Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้phython

แผนการจัดการเรียนรู้phython

Published by เบญจพร รอดแก้ว, 2022-12-03 01:27:19

Description: แผนการจัดการเรียนรู้phython

Search

Read the Text Version

แผนการจดั การเรยี นรู้ 1 วชิ า การเขียนโปรแกรม รหัสวิชา ว31261 กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 จานวน 16 คาบ หนว่ ยการเรยี นรู้ เร่อื งการเขยี นโปรแกรมเพื่อแกป้ ญั หา เวลา 2 คาบ โรงเรยี นมัธยมสงั คีตวทิ ยา กรุงเทพมหานคร ครผู ้สู อน นางสาวเบญจพร รอดแกว้ 1. สาระสาคัญ (ความเขา้ ใจท่ีคงทน) ภาษาไพทอนเป็นโปรแกรมท่ีมีความยืดหยุ่นและมีขีดความสามารถสูง โปรแกรมมีขนาดเล็กทางานได้เร็ว ลักษณะของภาษาจะอยู่ในรูปแบบของฟังก์ชัน โปรแกรมหนึ่งอาจประกอบด้วยฟังก์ชันเดียวหรือหลายฟังก์ชัน เมื่อ เขียนโปรแกรมใหม่ก็อาจนาเอาฟังก์ชันอีกโปรแกรมหนึ่งมาใช้งานได้ ถ้าโปรแกรมท้ังสองมีการทางานบางส่วน เหมือนกัน โปรแกรมที่ใช้ในคอมพิวเตอร์ระบบหนึ่ง ยังสามารถนาไปใช้กับคอมพิวเตอร์อีกระบบหน่ึงได้ โดยอาจมี การแก้ไขเพียงเล็กน้อย ด้วยเหตุน้ีโปรแกรมภาษาไพทอนจึงได้รับความนิยมจากนักเขียนโปรแกรมในปัจจุบันเพ่ิม มากข้ึน 2. ผลการเรียนรู้ 1. รแู้ ละเข้าใจความหมายและลกั ษณะสาคญั ของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1.1 บอกความหมายของโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ได้ 1.2 อธิบายลกั ษณะสาคัญของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้ 2. วเิ คราะหล์ กั ษณะสาคญั ของภาษาไพทอนกบั ภาษาโปรแกรมอ่นื ๆ ได้ จุดประสงค์การเรยี นรู้ 2.1 อธิบายจุดเดน่ ของภาษาไพทอนทีแ่ ตกตา่ งจากภาษาโปรแกรมอน่ื ๆ ได้ 2.2 อธบิ ายวธิ ีการเขียนโปรแกรมภาษาไพทอนในรูปแบบต่างๆ ได้ 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 เนือ้ หาสาระ (Knowledge) โปรแกรมภาษาไพทอน ได้แก่ - ความหมายของโปรแกรม - ลักษณะสาคญั ของภาษาไพทอน - การเขียนโปรแกรมไพทอนเบื้องตน้

3.2 ทักษะ/กระบวนการ (Process) 1. การคิดวิเคราะห์ 2. การแก้ปัญหา 3. การเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ 3.3 คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. วินัย 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มงุ่ มัน่ ในการทางาน 3.4. สมรรถนะสาคัญของนักเรียน 1. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. กระบวนการจัดการเรยี นการสอน : ใชก้ ารสอนแบบการเรยี นรูโ้ ดยใชป้ ัญหาเป็นฐาน - นกั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน เปน็ เวลา 15 นาที 4.1 กจิ กรรมนาเขา้ สู่การเรียน 1. ครูสอนถามเก่ยี วกบั ประสบการณก์ ารเขยี นโปรแกรมของนักเรยี น เชน่ นักเรยี นคนใดเคยเขียน โปรแกรมภาษาซมี ากอ่ นบ้าง หรอื นักเรียนมีประสบการณก์ ารเขยี นโปรแกรมภาษาใดมาบ้าง เปน็ ตน้ 2. ครสู อบถามความคดิ เห็นและความรสู้ กึ ของนกั เรียนเกี่ยวกับการเขยี นโปรแกรมภาษานัน้ ๆ 3. ครูอธบิ ายและยกตวั อยา่ งความสาคญั ของการเรียนรู้การเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ 4.2 กิจกรรมพฒั นาการเรียนรู้ กาหนดปญั หา 1. ครใู ห้นกั เรียนแบง่ กลุ่มๆ ละ 4 – 5 คน และแจกใบกิจกรรมท่ี 1 เรอื่ งวิธีการเขยี นโปรแกรมภาษาไพทอน 2. ครูมอบหมายภารกิจใหแ้ ต่ละกลมุ่ หาวิธกี ารเขยี นโปรแกรมดว้ ยภาษาไพทอนในใบกิจกรรมที่ 1 ทาความเขา้ ใจปญั หา 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มทาความเข้าใจปัญหา โดยวิเคราะห์ปัญหาที่ต้องค้นหาหรือแก้ไขจากใบกิจกรรมท่ี กาหนดให้ 4. นักเรียนร่วมกันอภิปรายปัญหาที่นักเรียนจะต้องค้นหา แก้ไข หรือหาวิธีการท่ีถูกต้อง โดยครูคอยให้ คาแนะนา เสรมิ แรง และเสนอแนะเพิม่ เติมหากนกั เรยี นยงั วเิ คราะหป์ ัญหาไม่ถูกต้อง

ดาเนนิ การศกึ ษาค้นคว้า 5. นกั เรยี นดาเนนิ การศึกษาค้นควา้ วธิ กี ารเขียนโปรแกรมด้วยภาษาไพทอน พรอ้ มกับตอบคาถามในใบ กิจกรรมท่ี1 โดยให้เวลานกั เรียนแตล่ ะกลุ่มศึกษาเรียนร้จู ากเวบ็ ไซต์ Google classroom เป็นเวลา 20 นาที 6. ครูคอยให้คาแนะนา เสนอแนะ และตอบข้อซักถามเมอ่ื นักเรยี นเกดิ ปัญหาหรือไม่ข้อสงสยั สงั เคราะหค์ วามรู้ 7. นกั เรียนสงั เคราะหค์ วามรเู้ ป็นของกลุ่มตนเอง ในประเด็นตอ่ ไปน้ี - โปรแกรมคอื อะไร - ไพทอนมลี กั ษณะสาคญั ท่ีโดดเด่นอย่างไร - สามารถเขยี นโปรแกรมด้วยภาษาไพทอนได้จากเคร่ืองมือใดบ้าง - วิธีการเขยี นคาสั่งดว้ ยเครอื่ งมือนั้นๆ เปน็ อยา่ งไร - ทดลองเขียนคาสงั่ แสดงผลชอื่ สมาชิกกลุ่มตนเองเบ้ืองต้น 8. นักเรียนในกลุม่ แลกเปล่ียนความคิดเหน็ และตรวจสอบองค์ความรขู้ องกลมุ่ ตนเอง สรปุ และประเมนิ คาตอบ 9. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มสรปุ คาตอบและเขียนคาตอบลงในใบกิจกรรมให้ชดั เจน 10. สมาชิกกลุม่ ร่วมกันประเมินคาตอบและตรวจสอบคาตอบท่ีคน้ พบอกี คร้งั นาเสนอและประเมินผล 11. ครูสมุ่ นกั เรียน 2 – 3 กลุ่มใหอ้ อกมานาเสนอวธิ กี ารเขียนโปรแกรมดว้ ยภาษาไพทอนทคี่ ้นพบ พรอ้ ม อธิบายการเขียนโปรแกรมเบ้ืองตน้ การตรวจสอบข้อผดิ พลาดท่อี าจเกดิ ขึ้น และการเขียนคาส่ังแสดงชอ่ื สมาชิกกล่มุ ของตนเอง 12. นักเรียนแต่ละกลุ่มวิเคราะห์คาตอบของเพื่อนท่ีนาเสนอ และเปรียบเทียบความเหมือนหรือแตกต่าง จากวิธีการท่ีตนเองค้นพบ หากมีจุดที่แตกต่างให้นักเรียนนาเสนอและแลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อนกลุ่มอ่ืนๆ ที่หน้า ชั้นเรยี นอีกคร้งั 4.3 กจิ กรรมสรปุ การเรียนรู้ 1. ครูสรุปองค์ความรู้เกีย่ วกบั วิธีการเขยี นโปรแกรมดว้ ยภาษาไพทอน การใชเ้ คร่ืองมือตา่ งๆ การตรวจสอบ ขอ้ ผิดพลาด และการเขยี นคาสง่ั แสดงชอ่ื ตนเองอยา่ งง่าย 2. ครูเปดิ โอกาสให้นักเรยี นสอบถามปญั หาข้อสงสัย และตอบปัญหาใหน้ ักเรียนเข้าใจอีกคร้ัง 3. ครูใหน้ กั เรยี นทาแบบทดสอบเร่อื งที่ 1 แนะนาภาษาไพทอน จากเวบ็ ไซต์ Google classroom เป็น เวลา 10 นาที 4. ครูเฉลยและแนะนาเพิ่มเติมในประเดน็ คาถามของแบบทดสอบแตล่ ะข้อ

5. ส่ือการเรยี นรู้ 1. ใบกิจกรรท่ี 1 วธิ ีการเขียนโปรแกรมภาษาไพทอน 2. Google classroom 3. หนงั สอื เรยี นภาษาไพทอน (สสวท.) 6. การวัดและประเมินผล วิธกี าร เครื่องมอื เกณฑ์ ดา้ น -ทาแบบทดสอบเรอื่ งท่ี 1 ความรู้ Google classroom -แบบทดสอบออนไลน์เร่อื ง -ร้อยละ 80 ขึ้นไป -นาเสนอวธิ ีการเขียน ด้านคณุ ธรรม/ โปรแกรมภาษาไพทอน ที่ 1 Google classroom -รอ้ ยละ 80 ขน้ึ ไป จรยิ ธรรม -สังเกตจากพฤติกรรมท่ี -ใบกิจกรรมที่ 1 วธิ กี าร ด้านทักษะ/ รับผิดชอบตอ่ งานท่ไี ดร้ ับ กระบวนการ มอบหมาย เขยี นโปรแกรมภาษาไพ -สังเกตความอดทน การ รับฟังความคดิ เหน็ ของ ทอน ผู้อื่น การวเิ คราะหก์ าร วจิ ารณ์ผลงานของกลุม่ -แบบสงั เกตพฤติกรรมการ -ระดบั ดขี น้ึ ไป ตนเองและกลมุ่ อื่น -สงั เกตจากพฤติกรรมที่ ทางานกลุ่ม -ระดับดีข้นึ ไป เกดิ จากการทางานกลมุ่ ใน การแก้ปัญหาร่วมกัน -แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทางานกลมุ่ -แบบประเมินทกั ษะ/ -ระดับดขี นึ้ ไป กระบวนการในการ แก้ปัญหา

บนั ทกึ ผลการจัดการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ ปัญหา / อุปสรรค ข้อเสนอแนะ ลงชอ่ื ผสู้ อน ( นางสาวเบญจพร รอดแกว้ ) ความเห็นผนู้ ิเทศ/หัวหนา้ กลุ่มสาระฯ ลงช่อื ( นายอนกุ ูล แว่นประโคน ) ปฏิบตั ิหน้าที่รองผู้อานวยการกล่มุ บรหิ ารวิชาการ

ใบกิจกรรมที่ 1 เร่อื ง วธิ ีการเขียนโปรแกรมภาษาไพทอน คาช้ีแจง : ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มๆ ละ 4 – 5 คน แล้วแก้ปัญหาตามสถานการณ์ต่อไปน้ี พร้อมตอบคาถามลงในใบ กจิ กรรม 1. โปรแกรม (program) คอื อะไร......................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................... ตวั อย่างโปรแกรมที่นักเรยี นใชง้ านบอ่ ยๆ ............................................................................................................ ซง่ึ เปน็ โปรแกรมท่มี ีหนา้ ที่ ................................................................................................................................. 2. จงบอกข้อดขี องภาษาไพทอน และความแตกต่างของภาษาไพทอนกับภาษาโปรแกรมอืน่ ๆ ข้อดี ข้อแตกต่าง 3. จงหาวธิ ีการเขียนโปรแกรมดว้ ยภาษาไพทอน 3.1 โปรแกรมหรอื เครื่องมือท่ีใชใ้ นการเขียนโปรแกรมภาษาไพทอน ได้แก่ (บอกมา 3 โปรแกรม) ............................................................................................................................. ............................................... 3.2 การเขยี นโปรแกรมภาษาไพทอนดว้ ย Python IDE มีวิธีการอย่างไร ............................................................................................................................. ............................................... .................................................................................. .......................................................................................... 3.3 ข้อผิดพลาดจากการเขียนโปรแกรมท่ีอาจจะเกดิ ขึ้นอกี อะไรบ้าง ............................................................................................................................. ............................................... ...................................................................................................................................................... ...................... ........................................................................................................... ................................................................. 3.4 จงเขยี นโปรแกรมแสดงช่ือสมาชกิ กลุ่ม จานวน 3 คน ............................................................................................................................. ............................................... ................................................................................................................................................................. ........... ...................................................................................................................... ...................................................... ............................................................................................................................. ...............................................

แบบทดสอบท้ายเรอ่ื งที่ 1 1. ข้อใดคือความหมายของโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ที่ถูกต้องทส่ี ดุ ก. ส่งิ ทโี่ ปรแกรมเมอร์ปอ้ นเข้าสคู่ อมพิวเตอรร์ ะหว่างการประมวลผล ข. ชดุ คาสัง่ สาหรบั คอมพวิ เตอร์ทส่ี ั่งให้คอมพิวเตอร์ทางานตามท่ีกาหนด ค. ผลลพั ธ์ทแ่ี สดงออกทางหน้าจอหรอื หน่วยส่งออกเพ่ือแสดงผลการทางาน ง. ระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่ตดิ ตั้งบนคอมพิวเตอร์ก่อนทีจ่ ะใช้งาน 2. ขอ้ ใด ไม่ใช่ ลกั ษณะสาคัญหรอื จดุ เดน่ ของภาษาไพทอน ก. เขยี นโปรแกรมได้งา่ ยกวา่ ภาษาโปรแกรมอ่ืนๆ ข. สามารถทางานไดท้ ุกระบบปฏิบัติการ ค. เป็นภาษาท่ีใกลเ้ คยี งภาษาเครอ่ื งมากท่สี ุด ง. มีไลบรารีใหเ้ ลอื กใชจ้ านวนมาก 3. การทางานแบบ Interpretive เป็นอย่างไร ก. ประมวลผลโปรแกรมทีละบรรทดั ตามลาดบั ข. ทางานได้อย่างรวดเร็วกว่าวิธีการอ่นื ๆ ค. ตอ้ งมีเครอ่ื งแมข่ ่ายสาหรบั ประมวลผล ง. เปน็ รปู แบบการเขยี นโปรแกรมแบบง่าย ไมซ่ บั ซ้อน 4. ผู้พฒั นาโปรแกรมภาษาไพทอนคือใคร ก. Steve Wozniak ข. Timothy Donald Cook ค. Guido van Rossum ง. John von Neumann 5. ไลบรารี (Library) ในแต่ละภาษาโปรแกรมมปี ระโยชน์อย่างไร ก. ทาให้โปรแกรมทางานได้เร็วขน้ึ ข. ประหยัดพื้นท่ีในการจดั เก็บโปรแกรม ค. แหล่งข้อมลู ท่โี ปรแกรมเมอร์ใชส้ าหรับสืบค้นข้อมลู ง. ทาใหป้ ระหยดั เวลาในการเขยี นโปรแกรม

6. โปรแกรมภาษาไพทอนเวอร์ชนั ล่าสดุ คือเวอรช์ ันใด ก. เวอรช์ นั 2 ข. เวอร์ชัน 3 ค. เวอร์ชัน 4 ง. เวอร์ชนั 5 7. การเขียนโปรแกรมในโหมดอิมมีเดยี ทกบั โหมดสคริปต์ มีความแตกตา่ งกันอย่างไร ก. โหมดอิมมีเดยี ทเป็นการพิมพ์คาสง่ั ทลี ะคาส่งั และตวั แปลภาษาจะทางานตามคาสั่งทันที ข. โหมดอิมมีเดียทเป็นการพิมพ์คาสง่ั เกบ็ ไวก้ ่อน แล้วสง่ั ประมวลผลพรอ้ มกนั ค. โหมดสคริปต์เป็นการพิมพ์คาสงั่ แยกส่วนให้ชัดเจนเพื่อให้งา่ ยต่อการแก้ไขโปรแกรม ง. โหมดสครปิ ต์เป็นการพิมพ์คาสั่งรวมกันไวใ้ นไฟล์เดยี วเพื่อนาไปใช้งานต่อในโหมดอิมมีเดียท 8. ข้อใด ไม่ใช่ ข้อผดิ พลาด (error) ที่เกิดขึน้ จากการเขยี นโปรแกรม ก. ขอ้ ผิดพลาดทางไวยากรณ์ ข. ข้อผดิ พลาดขณะโปรแกรมทางาน ค. ข้อผิดพลาดทางความหมาย ง. ขอ้ ผดิ พลาดของการติดตั้งโปรแกรม 9. จากรปู ท่ีกาหนด โปรแกรมนีม้ กี ารทางานผา่ นตัวแปลภาษากีบ่ รรทดั ก. 4 บรรทดั ข. 5 บรรทัด ค. 6 บรรทดั ง. 7 บรรทดั 10. ถ้าตอ้ งการหาค่าของพน้ื ท่ีวงกลม แตผ่ ้เู รียนเขียนโปรแกรมโดยใชส้ ตู รการหาพน้ื ทีเ่ ป็น 2 * 3.14 * r ในกรณีนี้ เรียกวา่ เป็นข้อผดิ พลาดชนดิ ใด ก. syntax error ข. runtime error ค. semantic error ง. program error

ประเมินพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม กล่มุ .......................................................................................................... สมาชิกในกลุ่ม 1. ...................................................................... 2. ...................................................................... 3. ...................................................................... 4. ...................................................................... 5. ...................................................................... 6. ...................................................................... คำชแ้ี จง: ให้นักเรียนทาเครอ่ื งหมาย ในช่องที่ตรงกบั ความเปน็ จรงิ พฤตกิ รรมท่ีสังเกต คะแนน 1 32 1. มสี ่วนร่วมในการแสดงความคดิ เหน็ 2. มคี วามกระตือรือร้นในการทำงาน 3. รับผดิ ชอบในงานที่ไดร้ บั มอบหมาย 4. มีข้นั ตอนในการทางานอยา่ งเปน็ ระบบ 5. ใชเ้ วลาในการทางานอยา่ งเหมาะสม รวม เกณฑ์การให้คะแนน พฤตกิ รรมทท่ี าเปน็ ประจา ให้ 3 คะแนน พฤตกิ รรมทีท่ าเป็นบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน พฤตกิ รรมท่ีทาน้อยครัง้ ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การให้คะแนน ระดับคุณภาพ ดี ช่วงคะแนน ปานกลาง 13-15 ปรับปรงุ 8-12 5-7

แบบประเมนิ ทกั ษะ/กระบวนการในการแก้ปญั หา ลาดับ ชอ่ื – สกุล การกาหนด ดำเนนิ สังเคราะห์ สรุปและ นาเสนอและ รวม ท่ี ของผรู้ ับการ ปญั หาและทา การศกึ ษา ความรู้ ประเมิน ประเมินผล 20 ความเขา้ ใจ คน้ ควา้ คำตอบ ประเมิน คะแนน ปญั หา 43214321432143214321 เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมนิ มที ักษะ/กระบวนการดีมาก ............../.................../............... มีทกั ษะ/กระบวนการดี มีทักษะ/กระบวนการพอใช้ ให้ 4 คะแนน มที กั ษะ/กระบวนการท่ีต้องปรบั ปรุง ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 18-20 ดีมาก 14-17 ดี 10-13 พอใช้ ต่ากวา่ 10 ปรับปรุง

แผนการจดั การเรียนรู้ 2 วชิ า การเขียนโปรแกรม รหสั วชิ า ว31261 กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 จานวน 16 คาบ หนว่ ยการเรยี นรู้ เร่ืองการเขยี นโปรแกรมเพื่อแก้ปัญหา เวลา 2 คาบ โรงเรยี นมัธยมสังคตี วทิ ยา กรงุ เทพมหานคร ครผู ้สู อน นางสาวเบญจพร รอดแก้ว 1. สาระสาคญั (ความเขา้ ใจทค่ี งทน) โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ทุกโปรแกรมจะมีการเก็บข้อมูลสาหรับประมวลผลไว้ในหนว่ ยความจา ซึ่งการเกบ็ ขอ้ มลู ภาษาคอมพิวเตอรจ์ ะเก็บอยใู่ นรูปของตัวแปรชนิดตา่ งๆ ทีเ่ หมาะสม ซ่งึ หากตอ้ งการนาข้อมูลมาประมวลผล สามารถนาตัวแปรเหล่านน้ั มาเขยี นในรูปของนิพจน์โดยใช้ตัวดาเนนิ การตา่ งๆ ท่กี าหนดไว้ในภาษาโปรแกรมน้ันๆ ได้ 2. ผลการเรยี นรู้ 3. รูแ้ ละเข้าใจพนื้ ฐานการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาไพทอน จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 3.1 กาหนดค่าข้อมูลและตวั แปรไดอ้ ย่างเหมาะสม 3.2 ใช้นพิ จน์และตัวดาเนินการไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ความรู้ 1. ชนดิ ของข้อมลู และตัวแปร 2. นพิ จนแ์ ละตัวดาเนนิ การ 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1. การวเิ คราะห์ 2. การแกป้ ญั หา 3. การเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ 3.3 สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 3.4 คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุง่ มั่นในการทางาน

4. กระบวนการจัดการเรยี นการสอน : ใชก้ ารสอนแบบการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเปน็ ฐาน 4.1 กจิ กรรมนาเข้าสู่การเรยี น 1. ครูใหน้ ักเรียนร่วมกับคิดและอภปิ รายวา่ ข้อมลู ต่างๆ ท่เี ราพบในชีวิตประจาตัวและสามารถนามา ประมวลผลได้ ไดแ้ กข่ ้อมลู ประเภทใดไดบ้ ้าง 2. ครูร่วมอภิปรายและแนะนาหรือกระตุ้นความคดิ นักเรียนให้ไดค้ าตอบในขอบเขตของ ตวั แปร ประเภทตัวเลข ไดแ้ ต่ ตัวเลขจานวนเตม็ ตัวเลขจานวนจริง และขอ้ ความ เป็นต้น 3. ครูใหน้ ักเรียนร่วมกนั คดิ และอภปิ รายวา่ ข้อมลู แตล่ ะประเภทน้นั สามารถนามาประมวลผลได้ อยา่ งไรบ้าง 4. ครูร่วมอภปิ รายและแนะนาหรอื กระตุ้นความคิดนักเรยี นให้ไดค้ าตอบเกีย่ วกับการใช้ตวั ดาเนนิ การ เชน่ การนาขอ้ มูลประเภทตวั เลขมาประมวลผลดว้ ยตัวดาเนนิ การทางคณิตศาสตร์ 4.2 กจิ กรรมพัฒนาการเรียนรู้ กาหนดปญั หา 1. ครูให้นกั เรียนแบ่งกลุ่มๆ ละ 4 – 5 คน โดยเปลย่ี นกลุม่ จากเดิมที่ครงั้ ที่ผา่ นมา และแจกใบกิจกรร ที่ 2 เร่ืองตวั แปรและตัวดาเนินการ 2. ครมู อบหมายภารกิจใหแ้ ต่ละกลุ่มหาคาตอบของประเด็นตา่ งๆ ในใบกจิ กรรม ดังน้ี - ชนดิ ของข้อมลู ในภาษาไพทอนมีอะไรบา้ ง - ตัวแปรในภาษาโปรแกรมมีความสาคัญอย่างไร และมหี ลักการตั้งช่ือตวั แปรอย่างไร - นพิ จนค์ อื อะไร - ตวั ดาเนนิ การคอื อะไร มกี ปี่ ระเภท - คาตอบของนิพจน์ 5 + 17 // 4 *3 – 7 ** 2 + 15 % 7 มคี ่าเท่าใด - คาตอบของนิพจน์ x > 0 or ( x >= 4 and x <= 15) เม่อื x = 7 คอื อะไร ทาความเขา้ ใจปัญหา 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มทาความเข้าใจปัญหา โดยวิเคราะห์ปัญหาที่ต้องค้นหาหรือแก้ไขจากใบกิจกรรมที่ กาหนดให้ 4. นักเรียนร่วมกันอภิปรายปัญหาท่ีนักเรียนจะต้องค้นหา แก้ไข หรือหาวิธีการท่ีถูกต้อง โดยครูคอยให้ คาแนะนา เสรมิ แรง และเสนอแนะเพิม่ เตมิ หากนกั เรียนยังวิเคราะหป์ ญั หาไม่ถูกต้อง

ดาเนนิ การศึกษาคน้ ควา้ 5. นกั เรียนดาเนนิ การศึกษาค้นควา้ วิธกี ารเขียนโปรแกรมด้วยภาษาไพทอน พรอ้ มกับตอบคาถามในใบ กจิ กรรมที่1 โดยให้เวลานักเรียนแต่ละกลุ่มศกึ ษาเรยี นรู้จากเวบ็ ไซต์ Google classroom เป็นเวลา 20 นาที 6. ครคู อยใหค้ าแนะนา เสนอแนะ และตอบขอ้ ซักถามเม่อื นกั เรียนเกิดปญั หาหรือไม่ขอ้ สงสัย สงั เคราะห์ความรู้ 7. นกั เรียนสังเคราะห์ความรู้เปน็ ของกล่มุ ตนเอง ในประเด็นต่อไปนี้ - ชนิดของข้อมูลในภาษาไพทอนมีอะไรบ้าง - ตัวแปรในภาษาโปรแกรมมีความสาคัญอย่างไร และมหี ลักการต้ังชื่อตัวแปรอยา่ งไร - นพิ จน์คอื อะไร - ตวั ดาเนนิ การคืออะไร มีกป่ี ระเภท - คาตอบของนิพจน์ 5 + 17 // 4 *3 – 7 ** 2 + 15 % 7 มีค่าเทา่ ใด - คาตอบของนิพจน์ x > 0 or ( x >= 4 and x <= 15) เม่อื x = 7 คืออะไร 8. นักเรยี นในกลุ่มแลกเปล่ียนความคิดเหน็ และตรวจสอบองคค์ วามรูข้ องกลุ่มตนเอง สรุปและประเมนิ คาตอบ 9. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มสรปุ คาตอบและเขียนคาตอบลงในใบกจิ กรรมใหช้ ดั เจน 10. สมาชิกกล่มุ รว่ มกนั ประเมินคาตอบและตรวจสอบคาตอบท่ีคน้ พบอีกคร้งั นาเสนอและประเมนิ ผล 11. ครูสุ่มนักเรยี น 2 – 3 กลุ่มให้ออกมานาเสนอวิธีการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาไพทอนท่คี ้นพบ พร้อม อธบิ ายการเขียนโปรแกรมเบ้ืองตน้ การตรวจสอบข้อผิดพลาดท่ีอาจเกดิ ขน้ึ เก่ียวกับการใช้ตวั ดาเนินการ เช่น การ นาข้อมลู ประเภทตัวเลขมาประมวลผลด้วยตัวดาเนนิ การทางคณิตศาสตร์ 12. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ วิเคราะห์คาตอบของเพ่ือนทีน่ าเสนอ และเปรียบเทียบความเหมือนหรอื แตกต่าง จากวธิ ีการทต่ี นเองค้นพบ หากมจี ุดท่แี ตกต่างใหน้ กั เรยี นนาเสนอและแลกเปลยี่ นความรู้กับเพอ่ื นกลมุ่ อื่นๆ ที่หนา้ ช้ันเรียนอีกครัง้ 4.3 กจิ กรรมสรุปการเรียนรู้ 1. ครเู ฉลยใบกจิ กรรม และตอบปญั หาข้อสงสัยต่างๆ ของนกั เรยี น 2. นกั เรียนและครูร่วมกนั สรปุ องค์ความรู้เกย่ี วกับชนิดของขอ้ มูลและตัวแปร และนพิ จน์และตวั ดาเนนิ การ ท่ีใช้ในภาษาไพทอน 3. ครูเปิดโอกาสให้นักเรยี นสอบถามปญั หาข้อสงสัย และตอบปัญหาใหน้ ักเรียนเข้าใจอีกครง้ั

5. สอื่ การเรียนรู้ 1. ใบกจิ กรรมท่ี 2 ตัวแปรและตัวดาเนนิ การ 2. Google classroom 3. หนงั สือเรยี นภาษาไพทอน (สสวท.) 6. การวัดและประเมนิ ผล วธิ กี าร เครือ่ งมอื เกณฑ์ ด้าน -นาเสนอองค์ความรู้ -ใบกิจกรรมท่ี 2 เรอ่ื งตัว -ร้อยละ 80 ขึ้นไป ด้านความรู้ เกยี่ วกบั ชนดิ ของข้อมลู แปรและตวั ดาเนินการ และตวั แปร และนิพจน์ -ระดับดีข้ึนไป ดา้ นคุณธรรม/ และตวั ดาเนินการ -แบบสงั เกตพฤติกรรมการ -ระดบั ดขี น้ึ ไป จริยธรรม -สังเกตจากพฤติกรรมท่ี ทางานกล่มุ รบั ผดิ ชอบต่องานที่ไดร้ บั -แบบสงั เกตพฤติกรรมการ -ระดบั ดขี น้ึ ไป ด้านทักษะ/ มอบหมาย ทางานกลุ่ม กระบวนการ -สงั เกตความอดทน การ รับฟังความคดิ เหน็ ของ -แบบประเมนิ ทกั ษะ/ ผู้อืน่ การวเิ คราะหก์ าร กระบวนการในการ วจิ ารณ์ผลงานของกล่มุ แก้ปญั หา ตนเองและกลุม่ อ่นื -สงั เกตจากพฤติกรรมท่ี เกดิ จากการทางานกลมุ่ ใน การแกป้ ัญหารว่ มกัน

บนั ทกึ ผลการจดั การเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ ปัญหา / อุปสรรค ข้อเสนอแนะ ลงช่ือ ผสู้ อน ( นางสาวเบญจพร รอดแกว้ ) ความเห็นผนู้ ิเทศ/หัวหนา้ กลุ่มสาระฯ ลงชอ่ื ( นายอนกุ ูล แว่นประโคน ) ปฏิบตั ิหน้าที่รองผู้อานวยการกล่มุ บรหิ ารวิชาการ

ใบกิจกรรมที่ 2 เรอ่ื ง ตัวแปรและตวั ดาเนนิ การ คาชี้แจง : ให้นักเรยี นแบ่งกลุ่มๆ ละ 4 – 5 คน แลว้ แก้ปญั หาตามสถานการณต์ ่อไปน้ี พร้อมตอบคาถามลงในใบ กิจกรรม 1. ชนดิ ของข้อมูลในภาษาไพทอนมีอะไรบา้ ง ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... 2. ตัวแปรในภาษาโปรแกรมมีความสาคญั อย่างไร และมหี ลักการตง้ั ชื่อตวั แปรอยา่ งไร ............................................................................................................................. ............................................... ...................................................................................................................................... ...................................... ........................................................................................... ................................................................................. 3. นพิ จน์คอื อะไร ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... 4. ตัวดาเนนิ การคืออะไร มีก่ีประเภท ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... 5. คาตอบของนิพจน์ 5 + 17 // 4 *3 – 7 ** 2 + 15 % 7 มคี า่ เทา่ ใด มวี ิธกี ารคดิ อย่างไร ............................................................................................................................. ............................................... .............................................................................................................................. .............................................. ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... 6. คาตอบของนิพจน์ x > 0 or ( x >= 4 and x <= 15) เมื่อ x = 7 คอื อะไร มวี ธิ กี ารคิดอย่างไร ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ...............................................

ประเมินพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม กล่มุ .......................................................................................................... สมาชิกในกลุ่ม 1. ...................................................................... 2. ...................................................................... 3. ...................................................................... 4. ...................................................................... 5. ...................................................................... 6. ...................................................................... คำชแ้ี จง: ให้นักเรียนทาเครอ่ื งหมาย ในช่องที่ตรงกบั ความเปน็ จรงิ พฤตกิ รรมท่ีสังเกต คะแนน 1 32 1. มสี ่วนร่วมในการแสดงความคดิ เหน็ 2. มคี วามกระตือรือร้นในการทำงาน 3. รับผดิ ชอบในงานที่ไดร้ บั มอบหมาย 4. มีข้นั ตอนในการทางานอยา่ งเปน็ ระบบ 5. ใชเ้ วลาในการทางานอยา่ งเหมาะสม รวม เกณฑ์การให้คะแนน พฤตกิ รรมทท่ี าเปน็ ประจา ให้ 3 คะแนน พฤตกิ รรมทีท่ าเป็นบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน พฤตกิ รรมท่ีทาน้อยครัง้ ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การให้คะแนน ระดับคุณภาพ ดี ช่วงคะแนน ปานกลาง 13-15 ปรับปรงุ 8-12 5-7

แบบประเมนิ ทกั ษะ/กระบวนการในการแก้ปญั หา ลาดับ ชอ่ื – สกุล การกาหนด ดำเนนิ สังเคราะห์ สรุปและ นาเสนอและ รวม ท่ี ของผรู้ ับการ ปญั หาและทา การศกึ ษา ความรู้ ประเมิน ประเมินผล 20 ความเขา้ ใจ คน้ ควา้ คำตอบ ประเมิน คะแนน ปญั หา 43214321432143214321 เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมนิ มที ักษะ/กระบวนการดีมาก ............../.................../............... มีทกั ษะ/กระบวนการดี มีทักษะ/กระบวนการพอใช้ ให้ 4 คะแนน มที กั ษะ/กระบวนการท่ีต้องปรบั ปรุง ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 18-20 ดีมาก 14-17 ดี 10-13 พอใช้ ต่ากวา่ 10 ปรับปรุง

แผนการจดั การเรยี นรู้ 3 วิชา การเขียนโปรแกรม รหัสวิชา ว31261 กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 จานวน 16 คาบ หนว่ ยการเรยี นรู้ เร่อื งการเขยี นโปรแกรมเพื่อแกป้ ญั หา เวลา 2 คาบ โรงเรยี นมัธยมสังคตี วทิ ยา กรุงเทพมหานคร ครูผ้สู อน นางสาวเบญจพร รอดแกว้ 1. สาระสาคัญ (ความเข้าใจที่คงทน) ความสามารถประการแรกๆ ของโปรแกรมคอมพวิ เตอร์คอื การแสดงผลข้อมลู ออกทางหน้าจอหรอื สว่ น แสดงผลได้ ซ่ึงการแสดงผลมีดว้ ยการหลากหลายรปู แบบตามจุดประสงค์ของการนาเสนอข้อมลู นอกจากนี้ โปรแกรมคอมพิวเตอรท์ ี่ดีและมยี ดื หยนุ่ ตอ่ การใชง้ าน ควรจะต้องสามารถรับข้อมูลสาหรับใช้ประมวลผลเขา้ สู่เครอื่ ง คอมพิวเตอร์ไดเ้ ชน่ กัน เพราะผลลพั ธใ์ นการแสดงผลจะเปล่ียนไปเมื่อข้อมลู นาเข้ามีการเปลี่ยนแปลงไปด้วย และทา ใหผ้ ใู้ ช้งานสามารถป้อนข้อมูลทต่ี อ้ งการเข้าสู่คอมพิวเตอร์ไดอ้ ยา่ งสะดวกและรวดเร็ว ไม่ตอ้ งแก้ไขโปรแกรมบ่อยครง้ั 2. ผลการเรียนรู้ 3. ร้แู ละเขา้ ใจพื้นฐานการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาไพทอน จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 3.1 เขยี นโปรแกรมโดยใช้ฟังกช์ ันแสดงผลขอ้ มูลตามทีต่ ้องการได้ 3.2 เขียนโปรแกรมโดยใช้ฟังกช์ นั รบั คา่ ข้อมลู ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ความรู้ 1. ฟงั กช์ ันแสดงผล 2. ฟงั ก์ชนั รบั ค่า 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1. การวิเคราะห์ 2. การแก้ปญั หา 3. การเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ 3.3 สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา

3.4 คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งม่ันในการทางาน 4. กระบวนการจดั การเรียนการสอน : ใชก้ ารสอนแบบการเรียนร้โู ดยใชป้ ัญหาเป็นฐาน 4.1 กิจกรรมนาเขา้ สกู่ ารเรยี น 1. ครูให้นักเรียนร่วมกับคิดและอภิปรายเกี่ยวกับกระบวนการประมวลผลข้อมูลว่ามีองค์ประกอบอย่างไร บ้าง โดยครูคอยแนะนาและช้ีแนะหรือยกตัวอย่างให้นักเรียนเห็นแนวทางคาตอบ คือ การรับข้อมูลเข้า การ ประมวลผล และการแสดงผล 2. ครูยกตัวอย่างโปรแกรมคานวณพ้ืนที่สามเหล่ียม พร้อมกับให้นักเรียนร่วมกับวิเคราะห์ว่าถ้าจะ คานวณพ้ืนทส่ี ามเหลยี่ มไดน้ ั้น ขอ้ มลู เข้าคอื อะไร การประมวลผลคอื อะไร และผลลพั ธ์ที่ต้องแสดงคืออะไร 4.2 กจิ กรรมพฒั นาการเรียนรู้ กาหนดปญั หา 1. ครใู หน้ ักเรยี นแบ่งกลุม่ ๆ ละ 4 – 5 คน โดยเปล่ยี นกลมุ่ จากเดิมท่ีคร้ังทผี่ า่ นมา และแจกใบกจิ กรรมที่ 3 เรือ่ งการแสดงผลและการรับขอ้ มูลเขา้ 2. ครมู อบหมายภารกิจใหแ้ ต่ละกลุ่มเขียนโปรแกรมคานวณพ้ืนที่อยา่ งง่าย โดยจบั สลากสตู รคานวณพน้ื ท่ี ต่างๆ ดงั น้กี ลมุ่ ละ 1 สตู ร - คานวณหาคา่ พ้นื ท่ผี วิ ของทรงกระบอก - คานวณหาค่าพ้ืนทผี่ วิ ของทรงกลม - คานวณหาค่าพื้นทผ่ี ิวของกรวย - คานวณหาคา่ พ้ืนท่ผี วิ ของลูกบาตร - คานวณหาค่าพ้นื ที่ผิวของรูปทรงสี่เหล่ียมผนื ผา้ ทาความเขา้ ใจปญั หา 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มทาความเข้าใจปญั หา โดยวเิ คราะห์ปัญหาทต่ี ้องคน้ หาหรือแก้ไขจากใบกิจกรรมท่ี กาหนดให้ 4. นกั เรยี นร่วมกันอภิปรายปัญหาท่นี กั เรียนจะต้องคน้ หา แกไ้ ข หรอื หาวิธีการที่ถูกต้อง โดยครูคอยให้ คาแนะนา เสริมแรง และเสนอแนะเพมิ่ เติมหากนักเรยี นยงั วเิ คราะหป์ ญั หาไมถ่ ูกต้อง โดยตอบคาถามในประเดน็ ต่อไปนี้ - ข้อมลู นาเขา้ มีกคี่ ่า อะไรบ้าง - การประมวลผลคืออะไร - ผลลพั ธห์ รอื ขอ้ มลู ส่งออกคืออะไร

ดาเนินการศกึ ษาค้นคว้า 5. นักเรียนดาเนนิ การศึกษาค้นคว้าวธิ ีการเขยี นโปรแกรมด้วยภาษาไพทอน พรอ้ มกบั ตอบคาถามในใบ กิจกรรมที่1 โดยใหเ้ วลานกั เรียนแต่ละกลุม่ ศึกษาเรยี นรจู้ ากเว็บไซต์ Google classroom เป็นเวลา 20 นาที 6. ครคู อยให้คาแนะนา เสนอแนะ และตอบขอ้ ซกั ถามเม่อื นกั เรียนเกดิ ปญั หาหรือไม่ข้อสงสยั สงั เคราะห์ความรู้ 7. นักเรียนสงั เคราะห์ความรูเ้ ป็นของกลมุ่ ตนเอง ในประเด็นต่อไปน้ี - ฟงั กช์ นั แสดงผลคืออะไร มวี ิธกี ารใช้งานอย่างไร - ฟงั กช์ นั รับข้อมลู คืออะไร มีวธิ ีการใชง้ านอย่างไร 8. นักเรยี นในกลมุ่ แลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ และตรวจสอบองค์ความรขู้ องกลุม่ ตนเอง สรปุ และประเมินคาตอบ 9. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มสรปุ คาตอบและเขยี นคาตอบลงในใบกจิ กรรมใหช้ ัดเจน 10. สมาชิกกลุ่มร่วมกันประเมินคาตอบและตรวจสอบคาตอบที่คน้ พบอกี คร้ัง นาเสนอและประเมินผล 11. ครูสมุ่ นักเรยี น 2 – 3 กลมุ่ ใหอ้ อกมานาเสนอคาตอบและวิธกี ารหาคาตอบท่ีค้นพบ พร้อมอธบิ ายองค์ ความรู้ทไ่ี ดจ้ ากการศึกษาค้นควา้ 12. นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ วิเคราะหค์ าตอบของเพ่ือนท่นี าเสนอ และเปรียบเทยี บความเหมือนหรือแตกต่าง จากวธิ ีการที่ตนเองค้นพบ หากมจี ุดทแี่ ตกตา่ งใหน้ ักเรียนนาเสนอและแลกเปล่ียนความรู้กับเพ่อื นกลมุ่ อืน่ ๆ ที่หนา้ ชน้ั เรยี นอีกคร้ัง 4.3 กจิ กรรมสรุปการเรียนรู้ 1. ครเู ฉลยใบกิจกรรม และตอบปญั หาข้อสงสัยตา่ งๆ ของนักเรียน 2. นกั เรยี นและครรู ่วมกนั สรุปองค์ความรู้เกี่ยวกบั การแสดงผลข้อมลู และการรบั ค่าข้อมลู 3. ครเู ปดิ โอกาสให้นกั เรยี นสอบถามปัญหาขอ้ สงสัย และตอบปญั หาให้นักเรยี นเข้าใจอีกครัง้ 5. สอื่ การเรียนรู้ 1. ใบกจิ กรรมที่ 3 เร่ืองการแสดงผลและการรับข้อมูลเขา้ 2. Google classroom 3. หนงั สือเรยี นภาษาไพทอน (สสวท.)

6. การวดั และประเมินผล วธิ กี าร เครือ่ งมือ เกณฑ์ ดา้ น -นาเสนอองค์ความรู้ -ใบกจิ กรรมที่ 3 เรือ่ งการ -รอ้ ยละ 80 ข้นึ ไป ดา้ นความรู้ เกย่ี วกับชนิดของข้อมลู แสดงผลและการรับขอ้ มลู และตัวแปร และนพิ จน์ เข้า -ระดบั ดีขึ้นไป ด้านคณุ ธรรม/ และตวั ดาเนินการ -ระดบั ดขี ึ้นไป จรยิ ธรรม -สังเกตจากพฤติกรรมท่ี -แบบสงั เกตพฤติกรรมการ รบั ผิดชอบตอ่ งานทไี่ ด้รับ ทางานกลมุ่ -ระดับดขี ึ้นไป ดา้ นทักษะ/ มอบหมาย -แบบสังเกตพฤติกรรมการ กระบวนการ -สังเกตความอดทน การ ทางานกลุ่ม รบั ฟงั ความคิดเห็นของ ผอู้ น่ื การวเิ คราะห์การ -แบบประเมินทกั ษะ/ วิจารณผ์ ลงานของกลุ่ม กระบวนการในการ ตนเองและกลมุ่ อนื่ แกป้ ญั หา -สังเกตจากพฤติกรรมท่ี เกิดจากการทางานกลุ่มใน การแกป้ ัญหาร่วมกนั

บนั ทกึ ผลการจัดการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ ปัญหา / อุปสรรค ข้อเสนอแนะ ลงชอ่ื ผสู้ อน ( นางสาวเบญจพร รอดแกว้ ) ความเห็นผนู้ ิเทศ/หัวหนา้ กลุ่มสาระฯ ลงช่อื ( นายอนกุ ูล แว่นประโคน ) ปฏิบตั ิหน้าที่รองผู้อานวยการกล่มุ บรหิ ารวิชาการ

ใบกจิ กรรมที่ 3 เรือ่ งการแสดงผลและการรบั ข้อมูลเข้า คาชแ้ี จง : ใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่มๆ ละ 4 – 5 คน แลว้ แกป้ ัญหาตามสถานการณ์ต่อไปนี้ พร้อมตอบคาถามลงในใบ กจิ กรรม 1. หัวขอ้ ที่จบั สลากไดค้ ือ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... 2. ข้อมูลนาเข้าคือ ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................................................................ 3. การประมวลผลคือ ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... 4. ข้อมลู สง่ ออกหรือแสดงผลคือ ................................................................................................................................... ......................................... ............................................................................................................................................................................ 5. โปรแกรมคานวณพื้นท่ี............................................................................................................................. ...... ........................................................................................................ .................................................................... ............................................................................................................................. ............................................... ......................................................................................................................................... ............................................. ...................................................................................... ............................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... ................................................................................................................................. ........................................... ...................................................................................... ...................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ...............................................

ประเมินพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม กล่มุ .......................................................................................................... สมาชิกในกลุ่ม 1. ...................................................................... 2. ...................................................................... 3. ...................................................................... 4. ...................................................................... 5. ...................................................................... 6. ...................................................................... คำชแ้ี จง: ให้นักเรียนทาเครอ่ื งหมาย ในช่องที่ตรงกบั ความเปน็ จรงิ พฤตกิ รรมท่ีสังเกต คะแนน 1 32 1. มสี ่วนร่วมในการแสดงความคดิ เหน็ 2. มคี วามกระตือรือร้นในการทำงาน 3. รับผดิ ชอบในงานที่ไดร้ บั มอบหมาย 4. มีข้นั ตอนในการทางานอยา่ งเปน็ ระบบ 5. ใชเ้ วลาในการทางานอยา่ งเหมาะสม รวม เกณฑ์การให้คะแนน พฤตกิ รรมทท่ี าเปน็ ประจา ให้ 3 คะแนน พฤตกิ รรมทีท่ าเป็นบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน พฤตกิ รรมท่ีทาน้อยครัง้ ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การให้คะแนน ระดับคุณภาพ ดี ช่วงคะแนน ปานกลาง 13-15 ปรับปรงุ 8-12 5-7

แบบประเมนิ ทกั ษะ/กระบวนการในการแก้ปญั หา ลาดับ ชอ่ื – สกุล การกาหนด ดำเนนิ สังเคราะห์ สรุปและ นาเสนอและ รวม ท่ี ของผรู้ ับการ ปญั หาและทา การศกึ ษา ความรู้ ประเมิน ประเมินผล 20 ความเขา้ ใจ คน้ ควา้ คำตอบ ประเมิน คะแนน ปญั หา 43214321432143214321 เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมนิ มที ักษะ/กระบวนการดีมาก ............../.................../............... มีทกั ษะ/กระบวนการดี มีทักษะ/กระบวนการพอใช้ ให้ 4 คะแนน มที กั ษะ/กระบวนการท่ีต้องปรบั ปรุง ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 18-20 ดีมาก 14-17 ดี 10-13 พอใช้ ต่ากวา่ 10 ปรับปรุง

แผนการจดั การเรยี นรู้ 4 วิชา การเขยี นโปรแกรม รหัสวชิ า ว31261 กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 4 หนว่ ยการเรียนรู้ เรอื่ ง การเขียนโปรแกรมเพื่อแก้ปัญหา จานวน 16 คาบ เรอ่ื ง ฟังก์ชันทางคณิตศาสตรแ์ ละข้อความ เวลา 2 คาบ โรงเรยี นมธั ยมสังคตี วิทยา กรงุ เทพมหานคร ครูผสู้ อน นางสาวเบญจพร รอดแกว้ 1. สาระสาคญั (ความเข้าใจท่ีคงทน) นอกจากฟังก์ชัน print และฟังก์ชัน input ซึ่งเป็นฟังก์ชันพื้นฐานสาหรับแสดงผลและรับข้อมูลเข้าแล้ว ภาษาไพทอนยงั มฟี งั ก์ชนั ท่สี ามารถเรยี กใชไ้ ด้ทนั ทีอีกมากมาย เช่น ฟังก์ชนั ทางคณิตศาสตร์ทช่ี ่วยให้สามารถคานวณ คา่ ทางคณิตศาสตร์ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว หรือฟังก์ชันที่ใช้ในการจัดการกับข้อความ เพ่ือใช้ในการประมวลผล ข้อความหรอื อกั ขระท่ตี ้องการ ซ่งึ การใชฟ้ ังกช์ นั พเิ ศษเหลา่ นี้จะตอ้ งมกี ารเรียกใชผ้ ่านคาสง่ั import 2. ผลการเรยี นรู้ 4. เขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ยด้วยภาษาไพทอนได้ จุดประสงค์การเรยี นรู้ 4.1 เขยี นโปรแกรมคานวณทางคณิตศาสตรแ์ ละวทิ ยาศาสตร์โดยใชฟ้ งั ก์ชนั ทางคณติ ศาสตร์ ได้ 4.2 เขียนโปรแกรมเพ่ือจดั การกบั ข้อความและอักขระโดยใช้ฟงั กช์ นั สตรงิ ได้ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ความรู้ 1. ฟังก์ชนั ทางคณิตศาสตร์ 2. ฟงั ก์ชนั จัดการกับข้อความ 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1. การวิเคราะห์ 2. การแกป้ ัญหา 3. การเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ 3.3 สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา

3.4 คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มุง่ ม่นั ในการทางาน 4. กระบวนการจดั การเรยี นการสอน : ใชก้ ารสอนแบบการเรียนร้โู ดยใช้ปัญหาเป็นฐาน 4.1 กิจกรรมนาเขา้ สกู่ ารเรียน 1. ครใู ห้นกั เรยี นร่วมกบั คดิ และอภิปรายเกีย่ วกับฟังก์ชนั print และ input วา่ มีที่มาอยา่ งไร ทาไม การใชค้ าสั่ง print ถงึ สามารถแสดงผลได้ หรอื การใช้คาส่ัง input ถงึ สามารถรบั ขอ้ มลู เขา้ ได้ 2. ครใู หค้ าแนะนาและเสริมคาตอบเพอื่ ให้ได้คาตอบว่าในแตล่ ะภาษาจะมีการสรา้ งคาสง่ั หรือ ชดุ คาสัง่ ท่สี ามารถเรียกใชใ้ นรูปแบบของฟังก์ชนั ได้ทันที เพื่ออานวยความสะดวกในการเขยี นโปรแกรม 3. ครูยกตวั อย่างโปรแกรมคานวณทางคณิตศาสตร์และโปรแกรมประมวลผลข้อความท่ีมกี าร เรียกใช้ฟังก์ชนั พเิ ศษ 4.2 กจิ กรรมพฒั นาการเรียนรู้ กาหนดปญั หา 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มๆ ละ 4 – 5 คน โดยเปล่ียนกลุ่มจากเดิมครั้งทผ่ี ่านมา และแจก ใบกจิ กรรมที่ 4 เรื่องฟงั ก์ชันทางคณิตศาสตร์และฟังก์ชนั จัดการกับข้อความ 2. ครูมอบหมายภารกิจให้แต่ละกลุ่มเขียนโปรแกรมคำนวณและจัดการกับข้อความ ดังน้ี - จงเขยี นโปรแกรมคำนวณหาค่า ������ = √������2−(2∗������) 5 - จงเขยี นโปรแกรมจัดการกบั ขอ้ ความต่อไปนี้ Input your string : MSWchool Upper : MSWSCHOOL How long character? : 9 The second character is S

ทาความเข้าใจปญั หา 3. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มทาความเข้าใจปญั หา โดยวเิ คราะห์ปัญหาท่ตี ้องค้นหาหรือแก้ไขจากใบกจิ กรรมที่ กาหนดให้ 4. นกั เรียนรว่ มกันอภิปรายปัญหาที่นักเรียนจะตอ้ งคน้ หา แกไ้ ข หรอื หาวิธีการที่ถกู ต้อง โดยครูคอยให้ คาแนะนา เสริมแรง และเสนอแนะเพิม่ เตมิ หากนกั เรียนยงั วเิ คราะหป์ ญั หาไม่ถูกต้อง โดยตอบคาถามในประเดน็ ตอ่ ไปน้ี - ขอ้ มูลนาเขา้ มกี ี่คา่ อะไรบ้าง - การประมวลผลคอื อะไร - ผลลพั ธห์ รือขอ้ มูลสง่ ออกคืออะไร ดาเนนิ การศึกษาค้นคว้า 5. นกั เรียนดาเนินการศึกษาค้นคว้าวธิ กี ารเขยี นโปรแกรมด้วยภาษาไพทอน พรอ้ มกบั ตอบคาถามในใบ กิจกรรมท่ี1 โดยให้เวลานกั เรียนแต่ละกลุ่มศึกษาเรยี นรู้จากเวบ็ ไซต์ Google classroom เปน็ เวลา 20 นาที 6. ครูคอยใหค้ าแนะนา เสนอแนะ และตอบขอ้ ซกั ถามเมอ่ื นักเรียนเกิดปญั หาหรือไม่ข้อสงสยั สงั เคราะหค์ วามรู้ 7. นกั เรียนสงั เคราะห์ความรู้เป็นของกลุม่ ตนเอง ในประเด็นต่อไปน้ี - ฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์มีอะไรบา้ ง แตล่ ะฟังก์ชันมีการใชง้ านอย่างไร - ฟงั กช์ นั จัดการกบั ข้อความมีอะไรบ้าง แตล่ ะฟังก์ชนั มีการใช้งานอยา่ งไร 8. นักเรียนในกลมุ่ แลกเปลีย่ นความคิดเห็นและตรวจสอบองค์ความร้ขู องกล่มุ ตนเอง สรุปและประเมินคาตอบ 9. นักเรียนแต่ละกลุ่มสรุปคาตอบและเขียนคาตอบลงในใบกิจกรรมให้ชัดเจน 10. สมาชกิ กล่มุ ร่วมกันประเมนิ คาตอบและตรวจสอบคาตอบทีค่ น้ พบอีกคร้งั นาเสนอและประเมินผล 11. ครูสมุ่ นักเรียน 2 – 3 กล่มุ ให้ออกมานาเสนอคาตอบและวิธีการหาคาตอบท่ีคน้ พบ พรอ้ มอธิบายองค์ ความร้ทู ี่ได้จากการศึกษาคน้ ควา้ 12. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มวิเคราะหค์ าตอบของเพ่อื นทนี่ าเสนอ และเปรยี บเทยี บความเหมือนหรือแตกต่าง จากวธิ กี ารทตี่ นเองคน้ พบ หากมจี ดุ ทีแ่ ตกต่างให้นักเรยี นนาเสนอและแลกเปลี่ยนความรู้กับเพือ่ นกลมุ่ อนื่ ๆ ทห่ี น้า ช้ันเรียนอีกครั้ง 4.3 กจิ กรรมสรปุ การเรียนรู้ 1. ครเู ฉลยใบกจิ กรรม และตอบปัญหาข้อสงสยั ต่างๆ ของนักเรียน 2. นกั เรยี นและครูรว่ มกนั สรุปองค์ความร้เู กยี่ วกับฟงั กช์ นั ทางคณิตศาสตรแ์ ละฟงั ก์ชันจดั การกบั ข้อความ 3. ครูเปิดโอกาสให้นกั เรียนสอบถามปัญหาขอ้ สงสัย และตอบปญั หาให้นักเรียนเข้าใจอีกครัง้

5. ส่อื การเรียนรู้ 1. ใบกิจกรรมท่ี 4 เรอ่ื งฟังกช์ ันทางคณิตศาสตรแ์ ละฟังก์ชนั จดั การกบั ข้อความ 2. Google classroom 3. หนังสือเรียนภาษาไพทอน (สสวท.) 6. การวัดและประเมินผล วธิ กี าร เครอ่ื งมือ เกณฑ์ ด้าน ดา้ นความรู้ -ทาแบบทดสอบเร่ืองท่ี 2 -แบบทดสอบออนไลน์เรอ่ื ง -รอ้ ยละ 80 ขนึ้ ไป ดา้ นคณุ ธรรม/ จาก Google classroom ที่ 2 จาก Google -ร้อยละ 80 ขน้ึ ไป จรยิ ธรรม -นาเสนอองคค์ วามรู้ classroom ด้านทกั ษะ/ กระบวนการ เกีย่ วกับเรือ่ งฟงั กช์ นั ทาง -ใบกิจกรรมท่ี 4 เร่อื ง คณติ ศาสตร์และจดั การกับ ฟงั กช์ นั ทางคณิตศาสตร์ ข้อความ และฟงั กช์ นั จดั การกบั ขอ้ ความ -สงั เกตจากพฤติกรรมท่ี -แบบสงั เกตพฤติกรรมการ -ระดับดีขนึ้ ไป รับผดิ ชอบตอ่ งานทีไ่ ด้รบั ทางานกลุ่ม -ระดบั ดีขนึ้ ไป มอบหมาย -แบบสงั เกตพฤติกรรมการ -สังเกตความอดทน การ ทางานกลุ่ม รบั ฟงั ความคิดเหน็ ของ ผู้อนื่ การวเิ คราะห์การ วจิ ารณ์ผลงานของกลมุ่ ตนเองและกลุ่มอ่ืน -สังเกตจากพฤติกรรมท่ี -แบบประเมนิ ทักษะ/ -ระดับดีขึน้ ไป เกดิ จากการทางานกลมุ่ ใน กระบวนการในการ การแก้ปัญหาร่วมกัน แกป้ ญั หา

บนั ทกึ ผลการจัดการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ ปัญหา / อุปสรรค ข้อเสนอแนะ ลงชอ่ื ผสู้ อน ( นางสาวเบญจพร รอดแกว้ ) ความเห็นผนู้ ิเทศ/หัวหนา้ กลุ่มสาระฯ ลงช่อื ( นายอนกุ ูล แว่นประโคน ) ปฏิบตั ิหน้าที่รองผู้อานวยการกล่มุ บรหิ ารวิชาการ

ใบกิจกรรมท่ี 4 เรอื่ งฟงั ก์ชนั ทางคณติ ศาสตร์และฟงั ก์ชนั จัดการกับข้อความ คำช้ีแจง : ให้นักเรยี นแบ่งกลุ่มๆ ละ 4 – 5 คน แล้วแกป้ ัญหาตามสถานการณต์ ่อไปนี้ พรอ้ มตอบคำถามลงใน ใบกิจกรรม 1. จงเขียนโปรแกรมคำนวณหาคา่ ������ = ������ ( ∗������) 5 1.1 ขอ้ มลู นาเข้าคือ............................................................................................................................... 1.2 การประมวลผลคือ........................................................................................................................... 1.3 ข้อมูลส่งออกหรือแสดงผลคือ………………………………………………………………………………………........ 1.4 เขียนโปรแกรมไดด้ ังนี้ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................... ............... ................................................................................................................... ........................................................... ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................................................................................. ............................ 2. จงเขียนโปรแกรมจดั การกับข้อความตอ่ ไปนี้ Input Output Input your string : MSWSchool Upper : MSWSCHOOL How long character? : 9 The second character is S 2.1ขอ้ มลู นาเข้าคอ.................................................................................................................................. 2.2 การประมวลผลคือ........................................................................................................................... 2.3 ข้อมูลส่งออกหรือแสดงผลคือ………………………………………………………………………………………........ 2.4 เขยี นโปรแกรมได้ดังนี้ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................

แบบทดสอบท้ายเรื่องท่ี 2 1. ขอ้ ใด ไม่ใช่ ชนิดของตัวแปรในภาษาไพทอน ก. string ข. Integer ค. normal ง. bool 2. ตัวแปรชนิดใดท่ใี หผ้ ลลัพธ์เป็น True หรอื False เท่านัน้ ก. normal ข. string ค. float ง. bool 3. ข้อใดต่อไปนี้ ตัง้ ชอื่ ตัวแปรไม่ถูกต้อง ก. 1_name ข. _number ค. no8 ง. hello 4. ข้อใดต่อไปน้ี ไม่สามารถใช้เปน็ ช่ือของตัวแปรได้ ก. break ข. open ค. close ง. next 5. ผลลพั ธข์ องนิพจน์ 7 + 2 * 3 – 1 + 5 % 2 คือขอ้ ใด ก. 9 ข. 13 ค. 1 ง. 5 6. ผลลัพธข์ องนิพจน์ 5 ** 2 –6 // 4 คอื ข้อใด ก. 4 ข. 1 ค. 24 ง. 0 7. กาหนดให้ x = 10 คาสัง่ แสดงผลขอ้ ใดใช้ไม่ถูกต้อง ก. print(“Hello World\\t”) ข. print(x) ค. print(“Number is ”x) ง. print(x+x) 8. กาหนดให้ name = “Hello” คาส่ังแสดงผลขอ้ ใดใชไ้ ม่ถูกต้อง ก. print(name) ข. print(name + name) ค. print(name - name) ง. print(name + “Hello”) 9. ขอ้ ใดคือการรบั ค่าตวั แปรประเภทตวั เลขจานวนจรงิ ก. x = int(input()) ข. x = float(input()) ค. x = input() ง. x = number(input()) 10. หากนักเรียนต้องการใช้ฟังกช์ ันทางคณติ ศาสตร์ นกั เรียนจะต้องทาการเขียนคาสงั่ ใดก่อนเสมอ ก. include math ข. input math ค. import math ง. implement math

ประเมินพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม กล่มุ .......................................................................................................... สมาชิกในกลุ่ม 1. ...................................................................... 2. ...................................................................... 3. ...................................................................... 4. ...................................................................... 5. ...................................................................... 6. ...................................................................... คำช้ีแจง: ให้นักเรียนทาเครื่องหมาย ในช่องที่ตรงกบั ความเปน็ จรงิ พฤตกิ รรมท่ีสังเกต คะแนน 1 32 1. มสี ่วนร่วมในการแสดงความคดิ เหน็ 2. มคี วามกระตือรือร้นในการทำงาน 3. รับผดิ ชอบในงานที่ไดร้ บั มอบหมาย 4. มีข้นั ตอนในการทางานอยา่ งเปน็ ระบบ 5. ใชเ้ วลาในการทางานอยา่ งเหมาะสม รวม เกณฑ์การให้คะแนน พฤตกิ รรมทท่ี าเปน็ ประจา ให้ 3 คะแนน พฤตกิ รรมทีท่ าเป็นบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน พฤตกิ รรมท่ีทาน้อยครัง้ ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การให้คะแนน ระดับคุณภาพ ดี ช่วงคะแนน ปานกลาง 13-15 ปรับปรงุ 8-12 5-7

แบบประเมนิ ทกั ษะ/กระบวนการในการแก้ปญั หา ลาดับ ชอ่ื – สกุล การกาหนด ดำเนนิ สังเคราะห์ สรุปและ นาเสนอและ รวม ท่ี ของผรู้ ับการ ปญั หาและทา การศกึ ษา ความรู้ ประเมิน ประเมินผล 20 ความเขา้ ใจ คน้ ควา้ คำตอบ ประเมิน คะแนน ปญั หา 43214321432143214321 เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมนิ มที ักษะ/กระบวนการดีมาก ............../.................../............... มีทกั ษะ/กระบวนการดี มีทักษะ/กระบวนการพอใช้ ให้ 4 คะแนน มที กั ษะ/กระบวนการท่ีต้องปรบั ปรุง ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 18-20 ดีมาก 14-17 ดี 10-13 พอใช้ ต่ากวา่ 10 ปรับปรุง

แผนการจัดการเรยี นรู้ 5 วชิ า การเขียนโปรแกรม รหัสวิชา ว31261 กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ เร่อื ง การเขยี นโปรแกรมเพ่อื แกป้ ัญหา จานวน 16 คาบ เร่อื ง คาสัง่ เลือกทา เวลา 2 คาบ โรงเรยี นมัธยมสังคีตวทิ ยา กรงุ เทพมหานคร ครูผู้สอน นางสาวเบญจพร รอดแก้ว 1. สาระสาคัญ (ความเข้าใจทีค่ งทน) หลกั การทางานของคอมพิวเตอรท์ ่ีสาคัญประการหนึ่งก็คอื การเลอื กทาหรอื ตดั สนิ ใจได้ตามเงือ่ นไขหรือ สถานการณ์ที่กาหนด โดยคาสัง่ ท่ใี ช้ในการตัดสนิ ใจคือคาส่ัง if-else ซึง่ คาส่ังเลือกทาถือวา่ เป็นส่วนสาคัญและจาเปน็ อย่างยงิ่ ต่อการเขียนโปรแกรมหรอื พฒั นาโปรแกรมคอมพิวเตอรใ์ ห้มปี ระสทิ ธภิ าพ 2. ผลการเรยี นรู้ 5. มีความเขา้ ใจเก่ียวกับคาสงั่ เลอื กทาและคาส่ังวนซ้าในไพทอน จุดประสงค์การเรยี นรู้ 5.1 วิเคราะหแ์ ละบอกลักษณะสาคัญของคาส่ังเลอื กทาในภาษาไพทอนได้ 5.2 วิเคราะหแ์ ละบอกลกั ษณะสาคญั ของคาสง่ั วนซา้ ในภาษาไพทอนได้ 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 ความรู้ 1. คาสง่ั เลือกทา 3.2 ทักษะ/กระบวนการ 1. การวเิ คราะห์ 2. การแก้ปัญหา 3. การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ 3.3 สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 3.4 คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมน่ั ในการทางาน

4. กระบวนการจดั การเรียนการสอน : ใช้การสอนแบบการเรียนรู้โดยใช้ปญั หาเปน็ ฐาน 4.1 กจิ กรรมนาเขา้ สกู่ ารเรียน 1. ครใู หน้ ักเรียนรว่ มกับคิดและอภิปรายวา่ หากนักเรียนตอ้ งการเขยี นโปรแกรมตรวจสอบว่าคะแนนที่ รับเข้าสู่โปรแกรมวา่ ผา่ น 50 คะแนนหรือไม่ นกั เรยี นจะออกแบบการทางานของโปรแกรมอยา่ งไร โดยนักเรยี นตอบ คาถามตามประเดน็ ต่อไปนี้ - ข้อมลู นาเขา้ คอื อะไร - การประมวลผลคอื อะไร - ผลลพั ธท์ ่ีต้องการคอื อะไร 2. ครใู หค้ าแนะนาและเสริมคาตอบเพ่ือให้ได้คาตอบว่าการประมวลผลในสถานการณ์ต่อไปนี้ คือการ ตัดสนิ ใจ โดยมเี งอ่ื นไขคือผา่ นเกณฑ์ 50 คะแนน เพื่ออานวยความสะดวกในการเขยี นโปรแกรม 3. ครูยกตวั อย่างโปรแกรมทีม่ ีการตัดสนิ ใจอน่ื ๆ เชน่ โปรแกรมตัดเกรด โปรแกรมตัดสินใจในการ เดนิ ทางไปโรงเรียน เปน็ ต้น 4.2 กจิ กรรมพฒั นาการเรยี นรู้ กาหนดปญั หา 1. ครูใหน้ กั เรียนแบ่งกล่มุ ๆ ละ 4 – 5 คน โดยเปล่ยี นกลุม่ จากเดมิ ที่ครัง้ ท่ีผ่านมา และแจกใบกิจกรรมท่ี 5 เร่อื งคาสงั่ เลือกทา 2. ครูมอบหมายภารกิจใหแ้ ต่ละกลมุ่ เขยี นโปรแกรมคานวณหาค่า y เม่อื กาหนดเงอ่ื นไขดงั น้ี ������ เมอ่ื ������ ������ เมือ่ ������ ������ √������ เม่ือ ������ หรือ ������ ������ เม่ือ ������ { ������ เมอ่ื ������ ทาความเข้าใจปัญหา 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มทาความเขา้ ใจปัญหา โดยวเิ คราะหป์ ัญหาทตี่ อ้ งคน้ หาหรือแก้ไขจากใบกิจกรรมที่ กาหนดให้ 4. นกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายปัญหาท่ีนกั เรียนจะต้องคน้ หา แกไ้ ข หรอื หาวธิ ีการที่ถูกต้อง โดยครูคอยให้ คาแนะนา เสริมแรง และเสนอแนะเพ่มิ เตมิ หากนกั เรียนยงั วเิ คราะห์ปญั หาไมถ่ ูกต้อง โดยตอบคาถามในประเด็น ต่อไปนี้ - ข้อมลู นาเขา้ มกี ่ีคา่ อะไรบ้าง - การประมวลผลคืออะไร - ผลลพั ธ์หรือข้อมลู สง่ ออกคืออะไร

ดาเนินการศึกษาค้นควา้ 5. นักเรียนดาเนินการศึกษาค้นควา้ และเรียนรูเ้ กยี่ วกับการแสดงผลข้อมลู และการรับคา่ ข้อมลู เขา้ สู่ โปรแกรม จาก Google classroom เป็นเวลา 20 นาที 6. ครูคอยใหค้ าแนะนา เสนอแนะ และตอบขอ้ ซกั ถามเมื่อนกั เรียนเกดิ ปัญหาหรือไม่ขอ้ สงสยั สังเคราะห์ความรู้ 7. นกั เรยี นสงั เคราะห์ความร้เู ปน็ ของกลมุ่ ตนเอง ในประเด็นต่อไปนี้ - นิพจน์ทีต่ ้องใชม้ ีอะไรบ้าง - มวี ิธกี ารเขยี นนิพจน์ในภาษาไพทอนอย่างไร 8. นกั เรยี นในกลมุ่ แลกเปลี่ยนความคดิ เห็นและตรวจสอบองคค์ วามรูข้ องกลุม่ ตนเอง สรุปและประเมนิ คาตอบ 9. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มสรปุ คาตอบและเขยี นคาตอบลงในใบกิจกรรมใหช้ ัดเจน 10. สมาชิกกลุ่มร่วมกันประเมินคาตอบและตรวจสอบคาตอบทคี่ น้ พบอีกครั้ง นาเสนอและประเมนิ ผล 11. ครูสุม่ นักเรยี น 2 – 3 กล่มุ ใหอ้ อกมานาเสนอคาตอบและวธิ กี ารหาคาตอบท่คี ้นพบ พร้อมอธบิ ายองค์ ความรู้ทไี่ ดจ้ ากการศึกษาคน้ คว้า 12. นักเรียนแตล่ ะกลุม่ วิเคราะหค์ าตอบของเพ่อื นทน่ี าเสนอ และเปรียบเทียบความเหมือนหรอื แตกตา่ ง จากวิธีการทตี่ นเองคน้ พบ หากมีจดุ ทแ่ี ตกต่างใหน้ กั เรียนนาเสนอและแลกเปลย่ี นความรู้กับเพ่ือนกลุม่ อ่ืนๆ ทหี่ น้า ช้ันเรียนอีกครัง้ 4.3 กจิ กรรมสรุปการเรียนรู้ 1. ครูเฉลยใบกจิ กรรม และตอบปัญหาข้อสงสยั ตา่ งๆ ของนักเรียน 2. นักเรยี นและครูรว่ มกนั สรปุ องคค์ วามรู้เกย่ี วกับการใช้คาสั่งเลือกทา 3. ครเู ปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นสอบถามปัญหาข้อสงสัย และตอบปญั หาใหน้ กั เรียนเขา้ ใจอีกครง้ั 5. สอื่ การเรียนรู้ 1. ใบกจิ กรรมที่ 5 เรื่องคาส่ังเลอื กทา 2. Google classroom 3. หนงั สือเรียนภาษาไพทอน (สสวท.)

6. การวัดและประเมินผล วิธีการ เครือ่ งมอื เกณฑ์ ด้าน -นาเสนอองค์ความรู้ -ใบกิจกรรมที่ 5 เร่ืองคาส่งั -รอ้ ยละ 8 ขึน้ ไป เกย่ี วกับคาสงั่ เลือกทา เลือกทา -ระดับดขี นึ้ ไป ดา้ นความรู้ -สังเกตจากพฤติกรรมที่ -แบบสังเกตพฤติกรรมการ -ระดับดีขึน้ ไป ดา้ นคุณธรรม/ รับผดิ ชอบต่องานทไี่ ด้รับ ทางานกล่มุ จริยธรรม มอบหมาย -แบบสงั เกตพฤติกรรมการ -ระดบั ดขี ึ นไป -สงั เกตความอดทน การ ทางานกลุ่ม ดา้ นทกั ษะ/ รับฟังความคิดเหน็ ของ กระบวนการ ผู้อื่น การวเิ คราะหก์ าร -แบบประเมนิ ทกั ษะ/ วจิ ารณ์ผลงานของกลุม่ กระบวนการในการ ตนเองและกล่มุ อ่ืน แก้ปัญหา -สังเกตจากพฤติกรรมที่ เกิดจากการทางานกลมุ่ ใน การแก้ปัญหาร่วมกนั

บนั ทกึ ผลการจัดการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ ปัญหา / อุปสรรค ข้อเสนอแนะ ลงชอ่ื ผสู้ อน ( นางสาวเบญจพร รอดแกว้ ) ความเห็นผนู้ ิเทศ/หัวหนา้ กลุ่มสาระฯ ลงช่อื ( นายอนกุ ูล แว่นประโคน ) ปฏิบตั ิหน้าที่รองผู้อานวยการกล่มุ บรหิ ารวิชาการ

ใบกจิ กรรมที่ 5 เรือ่ งคาสัง่ เลือกทา คาชีแ้ จง : ให้นักเรยี นแบ่งกลุ่มๆ ละ 4 – 5 คน แล้วแกป้ ัญหาตามสถานการณ์ต่อไปนี้ พรอ้ มตอบคาถามลงในใบ กจิ กรรม 1. จงเขยี นโปรแกรมคานวณหาค่า y เมอ่ื กาหนดเงอื่ นไขดังน้ี ������ เมอ่ื ������ ������ เมอ่ื ������ √������ เมื่อ ������ หรือ ������ ������ เม่ือ ������ { ������ เมื่อ ������ 1.1ขอ้ มลู นาเข้าคือ............................................................................................................................. .... 1.2 การประมวลผลคือ........................................................................................................................... มีเงื่อนไขในการตัดสินใจอะไรบ้าง ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... .......................................................................................................................................................................... .. ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... 1.3 ข้อมลู ส่งออกหรือแสดงผลคือ………………………………………………………………………………………........ 1.4 เขยี นโปรแกรมได้ดังน้ี ............................................................................................................................. ............................................... ................................................................................................................................................ ............................ ..................................................................................................... ....................................................................... ............................................................................................................................. ............................................... ...................................................................................................................................... ...................................... ........................................................................................... ................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ......................................

ประเมินพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม กล่มุ .......................................................................................................... สมาชิกในกลุ่ม 1. ...................................................................... 2. ...................................................................... 3. ...................................................................... 4. ...................................................................... 5. ...................................................................... 6. ...................................................................... คำช้ีแจง: ให้นักเรียนทาเครื่องหมาย ในช่องที่ตรงกบั ความเปน็ จรงิ พฤตกิ รรมท่ีสังเกต คะแนน 1 32 1. มสี ่วนร่วมในการแสดงความคดิ เหน็ 2. มคี วามกระตือรือร้นในการทำงาน 3. รับผดิ ชอบในงานที่ไดร้ บั มอบหมาย 4. มีข้นั ตอนในการทางานอยา่ งเปน็ ระบบ 5. ใชเ้ วลาในการทางานอยา่ งเหมาะสม รวม เกณฑ์การให้คะแนน พฤตกิ รรมทท่ี าเปน็ ประจา ให้ 3 คะแนน พฤตกิ รรมทีท่ าเป็นบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน พฤตกิ รรมท่ีทาน้อยครัง้ ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การให้คะแนน ระดับคุณภาพ ดี ช่วงคะแนน ปานกลาง 13-15 ปรับปรงุ 8-12 5-7

แบบประเมนิ ทกั ษะ/กระบวนการในการแก้ปญั หา ลาดับ ชอ่ื – สกลุ การกาหนด ดำเนนิ สังเคราะห์ สรุปและ นาเสนอและ รวม ท่ี ของผรู้ ับการ ปญั หาและทา การศกึ ษา ความรู้ ประเมิน ประเมินผล 20 ความเขา้ ใจ คน้ ควา้ คำตอบ ประเมิน คะแนน ปญั หา 43214321432143214321 เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมนิ มที ักษะ/กระบวนการดีมาก ............../.................../............... มีทกั ษะ/กระบวนการดี มีทักษะ/กระบวนการพอใช้ ให้ 4 คะแนน มที กั ษะ/กระบวนการท่ีต้องปรบั ปรุง ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 18-20 ดีมาก 14-17 ดี 10-13 พอใช้ ต่ากวา่ 10 ปรับปรุง

แผนการจัดการเรียนรู้ 6 วิชา การเขยี นโปรแกรม รหัสวชิ า ว31261 กล่มุ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 หน่วยการเรยี นรู้ เร่อื ง การเขยี นโปรแกรมเพ่ือแกป้ ัญหา จานวน 16 คาบ เรอ่ื ง คาส่ังวนซา้ เวลา 2 คาบ โรงเรียนมัธยมสงั คตี วิทยา กรุงเทพมหานคร ครผู สู้ อน นางสาวเบญจพร รอดแก้ว 1. สาระสาคญั (ความเข้าใจที่คงทน) หลักการทางานของคอมพิวเตอรท์ ่ีสาคญั อกี ประการหนึง่ นอกเหนือจากการตดั สนิ ใจได้ กค็ ือการวนซ้าตาม เงอ่ื นไขหรอื สถานการณท์ ่ีกาหนด โดยคาสั่งท่ใี ชใ้ นการวนซา้ คอื คาสั่ง for และ while ซ่ึงมรี ปู แบบการใช้งานและ ลักษณะในการใช้งานทีแ่ ตกต่างกนั ไป โดยคาส่ังวนซา้ ถือวา่ เป็นส่วนสาคัญและจาเป็นอย่างยง่ิ ต่อการเขยี นโปรแกรม หรอื พัฒนาโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ให้มปี ระสิทธภิ าพสาหรบั การประมวลผลทม่ี ีการทางานซ้าๆ กนั ของโปรแกรม จานวนมากๆ 2. ผลการเรียนรู้ 6. เขยี นโปรแกรมท่ีมกี ารตัดสนิ ใจและทาซา้ ได้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 6.1 เขียนโปรแกรมที่มีการใชค้ าสง่ั เลือกทาได้อยา่ งครอบคลมุ ทกุ เงอื่ นไขและถูกต้อง 6.2 เขียนโปรแกรมที่มีการใช้คาสั่งวนซา้ ได้อยา่ งถูกต้อง 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ความรู้ 1. คาส่งั วนซา้ 2. คาส่งั break 3. คาสงั่ continue 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1. การวิเคราะห์ 2. การแก้ปัญหา 3. การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ 3.3 สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา

3.4 คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมัน่ ในการทางาน 4. กระบวนการจดั การเรยี นการสอน : ใช้การสอนแบบการเรยี นรูโ้ ดยใชป้ ญั หาเป็นฐาน 4.1 กิจกรรมนาเข้าสูก่ ารเรยี น 1. ครูให้นักเรียนร่วมกับคิดและอภปิ รายวา่ หากนักเรยี นต้องการเขยี นโปรแกรมแสดงช่ือตนเองจานวน 1,000,000 บรรทดั นักเรยี นจะมวี ธิ กี ารอย่างไรได้บา้ ง 2. ครูใหค้ าแนะนาและเสริมคาตอบเพ่อื ให้ได้คาตอบว่าสามารถเขยี นคาสง่ั แสดงผลซ้าๆ กนั จานวน 1,000,000 ครัง้ หรือการเขยี นบรรทัดเดยี วแต่สัง่ ให้โปรแกรมทาการวนซ้าคาส่ังนั้นๆ จานวน 1,000,000 คร้ัง 3. ครูยกตัวอยา่ งโปรแกรมที่มีวนซา้ เช่น โปรแกรมการเดินเป็นรปู สเ่ี หล่ียมจัตรุ ัส โปรแกรมสตู รคูณ โปรแกรมหาผลรวมของตัวเลข 1-n เป็นต้น 4.2 กจิ กรรมพฒั นาการเรยี นรู้ กาหนดปัญหา 1. ครใู หน้ กั เรยี นแบ่งกลมุ่ ๆ ละ 4 –5 คน โดยเปลี่ยนกลมุ่ จากเดิมท่ีคร้งั ทผ่ี า่ นมา และแจกใบกิจกรรมที่ 6 เรือ่ งคาสง่ั ทาซ้า 2. ครูมอบหมายภารกจิ ใหแ้ ต่ละกลุ่มเขียนโปรแกรมรบั คา่ ตัวเลขจากคียบ์ อรด์ ไปเรื่อยๆ โดยทกุ ครั้งทรี่ ับคา่ ใหท้ าการบวกสะสม และเมื่อรบั ค่า 0 จากคีย์บอร์ดใหห้ ยดุ รับคา่ และแสดงผลรวมของตัวเลขออกทางหน้าจอ ทาความเข้าใจปญั หา 3. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มทาความเข้าใจปญั หา โดยวิเคราะหป์ ัญหาทีต่ อ้ งค้นหาหรือแก้ไขจากใบกจิ กรรมท่ี กาหนดให้ 4. นักเรยี นร่วมกนั อภปิ รายปัญหาทีน่ ักเรยี นจะตอ้ งค้นหา แก้ไข หรอื หาวธิ กี ารที่ถูกต้อง โดยครคู อยให้ คาแนะนา เสริมแรง และเสนอแนะเพ่ิมเตมิ หากนกั เรียนยังวิเคราะหป์ ญั หาไม่ถูกต้อง โดยตอบคาถามในประเดน็ ตอ่ ไปน้ี - ข้อมลู นาเข้ามีก่คี า่ อะไรบา้ ง - การประมวลผลคืออะไร - ผลลัพธห์ รอื ข้อมลู ส่งออกคืออะไร ดาเนินการศกึ ษาค้นควา้ 5. นกั เรยี นดาเนินการศึกษาค้นคว้าและเรยี นรู้เกี่ยวกบั การแสดงผลขอ้ มลู และการรับคา่ ขอ้ มลู เขา้ สู่ โปรแกรม จาก Google classroom เป็นเวลา 20 นาที 6. ครคู อยใหค้ าแนะนา เสนอแนะ และตอบข้อซักถามเมอื่ นกั เรียนเกิดปัญหาหรือไม่ข้อสงสยั

สังเคราะหค์ วามรู้ 7. นกั เรียนสงั เคราะห์ความรูเ้ ป็นของกลมุ่ ตนเอง ในประเด็นต่อไปน้ี 1. ครใู หน้ ักเรยี นแบ่งกลุ่มๆ ละ 4 –5 คน โดยเปลย่ี นกลุ่มจากเดมิ ที่ครง้ั ทผ่ี า่ นมา และแจกใบกจิ กรรม ที่ 6 เรือ่ งคาส่ังทาซ้า 2. ครูมอบหมายภารกิจให้แต่ละกลุม่ เขยี นโปรแกรมรับคา่ ตัวเลขจากคียบ์ อรด์ ไปเร่ือยๆ โดยทกุ คร้ังท่ี รบั คา่ ใหท้ าการบวกสะสม และเมื่อรบั คา่ 0 จากคยี บ์ อรด์ ให้หยุดรับค่า และแสดงผลรวมของตวั เลขออกทางหนา้ จอ สรุปและประเมินคาตอบ 9. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มสรุปคาตอบและเขียนคาตอบลงในใบกิจกรรมให้ชัดเจน 10. สมาชิกกลุ่มรว่ มกนั ประเมินคาตอบและตรวจสอบคาตอบทค่ี น้ พบอีกครง้ั นาเสนอและประเมนิ ผล 11. ครสู ุ่มนักเรยี น 2 – 3 กลมุ่ ใหอ้ อกมานาเสนอคาตอบและวธิ กี ารหาคาตอบที่คน้ พบ พรอ้ มอธบิ ายองค์ ความรูท้ ไี่ ดจ้ ากการศึกษาคน้ ควา้ 12. นักเรยี นแต่ละกลุ่มวิเคราะหค์ าตอบของเพอ่ื นทน่ี าเสนอ และเปรยี บเทยี บความเหมือนหรอื แตกต่าง จากวธิ กี ารทตี่ นเองค้นพบ หากมจี ดุ ท่ีแตกต่างใหน้ ักเรยี นนาเสนอและแลกเปล่ียนความรู้กับเพื่อนกลมุ่ อนื่ ๆ ทีห่ น้า ช้นั เรียนอีกคร้งั 4.3 กิจกรรมสรุปการเรยี นรู้ 1. ครูเฉลยใบกจิ กรรม และตอบปญั หาข้อสงสยั ต่างๆ ของนกั เรียน 2. นกั เรียนและครูรว่ มกันสรปุ องค์ความรเู้ กย่ี วกบั การใช้คาส่งั ทาซา้ 3. ครูเปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี นสอบถามปัญหาข้อสงสัย และตอบปญั หาให้นักเรียนเข้าใจอกี ครงั้ 5. สื่อการเรยี นรู้ 1. ใบกิจกรรมที่ 6 เรื่องคาสั่งวนซ้า 2. Google classroom 3. หนังสือเรียนภาษาไพทอน (สสวท.)

6. การวดั และประเมินผล วิธกี าร เครือ่ งมอื เกณฑ์ ดา้ น -ทาแบบทดสอบเรื่องท่ี 3 -ใบกจิ กรรมท่ี 6 เรื่องคาสั่ง -รอ้ ยละ 8 ขนึ้ ไป จาก Google classroom วนซ้า ดา้ นความรู้ - นาเสนอองค์ความรู้ -ระดับดีข้ึนไป เกี่ยวกบั คาส่งั วนซา้ -แบบสังเกตพฤติกรรมการ -ระดบั ดขี ึ้นไป ด้านคุณธรรม/ -สงั เกตจากพฤติกรรมที่ ทางานกลุ่ม จริยธรรม รับผิดชอบต่องานทไ่ี ดร้ บั -ระดบั ดีข้ึนไป มอบหมาย -แบบสงั เกตพฤติกรรมการ ด้านทักษะ/ -สังเกตความอดทน การ ทางานกลมุ่ กระบวนการ รับฟงั ความคิดเห็นของ ผู้อน่ื การวเิ คราะห์การ -แบบประเมนิ ทกั ษะ/ วิจารณ์ผลงานของกลุ่ม กระบวนการในการ ตนเองและกลมุ่ อื่น แก้ปญั หา -สังเกตจากพฤติกรรมท่ี เกดิ จากการทางานกลุม่ ใน การแกป้ ัญหารว่ มกนั

บนั ทกึ ผลการจัดการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ ปัญหา / อุปสรรค ข้อเสนอแนะ ลงชอ่ื ผสู้ อน ( นางสาวเบญจพร รอดแกว้ ) ความเห็นผนู้ ิเทศ/หัวหนา้ กลุ่มสาระฯ ลงช่อื ( นายอนกุ ูล แว่นประโคน ) ปฏิบตั ิหน้าที่รองผู้อานวยการกล่มุ บรหิ ารวิชาการ

ใบกิจกรรมท่ี 6 เรือ่ งคำส่ังวนซ้า คำช้ีแจง : ให้นกั เรยี นแบ่งกลุ่มๆ ละ 4 – 5 คน แล้วแกป้ ัญหาตามสถานการณต์ ่อไปนี้ พร้อมตอบคาถามลงใน ใบ กิจกรรม 1. จงเขยี นโปรแกรมรับค่าตัวเลขจากคยี บ์ อร์ดไปเรอ่ื ยๆ โดยทุกครง้ั ที่รับค่าให้ทาการบวกสะสม และเม่ือรับค่า 0 จากคยี ์บอรด์ ให้หยดุ รบั ค่า และแสดงผลรวมของตวั เลขออกทางหนา้ จอ 1.1ขอ้ มูลนาเขา้ คือ.............................................................................................................. .............. ...... 1.2 การประมวลผลคือ........................................................................................................... ................ มีเงอ่ื นไขในการวนซ้าอะไรบ้าง ............................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................. ............................................ ................................................. 1.3 ข้อมลู ส่งออกหรือแสดงผลคือ………………………………………………………………………………………........ 1.4 เขยี นโปรแกรมไดด้ งั นี้ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. .................................................

แบบทดสอบทา้ ยบทท่ี 3 พจิ ารณาโปรแกรมต่อไปน้ี แลว้ ตอบคาถามข้อ 1 – 3 1. ถ้า num มคี ่าเปน็ 90 เมอื่ จบการทางานของโปรแกรม จะแสดงผลลพั ธ์ตามข้อใด * ก. A ข. B ค. Invalid Number A ง. Invalid Number F 2. ถ้า num มคี า่ เปน็ -90 เม่ือจบการทางานของโปรแกรม จะแสดงผลลัพธต์ ามข้อใด ก. A ข. B ค. Invalid Number A ง. Invalid Number F 3. ถา้ num มีค่าเป็น 120 เม่ือจบการทางานของโปรแกรม จะแสดงผลลัพธ์ตามข้อใด ก. A ข. B ค. Invalid Number A ง. Invalid Number F 4. โปรแกรมต่อไปน้ี มีการทางานแบบวนซ้าก่ีครั้ง ก. 8 คร้ัง ข. 9 คร้งั ค. 10 ครัง้ ง. 11 คร้ัง 5. เมอ่ื จบการทางานของโปรแกรมต่อไปนี้ ค่า i ท่ีแสดงในรอบสุดท้ายคือค่าใด ก. 4 ข. 5 ค. 6 ง. 7 6. ในกรณที ี่ต้องการออกจากการวนซา้ ทนั ที สามารถใชค้ าสั่งในขอ้ ใดเพ่ือหยดุ การวนซ้าได้ ก. stop ข. end ค. next ง. Break


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook