ นอื่นๆ ทงั้ หมด 5. แสงสะทอ้ น (Reflected Light) เป็นสว่ นของวัตถุท่ีไมไ่ ด้กระทบแสงโดยตรง แต่เปน็ บริเวณทก่ี ระทบแสง สะทอ้ นจากวัตถุอ่ืนท่ีอยใู่ กล้ ๆ น้ัน นำ้ หนกั บริเวณนีจ้ ะอ่อนกว่าบริเวณเงามดื คา่ ของแสงสะท้อนจะให้ความรู้สึก เหมอื นจริง และมอี ากาศอยโู่ ดยรอบ 6. เงาตกทอด (Cast Shadow) เป็นบริเวณที่เปน็ เงาของวัตถชุ ิ้นน้ันทอดไปตามพื้นที่รองรบั ซ่ึงมีน้ำหนักแก่ กว่าบริเวณที่เป็นแสงสะท้อน ขนาดและรูปร่างของเงาตกทอดจะเป็นอย่างไร ย่อมขึ้นอยู่กับรูปร่างของวัตถุ ตำแหน่งและตน้ กำเนิดแสงทำมุมกบั พ้นื ระนาบ ประมาณ 45 องศา อย่างไรก็ตามในการวาดภาพภาพๆ หนึ่งย่อมประกอบด้วยรูปทรงหลากหลายลักษณะพื้นผิวต่างๆ ดังนั้นการแร เงาจะตอ้ งบูรณาการวธิ ีการแรน้ำหนักหลายวิธดี ้วยกัน เพ่อื ความเหมาะสมและความสมบรู ณ์ของงาน สว่ นการแร เงาในลกั ษณะแสงและเงากลมกลนื กัน โดยปกติการเกลี่ยระยะน้ำหนักแสงเงาสามารถแบง่ ระยะน้ำหนัก อ่อนแก่ ได้ 7 – 9 ระยะน้ำหนัก นับจากระยะขาวสุดจนถึงเข้มสุด การแรเงาในภาพโดยวิธีการเกลีย่ น้ำหนักให้เกิดความ กลมกลืน จึงทำใหไ้ ด้ภาพท่ใี กล้เคียงกับธรรมชาติมากทีส่ ดุ แต่การแรเงาในลักษณะแสงและเงาตัดกัน วิธีดังกล่าว จะแสดงถึงการใช้แสงเงาอย่างเดน่ ชดั ดงั น้นั ภาพทไี่ ดจ้ ึงใหแ้ สงจดั เงาเข้ม งานสรา้ งภาพประกอบที่รูจ้ กั ใชแ้ สง และเงา จะช่วยใหภ้ าพดมู ชี ีวติ ชีวามบี รรยากาศของภาพตามเจตนารมณ์ของ ศลิ ปินผูส้ ร้างสรรค์ ท้ังนีเ้ พราะภาพที่สร้างสรรคข์ ึ้นมาดไู มจ่ ืดชดื หรอื ให้เกิดความรสู้ ึกแบนเรยี บจนเกนิ ไป https://pookanart2014.files.wordpress.com/2014/05/shadow.jpg

6. บริเวณว่าง (Space) คือพื้นที่ปรากฏ และยังรวมไปถึงมิติหรือความตื้นลึกของสิ่งที่ปรากฎในความรู้สึก ทางการเห็นในงานทัศนศิลป์ มีบริเวณว่าง 2 มิติ และบริเวณว่างที่เป็นจริงแบบ 3 มิติ ที่สามารถสัมผัสความตื้น ลึกได้เช่น บริเวณว่างของประติมากรรม เครื่องปั้นดินเผา สถาปัตยกรรม ส่วนบริเวณว่าง 2 มิติ คือความกว้าง และความยาว แต่อาจจะมีมิติที่ 3 ซึ่งเป็นมิติลวงตา ศิลปินที่มีความสามารถจะใช้บริเวณว่างเสริมคุณค่าการ สร้างสรรคผ์ ลงานทศั นศลิ ป์ ทง้ั ดา้ นเนือ้ ทใ่ี ชส้ อยและความงาม ข้อมูลจากhttp://watkadarin.com/E-(new)1/02studio2classrm/unit3/chapt3.2space/space.htm ขอ้ มูลจากhttp://pannipakunlapong.blogspot.com/2012/09/blog-post.html 9. การจดั องค์ประกอบภาพ มี 10 ลกั ษณะ คือ 1. เนื้อเรื่อง (Content) ในกรอบรูป/ภาพจะต้องแสดงรายละเอียดที่เป็นเนื้อเรื่องเพียงประเด็นเดียวที่จะ บอกหรือการส่อื ความหมายออกมาสู่ผู้ด/ู ผูร้ บั ให้เขา้ ใจไดต้ ามวตั ถุประสงคข์ องการนาํ เสนอ 2. รูปทรง (Form) คือ มีการจัดวางโครงสร้างให้ได้รูปทรงที่สวยงาม สิ่งนั้นประกอบด้วย คน วัตถุสิ่งของ โดยจดั วางใหเ้ กิดเป็นรูปทรงต่างๆ เช่น รูปทรง สามเหลย่ี มทรงกลม รปู ทรงตัวที(T) หรอื ตัวเอส (S) ให้ความรู้สึก สงา่ งาม ม่ันคง เหมาะสําหรบั การถา่ ยภาพ ทางสถาปตั ยกรรม การถา่ ยภาพวัตถหุ รอื ถ่ายภาพส่งิ ตา่ งๆ เนน้ ให้เหน็ ความกว้างความสูง ความลึก โดยให้เห็นทั้งด้านหน้าและด้านข้าง และความลึก หรือที่เรียกว่าให้เห็น Perspective หรือภาพ 3 มิติ

3. มติ ิ รปู ร่างลักษณะ มีการจัดองค์ประกอบภาพตรงข้ามกับรปู ทรง คือเนน้ ให้เห็นเป็นภาพ 2 มิติคือ ความ กว้างกับความยาว ไม่ให้เห็นรายละเอียดของภาพ หรือที่เรียกว่าภาพเงาดํา ภาพลักษณะนี้เป็นภาพที่ดูแปลกตา น่าสนใจ ลกึ ลับใหอ้ ารมณ์และสรา้ งจินตนาการ ในการในการดูภาพไดด้ นี ยิ มถา่ ยภาพในลักษณะย้อนแสงข้อควร ระวงั ในการถ่ายภาพลักษณะนี้คือ วัตถุที่ถา่ ยตอ้ งมีความเรยี บง่าย เด่นชัด สื่อความหมาย ไดช้ ดั เจน ฉากหลังต้อง ไมม่ ารบกวนทําให้ภาพนน้ั หมดความงามไป 4.ความสมดุลที่เท่ากัน เป็นการจัดองค์ประกอบภาพเพื่อให้ภาพดูน่ิง สง่างาม น่าศรัทธาเน้นการใหน้ ้ำหนัก รปู รปู ทรงซ้ายขวาเท่ากัน แต่จะแสดงออกถึงความสมดุล นิง่ ปลอดภยั ภาพลกั ษณะนี้อาจจะดูธรรมดา ไม่สะดุด ตาเทา่ ใดนัก แต่กม็ เี สน่หแ์ ละความงามในตัว 5. ความสมดลท่ไี มเ่ ทา่ กนั การจัดภาพแบบนจ้ี ะใหค้ วามรสู้ ึกท่ีสมดลุ เชน่ เดียวกบั แบบทแ่ี ล้ว แตจ่ ะต่างกันอยู่ ที่ วัตถทุ ั้งสองข้าง มีขนาดและรูปร่างที่แตกต่างกัน แต่สมดุลด้วยปัจจยั ตา่ ง ๆ กัน เช่น สรี ูปทรง ท่าทาง ฉากหน้า ฉากหลัง ฯลฯ ภาพดูน่าสนใจกว่าแบบสมดลุ ท่ีเทา่ กัน แต่ความร้สู กึ ทม่ี นั่ คงจะนอ้ ยกว่า

6.ฉากหน้า ส่วนใหญ่จะใช้ในการถ่ายภาพทิวทัศน์หรือภาพอื่น ๆฉากหน้า เรามักใช้ฉากหน้าเป็นตัวช่วยให้ เกิดระยะ ใกล้ ไกล หรือมีมติขึ้น ทําให้ภาพดูน่าสนใจ บางครั้งอาจใช้กิ่งไม้วัตถุ หรือสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้กับกล้อง มาบังเพื่อช่วยเน้นจุดสนใจ ดูเดนข่ ึ้น และไม่ให้ภาพมีช่องว่างเกินไปข้อควรระวัง อย่าให้ฉากหน้าเด่นจนแย่ง ความสนใจจากส่งิ ทตี่ อ้ งการเน้น จะทําให้ภาพลดความงามลง 7. ฉากหลัง พื้นหลังของภาพก็มีความสําคัญหากเลือกที่น่าสนใจ กลมกลืนหรือช่วยให้สิ่งที่ต้องการเน้นเด่น ขน้ึ มา ควรเลือกฉากหลงั ท่ีกลมกลืน ไมท่ าํ ใหจ้ ุดเดน่ ของภาพด้อยลง หรือมารบกวนทาํ ให้ภาพนั้นขาดความงามไป 8.กฏสามส่วน เป็นการจัดภาพที่นิยมมากทสี่ ุด ภาพดูมีชีวิตชีวา ไม่จืดชืด การจัดภาพโดยใช้เส้นตรง 4 เส้นตัด กันในแนวต้ังและแนวนอน จะเกิดจุดตัด 4 จุดหรอื แบ่งเป็น 3 สว่ น ทง้ั แนวต้ังและแนวนอน การวางจุดสนใจของภาพ จะเลอื กวางใกล้ๆ หรือ ตรงจดุ 4 จุดนีจ้ ดุ ใดจุด หน่ึง โดยหนั หน้าของวตั ถุไปในทิศทางท่มี ีพืน้ ทีว่ ่างมากกว่า ทําให้ภาพ ดเู ดน่ ไม่อึดอดั ไมแ่ นน่ หรือหลวมจนเกินไป นักถา่ ยภาพท้ังมืออาชีพ และมอื สมคั รเลน่ นิยมจดั ภาพแบบนี้มาก (ทม่ี า http://www.montfort.ac.th/newweb/vichakarn/viewDetail.php?sid=41)

9 เสน้ นำสายตาเปน็ การจดั ภาพที่ใช้เส้นท่เี กดิ จากวัตถุ หรือสง่ิ อื่น ๆ ท่ีมรี ูปรา่ งลกั ษณะใกลเ้ คียงกนั เรียงตัว กันเป็นทศิ ทางไปสูจ่ ดุ สนใจ ช่วยใหว้ ตั ถุท่ีตอ้ งการเน้นมีความ เด่นชัดและนา่ สนใจยิง่ ขึ้น 10.เน้นดว้ ยกรอบภาพ แมว้ ่าภาพถา่ ยจะสามารถนํามาประดับ ตกแต่งด้วยกรอบภาพอยู่แลว้ แต่การจัดให้ฉากหน้า หรือสวนประกอบอื่นล้อมกรอบจุดเดน่ เพ่ือลดพน้ื ทีว่ า่ ง หรอื ทาํ ให้สายตาพ่งุ สจู่ ดุ สนใจนน้ั ทาํ ให้ภาพกระชบั นา่ สนใจ 10 .เน้นรูปแบบซ้ำซอ้ น หรือแบบ Pattern เป็นการจัดภาพที่มีรูปร่าง ลักษณะ ที่คล้าย ๆ กันวางเป็นกลุ่มทําให้ ภาพดูสนกุ สดชน่ื และมีเสนห่ ์แปลกตา (ท่ีมาภาพ http://www.oknation.net/blog/print.php?id=381857 )

หนว่ ย 7 โปรแกรมสาํ เร็จรูปทใ่ี ชในงานเขยี นภาพลอและภาพประกอบเรอ่ื ง เป็นสุดยอดโปรแกรม ๆ หนึ่งทางด้านกราฟิก เป็นหนึ่งในโปรแกรมตระกูล Adobe ซึ่งถูกพัฒนามาอย่าง ต่อเนื่องและยาวนาน Photoshop ถูก1. โปรแกรม Adobe Photoshop ออกแบบมาเพื่อใช้ งานทางด้าน กราฟิก, การตกแต่งภาพ, สร้างภาพ 3 มิติ, ภาพพาโนรามา, สร้างสรรค์งาน โปสเตอร์, โฆษณา, สื่อสิ่งพิมพ์, ปกนติ ยสาร, ออกแบบสนิ ค้า, การออกแบบเครอ่ื งหมายและสญั ลกั ษณ์ รูปภาพต่าง ๆ ความสามารถพน้ื ฐานของ Adobe Photoshop - ตกแตง่ หรือแก้ไขรปู ภาพ - ตัดตอ่ ภาพบางส่วน หรือทีเ่ รียกวา่ crop ภาพ - เปล่ียนแปลงสีของภาพ จากสหี นึง่ เปน็ อกี สีหน่ึงได้ - สามารถลากเส้น แบบฟรสี ไตล์ หรือใส่รปู ภาพ ส่เี หลี่ยม วงกลม หรอื สรา้ งภาพได้อย่างอิสระ - มีการแบ่งชน้ั ของภาพเปน็ Layer สามารถเคลือ่ นยา้ ยภาพไดเ้ ป็นอิสระตอ่ กนั - การทำ cloning ภาพ หรือการทำภาพซ้าในรปู ภาพเดียวกนั - เพ่ิมเติมข้อความ ใส่ effect ของข้อความได้ - Brush หรือแปรงทาสี ท่ีสามารถเลอื กรูปแบบสาเร็จรปู ในการสร้างภาพได้และอนื่ ๆ อีกมากมาย

มสี ว่ นสำคญั หลกั ที่ท่ีตอ้ งรดู้ ังนี้ 1. เมนขู องโปรแกรม Application menu หรอื Menu bar ประกอบด้วย 1. File หมายถึง รวมคำสั่งที่ใช้จดั การกับไฟล์รูปภาพ เช่น สร้างไฟล์ใหม่, เปิด, ปิด, บันทึกไฟล์, นำเข้า ไฟล์, สง่ ออกไฟล์ และอื่น ๆ ทเี่ ก่ยี วกับไฟล์ 2. Edit หมายถึง รวมคำสั่งที่ใช้สาหรับแก้ไขภาพ และปรับแต่งการทำงานของโปรแกรมเบื้องต้น เช่น กอ๊ ปปี้, วาง, ยกเลิกคาส่ัง, แก้ไขเคร่อื งมือ และอืน่ ๆ 3. Image หมายถึง รวมคำสั่งที่ใช้ปรับแต่งภาพ เช่น สี, แสง, ขนาดของภาพ (image size), ขนาดของ เอกสาร (canvas), โหมดสีของภาพ, หมนุ ภาพ และอื่น ๆ 4. Layer หมายถึง รวมคำสั่งที่ใช้จัดการกับเลเยอร์ ทั้งการสร้างเลเยอร์, แปลงเลเยอร์ และการจัดการ กับเลเยอรใ์ นดา้ นต่าง ๆ 5. Select รวม คำสั่งเกี่ยวกับการเลือกวัตถุหรือพื้นที่บนรูปภาพ (Selection) เพื่อนาไปใช้งานร่วมกับ คำส่ังอน่ื ๆ เช่น เลอื กเพ่ือเปล่ียนสี, ลบ หรือใชเ้ อฟเฟก็ ตต์ ่าง ๆ กบั รปู ภาพ 6. Filter เปน็ คำสัง่ การเล่น Effects ตา่ งๆสาหรบั รปู ภาพและวัตถุ 7. View เป็นคำสั่งเกี่ยวกับมุมมองของภาพและวัตถุในลักษณะต่างๆ เช่น การขยายภาพและย่อ ภาพใหด้ เู ล็ก 8. Window เป็นส่วนคำส่งั ในการเลือกใชอ้ ุปกรณ์เสริมต่างๆทจี่ าเป็นในการใชส้ ร้าง Effects ต่างๆ 9. Help เป็นคำสงั่ เพ่ือแนะนำเกยี่ วกบั การใชโ้ ปรแกรม และจะมลี ายละเอียดของโปรแกรมอยู่ในนั้น 2. เมนูของพน้ื ท่ีทำงาน Panel menu Panel (พาเนล) เปน็ วนิ โดวย์ อ่ ย ๆ ทใี่ ชเ้ ลอื กรายละเอยี ด หรือคำส่ัง ควบคุมการทำงานตา่ ง ๆ ของโปรแกรม ใน Photoshop มีพาเนลอย่เู ปน็ จำนวนมาก เชน่ พาเนล Color ใช้ สำหรับเลือกสี, พาเนล Layers ใช้สำหรับจัดการกับเลเยอร์ และพาเนล Info ใช้แสดงค่าสีตรงตาแหน่งท่ี ช้เี มาส์ รวมถึงขนาด/ตำแหน่งของพน้ื ท่ีทเี่ ลือกไว้ 3. พ้นื ที่ทำงาน Stage หรอื Panel เปน็ พ้นื ท่ีวา่ งสำหรบั แสดงงานท่ีกำลังทำอยู่

เครือ่ งมอื แตล่ ะช้ินมีคณุ สมบัติดงั น้ี Move ใชส้ ำหรับเลอื กพื้นทบี่ นภาพเปน็ รปู สเี่ หลี่ยม วงกลม วงรี Marquee ใช้สำหรบั ยา้ ยพื้นทท่ี ีเ่ ลือกไวข้ องภาพ หรือยา้ ยภาพในเลเยอรห์ รือยา้ ยเสน้ ไกด์ Lasso ใช้เลือกพ้นื ที่บนภาพเป็นแนวเขตแบบอิสระ Magic Wand ใช้เลอื กพ้นื ท่ีด้วยวิธรี ะบายบนภาพ หรือเลือกจากสที ใี่ กลเ้ คยี งกนั Crop ใช้ตดั ขอบภาพ Slice ใชต้ ดั แบ่งภาพเพื่อบันทึกไฟลภ์ าพยอ่ ย ๆ ท่ีเรียกว่าสไลซ์ (Slice) สำหรับนำไปสร้างเว็บเพจ Eyedropper ใชเ้ ลือกสจี ากสีตา่ ง ๆ บนภาพสำหรบั นาไปสรา้ งเวบ็ เพจ Healing Brush ใชต้ กแตง่ ลบรอยตำหนิในภาพ Brush ใช้ระบายลงบนภาพ Clone Stamp ใชท้ ำสำเนาภาพ โดย Copy ภาพจากบรเิ วณอ่ืนมาระบาย หรือระบายด้วยลวดลาย History Brush ใช้ระบายภาพดว้ ยภาพของขน้ั ตอนเดิมท่ผี ่านมา หรือภาพของสถานะเดิมทบี่ ันทึกไว้ Eraser ใชล้ บภาพบางส่วนท่ีไมต่ อ้ งการ Gradient ใช้เตมิ สแี บบไลร่ ะดับโทนสีหรอื ความทบึ Blur ใชร้ ะบายภาพใหเ้ บลอ Bern ใช้ระบายเพ่ือใหภ้ าพมดื ลง Dodge ใช้ระบายเพ่อื ใหภ้ าพสว่างขนึ้ Pen ใช้วาดเสน้ พาธ (Path) Horizontal Type ใช้พมิ พต์ ัวอักษรหรือข้อความลงบนภาพ Path Selection ใช้เลือกและปรบั แตง่ รูปทรงของเส้นพาธ Rectangle ใชว้ าดรปู ทรงเรขาคณิตหรือรูปทรงสำเร็จรปู Hand ใช้เลอื่ นดูสว่ นตา่ ง ๆ ของภาพ Zoom ใช้ยอ่ หรือขยายมมุ มองภาพ Set Foreground Color, Set Background Color ใช้สาหรับกาหนดสี - Foreground Color และ Background Color เปดิ แสดงหน้ากระดาษ แบบ Full screen

ความหมายและความสาคญั ของเลเยอร์ Layer เลเยอร์ Layer ชนิ้ งานยอ่ ย หรือเรียกให้เข้าใจง่ายคือ ชนั้ ของชนิ้ งานใหญ่ เปน็ หลกั การทำงานของ โปรแกรม Photoshop น่นั คือการนำช้นั ตา่ งๆ มาผสมกนั เพือ่ ปรับแตง่ ใหเ้ กดิ ความสวยงามมากข้ึน เลเยอรส์ ารมารถแสดงหรือซ่อน (Show or Hide Layer) การคลิกทรี่ ูปดวงตาแตล่ ะคร้ัง จะเป็นการเปิด เพื่อแสดง หรือปิดเพื่อซ่อนส่ิงทีอ่ ยูใ่ นเลเยอร์ เช่น ถ้าเราไม่ต้องการให้แสดงภาพของเลเยอร์ใด ก็ทำการปิด หรือ ซ่อนไป คัดลอก และ ทำซ้ำเลเยอร์ (Copy and Duplicate Layer) แบ่งเป็น การคัดลอกเเลเยอร์จากชิ้นงาน หน่ึงไปยงั อีกช้ินงานหนง่ึ ทำไดห้ ลายวธิ ี - คลิกเลเยอร์ที่ต้องการทำการคัดลอก ใช้โปรแกรมเมนู Edit เลือก Copy หรือกดปุ่ม Ctrl Cคลิก Tab ของช้ินงานทีเ่ ราต้องการจะให้เลเยอรน์ น้ั มาวางไวแ้ ล้วคลิก Edit เลือก Paste หรือกดปุ่ม Ctrl V - คลิกเลเยอรท์ ่ีต้องการทำการคัดลอก คลกิ ขวาท่เี ม้าส์ เลือก Duplicate Layer จะได้หนา้ ต่างตามภาพ ดา้ นล่าง ใสช่ ื่อในชอ่ ง Destination ใหเ้ ปน็ ชือ่ ชนิ้ งานที่เราตอ้ งการนำเลเยอร์นไ้ี ปไว้ - คลกิ เลเยอรท์ ตี่ อ้ งการทำการคัดลอกคา้ งไว้ แลว้ ลากไปยังอีก Tab ของอีกชิ้นหนงึ่ โดยตรง

ตง้ั ชอื่ เลเยอร์ (Name Layer) วิธีตั้งชื่อให้กับเลเยอร์ ทำโดยดับเบิ้ลคลิกที่ชื่อบนเลเยอร์นั้น และพิมพ์ชื่อ เสร็จแล้ว Enter สำหรับ Photoshop CS6 เมื่อพิมพ์ชือ่ เลเยอรห์ นึง่ เสร็จแล้ว สามารถกด Tab เพื่อเลื่อนไปยังเลเยอร์อื่นเพือ่ ทำการพมิ พ์ ช่ือได้เลย ไม่ต้องมาทำซำ้ ข้นั ตอนเดิม ทำให้ประหยดั เวลาไดม้ าก คลปิ ปิ้งเลเยอร์ (Clipping Layer) หมายถึงการทำให้เลเยอร์หนึ่งมีผลกับอีกเลเยอร์หนึ่งเท่านั้น ไม่ไปกระทบเลเยอร์อื่นซึ่งอยู่ถัดลงไป จาก ภาพจะเห็นเลเยอร์ Wood Gain ซง่ึ เปน็ ลายไม้ ต้องการให้ลายไมน้ ้ีมีผลกับกรอบภาพซ่ึงเป็นเลเยอร์ Frame ท่ีอยู่ ถัดลงไปดา้ นล่างเท่าน้ัน จึงใชก้ าร Clipping ซงึ่ จะเห็นลูกศรอยูท่ ่ีด้านหน้านของเลเยอร์ Wood Gain การทำเช่นนี้ จะทำให้ไดก้ รอบภาพท่ีมลี ายไม้สวยงามข้ึนมาแทนกรอบสแี ดงเหลือง ในเลเยอร์ Frame การทำ Clipping โดยการ ใชค้ ยี ล์ ัด ใหก้ ดป่มุ Alt แล้ววางเมา้ ส์ไว้ระหว่างท้ังสองเลเยอร์ จากน้ันคลกิ หรือถ้าจะใช้คำส่ังโปรแกรมเมนู Layer เลือก Create Clipping Mask (คีย์ลัด Alt + Ctrl + G) ถ้าต้องการยกเลิกก็เพียงแค่ทำซ้ำวิธีเดิม โปรแกรมเมนู Layer เลอื ก Release Clipping Mask หรอื กดป่มุ Alt แลว้ คลิกเมา้ ส์ทเี่ ดมิ อีกครั้ง การนำภาพเขา้ ใช้งาน วิธกี ารคือ ปฏบิ ัติตามขน้ั ตอนตอ่ ไปน้ี ไปที่ File (1) > Open (2) เลือก Folder ที่มีรปู ท่ีเราตอ้ งการ เลือกรปู นนั้ แล้วกด Open

เลือกไฟล์รูปทตี่ ้องการแลวา้ จากนนั้ กด Open จะไดร้ ูปมาปรากฏอยทู่ ี่ Stage หรือพื้นที่การทางานดงั รปู ตามตัวอย่างด้านล่าง การบนั ทึกงาน เมื่อได้แตง่ รูปเสร็จเรยี บร้อยแล้ว เราต้องการบนั ทึกการทำงาน ทำตามขั้นตอนดังต่อไปน้ี 1. ไปที่ File > Save as จะปรากฏหน้าต่างดังรปู ด้านล่าง

- ช่อง File name คอื ให้เราตั้งชอ่ื งาน - ช่อง Format คอื การบันทึกไฟล์งานประเภทตา่ งๆ เชน่ PSD, JPEG , TIFF และอน่ื ๆ - เม่ือเลือกเสร็จเรียบร้อยแล้ว กด Save ก็จะทำการบันทกึ สำเร็จ - เมอ่ื นกั เรยี นบนั ทึกเสร็จแลว้ จะปรากฏ icon ไฟล์ PSD 2. การใช้งานโปแกรม Illustrator โปรแกรม Adobe Illustrator เปน็ โปรแกรมท่ใี ช้ สำหรบั การวาดภาพในแบบที่เป็นภาพลายเส้น ซง่ึ จะ แตกตา่ งจากโปรแกรม Adobe Photoshop ที่เนน้ ในเรื่อง ของการแต่งภาพ ดังน้ันในหวั ข้อนจ้ี ึงเน้นหนักไปท่ี การใช้ เคร่อื งมอื ทเ่ี ป็น Pen tool เป็นสว่ นใหญ่ ซ่งึ โปรแกรม Adobe Illustrator นีจ้ ะนยิ มใชใ้ นงานออกแบบ ต่างๆเชน่ เครอื่ งหมายและสัญลกั ษณ์ นามบัตร ออกแบบปกหนังสอื ฉลากสนิ คา้ ฯลฯ เป็นตน้

สว่ นสำคญั 1. Shortcut หลัก ๆ (ควรใชม้ อื ซ้ายกด มือขวาจะได้ไม่ต้องปล่อยจากเมาส์) 1.1 zoom in = Ctrl + [+] 1.2 zoom out = Ctrl + [-] 1.3 fit on screen = Ctrl+0 (เลขศูนย์) 1.4 Hand Tool = spacebar 1.5 Undo = Ctrl+Z 1.6 Redo = Ctrl+Shift+Z ชุดอุปกรณใ์ นการแกไ้ ข 2. ลกู ศรดำ = แก้ไขวตั ถุทั้งก้อน (เคลอื่ นยา้ ย, ลบท้ิง, ย่อขยาย, จบั หมนุ ) 3. ลูกศรขาว = แก้ไขโครงสร้างวัตถุ (ศัพทค์ ำว่า จดุ anchor, เส้นpath) 3.1 จุดสีขาว จงึ จะทำการขยับปรับโครงสร้างได้ 3.2 จุดสีนา้ เงนิ เป็นการยา้ ยทัง้ รูป (สามารถแก้ไขได้โดยการคลกิ ทจี่ ดุ ๆ นน้ั อกี คร้ังแล้วปล่อย) 4. Magic Wand (ไม่เหมือนในPhotoshopซะทเี ดยี ว) 4.1 ใช้เลอื กวัตถุท่เี ปน็ สเี ดียวกันทุกวัตถุในงานเลย 5. Lasso Tool ใชเ้ ลอื กเฉพาะจดุ anchor ตามทีเ่ ราลากครอบ (สามารถใช้ลูกศรขาวลากครอบได้ เหมอื นกัน) ชุดอปุ กรณ์ในการวาด กลอ่ งอุปกรณ์ สามารถดึงเครื่องมือยอ่ ยออกมาเป็นหนา้ ต่างขา้ งนอกได้ โดยการคลิกเครื่องมือย่อยน้ัน ค้างไว้ แล้วเอาเมาส์มาปล่อยตรงจดุ สามเหลีย่ มขวามือ 6. สี่เหล่ียม ใชว้ าดรปู ส่เี หล่ียม โดยการคลกิ เลือกเคร่อื งมอื จากน้ันคลกิ ค้างที่งานแล้วลากเมาสต์ ามรูปที่ ตอ้ งการ หากต้องการใหเ้ ปน็ สเ่ี หล่ยี มจัตรุ สั ให้กดปุ่ม Shift ค้างไวด้ ว้ ย โดยจะมีจุด anchor ทัง้ รูปจำนวน 4 จดุ การวาดวตั ถุโดยการกำหนดค่าเปน็ ตัวเลข โดยใชเ้ คร่ืองมือวาดรูปส่ีเหล่ียม/วงกลม ฯลฯ แลว้ คลกิ ที่งาน 1 ครั้ง ก็ จะขนึ้ หนา้ ต่างใหพ้ ิมพ์ค่าตัวเลข

7. สีเ่ หลย่ี มขอบมน ทงั้ นี้ตรงมมุ จะมีจุด anchor 2 จดุ (ตา่ งจากสเ่ี หล่ยี มขอบปกติ ซ่ึงมจี ุดเดียว)สีเ่ หล่ยี ม ขอบมน สามารถตั้งคา่ ความมนได้ขณะวาด โดยการวาดแบบปกตแิ ตใ่ ห้กดเมาส์ค้างไว้แลว้ กดปรบั มมุ โดยใชป้ มุ่ ลูกศรขึ้น หรอื ลูกศรลง 8. วงกลม/วงลี ใชว้ างรปู วงกรม โดยต้องกด Shift คา้ งไวด้ ้วยขณะวาด แต่หากต้องการวงลกี ็ไม่ต้องกด Shift 9. Polygon รูปหลายเหลย่ี ม ปกตจิ ะเป็น 6 เหล่ียม (เลือกจำนวนเหลี่ยมได้โดยการใช้ลูกศรขึ้น/ลง ขณะ คลิกเมาส์วาด) 10. Star Tool การทำแสงสะท้อน (ตอ้ งมีสีพืน้ ด้านหลังกอ่ น) และการวาดจะมี 2 ขนั้ ตอน 10.1 วาดครัง้ แรกเป็นการเลือกจุดพระอาทติ ย์ 10.2 วาดครงั้ ที่สองเป็นการเลือกเส้นทางของแสงส่อง (เม่ือวาดเสรจ็ ใช้ลกู ศรดำเลอื กปรับขนาดได้ ถ้าอยากเห็นผลงานใช้ลูกศรดาคลกิ ทีบ่ ริเวณว่างๆ ก่อน) ชุดในการวาดเส้น การวาดเสน้ คอื มีแต่สี Stroke ดังนนั้ ปิดสี Fill ได้เลย 11. เสน้ ตรง (กด Shift เส้นจะตรง 180 องศา) 12. เสน้ โค้ง (กดลูกศรข้ึน/ลง เพ่อื ปรบั ความโคง้ ได้) (การวาดวัตถุโดยใชเ้ สน้ ต่อ ๆ กนั ไมส่ ามารถใสส่ ี Fill ไดเ้ น่อื งจากเส้นแตล่ ะเส้นเป็นคนละวตั ถกุ ัน) 13. Spiral เสน้ กน้ หอย 14.1 กดลกู ศรขน้ึ /ลง เพื่อปรับจานวนขดของกน้ หอย 14.2 กด Ctrl เพื่อปรบั ระยะของขด 14.3 หากตอ้ งการวาดขดกลับอีกดา้ น ให้ใชว้ ิธวี าดโดยการตั้งค่า (คลิก 1 ที ในพ้นื ทที่ างาน) 14. Rectangular grid สามารถกด ปมุ่ ลูกศรขนึ้ /ลง/ซ้าย/ขวา เพื่อปรบั จานวนช่องได้ 15. Polar Grid สามารถกด ปุม่ ลูกศรขึ้น/ลง/ซ้าย/ขวา เพื่อปรบั จานวนช่องได้ *หมายเหตุ (ข้อท่ี 16 – 17) สามารถใสส่ ี Fill ไดด้ ้วย) 16. Pen Tool ปากกา (สำคัญ) ถ้าใชไ้ ด้คล่องกจ็ ะสามารถวาดได้ทกุ อยา่ ง (พยายามใช้จุดให้นอ้ ยทส่ี ุด)

16.1 หลกั การวาด 16.1.1 ก่อนอน่ื ปิดสี Fill ไปกอ่ น เพอื่ จะได้ไมส่ บั สน วาดเสร็จแลว้ คอ่ ยใส่ (ปอ้ งกนั ความ สับสน) 16.1.2 คลกิ 1 คร้งั คอื การใส่จุด anchor 1 จุด 16.1.3 วาดเสรจ็ จะปรบั ดัดวัตถุกใ็ ช้ลกู ศรขาว 16.2 การวาดวงกลมโดยใช้ปากกา 16.2.1 รม่ิ ต้นจากคร่ึงวงกลมด้านบนกอ่ น โดยการคลิกจดุ เร่มิ ตน้ 1 จดุ ปกติก่อน 16.2.2 จากนั้นทาจุดท่ี 2 แต่ใหค้ ลิกค้างไวแ้ ลว้ ปรับขยบั เมาส์ไปทางขวา (จะไดเ้ ส้นโคง้ ) จะได้ เสน้ Handle มาดว้ ย เป็นเสน้ ทจี่ ะกำหนดทิศทางของการโค้ง เส้นจะโคง้ ตรงกันขา้ มกับการดึง 16.3 การหักขา anchor โดยการคลิกทจี่ ุด anchor ซ้ำอีกที 16.4 กรณีใช้ Pen Tool วาดรูปทไ่ี มใ่ ช่เสน้ ปิด ให้กด Enter เพื่อปดิ การทำงาน 16.5 Add Anchor เพ่ิมจดุ แล้วใช้ลกู ศรขาวปรบั มุมได้ 16.6 Delete Anchor ลบจดุ ออก (ตา่ งจากการใช้ลูกศรขาวเลือกแล้วกด Delete เพราะจะลบ เส้นไปด้วย) 16.7 Convert Anchor Point เปลี่ยนจากเสน้ ตรงเปน็ เส้นโค้ง และเสน้ โค้งเป็นเสน้ ตรง 17. พกู่ ัน จะปรับเส้นให้ Smooth ขึ้น 18. ดินสอ วาดอย่างไรเป็นอยา่ งน้นั *หมายเหตุ ท้งั พู่กันและดนิ สอ เราสามารถปรับแกเ้ ส้นได้ โดยการใช้ลกู ศรดาเลือกก่อน แล้วใชพ้ ู่กัน/ ดินสอ วาดเส้นแก้ไข โปรแกรมจะปรบั เส้นเดิมให้เปน็ เส้นใหมเ่ ลย หากกดปุ่ม Alt คา้ งไว้แล้วปลอ่ ยมือ จะเปน็ ภาพปิดใหโ้ ดยอัตโนมัติ 19. Blob Brush จะเป็นการลงสี Fill 20.1 แต่อาจมีปญั หาเรื่องการเลือกสี Fill กับสี Stroke เพราะจะสลับกันทำให้สบั สน 20.2 กด “ล” หรอื “บ” ค้างไว้ จะเป็นการเลือกขนาดของ Blob Brush 20.3 ถ้าระบายสเี ดียวกนั วตั ถุจะเช่ือมกันให้ดว้ ย 20. ยางลบ (เพ่มิ /ลดขนาดหัวยางลบ โดยกด “ล” หรือ “บ”) 21.1 หากต้องการลบวตั ถุเพียงบางสว่ น ทาไดโ้ ดยคลกิ คา้ งแลว้ ลากเพอื่ ลบ 21.2 หากตอ้ งการลบแบบสเี่ หลี่ยม ใหก้ ด Alt ค้างไว้ แลว้ ลากครอบ 21. กรรไกร สามารถตดั ตามโครงสรา้ งของวัตถุ โดยใช้การกำหนดจุดเริม่ ต้น กับจุดสนิ้ สดุ แล้วใชล้ กู ศร

22. มีด เหมือนการใชค้ ัตเตอร์ตดั วตั ถโุ ดยการคลิก (จากดา้ นนอก) แลว้ ลากผา่ น (ไปด้านนอกเลย) ป้องกัน การตดั ไมข่ าด 22.1 ปกตจิ ะเป็นเสน้ โคง้ หากต้องการให้เป็นเสน้ ตรงใหก้ ด Alt คา้ งไว้แล้วลาก 23. การจดั ลำดับชั้น 23.1 Object >> Arrange (หรือคลิกขวาท่วี ัตถุ) โดยมีคำสั่ง 4 คำสง่ั คือ 234.1.1 Bring to Front สง่ มาหน้าสุด 23.1.2 Bring Forward ส่งมาด้านหนา้ 1 ช้ัน 23.1.3 Send Backward สง่ มาด้านหลงั 1 ชัน้ 23.1.4 Send to Back สง่ ไปด้านหลงั สดุ คนลงทุนตัดหนา้ ไปแลว้ ด้วย คณุ จึงต้องออกแบบเคร่ืองหมายและสัญลักษณเ์ พือ่ มีการย่อขยายตา่ ง ๆ ดว้ ย เพอ่ื ให้ 23.2 กรณมี ีวตั ถุเยอะมาก หลายชน้ั 23.2.1 สง่ั Cut วัตถุทต่ี ้องการย้ายลาดบั ชน้ั 23.2.2 เลอื กวตั ถุท่ีตอ้ งการให้ไปว่างในตำแหน่งใกลเ้ คียง 23.2.3 สง่ั Paste in Back กรณีให้อยู่ดา้ นหลังวัตถทุ ่ีเลือก 24. Group การสัง่ รวมกล่มุ วัตถุ Object >> Group (หรอื คลิกขวาก็ได้) เวลาจบั ขยับกจ็ ะไปด้วยกนั ทง้ั หมดที่สั่ง จดั กลุ่ม

25. Ungroup การยกเลิกคำสง่ั Group เวลาวาดภาพเสรจ็ พยายามจัดกลุ่มใหเ้ รยี บร้อย เวลาแกไ้ ขจะได้แก้ได้ งา่ ยขนึ้ การแก้ไขวตั ถใุ น Group ใหด้ ับเบลิ้ คลกิ เข้าไป เพ่ือเข้าไปในกลุ่มก่อน (ไมต่ ้อง Ungroup ก็ได)้ และอย่า ลืมออกมาขา้ งนอกกอ่ นทำงานอนื่ ไม่อยา่ งนั้นวัตถุอ่นื ท่ีวาดจะรวมอยู่ในกลมุ่ น้ัน ๆ 26. การพลกิ ภาพ Object >> Transform >> Reflect (หรอื คลิกขวาทว่ี ตั ถุที่ต้องการกลับดา้ น) 26.1 เลือกแนวต้งั แนวนอนได้ 26.2 เลอื กแบบ Copy ได้ 27. Art Board Tool ใช้ปรบั ขนาดพนื้ ท่ีการทำงาน 28. Rotate Tool (ตา่ งจากลกู ศรดาตรงที่ ลูกศรดาเวลาหมุนจะหมุนโดยยึดจดุ กงึ่ กลางเป็นจดุ หมนุ แต่ Rotate จะสามารถยา้ ยจดุ หมุนได้) การทำงานเปน็ 2 ข้ันตอนคือ 1) กำหนดจุดหมุน 2) ทำการหมนุ 28.1 วาดรูปวงลี 1 วง 28.2 ใชล้ กู ศรดำเลือกที่วตั ถุก่อน 28.3 คลกิ คร้ังแรกเปน็ การกำหนดจดุ หมุน 28.4 คลิกค้างครง้ั ทสี่ องเปน็ การหมนุ (คลิกคา้ งแลว้ ลากโดยกดปมุ่ Alt คา้ งไวด้ ว้ ยเพื่อเปน็ การ Copy) โดยทาการหมุน 1 กลีบดอกก่อน 28.5 กด Ctrl+D (Object>>Transform>>Transform Again) เพื่อทำซ้ำคำส่งั สุดท้าย จะได้ดอกไม้ ตามภาพ 29. แตห่ ากต้องการวาดรูปเป็นแนววงกลมทีเ่ รยี งเป็นมุมมีองศาเทา่ ๆ กนั อาจใช้วิธกี ารกำหนดค่าได้ โดยการ 29.1 ตอนกำหนดจดุ หมุนให้กดปุ่ม Alt ค้างไว้ด้วย จะไดห้ น้าตา่ ง Rotate ขึ้นมา ใหก้ ำหนดค่าองศา 29.2 กดเลือก Copy (หากตอบ OK จะเปน็ การหมนุ ที่วัตถุเดมิ ) 30. Reflect Tool ใช้พลกิ ด้านของวัตถุ 31. Scale Tool 31.1 วาดวัตถุ 1 ช้ิน กำหนดเส้นขอบหนา ๆ 10 Point 31.2 คลกิ สองครง้ั ที่ เครือ่ งมือ Scale 31.3 พมิ พ์ขนาด 50% 31.4 เลือก Copy ** ตรง Scale Strokes & Effect ใช่กำหนดให้เส้นขอบย่อตามรูป (ควรต๊กิ ถูกเลือกไว้ดว้ ย)**

32. Shear Tool ใชบ้ ิดวตั ถใุ ห้เอียง โดยทำงาน 2 ขน้ั ตอน คอื 32.1 คลกิ ครง้ั แรกเพอ่ื กำหนดจุดหมนุ 32.2 คลกิ คา้ งเพื่อปรบั เอียง 33. Reshape Tool ใช้คกู่ บั ลูกศรขาวโดยคลิกเลือกทเ่ี สน้ ขอบจะเกิดจุดโปรง่ ๆ ท่ีเสน้ ขอบ (ถา้ คลกิ ทส่ี ี Fill จะไมเ่ กิดผล) โดยมวี ธิ ีการดังน้ี 33.1 ใช้ลกู ศรขาวเลือกคลิกที่เส้นขอบ (ถ้าคลกิ ท่ีสี Fill จะเป็นการเลือกท้งั หมด) 33.2 เลอื ก Reshape แล้วคลิกค้างทเี่ สน้ จบั ดดั โคง้ 34. Free Transform Tool 34.1 ใช้ Free Transform คลกิ ค้างไวท้ มี่ ุม แล้วกด Ctrl ค้างไว้ จะเปน็ คาส่ัง Distort (บิด, เบ้) 34.2 ใช้ Free Transform คลกิ ค้างไวท้ ม่ี ุม แลว้ กด Alt ค้างไว้ จะเปน็ คำส่ัง Shear (ตัด) 34.3 ใช้ Free Transform คลิกคา้ งไว้ทีม่ มุ แล้วกด Ctrl+Alt+Shift คา้ งไว้ จะเปน็ คำส่งั Perspective *ใช้ประโยชน์ในการปรบั ขนาดวตั ถุทลี ะหลาย ๆ วตั ถุ 35. Perspective Grid Tool 35.1 เม่ือคลกิ เลือกเคร่ืองมือนี้ จะข้นึ ตารางไว้ให้ (ปดิ โดยการคลกิ ทปี่ ุ่ม controller ) 35.2 วาดรปู สีเหลี่ยม วงกลม ลงไป รูปท่วี าดจะเป็นแบบ Perspective 35.3 หากต้องการวาดด้านอนื่ ๆ ใหเ้ ลอื กดา้ นกอ่ น จากป่มุ controller ด้านซ้ายมอื บน 36. Perspective Selection Tool ใชจ้ ับขยับ ขยายวตั ถุเหมอื นลกู ศรดา แต่จะปรับให้เข้า Perspective ใหด้ ้วย

37. การนำรูปท่ีวาดนอก Perspective มาใส่ใน Perspective 37.1 วาดรปู อะไรก็ได้ โดยปดิ Perspective กอ่ น 37.2 ส่ัง Group วตั ถทุ ีว่ าด 37.3 ก่อนนำมาวา่ งใน Perspective ให้ใชว้ ธิ ี Copy เสมอ (ไม่อยา่ งน้ันจะไม่สามารถกลับมาใชว้ ัตถเุ ดมิ ได)้ 37.4 เปิด Perspective ก่อนวางวตั ถุใหเ้ ลอื กด้านท่จี ะวางกอ่ น แล้วใช้ Perspective Selection Tool จบั วัตถุมาวาง ตามตำแหน่งที่ตอ้ งการ กลุ่มเคร่ืองมือปรบั แต่งเสน้ Stroke 38. Width Tool มใี น cs5 ข้นึ ไป 38.1 วาดรูปอะไรก็ได้ ใสข่ อบใหห้ นา ๆ หน่อย 38.2 ใช้เคร่ืองมือ Width Tool ปรับเสน้ ขอบลองใชก้ ับ Spiral Tool ดูแล้วปรบั หวั กบั ท้ายให้แหลม 39. Warp Tool ใชด้ ดั เส้นใหง้ อ บดิ เบีย้ ว ** การปรับคา่ อปุ กรณ์ โดยการดบั เบิ้ลคลิกท่ีอุปกรณ์ไดเ้ ลย ** หรอื กด Shift + Alt ค้างไว้ จากนนั้ คลิกเมาส์ซา้ ยคา้ งไว้แล้วขยับเมาส์ (ขยบั เป็นมมุ เฉียงๆ จะเห็นไดช้ ดั เจน)

40. การวาดวตั ถุทีต่ ้องการให้สมมาตร เช่นแจกนั ดอกไม้ 40.1 ใช้ Pen Tool วาด ปิดสี Fill ไปก่อน วาดฝัง่ เดยี วกอ่ น 40.2 คลกิ ขวาที่วัตถใุ ชค้ าสั่ง Transform >> Reflect 40.3 ขยบั ใหไ้ ด้ตำแหน่ง โดยใช้ลกู ศรซา้ ยขวา (ถ้าต้องการเรว็ กดปุ่ม Shift ค้างไวด้ ้วย) 40.4 เช่อื มจุด 2 จุดเข้าด้วยกัน โดยใช้ลกู ศรขาวลากครอบให้โดน 2 จุด แลว้ คลิกขวาสั่ง Join 40.5 เชื่อมทั้งบนและล่าง จากนนั้ ใสส่ ี Fill 41. การใสล่ ายให้แจกัน (Make Clipping Mask) 41.1 วาดลวดลายก่อน 41.2 Copy แจกันมาวางไวด้ ้านบน 41.3 ใช้ลูกศรดำเลือกวตั ถุทั้งสอง แล้วคลกิ ขวาเลือกคาส่ัง Make Clipping Mask * เวลาต้องการแก้ไข ให้ดบั เบ้ิลคลิกเข้าไปในชนั้ งานก่อน แล้วสามารถปรบั ขยบั ใสส่ ี เพม่ิ เติมได้ .42. Window>>Pathfinder ใช้ประกอบการวาดภาพแบบพเิ ศษ (รวม/ตัดวัตถุ) โดยแบง่ เปน็ 2 หมวดคือ 1) คำส่งั ชดุ Shape Mode ใชใ้ นการรวมวัตถุ 2) คำสั่งชุด Pathfinder ใช้ในการตดั วัตถุ หรอื ซอยให้เปน็ ชิน้ ย่อย ๆ (หากต้องการยา้ ยต้อง Ungroup ก่อน) ทดลองสรา้ งวัตถุ 3 ชนิ้ วางซอ้ นกัน ใชล้ ูกศรดำเลือกท้งั หมดแล้วทดลองแต่ละคำส่ัง

อปุ กรณเ์ กย่ี วกบั สี การไลเ่ ฉดสี 43. Gradient Tool 43.1 วาดวตั ถขุ ึน้ มา 1 ชิน้ 43.2 เลอื ก Gradient Tool แตต่ อ้ งต้ังค่าสกี ่อน จากน้ันลากเส้นไลโ่ ทนสี 43.3 เวลาปรบั คา่ ใหป้ รับในหนา้ ตา่ ง Gradient 43.3.1 Type: มี 2 แบบ คือ Linear และ Radial 43.3.2 การไลส่ ี ดบั เบล้ิ คลกิ ท่ีหมดุ สี ปรับโหมดสเี ปน็ CMYK กอ่ น 43.3.3 สามารถเพิม่ หมุดสีได้ โดยการคลิกทีส่ ไลด์บารข์ องสี (การเอาหมุดสอี อกให้คลกิ ท่ีหมดุ สี ค้างไวแ้ ล้วลากออกมาด้านนอก) 43.3.4 สามารถปรับคา่ Opacity เพ่อื ให้มองทะลุดา้ นหลงั ไดด้ ้วย 43.4 การตกแต่งเพมิ่ เติม (มีใน cs6) พาเลทต่าง ๆ ด้านขวามือของโปรแกรม 44. Color Guide ชว่ ยในการเลือกสีได้ 44.1 วาดรูปวงกลมหลาย ๆ วง แล้วลองใสส่ จี าก Color Guide 44.2 ปุ่ม Edit and Apply Color ชว่ ยในการปรับโทนสตี า่ ง ๆ ใหไ้ ปด้วยกัน ลองปรบั สรี ูป โทรศัพท์ 44.3 ดงึ คา่ สีเดิม โดยใช้ Get Colors from… 44.4 ปรบั ค่าวงล้อสโี ดยคลิกที่ Edit 44.5 หากต้องการปรบั สที ้ังหมดใหไ้ ปดว้ ยกันให้ต๊กิ ที่ “โซ่” ดว้ ยเสมอ

45. Swatches ใช้เก็บสที ใ่ี ช้งานบ่อย ๆ เราสามารถกำหนดสีท่ใี ช่บอ่ ย ๆ เพิ่มเตมิ ได้ ดงั น้ี 45.1 เลอื กทว่ี ตั ถุท่ตี ้องการเก็บคา่ สี (หากอยใู่ นGroup ใหเ้ ข้าไปใน Group ก่อน) 45.2 จากน้ันกดทก่ี ระดาษพับมมุ แล้วต้งั ชอื่ 46. หน้าต่าง Transparency ใชป้ รบั คา่ ความโปรงใส 46.1 ปรับตรงคา่ Opacity (ทำให้โปรงใส) 46.2 ตรง Normal Mode ให้ลองปรับแตง่ ดู (เหมอื น Blend Mode) 47. Mesh Tool (อยู่ตรง Tool Box ดา้ นซ้ายมือ) ใชไ้ ล่เฉดสีตามรูปทรง 47.1 สร้างวตั ถุดาวขน้ึ มา โดยสตี อ้ งเปน็ สีเดียว ไมส่ ามารถใชร้ ่วมกบั Gradient ได้ 47.2 ใช้ Mesh Tool แลว้ คลกิ 1 ครงั้ ในดาว จะเกิดเสน้ ตัด สามารถใส่สีได้เลย (ปรบั สตี รงสไลดบ์ าร์) 47.3 เม่ือเกิดเสน้ ตัดครบท้ังรูปแล้ว สามารถใชล้ กู ศรขาวเลือกจุด แล้วใส่สีได้เลย * จดุ ด้านในสามารถลบท้ิงได้ โดยใช้ลูกศรขาว 48. Blend Tool (อยูต่ รง Tool Box ด้านซา้ ยมือ) 48.1 วาดวตั ถดุ าว 4 ชิ้น วางหา่ ง ๆ กนั หนอ่ ย และใสเ่ ฉพาะสี Fill สี Stroke ไม่เอา 48.2 ใช้เคร่ืองมือ Blend แลว้ คลกิ ที่รูปแรก 1 ครง้ั จากนั้นคลกิ ทร่ี ปู ท่ี 2 อีก 1 คร้งั * หากต้องการแก้ไข ใหเ้ ขา้ ไปใน Group กอ่ น * หากต้องการปรับโค้ง ใหใ้ ช้ Convert Anchor Point Tool ดัดตรงหัวมมุ 48.3 การปรบั แต่งค่าใน Blend Tool โดยการดับเบ้ิลคลิกที่เครอ่ื งมือได้เลย 48.4 เลือกตรง Spacing เป็น Specified Steps ระบจุ านวนช้นิ ตามต้องการ อปุ กรณ์ใสต่ ัวอกั ษร (ปกตมิ ี 6 แบบ แตห่ ลัก ๆ จะใช้เพียงแค่ 3 รปู แบบแรกเทา่ น้ัน) 49. Type Tool 49.1 คลิกท่งี านแค่ทเี ดยี ว แลว้ พมิ พ์ 49.2 ใช้ลูกศรดำเลือกเพื่อแก้ไข จับขยับย่อ-ขยายไดเ้ ลย

49.3 ใช้ลกู ศรดำคลิกขวาที่ตวั อักษร เพอ่ื เลือกตวั อักษรทมี่ ีอยู่ในเคร่ือง 49.4 ทำเงาให้ตวั หนงั สือ โดยการ Copy แลว้ ส่งไปด้านหลัง 49.5 ทำขอบใหต้ ัวอักษร โดยการ Copy แลว้ สง่ั Stroke หนาๆ แลว้ นาไปวางไว้ด้านหลงั (เหตทุ ไ่ี ม่ส่ัง Stroke เพราะเส้นขอบจะกนิ พื้นทด่ี า้ นใน ทำใหท้ บั ตัวอักษรเดมิ ) 49.6 ลองพิมพ์ตวั อกั ษร AVN เลือกตัวหนาๆ เหลย่ี มๆ แล้วใส่ Stroke หนาๆ เลย จะเกดิ ขอบแหลมๆ ยน่ื ออกมาก ให้ปรบั ตรง Stroke Option ตรงคา่ Limit ปรับประมาณ 2-3 50. Object>>Envelope Distort 50.1 Make with Warp ปรับโค้งตามรปู แบบสำเร็จรปู 50.2 Make with Mash จะสร้างตารางข้นึ มาให้ 50.3 Make with Top Object (แนะนำให้พิมพ์อักษรเปน็ ตวั ใหญท่ งั้ หมดกอ่ น) ใช้ปรับตัวอกั ษรใสใ่ น รปู ทรงท่อี ยชู่ ั้นบน 50.3.1 ใส่ตวั อกั ษร (ตัวใหญห่ มด) 50.3.2 วาดรูปทรงอะไรก็ได้ (ยกเวน้ สเ่ี หล่ยี ม) 50.3.3 นำรปู ทรงมาวางไว้ดา้ นบน แลว้ สั่ง Object>>Envelope Distort>> Make with Top Object (ใช้ตัวพมิ พใ์ หญ่ขอบด้านบนและด้านลา่ งจะเท่ากัน จะทำให้ดผู ลงานไดช้ ัดเจนขนึ้ ) **หากตอ้ งการแก้ไขให้ใช้คำส่ังแยกวตั ถุ Object>>Envelope Distort>>Release

51. Create Outlines ใชแ้ กไ้ ข Type ใหส้ ามารถจัดดัดได้ แปลงจาก Text เปน็ Object 51.1 เลือกตัวอกั ษร เลือก Type>> Create Outlines หรอื 51.2 คลกิ ขวาท่ีตวั อกั ษร เลอื ก Create Outlines เมือ่ สง่ั Create Outlines แลว้ จะไม่สามารถแก้ไข ตัวอกั ษรไดแ้ ล้ว ปกตเิ วลาทำงานเสร็จแลว้ ตัวอักษรมักจะสง่ั Create Outlines เสมอ เพื่อเวลาไป เปดิ ทีเ่ คร่อื งอน่ื ๆ จะได้ไม่มีปญั หาเรื่อง font 52. Area Type Tool การพมิ พข์ ้อความในรูปทรงท่ีตอ้ งการ 52.1 วาดรปู ทรงกลมขน้ึ มาก่อน 52.2 ใช้เครอ่ื งมือ Area Type คลกิ ท่ขี อบของรูป (คลิกท่สี ี Fill ไมไ่ ด)้ 53. Type on a Path การพิมพ์ข้อความบนเส้นขอบของวัตถุ 53.1 วาดรปู ทรงกลมขึ้นมาก่อน 53.2 ใชเ้ ครื่องมือ Area Type คลิกท่ขี อบของรปู (คลกิ ที่สี Fill ไมไ่ ด)้ 53.3 พมิ พ์ข้อความตามต้องการ 53.4 เม่ือใชล้ ูกศรขาวเลือก จะปรากฏเสน้ 3 เส้น คือ กนั้ หน้า กั้นกลาง และก้นั หลงั (ให้คลกิ ท่ีเสน้ อยา่ ไปคลิกที่ปุ่มขาว) 53.5 แรกเริม่ กน้ั หนา้ กั้นหลงั จะอย่ใู กลช้ ิดกนั ให้จบั เสน้ กน้ั หลังไปไวท้ ้ายตัวอักษร 53.6 เสน้ ก้ันกลาง สามารถใช้จบั มาวางไวใ้ นเสน้ ได้ เพื่อใหต้ ัวอักษรวางอยู่ในเส้น (ฝง่ั ตรงขา้ ม)

หน่วย 8 การเขยี นภาพลอและภาพประกอบเรือ่ งด้วยโปรแกรมสำเรจ็ รปู เทคนิคทำภาพการ์ตนู หวั โต ดว้ ย โปรแกรม Adobe Photoshop หลายๆคนอาจจะคล้ายเห็นโฆษณาหรือป้ายโฆษณาที่ทำรูปคนหรือสัตว์ขยายใหญ่เป็นส่วนๆใช่ไหม เช่น หัวโต มือใหญ่ คล้ายแบรนด์ น้องหมา Thedog ยังงั้นและ เทคนิคสร้างภาพหัวโตน้ัน มีวิธีการใช้จากเครื่องมือที่ชือ่ ว่า Magnetic Lesso Tool ใน โปรแกรม Adobe Photoshop Magnetic Lesso Tool เป็นเครื่องมือที่ช่วยลากเส้นในส่วนที่เราเลือก แบบอัตโนมัติ ลากตามหัวสุนัขตามรูป ตวั อยา่ ง ใช้เมา้ สไลดไ์ ปเร่ือยๆ เครือ่ งมือจะลากเส้นให้เองแต่ถา้ ไม่ตรง กดคลกิ ซ้ายทเ่ี ม้าส์เพื่อทำการกำหนดจุดท่ี ตอ้ งการให้ลากจนครบรอบ ใหบ้ รรจบกนั ก็จะไดเ้ ส้นรอบสว่ นทีต่ อ้ งการ จากนั้น เลอื กท่ี Edit>Free Transfrom หรอื กดปุม่ ลัด Crtl+T จะขนึ้ กรอบสี่เหลี่ยมให้เราสามารถย่อหรือขยาย ขนาดจากสว่ นท่ีเราเลือกมาได้ แตถ่ ้าอยากใหส้ มดลุ กันควรกด ปุ่ม shift ค้างเวลาย่อหรือขยายด้วยเราก็ปรับ ขนาดใหไ้ ด้สดั สว่ นตามท่ีเราต้องการ

ข้นั ตอนการเปลี่ยนภาพถ่ายใหเ้ ป็นภาพการต์ ูน 1.หลังจากเปดิ โปรแกรม Photoshop เรยี บรอ้ ยแล้ว เปดิ ไฟล์ภาพท่ตี ้องการทำเปน็ ภาพการต์ ูน โดยเลือกเมนู File เลือก Open จากนั้นเลอื กไฟลภ์ าพ เปิดไฟลภ์ าพท่ีต้องการทำเป็นภาพการต์ ูน แสดงไฟลภ์ าพ 2.คลกิ ท่ีเมนู Filter เลือก Filter Gallery... ใส่ Filter ใหภ้ าพ

3.ปรับมมุ มองของภาพให้เลก็ ลง เพ่อื ใหเ้ หน็ ภาพท้งั หมด 4.คลิกเลือกหมวด Artistic 5.คลิกเลือก Poster Edges

6.ปรับคา่ Edges ตามความเหมาะสม 7.หลังจากปรับค่าเรียบร้อยแล้ว คลกิ ปมุ่ OK 8.Save ภาพทีใ่ ส่ Filter เสรจ็ เรียบรอ้ ยแลว้ โดยการคลกิ ที่เมนู File เลือก Save As...

ภาพถา่ ยก่อนใส่ Filter ภาพถ่ายหลังใส่ Filter ใหก้ ลายเปน็ ภาพการต์ นู

วาดการต์ ูนด้วยโปรแกรม Adobe Illustrator บางคร้ังในการทำงาน เราอาจจะตอ้ งการภาพการ์ตนู สวยๆ ท่อี ยูต่ ามเวบ็ ไซต์ แต่เนื่องจากภาพท่ีได้มาน้ันเปน็ ภาพทม่ี ขี นาดเลก็ มากไมส่ ามารถท่ีจะนำมาใช้ งานไดท้ นั ที เม่อื เราเอาไปทำสอ่ื ส่ิงพิมพ์ที่มีการขยายขนาดมากๆ อาจจะทำให้รปู ภาพน้ันแตกจนไม่สามารถใช้งานได้ ดงั น้ันถ้าเราใชก้ ารคดั ลอกการต์ นู ออกมาเปน็ Vector ดว้ ย โปรแกรม illustrator จะทำให้ภาพการ์ตนู นน้ั ขนาดขนาดได้ไม่จำกัด สามารถเอาไปใช้กับส่ือสง่ิ พิมพช์ นิ้ ใหญ่ได้ โดยไมต่ อ้ งกลัวภาพแตก มีวธิ กี ารดังน้ี 1.เปิดโปรแกรมขน้ึ มานำภาพตน้ ฉบบั ท่เี ราต้องการท่จี ะใชม้ าเปดิ ในโปรแกรม Illustrator ตัวอย่างจะใช้ภาพนก ฮูก 2. เรามาเรม่ิ วาดให้เปน็ ลายเส้นโดยเร่ิมจากลำตัวกอ่ น โดยการวาดวงกลมขนึ้ มา

3. จากนัน้ ใช้เครื่องมอื Pen tool โดยเรมิ่ จากการวาดตาของนกก่อน ในการวาดน้นั เราเปิด layers ของภาพ ตน้ ฉบบั ด้วย เพอ่ื ที่จะเป็นการงา่ ยตอ่ การวาด 4. ต่อไปวาดรายละเอียดสว่ นท่ีเหลือให้ครบกจ็ ะไดด้ งั ภาพตัวอยา่ ง 5. ต่อไปก็ทำการลงสใี หก้ ับนกฮูกโดยใช้สีจาก Swatches หรือจะกำหนดสเี องก็ได้ ก็จะได้ภาพทส่ี ำเร็จตามรปู

วาดรปู การต์ ูนคน ดว้ ยโปรแกรม Adobe Illustrator รปู การ์ตูนเลียบแบบหนา้ คน ตัวคน โดยใช้เส้นเป็นหลกั 1. เปดิ โปรแกรม Adobe Illustrator ข้ึนมา - สรา้ งชน้ิ งานมาใหม่ แลว้ เอารปู ที่เราต้องการ Place ลงมา หรือลากจาก Folder มาลงเลยกไ็ ด้ - ใช้ Pen Tool เป็นหลกั ในการสร้างเส้น วาดเส้นตา่ งๆ - กำหนดเส้นเป็นสดี ำก่อน

2. วาดเสน้ ใบหนา้ หู ตา จมูก ปาก ผม ตามทมี่ ีในองค์ประกอบของรูป **ตรงตา ให้ลืมวาดแววตาด้วย กลมๆ เล็กๆ 3. ลงสี ไปทีแ่ ถบ Window > Color - คลิ๊กเลือกช้นิ ทตี่ ้องการลงสี แล้วเลอื กสเี สน้ สีพื้นตามท่ตี ้องการ

4. ลงสีเสรจ็ แลว้ 5. การซอ้ นของชิน้ งาน ขณะวาดเสน้ อาจจะไม่ได้วาดให้ผมอยู่ข้างบนใบหน้า เม่ือลงสีแลว้ อาจทำให้ใบหน้าอยู่ เหนอื ผม ถ้าเราต้องการใหผ้ มอยบู่ นสดุ ให้คลิกเลือกท่ีชิน้ งาน แล้วคลกิ ขวา เลอื ก Arrange > Bring to Front (ไปบนสุด) / Bring Forward (ไปบน 1 ขนั้ ) / Send Backwards (ไปลา่ ง 1 ขน้ั ) / Send to Back (ไปลา่ งสุด)

6. การใช้เสน้ 2 อยา่ ง คือ ขนาดเสน้ และ ชนดิ เสน้ อาจจะปรบั ขนาดเส้นใหห้ นา้ ข้นึ ถา้ ต้องการเนน้ 7. ชนดิ ของเส้น ส่วนนี้จะทำใหเ้ สน้ มีความพร้ิวไหวมากขึ้น เสน้ จะไม่เท่ากนั ไปตลอด จะมบี างบ้างหนาบา้ ง โดย เลอื กท่ี Profile

8. ส่วนตา ดวงตาของคนในรูปจะตาเลก็ เลยทำให้ดวงตาสดี ำเลยออกมาข้างนอก เราจะใช้ Make Clipping Mask ช่วย - สว่ นของลกู ตาเราจะมี 2 ชิ้น คือ ตาดำ กบั แววตาสีขาว ให้จับกล่มุ กันกอ่ น โดยเลือก 2 ชิ้นนี้ (กด Shift ค้างไว้ แล้วเลือกทีละชน้ิ ) แลว้ คลิกขวาเลือก Group หรือกด Ctrl+G จะเป็นการรวมกล่มุ (* ถา้ ตอ้ งการแยกกลุ่ม กด Ctrl+Shift+G) - เมอื่ จับกลุ่มเสรจ็ แลว้ ใหค้ ลิก เลอื กท่ีตาขาว แล้ว Copy (Ctrl+C) แลว้ วางจดุ เดิม (Ctrl+F) แต่เรา ต้องเอาตัวตาขาวไว้บนสดุ ให้กด Ctrl+Shift+] ตาขาวอยู่บนสดุ แลว้ ให้เราเลอื กตัวตาขาว กับ ตาดำทมี่ นั เกินขอบออกมา 2 ช้ิน (อย่าลืมกด Shift ค้างไว้ตอนเลือกชิน้ งาน) เลือก 2 ชิน้ แล้วคลิกขวา > Make Clipping Mask


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook