Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การสังเกต

การสังเกต

Published by natthaphon Kingkalong, 2021-06-09 08:49:51

Description: 1.เพื่อให้นักเรียนสามารถศึกษา ค้นคว้า เนื้อหาเกี่ยวกับการสังเกต
2.เพื่อให้นักเรียนศึกษา มีความรู้ ความเข้าใจ

Keywords: โครงสร้างของการสังเกต

Search

Read the Text Version

การสงั เกต การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู โดยใชป้ ระสาทสมั ผสั ทงั้ 5 ในลกั ษณะ ของการเฝ้าดู ศกึ ษาเหตุการณ์ ปรากฏการณ์ เพอ่ื ใหเ้ ขา้ ใจธรรมชาตขิ องสง่ิ ทส่ี งั เกต หรอื พฤตกิ รรมของสง่ิ ทเ่ี ราตอ้ งการศกึ ษาอาจเป็น ลกั ษณะบุคลกิ ภาพ การใชค้ าำ พดู

ประเภทของการสงั เกต 1. การสงั เกตแบบมีส่วนรว่ ม ผสู้ งั เกตเข้าไปมีส่วนร่วม ในกิจกรรมท่ีต้องการสงั เกตหรือเข้าไปเป็นสมาชิกคน หนึ่งในกล่มุ ท่ีศึกษาจะทาให้ได้ข้อมลู ที่ละเอียดถกู ต้อง ชดั เจนเป็นลกั ษณะของการสงั เกตทางตรง 2. การสงั เกตแบบไม่มีส่วนรว่ ม ผสู้ งั เกตไม่ได้เข้าไปร่วม กิจกรรมในเหตกุ ารณ์ท่ีศึกษา แต่คอยเฝ้ าดอู ย่หู ่างๆอาจ ให้ผถู้ กู สงั เกตร้ตู วั หรือไม่ร้ตู วั กไ็ ด้การสงั เกตแบบนี้เป็น การสงั เกตทางอ้อม อาจมีการใช้อปุ กรณ์ต่างๆเข้าช่วย ในการเกบ็ ข้อมลู

โครงสร้างการสงั เกตแบง่ เป็น 2 ประเภทคือ 1. การสงั เกตแบบมีโครงสรา้ งการสงั เกตที่ได้ กาหนดเร่อื งราวหรอื ขอบเขตของเนื้อหาไว้ล่วงหน้า แน่นอนว่าการสงั เกตพฤติกรรมหรอื ปรากฏการณ์อะไร มีการเตรียมเครอ่ื งมือที่จะใช้ประกอบการสงั เกต ล่วงหน้า 2. การสงั เกตแบบไม่มีโครงสร้างการสงั เกตที่ไม่ มีการกาหนด เรอื่ งราวหรอื ขอบเขตของเนื้อหาไว้ ล่วงหน้าเป็นการสงั เกตอย่างอิสระผสู้ งั เกตการสงั เกต อย่างกว้างๆ

หลกั และวิธีการสงั เกต 1. กาหนดเป้ าหมายของการสงั เกตให้แน่นอน 2. สงั เกตอย่างละเอียดมีขนั้ ตอนมีระบบและตงั้ ใจตลอดระยะเวลาที่ สงั เกต 3. คนมีการบนั ทึกทนั ทีท่ีสงั เกตไม่ควรทิ้งไว้นานเพราะอาจลืมได้ 4. ผสู้ งั เกตควรมีสขุ ภาพปกติ 5. ผสู้ งั เกตต้องขจดั ความอคติหรือความลาเอียงให้หมด 6. ก่อนการสงั เกตจึงควรมีการฝึ กการสงั เกตและบนั ทึกเหตกุ ารณ์ 7. ไม่ควรตีความขณะสงั เกตเพราะจะทาให้ความสนใจในการสงั เกต ลดลง 8. ควรระมดั ระวงั ความคลาดเคลื่อนจากการส่มุ เวลา

ขอ้ ดีของการสงั เกต 1. ได้ข้อมลู จากแหล่งโดยตรง 2. สามารถเกบ็ ข้อมลู กบั ผทู้ ี่พดู ไม่ได้เขียนไม่ได้ไม่มีเวลาและไม่ให้ ความรว่ มมือ 3. สามารถใช้เครอ่ื งมืออ่ืนรว่ มได้ 4. สามารถเกบ็ ข้อมลู ท่ีเป็นความลบั 5. สะดวกในการปฏิบตั ิ 6. ใช้เป็นหลกั ฐานสนับสนุนหรอื ขดั แย้งความในเร่อื งเดียวกนั ท่ีทราบ จากการ เกบ็ ข้อมลู โดยวิธีอ่ืนหรอื เสริมให้ชดั เจนขึน้

ข้อจากดั ของการสงั เกต 1. ใช้เวลาและค่าใช้จ่ายมากจนกว่าเหตุการณ์ท่ตี ้องการจะเกดิ ขนึ้ 2. กรณีท่ผี ู้สังเกตรู้ตัวจะมกี ารปฏบิ ตั ผิ ิดจากเดมิ ได้ 3. บางครัง้ ไม่สามารถเฝ้ าเหตุการณ์ท่เี กดิ ขนึ้ เหมือน ๆ กันได้และบางครัง้ เหตุการณ์นัน้ เกดิ ขนึ้ ขณะไม่ได้เฝ้ าสังเกต 4.ไม่สามารถเกบ็ ข้อมลู ท่เี จ้าของเหตุการณ์ไม่อนุญาต 5. เหตุการณ์บางอย่างอาจเกดิ ขนึ้ เร็วมากจนสงั เกตไม่ทนั 6. หากผู้สังเกตมีประสาทสัมผัสไม่ดีผลการสังเกตอาจไม่ชัดเจนและหากผู้สังเกตขาดทกั ษะจะทาให้การสังเกตมอี คตไิ ด้ 7. หากผู้สังเกตมีอารมณ์ไม่ปกติ มอี ารมณ์ค้างมาจากเร่ืองอ่นื อาจทาให้การสังเกตมคี วามคลาดเคล่ือนได้ 8. หากผู้สังเกตไม่คุ้นเคยกับประเพณีวัฒนธรรมอาจทาให้แปลความหมายจากการสังเกตผิดไปได้

การสมั ภาษณ์ การสมั ภาษณ์เป็นวิธีการเกบ็ รวบรวมข้อมลู โดย ผรู้ วบรวมข้อมลู มีโอกาสพบปะสนทนากบั ผใู้ ห้ข้อมลู โดยตรงและมีจดุ ม่งุ หมายท่ีแน่นอนทงั้ สองฝ่ ายคือผู้ สมั ภาษณ์และผใู้ ห้สมั ภาษณ์

ประเภทของการสมั ภาษณ์แบ่งออกเป็น 2 ประเภ 1. การสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง การสัมภาษณ์ท่ีใช้แบบสัมภาษณ์ท่ีสร้างขนึ้ ไว้แล้ว เป็ นแบบในการถามกล่าวคือผู้สัมภาษณ์จะใช้ถามตามแบบสัมภาษณ์กับผู้ให้สัมภาษณ์ เหมือนกนั ทุกคนการสัมภาษณ์แบบนีจ้ ะมีลักษณะไม่ค่อยยืดหยุ่น แต่มีข้อดีคือจัดหมวดหมู่ ข้อข้อมูลได้ง่ายอาจจะทาเป็ นรายบุคคลหรือกลุ่มย่อยๆกไ็ ด้ 2. การสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง การสัมภาษณ์ท่ีไม่ใช้แบบสัมภาษณ์กาหนด เพียงแนวหวั ข้อการสัมภาษณ์กว้างๆผู้สัมภาษณ์จะตัง้ คาถามเองในแต่ละหวั ข้อไม่จาเป็ นต้อง ใช้คาถามท่เี หมือนกันหมดกับผู้ให้สัมภาษณ์ทุกคน

หลกั และวิธีการสมั ภาษณ์มีแนวปฏิบตั ิดงั 1. ก่อนการสมั ภาษณ์ ผสู้ มั ภาษณ์จะต้องแนะนาตวั เองบอกจดุ ม่งุ หมายของการสมั ภาษณ์ ประโยชน์ท่ีจะได้รบั และแจ้งว่าจะไม่เปิ ดเผยข้อมลู ในลกั ษณะส่วนตวั รวมทงั้ หากมี การบนั ทึกเทปต้องขออนุญาตผใู้ ห้สมั ภาษณ์ก่อนเพ่ือสร้างบรรยากาศให้เกิดความ ร่วมมือก่อนการสมั ภาษณ์ควรใช้เวลาสกั เลก็ น้อยสนทนาเรอื่ งท่ีผใู้ ห้สมั ภาษณ์ สนใจทวั่ ๆไปก่อนดาเนินการสมั ภาษณ์ในเร่ืองที่ต้องการ

2. ระหว่างการสมั ภาษณ์มีส่ิงที่ควรคานึงถึง ดงั นี้ 2.1 ถามทีละคาถาม ด้วยคาถามท่ีเข้าใจง่ายชดั เจนฟังแล้วสามารถตอบได้ทนั ที 2.2 ไม่ควรชี้แนะคาตอบ ไม่ควรเรง่ รดั คาตอบจากผใู้ ห้สมั ภาษณ์ 2.3 ไม่วิจารณ์คาตอบหรอื พดู ในลกั ษณะสงั่ สอนผใู้ ห้สมั ภาษณ์ 2.4 ใช้ไหวพริบสงั เกตท่าทางของผสู้ มั ภาษณ์ด้วยว่าเตม็ ใจหรือลาบากใจที่จะตอบตามความ จริงหรอื ไม่เช่นบางเรอื่ งรสู้ ึกว่าเป็นเรื่องส่วนตวั ท่ีร้สู ึกละอายเป็นปมด้อยผสู้ มั ภาษณ์จะต้อง ระวงั อย่าให้เกิดความรสู้ ึกดงั กล่าวเพราะจะทาให้ได้ข้อมลู ท่ีบิดเบอื นไปจากความเป็นจริงได้ 2.5 กรณีท่ียงั ไม่ได้คาตอบที่ชดั เจนเม่ือจบการสมั ภาษณ์แล้วอาจย้อนมาถามใหม่ในเชิง ทบทวนว่าคาถามนี้ตอบแบบนี้ใช่หรือไม่ 2.6 กล่าวคาขอบคณุ ผใู้ ห้สมั ภาษณ์เม่ือสมั ภาษณ์เสรจ็ แล้ว

3. หลงั การสมั ภาษณ์มีส่ิงที่ควรคานึงถงึ ดงั นี้ 3.1 ต้องจดบนั ทึกทนั ทีหลงั สมั ภาษณ์เสรจ็ แล้วเพื่อกนั ลืม 3.2 ควรบนั ทึกเฉพาะเนื้อหาสาระการสมั ภาษณ์เท่านัน้ 3.3 คาถามใดถ้าไม่ได้ตอบผสู้ มั ภาษณ์ควรจะจดบนั ทึกเหด็ เหตผุ ล ไว้ด้วย 3.4 การตรวจสอบความสมบรู ณ์ของการจดบนั ทึกในการสมั ภาษณ์ ก่อนการวิเคราะห์

ข้อดีของการสมั ภาษณ์ 1. ใช้ได้กบั คนทุกเพศทุกวยั 2. ช่วยให้ได้ข้อมลู ท่ีละเอียด 3. สามารถปรบั คาถามได้ชดั เจนสามารถ ซกั ถามข้อสงสยั ต่างๆหรอื คาตอบที่ยงั ไม่ ชดั เจนได้ 4. ผใู้ ห้สมั ภาษณ์จะให้ความร่วมมอื ดีกว่าการ รวบรวมข้อมูลโดยแบบสอบถาม

ข้อจากดั ของการสมั ภาษณ์ 1. เสียเวลามากค่าใช้จ่ายสงู 2. ความร่วมมืออาจจะน้อยลงหากผสู้ มั ภาษณ์ไมม่ ีมนุษยท์ ่ี ดีพอ 3. ต้องอาศยั ประสบการณ์ของผสู้ มั ภาษณ์มากเพราะผ้ใู ห้ สมั ภาษณ์มกั จะระวงั ตวั นึกว่าเป็นเร่อื งของราชการ 4. การสมั ภาษณ์แบบไมม่ ีโครงสรา้ งจะทาให้รวบรวม คาตอบได้ค่อนข้างยาก

จดั ทาโดย นางสาวสภุ าภรณ์ สนเผอื ก รหสั 001 นางสาวณัฐฐาพร ก่ิงกาหลง รหสั 006 นางสาวปารดา คดั วงั รหสั 025 นางสาวปภาวรินทร์ สวุ รรณไตร รหสั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook