Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม2 หน่วย6_หินและซากดึกดำบรรพ์

วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม2 หน่วย6_หินและซากดึกดำบรรพ์

Published by pantong.042, 2021-11-05 04:22:45

Description: วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม2 หน่วย6_หินและซากดึกดำบรรพ์

Search

Read the Text Version

วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เล่ม 2 ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 5 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 6 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 7 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 8

6หนว่ ยการเรียนรู้ที่ หินและซากดึกดาบรรพ์ ตวั ช้ีวัด • เปรยี บเทยี บกระบวนการเกิดหินอคั นี หินตะกอน และหนิ แปร และอธบิ ายวฏั จกั รหินจากแบบจาลอง • บรรยายและยกตัวอยา่ งการใช้ประโยชนข์ องหินและแรใ่ นชีวิตประจาวันจากขอ้ มลู ทร่ี วบรวมได้ • สร้างแบบจาลองท่อี ธบิ ายการเกิดซากดกึ ดาบรรพแ์ ละคาดคะเนสภาพแวดล้อมในอดีตของซากดกึ ดาบรรพ์

นกั เรียนคดิ วา่ กระบวนการเกดิ หินอัคนี หินตะกอน และหนิ แปร ? แตกต่างกันอย่างไร

หนิ ในธรรมชาติ หินเปน็ ทรพั ยากรท่เี กดิ ข้นึ เองตามธรรมชาติ มอี ย่หู ลายชนิด นักธรณีวทิ ยา จาแนกหนิ แต่ละชนดิ โดยใชล้ ักษณะการเกดิ หนิ เปน็ เกณฑ์ได้ เปน็ 3 ประเภท 1 หินอคั นี • หนิ อคั นีทเ่ี ย็นตัวใต้เปลอื กโลก หินอคั นีแทรกซอน หรอื หนิ อคั นีระดับลึก • หินอัคนีที่แขง็ ตวั บนเปลอื กโลก หนิ อัคนีพุ หรอื หินภูเขาไฟ 2 หินตะกอน 3 หินแปร

หนิ ในธรรมชาติ 1 กระบวนการเกดิ หิน 1.1 หินอคั นี เกดิ ได้ทั้งบนผวิ โลกและใต้เปลอื กโลก ดงั น้ี 1) หนิ อคั นีที่เย็นตัวใต้เปลือกโลก เกิดจากแมกมา (หินหนืด) ดนั ตัวขนึ้ มาอยู่บริเวณ ใต้เปลือกโลกท่ีมีอุณหภูมิต่ากว่า แมกมาจะเย็นตัวลงอย่างช้า ๆ ทาให้กลายเป็นหิน เรียกหินกลุ่มน้ีวา่ หนิ อัคนแี ทรกซอน หรือหนิ อคั นีระดับลกึ

หินในธรรมชาติ ตัวอยา่ ง หนิ อัคนีแทรกซอน หนิ แกรนิต หินแกบโบร หินไดออไรต์ เน้ือหินเป็นผลึกขนาดใหญ่ เน้อื ผลึกหยาบ เนื้อหยาบถึงละเอยี ด แตม่ ี เน้ือหยาบ มีความแวววาว มีสีเขยี วเขม้ ถึงดา ความละเอียดกว่าหนิ แกรนิต

หินในธรรมชาติ 2) หินอัคนีท่แี ขง็ ตวั บนเปลอื กโลก เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟทาให้แมกมา (หนิ หนืด) พุ่งข้ึนมาอยู่บนผวิ โลก เรยี กวา่ ลาวา เมื่อลาวาเยน็ ตวั ลงอย่างรวดเรว็ จึงทา ใหก้ ลายเปน็ หิน เรยี กหนิ กล่มุ น้วี า่ หนิ อคั นีพุ หรือ หินภูเขาไฟ

หนิ ในธรรมชาติ ตวั อยา่ ง หินอคั นีพุ หนิ พมั มิซ หินไรโอไลต์ หินออบซเิ ดียน เน้ือหนิ แขง็ และสาก มรี พู รนุ เนอื้ ละเอียดมาก เนอ้ื หนิ มลี กั ษณะ เพราะมฟี องอากาศเลก็ ๆ แทรกอยู่ เหมือนแก้ว มันวาว



หินในธรรมชาติ 1.2 หินตะกอน เกดิ จากการทบั ถมของเศษหนิ ทีผ่ พุ ังมาจากหิน ซากส่ิงมีชวี ิต โคลน ดนิ ทราย หรือสารอื่น ๆ ท่ีสกึ กร่อน แล้วถกู พดั พาไปสะสมในทอ้ งทะเล หรือแอ่งเปลือกโลกเป็นเวลานาน ทาให้ตะกอนถูกบีบอัด กดทบั และเกิดการ เช่อื มประสานเม็ดตะกอนหรือเกิดการตกผลกึ ทาให้กลายเป็นหิน

หนิ ในธรรมชาติ ตวั อยา่ ง หินตะกอน หนิ ทราย หนิ ปนู หินกรวดมน เนอ้ื หยาบ แข็ง เนอ้ื ละเอียด หินปนู บางก้อน เน้ือหยาบ และมักพบซากฟอสซิลปนอยู่ มซี ากสัตวผ์ สมอยใู่ นเน้ือหนิ บางก้อนมลี ักษณะกลมมน

หินในธรรมชาติ 1.3 หินแปร เกิดจากการแปรสภาพของหนิ อคั นี หินตะกอน หรือหินแปร จากความร้อน และความดันภายในโลก โดยมีกระบวนการทางเคมีเข้ามาเกยี่ วข้อง เชน่ แปรสภาพเปน็ แปรสภาพเปน็ หนิ ทราย หนิ ควอรต์ ไซต์ หินแกรนิต หนิ ไนส์ เน้ือหนิ มีลักษณะ เน้อื หยาบและ เปน็ เมด็ เน้ือแนน่ ละเอียด แข็ง ทนทาน เปน็ ริว้ ขนาน ไมม่ ีรว้ิ ขนาน

หินในธรรมชาติ 2 วัฏจักรหิน หินอัคนี หนิ ตะกอน และหนิ แปร มีการเปล่ียนแปลงจากหินประเภทหนงึ่ ไปเปน็ หินอีกประเภทหนงึ่ หรือเปน็ หนิ ประเภทเดิมได้ โดยมแี บบรูปการ เปลย่ี นแปลงคงทแี่ ละตอ่ เน่ืองเป็นวัฏจกั ร

หนิ ในธรรมชาติ 3 ประโยชนข์ องหินและแร่ หินและแรแ่ ตล่ ะชนดิ มีลกั ษณะและสมบัติแตกต่างกัน มนุษยจ์ ึงสามารถนามาใชป้ ระโยชนใ์ น ชวี ิตประจาวันในลักษณะทแี่ ตกตา่ งกนั ไป เชน่ นาหินทรายมาทาหินลับมีด นาแรค่ วอตชม์ าทากระจก นาหินแกรนิตมาเปน็ วสั ดกุ อ่ สรา้ ง นาแร่ฟลอู อไรต์มาเป็นส่วนผสมในยาสฟี ัน นาหนิ ออ่ นมาใช้สรา้ งอาคาร นาแร่ทองคามาทาเคร่อื งประดับ

นกั เรยี นคดิ วา่ กระบวนการเกดิ หนิ อัคนี หินตะกอน และหนิ แปร ? แตกต่างกันอย่างไร หินอัคนี เกดิ จากการแข็งตวั ของลาวาทป่ี ะทุขึน้ มาบน เปลือกโลกหรอื เกดิ จากแมกมาดันตวั ข้ึนมาอย่ใู ต้เปลอื ก โลกทีม่ อี ุณหภมู ิต่ากว่า หนิ ตะกอน เกดิ จากการทบั ถมของส่งิ มชี ีวติ หิน โคลน ฯลฯ แลว้ ถูกพัดพาไปสะสมเป็นเวลานาน หนิ แปร เกิดจากการแปรสภาพของหินอคั นี หนิ ตะกอน หรอื หนิ แปร

นกั เรียนคดิ วา่ ซากดกึ ดาบรรพค์ อื อะไร และเกดิ ขึน้ ได้อยา่ งไร ?

ซากดึกดาบรรพ์ 1 การเกดิ ซากดกึ ดาบรรพ์ ซากดึกดาบรรพ์ คือ ซากพืช ซากสัตว์ หรือร่องรอยของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในยุคโบราณ ที่ถูกแปรสภาพด้วยกระบวนการทางธรณีวิทยา แล้วถูกเก็บรักษาไว้ในหินหรือชั้นหินจาก การสะสมและทับถมของตะกอน ซากดึกดาบรรพ์ เกิดจากการทับถมหรือประทับรอยของส่ิงมีชีวิตในอดีต แล้วผ่านกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติต่าง ๆ จนทาให้กลายเป็นโครงสร้าง ของซากหรือรอ่ งรอยของสงิ่ มชี ีวิต

ซากดึกดาบรรพ์ 1.1 ประเภทของซากดกึ ดาบรรพ์ ซากดึกดาบรรพ์สัตว์ ซากดกึ ดาบรรพ์พชื ซากดกึ ดาบรรพ์ร่องรอย เชน่ ปลา เชน่ ใบไม้ เช่น รอยเท้าไดโนเสาร์

ซากดกึ ดาบรรพ์ 1.2 ปัจจัยทีท่ าให้เกดิ ซากดึกดาบรรพ์ 1) องคป์ ระกอบของสงิ่ มชี วี ติ 2) อุณหภูมิ 3) ระยะเวลาการทับถม เม่ือสิ่งมีชีวิตตาย โครงร่างที่เป็น เม่ือบริเวณใดมีอุณหภูมิเย็นจัด ระยะเวลาท่ีตะกอนทับถมลงบน ของแขง็ จะใชเ้ วลาในการย่อยสลาย หรือแห้งแล้งจัด จนเช้ือจุลินทรีย์ ซากของส่ิงมีชีวิตจะต้องเกิดข้ึน นาน หากในขณะน้ันมีตะกอนมา ไม่สามารถเจริญเติบโตได้ ซากของ อยา่ งรวดเร็ว จนทาให้เช้ือจุลินทรีย์ ปิดทับซากอย่างรวดเร็ว จะทาให้ สิ่งมีชีวิตบางชนิดจึงรอดพ้นจาก ต่าง ๆ ไม่สามารถย่อยสลายซาก กลายเป็นซากดึกดาบรรพ์ได้ง่าย การยอ่ ยสลายของจุลนิ ทรีย์ต่าง ๆ ของส่งิ มีชีวิตไดท้ ัน เช่น กระดูก ฟัน กระดอง

ซากดึกดาบรรพ์ 1.3 การเกดิ ซากดึกดาบรรพ์ประเภทต่าง ๆ 1) การเกดิ ซากดกึ ดาบรรพแ์ บบซากกลายเป็นหิน มีกระบวนการเกดิ ดงั น้ี สงิ่ มีชวี ติ ทต่ี ายแล้ว สว่ นออ่ นท่เี นา่ เป่ือยสลายไป เมือ่ เวลาผ่านไปหลายลา้ นปี ถกู พดั พาลงไปใต้นา้ จนเหลอื แต่โครงร่าง เม่อื เวลา ตะกอนดนิ และโครงรา่ ง ทาให้ถูกฝงั อยใู่ ตช้ ัน้ ตะกอน ของสตั ว์จะแปรสภาพ ผ่านไปแรธ่ าตุจะแทรกซมึ แลว้ กลายเปน็ หิน เขา้ ไปสะสมตามโครงรา่ งของสัตว์

ซากดึกดาบรรพ์ ตวั อย่าง ซากดกึ ดาบรรพ์แบบซากกลายเป็นหนิ ซากดึกดาบรรพ์ไดโนเสาร์

ซากดกึ ดาบรรพ์ 2) การเกิดซากดึกดาบรรพ์แบบรอยพมิ พแ์ ละแบบรูปหลอ่ มกี ระบวนการเกดิ ดังน้ี สิ่งมีชีวิตตายลง เวลาผ่านไปสว่ นทีแ่ ข็ง เมือ่ แร่ต่าง ๆ เขา้ ไปตกผลกึ สว่ นทแี่ ข็งของสง่ิ มชี วี ิต ย่อยสลายเหลอื แต่รอย ในรอยพิมพ์ จะกลายเปน็ ของสง่ิ มีชวี ติ นน้ั เปน็ ซากดกึ ดาบรรพแ์ บบรูปหลอ่ ถูกฝงั ไว้ใตต้ ะกอน ซากดกึ ดาบรรพแ์ บบรอยพมิ พ์ เช่น โคลน ทราย

ซากดกึ ดาบรรพ์ ตวั อย่าง ซากดกึ ดาบรรพแ์ บบรอยพมิ พห์ รอื แบบรปู หล่อ ซากดึกดาบรรพร์ อยเปลือกหอย

ซากดกึ ดาบรรพ์ 3) การเกิดซากดึกดาบรรพ์แบบรอ่ งรอยกลายเป็นหิน มกี ระบวนการเกดิ ดงั นี้ สิ่งมีชวี ิตท้งิ รอ่ งรอยไว้ เวลาผา่ นไปร่องรอยจะถูกฝังไวใ้ ต้ ช้ันตะกอน จนกลายสภาพเปน็ หนิ ทาใหเ้ กิดเป็นซากดกึ ดาบรรพ์

ซากดกึ ดาบรรพ์ ตวั อย่าง ซากดกึ ดาบรรพแ์ บบรอ่ งรอยกลายเปน็ หนิ รอยเทา้ ไดโนเสาร์

ซากดึกดาบรรพ์ 4) การเกดิ ซากดึกดาบรรพ์แบบการคงสภาพ เกดิ จากการถกู คงสภาพจากตวั กลาง ทแี่ ตกต่างกนั เช่น ช้างแมมมอธถกู คงสภาพดว้ ยน้าแขง็ และสภาพอากาศหนาวเย็น แมลงถกู คงสภาพดว้ ยยางไม้หรอื อาพนั

ซากดกึ ดาบรรพ์ ตวั อย่าง ซากดกึ ดาบรรพแ์ บบคงสภาพ ซากแมลงในอาพนั

ซากดึกดาบรรพ์ 2 ประโยชน์ของซากดกึ ดาบรรพ์ เป็นข้อมูลที่ใช้ในการ ใ ช้ ร ะ บุ อ า ยุ ข อ ง เป็นตัวช่วยในการ เป็นหลักฐานหนึ่ง สั น นิ ษ ฐ า น เ กี่ ย ว กั บ ถ่ิ น หิ น ใ น บ ริ เ ว ณ ท่ี พ บ คาดคะเนว่า บริเวณ เพื่อช่วยบอกถึงสภาพ กาเนิดและวิวัฒนาการ ซากดึกดาบรรพ์ นั้นอาจจะมีแหล่งแร่ แวดล้อมและสภาพ ของสง่ิ มีชีวิต แ ห ล่ งถ่ า นหิ น ห รื อ ภู มิ อ า ก า ศ ใ น อ ดี ต แหลง่ นา้ มัน ขณะเกิดสงิ่ มชี ีวติ น้ัน

ซากดึกดาบรรพ์ 3 ซากดึกดาบรรพ์ทพี่ บในประเทศไทย ในประเทศไทยมกี ารคน้ พบซากดึกดาบรรพห์ ลายประเภท ซึ่งกระจายอยูใ่ น หลายจงั หวดั ของประเทศ เชน่ ซากดกึ ดาบรรพ์ ลาปาง รอยเท้า หอยขม ไดโนเสาร์ทเ่ี ดนิ 2 ขา ตาก เลย ขอนแกน่ กาฬสินธุ์ ไม้กลายเป็นหนิ ซากดึกดาบรรพ์ ไดโนเสาร์ สุสานหอย กระบ่ี ฟันกรามของ แหลมโพธ์ิ สตลู ช้างสเตโกดอน

นกั เรยี นคิดวา่ ซากดึกดาบรรพค์ อื อะไร และเกดิ ขน้ึ ไดอ้ ยา่ งไร ? ซากดึกดาบรรพ คอื ซากพชื ซากสัตว์ หรือ ร่องรอยของสง่ิ มีชวี ติ ต่าง ๆ ในยุคโบราณที่ ถกู แปรสภาพด้วกระบวนการทางธรณีวิทยา แลว้ ถกู เก็บรกั ษาไว้ในหนิ หรอื ช้ันหนิ จากการ สะสมและทับถมของตะกอน ซากดกึ ดาบรรพ์ เกิดจากการทับถมหรือ ประทับรอยของสิ่งมีชีวิตในอดีตแล้วผ่าน กระบวนการเปล่ียนแปลงทางธรรมชาติ ต่าง ๆ จนทาให้กลายเป็นโครงสร้างของ ซากหรือร่องรอยของส่ิงมชี ีวิต