Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สามัคคีเภทคำฉันท์ 6-6

สามัคคีเภทคำฉันท์ 6-6

Published by preeyawan19.k, 2021-02-03 15:22:18

Description: สามัคคีเภทคำฉันท์ 6-6

Search

Read the Text Version

สอ่ื การเรยี นรอู้ อนไลน์ สามคั คีเภทคาฉันท์ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย

สารบญั ความเป็ นมา ๑ ประวตั ขิ องผู้แต่ง ๒ ลกั ษณะคาประพนั ธ์ ๓ ๑๒ ๑๓ ๑๔ เนื้อเรื่องเต็ม ๑๕ ๔๒ สามคั คเี ภทคาฉันท์ ๔๓ ๔๕ คาศัพท์ทีเ่ กยี่ วข้อง ๔๖ ๕๔ วเิ คราะห์คุณค่า

ความเป็ นมา ในสมัยรัชกาลท่ี ๖ เกิดวิกฤตการณ์ท้ังภายในและ ภายนอกประเทศ เช่น เกดิ สงครามโลกคร้ังที่ ๑ เกดิ กบฏ ร.ศ. ๑๓๐ ซ่ึงส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของบ้านเมือง นายชิต บุรทัต จึงได้แต่งเร่ืองสามัคคีเภทคาฉันท์ขึน้ ในปี พ.ศ. ๒๔๕๗ เพ่ือมุ่งชี้ความสาคญั ของการรวมกนั เป็ นหมู่ คณะ เรื่ องสามัคคีเภท เป็ นนิทานสุ ภาษิต ในมหา ปรินิพพานสูตร และอรรถกถาสุมังคลวิลาสินี ทีฆนิกาย มหาวรรค ลงพมิ พ์ในหนังสือธรรมจักษุ ของมหามกฎุ ราช วทิ ยาลยั โดยเรียบเรียงเป็ นภาษาบาลี

ประวตั ิผแู้ ต่ง นายชิต บุรทัต เกดิ เมื่อวนั ที่ ๖ กนั ยายน พ.ศ. ๒๔๓๕ เป็ นบุตร นายชู นางปริ ก ได้ รั บการศึกษาข้ันต้ นจากบิดาซ่ึงเป็ นเปรี ยญ ๕ ประโยค และได้เข้าเรียนในโรงเรียนวัดราชบพิธเป็ นแห่งแรก แล้วย้ายมา เรียนต่อจนสาเร็จช้ันมัธยมบริบูรณ์ท่ีโรงเรียนวัดสุทัศน์ ขณะน้ันอายุได้ ๑๕ ปี บิดาจึงจัดการให้บวชเป็ นสามเณร ณ วดั ราชบพิธสถิตมหาสีมาราม พระ เจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้าทรงเป็ น อุปัชฌาจารย์ นายชิต บุรทัต เป็ นผู้รักรู้ รักเรียน มีความรู้ในภาษาบาลีและ ฝึ กฝนภาษาองั กฤษด้วยตนเองจนอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ นายชิตเร่ิมการประพันธ์ เม่ืออายุ ๑๘ ปี ขณะน้ันได้กลบั มาบวชเป็ นสามเณรอีกเป็ นคร้ังท่ีสอง ณ วัด เทพศิรินทราวาสและได้ย้ายไปอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร จึงได้อุปสมบทที่วัด นี้ ในฐานะเป็ นศิษย์ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระวชิรญาณวโร รส สามเณรชิตได้สร้ างงานประพันธ์โดยใช้ นามปากกาเป็ นคร้ังแรก ว่า “เอกชน” จนเจริญรุ่งโรจน์ขนึ้ ใน

ลกั ษณะคาประพนั ธ์ สามัคคเี ภทคาฉันท์ แต่งด้วยคาประพนั ธ์ประเภทฉันท์ ๑๙ ชนิด กาพย์ ๑ ชนิด โดยเน้นจงั หวะลหุ คือ ๑. ภุชงคประยาต ฉันท์ ๑๒ เป็ นฉันท์ทม่ี ลี ลี างามสง่าดุจงูเลือ้ ย นิยมใช้แต่งบทที่ดาเนินเรื่องอย่างรวดเร็วและคกึ คกั ทชิ งค์ชาติฉลาดยล คะเนกลคะนงึ การ กษตั ริย์ลจิ ฉววี าร ระวงั เหือดระแวงหาย ๒. มาณวก ฉันท์ ๘ เป็ นฉันท์ทม่ี ลี ลี าผาดโผน สนุกสนาน ร่าเริง และตื่นเต้นดุจชายหนุ่ม ล่วงลปุ ระมาณ กาลอนุกรม หน่ึง ณ นิยม ท่านทวชิ งค์ เมือ่ จะประสิทธ์ิ วิทยะยง เชิญวรองค์ เอกกมุ า

๓. อเุ ปนทรวเิ ชียร ฉันท์ ๑๑ เป็ นฉันท์ทม่ี คี วามไพเราะใช้ในการบรรยายบทเรียบๆ ทชิ งค์เจาะจงเจตน์ กลห์เหตุยยุ งเสริม กระหน่าและซ้าเติม นฤพทั ธก่อการณ์ ๔. สัทธรา ฉันท์ ๒๑ มคี วามหมายว่า ฉันท์ยงั ความเลื่อมใสให้เกดิ แก่ผู้ฟัง จงึ เหมาะเป็ นฉันท์ทใี่ ช้สาหรับ แต่งคานมสั การอธิษฐาน ยอพระเกยี รติ หรืออญั เชิญเทวดา ใช้แต่งบทส้ันๆ ลาดบั นั้นวัสสการพราหมณ์ ธ กย็ ศุ ิษยตาม แต่งอบุ ายงาม ฉงนงา

๕. สาลนิ ี ฉันท์ ๑๑ เป็ นบททม่ี คี าครุมาก ใช้บรรยายบททเ่ี ป็ นเนื้อหาสาระเรียบๆ พราหมณ์ครูรู้สังเกต ตระหนักเหตุถนัดครัน ราชาวัชชีสรร พจกั สู่พนิ าศสม ๖. อปุ ัฏฐิตา ฉันท์ ๑๑ เป็ นฉันท์ทเ่ี หมาะสาหรับใช้บรรยายบทเรียบๆ แต่ไม่ใคร่มคี นนิยมแต่งมากนัก เห็นเชิงพเิ คราะห์ช่อง ชนะคล่องประสบสม พราหมณ์เวทอดุ ม ธ กล็ อบแถลงการณ์

๗. วชิ ชุมมาลา ฉันท์ ๘ ระเบยี บแห่งสายฟ้า เป็ นฉันท์ทใี่ ช้ในการบรรยายความ ข่าวเศิกเอิกอึง ทราบถงึ บดั ดล ในหมู่ผ้คู น ชาวเวสาลี แทบทุกถนิ่ หมด ชนบทบรู ี อกส่ันขวญั หนี หวาดกลัวทว่ั ไป ๘. อนิ ทรวเิ ชียร ฉันท์ ๑๑ เป็ นฉันท์ทมี่ ลี ลี าสวยงามดุจสายฟ้าพระอนิ ทร์ มลี ลี าอ่อนหวาน ใช้บรรยายความ หรือพรรณนาเพื่อโน้มน้าวใจให้อ่อนโยน เมตตาสงสาร เอน็ ดู ให้อารมณ์เหงาและเศร้า ปิ่ นเขตมคธขตั ติยรัชธารง ยง้ั ทพั ประทบั ตรง นคเรศวสิ าลี

๙. จติ รปทา ฉันท์ ๘ เป็ นฉันท์ทเ่ี หมาะสาหรับบทที่น่ากลวั เอะอะ เกรี้ยวกราด ตื่นเต้นตกใจและกลวั นาครธา นิวิสาลี เห็นริปุมี พลมากมาย ข้ามติรชล กล็ พุ ้นหมาย ม่งุ จะทลาย พระนครตน ๑๐. สัททุลวกิ กฬี ิต ฉันท์ ๑๙ เป็ นฉันท์ทม่ี ลี ลี าการอ่านสง่างาม เคร่งขรึม มอี านาจดุจเสือผยอง ใช้แต่งสาหรับบท ไหว้ครู บทสดุดี ยอพระเกยี รติ จอมทพั มาคธราษฎร์ ธ ยาตรพยหุ กรี ธาสู่วสิ าลี นคร

๑๑. มาลนิ ีฉันท์ ๑๕ เป็ นฉันท์ทใี่ ช้ในการแต่งกลบทหรือบรรยายความทเี่ คร่งขรึม เป็ นสง่า กษณะทวิชะรับฐา นันทร์และทวี่ า จกาจารย์ ๑๒. อที สิ ังฉันท์ ๒๐ เป็ นฉันท์ทม่ี จี ังหวะกระแทกกระท้นั เกรี้ยวกราด โกรธแค้น และอารมณ์ รุนแรง เช่น รักมาก โกรธมาก ต่ืนเต้น คกึ คะนอง หรือพรรณนาความสับสน เออเุ หม่นะมงึ ชิช่างกระไร ทุทาสสถุลฉะน้ีไฉน กม็ าเป็ น จะน้อยจะมากจะยากจะเยน็ ศึกบ่ถงึ และมึงกย็ งั มเิ ห็น ขยาดขยน้ั มทิ นั อะไร ปะการใด อวดฉลาดเพราะคาดแถลงเพราะใจ กห็ มน่ิ กู

๑๓. วงั สัฏฐฉันท์ ๑๒ เป็ นฉันท์ทม่ี สี าเนียงอนั ไพเราะเหมือนเสียงป่ี ประชุมกษตั ริย์รา ชสภาสดบั คะนึง คะเนณทุกข์รึง อรุ ะอัดประหวดั ประวงิ หิรกายน่าจะจริง ประกอบระกาพา กลอากระทาอบุ าย มิใช่จะแอบอิง ๑๔. อปุ ชาติฉันท์ ๑๑ นิยมแต่งสาหรับบทเจรจาหรือบรรยายความเรียบๆ สดบั ประกาศิต ระบกุ จิ วโรงการ จ่งึ ราชสมภาร พจนาถประภาษไป เราคดิ จะใคร่ยก พยหุ ์พลสกลไกร ประชุมประชิดชัย รณรัฐวัชชี

๑๕.กมลฉันท์ ๑๒ ฉันท์ทม่ี คี วามไพเราะเหมือนดงั ดอกบวั ใช้กบั บทท่มี คี วามตื่นเต้นเลก็ น้อยและใช้ บรรยายเร่ือง ผิวกาลมัชันั ติกอันรวสี า หสร้อนและอ่อนกา ยสกนธ์พหลหาญ กม็ ิรีบมริ ัดเอ้ือ ธุระเพอ่ื สบายบาน พลปรีดสิ าราญ สุขพอกต็ ่อไป ๑๖. โตฏกฉันท์ ๑๒ เป็ นฉันท์ทมี่ ลี ลี าสะบดั สะบิง้ เหมือนประตักแทงโค ใช้แต่งกบั บทที่แสดงความโกรธ เคือง ร้อนรน หรือสนุกสนาน คกึ คะนอง ตื่นเต้น และเร้าใจ บรุ พัั หัสมัย ลอุ ทุ ยั รววิ ร นฤนาถอดศิ ร ธ เสดจ็ สระสนาน

๑๗. สัททุลวกิ กฬี ิตฉันท์ ๑๙ เป็ นฉันท์ทมี่ ลี ลี าการอ่านสง่างาม เคร่งขรึม มอี านาจดุจเสือผยอง ใช้แต่งสาหรับ บทไหว้ครู บทสดุดี ยอพระเกยี รติ จอมทพั มาคธราษฎร์ธยาตรพยหุ กรี ธาสู่วิสาลี นคร โดยทางอันพระทวารเปิ ดนรนิกร ฤๅรอต่อรอน อะไร ๑๘. วสันตดลิ ก ฉันท์๑๔ เป็ นฉันท์ทมี่ ลี ลี าไพเราะ งดงาม เยือกเยน็ ดุจเมด็ ฝน ใช้สาหรับบรรยายหรือ พรรณนาชื่นชมส่ิงทส่ี วยงาม สามยอดตลอดระยะระยบั วะวะวับสลบั พรรณ ช่อฟ้าตระการกละจะหยนั จะเยาะยว่ั ทฆิ มั พ หางหงส์ผจงพจิ ติ รงอน ดจุ กวกั นภาลยั รอบด้านตระหง่านจตุรมุข พศิ สุกอร่ามใส กาญจน์แกมมณกี นกไพ- ฑรุ ย์พร่างพะแพรวพราย

๑๙. กาพย์สุรางคนางค์ฉันท์ ๒๘ มลี กั ษณะการแต่งคล้ายกบั กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ แต่ต่างกนั ท่ีมขี ้อบังคบั ครุ ลหุ เพม่ิ ขนึ้ มา ทาให้เกดิ ความไพเราะมากยง่ิ ขนึ้ เหมาะสาหรับข้อความท่ี คกึ คกั สนุกสนาน โลดโผน ตื่นเต้น บพติ รอชา ตสัตตุรา ชรัฐไกร สดบั ณสาสน์ พระราชหทยั ธปรีดใิ ด บเปรียบบปาน ๒๐. กาพย์ฉบัง ๑๖ เป็ นกาพย์ทมี่ ลี ลี าสง่างาม ใช้สาหรับบรรยายความงามหรือดาเนินเรื่องอย่างรวดเร็ว ให้ฆาตฆ้องชัยมงคล คารบสามหน เฉลมิ พระฤกษ์เบิกธง

เน้ือเรอื่ งเต็ม สมยั ก่อนทพ่ี ระพทุ ธเจ้าจะปรินิพพานไม่นานนัก พระเจ้าอชาตศัตรูทรงครองราช สมบัตทิ น่ี ครราชคฤห์ แคว้นมคธ พระองค์ทรงมวี สั สการพราหมณ์ ผู้ฉลาดและรอบรู้ ศิลปศาสตร์ เป็ นทีป่ รึกษาราชกจิ ทวั่ ไป ขณะน้ันทรงปรารภจะแผ่พระราชอาณาเขตเข้าไป ถึงแคว้นวชั ชี แต่กริ่งเกรงว่ามอิ าจเอาชนะได้ด้วยการส่งกองทพั เข้ารุกราน เน่ืองจาก บรรดากษตั ริย์ลจิ ฉวมี คี วามสามคั คสี ูง และการปกครองอาณาประชาราษฎ์รด้วยธรรมอนั นาความเจริญเข้มแขง็ มาสู่แว่นแคว้น พระเจ้าอชาตศัตรูทรงหารือเรื่องนีเ้ ป็ นการ เฉพาะกบั วสั สการพราหมณ์ จึงเห็นแจ้งในอุบายจะเอาชนะด้วยปัญญาวนั หนึ่งพระเจ้า อชาตศัตรูเสดจ็ ออกว่าราชการ พร้อมพร่ังด้วยเสนาอามาตย์ช้ันผู้ใหญ่ เมื่อเสร็จวาระเร่ือง อ่ืนๆ ลงแล้ว จึงตรัสในเชิงหารือว่า หากพระองค์จะยกทพั ไปปราบแคว้นวชั ชีใครจะเห็น คดั ค้านประการใด วสั สการพราหมณ์ฉวยโอกาสเหมาะกบั อบุ ายตนทว่ี างไว้ กก็ ราบทูลท้วงว่าเห็นทีจะ เอาชนะไม่ได้เลย เพราะกษตั ริย์ลจิ ฉวที ุกองค์ล้วนผูกพนั เป็ นกลั ยาณมติ รอย่างมนั่ คง มี ความสามารถในการศึกและกล้าหาญ อกี ท้งั โลกจะตเิ ตยี น หากฝ่ ายมคธจงใจประทุษร้าย รุกรานเมืองอื่น ขอให้ยบั ย้งั การทาศึกเอาไว้เพื่อความสงบของประชาราษฎร์ พระเจ้าอชาตศัตรูทรงแสร้งแสดงพระอาการพโิ รธหนัก ถงึ ข้นั รับส่ังจะให้ประหาร ชีวติ เสีย แต่ทรงเห็นว่าวสั สการพราหมณ์รับราชการมานาน จึงลดโทษการดูหมน่ิ พระ บรมเดชานุภาพ คร้ังน้ัน เพยี งแค่ลงพระราชอาญาเฆ่ียนตอี ย่างแสนสาหัสจนสลบ ไสล ถูกโกนหัวประจานและ เนรเทศออกไปจากแคว้นมคธ

เน้ือเรอ่ื งเต็ม ข่าววสั สการพราหมณ์เดนิ ทางไปถึงนครเวสาลี เมืองหลวงของแคว้นวชั ชี ทราบไป ถงึ พระกรรณของหมู่กษตั ริย์ลจิ ฉวี จงึ รับส่ังให้เจ้าพนักงานตกี ลองสาคญั เรียกประชุมราช สภาว่า ควรจะขบั ไล่หรือเลยี้ งเอาไว้ดใี นทสี่ ุดทป่ี ระชุมราชสภาลงมตใิ ห้นาเข้าเฝ้าเพ่ือหยงั่ ท่าทแี ละฟังคารมก่อน แต่หลงั จากกษัตริย์ลจิ ฉวที รงซักไซ้ไล่เลยี งด้วยประการต่างๆ กห็ ลงกลวสั สการพ ราหมณ์ ทรงรับไว้ทาราชการในตาแหน่งอามาตย์ผู้พจิ ารณาพพิ ากษาคดแี ละต้งั เป็ นครู ฝึ กสอนศิลปวทิ ยาแก่ ราชกมุ ารของเหล่ากษตั ริย์ลจิ ฉวดี ้วย จากน้ันต่อมา พราหมณ์เฒ่าก็ ทาทป่ี ฎบิ ัตงิ านในหน้าทอ่ี ย่างดี ไม่มสี ิ่งใดบกพร่อง จนหมู่กษตั ริย์ลจิ ฉวไี ว้วางพระทยั แผนการทาลายความสามัคคไี ด้เริ่มจากวสั สการพราหมณ์ใช้กลอบุ ายให้บรรดาราช โอรสกษัตริย์ลจิ ฉวรี ะแวงกนั โดยแกล้งเชิญแต่ละองค์ไปพบเป็ นการส่วนตวั แล้วถาม ปัญหาธรรมดาทร่ี ู้ๆ กนั อยู่ เม่ือองค์อ่ืนซักเร่ืองราวว่าสนทนาอะไรกับอาจารย์บ้าง แม้ ราชกมุ ารองค์น้ันจะตอบความจริง แต่กไ็ ม่มใี ครเชื่อถือ ก่อให้เกดิ ความระแวงและแตกร้าว ในบรรดาราชกมุ าร กระทง่ั ลกุ ลามไปสู่กษตั ริย์ลจิ ฉวี ผู้เป้นพระราชบิดาทุกองค์ ทาให้ ความสามคั คคี ่อยๆ เสื่อมลงจนกระทงั่ ไม่เข้าร่วมประชุมราชสภา หรือได้ยนิ เสียงกลองก็ ไม่สนใจประชุม เมื่อมาถึงข้นั นีว้ สั สการพราหรณ์จงึ ลอบส่งข่าวไปให้พระเจ้าอชาตศัตรู ยกทพั มาตแี คว้นวชั ชีได้เป็ นผลสาเร็จ

สามคั คีเภทคาฉนั ท์ (วสั สการพราหมณ์เริ่มทาอุบายทาลายสามัคค)ี ภุชงคประยาต ฉันท์ ๑๒ ทชิ งค์ชาตฉิ ลาดยล คะเนกลคะนึงการ กษตั ริย์ลจิ ฉววี าร ระวงั เหือดระแวงหาย เหมาะแก่การณ์จะเสกสรร ปวตั น์วญั จโนบาย มล้างเหตุพเิ ฉทสาย สมคั รสนธ์ิสโมสร ณวนั หนึ่งลถุ ึงกา ลศึกษาพชิ ากร กมุ ารลจิ ฉววี ร เสดจ็ พร้อมประชุมกนั ตระบัดวสั สการมา สถานราชเรียนพลนั ธแกล้งเชิญกมุ ารฉัน สนิทหนึ่งพระองค์ไป ลุห้องหับรโหฐาน กถ็ ามการณ์ ณ ทันใด มลิ ลี้ บั อะไรใน กถาเช่น ธ ปุจฉา จะถูกผดิ กระไรอยู่ มนุษย์ผู้กระทานา และคู่โคกจ็ ูงมา ประเทยี บไถมใิ ช่หรือ กมุ ารลจิ ฉวขี ตั ตยิ ์ กร็ ับอรรถอออือ กสิกเขากระทาคือ ประดุจคาพระอาจารย์ กเ็ ท่าน้ัน ธ เชิญให้ นิวตั ในมชิ ้านาน ประสิทธ์ิศิลป์ ประศาสน์สาร สมยั เลกิ ลเุ วลา อุรสลจิ ฉวสี รร พชวนกนั เสดจ็ มา และต่างซักกมุ ารรา ชองค์น้ันจะเอาความ

พระอาจารย์สิเรียกไป ณ ข้างใน ธ ไต่ถาม อะไรเธอเสนอตาม วจสี ัตย์กะส่าเรา รวากย์วาทตามเลา กมุ ารน้ันสนองสา วภาพโดยคดมี า เฉลยพจน์กะครูเสา มเิ ช่ือในพระวาจา และต่างองค์กพ็ าที กมุ ารอ่ืนกส็ งสัย จะพูดเปล่าประโยชน์มี สหายราช ธ พรรณนา รผลเห็น บ เป็ นไป ธ พดู แท้กท็ าไม ไฉนเลยพระครูเรา จะถามนอก บ ยากเยน็ เลอะเหลวนักละล้วนนี ธ คดิ อ่านกะท่านเป็ น ละแน่ชัดถนัดความ เถอะถงึ ถ้าจะจริงแม้ มกิ ล้าอาจจะบอกตา แนะชวนเข้า ณ ข้างใน ไถลแสร้งแถลงสาร กส็ อดคล้องและแคลงดาล ชะรอยว่าทชิ าจารย์ อบุ ัตขิ นึ้ เพราะข่นุ เคือง รหัสเหตุประเภทเห็น ประดามนี ิรันดร์เนือง มลายปลาตพนิ าศปลงฯ และท่านมามุสาวาท พจจี ริงพยายาม กมุ ารราชมติ รผอง พโิ รธกาจววิ าทการณ์ พพิ ธิ พนั ธไมตรี กะองค์น้ันกพ็ ลนั เปลือง

ถอดความ ภุชงคประยาต ฉันท์ ๑๒ พราหมณ์ผู้ฉลาดคาดคะเนว่ากษตั ริย์ลจิ ฉววี างใจคลายความหวาดระแวง เป็ น โอกาสเหมาะทจี่ ะเริ่มดาเนินการตามกลอบุ ายทาลายความสามคั คี วนั หน่ึงเม่ือถงึ โอกาสที่ จะสอนวชิ า กมุ ารลจิ ฉวกี เ็ สดจ็ มาโดยพร้อมเพรียงกนั ทนั ใดวสั สการพราหมณ์กม็ าถงึ และแกล้งเชิญพระกมุ ารพระองค์ทสี่ นิทสนมเข้าไปพบในห้องส่วนตัว แล้วกท็ ูลถามเรื่องท่ี ไม่ใช่ความลบั แต่ประการใด ดงั เช่นถามว่า ชาวนาจูงโคมาคู่หนึ่งเพื่อเทยี มไถใช่หรือไม่ พระกมุ ารลจิ ฉวกี ร็ ับสั่งเห็นด้วยว่าชาวนากค็ งจะกระทาดงั คาของพระอาจารย์ ถามเพยี ง เท่าน้ันพราหมณ์กเ็ ชิญให้เสดจ็ กลบั ออกไป คร้ันถงึ เวลาเลกิ เรียนเหล่าโอรสลจิ ฉวกี พ็ ากนั มาซักไซ้พระกมุ ารว่าพระอาจารย์เรียกเข้าไปข้างใน ได้ไต่ถามอะไรบ้าง ขอให้บอกมาตาม ความจริง พระกมุ ารพระองค์น้ันกเ็ ล่าเร่ืองราวทพี่ ระอาจารย์เรียกไปถาม แต่เหล่ากมุ าร สงสัยไม่เช่ือคาพดู ของพระสหาย ต่างองค์กว็ จิ ารณ์ว่าพระอาจารย์จะพดู เรื่องเหลวไหลไร้ สาระเช่นนีเ้ ป็ นไปไม่ได้ และหากว่าจะพดู จริงเหตุใดจะต้องเรียกเข้าไปถามข้างในห้อง ถามข้างนอกห้องกไ็ ด้ สงสัยว่าท่านอาจารย์กบั พระกมุ ารต้องมคี วามลบั อย่างแน่นอน แล้วกม็ าพูดโกหก ไม่กล้าบอกตามความเป็ นจริง แกล้งพูดไปต่าง ๆ นานา กมุ ารลจิ ฉวี ท้งั หลายเห็นสอดคล้องกนั กเ็ กดิ ความโกรธเคือง การทะเลาะววิ าทกเ็ กดิ ขนึ้ เพราะความขุ่น เคืองใจ ความสัมพนั ธ์อนั ดที เ่ี คยมมี าตลอดกถ็ ูกทาลายย่อยยบั ลง

มาณวก ฉันท์ ๘ กาลอนุกรม ท่านทวชิ งค์ ล่วงลุประมาณ วทิ ยะยง หนึ่ง ณ นิยม เอกกมุ าร เม่ือจะประสิทธ์ิ พราหมณไป เชิญวรองค์ ห้องรหุฐาน ความพสิ ดา เธอจรตาม โทษะและไข โดยเฉพาะใน ครูจะเฉลย จงึ่ พฤฒิถาม ภตั กะอะไร ขอ ธ ประทาน ดี ฤ ไฉน ยงิ่ ละกระมงั อย่าตแิ ละหลู่ เธอน่ะเสวย ในทินน่ี พอหฤทยั

ราช ธ กเ็ ล่า เค้า ณ ประโยค ตนบริโภค แล้วขณะหลงั วาทะประเทือง เรื่องสิประทงั อาคมยงั สิกขสภา ราชอุรส เสร็จอนุศาสน์ ต่าง ธ กม็ า ลจิ ฉวหิ มด ท่านพฤฒิอา ถามนยมาน รภกระไร จารยปรา แจ้งระบุมวล จริงหฤทยั เธอกแ็ ถลง เม่ือตริไฉน ความเฉพาะล้วน เหตุ บ มสิ ม ต่าง บ มิเชื่อ เร่ืองนฤสาร จึง่ ผลใน ก่อนกร็ ะ แตกคณะกล ข่นุ มนเคือง คบดุจเดมิ เช่นกะกมุ าร เลกิ สละแยก เกลยี ว บ นิยม

ถอดความ มาณวก ฉันท์ ๘ เวลาผ่านไปตามลาดบั เมื่อถงึ คราวทจี่ ะสอนวชิ ากจ็ ะเชิญพระกมุ ารพระองค์หน่ึง พระกมุ ารกต็ ามพราหมณ์เข้าไปในห้องเฉพาะ พราหมณ์จึงถามเนื้อความแปลก ๆ ว่า ขอ อภยั ช่วยตอบด้วย อย่าหาว่าตาหนิหรือลบหลู่ ครูขอถามว่าวนั นีพ้ ระกมุ ารเสวยพระ กระยาหารอะไร รสชาตดิ หี รือไม่ พอพระทยั มากหรือไม่ พระกมุ ารกเ็ ล่าเรื่องเกย่ี วกบั พระ กระยาหารทเ่ี สวย หลงั จากน้ันกส็ นทนาเรื่องทวั่ ไป แล้วกเ็ สดจ็ กลบั ออกมายงั ห้องเรียน เมื่อเสร็จสิ้นการสอนราชกมุ ารลจิ ฉวที ้งั หมดกม็ าถามเร่ืองราวทมี่ มี าว่าท่านอาจารย์ได้พูด เรื่องอะไรบ้าง พระกมุ ารกต็ อบตามความจริง แต่เหล่ากมุ ารต่างไม่เช่ือ เพราะคดิ แล้วไม่ สมเหตุสมผล ต่างข่นุ เคืองใจด้วยเรื่องไร้สาระเช่นเดยี วกบั พระกมุ ารพระองค์ก่อน และ เกดิ ความแตกแยกไม่คบกนั อย่างกลมเกลยี วเหมือนเดมิ

อเุ ปนทรวเิ ชียร ฉันท์ ๑๑ กลห์เหตุยยุ งเสริม นฤพทั ธก่อการณ์ ทชิ งค์เจาะจงเจตน์ ทนิ วารนานนาน กระหน่าและซ้าเติม ธ กเ็ ชิญเสดจ็ ไป รฤหาประโยชน์ไร ละคร้ังระหว่างครา เสาะแสดง ธ แสร้งถาม เหมาะท่าทชิ าจารย์ น่ะแน่ะข้าสดบั ตาม พจแจ้งกระจายมา บ ห่อนจะมสี า กเ็ พราะท่านสิแสนสา กระน้ันเสมอนัย วและสุดจะขดั สน พเิ คราะห์เช่ือเพราะยากยล และบ้างกพ็ ดู ว่า ธ กค็ วรขยายความ ยุบลระบิลความ น่ะแน่ะข้าจะขอถาม วจลือระบือมา ละเมดิ ตเิ ตียนท่าน เพราะท่านสิแสนสา รพดั ทลทิ ภา ยพลิ กึ ประหลาดเป็ น มนเชื่อเพราะไป่ เห็น จะแน่มแิ น่เหลือ ธ กค็ วรขยายความ ณ ที่ บ มคี น วนเค้าคดตี าม นยสุดจะสงสัย และบ้างกก็ ล่าวว่า เพราะทราบคดตี าม ติฉินเยาะหมน่ิ ท่าน รพนั พกิ ลกา จะจริงมจิ ริงเหลือ ผขิ ้อ บ ลาเคญ็ กมุ ารองค์เสา กระทู้พระครูถาม

กค็ ามคิ วรการณ์ คุรุท่านจะถามไย ธ ซักเสาะสืบใคร ระบุแจ้งกะอาจารย์ พระกมุ ารโน้นขาน ทวชิ แถลงว่า เฉพาะอยู่กะกนั สอง ยุบลกะตูกาล ธ มทิ นั จะไตร่ตรอง พฤฒิครูและวู่วาม กมุ ารพระองค์น้ัน เหมาะเจาะจงพยายาม กเ็ ชื่อ ณ คาของ บ มดิ ปี ระเดตน ทุรทฐิ ิมานจน พโิ รธกมุ ารองค์ ธิพพิ าทเสมอมา ยุครูเพราะเอาความ ทชิ ครูมเิ รียกหา ชกมุ ารทชิ งค์เชิญ กพ็ ้อและต่อพษิ ฉวมิ ติ รจติ เมิน ลโุ ทสะสืบสน คณะห่างกต็ ่างถือ พลล้นเถลงิ ลือ และฝ่ ายกมุ ารผู้ มนฮึก บ นึกขามฯ กแ็ หนงประดารา พระราชบุตรลจิ ณ กนั และกนั เหิน ทะนงชนกตน กห็ าญกระเหิมฮือ

ถอดความ อเุ ปนทรวเิ ชียร ฉันท์ ๑๑ พราหมณ์เจตนาหาเหตุยุแหย่ซ้าเตมิ อยู่เสมอ ๆ แต่ละคร้ัง แต่ละวนั นานนานคร้ัง เห็นโอกาสเหมาะกจ็ ะเชิญพระกมุ ารเสดจ็ ไปโดยไม่มสี ารประโยชน์อนั ใด แล้วก็ แกล้งทูลถาม บางคร้ังกพ็ ูดว่า นี่แน่ะข้าพระองค์ได้ยนิ ข่าวเล่าลือกนั ทวั่ ไป เขา นินทาพระกมุ ารว่าพระองค์แสนจะยากจนและขดั สน จะเป็ นเช่นน้ันแน่หรือ พเิ คราะห์แล้วไม่น่าเช่ือ ณ ทน่ี ีไ้ ม่มผี ู้ใด ขอให้ทรงเล่ามาเถดิ บางคร้ังกพ็ ูดว่าข้า พระองค์ขอทูลถามพระกมุ าร เพราะได้ยนิ เขาเล่าลือกนั ทวั่ ไปเยาะเย้ยดูหมน่ิ ท่าน ว่าท่านนีม้ รี ่างกายผดิ ประหลาดต่าง ๆ นานาจะเป็ นจริงหรือไม่ ใจไม่อยากเช่ือเลย เพราะไม่เห็น ถ้าหากมสี ่ิงใดทล่ี าบากยากแค้นกต็ รัสมาเถิด พระกมุ ารได้ทรงฟังเรื่องทพี่ ระอาจารย์ถามกต็ รัสถามกลบั ว่า สงสัย เหลือเกนิ เรื่องไม่สมควรเช่นนีท้ ่านอาจารย์จะถามทาไม แล้วกซ็ ักไซ้ว่าใครเป็ นผู้ มาบอกกบั อาจารย์ พราหมณ์กต็ อบว่าพระกมุ ารพระองค์โน้นตรัสบอกเมื่ออยู่กนั เพยี งสองต่อสอง กมุ ารพระองค์น้ันไม่ทนั ได้ไตร่ตรอง กท็ รงเชื่อในคาพูดของ อาจารย์ ด้วยความวู่วามกก็ ริ้วพระกมุ ารทย่ี ุพระอาจารย์ใส่ความตน จึงตัดพ้อต่อ ว่ากนั ขนึ้ เกดิ ความโกรธเคืองทะเลาะววิ าทกนั อยู่เสมอ ฝ่ ายพระกมุ ารที่พราหมณ์ ไม่เคยเรียกเข้าไปหากไ็ ม่พอพระทยั พระกมุ ารทพี่ ราหมณ์เชิญไปพบ พระกมุ ารลจิ ฉวหี มางใจและเหินห่างกนั ต่างองค์ทะนงว่าพระบิดาของตนมอี านาจล้นเหลือ จึง มใี จกาเริบไม่เกรงกลวั กนั

สัทธรา ฉันท์ ๒๑ ลาดบั น้ันวสั สการพราหมณ์ ธ กย็ ศุ ิษยตาม แต่งอุบายงาม ฉงนงา ปวงโอรสลจิ ฉวดี า ริณวริ ุธกส็ า คญั ประดุจคา ธ เสกสรร ไป่ เหลือเลยสักพระองค์อนั มลิ ะปิ ยะสหฉันท์ ขาดสมคั รพนั ธ์ กอ็ าดูร ต่างองค์นาความมงิ ามทูล พระชนกอดศิ ูร แห่ง ธ โดยมูล ปวตั ต์คิ วาม แตกร้าวก้าวร้ายกป็ ้ายปาม ลวุ รบดิ รลาม ทลี ะน้อยตาม ณ เหตุผล ฟั่นเฝื อเช่ือนัยดนัยตน นฤวเิ คราะหเสาะสน สืบจะหมองมล เพราะหมายใด แท้ท่านวสั สการใน กษณะตริเหมาะไฉน เสริมเสมอไป สะดวกดาย หลายอย่างต่างกล ธ ขวนขวาย พจนยปุ ริยาย วญั จโนบาย บ เว้นครา คร้ันล่วงสามปี ประมาณมา สหกรณประดา ลจิ ฉวรี า ชท้งั หลาย สามคั คธี รรมทาลาย มติ รภิทนะกระจาย สรรพเสื่อมหายน์ กเ็ ป็ นไป ต่างองค์ทรงแคลงระแวงใน พระราชหฤทยวสิ ัย ผู้พโิ รธใจ ระวงั กนั ฯ

ถอดความ สัทธรา ฉันท์ ๒๑ ในขณะน้ันวสั สการพราหมณ์กค็ อยยุลูกศิษย์ แต่งกลอบุ ายให้เกดิ ความแคลงใจ พระโอรสกษตั ริย์ลจิ ฉวที ้งั หลายไตร่ตรองในอาการน่าสงสัยกเ็ ข้าใจว่าเป็ นจริงดงั ถ้อยคา ทอ่ี าจารย์ป้ันเร่ืองขนึ้ ไม่มเี หลือเลยสักพระองค์เดยี วทจ่ี ะมคี วามรักใคร่กลมเกลยี ว ต่าง ขาดความสัมพนั ธ์ เกดิ ความเดือดร้อนใจ แต่ละองค์นาเรื่องไม่ดที เ่ี กดิ ขนึ้ ไปทูลพระบิดา ของตน ความแตกแยกกค็ ่อย ๆ ลุกลามไปสู่พระบิดา เนื่องจากความหลงเช่ือโอรสของ ตน ปราศจากการใคร่ครวญเกดิ ความผดิ พ้องหมองใจกนั ขนึ้ ฝ่ ายวสั สการพราหมณ์ คร้ันเห็นโอกาสเหมาะสมกค็ อยยุแหย่อย่างง่ายดาย ทากลอบุ ายต่าง ๆ พดู ยยุ งตามกล อบุ ายตลอดเวลา เวลาผ่านไปประมาณ ๓ ปี ความร่วมมือกนั ระหว่างกษตั ริย์ลจิ ฉวี ท้งั หลายและความสามคั คถี ูกทาลายลงสิ้น ความเป็ นมติ รแตกแยก ความเส่ือม ความ หายนะกบ็ งั เกดิ ขนึ้ กษตั ริย์ต่างองค์ระแวงแคลงใจ มคี วามขุ่นเคืองใจซึ่งกนั และกนั

สาลนิ ี ฉันท์ ๑๑ พราหมณ์ครูรู้สังเกต ตระหนักเหตุถนัดครัน ราชาวชั ชีสรร พจักสู่พนิ าศสม จะสัมฤทธ์ิมนารมณ์ ยนิ ดีบดั นีก้ จิ และอตุ สาหแห่งตน เริ่มมาด้วยปรากรม ประชุมขัตตยิ ์มณฑล กษตั ริย์สู่สภาคาร ให้ลองตกี ลองนัด สดบั กลองกระหึมขาน เชิญซ่ึงส่าสากล ณ กจิ เพื่อเสดจ็ ไป จะเรียกหาประชุมไย วชั ชีภูมผี อง กข็ ลาดกลวั บกล้าหาญ ทุกไท้ไป่ เอาภาร และกล้าใครมเิ ปรียบปาน ประชุมชอบกเ็ ชิญเขา ต่างทรงรับส่ังว่า ไฉนน้ันกท็ าเนา เราใช่เป็ นใหญ่ใจ บ แลเห็นประโยชน์เลย และทุกองค์ ธ เพกิ เฉย ท่านใดทเ่ี ป็ นใหญ่ สมัครเข้าสมาคม ฯ พอใจใคร่ในการ ปรึกษาหารือกนั จกั เรียกประชุมเรา รับสั่งผลกั ไสส่ง ไป่ ได้ไปดง่ั เคย

ถอดความ สาลนิ ี ฉันท์ ๑๑ พราหมณ์ผู้เป็ นครูสังเกตเห็นดังน้ัน กร็ ู้ว่าเหล่ากษตั ริย์ลจิ ฉวกี าลงั จะประสบความ พนิ าศ จึงยนิ ดมี ากทภ่ี ารกจิ ประสบผลสาเร็จสมดงั ใจ หลงั จากเริ่มต้นด้วยความบากบ่นั และความอดทนของตน จึงให้ลองตกี ลองนัดประชุมกษตั ริย์ฉวี เชิญทุกพระองค์เสดจ็ มายงั ทป่ี ระชุม ฝ่ ายกษตั ริย์วชั ชีท้งั หลายทรงสดบั เสียงกลองดงั กกึ ก้อง ทุกพระองค์ไม่ทรง เป็ นธุระในการเสดจ็ ไป ต่างองค์รับส่ังว่าจะเรียกประชุมด้วยเหตุใด เราไม่ได้เป็ นใหญ่ ใจก็ ขลาด ไม่กล้าหาญ ผู้ใดเป็ นใหญ่ มคี วามกล้าหาญไม่มผี ู้ใดเปรียบได้ พอใจจะเสดจ็ ไปร่วม ประชุมกเ็ ชิญเขาเถิด จะปรึกษาหารือกนั ประการใดกช็ ่างเถดิ จะเรียกเราไปประชุมมองไม่ เห็นประโยชน์ประการใดเลย รับสั่งให้พ้นตวั ไป และทุกพระองค์กท็ รงเพกิ เฉยไม่เสดจ็ ไป เข้าร่วมการประชุมเหมือนเคย

อปุ ัฎฐิตา ฉันท์๑๑ เห็นเชิงพเิ คราะห์ช่อง ชนะคล่องประสบสม พราหมณ์เวทอดุ ม ธ กล็ อบแถลงการณ์ คมดลประเทศฐาน ให้วลั ลภชน ภิเผ้ามคธไกร กราบทูลนฤบาล สนว่ากษตั ริย์ใน วลหล้าตลอดกนั แจ้งลกั ษณสา คณะแผกและแยกพรรค์ วชั ชีบุรไกร ทเสมือนเสมอมา ขณะไหนประหน่ึงครา บัดนีส้ ิกแ็ ตก ก็ บ ได้สะดวกดี ไป่ เป็ นสหฉัน พยหุ ์ยาตรเสดจ็ กรี ริยยุทธโดยไว ฯ โอกาสเหมาะสมยั นีห้ ากผจิ ะหา ขอเชิญวรบาท ธาทพั พลพี

ถอดความ อุปัฏฐิตา ฉันท์ ๑๑ เม่ือพจิ ารณาเห็นช่องทางทจี่ ะได้ชัยชนะอย่างง่ายดาย พราหมณ์ผู้รอบรู้พระเวทก็ ลอบส่งข่าว ให้คนสนิทเดนิ ทางกลบั ไปยงั บ้านเมือง กราบทูลกษตั ริย์แห่งแคว้นมคธอนั ยงิ่ ใหญ่ ในสาสน์แจ้งว่ากษตั ริย์วชั ชีทุกพระองค์ขณะนีเ้ กดิ ความแตกแยก แบ่งพรรคแบ่ง พวก ไม่สามคั คกี นั เหมือนแต่เดมิ จะหาโอกาสอนั เหมาะสมคร้ังใดเหมือนดงั คร้ังนีค้ งจะ ไม่มอี กี แล้ว ขอทูลเชิญพระองค์ยกกองทพั อนั ยง่ิ ใหญ่มาทาสงครามโดยเร็วเถิด

วชิ ชุมมาลา ฉันท์ ๘ ข่าวเศิกเอกิ องึ ทราบถึงบดั ดล ในหมู่ผู้คน ชาวเวสาลี แทบทุกถนิ่ หมด ชนบทบูรี อกส่ันขวญั หนี หวาดกลวั ทว่ั ไป ตื่นตาหน้าเผือด หมดเลือดสั่นกาย หลบลหี้ นีตาย ว่นุ หวน่ั พรั่นใจ ซุกครอกซอกครัว เข้าดงพงไพร ซ่อนตวั แตกภยั ทงิ้ ย่านบ้านตน เหลือจกั ห้ามปราม พนั หัวหน้าราษฎร์ ชาวคามล่าลาด หารือแก่กนั ขนุ ด่านตาบล จกั ไม่ให้พล คดิ ผนั ผ่อนปรน มาคธข้ามมา จง่ึ ให้ตีกลอง แจ้งข่าวไพรี ป่ าวร้องทนั ที เพ่ือหมู่ภูมี รุกเบยี นบฑี า ชุมนุมบัญชา วชั ชีอาณา ป้องกนั ฉันใด

ราชาลจิ ฉวี ไป่ มสี ักองค์ อนั นึกจานง เพ่ือจักเสดจ็ ไป ต่างองค์ดารัส เรียกนัดทาไม ใครเป็ นใหญ่ใคร กล้าหาญเห็นดี เชิญเทอญท่านต้อง ขดั ข้องข้อไหน ปรึกษาปราศรัย ตามเร่ืองตามที ส่ วนเราเล่าใช่ เป็ นใหญ่ยงั มี ใจอย่างผู้ภี รุกปราศอาจหาญ ต่างทรงสาแดง ความแขงอานาจ สามคั คขี าด แก่งแย่งโดยมาน ภูมศิ ลจิ ฉวี วชั ชีรัฐบาล บ่ชุมนุมสมาน แม้แต่สักองค์ ฯ

ถอดความ วชิ ชุมมาลา ฉันท์ ๘ ข่าวศึกแพร่ไปจนรู้ถึงชาวเมืองเวสาลี แทบทุกคนในเมืองต่างตกใจและหวาดกลวั กนั ไปทว่ั หน้าตาต่ืน หน้าซีดไม่มสี ีเลือด ตวั ส่ัน พากนั หนีตายว่นุ วาย พากนั อพยพครอบครัว หนีภยั ทงิ้ บ้านเรือนไปซุ่มซ่อนตวั เสียในป่ า ไม่สามารถห้ามปรามชาวบ้านได้ หัวหน้า ราษฎรและนายด่านตาบลต่าง ๆ ปรึกษากนั คดิ จะยบั ย้งั ไม่ให้กองทพั มคธข้ามมาได้ จงึ ตี กลองป่ าวร้องแจ้งข่าวข้าศึกเข้ารุกราน เพื่อให้เหล่ากษตั ริย์แห่งวชั ชีเสดจ็ มาประชุมหา หนทางป้องกนั ประการใด ไม่มกี ษตั ริย์ลจิ ฉวแี ม้แต่พระองค์เดยี วคดิ จะเสด็จไป แต่ละ พระองค์ทรงดารัสว่าจะเรียกประชุมด้วยเหตุใด ผู้ใดเป็ นใหญ่ ผู้ใดกล้าหาญ เห็นดปี ระการใด กเ็ ชิญเถิด จะปรึกษาหารืออย่างไรกต็ ามแต่ใจ ตัวของเราน้ันไม่ได้มอี านาจย่ิงใหญ่ จิตใจกข็ ี้ ขลาด ไม่องอาจกล้าหาญ แต่ละพระองค์ต่างแสดงอาการเพกิ เฉย ปราศจากความสามคั คี ปรองดองในจิตใจ กษตั ริย์ลจิ ฉวแี ห่งวชั ชีไม่เสดจ็ มาประชุมกนั แม้แต่พระองค์เดยี ว

อนิ ทรวเิ ชียร ฉันท์ ๑๑ ตยิ รัชธารง นคเรศวสิ าลี ปิ่ นเขตมคธขตั พเิ คราะห์เหตุณธานี ย้งั ทพั ประทบั ตรง ขณะเศิกประชิดแดน และมนิ ึกจะเกรงแกลน ภูธรธสังเกต รณทพั ระงบั ภยั แห่งราชวชั ชี บมทิ าประการใด บุรว่างและร้างคน เฉยดูบรู้สึก สยคงกระทบกล ฤๅคดิ จะตอบแทน ลุกระนีถ้ นัดตา คยิ พรรคพระราชา นิ่งเงยี บสงบงา รจะพ้องอนัตถ์ภัย ปรากฏประหนึ่งใน รกกาลขว้างไป ดุจกนั ฉะน้ันหนอ แน่โดยมพิ กั สง กลแหย่ยดุ พี อ ท่านวสั สการจน จะมริ ้าวมริ านกนั ธุระจบธจ่ึงบญั ภนิ ท์พทั ธสามัค พทแกล้วทหารหาญ ชาวลจิ ฉววี า ลูกข่างประดาทา หมุนเล่นสนุกไฉน ครูวสั สการแส่ ป่ันป่ วนบเหลือหลอ คร้ันทรงพระปรารภ ชานายนิกายสรร

เร่งทาอุฬุมป์ เว ฬุคะเนกะเกณฑ์การ เพ่ือข้ามนทธี าร จรเข้านครบร อดศิ ูรบดศี ร เขารับพระบัณฑูร ทวิ รุ่งสฤษฎ์พลนั ภาโรปกรณ์ตอน พยหุ าธิทพั ขันธ์ พลข้ามณคงคา จอมนาถพระยาตรา พศิ เนืองขนัดคลา โดยแพและพ่วงปัน ลบิ ุเรศสะดวกดายฯ จนหมดพหลเนื่อง ขนึ้ ฝั่งลุเวสา

ถอดความ อนิ ทรวเิ ชียร ฉันท์ ๑๑ จอมกษตั ริย์แห่งแคว้นมคธหยดุ ทพั ตรงหน้าเมืองเวสาลี พระองค์ทรงสังเกต วเิ คราะห์เหตุการณ์ทางเมืองวชั ชีในขณะทข่ี ้าศึกมาประชิดเมือง ดูน่ิงเฉยไม่รู้สึกเกรงกลวั หรือคดิ จะทาสิ่งใดโต้ตอบระงบั เหตุร้าย กลบั อยู่อย่างสงบเงยี บไม่ทาการส่ิงใด มองดูราวกบั เป็ นเมืองร้างปราศจากผู้คน แน่นอนไม่ต้องสงสัยเลยว่าคงจะถูกกลอุบายของวสั สการพ ราหมณ์จนเป็ นเช่นนี้ ความสามคั คผี ูกพนั แห่งกษตั ริย์ลจิ ฉวถี ูกทาลายลงและจะประสบกบั ภยั พบิ ตั ิ ลูกข่างทเี่ ดก็ ขว้างเล่นได้สนุกฉันใด วสั สการพราหมณ์กส็ ามารถยแุ หย่ให้เหล่า กษตั ริย์ลจิ ฉวแี ตกความสามคั คไี ด้ตามใจชอบและคดิ ทจี่ ะสนุกฉันน้ัน คร้ันทรงคดิ ได้ดงั น้ัน จึงมพี ระราชบญั ชาแก่เหล่าทหารหาญให้รีบสร้างแพไม้ไผ่เพ่ือข้ามแม่นา้ จะเข้าเมืองของฝ่ าย ศัตรู พวกทหารรับราชโองการแล้วกป็ ฏิบัตภิ ารกจิ ทไี่ ด้รับ ในตอนเช้างานน้ันกเ็ สร็จทนั ที จอมกษตั ริย์เคล่ือนกองทพั อนั มีกาลงั พลมากมายลงในแพทต่ี ดิ กนั นากาลังข้ามแม่นา้ จน กองทพั หมดสิ้น มองดูแน่นขนัด ขนึ้ ฝ่ังเมืองเวสาลอี ย่างสะดวกสบาย

อนิ ทรวเิ ชียร ฉันท์ ๑๑ นิวสิ าลี พลมากมาย นาครธา กล็ ุพ้นหมาย เห็นริปมุ ี พระนครตน ข้ามตริ ชล มนอกเต้น มุ่งจะทลาย ตะละผู้คน มจลาจล ต่างกต็ ระหนก อลเวงไป ต่ืนบมเิ ว้น มุขมนตรี ทว่ั บุรคา รุกเภทภยั เสียงอลวน ทรปราศรัย ขณะนีห้ นอ สรรพสกล พระทวารมนั่ ตรอมมนภี อริก่อนพอ บางคณะอา ชสภารอ ยงั มกิ ระไร วรโองการ ควรบริบาล ต้านปะทะกนั ขัตติยรา ดาริจะขอ

ทรงตริไฉน กจ็ ะได้ทา โดยนยดา รัสภูบาล เสวกผอง กเ็ คาะกลองขาน อาณตั ปิ าน ดุจกลองพงั ประลโุ สตท้าว ศัพทอโุ ฆษ ขณะทรงฟัง ลจิ ฉวดี ้าว และละเลยดัง ต่างธกเ็ ฉย ธุระกบั ใคร ไท้มิอนิ ัง ณสภาคา บุรทว่ั ไป ต่างกบ็ คลา และทวารใด แม้พระทวาร สิจะปิ ดมฯี รอบทศิ ด้าน เห็นนรไหน

ถอดความ จิตรปทา ฉันท์ ๘ ฝ่ ายเมืองเวสาลมี องเห็นข้าศึกจานวนมากข้ามแม่นา้ มาเพื่อจะทาลายล้างบ้านเมือง ของตน ต่างกต็ ระหนกตกใจกนั ถ้วนหน้า ในเมืองเกดิ จลาจลวุ่นวายไปทวั่ เมือง ข้าราชการช้ันผู้ใหญ่ต่างหวาดกลวั ภยั บางพวกกพ็ ูดว่าขณะนีย้ งั ไม่เป็ นไรหรอก ควรจะ ป้องกนั ประตูเมืองเอาไว้ให้มนั่ คง ต้านทานข้าศึกเอาไว้ก่อน รอให้ทป่ี ระชุมเหล่ากษตั ริย์ มคี วามเห็นว่าจะทรงทาประการใด กจ็ ะได้ดาเนินการตามพระบญั ชาของพระองค์ เหล่า ข้าราชการท้งั หลายกต็ กี ลองสัญญาณขนึ้ ราวกบั กลองจะพงั เสียงดงั กกึ ก้องไปถงึ พระ กรรณกษตั ริย์ลจิ ฉวี ต่างองค์ทรงเพกิ เฉยราวกบั ไม่เอาใจใส่ในเร่ืองราวของผู้ใด ต่างองค์ ไม่เสดจ็ ไปทป่ี ระชุม แม้แต่ประตูเมืองรอบทศิ ทุกบานกไ็ ม่มผี ู้ใดปิ ด

สัททุลวกิ กฬี ิต ฉันท์ ๑๙ จอมทพั มาคธราษฎร์ธยาตรพยหุ กรี ธาสู่วสิ าลี นคร โดยทางอนั พระทวารเปิ ดนรนิกร ฤๅรอต่อรอน อะไร เบื้องน้ันท่านคุรุวสั สการทชิ กไ็ ป นาทพั ชเนนทร์ไท มคธ เข้าปราบลจิ ฉวขิ ัตตยิ ์รัฐชนบท สู่เงื้อมพระหัตถ์หมด และโดย ไป่ พกั ต้องจะกะเกณฑ์นิกายพหลโรย แรงเปลืองระดมโปรย ประยุทธ์ ราบคาบเสร็จ ธ เสดจ็ ลรุ าชคฤหอุต คมเขตบุเรศดุจ ณเดมิ เรื่องต้นยุกตกิ แ็ ต่จะต่อพจนเตมิ ภาษติ ลขิ ิตเสริม ประสงค์ ปรุงโสตเป็ นคตสิ ุนทราภรณจง จบั ข้อประโยชน์ตรง ตริดู

ถอดความ สัททุลวกิ กฬี ิต ฉันท์ ๑๙ จอมทพั แห่งแคว้นมคธกรีธาทพั เข้าเมืองเวสาลที างประตูเมืองทเี่ ปิ ดอยู่โดยไม่มี ผู้คนหรือทหารต่อสู้ประการใด ขณะน้ันวสั สการพราหมณ์ผู้เป็ นอาจารย์กไ็ ปนาทพั ของ กษตั ริย์แห่งมคธเข้ามาปราบกษตั ริย์ลจิ ฉวี อาณาจักรท้งั หมดกต็ กอยู่ในเงือ้ มพระหัตถ์ โดยทกี่ องทพั ไม่ต้องเปลืองแรงในการต่อสู้ ปราบราบคาบแล้วเสดจ็ ยงั ราชคฤห์เมือง ยงิ่ ใหญ่ดงั เดมิ

อนิ ทรวเิ ชียร ฉันท์ ๑๑ ชอชาตศัตรู วประเทศสะดวกดี อนั ภูบดรี า วรราชวชั ชี ได้ลจิ ฉวภี ู ฑอนัตถ์พนิ าศหนา คณะแตกและต่างมา แลสรรพบรรดา หสโทษพโิ รธจอง ถงึ ซ่ึงพบิ ตั บิ ี ทนสิ้นบปรองดอง ตริมลกั ประจักษ์เจือ เหีย้ มน้ันเพราะผนั แผก รสเล่ากง็ ่ายเหลือ ถือทฐิ ิมานสา คตโิ มหเป็ นมูล ยนภาวอาดูร แยกพรรคสมรรคภิน ยศศักดิเสื่อมนาม ขาดญาณพจิ ารณ์ตรอง คุรุวสั สการพราหมณ์ กลงากระทามา เช่ืออรรถยบุ ลเอา เหตุหากธมากเมือ จงึ่ ดาลประการหา เสียแดนไผทสูญ ควรชมนิยมจดั เป็ นเอกอุบายงาม

ถอดความ อนิ ทรวเิ ชียร ฉันท์ ๑๑ พระเจ้าอชาตศัตรูได้แผ่นดนิ วชั ชีอย่างสะดวก และกษตั ริย์ลจิ ฉวที ้ังหลายกถ็ งึ ซ่ึง ความพนิ าศล่มจม เหตุเพราะความแตกแยกกนั ต่างกม็ คี วามยดึ มน่ั ในความคดิ ของตน ผูกโกรธซึ่งกนั และกนั ต่างแยกพรรค แตกสามคั คกี นั ไม่ปรองดองกนั ขาดปัญญาทจ่ี ะ พจิ ารณาไตร่ตรอง เช่ือถ้อยความของบรรดาพระโอรสอย่างง่ายดาย เหตุทเ่ี ป็ นเช่นน้ัน เพราะกษตั ริย์แต่ละพระองค์ทรงมากไปด้วยความหลง จงึ ทาให้ถึงซ่ึงความฉิบหาย มี ภาวะความเป็ นอยู่อนั ทุกข์ระทม เสียท้งั แผ่นดนิ เกยี รตยิ ศ และชื่อเสียงทเี่ คยมอี ยู่ ส่วนวสั สการพราหมณ์น้ันน่าช่ืนชมอย่างยง่ิ เพราะเป็ นเลศิ ในการกระทากลอุบาย

พทุ ธาทบิ ณั ฑิต พเิ คราะห์คดิ พนิ ิจปรา รภสรรเสริญสา ธุสมคั รภาพผล สุกภาวมาดล ว่าอาจจะอวยผา บ นิราศนิรันดร ดสี ู่ ณ หมู่ตน คยพรรคสโมสร คุณไร้ไฉนดล หมู่ใดผสิ ามคั เพราะฉะน้ันแหละบุคคล ไป่ ปราศนิราศรอน ธุระเกย่ี วกะหมู่เขา มุขเป็ นประธานเอา พร้อมเพรียงประเสริฐครัน บ มเิ ห็น ณ ฝ่ ายเดยี ว ผู้หวงั เจริญตน นรอ่ืนกแ็ ลเหลยี ว มติ รภาพผดุงครอง พงึ หมายสมคั รเป็ น ทมผ่อนผจงจอง ธูรทวั่ ณ ตวั เรา มนเมื่อจะทาใด ลกุ ป็ ันกแ็ บ่งไป ควรยกประโยชน์ยื่น สุจริตนิยมธรรม์ ดูบ้างและกลมเกลยี ว สุประพฤตสิ งวนพรรค์ อุปเฉทไมตรี ย้งั ทฐิ ิมานหย่อน อารีมิมหี มอง ลาภผลสกลบรร ตามน้อยและมากใจ พงึ มรรยาทยดึ รื้อริษยาอนั

ดงั่ น้ัน ณ หมู่ใด ผิ บไร้สมคั รมี พร้อมเพรียงนิพทั ธ์นี รววิ าทระแวงกนั สยคงประสบพลนั หวงั เทอญมติ ้องสง หิตะกอบทวกิ าร ซึ่งสุขเกษมสันต์ มนอาจระรานหาญ กเ็ พราะพร้อมเพราะเพรียงกนั ใครเล่าจะสามารถ นรสูงประเสริฐครัน หักล้าง บ แหลกลาญ เฉพาะมีชีวคี รอง ผวิ ใครจะใคร่ลอง ป่ วยกล่าวอะไรฝูง พลหักกเ็ ต็มทน ฤๅสรรพสัตว์อนั แม้มากผกิ ง่ิ ไม้ มดั กากระน้ันปอง

เหล่าไหนผไิ มตรี สละลี้ ณ หมู่ตน กจิ ใดจะขวายขวน บ มพิ ร้อมมเิ พรียงกนั สุขท้งั เจริญอนั อย่าปรารถนาหวงั ลไุ ฉน บ ได้มี มวลมาอุบตั บิ รร พภยนั ตรายกลี ตปิ ระสงค์กค็ งสม ปวงทุกข์พบิ ัตสิ รร คณะเป็ นสมาคม แม้ปราศนิยมปรี ภนิพทั ธราพงึ ผวิ มกี ค็ านึง ควรชนประชุมเช่น จะประสบสุขาลยั ฯ สามคั คปิ รารม ไป่ มกี ใ็ ห้มี เนื่องเพื่อภยิ โยจงึ

ถอดความ ผู้รู้ท้งั หลายมพี ระพทุ ธเจ้าเป็ นต้น ได้ใคร่ครวญพจิ ารณากล่าวสรรเสริญว่าชอบแล้ว ในเรื่องผลแห่งความพร้อมเพรียงกนั ความสามคั คอี าจอานวยให้ถึงซ่ึงสภาพแห่งความ ผาสุก ณ หมู่ของตนไม่เส่ือมคลายตลอดไป หากหมู่ใดมคี วามสามคั ครี ่วมชุมนุมกนั ไม่ ห่างเหินกนั สิ่งทไ่ี ร้ประโยชน์จะมาสู่ได้อย่างไร ความพร้อมเพรียงน้ันประเสริฐยง่ิ นัก เพราะฉะน้ันบุคคลใดหวงั ที่จะได้รับความเจริญแห่งตนและมกี จิ ธุระอนั เป็ นส่วนรวม กพ็ งึ ต้งั ใจเป็ นหัวหน้าเอาเป็ นธุระด้วยตวั ของเราเองโดยมเิ ห็นประโยชน์ตนแต่ฝ่ ายเดียว ควรยก ประโยชน์ให้บุคคลอ่ืนบ้าง นึกถึงผู้อ่ืนบ้าง ต้องกลมเกลยี ว มคี วามเป็ นมติ รกนั ไว้ ต้องลด ทฐิ ิมานะ รู้จกั ข่มใจ จะทาสิ่งใดกเ็ อือ้ เฟื้ อกนั ไม่มคี วามบาดหมางใจ ผลประโยชน์ท้งั หลาย ทเ่ี กดิ ขนึ้ กแ็ บ่งปันกนั ไป มากบ้างน้อยบ้างอย่างเป็ นธรรม ควรยดึ มน่ั ในมารยาทและความ ประพฤตทิ ดี่ งี าม รักษาหมู่คณะโดยไม่มคี วามริษยากนั อนั จะตดั รอนไมตรี ดังน้ันถ้าหมู่ คณะใดไม่ขาดซึ่งความสามคั คี มคี วามพร้อมเพรียงกนั อยู่เสมอ ไม่มกี ารววิ าท และระแวง กนั กห็ วงั ได้โดยไม่ต้องสงสัยว่า คงจะพบซึ่งความสุข ความสงบ และประกอบด้วย ประโยชน์มากมาย ใครเล่าจะมใี จกล้าคดิ ทาสงครามด้วย หวงั จะทาลายล้างกไ็ ม่ได้ ท้งั นี้ เพราะความพร้อมเพรียงกนั น่ันเอง กล่าวไปไยกบั มนุษย์ผู้ประเสริฐหรือสรรพสัตว์ทีม่ ี ชีวติ แม้แต่กง่ิ ไม้หากใครจะใคร่ลองเอามามดั เป็ นกา ต้งั ใจใช้กาลงั หักก็ยากเต็มทน หาก หมู่ใดไม่มคี วามสามคั คใี นหมู่คณะของตน และกจิ การอนั ใดทจี่ ะต้องขวนขวายทากม็ ิ พร้อมเพรียงกนั กอ็ ย่าได้หวงั เลยความสุขความเจริญจะเกดิ ขนึ้ ได้อย่างไร ความทุกข์พบิ ตั ิ อนั ตรายและความช่ัวร้ายท้งั ปวง ถึงแม้จะไม่ต้องการกจ็ ะต้องได้รับเป็ นแน่แท้ ผู้ทอี่ ยู่ รวมกนั เป็ นหมู่คณะหรือสมาคม ควรคานึงถงึ ความสามคั คอี ยู่เป็ นนิจ ถ้ายงั ไม่มกี ค็ วรจะ มขี นึ้ ถ้ามอี ยู่แล้วกค็ วรให้เจริญรุ่งเรืองยง่ิ ขนึ้ ไปจงึ จะถงึ ซ่ึงความสุขความสบาย

คาศัพท์ทเี่ กย่ี วข้อง ถอ้ ยคำ เหตุแห่งกำรทะเลำะ กถา ชำวนำ กลห์เหตุ ทว่ั ไป กสิก พระเจำ้ แผน่ ดิน ไกวล เร่ือง ขตั ตยิ ์ ไป คดี (ชน+อินทร์) ผเู้ ป็นใหญ่ในหมู่ชน คม ควำมข่มใจ ชเนนทร์ ยำกจน ทม ทวั่ บำ้ นทว่ั เมือง ทลทิ ภาว บำงทีกใ็ ชว้ ำ่ ทวชิ ทิชงค์ ทิชำจำรย์ ทวชิ งค์ ทว่ั บุรคาม หมำยถึง ผเู้ กิดสองคร้ัง คือ พรำหมณ์ กล่ำวคือ เกิด ทชิ เป็นคนโดยทวั่ ไปคร้ังหน่ึง และเกิดเป็นพรำหมณ์ โดยตำแหน่งอีกคร้ังหน่ึง ทนิ วนั นครบร เมืองของขำ้ ศึก นย , นัย เคำ้ ควำม ควำมหมำย นยมาน ใจควำมสำคญั (มำน = หวั ใจ) นรนิกร ฝงู ชน นฤพนั ธ, นิพทั ธ์ เนืองๆ เสมอ เนื่องกนั นฤสาร ไม่มีสำระ

นิวตั กลบั นีรผล ไม่เป็ นผล ประเด มอบใหห้ มด ประศาสน์ กำรสงั่ สอน ปรากรม ควำมเพยี ร ปรุงโสต ตกแต่งใหไ้ พเรำะน่ำฟัง ปลาต หำยไป ปวตั น์ บำงทีใชว้ ำ่ ปวตั ต์ิ หมำยถึง ควำมเป็นไป พฤฒิ ผเู้ ฒ่ำ หมำยถึง วสั สกำรพรำหมณ์ พเิ ฉท กำรทำลำย กำรตดั ขำด พชิ ากร วชิ ำควำมรู้ พทุ ธาทบิ ณั ฑติ ผรู้ ู้ มีพระพทุ ธเจำ้ เป็นตน้ ภัต ขำ้ ว ภาโรปกรณ์ (จดั ทำ) เครื่องมือตำมที่ไดร้ ับมอบหมำย ภนิ ท์พทั ธสามคั คยิ กำรแตกสำมคั คี ภินท์ แปลวำ่ แตกแยก พทั ธ แปลวำ่ ผกู ผนั สำมคั คิย แปลวำ่ สำมคั คี ภยิ โย ยง่ิ ข้ึนไป ภรี ุก ขลำด กลวั ภูมศิ พระรำชำ มน ใจ มนารมณ์ สมดงั ท่ีคิดหรือสมดงั ใจ มาน ควำมถือตวั ในควำมวำ่ “แก่งแยง่ โดยมำน”


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook