สงั คมศึกษาหนังสือเรียนรายวิชาพ้นื ฐาน ศาสนา และวัฒนธรรมชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี 5 ป. 5ตามมาตรฐานการเรยี นร้แู ละตัวช้ีวดั สาระภมู ิศาสตร์(ฉบับปรับปรุงพ.ศ.2560) กลุมสาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษาศาสนาและวฒั นธรรม ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐานพทุ ธศกั ราช2551 ผเู้ รยี บเรียง สมพร ออ่ นนอ้ ม พธ.บ. (เกยี รตินยิ ม), นศ.บ. ประจวบ ตรภี ักดิ์ พธ.บ., สส.ม. กสุ ุมาวดี ชัยชูโชติ ศ.บ., ศ.ม. พงษศ์ กั ดิ์ แคลว้ เครือ ศศ.บ. (เกยี รตินิยม), ร.ม. จลุ พงษ์ อุดมพรพิบลู วท.บ., วท.ม. นฤชภรณ์ กมลนฤเมธ ศศ.บ. ผตู้ รวจ รศ. ดร.ไพฑูรย์ มกี ศุ ล กศ.บ., กศ.ม., M.A., Ph.D. ดร.สิริรตั น์ พงศ์พพิ ฒั นพนั ธุ์ ศศ.บ., กศ.ม., วท.ด. สายพณิ ตนั สิริ กศ.บ., ค.ม. บรรณาธิการ สุระ ดามาพงษ์ กศ.บ., กศ.ม. บญุ รัตน์ รอดตา ศษ.บ
หนงั สอื เรียนรายวชิ าพื้นฐาน ป. 5 สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศกึ ษาปท่ี 5 ตามมาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตัวชีว้ ัด สาระภมู ิศาสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) กลมุ สาระการเรียนรูสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 B สงวนลิขสิทธ์ติ ามกฎหมาย หามละเมิด ทำ�ซ ้ำ� ดัดแปลง เผยแพร สวนหนึ่งสว นใด เวน แตจะไดรับอนญุ าต ผู้เรียบเรียง สมพร อ่อนนอ้ ม ประจวบ ตรีภักดิ์ กุสมุ าวดี ชัยชโู ชติ พงษ์ศักด์ิ แคล้วเครอื จุลพงษ์ อดุ มพรพบิ ูล นฤชภรณ์ กมลนฤเมธ ผูต รวจ รศ. ดร.ไพฑรู ย์ มีกุศล ดร.สริ ริ ตั น์ พงศพ์ ิพัฒนพนั ธุ์ สายพิณ ตันสิริ บรรณาธิการ สุระ ดามาพงษ์ บญุ รตั น์ รอดตา ปที ี่พิมพ์ พ.ศ. 2562 พิมพ์ครงั้ ท่ี 1 จ�ำ นวน 30,000 เลม่ ISBN 978-974-18-7474-3 พมิ พท์ ี่ บรษิ ัท โรงพมิ พว์ ัฒนาพานชิ จำ�กดั นายเรงิ ชัย จงพิพัฒนสขุ กรรมการผ้จู ดั การ
คาํ นํา หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพนื้ ฐาน สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชนั้ ประถมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม นี้ จดั ทาํ ขนึ้ ตามมาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ชวี้ ดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระภมู ศิ าสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) กลมุ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ตามหลกั สตู ร แกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โดยมีเปาหมายให้นักเรียนและครูใช้เปน ส่ือในการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนานักเรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด ท่ีหลักสูตรกําหนด พัฒนานักเรียนให้มีสมรรถนะตามที่ต้องการทั้งด้านการส่ือสาร การคิด การแกป้ ญ หา การใชท้ กั ษะชวี ติ และการใชเ้ ทคโนโลยี ตลอดจนพฒั นานกั เรยี นใหม้ คี ณุ ลกั ษณะ อนั พงึ ประสงค์ เพอื่ ใหส้ ามารถอยรู ว มกบั ผอู้ นื่ ในสงั คมไทยและสงั คมโลกไดอ้ ยา งมคี วามสขุ ในการจัดทําหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานเลมน้ี คณะผู้จัดทําซึ่งเปนผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชา และการพัฒนาส่ือการเรียนรู้ได้ศึกษาหลักสูตรอยางลึกซึ้ง ทั้งด้านวิสัยทัศน์ หลักการ จุดหมาย สมรรถนะสําคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ชวี้ ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง แนวทางการจดั การเรยี นรู้ การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ รวมทงั้ เอกสารหลักสูตรอื่น ๆ แล้วจึงออกแบบหนวยการเรียนรู้ แตละหนวยการเรียนรู้ประกอบด้วย ผงั มโนทศั นส์ าระการเรยี นรู้ ประโยชนจ์ ากการเรยี นรู้ คาํ ถามนาํ เนอื้ หาสาระแตล ะเรอ่ื งแตล ะหวั ขอ้ คาํ สาํ คญั เรอ่ื งนา รู้ แหลง สบื คน้ ความรู้ กจิ กรรมพฒั นาการเรยี นรู้ บทสรปุ กจิ กรรมเสนอแนะ การประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาํ วนั คาํ ถามทบทวน และทา้ ยเลม ยงั มบี รรณานกุ รมและอภธิ านศพั ท์ ซ่ึงองค์ประกอบของหนังสือเรียนเหลานี้จะชวยสงเสริมให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้อยางครบถ้วน ตามหลกั สตู ร การเสนอเนอ้ื หา กจิ กรรม และองคป์ ระกอบอนื่ ๆ ในหนงั สอื เรยี นรายวชิ าพนื้ ฐานเลม นม้ี งุ เนน้ ผเู้ รยี นเปน สาํ คญั โดยคาํ นงึ ถงึ ศกั ยภาพของนกั เรยี น เนน้ การเรยี นรแู้ บบองคร์ วมบนพน้ื ฐานของ การบรู ณาการแนวคดิ ทางการเรยี นรอู้ ยา งหลากหลาย จดั การเรยี นรแู้ บบบรู ณาการเนน้ ใหน้ กั เรยี น สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง มุงพัฒนาการคิด และพัฒนาการเรียนรู้ท่ีสอดคล้องกับพัฒนาการ ทางสมองของนกั เรยี น อนั จะชว ยใหน้ กั เรยี นเกดิ การเรยี นรอู้ ยา งสมบรู ณแ์ ละสามารถนาํ ไปประยกุ ต์ ใชใ้ นชวี ติ ประจาํ วนั ได้ หวังเปนอยางย่ิงวา หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชนั้ ประถมศกึ ษาปท ี่ 5 เลม นจ้ี ะชว ยพฒั นาการเรยี นรขู้ องนกั เรยี นตามหลกั สตู รไดเ้ ปน อยา งดี คณะผ้จู ดั ทำ
คาํ ชี้แจง หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปท่ี 5 เลมนี้ ไดอ้ อกแบบเปนหนวยการเรียนรู้ แตล ะหนวยการเรียนรปู้ ระกอบดว้ ย 1. ผงั มโนทัศน์สาระการเรียนรู้ แสดงขอบขายเนื้อหา ในหนวยการเรียนรู้ 2. ประโยชน์จากการเรยี นรู้ สรุปประโยชนท์ ่ีไดจ้ าก 3. คาํ ถามนํา เปน คําถามที่กระตนุ้ ให้นกั เรียนเกดิ การเรียนรหู้ นวยการเรียนรเู้ ปน ประเด็นส้นั ๆ ความสนใจต้องการทจ่ี ะค้นหาคําตอบ 4. เน้ือหา แบงเปนหัวเร่ืองหลัก หัวเรื่องรอง และหัวข้อยอย ตรงตามตัวชี้วัดช้ันป มีกิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้แทรกเปน ชว ง ๆ เนื้อหาบางตอนอาจนําเสนอด้วยภาพประกอบ ตาราง แผนภมู ิ แผนท่ีความคิด และประกอบด้วยสวนอืน่ ๆ ดงั นี้ 4.1 คําสําคัญ ระบุคําสําคัญที่แทรกอยูในเน้ือหาโดยการเน้นสีของคําไว้ตางจากตัวพ้ืน คําสําคัญนี้จะใช้ตัวเน้น เฉพาะคาํ ทป่ี รากฏคาํ แรกในเน้อื หา ไมเน้นคําทเี่ ปนหัวขอ้ 4.2 ภาพประกอบ พรอ้ มคาํ บรรยายสอดคลอ้ งกบั เนอื้ หา 4.3 แผนภูมิ ตาราง แผนท่ี แผนทค่ี วามคดิ สอดคล้องกับเนือ้ หา 4.4 เรอ่ื งนา่ รู้ เปน ความรเู้ พม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั เรอ่ื งทไี่ ดศ้ กึ ษาในหนว ยการเรยี นรนู้ น้ั ๆ โดยคดั สรรเฉพาะเรอ่ื งทนี่ กั เรยี น ควรรู้ 5. กิจกรรมพัฒนาการเรยี นรู้ เปนกิจกรรมทก่ี ําหนดใหท้ ํา 6. บทสรุป เปนการสรุปเนื้อหาหลงั จากจบเนือ้ หาและ เมื่อจบเน้ือหาท่ีแบงให้เหมาะสมสําหรับการเรียนแตละ กิจกรรมของแตล ะหนวยการเรยี นรู้ ครัง้ เปนกจิ กรรมท่ีหลากหลาย ใชแ้ นวคดิ ทฤษฎตี า ง ๆ ใหส้ อดคล้องกับเนื้อหา เหมาะสมกับวัย สะดวกในการ 7. กิจกรรมเสนอแนะ เปนกิจกรรมบูรณาการทักษะ ปฏิบัติ กระตุ้นให้นักเรยี นไดค้ ิด และสงเสรมิ การศึกษา ทร่ี วบรวมหลักการและความคิดรวบยอดในเรื่องตา ง ๆ คน้ ควา้ ทนี่ กั เรยี นไดเ้ รยี นรมู้ าไปประยกุ ตใ์ นการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 8. การประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาํ วนั เปน ตวั อยา งสถานการณ์ 9. คาํ ถามทบทวน เปนคาํ ถามแบบอัตนัยท่มี ุง ถาม การประยุกต์ใช้ความรู้ท่ีได้เรียนรู้มาให้นักเรียนนําไป เพอ่ื ทบทวนผลการเรียนรู้ของนักเรยี น ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจําวัน ซ่ึงมีกิจกรรมหรือคําถาม ใหน้ กั เรียนทํา 10. ท้ายเล่ม ประกอบด้วยบรรณานุกรมและอภธิ านศพั ท์ 10.1 บรรณานุกรม เปน รายช่ือหนงั สือ เอกสาร เวบ็ ไซต์ ทใ่ี ชป้ ระกอบการเขยี น 10.2 อภิธานศัพท์ เปนการนําคาํ สาํ คัญทแ่ี ทรกอยูใ นเนอ้ื หามาอธบิ ายและจัดเรียงตามลาํ ดบั ตัวอักษรเพือ่ สะดวก ในการคน้ ควา้
สารบัญ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 พระพุทธ.......................1 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 5 พลเมืองดี....................50 1. ความสำคญั ของพระพุทธศาสนา.................2 1. การปฏิบตั ิตนเปน็ พลเมืองดี ....................51 2. พทุ ธประวัติ ..........................................5 2. การป‡องกนั การละเมดิ สทิ ธเิ ดก็ .................55 3. ชาดก..................................................8 J บทสรปุ ....................................................58 J บทสรุป ....................................................10 J กจิ กรรมเสนอแนะ.....................................59 J กิจกรรมเสนอแนะ ..................................... 11 J การประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจำวัน ..................59 J การประยุกตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจำวนั ..................11 J คำถามทบทวน ..........................................59 J คำถามทบทวน ..........................................11 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 6 การปกครองส่วนท้องถิน่ ..60 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 พระธรรม ....................12 1. ความหมายและความสำคัญของการปกครอง 1. พระไตรปฎก ......................................13 2. พระรตั นตรยั ......................................14 ส่วนทอ้ งถนิ่ ........................................61 3. หลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา .................17 2. รปู แบบขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ิน ......64 4. พุทธศาสนสภุ าษติ ................................23 3. อำนาจหนา้ ทข่ี ององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ..71 5. การปฏิบัตติ นตามหลักธรรม 4. ประโยชน์ท่ีชมุ ชนไดร้ ับจากการปกครอง ของพระพทุ ธศาสนา .............................24 สว่ นท้องถนิ่ ........................................72 J บทสรปุ ....................................................26 J บทสรุป ....................................................74 J กจิ กรรมเสนอแนะ.....................................26 J กจิ กรรมเสนอแนะ.....................................75 J การประยกุ ต์ใช้ในชวี ิตประจำวัน ..................26 J การประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ..................75 J คำถามทบทวน ..........................................26 J คำถามทบทวน ..........................................75 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 พระสงฆ์ .....................27 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 7 วฒั นธรรมไทยและ 1. พุทธสาวก ..........................................28 2. ชาวพุทธตัวอย่าง..................................30 ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ของไทย .. 76 J บทสรุป ....................................................32 1. วัฒนธรรมไทย ....................................77 J กิจกรรมเสนอแนะ ..................................... 33 2. ภูมิปัญญาท้องถนิ่ ของไทย ......................80 J การประยุกต์ใช้ในชวี ิตประจำวัน ..................33 J บทสรปุ ....................................................85 J คำถามทบทวน ..........................................33 J กิจกรรมเสนอแนะ ..................................... 85 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 การปฏิบตั ิตนดี .............34 J การประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจำวัน ..................85 1. หน้าท่ชี าวพุทธ ....................................35 J คำถามทบทวน ..........................................85 2. มารยาทชาวพุทธ..................................36 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 8 การผลติ สนิ คา้ และบรกิ าร...86 3. ศาสนพธิ ี ...........................................38 1. ปจั จัยการผลิต.....................................87 4. การบริหารจติ และการเจรญิ ปญั ญา ............43 2. ปจั จยั ทม่ี อี ทิ ธพิ ลตอ่ การผลติ สนิ คา้ และบรกิ าร .. 89 J บทสรปุ ....................................................49 J บทสรุป ....................................................93 J กจิ กรรมเสนอแนะ.....................................49 J กิจกรรมเสนอแนะ ..................................... 93 J การประยุกตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจำวนั …................49 J การประยุกตใ์ ช้ในชวี ติ ประจำวัน ..................93 J คำถามทบทวน ..........................................49 J คำถามทบทวน ..........................................93
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 9 ธนาคาร.......................94 J การประยุกตใ์ ชใ้ นชีวิตประจำ�วัน1����������������143 1. บทบาทหนา้ ท่ขี องธนาคาร.......................95 J คำ�ถามทบทวน1����������������������������������������143 2. การกูย้ มื .............................................98 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 14 อาณาจักรธนบุร.ี ........ 144 J บทสรุป...................................................101 1. พฒั นาการของอาณาจักรธนบรุ ี............... 145 J กิจกรรมเสนอแนะ...................................101 2. บุคคลสำ�คัญสมยั ธนบุร1ี ������������������������ 149 J การประยุกต์ใชใ้ นชีวิตประจำ�วัน1����������������101 3. ภมู ิปญั ญาไทยสมัยธนบุร.ี ..................... 151 J คำ�ถามทบทวน1����������������������������������������101 J บทสรุป...................................................153 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 10 สหกรณแ์ ละเศรษฐกจิ J กจิ กรรมเสนอแนะ...................................153 พอเพยี ง.................. 102 J การประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ิตประจำ�วนั 1����������������153 1. สหกรณ.์ .......................................... 103 J คำ�ถามทบทวน1����������������������������������������153 2. เศรษฐกจิ พอเพียง.............................. 107 หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 15 เคร่ืองมอื ทาง J บทสรปุ ...................................................112 ภมู ศิ าสตร์............... 154 J กิจกรรมเสนอแนะ...................................113 1. แผนท.ี่ ............................................ 155 J การประยุกตใ์ ช้ในชีวิตประจำ�วนั .1���������������113 2. รปู ถา่ ย............................................. 157 J คำ�ถามทบทวน1����������������������������������������113 J บทสรปุ ...................................................159 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 11 การสบื ค้นความเป็นมา J กจิ กรรมเสนอแนะ...................................159 ของทอ้ งถ่ิน............... 114 J การประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตประจำ�วัน1����������������159 1. หลักฐานทางประวตั ศิ าสตร.์ ................... 115 J คำ�ถามทบทวน…1�������������������������������������159 2. วิธกี ารสืบค้นความเป็นมาของทอ้ งถน่ิ ....... 116 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 16 ภมู ภิ าคตา่ ง ๆ 3. ความจรงิ กับขอ้ เทจ็ จรงิ ทางประวตั ิศาสตร.์ . 118 ของประเทศไทย........ 160 J บทสรุป...................................................120 1. ภาคเหนือ......................................... 162 J กจิ กรรมเสนอแนะ...................................120 2. ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ...................... 167 J การประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตประจำ�วนั 1����������������120 3. ภาคกลาง......................................... 174 J คำ�ถามทบทวน1����������������������������������������120 4. ภาคตะวนั ออก................................... 181 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 12 อารยธรรมอินเดยี จีน 5. ภาคตะวันตก..................................... 188 และวฒั นธรรมตา่ งชาต.ิ . 121 6. ภาคใต.้ ............................................ 194 1. อารยธรรมอนิ เดีย............................... 122 J บทสรุป...................................................200 2. อารยธรรมจีน.................................... 124 J กิจกรรมเสนอแนะ...................................201 3. วัฒนธรรมต่างชาติ.............................. 126 J การประยุกตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจำ�วนั 2����������������201 J บทสรปุ ...................................................129 J คำ�ถามทบทวน2����������������������������������������201 J กจิ กรรมเสนอแนะ...................................129 หน่วยการเรียนรู้ที่ 17 ลักษณะประชากร J การประยุกตใ์ ชใ้ นชีวิตประจำ�วนั 1����������������129 J คำ�ถามทบทวน1����������������������������������������129 และสิง่ แวดลอ้ ม........ 202 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 13 อาณาจกั รอยธุ ยา........ 130 1. การตง้ั ถน่ิ ฐานและการยา้ ยถ่นิ ................ 203 1. การกอ่ ตง้ั และพฒั นาการของอาณาจกั รอยธุ ยา..131 2. การทำ�ลายและการรักษาส่งิ แวดล้อม2�������� 208 2. การปกครองสมัยอยุธยา........................ 132 J บทสรปุ ...................................................214 3. เศรษฐกจิ สมยั อยธุ ยา........................... 135 J กิจกรรมเสนอแนะ...................................214 4. ภมู ิปญั ญาไทยสมัยอยุธยา..................... 137 J การประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจำ�วนั 2����������������214 5. บุคคลสำ�คญั สมยั อยุธยา1����������������������� 139 J คำ�ถามทบทวน2����������������������������������������214 J บทสรปุ ...................................................143 บรรณานุกรม......................................... 215 J กจิ กรรมเสนอแนะ...................................143 อภิธานศัพท.์ .......................................... 216
1หน่วยการเรียนรูท้ ่ี พระพุทธ พระพทุ ธศาสนามคี วามสำ� คญั ตอ่ คนไทยในดา้ นตา่ ง ๆ เชน่ เปน็ มรดก ทางวฒั นธรรม เปน็ หลกั ในการพฒั นาชาตไิ ทย ดงั นน้ั เราจงึ ศกึ ษาความสำ� คญั ของพระพุทธศาสนา พทุ ธประวตั ิ และชาดกใหเ้ ข้าใจ เพอื่ จะไดน้ ำ� แบบอย่าง การด�ำเนนิ ชีวิตและข้อคิดมาเป็นแนวทางในการประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ นต่อไป ผังมโนทศั นส์ าระการเรยี นรู้ พระพทุ ธศาสนา พระพุทธศาสนา เปน็ มรดกทางวัฒนธรรม เป็นหลกั ในการพัฒนาชาตไิ ทย ความส�ำ คญั ของพระพุทธศาสนา สรุปพทุ ธประวตั ิ ชาดก พระพทุ ธ พุทธประวตั ิ วัณณาโรหชาดก จูฬเสฏฐิชาดก พุทธกจิ สำ�คญั เสด็จเมืองกบลิ พสั ด์ุ ประโยชนจากการเรยี นรู คำ�ถามน�ำ 1. ศรัทธาในพระพุทธศาสนาในฐานะเป็น เราสามารถนำ� ขอ้ คดิ จากพทุ ธประวตั แิ ละ มรดกทางวัฒนธรรมและเป็นหลักใน ชาดกมาเป็นหลักในการพัฒนาตนเอง การพฒั นาชาติไทย พัฒนาสิ่งแวดล้อม และพัฒนาชาติไทยได้ อย่างไร 2. นำ�แบบอย่างการดำ�เนินชีวิตและข้อคิด จากพุทธประวัติและชาดกมาประยุกต์ ใชใ้ นชีวิตประจำ�วัน
2 หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพนื้ ฐาน สงั คมศกึ ษาฯ ป. 5 1. ความส�ำ คัญของพระพุทธศาสนา พระพทุ ธศาสนาไมเ่ พยี งแตม่ คี วามสำ� คญั ตอ่ ชาวพทุ ธในดา้ นจติ ใจเทา่ นน้ั แตย่ งั มี ความสำ� คญั ตอ่ สังคมไทยในด้านอนื่ ๆ ดงั น้ี 1.1 พระพุทธศาสนาเปน็ มรดกทางวฒั นธรรม วัฒนธรรมเป็นส่ิงที่แสดงถึงวิถีการด�ำเนินชีวิตของคนในสังคม เป็นผลงาน สรา้ งสรรคข์ องบรรพบรุ ษุ ทมี่ กี ารสง่ั สมและถา่ ยทอดแกช่ นรนุ่ หลงั ตอ่ เนอ่ื งกนั มาเปน็ เวลา ยาวนาน จนกลายเป็นมรดกและเป็นสมบตั อิ นั ล้�ำคา่ ของสังคมไทย สังคมไทยกับพระพุทธศาสนามีความสัมพันธ์กันทั้งในทางประวัติศาสตร์และ วัฒนธรรม พระพทุ ธศาสนาจงึ มอี ิทธพิ ลตอ่ วฒั นธรรมไทยในด้านตา่ ง ๆ ดงั น้ี 1. มรดกทางด้านรูปธรรม เป็นผลงานสรา้ งสรรค์ของบรรพบรุ ษุ ท่ีถา่ ยทอดออก มาเปน็ รปู ธรรม เช่น โบสถ์ วหิ าร สถปู เจดีย์ จติ รกรรมฝาผนัง ส่ิงเหลา่ น้ีเกิดขึน้ จาก แรงศรัทธา ความเชื่อ และความเลื่อมใสของผู้สร้างท่ีมีต่อพระพุทธศาสนาที่สะท้อน ให้เห็นถึงลักษณะทางวัฒนธรรมของไทยได้อย่างเด่นชัด แม้ว่าจะมีวิวัฒนาการและ มีการเปล่ยี นแปลงไปตามยุคสมัยก็ตาม โบสถ์ พระพุทธรปู และจิตรกรรมฝาผนงั เป็นมรดกทางวัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนา วัฒนธรรมทางวัตถุของไทย ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม ประติมากรรม หรือ จติ รกรรม มกั จะสรา้ งขนึ้ และตกแตง่ ใหป้ ระณตี วจิ ติ รงดงามเปน็ พเิ ศษ ทง้ั นเ้ี พราะผสู้ รา้ ง สรา้ งดว้ ยศรทั ธาเพื่อให้เป็นสมบัติของสว่ นรวม และเป็นมรดกตกทอดแก่ชนรุน่ หลงั 2. มรดกทางดา้ นจติ ใจ คนไทยนบั ถอื พระพทุ ธศาสนามาชา้ นานทำ� ใหก้ ารดำ� เนนิ ชวี ติ ของคนไทยผกู พนั กบั พระพทุ ธศาสนา หลกั คำ� สอนทางพระพทุ ธศาสนาไดห้ ลอ่ หลอม จติ ใจและลกั ษณะนสิ ยั ของคนไทย เชน่ ความมเี หตผุ ล มนี ำ้� ใจ มคี วามเปน็ มติ ร รวมทงั้ มีค่านิยมท่ีดงี ามในเรอื่ งความกตัญญูกตเวที การเคารพผอู้ าวโุ ส
หนังสอื เรียนรายวิชาพืน้ ฐาน สงั คมศึกษาฯ ป. 5 3 ประเพณีต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้องกับชีวิตของคนไทย ต้ังแตเ่ กิดจนตายมีความเกี่ยว เน่ืองกับพระพุทธศาสนาแทบ ทั้งสิ้น ประเพณีเหล่าน้ีได้มี สว่ นโนม้ นา้ วจติ ใจของผปู้ ฏบิ ตั ิ ใหร้ จู้ กั เสยี สละ เออ้ื เฟอ เผอ่ื แผ ่ และมเี มตตาธรรม พระพทุ ธศาสนามคี วาม สัมพันธ์กับชีวิตประจ�าวันและ กลมกลืนอยู่ในวิถีชีวิตของ พระพุทธศาสนามคี วามสมั พันธก์ บั วิถชี วี ิต คนไทยจนฝังลึกเป็นรากฐาน ของคนไทยตง้ั แตเ่ กิดจนตาย ของวฒั นธรรมไทยดา้ นต่าง ๆ และมกี ารสบื ทอดกันมาเปน็ ระยะเวลายาวนาน จนกล่าว ได้ว่า พระพุทธศาสนาเปน็ มรดกทางวฒั นธรรมทลี่ �้าคา่ ของชาตไิ ทย 1.2 พระพุทธศาสนาเป็นหลักในการพฒั นาชาติไทย ประวตั ศิ าสตรช์ าตไิ ทยมคี วามเกยี่ วเนอ่ื งผกู พนั กบั พระพทุ ธศาสนามาโดยตลอด คนไทยได้น�าหลักค�าสอนในพระพุทธศาสนามาประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจ�าวัน และ น�ามาเป็นหลกั ในการพฒั นาชาตไิ ทยใหเ้ จริญก้าวหนา้ มาตั้งแตอ่ ดตี จนถึงปัจจบุ นั หลักค�าสอนทางพระพุทธศาสนาที่คนไทยน�ามาใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา ชาตไิ ทยในดา้ นตา่ ง ๆ มดี ังน้ี 1. การพฒั นาดา้ นกายภาพและสง่ิ แวดลอ้ ม เปน็ การพฒั นาสงิ่ แวดลอ้ มทง้ั ทเี่ กดิ ขนึ้ เองตามธรรมชาติและท่ีมนุษยส์ รา้ งขึ้นไม่ให้เสอ่ื มโทรมและเสยี หาย แตใ่ ห้มกี ิน มีใช้ และด�ารงอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาด้านน้ีจึงเน้นไปท่ีการพัฒนาคนเป็นหลัก ซงึ่ จะตอ้ งพฒั นาไปพรอ้ ม ๆ กันทงั้ 3 ดา้ น คอื 1) ด้านพฤตกิ รรมและวธิ ีการใชช้ ีวติ ตลอดจนการทา� มาหากิน (ศลี ) 2) ด้านจิตใจ เป็นการพัฒนาจิตใจให้เข้มแข็ง ม่ันคง มีคุณธรรม และมี ความสงบ (สมาธ)ิ 3) ดา้ นปญั ญา เปน็ การพัฒนาความร ู้ ความเขา้ ใจ แนวความคิด ทัศนคติ และค่านิยม เพ่ือให้ร้จู ักสิ่งต่าง ๆ และรวู้ า่ ควรปฏิบัตติ นตอ่ สง่ิ นน้ั ๆ อยา่ งไร (ปัญญา) การพัฒนาทัง้ 3 ด้านน้ ี พระพทุ ธศาสนาเรยี กว่า ไตรสิกขา นอกจากนใี้ นการพฒั นาดา้ นกายภาพและส่ิงแวดลอ้ ม สามารถน�าหลกั ธรรม ทางพระพทุ ธศาสนาเรื่องอืน่ ๆ เชน่ ภาวนา 4 มาเปน็ แนวทางในการพัฒนาได ้ ดงั นี้
4 หนังสือเ รียนรายวิชาพ้ืนฐาน สงั คมศึกษาฯ ป. 5 1) พฒั นากาย เปน็ การพฒั นาการใชช้ วี ติ ใหถ้ กู ตอ้ งเหมาะสมและมปี ระโยชน ์ ให้รจู้ ักความพอดี ประหยัด เรยี บง่าย มีวินยั และรูจ้ กั ใหเ้ กียรตซิ ึ่งกนั และกนั 2) พัฒนาศีล เป็นการพัฒนาความประพฤติให้อยู่ร่วมกับผู้อ่ืนในสังคม ได้อยา่ งมีความสุขด้วยความรกั ความเมตตา และมีไมตรีจิตตอ่ กัน 3) พฒั นาจิตใจ เป็นการพฒั นาความรสู้ ึกนกึ คดิ ใหถ้ ูกตอ้ งดงี าม มสี ต ิ สมาธ ิ เปน็ มิตรตอ่ กนั ไม่อิจฉารษิ ยากนั และรจู้ ักอดทนอดกล้นั 4) พัฒนาปัญญา เป็น การพฒั นาความคดิ ใหร้ จู้ กั ไตรต่ รอง มีเหตุผล เข้าใจและรู้เท่าทันการ เปลยี่ นแปลง ไม่ยดึ ติด ไม่ยดึ ม่ัน ถือมั่นจนเกนิ ไป หลกั ธรรมอกี หมวดหนง่ึ ท่ีสามารถน�ามาใช้เป็นแนวทางใน การพัฒนาชาติไทย คอื อรยิ สจั 4 ซง่ึ เปน็ หลกั การสา� คญั ทใ่ี ชแ้ กป้ ญั หา การปฏบิ ตั ิมารยาทชาวพทุ ธเปน็ การพฒั นาพฤตกิ รรม ชีวิตและปัญหาประเทศชาติได ้ ตามแนวทางของพระพทุ ธศาสนา ประกอบดว้ ยทกุ ข ์ (ปญั หา) สมทุ ยั (สาเหตุของปญั หา) นโิ รธ (ความหมดสนิ้ ไปของปัญหา) และมรรค (วธิ ีแก้ปญั หา) 2. การพัฒนาด้านจิตใจ การพัฒนาชาติไทยต้องพัฒนาให้สมดุลท้ังด้านวัตถุ และดา้ นจติ ใจ สา� หรบั การพฒั นาดา้ นจติ ใจมหี ลกั ธรรมทสี่ ามารถนา� มาใชเ้ ปน็ แนวทางใน การปฏิบัตไิ ด ้ เชน่ โอวาท 3 ซึ่งได้แก่ 1) การไม่ท�าความชั่ว คือ การไม่ท�าส่ิงที่ไม่ดี อันเป็น สาเหตุท่ีท�าให้ตนเองและผู้อื่น เดือดรอ้ น เช่น ลักขโมย ฉอ้ โกง ปล้นฆา่ และท�ารา้ ยกัน 2) การทา� ความด ี คือ การท�าสิ่งท่ีดีงาม เมื่อท�าแล้วไม่ ท�าให้ตนเองและผู้อื่นเดือดร้อน เชน่ มเี มตตากรณุ าตอ่ กนั มคี วาม เอื้อเฟอ เผ่ือแผ่กนั การพัฒนาจิตใจดว้ ยการศึกษาและปฏบิ ตั ิตน ตามหลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา
หนังสือ เรยี นรายวิชาพน้ื ฐาน สงั คมศกึ ษาฯ ป. 5 5 3) การท�าจิตใจให้ผ่องใสบริสุทธ์ิ คือ การท�าจิตใจของตนให้ปราศจาก ความเศรา้ หมอง ขนุ่ มัว ดว้ ยการหมนั่ ฝก ฝนอบรมจิตให้เกดิ ความสดใสเบกิ บาน จะเห็นได้ว่า การท่ีคนไทยอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ประเทศไทยเจริญ รงุ่ เรอื งและมน่ั คงมาไดจ้ นถงึ ทกุ วนั น ้ี กเ็ พราะคนไทยไดน้ า� หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา มาเปน็ หลกั ในการปฏบิ ัติตนและเปน็ หลักในการพัฒนาชาตไิ ทยดังท่ไี ด้กลา่ วมาแล้ว กจิ กรรมพฒั นาการเรียนรู้ แบ่งนักเรียนเป็นกลุ่มตามความเหมาะสม แต่ละกลุ่มสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับ ความสำ คัญของพระพุทธศาสนาในฐานะเป็นมรดกทางวัฒนธรรมและเป็นหลักใน การพัฒนาชาติไทย กลุ่มละ 1 ด้าน บันทึกข้อมูล แล้วส่งตัวแทนกลุ่มนำ เสนอ ผลงานหนา้ ชน้ั เรยี น 2. พุทธประวตั ิ พุทธประวัติ คือ ประวัติของพระพุทธเจ้า เริ่มตั้งแต่ประสูติ ตรัสรู้ จนถึง ปรนิ พิ พาน ชาวพทุ ธควรศกึ ษาพทุ ธประวตั ใิ หร้ แู้ ละเขา้ ใจทถี่ กู ตอ้ ง เพอื่ จะไดเ้ กดิ ศรทั ธาใน วถิ กี ารดา� เนนิ ชวี ติ ของพระพทุ ธเจา้ และนา� มาเปน็ แบบอยา่ งในการดา� เนนิ ชวี ติ ของตนตอ่ ไป 2.1 สรปุ พทุ ธประวัติ พระพทุ ธเจา้ มพี ระนามเดมิ วา่ สทิ ธตั ถะ เจา้ ชายสทิ ธัตถะทรงอภเิ ษกสมรส เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะ กบั เจา้ หญงิ ยโสธรา กษตั รยิ ์เมืองกบิลพสั ด์ ุ กบั พระนางสริ มิ หา- มายา ประสตู เิ มื่อวันขึ้น 15 ค�่า เดอื น 6 ใตต้ น้ สาละ ณ ลมุ พนิ วี นั ซง่ึ อยรู่ ะหวา่ งเมอื ง กบลิ พสั ดุ์กับเมืองเทวทหะ เมอ่ื พระชนมายุ ได้ 7 วัน พระราชมารดาสน้ิ พระชนม ์ ตอ่ มา เม่ือเจริญวัยได้ทรงเข้ารับการศึกษาความรู้ ตา่ ง ๆ จนแตกฉาน และเมอ่ื พระชนมายุได ้ 16 พรรษา ได้ทรงอภิเษกสมรสกบั เจา้ หญิง ยโสธรา (พิมพา) เมื่อพระชนมายุได้ 29 พรรษา ได้ เสด็จประพาสพระราชอุทยาน ทรงเห็น เทวทูต 4 คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย
6 หนังสอื เรยี นรายวิชาพน้ื ฐาน สังคมศึกษาฯ ป. 5 ทรงสลดพระทัยและเข้าใจความจริงของชีวิตว่า มีแตค่ วามทกุ ข์ ท�าอย่างไรจงึ จะพ้นจากความทกุ ข์ ได้ ตอ่ มาทรงเห็นสมณะ (นกั บวช) ซ่ึงมีกิริยาสงบ ทรงพอพระทยั และเหน็ วา่ หนทางน ้ี (การเปน็ นกั บวช) นา่ จะทา� ใหพ้ น้ จากความทกุ ขไ์ ด ้ จงึ ทรงตดั สนิ พระทยั เสด็จออกผนวช ในคืนของวันที่พระนางยโสธรา ประสตู ริ าหลุ กุมาร หลังจากที่ทรงผนวชแล้ว พระองค์ทรง แสวงหาหนทางพ้นทุกข์อยู่นานถึง 6 ป กระท่ัง ตรัสรู้อริยสัจ 4 ในวนั ขึ้น 15 ค่�า เดือน 6 และได้ ทรงประกาศหลักธรรมที่ตรัสรู้ให้ผู้อ่ืนได้รู้และ ปฏิบัติตาม โดยทรงแสดงธรรมโปรดปัญจวัคคีย์ เจา้ ชายสทิ ธัตถะ เป็นกลุ่มแรกที่อิสิปตนมฤคทายวัน ต่อจากนั้น ทอดพระเนตรเหน็ เทวทตู 4 หลักค�าสอนของพระองค์ก็ได้แพร่หลายจนเป็นที่ ยอมรับโดยทว่ั ไป 2.2 เสดจ็ เมอื งกบิลพสั ดุ พระเจา้ สทุ โธทนะทรงทราบวา่ พระสทิ ธตั ถะไดต้ รสั รเู้ ปน็ พระพทุ ธเจา้ และไดเ้ สดจ็ มาเทศนาส่ังสอนประชาชนอย่ ู ณ วดั เวฬุวัน เมือง ราชคฤห์ จงึ ตรสั สัง่ ใหก้ าฬทุ ายอี �ามาตย์พรอ้ มดว้ ย บริวารไปทลู นมิ นต์ให้เสด็จมาทีเ่ มอื งกบิลพัสดุ์ เมื่อไปถึงกาฬุทายีอ�ามาตย์และคณะได้ฟัง ธรรมจากพระพุทธเจ้าก็บรรลุเป็นอรหันต์ท้ังหมด และได้ขอบวชเป็นพระสงฆ์ หลังจากบวชแล้ว กาฬุทายอี �ามาตยไ์ ดท้ ูลนมิ นต์พระพุทธเจ้าใหเ้ สด็จ เมืองกบิลพัสดุ์ตามพระราชด�ารัสของพระเจ้า สทุ โธทนะ รุ่งเช้าหลังจากเสด็จถึงเมืองกบิลพัสดุ ์ พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์ทั้งหมดเดินรับ บณิ ฑบาตตามถนน ผคู้ นเมอ่ื ไดเ้ หน็ พระพทุ ธเจา้ ซงึ่ เป็นพระราชโอรสของกษัตริย์ออกเดินบิณฑบาต พระเจ้าสุทโธทนะเสด็จพระราช- ต่างพากันหยุดมองดูด้วยความประหลาดใจ ดำเนินไปขวางทางการบณิ ฑบาต ของพระพทุ ธเจ้า
หนังสือเรียนรายวิชาพ้นื ฐาน สังคมศึกษาฯ ป. 5 7 เมอื่ พระเจา้ สทุ โธทนะทรงทราบกร็ ีบเสดจ็ พระราชดำ� เนนิ ไปขวางทางไว้ และทรงตดั พอ้ วา่ “เหตุใดจึงตอ้ งมารับบณิ ฑบาตให้เป็นทน่ี ่าอับอาย ทำ� ไมไม่ไปเสวยในวงั ” พระพทุ ธเจ้าตรสั ตอบว่า “ตั้งแต่อาตมาตรสั รูเ้ ปน็ พระพทุ ธเจา้ แล้วกส็ ิน้ สุดความ เป็นกษตั รยิ แ์ ละเรม่ิ ต้นเป็นพุทธวงศ”์ จากนนั้ ทรงแสดงธรรมใหฟ้ งั พระเจา้ สทุ โธทนะ เมอ่ื ฟงั ธรรมจบกบ็ รรลเุ ป็นพระโสดาบนั ในการเสดจ็ เยอื นเมอื งกบลิ พสั ดค์ุ รง้ั นนั้ พระพทุ ธเจา้ ไดท้ รงแสดงธรรมแกบ่ รรดา พระราชวงศ์ ข้าราชบริพาร และชาวเมืองอีกเป็นจ�ำนวนมากให้บรรลุธรรมตามสมควร แก่วาสนาบารมีของแต่ละคน พระนางมหาปชาบดีโคตมีและพระนางยโสธราก็ได้บรรลุ โสดาปตั ตผิ ล สว่ นราหลุ กมุ ารพระพทุ ธเจา้ โปรดใหพ้ ระสารบี ตุ รบวชใหเ้ ปน็ สามเณรตาม พระพทุ ธด�ำรัสว่า “การประทานราชสมบตั ใิ นทางโลกเปน็ ส่งิ ทีไ่ มย่ ่ังยนื ถาวร เตม็ ไปด้วย ความทุกขใ์ นการเก็บรักษา สมควรประทานทรัพยอ์ ันประเสรฐิ ท่ีเรียกว่า อริยทรพั ย์ คอื ธรรมท่ีพระองค์ได้ตรัสรู้มา” ส่วนนันทกุมารผู้เป็นพระอนุชาซึ่งเป็นพระโอรสของ พระนางมหาปชาบดีโคตมกี ไ็ ดบ้ วชเปน็ พระภิกษดุ ว้ ย 2.3 พุทธกิจส�ำ คัญ ตลอดเวลา 45 พรรษานับตัง้ แตต่ รสั รู้ พระพุทธเจา้ ไดเ้ สดจ็ ประกาศพระศาสนา เพอ่ื ประโยชนส์ ขุ ของประชาชนในแควน้ ตา่ ง ๆ โดยไมท่ รงเหน็ แกค่ วามยากลำ� บาก เพอ่ื ให้ ประชาชนได้รับความสุข ความสงบ และความร่มเย็น โดยวันหนึ่ง ๆ พระพุทธเจ้า มภี ารกิจทที่ รงปฏบิ ตั ิ 5 ประการ ซง่ึ เรียกว่า พทุ ธกิจ 5 พทุ ธกจิ 5 1. เวลาเชา้ เสด็จบิณฑบาตเพ่ือโปรดสัตว์ โดยการสนทนาธรรมหรือ แสดงธรรมใหฟ้ งั 2. เวลาเย็น ทรงแสดงธรรมแก่ประชาชนทมี่ าเขา้ เฝา้ บริเวณทปี่ ระทับ 3. เวลาค่ำ� ประทานโอวาทแก่พระสงฆ์ 4. เวลาเท่ียงคืน ทรงตอบปัญหาแก่เทวดาและพระมหากษตั รยิ ์ 5. เวลาใกลร้ ุ่ง ทรงพจิ ารณาสตั ว์โลกวา่ ผ้ใู ดมนี ิสัยทีจ่ ะบรรลธุ รรมได ้ เพ่อื จะเสดจ็ ไปโปรดในเวลาเชา้
8 หนังสือ เรยี นรายวิชาพนื้ ฐาน สงั คมศกึ ษาฯ ป. 5 พทุ ธกจิ 5 ประการน ี้ พระพทุ ธเจา้ ทรงบา� เพญ็ เพอื่ ประโยชนแ์ กช่ าวโลกจงึ เรยี กวา่ โลกตั ถจริยา สว่ นการบา� เพ็ญประโยชนแ์ กพ่ ระประยุรญาติ เรียกว่า ญาตตั ถจริยา เชน่ เสดจ็ ไปแสดงธรรมโปรดพระราชบิดา ใหร้ าหุลกมุ ารบวชเปน็ สามเณร และการบา� เพ็ญ ประโยชนใ์ นฐานะที่เป็นพระพทุ ธเจา้ เรยี กวา่ พุทธตั ถจริยา เช่น ทรงบัญญตั พิ ระวินยั ให้เป็นหลักปกครองพระสงฆ์ ทรงสถาปนาพุทธบริษัท 4 ให้เป็นก�าลังส�าคัญใน การประกาศพระศาสนา กจิ กรรมพัฒนาการเรยี นรู้ แบ่งนักเรียนเป็นกลุ่มตามความเหมาะสม แต่ละกลุ่มระดมสมองเพื่อศึกษา พุทธประวัติในบทเรียน และเตรียมคำ ถามกลุ่มละ 5 คำ ถาม แล้วให้แต่ละกลุ่ม ผลดั เปลยี่ นกันถามตอบสลับไปมา 3. ชาดก ชาดก คือ เร่ืองราวในอดีตชาติของพระพุทธเจ้า ก่อนมาประสูติและตรัสรู้เป็น พระพุทธเจ้าในชาติสดุ ทา้ ย เราเรียกพระพุทธเจ้าในชาติตา่ ง ๆ ว่า พระโพธสิ ตั ว ์ ชาดก แต่ละเร่ืองให้ข้อคิดหรือคติสอนใจแก่ผู้ศึกษาส�าหรับน�าไปใช้เป็นแนวทางในการด�าเนิน ชวี ติ ในชน้ั น้กี �าหนดใหศ้ ึกษาชาดก 2 เร่อื ง ดังน้ี 3.1 จูฬเสฏฐชิ าดก ในสมัยพุทธกาล ขณะทีพ่ ระพทุ ธเจา้ ประทบั อยู่ทสี่ วนมะม่วง เมืองราชคฤห์ ทรง ปรารภพระเถระรปู หนง่ึ ซงึ่ นอ้ ยใจพระเถระทเี่ ปน็ พชี่ ายจงึ คดิ จะสกึ จากพระ พระพทุ ธเจา้ ไดใ้ หพ้ ระเถระรปู นน้ั ลบู คลา� ผา้ เกา่ พจิ ารณาความไมเ่ ทย่ี งของสงั ขารจนจติ หมดจากความ โกรธและได้บรรลเุ ป็นพระอรหนั ต์ในท่สี ุด เมื่อพระภิกษุสนทนากันถึงเรื่องนี ้ พระพุทธเจ้าจึงตรัสเล่าเรื่องจูฬะเศรษฐี ผู้มีปญั ญาให้ฟังวา่ วันหน่ึง ขณะจูฬะเศรษฐีเดินทาง ไปเข้าเฝ้าพระราชา ระหว่างทางพบหนู ตายตัวหนึ่ง จึงพูดว่า “หากผู้ใดเก็บหนู ตัวน้ีไปจะสามารถประกอบการงานเลี้ยง ชวี ติ ได”้ ชายยากไรผ้ หู้ นง่ึ ชอ่ื จฬู นั เตวาสกิ จึงเก็บหนูตัวน้ันไปขายให้คนเล้ียงแมว เม่ือได้เงินก็น�าไปซ้ือน้�าตาลมาละลายน้�า จ�ู ันเตวาสิกเก็บหนูตายไปขาย ให้คนเล้ียงแมว
หนงั สอื เ รยี นรายวชิ าพนื้ ฐาน สงั คมศกึ ษา ฯ ป. 5 9 ทา� เปน็ นา�้ หวาน แลว้ นา� ไปแจกใหแ้ กค่ นเกบ็ ดอกไมไ้ ดด้ ม่ื พวกเขาใหด้ อกไมเ้ ปน็ การตอบแทน จูฬันเตวาสิกได้น�าดอกไม้ไปขายที่ตลาดจงึ ไดเ้ งนิ เพม่ิ ขนึ้ วนั หนงึ่ มลี มพายพุ ดั แรงกง่ิ ไม้ แหง้ ตกเกลอ่ื นกลาด เขาจงึ อาสาเกบ็ กงิ่ ไมแ้ หง้ ทล่ี มพดั ตกลงมาจากผรู้ กั ษาพระราชอทุ ยาน แล้วน�าไปเสนอขายให้กับช่างปันหม้อ เม่ือได้เงินเพ่ิมมากข้ึน เขาจึงคิดหาหนทางท่ีจะ ท�าการค้าต่อไป จึงจัดน้�าดื่มไปวางไว้หน้าประตูเมืองให้คนตัดหญ้าได้ดื่มแก้กระหาย เพอ่ื เป็นการผูกมติ ร ตอ่ มาเพอื่ นทเี่ ป็นพ่อค้าทางบกมาบอกขา่ ววา่ พร่งุ นจี้ ะมีพวกพอ่ ค้าม้านา� ม้า 500 ตวั ผ่านมาทางน ้ี เขาจึงขอหญ้าจากคนตัดหญ้าคนละฟอน และขอร้องว่าหากตนยังขาย หญ้าไม่หมด คนอ่ืน ๆ ก็อย่าเพิ่งขาย พอ่ ค้ามา้ จึงต้องจา่ ยเงินเปน็ จา� นวนมากเพ่ือซ้อื หญา้ จากจฬู นั เตวาสกิ อกี 2–3 วนั ตอ่ มาเพอื่ นทเี่ ปน็ พอ่ คา้ ทางนา้� มาบอกวา่ ในวนั พรงุ่ น้ี จะมเี รอื สนิ คา้ ใหญม่ าจอดทที่ า่ เรอื เมอื งน ้ี เขาจงึ นา� เงนิ ไปวางมดั จา� สนิ คา้ ทง้ั หมดกบั นายเรอื เมือ่ พอ่ ค้าคนอื่น ๆ ตอ้ งการสินค้าในเรือนน้ั จะตอ้ งขอซ้ือตอ่ จากเขา ทา� ให้จฬู นั เตวาสิก ไดก้ า� ไรเปน็ จา� นวนมาก เขาไดน้ า� เงนิ สว่ นหนงึ่ ไปมอบใหจ้ ฬู ะเศรษฐ ี เพอ่ื ตอบแทนบญุ คณุ ท่ีแนะน�าให้เขาเก็บหนูไปขาย ท�าให้ได้เป็นเศรษฐีในช่วงเวลาอันรวดเร็ว จูฬะเศรษฐี จงึ ยกธดิ าใหเ้ ปน็ ภรรยาและได้ยกทรพั ยส์ มบตั ิให้เป็นมรดกอีกดว้ ย ชาดกเร่ืองนี้สอนให้รู้ว่า ผู้มีปัญญาสามารถสร้างฐานะได้ด้วยทุนทรัพย์เพียง เลก็ น้อย 3.2 วัณณาโรหชาดก ในสมัยพุทธกาล ขณะที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ท่ีวัดเชตวัน เมืองสาวัตถ ี ทรงปรารภถึงพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ซึ่งจ�าพรรษาอยู่ในปาใกล้หมู่บ้าน ปจั จนั ตชนบท โดยมีชายคนหนงึ่ คอยดูแลรับใช้ ชายคนนัน้ ตอ้ งการใหพ้ ระเถระทงั้ สอง แตกสามัคคีกนั แต่ท�าไมส่ �าเรจ็ พระพทุ ธเจา้ จงึ ตรสั เลา่ เรอื่ งวณั ณาโรหชาดกวา่ ในอดีตกาล เมื่อพระโพธิสัตว์ เกดิ เปน็ รกุ ขเทวดาอยใู่ นปา ไดม้ รี าชสหี ์ กับเสือโคร่งอาศัยอยู่ในถ้�าชายปา และ มีสุนัขจ้ิงจอกคอยรับใช้ วันหน่ึง สุนัขจ้ิงจอกอยากกินเน้ือราชสีห์และ เน้ือเสือโคร่ง จึงคิดหาอุบายท�าให้สัตว์ ทงั้ สองแตกสามคั คกี นั สนุ ขั จง้ิ จอกเดนิ เขา้ ไปหาราชสหี แ์ ลว้ กลา่ ววา่ “ทา่ นราชสหี ์ สนุ ัขจิ้งจอกพูดยยุ งใหร้ าชสหี ์กับเสอื โคร่ง ทา่ นมปี ญั หากับเสือโคร่งหรอื เปลา่ ” แตกสามัคคกี ัน
10 หนังสอื เ รียนรายวชิ าพื้นฐาน สงั คมศกึ ษา ฯ ป. 5 “ปญั หาอะไรหรือ” ราชสหี ย์ ้อนถาม สุนัขจ้ิงจอกพูดใส่ความว่า “เห็นเสือโคร่งพูดกับข้าพเจ้าว่า ราชสีห์ไม่มีอะไรดี สเู้ สอื โคร่งได้เลย เสอื โคร่งรูปรา่ งใหญ่กวา่ ผวิ พรรณดีกวา่ และชาติตระกลู กส็ ูงกว่า” ราชสหี ไ์ มเ่ ช่อื และกล่าวกับสนุ ขั จิง้ จอกวา่ “ไม่จรงิ เสอื โคร่งไมพ่ ดู เช่นนั้นหรอก เจ้าออกไปเถิด” สนุ ขั จงิ้ จอกเหน็ ดงั นน้ั จงึ เดนิ ไปหาเสอื โครง่ และพดู กบั เสอื โครง่ ในทา� นองเดยี วกบั ทพ่ี ดู กับราชสีห์ เสือโคร่งเมื่อได้ฟังเช่นนั้น จึงเดินเข้าไปหาราชสีห์แล้วถามว่า “จริงหรือที่เพ่ือน พูดวา่ เราเช่นน้ัน” ราชสีหไ์ ด้เตอื นสตเิ สือโคร่งว่า “ถา้ เพือ่ นเชือ่ ผ้อู ่นื มากกว่าเราท่ีอย่ดู ว้ ยกันมานาน เราจะไม่ขออยู่กับเพ่ือนอีกต่อไป เพราะผู้ใดเช่ือค�าของคนอื่นโดยไม่คิดพิจารณาก่อน ผ้นู นั้ จะตอ้ งแตกสามัคคีจากเพ่อื นและประสบภัย ผ้ใู ดคอยระแวง มุ่งคอยแตจ่ ะจับผดิ ผู้น้ันไม่ใช่เพ่ือน ส่วนผู้ใดไม่เชื่อค�ายุยงของผู้อื่น ไม่รังเกียจเพ่ือน จะนอนปลอดภัย เหมอื นบุตรนอนอยู่ในออ้ มอกของมารดา ผนู้ ัน้ ชื่อว่าเปน็ มติ รแท้” เสอื โครง่ เมอ่ื ไดฟ้ งั คา� ของราชสหี ก์ ไ็ ดส้ ต ิ จงึ กลา่ วขอโทษ จากนน้ั สตั วท์ ง้ั สองกอ็ ยู่ ร่วมกนั ดว้ ยความสามัคคี สว่ นสนุ ขั จงิ้ จอกก็หนีไปอย่ทู อี่ ่นื ชาดกเรอ่ื งนส้ี อนใหร้ วู้ า่ คนมปี ญั ญายอ่ มหนกั แนน่ อยใู่ นความสามคั ค ี ไมแ่ ตกแยก กบั หมูค่ ณะดว้ ยค�ายยุ งของผู้อ่ืน กิจกรรมพฒั นาการเรยี นรู้ แบง่ นกั เรยี นเปน็ กลมุ่ ตามความเหมาะสม แตล่ ะกลมุ่ ระดมสมองคน้ หาคณุ ธรรม จากจูฬเสฏฐิชาดกและวัณณาโรหชาดก บันทึกผล แล้วส่งตัวแทนกลุ่มนำ เสนอ หน้าชั้นเรียน บทสรปุ พระพทุ ธศาสนามคี วามสา� คญั ตอ่ สงั คมไทยในฐานะเปน็ มรดกทางวฒั นธรรมและ เปน็ หลกั ในการพัฒนาชาติไทย พระพทุ ธเจา้ เสดจ็ เมอื งกบลิ พสั ดเ์ุ พอื่ แสดงธรรมโปรดพระราชบดิ า พระประยรุ ญาติ และชาวเมืองจนได้บรรลุธรรมและขอบวชเป็นจ�านวนมาก การกระท�าดังกล่าวถือเป็น การปฏบิ ตั พิ ทุ ธกจิ เพอ่ื ประโยชน์แก่ชาวโลก
หนงั สือเรยี นรายวชิ าพ้ืนฐาน สังคมศกึ ษาฯ ป. 5 11 ชาดกเป็นเร่ืองราวท่ีพระพุทธเจ้าทรงน�ำมาเล่าแก่พระสงฆ์ เพื่อให้ข้อคิดในเร่ือง ตา่ ง ๆ เช่น จูฬเสฏฐิชาดกใหข้ อ้ คิดวา่ ผมู้ ีปญั ญาสามารถสร้างฐานะได้ดว้ ยทนุ ทรัพย์ เพยี งเลก็ นอ้ ย วณั ณาโรหชาดกใหข้ อ้ คดิ วา่ คนมปี ญั ญายอ่ มหนกั แนน่ อยใู่ นความสามคั คี ไมแ่ ตกแยกกบั หมู่คณะด้วยค�ำยยุ งของผู้อน่ื กจิ กรรมเสนอแนะ 1. แบง่ นกั เรยี นเปน็ กลมุ่ ตามความเหมาะสม แตล่ ะกลมุ่ ระดมสมองอภปิ รายเรอื่ ง เราจะน�ำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาไปใช้เพื่อพัฒนาชาติไทยอย่างไร ยกตัวอย่าง ประกอบ บันทึกผลการอภปิ ราย แลว้ ส่งตัวแทนกลมุ่ น�ำเสนอหนา้ ชั้นเรยี น 2. แบ่งนกั เรียนเป็นกลมุ่ ตามความเหมาะสม แต่ละกล่มุ ศึกษาพุทธประวัติและ ชาดกในบทเรยี น แลว้ รว่ มกนั สรปุ ขอ้ คดิ ทไี่ ดจ้ ากพทุ ธประวตั แิ ละชาดก บนั ทกึ ลงในสมดุ เพือ่ นำ� ไปปฏิบัติในชวี ิตประจ�ำวนั การประยุกตใ์ ช้ในชีวิตประจำ�วัน “คนมีปัญญาย่อมหนักแน่นอยู่ในความสามัคคี ไม่แตกแยกกับหมู่คณะด้วย ค�ำยุยงของผู้อ่ืน” จากค�ำกล่าวน้ี ถ้ามีผู้อื่นมายุยงให้แตกความสามัคคีกับเพื่อนท่ีคบ กนั มานาน นักเรยี นจะปฏิบตั ติ นอย่างไร คำ�ถามทบทวน 1. ทำ� ไมคนตา่ งชาตจิ ึงชอบมาเที่ยววดั ไทยและชอบคนไทย 2. พระพุทธเจา้ เสดจ็ กลับเมอื งกบิลพัสดเ์ุ พือ่ อะไร 3. การแสดงธรรมของพระพุทธเจา้ มปี ระโยชนอ์ ย่างไร 4. จฬู เสฏฐิชาดกและวณั ณาโรหชาดกใหข้ ้อคดิ ในเรอ่ื งใด 5. การน�ำข้อคิดจากจูฬเสฏฐิชาดกและวัณณาโรหชาดกมาประพฤติปฏิบัติจะท�ำให้เกิด ผลดีอยา่ งไร
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: