Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 东乡族

东乡族

Published by kannica thanawat, 2018-10-11 04:04:05

Description: ศึกษาเกี่ยวกับชนเผ่า东乡

Search

Read the Text Version

中国的少数民族东乡族

ตงั้ แต่อดีตชนกลมุ่ นอ้ ยเผ่าตงเซยี งอาศัยอยูบ่ ริเวณเมอื งเหอโจว (河州) ปัจจุบนั คอืหมบู่ ้านตะวันออก ตาบลหลินเซี่ย(临夏) ของมณฑลกานซู่(甘肃) คาว่าหมบู่ า้ นตะวนั ออกภาษาจนี ออกเสยี งว่า “ตงเซยี ง” จึงใช้คาบอกสถานทอี่ ยเู่ ป็นคาเรยี กช่อื ชนกลุ่มน้อยเผา่ น้ี แตช่ นกลมุ่ น้อยเผ่าตงเซียงเรยี กตัวเองว่า “ซารท์ า” (撒尔塔) ก่อนการก่อต้ังสาธารณรฐั ประชาชนจนี เรียกชอ่ื ชนกล่มุ นีห้ ลายชือ่ เชน่ ตงเซยี งหยุ หุย(东乡回回)เหมิงกตู่ งเซยี ง (蒙古东乡) ตงเซยี งถู่เหรนิ (东乡土人) ปจั จบุ ันชาวเผา่ ตงเซียงอาศัยอย่ใู นบริเวณอาเภอปกครองตนเองตงเซียง เขตปกครองตนเองเผา่ หุย (回族) ตาบลหลินเซีย่ นอกจากนี้ยงั มีกระจดั กระจายอาศยั อยู่บรเิ วณเมอื งหลานโจว(兰州) กว่างเหอ(广河) ตาบลเหอเจงิ้ (和政) ตาบลหลนิ เซย่ี ของมณฑลกานซู่ และบรเิ วณอาเภออหี ลี (伊犁)ของมณฑล ซนิ เจียง(新疆) จากการสารวจจานวนประชากรครัง้ ท่ี 5 ของจนี ในปี 2000ชนกลุ่มนอ้ ยเผ่าตงเซียงมจี านวนประชากรทั้งส้ิน 513,805 คน ภาษาที่ใช้คือภาษาตงเซยี งจัดอยใู่ นตระกูลภาษาอลั ไต (阿尔泰语系) สาขามองโกล(蒙古语族) ชาวตงเซียงไมม่ ีภาษาอกั ษร ส่วนใหญ่พูดภาษาฮ่นั ได้และใชอ้ กั ษรจนี ชนเผ่าตงเซียงเกดิ ขน้ึ จากการรวมตัวกนั ของชนเผ่าเลก็ เผา่ นอ้ ย ที่อาศยั กระจัดกระจายอยู่ในบริเวณหมู่บา้ นตงเซียงราวกลางศตวรรษที่ 14 เป็นกลมุ่ ชนชาวเซอ่ มู(่ 色目

ในบริเวณเมอื งเหอโจว(河州) ซงึ่ แป็นทีต่ ั้งกองกาลังทหารเป็นถ่นิ ท่ีอยู่อาศัยท่รี วมเอาเซอ่ มูแ่ ละมองโกลไว้ด้วยกัน มาจนถึงปลายศตวรรษที่ 13 คอื ในชว่ งสมัยหยวน เจ้าเมืองอานซี อาหนานต๋า (安西王阿难答) เจ้าเมอื งผู้ครองเมืองเจิ้นฝสู า่ นซี(镇抚陕西) กานซ(ู่ 甘肃) หนงิ เซี่ย(宁夏) บวชเปน็ นกั บวชในศาสนาอสิ ลาม ชาวเมอื งทอ่ี ยู่ภายใต้การปกครองจึงนบั ถือศาสนาอสิ ลามตามไปด้วย ชาวเซอ่ มู่ทน่ี ับถอื ศาสนาอิสลามอยูก่ อ่ นแลว้ จงึ มารวมตวั กันต้ังถน่ิ ฐานอยใู่ นบรเิ วณตะวนั ตกเฉยี งเหนือ จนถงึ ต้นศตวรรษที่ 14 กษตั รยิ ์หยวนเฉงิ จงเสด็จสวรรคต เจ้าเมอื งอานซอี านันตะร่วมมือกบั ชาวมองโกลและชาวเซอ่ มพู่ ยายามวางแผนจะสบื ทอดราชบัลลงั ก์ แตเ่ ร่ืองราวแพร่งพรายออกไปจงึ ถูกตามสังหาร และหลบหนไี ปอยกู่ บั อสิ ลามกิ ชนดว้ ยกันทเ่ี มอื งตงเซียง เม่ือตั้งหลักปักฐานอยรู่ ่วมกบั กลมุ่ ชนในเขตตงเซยี งนานวันเข้า มีการแต่งงานขา้ มเผ่าพันธุ์กบั ชาวฮน่ั และชาวทิเบตเรื่อยมา จนหลอมรวมเป็นชนเผา่ และต้ังช่ือตามถ่นิ ทอ่ี ยูว่ า่ “เผ่าตงเซยี ง” นอกจากน้ยี งั มีอีกหลายทฤษฎเี กยี่ วกบั กาเนิดของชนเผ่าตงเซยี ง ที่สาคญั คือในยคุ ท่ีเจงกีสข่านเขา้ พชิ ติ ซีเซี่ย ไดน้ ากาลงั ทหารมากมายมาประจาการอยทู่ ่ีบรเิ วณเหอโจว(河州) และหลินถาว(临洮) ทหารเหลา่ นอ้ี ยู่ในดนิ แดนดงั กลา่ วเปน็ เวลานาน บ้างตง้ั หลกัปกั ฐาน ก่อตัง้ บา้ นเรอื นและแตง่ งานกับชาวเมอื งพืน้ ท่ีเป็นจดุ กาเนิดและเป็นบรรพบรุ ษุของชาวตงเซียง อกี ทฤษฎีหนง่ึ เชอื่ ว่าในยคุ ทีเ่ จงกสี ข่านเข้าพิชิตเมืองทางตะวนั ตก ได้กวาดลา้ งช่างและชาวเมอื งจากเมืองทางเอเซียกลางและ เปอร์เซยี เข้ามา และจัดใหอ้ ยใู่ นเมอื งตงเซียง อยู่ตดิ ดนิ แดนสืบต่อเผา่ พันธเ์ุ รื่อยมาก่อเกิดเปน็ ชนเผา่ ตงเซียง ด้วยเหตุที่เปน็ ชนเผ่าท่เี กดิ ใหม่ ไมใ่ ช่ชนทอ่ี ยู่ติดดินแดนมาแตเ่ ดมิ ระบบเศรษฐกิจและสังคมของชาวตงเซียงจงึ เปน็ ไปตามสงั คมที่แวดล้อม หรือเป็นระบบสังคมทมี่ กี ารเปลี่ยนแปลงไปในแตล่ ะยุคสมัย โดยรวมแลว้ ล้วนอยบู่ นพืน้ ฐานของระบบศักดนิ าทม่ี ีมาต้ังแตร่ าชวงศ์หยวน หลังยคุ จกั รพรรดิคังซใี นสมัยราชวงศ์ชิง ขุนนางผู้ครองเมอื งเหอโจวล้มล้างระบบการปกครอง ทาให้สงั คมเศรษฐกิจทว่ี ุน่ วายแบบเดมิ ไมว่ ่าจะเปน็ การเกบ็ภาษี การล้มลา้ งระบบการถือครองทด่ี นิ และจดั ระเบียบสังคมเปล่ยี นแปลงไปจากเดมิแต่การเปลยี่ นแปลงคร้ังนห้ี าไดเ้ กดิ ผลกระทบต่อการเปล่ยี นแปลงชวี ติ ความเป็นอยขู่ องชาวตงเซยี งมากเทา่ ใดนัก

กอ่ นยคุ กอ่ ตง้ั สาธารณรฐั ประชาชนจนี ชาวตงเซียงตกอยใู่ นอานาจการปกครองของกองกาลังทหาร สภาพชีวติ ลาบากยากแค้นมาก จนกระท่งั การก่อตง้ั สาธารณรัฐประชาชนจีนประสบความสาร็จ ชีวติ ของชาวตงเซียงจึงเปล่ียนแปลงไปในทางท่ีดีข้นึ โดยในปี 1950 รฐั บาลก่อต้ังเขตปกครองตนเองชาวตงเซียงขน้ึ ในปี 1981 กอ่ ตั้งอาเภอปกครองตนเองเผ่าตงเซียง เผา่ ซาลา เผา่ ปา่ วอานขึ้นทอ่ี าเภอจสี ือซาน (积石山保安族东乡族撒拉族自治县)สถานภาพทางสงั คมของชาวตงเซียงดขี ้นึ ไดร้ บั การยอมรับจากรฐั บาลในฐานะประชาชนคนหน่งึ ที่มีสทิ ธเิ ท่าเทียมกัน และมีอานาจในการปกครองตนเอง เหมอื นชนกลุ่มน้อยเผ่าอ่ืนๆ

อาชีพหลกั ของชาวตงเซยี ง อาชพี หลกั ของชาวตงเซยี งคือการทาการเกษตร พชื เกษตรหลกั ๆทป่ี ลูกคอื ขา้ วสาลีมันฝรั่ง ขา้ วโพด ผลติ ผลท่มี าจากชาวตงเซยี งมีปรมิ าณมาก และคณุ ภาพดี แตช่ าวตงเซียงยังไม่รูจ้ กั การบารงุ ดนิ นานวนั เขา้ ดนิ เสอ่ื มสภาพ ผลผลติ ตา่ ลง ค่าเช่าทีด่ ินทากนิ สงู ขนึ้การเก็บดอกเบ้ยี และภาษสี งู ขนึ้ เจ้าของที่ดินขูดรดี ทาใหเ้ ศรษฐกิจของชาวตงเซียงตกตา่ย่าแย่ ชาวตงเซียงบางสว่ นจึงหันมาประกอบอาชีพปศุสตั ว์ตามทงุ่ หญา้ โดยเฉพาะแพะเนื้อแพะทมี่ าจากชมุ ชนชาวตงเซยี งมีคณุ ภาพดแี ละปรมิ าณมาก มีสว่ นแบง่ ทางการตลาดที่สูงมากในอนั ดบั ตน้ ๆ ของประเทศเลยทเี ดยี ว นอกจากนช้ี าวตงเซยี งบางส่วนยงั ประกอบอาชพี อ่ืนๆ อกี เช่น การค้า การขนสง่ ชาวตง-เซียงมฝี มี ือในการทอผ้า และผ้าสกั หลาดผลผลติ ทีไ่ ดใ้ ช้ในครัวเรือนและการค้า หลังการก่อตั้งสาธารณรฐั ประชาชนจนี รฐั บาลจนี สนับสนนุ การพฒั นาท่ีดิน และนาความเจริญตา่ งๆ เขา้ สู่ตงเซียง พัฒนาระบบนา้ ชลประทาน การปลูกปา่ ระบบปอ้ งกันการไหลซมึ ของน้า การทานา หกั รา้ งถางพงปา่ เขาใหเ้ ป็นทร่ี าบลมุ่ เพ่ือเลี้ยงสตั ว์ ผลผลติ ท่ีได้มีปริมาณและคณุ ภาพท่สี ูงขึ้น ชีวิตและเศรษฐกจิ ของชาวตงเซยี งดีขึ้นตามลาดบั ตงั้ แต่เริ่มมกี ารพฒั นาทีด่ นิ เป็นต้นมา ชาวตงเซยี งสามารถประกอบอาชีพกสกิ รรมได้เปน็ อย่างดีเกิดอาชีพต่างๆ ทส่ี ร้างรายได้งดงามข้ึนมากมาย เชน่ การเกษตร ประมง การเล้ียงสตั ว์เม่ือมผี ลผลิตท่ีดขี นึ้ ความเจรญิ ด้านสาธารณูปโภคอ่ืนๆ ก็ตามมา มีการสรา้ งถนนหนทางระบบไฟฟา้ ประปา โรงงานอตุ สากรรมแปรรูปอาหาร ชวี ิตประชาชนอยู่ดกี นิ ดีทัว่ หน้า

วัฒนธรรมดา้ นวรรณกรรม และศลิ ปกรรมของชาวตงเซยี ง วัฒนธรรมดา้ นวรรณกรรมและศิลปกรรมของชาวตงเซียงมเี อกลกั ษณโ์ ดดเดน่ ไม่เพียงแต่มีเพลงกลอนทสี่ บื ทอดกันมาแตโ่ บราณกาลแล้ว ยังมีเรอ่ื งเล่า สภุ าษติ คาพังเพยท่ีมีการเสยี ดสี ประชดประชนั แต่แฝงไว้ดว้ ยปรชั ญาลกึ ซง้ึ มีปรศิ นาคาทาย นิทานอีกมากมายที่โดดเด่น เชน่ เร่ือง《勇敢的阿里 “อาลีผูก้ ลา้ หาญ” เรือ่ ง《璐姑娘斩蟒》“สาวสกลุ ลู่ฆา่ งู” นอกจากนี้กลอนสมยั ใหม่อยา่ ง เร่ือง《米拉朵黑》 “หม่ลี าต่วั เฮย”ของผแู้ ต่งช่ือ วางเหลียงยวี่ (汪良玉) กวีชาวตงเซียงก็เปน็ กลอนท่ีมชี ่อื เสียงและเป็นที่ยอมรับมากเรื่องหนึ่ง เพลงพน้ื เมืองของชาวตงเซียงมีลักษณะพิเศษ มีรปู แบบทีห่ ลากหลาย ทส่ี าคญั หลักๆมีอยู่ 3 ประเภทคอื เพลงทีร่ อ้ งในเวลาทางาน เพลงชมดอกไม้ และเพลงในพิธีแตง่ งานด้านการละเล่นพื้นบา้ น ชาวตงเซียงมีการรอ้ งเลน่ เต้นรา มีเครอ่ื งดนตรีหลายชนิดเช่นเคร่อื งดนตรีคล้ายกับขล่ยุ เรียกว่า ม้มี ้ี (咪咪) นอกจากนีย้ งั มี พิณสสี่ าย และเครื่องดนตรปี ระเภทเป่า ทาจากดินเผา ท่ีช่อื สอื ยา (什鸦) เปน็ เครอ่ื งดนตรปี ระจาเผา่ ของชาวตงเซียงด้วย

กีฬาพน้ื เมอื งท่ีสาคญั กฬี าพ้ืนเมืองทสี่ าคญั คอื การแข่งม้า มวยปลา้ งานหัตถกรรมพนื้ บา้ นทสี่ าคัญได้แก่ การแกะสลักไม้และหิน สว่ นงานฝมี ือของหญงิ ชาวตงเซียงได้แก่ การปักผา้ การทอผ้าสกั หลาดนับเปน็ ผลงานหตั ถกรรมฝมี อื ดีท่ีมชี ่อื เสียงมากอย่างหน่ึง

ขนบธรรมเนียมประเพณี ดา้ นขนบธรรมเนยี มประเพณี โดยเฉพาะการแต่งงาน ชาวตงเซียงยดึ ถือธรรมเนียมประจาชนเผา่ ทส่ี บื ทอดกนั มาแต่โบราณ เรยี กว่า “อาฮาเจยี ว” (阿哈交) คือธรรมเนียมปฏิบัติเกี่ยวกับการแตง่ งาน ในสายตระกลู ทีม่ สี ายเลือดเดียวกันไมว่ า่ จะมีมากน้อยเทา่ ใดก็ตามจะมีผู้อาวโุ สท่สี ุดเปน็ หวั หนา้ สายตระกลู ทาหน้าท่กี ากบั ดูแลไม่ให้ผทู้ ีอ่ ยใู่ นสายตระกูลเดียวกนั แต่งงานกัน หากผ้ใู ดฝา่ ฝนื จะถูกประนามจากคนในชมุ ชน การแตง่ งานพอ่ แม่เป็นผจู้ ดั การให้ เดมิ ชายหญิงอายุ 15 – 16 กจ็ ะจดั การจบั คู่แตง่ งานกันแล้ว แต่ปจั จบุ นั กฎหมายแตง่ งานของประเทศจนี อนุญาตใหแ้ ต่งงานกันได้เม่ืออายคุ รบ 18 ปี การแต่งงานของชาวตงเซียงจงึ ต้องปฏบิ ัติตามกฎหมายของประเทศ เส้อื ผ้าเครอื่ งแต่งกายของชาวตงเซียงในระยะหลงั มานค้ี ลา้ ยคลึงกับชาวฮั่น และชาวหุยแตม่ ีลักษณะเดน่ อยทู่ ี่เครือ่ งประดบั บนศรี ษะ ชายสวมหมวกไมม่ ีปีกสขี าวหรือสีดาเรียกวา่ เฮ่าเมา่ (号帽) สตรีสวมผา้ คลุมผมทท่ี าด้วยผา้ แพรและผา้ ไหม หญิงสาวและสาวทีแ่ ตง่ งานใหม่สวมหมวกสเี ขียว แตห่ ญิงท่ีแต่งงานแล้วและหญิงวยั กลางคนสวมหมวกสีเขยี วแก่ หญงิ สูงอายุสวมหมวกสดี า ผ้าคลุมศีรษะปกติยาวคลุมไปถงึ เอวคลุมผมไว้ทั้งหมด แตด่ ้วยความจาเป็นในการทางาน บางครั้งใส่ผา้ คลุมผมท่ยี าวถึงเอวไมไ่ ด้ อาจจะไมส่ ะดวก และไม่ปลอดภยั จึงเปล่ยี นเป็นหมวกใบเลก็ แทน ชายชาวตงเซยี งไมไ่ ว้ผมยาว แต่มักจะไว้หนวดยาว เพอื่ เป็นสัญลักษณใ์ หผ้ ทู้ น่ี บั ถอื ศาสนาเดียวกนั รจู้ กั และแสดงความเคารพตอ่ กนั



อาหารหลกั ของชาวตงเซียง อาหารหลกั ของชาวตงเซียงคอื ขา้ วสาลี ขา้ วโพด มันฝร่งั และอาหารจาพวกถั่วตา่ งๆ อาหารแปง้ ทที่ าจากข้าวสาลีทชี่ าวตงเซยี งรบั ประทานไดแ้ ก่ จาพวก หม่านโถวบะหมี่ ปาทอ่ งโก และอาหารทถ่ี อื ว่าเปน็ จานเด่นที่ต้องใชใ้ นการรับแขก ไดแ้ ก่ ลาสอื ฮา (拉拾哈) คือบะหมี่นน่ั เอง ส่ิงท่ชี าวตงเซียงพิถพี ถิ นั มากในเรอ่ื งอาการคือ ชาวตงเซียงจะแบ่งเน้ือไกโ่ ดยกาหนดคณุ คา่ ตา่ งๆของไก่พถิ พี ิถนั มาก ไก่ 1 ตวั แบ่งได้ 13 ชิ้นส่วนทส่ี าคัญหางไกม่ คี ่ามากที่สดุ ปกติจะให้กษตั ริย์ หวั หนา้ ขุนนาง และแขกผูม้ าเยือนรบั ประทานเพือ่ เป็นการแสดงถงึ ความเคารพ การรบั แขกของชาวตงเซยี งมีข้อพเิ ศษคอื จะไม่รบั ประทานอาหารรว่ มกบั แขกทมี่ าเยือน แต่จะยนื ดอู ยู่ใกล้ๆ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพ แขกผู้ชายที่มาเยือนจะให้เจ้าบ้านผู้ชายต้อนรับ และแขกผูห้ ญงิ ใหเ้ จา้ บ้านผหู้ ญิงเปน็ ฝ่ายตอ้ นรบั วัฒนธรรมที่พเิ ศษอกี อย่างหนง่ึ ของชาวตงเซยี งคอื การทาความสะอาดรา่ งกาย ซ่ึงเปน็ ข้อปฏิบตั ติ ามหลักศาสนา มกี ารชาระรา่ งกายสองแบบคือ การชาระเลก็ และชาระใหญ่ การชาระเลก็ คอื การทาความสะอาดทกุ วัน จะทาความสะอาดมอื เทา้ ปาก หน้าจมกู การชาระใหญ่คือการอาบนา้ ทาความสะอาดท้งั รา่ งกายสปั ดาหล์ ะหน่ึงครงั้ และกอ่ นเทศกาลสาคัญกจ็ ะทาความสะอาดรา่ งกายแบบชาระใหญเ่ ชน่ กนั การรบั ประทานอาหารกต็ ้องปฏิบัติตามหลักศาสนา ชาวตงเซยี งไมร่ บั ประทานเนื้อหมู และเลือดสัตว์ ไม่นาของสกปรกเขา้ ไปในสุสานและมัสยิด ไม่นาอาหารมาพดู เป็นเร่อื งลอ้ เลน่ ไมเ่ ปลอื ยอกและหลงั ต่อหน้าผูอ้ ่ืน ไม่สง่ ตอ่ บุหรแี่ ละเหลา้ ใหก้ นั

การประกอบพธิ ีศพ การประกอบพธิ ีศพกระทาโดยการฝัง และต้องกระทาอยา่ งรวดเรว็ ไม่เกบ็ ศพไว้นาน ตงเซยี งในปจั จุบัน “ตงเซยี ง” นับได้วา่ เปน็ ศนู ยก์ ลางศาสนาอสิ ลามของประเทศจนี กว็ า่ ได้ เพราะเปน็ ชุมชนท่ีมีผู้นบั ถอื ศาสนาอิสลามมากทสี่ ุด และเป็นต้นกาเนิดของศาสนาอิสลามในจีนมาต้ังแต่โบราณศาสนสถานทสี่ าคญั ในศาสนาอสิ ลามก่อสร้างข้นึ ทีต่ งเซียง ความเช่ือและเทศกาลสาคญั ต่างๆ มีความเกี่ยวข้องกับศาสนา คอื เทศกาลศลี อด เทศกาลกุรปัง เทศกาลบชู าพระเจ้า ซึ่งเทศกาลบูชาพระเจ้านจี้ ะจัดรวมกันทีม่ สั ยิด กิจกรรมในเทศกาลนค้ี ือการสวดมนต์ บูชาสรรเสรญิ พระเจา้และฟังเทศนาคาสอน

จัดทาโดยนางสาว กรรณกิ าร์ ธนะวัติรหสั นกั ศกึ ษา 59181500150 สาขาวิชา ภาษาจนี (ค.บ.)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook