Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 1 การดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคม

หน่วยที่ 1 การดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคม

Published by ธวัช จิตต์ใจ, 2022-06-29 12:22:48

Description: หน่วยที่ 1 การดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคม

Search

Read the Text Version

กลม่ ุ สาระการเรยี นรู้ สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรอ่ื งการดารงชีวิตอยรู่ ว่ มกนั ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 โดย ดร.พชั ราวรรณ เจรญิ พนั ธุ์

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การดารงชีวิตอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คม



วิเคราะหค์ วามสาคญั ของโครงสรา้ งทางสงั คม การขดั เกลา ทางสงั คม และการเปลย่ี นแปลงทางสงั คม (ส 2.1 ม.4-6/2) การจดั ระเบียบ สถาบนั ทางสงั คม ทางสงั คม โครงสรา้ ง การขดั เกลา ทางสงั คม ทางสงั คม สงั คมของเรา การเปลี่ยนแปลง ทางสงั คม การแกป้ ัญหาและ แนวทางการพฒั นา ทางสงั คม

ความหมาย การอยู่ร่วมกัน และองคป์ ระกอบของสงั คม ความหมายของสงั คม • สงั คม หมายถึง กลุ่มคนอย่างนอ้ ยสองคนขึน้ ไปมาอาศัย อยู่รวมกนั ในบรเิ วณใดบรเิ วณหนง่ึ คนเหลา่ นีจ้ ะมี ความสัมพันธห์ รอื การกระทาตอบโต้กนั ทง้ั ทางตรงและ ทางออ้ ม เชน่ การพูดจาทกั ทาย การทางานร่วมกนั หรือการติดต่อสอ่ื สารระหว่างกนั เปน็ ต้น

การอยูร่ ว่ มกนั เปน็ สังคม • อริสโตเตลิ (Aristotle) นกั ปราชญช์ าวกรีกได้กล่าวไว้ว่า มนษุ ยเ์ ป็นสตั ว์สังคม (social animal) หมายความวา่ มนษุ ยจ์ ะมชี วี ิตโดยอยรู่ ่วมกนั เป็นหมเู่ หลา่ มีความเกีย่ วขอ้ งกนั และกันและมีความสัมพนั ธก์ ัน ในหม่มู วลสมาชกิ โดยสาเหตทุ มี่ นุษยม์ าอย่รู ่วมกันเปน็ สังคม เพราะมีความจาเปน็ ด้านต่างๆ ดังน้ี • มนษุ ย์มรี ะยะเวลาของการเป็นทารกยาวนาน ไม่สามารถช่วยเหลอื ตัวเองได้ในระยะเรม่ิ ตน้ ของชวี ิต ดว้ ย ความจาเป็นทจี่ ะต้องมกี ารเลย้ี งดทู ารกเปน็ ระยะเวลานานนเี้ อง ทาใหม้ นษุ ย์จาเป็นตอ้ งใชช้ วี ติ อยรู่ ่วมกนั สรา้ งแบบแผนความสมั พนั ธ์กนั เปน็ ครอบครวั เป็นเพอื่ นบา้ น และมีความสมั พนั ธก์ ับคนในสังคมอน่ื ๆ • มนษุ ยม์ คี วามสามารถทางสมอง สามารถคิดค้นวิธกี ารในการควบคมุ ธรรมชาติ นามาใชใ้ นการตอบสนอง ความต้องการ ซ่ึงจาเปน็ ต้องอาศยั การแบ่งงานและความร่วมมือจากบุคคลอนื่ เพือ่ ใหง้ านบรรลผุ ลสาเร็จ มี ความจาเปน็ ทจี่ ะต้องอยูร่ ว่ มกัน กับคนหลายๆ คน เช่น การแสวงหาอาหาร ผลติ สิง่ ของเครื่องนุง่ หม่ ยา รกั ษาโรค การสร้างท่อี ยอู่ าศัย เป็นตน้ • มนษุ ยม์ ีความสามารถในการทจ่ี ะสร้างวฒั นธรรมและส่งผา่ นไปสู่คนรนุ่ หลงั เพือ่ นาไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน ซึง่ เปน็ ปจั จัยพ้นื ฐานในการดาเนนิ ชวี ติ และวัฒนธรรมท่เี กีย่ วขอ้ งกับความตอ้ งการอ่นื ๆ เชน่ ต้องการความ รัก ความอบอุน่ การจัดระเบยี บทางสงั คม ความเชอื่ ศาสนา ศิลปะขนบธรรมเนยี มประเพณี

องค์ประกอบของสงั คม • ประชากร จะต้องมีจานวนต้ังแต่ ๒ คนข้ึนไป สังคมที่มี ขนาดเล็กท่ีสุดกค็ ือครอบครวั ประกอบดว้ ย พ่อ-แม-่ ลกู • อาณาเขต โดยท่ัวไปคนในสังคมจะอาศัยอยู่ในบริเวณใดบริเวณหนึ่ง ซ่ึงพื้นที่ อาจมีขนาดจากัด เช่น ในบริเวณบ้าน ในบรเิ วณโรงเรียน เปน็ ต้น • ความสัมพนั ธ์ สมาชิกในสังคมจะตอ้ งมคี วามสมั พันธแ์ ละการปฏิสมั พันธ์ ระหวา่ งกนั เชน่ การพดู จาทกั ทาย การทางานกล่มุ เป็นตน้ • การจัดระเบียบทางสังคม ป้องกันความขัดแย้งระหว่างสมาชิกในสังคมช่วยให้การติดต่อกันทาง สังคมเป็นไปอย่างเรียบร้อย เช่น การจัดระเบียบการจราจร การควบคุมเวลาปิด-เปิดของสถาน บนั เทงิ เป็นตน้ • การมวี ัฒนธรรมของตนเอง เมอ่ื คนในสงั คมมาอยรู่ ว่ มกันเป็นหมู่เหลา่ ภายใต้สภาพแวดล้อมเดียวกัน ก็ จะสร้างวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีข้ึน ก่อให้เกิดเป็นวัฒนธรรมเฉพาะของตนเองท่ีเป็น เอกลกั ษณ์

หนา้ ทข่ี องสังคม • ดูแลสมาชิกในสงั คมให้อยรู่ ่วมกนั อย่างสันตสิ ขุ • สร้างความเปน็ ธรรมใหเ้ กดิ ข้นึ ในสังคม • ประสานประโยชนร์ ะหว่างสมาชิกในสงั คม • สง่ เสริมการคดิ อยา่ งสรา้ งสรรค์ในสงั คม • ปลกู ฝังจติ สานกึ ทด่ี ใี ห้แก่สมาชิกในสังคม

โครงสร้างทางสงั คม โครงสรา้ งทางสังคม สามารถแบ่งได้เปน็ ๒ ระดับ กลมุ่ สถาบัน สงั คม ทางสังคม

กลมุ่ ปฐมภมู ิ กลุ่มสงั คมท่ีมีความใกลช้ ิดสนิทสนมกัน เช่น ครอบครวั เพื่อนเลน่ สงั คมชนบท กลมุ่ ทุตยิ ภมู ิ กลุ่มที่มีความสัมพันธ์อย่างเป็ นทางการ เชิงพนั ธะสญั ญา เช่น บริษทั สงั คม มูลนิธิ สงั คมเมือง

การจดั ระเบียบทางสงั คม ความหมาย • การจัดระเบยี บทางสังคม หมายถงึ วิธีการตา่ งๆ ท่คี นในสังคมกาหนดข้ึน เพอ่ื ใช้เปน็ ระเบียบกฎเกณฑใ์ นการอยู่ ร่วมกนั เป็นการควบคุมสมาชกิ ให้มีความสัมพันธก์ นั ภายใต้แบบแผนเดยี วกนั เพือ่ ให้เกดิ ความเป็น ระเบยี บเรยี บรอ้ ยในสงั คม การจดั ระเบียบทางสังคมจะแตกต่างกนั ออกไปในแต่ละสงั คม ทงั้ น้เี ปน็ ผลมาจากความคดิ ความเช่อื ประวัตศิ าสตร์ สภาพภูมิศาสตร์ และบรรทดั ฐานของสงั คมนน้ั ๆ

สาเหตกุ ารจดั ระเบยี บทางสงั คม 1. เพ่อื ใหก้ ารติดตอ่ สมั พนั ธก์ นั ทางสงั คมเป็ นไปอยา่ งเรยี บรอ้ ย 2. เพ่ือป้องกนั ความขดั แยง้ ระหวา่ งสมาชิกในสงั คม 3. ช่วยใหส้ งั คมดารงอยอู่ ยา่ งสงบสุขและมนั ่ คง

องคป์ ระกอบของ บรรทดั ฐานทางสงั คม การจดั ระเบียบ แบบแผน กฎเกณฑ์ ขอ้ บงั คบั ในการปฏิบตั ขิ องคนในสงั คม ทางสงั คม สถานภาพ 1. สถานภาพที่ตดิ ตวั มาโดยสงั คมเป็ นผูก้ าหนด 2. สถานภาพท่ีไดม้ าภายหลงั โดยความสามารถ บทบาท การปฏิบตั ติ ามหนา้ ท่ี และการแสดงพฤตกิ รรมตามสถานภาพ การควบคุมทางสงั คม กระบวนการตา่ งๆ ทางสงั คม ท่ีมุ่งหมายใหส้ มาชิกในสงั คม ยอมรบั และปฏิบตั ติ ามบรรทดั ฐานของสงั คม

องค์ประกอบของการจดั ระเบยี บทางสงั คม ๑ ระบบคุณค่าของสังคม • เป็นหวั ใจหรอื เปูาหมายสงู สุดที่สังคมปรารถนาจะให้บงั เกิดขน้ึ คุณค่าน้เี ปน็ ส่ิงที่ สมาชิกของสงั คมยอมรับ ถือว่าเปน็ สิง่ ทดี่ ีงาม น่ายกย่อง และสมควรกระทาให้ บรรลุผล เพราะจะก่อให้เกดิ ความร่มเยน็ และความพึงพอใจของสังคมทัง้ มวล อาจมีการเรียกระบบคุณค่าของสงั คมว่าเป็น “ขอ้ ตกลงของสงั คม” • ระบบคุณค่าของสังคมทาหน้าทีเ่ สมอื นหนึ่งเป็นสมองของมนุษย์ เปน็ ศูนยร์ วม กาหนดให้สว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกายดาเนนิ งานไปตามกลไกให้บรรลุเปูาหมาย สูงสดุ เปูาหมายของสงั คมกเ็ ปน็ เชน่ เดยี วกันเพราะเปน็ เปาู หมายท่ีสมาชิกของ สังคมนั้นประสงคท์ จ่ี ะก้าวไปให้ถงึ

๒ บรรทดั ฐานหรอื ปทสั ถานทางสังคม • มาตรฐานการปฏบิ ัตติ ามบทบาทและสถานภาพของแตล่ ะบุคคล บรรทดั ฐานทางสงั คมเป็น ระเบียบแบบแผนทก่ี าหนดว่า การกระทาใดถูกหรอื ผดิ ควรหรอื ไมค่ วรยอมรบั ทัง้ นี้เพอื่ ให้ เป็นไปตามทศิ ทางของระบบคณุ ค่าทางสงั คมนนั่ เอง • การกระทาทางสังคมอาจจาแนกออกเปน็ ระดบั ตา่ งๆ ซึง่ แตล่ ะระดบั อาจเรยี กว่า “ประเภท ของบรรทัดฐาน” ประกอบดว้ ย วถิ ปี ระชา (folkways) จารีต (mores) กฎหมาย (law)

วถิ ีประชา (folkways) • วิถปี ระชา (folkways) หรอื ธรรมเนียมชาวบ้าน เป็นระเบยี บแบบแผนท่ีสมาชิกในสงั คม ควรปฏิบตั ิตาม ถ้าหากไม่ปฏิบัตติ ามหรอื ฝาุ ฝืนจะถกู สงั คมตาหนติ เิ ตยี นหรือมีปฏิกริ ยิ า ตอบโตท้ ีไ่ ม่รนุ แรง แต่หากวา่ ทาความดีตามมาตรฐานทส่ี ังคมกาหนดจะได้รบั คาชมเชย เล็กๆ น้อยๆ เพ่อื ให้กาลงั ใจ จารตี (mores) • จารีต (mores) หรืออาจเรยี กว่ากฎศลี ธรรม จารีตประเพณีเปน็ มาตรฐานการกระทาท่ี สาคญั มากขึ้น ผู้ท่ที าผดิ จารตี จะถูกนินทาว่ารา้ ย ถกู ตาหนอิ ยา่ งรนุ แรงเป็นทีร่ งั เกยี จของ สังคมท่วั ไป โดยเฉพาะสังคมที่ยังไมม่ ภี าษาเขียนเป็นลายลักษณอ์ กั ษรจารีตจะเปน็ เสมอื น กฎสังคมทีร่ นุ แรงท่สี ดุ เช่น หากใครทาผดิ เรื่องชสู้ าวจะถกู ขับออกจากสังคมหรอื ต้องโทษ ประหารชวี ิต เป็นต้น กฎหมาย (law) • กฎหมาย (law) เป็นขอ้ บังคบั ท่รี ัฐจัดทาขนึ้ หรอื มาตรฐานของสงั คมหรอื จารีตประเพณที ี่ ไดร้ บั การเขียนเปน็ ลายลักษณอ์ ักษร โดยกาหนดบทลงโทษผ้ทู ี่ฝุาฝืนตามระดบั ความรนุ แรง ของการกระทาไว้อย่างชดั เจน

๓ สถานภาพและบทบาท • ในสังคมต่างๆ จะพบคนและกล่มุ คนมากมาย บา้ งก็ทักทายปราศรัยกันหรือทางานร่วมกัน บ้างก็เดินผ่านกันไป มา โดยไม่ไดส้ นใจกนั ปรากฏการณด์ ังน้สี ามารถพบเหน็ ได้ในทุกสังคม หากมองลึกลงไป คนในสังคมต่างมีการ กระทาโตต้ อบกนั ทงั้ โดยทางตรงและทางอ้อม ตามตาแหน่งและหน้าท่ีในสังคมเราเรียกตาแหน่งทางสังคมว่า “สถานภาพ” และหนา้ ที่ทกี่ ระทาตามตาแหนง่ ว่า “บทบาท” • สถานภาพทางสงั คม (social status) หมายถึง ตาแหน่งทีบ่ คุ คลครอบครองอยู่ ซึง่ บคุ คลจะมีสิทธิและหนา้ ที่ ตามบทบาทของตาแหนง่ นั้นๆ • บทบาททางสังคม (social role) หมายถึง หน้าที่หรือพฤติกรรมท่ีแต่ละสังคมกาหนดให้ผู้ท่ีดารงตาแหน่ง ตา่ งๆ ในสงั คมกระทา

สถานภาพสามารถจาแนกออกได้เปน็ ๒ ประเภท สถานภาพทต่ี ิดตัวมาแต่กาเนิด สถานภาพสัมฤทธ์ิ • เป็นสถานภาพทสี่ งั คมกาหนดใหโ้ ดยที่บคุ คลไม่มี • เปน็ สถานภาพทไ่ี ด้มาดว้ ยการใชค้ วามรแู้ ละ ทางเลอื ก เช่น เพศ อายุ สีผิว การเป็นพ่อแม่ลกู ความสามารถของบคุ คล ตัวอยา่ งของสถานภาพ การเปน็ ญาตพิ น่ี อ้ งตามสายเลือด เป็นต้น ประเภทนี้ เช่น ตาแหนง่ หน้าทก่ี ารงาน ระดบั การศึกษา รายได้

อบรมสงั ่ สอนใหร้ ูร้ ะเบียบ แบบแผนทางสงั คม เล้ ียงดู และอบรม ใหค้ วามรกั ความ สมาชิกในครอบครวั อบอ่นุ ดว้ ยใจบรสิ ุทธิ์ สรา้ งสมาชิกใหม่ กาหนดสถานภาพทาง ใหแ้ ก่สงั คม สงั คมใหแ้ ก่สมาชิก หนา้ ทีข่ องสถาบนั ครอบครวั

ใหค้ วามรู้ ความสามารถ และทกั ษะแก่บุคคล อบรมสมาชิกใหม้ ีคณุ ธรรม จริยธรรม และเป็ นคนดขี องสงั คม หนา้ ทข่ี องสถาบนั การศึกษา สอนและฝึ กอาชีพใหแ้ ก่สมาชิก อนุรกั ษแ์ ละสง่ เสรมิ ศลิ ปวฒั นธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี เป็ นแหลง่ ความรู้ และถา่ ยทอดความรู้

ช่วยใหเ้ กิดการ แลกเปลี่ยนความ คิดเห็นระหวา่ งสมาชิก เป็ นพ้ ืนฐาน จดั ประเพณีและ สาคญั ของ วฒั นธรรมทาง อานาจรฐั ศาสนา เป็ นแบบอยา่ ง อบรมศีลธรรม ความประพฤติท่ีดี ใหแ้ ก่สมาชิก ของสงั คม ใหแ้ ก่สมาชิก

1. ใหห้ ลกั ประกนั เร่ืองสิทธเิ สรีภาพ 2. ป้องกนั และระงบั ขอ้ พพิ าท 4. ป้ องกันสมาชิกไม่ใหถ้ ูก 3. รักษาความมัน่ คงและ รุกรานจากภายนอก ความสงบของสงั คม

1. จดั สรรและกระจายทรพั ยากรทางเศรษฐกิจ 2. พฒั นาและสรา้ งความเจรญิ กา้ วหนา้ ทางดา้ นเศรษฐกิจ 3. ช่วยเหลือในการบรโิ ภคใหพ้ อเพียงและทวั ่ ถึง 4. ใหค้ วามเป็ นธรรมแก่ผผู้ ลิตและผบู้ ริโภค 5. เป็ นองคป์ ระกอบสาคัญใน การสรา้ งรากฐานทางการเมือง

การขดั เกลาทางสงั คม • การขัดเกลาทางสังคม หมายถึง กระบวนการเรยี นรกู้ ารเปน็ สมาชิกของ สังคม โดยซมึ ซับบรรทดั ฐานและคา่ นิยมทางสงั คมมาเปน็ ของตนและ เรียนรู้ในการปฏิบัติตนตามบทบาทหน้าท่ี เพอื่ ท่จี ะสามารถปรับตัวเข้ากับ สังคมทตี่ นเปน็ สมาชกิ อยไู่ ด้เปน็ อยา่ งดี • กระบวนการขดั เกลาทางสังคมเรม่ิ ต้นตง้ั แต่บคุ คลถอื กาเนดิ ข้นึ มาในโลก ตวั แทนสาคญั ท่ี ทาหน้าที่ในเรือ่ งนี้ ไดแ้ ก่ ครอบครวั กลุ่มเพ่อื น โรงเรียน มหาวิทยาลัย ศาสนา ตลอดจน สอ่ื มวลชนต่างๆ ตัวแทนเหล่านีจ้ ะทาให้บคุ คลได้ตระหนกั ถึงคณุ ธรรม คุณค่า และอดุ ม คติทีส่ ังคมยดึ มั่น ได้เรยี นรบู้ รรทัดฐาน และขนบธรรมเนียมประเพณี ท่ใี ช้อยูใ่ นสังคม

ประเภทของการขดั เกลาทางสงั คม การขดั เกลาทางสงั คมโดยทางตรง • การอบรมเลี้ยงดขู องพ่อแม่ ตอ้ งใช้เหตุผลในการอบรมเลยี้ งดลู ูก ไม่ใชอ้ ารมณใ์ นการตัดสนิ ใจหรือแกไ้ ขปัญหา รบั ฟงั ความคดิ เห็น ของลูก รวมทัง้ เปิดโอกาสใหล้ กู ไดแ้ สดงความสามารถทต่ี นมอี ยู่ • การอบรมสง่ั สอนของครอู าจารย์ ครูตอ้ งอบรมและเสรมิ สรา้ งทักษะ ความรูแ้ ละพฤตกิ รรมทดี่ ีงามใหแ้ กน่ ักเรียน ฝึกฝนให้นักเรยี นได้พฒั นา ศักยภาพอยา่ งรอบดา้ น ไม่วา่ จะเป็นในเรื่องของการเรียน การทา กิจกรรม ตลอดจนการใชช้ วี ติ ในสังคมอย่างมีความสขุ

ประเภทของการขดั เกลาทางสังคม การขดั เกลาทางสังคมโดยทางอ้อม • อ่านหนงั สือ ชว่ ยเพ่ิมพูนความรูใ้ ห้มคี วามหลากหลาย สรา้ งเสรมิ ประสบการณใ์ หมๆ่ สามารถนามาเป็นแนวทางในการประพฤตปิ ฏบิ ัติตนให้ชวี ิตมคี ุณคา่ และมรี ะเบยี บแบบ แผนท่ีดียิง่ ข้นึ • การฟังอภปิ ราย ช่วยเปดิ โลกทัศน์ใหก้ วา้ งไกลมากข้นึ ได้รับฟังข้อมูล จากผูม้ คี วามรู้ สามารถนาข้อคิดทไ่ี ดม้ าปรบั ใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ได้ • การทากิจกรรมกล่มุ ช่วยใหเ้ กดิ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซง่ึ กันและกนั เสริมสรา้ งความสามคั คีในหมู่คณะ รู้จกั เสยี สละเพอื่ ให้กจิ กรรมท่ีทาน้ัน ประสบความสาเร็จสงู สุด

1. เพ่อื ใหร้ ูจ้ กั บทบาทตา่ งๆ ในสงั คม 2. เพอ่ื ปลกู ฝังระเบยี บวินยั 3. เพ่ือปลกู ฝังความมุ่งมนั ่ ต้งั ใจ 4. เพอ่ื ใหส้ มาชิกในสงั คมเกิดความชานาญและเพ่มิ ทกั ษะ ในการทากิจกรรมรว่ มกบั ผอู้ น่ื

วิธกี ารขดั เกลาทางสงั คม การขดั เกลาทางตรง เป็ นการช้ ีแนะแนวทางให้บุคคล ประพฤตปิ ฏิบตั ติ ามกฎระเบียบใหถ้ ูกตอ้ ง เหมาะสม การขดั เกลาทางออ้ ม เป็ นการขดั เกลาที่บุคคลจะประพฤติ ตามจากการสงั เกตหรือเรียนรูจ้ ากการ กระทา

กล่มุ ทาง ครอบครวั ครูอาจารย์ ศาสนา กลมุ่ เพอ่ื น ตวั แทนการขดั เกลา สอ่ื มวลชน ทางสงั คม กลมุ่ เพ่อื น ร่วมอาชีพ

องคก์ รท่ที าหน้าที่ในการขดั เกลาทางสังคม ครอบครวั เปน็ องค์กรทมี่ บี ทบาทสาคัญมาก ซงึ่ จะทาหนา้ ทอี่ บรมสั่งสอนสมาชกิ ให้เป็นพลเมอื งดี ปฏบิ ัติตามกฎเกณฑท์ ่สี ังคมกาหนด โรงเรียน เป็นองค์กรทท่ี าหน้าท่ีเสริมสรา้ งความรู้ ความสามารถ ตลอดจนการปรบั ตัวในการใช้ชวี ิตในสังคม สถาบนั ศาสนา เป็นองคก์ รทท่ี าหน้าท่ีถา่ ยทอดแนวทางการดาเนินชวี ิตให้แก่สมาชกิ ในสงั คม มงุ่ เนน้ ใหค้ นกระทา ความดี ละเวน้ ความช่วั กล่มุ เพื่อน เปน็ องคก์ รทีท่ าหนา้ ทข่ี ดั เกลาทางสงั คมอกี หน่วยหน่ึง ในความเชอื่ และคา่ นิยมเฉพาะกลุ่มตนเอง อาจ แตกต่างกันออกไป ตามลกั ษณะกลมุ่ เช่น การแตง่ กาย กลุ่มเดยี วกนั ก็จะแตง่ กายคล้ายๆ กนั ส่อื มวลชน เปน็ องค์กรทที่ าหน้าทถี่ า่ ยทอดข่าวสารความรู้ ศลิ ปะ ประเพณี รวมทง้ั กฎระเบยี บทางสงั คมไปยงั สมาชกิ ของ สังคมทุกหมู่เหล่า

การเปล่ียนแปลงในสังคม ความหมาย • การเปลยี่ นแปลงทางสงั คม หมายถงึ การเปล่ยี นแปลงระเบียบของสังคมในการ กระทาในเรื่องต่างๆ ซ่งึ เป็นการเปลีย่ นแปลงทเี่ กี่ยวขอ้ งกับความสมั พันธแ์ ละแบบ แผนความประพฤติของสมาชกิ ในสังคมทีแ่ ตกต่างไปจากเดิม เช่น การเปล่ียนวัตถุ ส่งิ ของทีใ่ ช้ การเปลีย่ นแปลงความคดิ ความเช่อื เป็นต้น

ประเภทของการเปลีย่ นแปลงในสงั คม การเปลย่ี นแปลงระดับจลุ ภาค เป็นการเปลย่ี นแปลงขนาดยอ่ ยในระดับบุคคล กลมุ่ บคุ คล และรวมถงึ พฤตกิ รรมตา่ งๆ ของบุคคล ตัวอย่างเช่น • การผลิตสินค้า จากเดมิ ที่ผลติ สินคา้ ด้วยมือ เปลยี่ นมาเปน็ การใช้เทคโนโลยี สมัยใหม่ ในการผลิตสินค้า เพื่อให้ได้ปริมาณมาก เพียงพอกับความ ต้องการในปัจจุบนั • การศึกษาของนักเรียน จากเดิมครูจะเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ให้แก่นักเรียน ฝุายเดยี ว เปล่ียนเป็นการศึกษาเน้นให้นักเรียนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ เพ่ือ กระตุ้นใหน้ กั เรยี นคิดเป็น ทาเป็น และมีภาวะความเปน็ ผู้นา

ประเภทของการเปลีย่ นแปลงในสังคม การเปล่ยี นแปลงระดบั มหภาค เป็นการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ที่เก่ียวข้องกับระบบสังคม มีผลกระทบต่อแบบแผนการดาเนินชีวิตของผู้คนในสังคม เปน็ จานวนมาก ตัวอย่างเชน่ • การเลกิ ทาสในสมัยรชั กาลที่ ๕ ส่งผลให้ราษฎรทกุ คนมีความเทา่ เทียมกนั มเี สรภี าพในการ ดาเนินชีวิต ประกอบอาชีพ นอกจากนย้ี งั มผี ลทาให้ประเทศมีแรงงานอิสระเพมิ่ มากขึ้น • การเปล่ยี นแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ เปล่ียนจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็น ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด ประชาชนมสี ทิ ธิ เสรภี าพ และความเสมอภาคเท่าเทียมกัน

ปัจจัยท่ีก่อใหเ้ กิดการเปลีย่ นแปลงในสงั คม ปัจจยั ภายใน • เช่น การประดิษฐ์คิดค้นส่ิงของใหม่ๆ การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ เศรษฐกิจ เป็นต้น ซึ่งมีผลตอ่ ทางสังคมมาก เพราะเทคโนโลยใี หมๆ่ ทาให้สะดวกสบาย ตดิ ต่อสื่อสารได้เร็วข้ึน ผลิตสินค้าได้ ในปริมาณท่ีมากข้ึน เกิดการเปล่ียนแปลงโครงสร้างทางประชากรและอาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โครงสรา้ งครอบครัวและสังคมในลาดบั ตอ่ ไป มลู เหตุทที่ าให้เกดิ การเปล่ียนแปลงในสังคม สามารถจาแนกออกเปน็ ๒ ปจั จัยใหญ่ๆ • ปัจจุบันมีการแพร่กระจายและการรับวัฒนธรรมของสังคมอ่ืนมาใช้กันมาก ตัวอย่างเช่นการนาระบบ ปัจจัยภายนอก โรงเรียนมาใชแ้ ทนการเรยี นรู้จากครอบครวั หรือวดั เชน่ ในอดีต หรือการรับวัฒนธรรมด้านเครื่องแต่งกาย อาหาร ยารักษาโรค และเคร่ืองมือสื่อสารจากสังคมอื่นมาใช้จนทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมข้ึน มากมายในปจั จบุ นั

การเปลี่ยนแปลง ส่ิงแวดลอ้ ม ดา้ นประชากร ทางกายภาพ ภายใน ปัจจยั ท่ีทาใหเ้ กิดการ ภายนอก เปลี่ยนแปลง พ้ ืนฐานทาง ความ ทศั นคติ โครงสรา้ ง สงั คมโดดเดี่ยว วฒั นธรรม ตอ้ งการ ค่านิยม ของสงั คม และสงั คมท่ีมี รบั รูส้ ่งิ ใหม่ๆ และ การตดิ ตอ่ วฒั นธรรม สมาคม

 การเห็นประโยชนข์ องการเปล่ยี นแปลง  ความสอดคลอ้ งกบั วฒั นธรรมเดิม  กลมุ่ รกั ษาผลประโยชน์  ตวั แทนการเปลี่ยนแปลง

1. การเคารพเทิดทูนพระมหากษตั ริย์ 2. การนบั ถอื ศาสนา 3. ความเป็ นไท 4. การยกยอ่ งผทู้ าความดี และความกตญั ญูกตเวที 5. ความไม่ผูกพยาบาท 6. การเอ้ ือเฟ้ ื อเผื่อแผ่ 7. ประหยดั 8. มีระเบียบวินยั 9. การปฏิบตั ติ ามหนา้ ท่ีของตนเอง 10. ขยนั ขนั แข็ง อดทน 11. เคารพผอู้ าวุโส

1. ความเห็นแก่เงินและวตั ถุ 2. การรกั พวกพอ้ งในทางท่ีผิด 3. ไม่ตรงตอ่ เวลา 4. รกั ความสนุกสนาน 5. ใชอ้ านาจในทางท่ีผิด 6. เช่ือถือโชคลางหรอื ชอบเสยี่ งโชค 7. อยากรูอ้ ยากเห็นในเรอื่ งของผอู้ ่นื 8. พูดมากกว่าปฏิบตั ิ 9. มีความอิจฉาริษยา

ปญั หาสังคมไทยและแนวทางการแก้ไขปญั หา • สงั คมไทยกเ็ ป็นเช่นเดยี วกบั สังคมอ่ืนๆ ทว่ั โลกทีม่ ปี ัญหา เพราะทุกสงั คม มกี ารเปล่ียนแปลงมคี นกระทาพฤติกรรมเบ่ียงเบนความสมั พนั ธ์ และ สถาบันทางสังคมทาหนา้ ที่ไมค่ รบสมบูรณ์ซึง่ สิ่งเหล่านเ้ี ปน็ ปจั จยั พื้นฐาน ทาใหเ้ กิดปัญหาสังคมได้ ปญั หาสงั คมอาจมีความรุนแรงและสง่ ผลกระทบ ตอ่ สงั คมในระดับและขอบเขตทตี่ ่างกนั เชน่ ระดับชุมชน ระดบั ประเทศ และระดับโลก เป็นตน้

ปญั หายาเสพติด สาเหตุของปัญหา • ความอยากรู้อยากลอง ความรูเ้ ทา่ ไม่ถงึ การณ์ • ไมไ่ ด้รบั คาแนะนาทถ่ี ูกตอ้ งจากผใู้ หญ่และบคุ คลทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง • การชักชวนของเพอื่ น โดยส่วนมากมักเกิดจากความเกรงใจเพอื่ นหรือตอ้ งการ แสดงตนว่าเปน็ พวกเดียวกับเพื่อน แนวทางการแก้ไข • รฐั บาลควรมีนโยบายปราบปรามยาเสพตดิ อย่างจริงจังและเปน็ รปู ธรรม • พอ่ แม่ควรปลูกฝังคา่ นิยมท่ดี ีใหแ้ กล่ ูก เพ่อื ปูองกนั ปญั หายาเสพติด • องคก์ รเอกชนควรมีบทบาทในการใหค้ วามรู้ ความเขา้ ใจเกีย่ วกับพษิ ภัยของยาเสพติด

ปญั หาสิ่งแวดลอ้ ม สาเหตุของปัญหา • การตัดไม้ทาลายปุา การเผาปุา การล่าสตั ว์ • การคมนาคมขนสง่ ทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ มลพษิ • การทงิ้ ขยะลงในแมน่ ้าลาคลอง • กระบวนการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรม แนวทางการแกไ้ ข • ปลูกฝังความรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกับการอนุรักษ์สงิ่ แวดลอ้ ม • ร่วมกนั รณรงคใ์ ห้ประชาชนหันมาใช้พลงั งานทดแทนกนั มากขน้ึ เช่น การใช้ถุงผา้ แทนการใชถ้ งุ พลาสตกิ • ปลูกตน้ ไมเ้ พอื่ เพิม่ พืน้ ที่สีเขียวในบรเิ วณชมุ ชนและบรเิ วณท่ีสาธารณะ

ปัญหาการทจุ รติ สาเหตขุ องปญั หา • เกิดจากความโลภ ความต้องการ ความอยากได้ ความบรโิ ภคท่ีเกินพอดี • การเหน็ ตัว เห็นแกป่ ระโยชน์ส่วนตนมากกวา่ ประโยชนส์ ่วนรวม • การขาดจิตสานึกทางศลี ธรรมและการไมเ่ กรงกลัวกฎหมาย แนวทางการแก้ไข • ภาครฐั ควรมบี ทลงโทษทางกฎหมายท่ีเข้มงวดเก่ยี วกบั การทุจรติ • พอ่ แม่ควรปลูกฝังคา่ นยิ มที่ดี เน้นความซอ่ื สตั ยส์ จุ ริตให้แก่บุตรหลาน • องคก์ รทกุ ภาคสว่ นควรตระหนกั ถงึ ความสาคญั และเป็นตัวอยา่ งท่ีดใี นการแก้ไข ปัญหาการทจุ รติ อยา่ งเป็นระบบ

ปญั หาความรุนแรงในครอบครวั และสังคม สาเหตุของปัญหา • สงั คมมีจานวนสมาชิกหรอื จานวนประชากรเพมิ่ มากข้ึนอย่างรวดเรว็ • คนในสงั คมตอ้ งแข่งขนั กนั ในด้านตา่ งๆ จนเกิดความเครยี ด • อยู่ในสภาพสังคมท่เี น้นวัตถนุ ิยม ขาดการยับย้งั ช่ังใจ และการควบคมุ อารมณใ์ ห้มสี ติ แนวทางการแก้ไข • ใหเ้ กียรตกิ นั ในครอบครวั หันหนา้ ปรกึ ษากันทงั้ ทางดา้ นการเงนิ การเรยี น การ ดาเนนิ ชีวติ และทางด้านจติ ใจ • ขอความร่วมมอื จากองค์กรทัง้ ภาครฐั และเอกชนเขา้ ไปรณรงคก์ ารต่อตา้ นการ ใช้ความรุนแรง • การสรา้ งความสมานฉันทใ์ นสงั คม ทากิจกรรมร่วมกัน รจู้ ักการพึ่งพาอาศัยกนั

ปัญหาสงั คมไทย แนวทางการแกไ้ ข และ พฒั นาสงั คม 1. ปัญหาความยากจน 1. จดั สวสั ดกิ ารเรอ่ื งการรกั ษาพยาบาลใหป้ ระชาชน 2. ปัญหายาเสพติด 2. จดั การศึกษาใหแ้ ก่ประชาชน 3. ใหม้ ีหลกั ประกนั สงั คมของกลมุ่ อาชีพตา่ งๆ 4. มีกิจกรรมประชาสงเคราะห์ 1. ออกกฎหมายเพ่ิมโทษและปราบปราม 2. ใหก้ ารศึกษาในเรอ่ื งยาเสพติด 3. สรา้ งครอบครวั ใหเ้ ขม้ แข็ง 4. สรา้ งจติ สานึกในการรบั ผิดชอบตอ่ สงั คม

ปัญหาสงั คมไทย แนวทางการแกไ้ ข และ พฒั นาสงั คม 3. ปัญหาโรคเอดส์ 1. ใหค้ วามรูเ้ ร่ืองโรคเอดสแ์ ละการป้องกนั 4. ปัญหาส่งิ แวดลอ้ ม 2. ปลกู จติ สานึกใหร้ กั ครอบครวั ไม่สาสอ่ นทางเพศ เช่น มลภาวะเป็ นพิษ 3. ใหก้ าลงั ใจและช่วยเหลือผปู้ ่ วยโรคเอดส์ 1. ใหค้ วามรูเ้ รอ่ื งการอนุรกั ษส์ งิ่ แวดลอ้ ม 2. ใชม้ าตรการบงั คบั อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ 3. สรา้ งจติ สานึกใหช้ ุมชนดแู ลกนั เอง 4. พฒั นาบคุ คลใหร้ ูจ้ กั สรา้ งสมดลุ ของธรรมชาติ

จติ สาธารณะ คือ จติ ท่ีคานึงถึงผอู้ ่ืน โดยแสดงออกมาผา่ นการกระทา จติ สาธารณะ จติ อาสา มี ไม่มี ธุระไม่ใช่ จติ เอ้ ืออาทร

“การเป็ นผใู้ หด้ ว้ ยใจที่เตม็ เป่ี ยม”” ให้ “ความเคารพ”” ให้ “ความเขา้ ใจ”” ให้ “ธรรมชาต”ิ ” ให้ “เกียรต”ิ ” ให้ “ใจ”” ให้ “แรงกาย””

ตอ่ ตนเอง ตอ่ สงั คมและประเทศชาติ  ฝึ กใหเ้ ป็ นผคู้ ิดดี พดู ดี ทาดี  ลดปัญหาทางสงั คม  ฝึ กใหต้ นมีสต”ิ  ยกระดบั คณุ ภาพของสงั คม  ฝึ กใหม้ ีภมู ิคมุ้ กนั ทางจติ ใจ  ผคู้ นในสงั คมรกั ใครก่ นั  ทาใหม้ ีความสุขในฐานะผใู้ ห้  คนขาดโอกาสไม่ถูกทอดท้ งิ จากสงั คม  ทาใหเ้ ราไดอ้ ยใู่ นสงั คมท่ีดี  เกิดสถาบนั ครอบครวั ที่อบอ่นุ  คนในสงั คมมีจติ ใจที่บริสุทธ์ิ  มีสภาพแวดลอ้ มทีด่ ี  ประเทศชาตมิ ีคณุ ภาพ

สวสั ดคี ะ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook