หลกั ธรรมาภบิ าล
ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกับหลกั ธรรมาภิบาล ระเบียบสำนักนำยกรัฐมนตรี ว่ำด้วยกำรสร้ำงระบบบรหิ ำรกิจกำรบ้ำนเมอื งและสังคมที่ดี พ.ศ. 2542 ได้ให้ควำมหมำยของ ธรรมาภิบาล หมำยถึง กำรบริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองและสังคมท่ีดี เป็นแนวทำง สำคัญ ในกำรจัดระเบียบให้สังคมรัฐ ภำคธุรกิจเอกชน และภำคประชำชน ซ่ึงครอบคลุมถึง ฝ่ำยวิชำกำร ฝ่ำย ปฏิบัติกำร ฝ่ำยรำชกำร และฝ่ำยธุรกิจ สำมำรถอยู่ร่วมกันอย่ำงสงบสุข มีควำมรู้รักสำมัคคีและร่วมกัน เปน็ พลัง กอ่ ให้เกดิ กำรพฒั นำอยำ่ งยั่งยืน และเปน็ ส่วนเสริม ควำมเข้มแข็งหรอื สร้ำงภูมิคมุ้ กันแก่ประเทศ เพ่ือ บรรเทำปอ้ งกัน หรอื แก้ไขเยียวยำภำวะ วิกฤติ ภยนั ตรำยท่ีหำกจะมีมำในอนำคต เพรำะสงั คมจะรู้สกึ ถงึ ควำม ยุติธรรม ควำมโปร่งใส และควำมมีส่วนร่วม อันเป็นคุณลักษณะสำคัญของศักด์ิศรีควำมเป็นมนุษย์ และ กำรปกครอง แบบประชำธิปไตยอันมีพระมหำกษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข สอดคล้องกับควำมเป็นไทย รัฐธรรมนูญ และกระแสโลกยคุ ปจั จบุ ัน ดร.แสงชัย อภิชำตธนพัฒน์ (หน้ำ 2) ได้ให้ควำมหมำยของ ธรรมาภิบาล หมำยถึง นับเป็นกระแสท่ี ทุกภำคส่วนไม่ว่ำจะเป็นภำครัฐ หรือ ภำคธุรกิจเอกชน ร่วมถึงประชำชน ให้ควำมสนใจและนำมำประยุกต์ใช้ ในกำรดำเนินงำนขององค์กรด้วยหลักธรรมำภิบำล ซึ่งประกอบด้วยหลักสำคัญ 6 ประกำรคือ หลักควำม โปร่งใส หลักสำนึกรบั ผดิ ชอบ หลกั นิตธิ รรม หลักคุณธรรม หลักกำรมสี ว่ นรว่ ม และหลกั ควำมคมุ้ ค่ำเป็น ควำมสอดคล้องกบั ควำมรู้สึกและควำมต้องกำรของสำธำรณะชน รวมถึงสำธำรณะชนก็มีควำมคำดหวังใหท้ กุ ภำคส่วนมกี ำรปฏิบัติอย่ำงแทจ้ รงิ มใิ ชเ่ ป็นเพียงแตก่ ระแสนิยมเท่ำนนั้ สำนักงำนคณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรือน ให้ควำมหมำยของ หลักธรรมาภิบาล ไว้หลำยประกำร ดังน้ี 1. ประชำรัฐ หมำยถึง กระบวนควำมสัมพันธ์ระหว่ำงภำครัฐภำคสังคมภำคเอกชนแลประชำชน โดยทั่วไปในกำรท่ีจะทำให้กำรบริหำรรำชกำรแผ่นดินดำเนินไปอย่ำงมีประสิทธิภำพ มีคุณภำพโปร่งใสและ ตรวจสอบได้ 2. ประชำรัฐ หมำยถึง กำรที่กลไกของรัฐ ท้ังทำงกำรเมืองและกำรบริหำร มีควำมแข็งแกร่ง มีประสทิ ธภิ ำพ สะอำด โปร่งใส รับผดิ ชอบ 3. ประชำรัฐ หมำยถึง กำรบรหิ ำรหรือกำรปกครองท่ดี ีหรอื กำรปกครอง หรือกำรบริหำรที่เป็นธรรม โดยมีองคป์ ระกอบ 3 ประกำร ควำมโปรง่ ใส กำรตรวจสอบได้ และควำมมปี ระสิทธภิ ำพ นพ.ประเวศ วะสี ไดใ้ ห้ควำมหมำยของ ธรรมำภิบำล ไว้วำ่ หมำยถึง รัฐที่มคี วำมถกู ตอ้ งเป็นธรรม ซง่ึ หมำยถึง ควำมถูกต้องเป็นธรรมใน 3 เร่ืองใหญๆ่ คือ 1. กำรเมืองและระบบรำชกำรที่โปรง่ ใสรบั ผดิ ชอบตอ่ สังคมถูกตรวจสอบได้ 2. ภำคธรุ กิจท่โี ปร่งใสรับผิดชอบตอ่ สังคมสำมำรถตรวจสอบได้ 3. สงั คมทเ่ี ขม้ แข็งควำมเป็นประชำสงั คม สำมำรถตรวจสอบภำครัฐและภำคธรุ กจิ ให้ต้งั อยู่บนควำม ถูกตอ้ ง ดังน้ัน จึงกล่ำวได้ว่ำ หลักธรรมำภิบำล คือ กำรบริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองและสังคมที่ดี เป็นแนวทำง สำคัญ ในกำรจัดระเบียบให้สังคม ซึ่งครอบคลุมถึง ฝ่ำยวิชำกำร ฝ่ำยปฏิบัติกำร ฝ่ำยรำชกำร และฝ่ำยธุรกิจ สำมำรถอยู่รว่ มกันอยำ่ งสงบสขุ ซง่ึ ประกอบดว้ ยหลักสำคญั 6 ประกำรคือ หลักควำมโปรง่ ใส หลกั สำนกึ รบั ผดิ ชอบ หลัก นิติธรรม หลกั คณุ ธรรม หลกั กำรมีส่วนรว่ ม และหลักควำมคมุ้ ค่ำเปน็ ควำมสอดคล้องกับควำมรสู้ กึ และควำม ตอ้ งกำรของสำธำรณะชน รวมถงึ สำธำรณะชนก็มคี วำมคำดหวังใหท้ กุ ภำคส่วนมีกำรปฏบิ ัติอยำ่ งแท้จรงิ
ลักษณะของหลักธรรมาภบิ าล ลกั ษณะเง่ือนไขของหลกั หลักธรรมำภิบำล มหี ลกั สำคัญ 6 ประกำร ดังนี้ 1. ห ลั ก ก า ร มี ส่ ว น ร่ ว ม ข อ ง ส า ธ า ร ณ ช น (Public Participation) คือ กระบวนกำรท่ีประชำชนมีโอกำสและมีส่วนร่วม ในกระบวนกำรตัดสินใจอย่ำงเท่ำเทียมกัน (Equity) ไม่ว่ำจะเป็น โอกำสในกำรเข้ำรว่ มทำงตรงหรอื ทำงออ้ ม โดยผ่ำนกลุ่มผู้แทนรำษฎร ทไี่ ด้รับกำรเลอื กตั้งจำกประชำนโดยชอบธรรม 2. ห ลั ก ค ว า ม สุ จ ริ ต แ ล ะ โ ป ร่ ง ใ ส (Honesty and Transparency) คือ กลไกกำรบริหำรที่มีควำมสุจริตและโปร่งใส ซึ่งรวมถึงกำรมีระบบ กติกำ และกำรดำเนินงำนท่ีเปิดเผย ภำพที่ 4.1 : หลกั ธรรมำภิบำล ตรงไปตรงมำ ประชำชนสำมำรถเขำ้ ถึงและรับรู้ข้อมูลข่ำวสำรได้อย่ำง เสรี เป็นธรรม ถูกต้อง และมีประสิทธิภำพ ซ่ึงหมำยถึง กำรท่ี ทม่ี ำ : http://consolidation.rid.go.th วันทส่ี ืบคน้ : 8 ธ.ค. 59 ผู้เก่ียวข้องทั้งหมด ไม่ว่ำจะเป็นหน่วยงำนกำกับดูแลและประชำชน สำมำรถตรวจสอบและตดิ ตำมผลได้ 3. หลักพันธะความรับผิดชอบต่อสังคม (Accountability) คือ ควำมรับผิดชอบในบทบำท ภำระหน้ำที่ท่ีมีต่อสำธำรณชน โดยมีกำรจัดองค์กรหรือกำรกำหนดกฎเกณฑ์ท่ีเป็นกำรดำเนินงำนเพ่ือ สนองตอบควำมต้องกำรของกลุ่มต่ำงๆ ในสังคมอยำ่ งเปน็ ธรรม ในควำมหมำยนี้ มีควำมหมำยทม่ี ำกกว่ำควำม รับผดิ ชอบเฉพำะตอ่ ผูบ้ งั คับบัญชำหรือกลุม่ ผู้เปน็ ฐำนเสยี งทีใ่ หก้ ำรสนบั สนนุ ทำงกำรเมอื ง 4. หลักกลไกการเมืองท่ีชอบธรรม (Political Legitimacy) คือ เป็นกลไกที่มีองค์ประกอบของ รัฐบำลหรือผู้ท่ีเข้ำร่วมบริหำรประเทศที่มีควำมชอบธรรม เป็นท่ียอมรับของคนในสังคมโดยส่วนรวมไม่ว่ำจะ โดยแตง่ ต้ังหรือเลือกต้งั 5. หลักเกณฑ์ท่ียุติธรรมและชัดเจน (Fair Legal Framework and Predictability) คือ กรอบ ของกฎหมำยท่ียุติธรรมและเป็นธรรมสำหรับกลุ่มคนต่ำงๆ ในสังคม ซึ่งกฎเกณฑ์มีกำรบังคับใช้และสำมำรถ ใช้ไดอ้ ยำ่ งมปี ระสทิ ธิภำพ เปน็ กฎเกณฑท์ ่ชี ัด ซึ่งคนในสงั คมทุกสว่ นเขำ้ ใจ 6. หลักประสิทธิภาพและประสิทธิผล (Efciency and Effectiveness) คือ เป็นกลไกที่มี ประสทิ ธภิ ำพในกำรดำเนินงำน ไม่ว่ำจะเป็นดำ้ นกำรจัดกระบวนกำรทำงำน กำรจัดองค์กร กำรจดั สรรบุคลำกร และมีกำรใช้ทรัพยำกรสำธำรณะต่ำงๆ อย่ำงคุ้มค่ำและเหมำะสม มีกำรดำเนินกำรให้สำธำรณะ ท่ีให้ผลลัพธ์ เปน็ ท่ีน่ำพอใจ และกระตุ้นกำรพัฒนำของสังคมทกุ ด้ำน (ด้ำนกำรเมืองสงั คมวัฒนธรรมและเศรษฐกจิ ) เปา้ หมายของหลักธรรมาภบิ าล รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับ พ.ศ. 2550 ได้สร้ำงระบบบริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองที่ดีอัน เรียกเป็นศพั ท์ภำษำองั กฤษวำ่ “ good governance” โดยมเี ป้ำหมำยรว่ มกนั อยู่ 3 ประกำร ประกอบดว้ ย ประการแรก กำรบริหำรมุ่งผลสัมฤทธ์ิเพื่อให้กำรบริหำรงำนภำครัฐ มีคุณภำพได้มำตรฐำนตำมท่ี ประชำชนต้องกำร มีควำมโปร่งใสในกำรตัดสนิ ใจและในกระบวนกำรทำงำน ให้ประชำชนได้รับข้อมูลข่ำวสำร ร่วมแสดงควำมคิดเหน็ และมีสว่ นร่วมในกำรทำงำน รวมทงั้ กำรประหยัด มปี ระสิทธิภำพตอ่ ผลงำนนน้ั แทนกำร เนน้ ทำให้ถกู ตอ้ งตำมกฎระเบียบและวธิ กี ำรเพียงอย่ำงเดยี ว
ประการท่สี อง กำรปรบั เปลย่ี นบทบำทกำรทำงำนของภำครัฐ โดยเน้นงำนในหนำ้ ท่ีหลกั ของภำครฐั ซ่ึง ได้แก่ กำรกำหนดนโยบำยท่ีมองกำรณ์ไกลกำรมีบังคับใช้กฎหมำยท่ีให้ควำมเสมอภำคเป็นธรรมและองค์กำร บรหิ ำรอย่ำงเปน็ อิสระ มีส่วนร่วมของภำคประชำชนในกำรดำเนินกำร ประการท่ีสาม กำรบริหำรแบบพหุภำคีได้แก่ กำรบริหำรที่ให้ผู้มีส่วนได้เสียเข้ำมำมีส่วนร่วมในกำร กำหนดเปำ้ หมำยตัดสินใจ หรือรว่ มปฏิบัตงิ ำนโดยไม่ผกู ขำดหรือรวมศนู ยอ์ ำนำจ พระรำชกฤษฎีกำว่ำด้วยหลักเกณฑ์และวิธีกำรบริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 ได้กำหนด ขอบเขตเป้ำหมำยของคำว่ำ กำรบริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองที่ดีว่ำ ได้แก่ กำรบริหำรรำชกำรเพ่ือบรรลุเป้ำหมำย ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. เกิดประโยชนส์ ุขของประชำชน 2. เกดิ ผลสัมฤทธิ์ตอ่ ภำรกจิ ของรัฐ 3. มปี ระสทิ ธภิ ำพและเกดิ ควำมคมุ้ ค่ำในเชิงภำรกิจรัฐ 4. ไม่มีขนั้ ตอนกำรปฏิบตั ิงำนเกนิ ควำมจำเปน็ 5. มีกำรปรบั ปรุงภำรกิจของสว่ นรำชกำรให้ทนั ตอ่ สถำนกำรณ์ 6. ประชำชนได้รับกำรอำนวยควำมสะดวกและไดร้ ับกำรตอบสนองควำมต้องกำร 7. มกี ำรประเมินผลกำรปฏิบัติรำชกำรอย่ำงสมำ่ เสมอ แนวทางปฏบิ ัติตามหลกั “หลักธรรมาภบิ าล” หลักธรรมำภบิ ำลมีควำมเก่ียวข้องกบั ธรุ กิจอย่ำงชัดเจน เพรำะหลกั ทง้ั 6 ประกำร สำมำรถนำมำแปร เป็นวิธีปฏิบัติสำหรับองค์กร เพรำะเมื่อองค์กรมีกำรปฏิบัติท่ีดีต่อพนักงำน พนักงำนก็มีควำมสุขมีขวัญและ กำลังใจในกำรทำงำน สง่ ผลใหพ้ นกั งำนทุกคนรักและท่มุ เทในกำรทำงำน และพรอ้ มมีสว่ นร่วมในควำมกำ้ วหนำ้ ของบริษัท ดังนั้น กำรนำธรรมภิบำลมำใช้เป็นแนวทำงในกำรบริหำรงำน จึงมีควำมสำคัญและจำเป็นต่อ ควำมสำเรจ็ ขององคก์ รทุกประเภททกุ ระดับ 1. กำรสร้ำงหลักธรรมำภิบำลให้เกิดขึ้นทุกระดับจะทำให้เกิดกำรพัฒนำที่ยั่งยืนโดยมีคนเป็น ศูนย์กลำงอย่ำงแท้จริง ทำให้สังคมไทยเป็นสังคมเสถียรภำพ พัฒนำ และอยู่ร่วมกันอย่ำงสันติสุข สร้ำงควำม เข้มแขง็ ให้ประชำคมและเพม่ิ กำรมสี ่วนรว่ ม 2. เป็นหลักกำรพื้นฐำนในกำรสร้ำงควำมเป็นธรรมในสังคมที่มีผลประโยชนใ์ ห้กับคนทุกระดับไมว่ ำ่ คนรวยหรอื คนจนในเร่ืองกำรมงี ำนทำ กำรมีรำยได้ กำรพัฒนำท่เี ทำ่ เทียมกัน และกำรมคี ณุ ภำพชีวิตท่ีดีขึ้น 3. หลักธรรมำภบิ ำลช่วยลดบรรเทำหรอื แก้ปญั หำถึงแม้ปญั หำท่ีเกิดขึน้ จะมีควำมรุนแรงก็ยังช่วยลด หรอื บรรเทำควำมรนุ แรงลงไป และปญั หำท่ีไม่รุนแรงกอ็ ำจจะไมเ่ กิดขึน้ อีก อีกทง้ั ทำให้สังคมมคี วำมเข้มแข็งทุก ดำ้ น ทัง้ ทำงคณุ คำ่ และจิตสำนึกทำงสังคม กำรเมอื ง 4. หลกั ธรรมำภบิ ำลจะช่วยลดปญั หำกำรฉอ้ รำษฎรบ์ ังหลวงและส่งเสริมใหค้ นมีควำมซ่อื สตั ย์สุจรติ 5. หลักธรรมำภิบำลเป็นแนวคิดที่เกื้อหนุนสังคมประชำธิปไตยจะทำให้ประชำชนมีส่วนร่วมในกำร ตัดสินใจ และมีกำรตรวจสอบกำรทำงำนของรฐั โดยประชำชนและองคก์ รที่เก่ยี วขอ้ ง 6. หลักธรรมำภิบำลจะช่วยให้ระบบบริหำรของรัฐมีควำมยุติธรรม เป็นที่น่ำเชื่อถือท้ังในและ ต่ำงประเทศ 7. หลักธรรมำภิบำลเป็นแนวทำงสำคัญในกำรจัดระเบียบให้สังคมท้ังภำครัฐ ภำคธุรกิจเอกชนและ ภำคประชำชน สำมำรถอยู่ร่วมกันอย่ำงสงบสุขมีควำมรู้รักสำมัคคีและร่วมกันเป็นพลัง ก่อให้เกิดกำรพัฒนำ อยำ่ งยง่ั ยืน และเป็นส่วนเสรมิ สรำ้ งควำมเขม้ แขง็ หรือสรำ้ งภูมิคมุ้ กันแก่ประเทศ
ความสาเร็จในการสรา้ งระบบหลักธรรมาภบิ าล ในกำรนำหลักหลักธรรมำภิบำลไปใช้ในกำรบริหำรจัดกำรทั้งภำครัฐ และภำคเอกชน เพื่อให้เกิดผล สำเร็จหน่วยงำนต้องดำเนนิ กำร ดังน้ี 1. ต้องร่วมมือกันบริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองและสังคมไทยให้ดีย่ิงขึ้น หมำยถึง ทุกภำคในสังคม ได้แก่ ภำครัฐ ภำคธรุ กิจเอกชน และภำคประชำชน ตอ้ งรว่ มมอื กันบริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองและสงั คมไทยให้ดียิง่ ขึ้น ๆ ได้ ต้องดำเนินกำรอย่ำงต่อเน่ือง หมำยถึง กำรบริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองและสังคมท่ีดีต้องดำเนินกำรอย่ำงตอ่ เนื่อง โดยมีปัจจัยสำคัญ คือ ผู้นำและเจ้ำหน้ำที่ทุกคนท่ีต้องเข้ำใจมีจิตสำนึก เห็นควำมจำเป็นและควำมสำคัญของ กำรดำเนินกำรในเรือ่ งนี้ 2. หลกั กำรและวิธีกำรใชอ้ ำนำจ หมำยถงึ กระบวนกำรสร้ำง กำรบริหำรกิจกำรบำ้ นเมือง และสงั คม ท่ดี ใี นสังคมใด ๆ ขึ้นอยกู่ ับวิธีกำรใชอ้ ำนำจ ซงึ่ แบง่ ออกเปน็ สองสว่ น คอื ผใู้ ช้อำนำจและผู้ถูกใชอ้ ำนำจหำกท้ัง สองฝ่ำยพอใจในวิธีกำรบริหำรกินกำรบ้ำนเมืองและสังคม ย่อมหมำยควำมว่ำ สังคมนั้นมีกำรบริหำรจัดกำร บำ้ นเมอื งและสงั คมทีด่ ี 3. ดำเนนิ กำรให้เปน็ ไปตำมองค์ประกอบ องค์ประกอบกำรสร้ำงระบบบริหำรกิจกำรบ้ำนเมือง และ สังคมท่ดี มี ี 4 ประกำร คือ ควำมเชอื่ ของผมู้ ีอำนำจวำ่ อำนำจสำมำรถแบง่ ปันได้ กลไกกำรแบง่ ปันอำนำจ กลไกกำรคำนอำนำจ ระบบกำรตรวจสอบกำรใชอ้ ำนำจและกำรคำนอำนำจ หลักธรรมมาภบิ าลกบั การบรหิ ารในองคก์ ร หลกั ธรรมำภบิ ำลของกำรบริหำรกจิ กำรบ้ำนเมอื งทีด่ ีประกอบไปดว้ ย 10 องค์ประกอบ ไวด้ ังน้ี 1) หลักประสิทธิผล (Effectiveness) หมำยถึง ผลกำรปฏิบัติรำชกำรท่ีบรรลุวัตถุประสงค์และ เป้ำหมำยของแผนกำรปฏิบัติรำชกำรตำมทไ่ี ดร้ ับงบประมำณมำดำเนนิ กำร รวม ถงึ สำมำรถเทยี บเคียงกับส่วน รำชกำร หรอื หน่วยงำนที่มภี ำรกิจคล้ำยคลึงกันและมีผลกำรปฏิบตั ิ งำนในระดับช้ันนำของประเทศ เพื่อให้เกิด ประโยชน์สุขต่อประชำชน โดยกำรปฏิบัติรำชกำรจะ ต้องมีทิศทำงยุทธศำสตร์และเป้ำประสงค์ท่ีชัดเจน มี กระบวนกำรปฏิบัติงำน และระบบงำนที่เป็น มำตรฐำน รวมถึงมีกำรติดตำมประเมินผลและพัฒนำปรับปรุง อย่ำงต่อเน่ืองและเปน็ ระบบ 2) หลักประสิทธภิ าพ (Efficiency) หมำยถงึ กำรบรหิ ำรรำชกำรตำมแนวทำงกำร กำกับดูแลท่ีดีที่มี กำรออกแบบกระบวนกำรปฏบิ ัติงำน โดยกำรใช้เทคนคิ และเครอื่ งมือกำรบรหิ ำร จัดกำรทีเ่ หมำะสมให้องค์กำร สำมำรถใช้ทรัพยำกรทั้งด้ำนต้นทุน แรงงำนและระยะเวลำให้เกิด ประโยชน์สูงสุดต่อกำรพัฒนำขีด ควำมสำมำรถในกำรปฏิบัติรำชกำรตำมภำรกจิ เพอื่ ตอบสนอง ควำมต้องกำรของประชำชนและผู้มสี ่วนได้ส่วน เสียทกุ กล่มุ 3) หลกั การตอบสนอง (Responsiveness) หมำยถึง กำรให้บริกำรที่สำมำรถ ดำเนินกำรไดภ้ ำยใน ระยะเวลำที่กำหนดและสรำ้ งควำมเช่ือมั่นควำมไว้วำงใจ รวมถึงตอบสนอง ตำมควำมคำดหวัง ควำมต้องกำร ของประชำชนผู้รบั บริกำรและผู้มีส่วนไดส้ ่วนเสียทีม่ ีควำมหลำกหลำยและมคี วำมแตกต่ำง 4) หลักภาระรับผดิ ชอบ (Accountability) หมำยถึง กำรแสดงควำมรับผิดชอบในกำรปฏบิ ัติหน้ำท่ี และผลงำนต่อเป้ำหมำยท่ีกำหนดไว้ โดยควำมรับผิดชอบน้ันควรอยู่ในระดับที่สนองต่อควำมคำดหวังของ สำธำรณะ รวมท้งั กำรแสดงถึงควำมสำนกึ ในกำรรับผดิ ชอบตอ่ ปญั หำ สำธำรณะ
5) หลักความโปร่งใส (Transparency) หมำยถึง กระบวนกำรเปิดเผยอย่ำงตรงไปตรงมำช้แี จงได้ เมอ่ื มขี ้อสงสัย และสำมำรถเขำ้ ถึงข้อมูลข่ำวสำรอนั ไม่ต้องห้ำมตำม กฎหมำยไดอ้ ย่ำงเสรี โดยประชำชนสำมำรถรทู้ ุกข้ันตอนในกำรดำเนนิ กจิ กรรม หรอื กระบวนกำรต่ำงๆ และสำมำรถตรวจสอบได้ 6) หลักการมีส่วนร่วม (Participation) หมำยถึง กระบวนกำร ที่ข้ำรำชกำร ประชำชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มมีโอกำสได้เข้ำ รว่ มในกำรรบั รู้ เรยี นรู้ทำควำมเข้ำใจ รว่ มแสดงทศั นะ ร่วมเสนอปัญหำ ประเด็นที่สำคัญท่ีเก่ียวข้อง ร่วมคิดแนวทำง ร่วมกำรแก้ไข ปัญหำ ร่วมในกระบวนกำรตัดสินใจ และร่วมกระบวนกำรพัฒนำในฐำนะ ภำพที่ 4.2 : หลักกำรมีส่วนร่วม ที่มำ : เนำวรัตน์ ทองโสภำ หุ้นส่วนกำรพัฒนำ วันที่ 10 ม.ค. 60 7) หลกั การกระจายอานาจ (Decentralization) หมำยถึง กำรถ่ำยโอนอำนำจ กำรตัดสินใจ ทรัพยำกร และภำรกิจจำก ส่วนรำชกำรสว่ นกลำงใหแ้ ก่หน่วยกำรปกครองอน่ื (รำชกำรบริหำรส่วนทอ้ งถิ่น) และภำคประชำชนดำเนินกำร แทนโดยมีอิสระตำมสมควร รวมถึงกำรมอบอำนำจ และควำมรับผิดชอบในกำรตัดสินใจ และกำรดำเนินกำร ให้แก่บุคลำกร โดยมุ่งเน้นกำรสร้ำงควำมพึงพอใจในกำรให้บริกำรต่อผู้รับบริกำรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย กำร ปรบั ปรุง กระบวนกำร และเพิ่มผลิตภำพ เพือ่ ผลกำรดำเนนิ งำนท่ีดีของสว่ นรำชกำร 8) หลักนติ ิธรรม (Rule of Law) หมำยถงึ กำรใชอ้ ำนำจของกฎหมำย กฎระเบยี บ ข้อบงั คับในกำร บรหิ ำรรำชกำรดว้ ยควำมเปน็ ธรรมไมเ่ ลือกปฏิบตั ิ และคำนงึ ถึงสทิ ธิ เสรีภำพของผมู้ ีสว่ นไดส้ ่วนเสยี 9) หลักความเสมอภาค (Equity) หมำยถึง กำรได้รับกำรปฏิบัตแิ ละได้รับบริกำรอย่ำงเท่ำเทยี มกนั โดยไมม่ ีกำรแบง่ แยกด้ำนชำย หญงิ ถิ่นกำเนดิ เชือ้ ชำติ ภำษำ เพศ อำยุ ควำมพกิ ำรสภำพทำงกำย หรือสุขภำพ สถำนะของบคุ คล ฐำนะทำงเศรษฐกิจ และสงั คม ควำมเชื่อทำงศำสนำ กำรศกึ ษำ กำรฝกึ อบรม และอน่ื ๆ 10) หลักมุ่งเน้นฉันทามติ (Consensus Oriented) หมำยถึง กำรหำข้อตกลงท่ัวไปภำยในกลุ่มผ้มู ี ส่วนได้ส่วนเสียที่เก่ียวข้อง ซึ่งเป็นข้อตกลงที่เกิดจำกกำรใช้กระบวนกำรเพื่อหำข้อคิดเห็นจำกกลุ่มบุคคลท่ี ได้รบั ประโยชนแ์ ละเสียประโยชน์ โดยเฉพำะกลุ่มทไ่ี ดร้ ับผลกระทบโดยตรงซึง่ ต้องไมม่ ีขอ้ คดั ค้ำนที่ยุตไิ ม่ได้ ใน ประเด็นท่ีสำคัญโดยฉนั ทำมตไิ มจ่ ำเปน็ ต้องหมำยควำมว่ำเปน็ ควำมเหน็ พ้องโดยเอกฉันท์ บทควำมออนไลน์ : http://www.drmanage.com เครื่องมอื สนับสนุนให้การบรหิ ารจัดการตามหลกั ธรรมมาภบิ าล แนวคดิ ของ “กำรปกครอง” “กำรบริหำรจดั กำร” หรือ governance ไมใ่ ชเ่ ร่อื งใหม่ แต่เป็นสิง่ ที่มีมำ พร้อมกับกำรมีอำรยธรรมของมนุษย์ ดังน้ันเรำอำจให้ควำมหมำยของ “กำรปกครอง” หรือ “กำรบริหำร จัดกำร” วำ่ เป็นกระบวนกำรของกำรตัดสินใจและกระบวนกำรที่มกี ำรนำผลของกำรตัดสินใจไปปฏิบัติ คำว่ำ กำรปกครองหรือกำรบริหำรจัดกำรอำจถูกใช้ไปในหลำยสถำนะ เช่น ในเรื่องของกำรปกครองหรือกำร บรหิ ำรงำนเอกชน กำรปกครองหรอื กำรบริหำรงำนในระดบั นำนำชำติ ระดับชำติ หรอื ระดบั ทอ้ งถิ่นอย่ำงไรก็ดี มีคนจำนวนมำกที่ไมเ่ ข้ำใจเรื่องของธรรมำภิบำลแม้กระทั่งคำจำกักควำมของธรรมำภิบำล ซึ่งไม่ใช่เร่ืองแปลก แต่อย่ำงใด คำว่ำ governance เป็นเร่ืองของ กำรอภิบำล เป็นวิธีกำรใช้อำนำจ ขณะท่ี good governance เป็นกำรรวมคำของ ธรรม และ อภิบำล เป็น ธรรมำภิบำล เป็นวิธีกำรท่ีดีในกำรอำนำจ เพ่ือบริหำรจัดกำร ทรัพยำกรขององค์กร โดยหลักธรรมำภิบำลสำมำรถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในภำคต่ำงๆ อำทิ ภำครัฐ ธุรกิจ ประชำสงั คม ปัจเจกชน และองคก์ รระหวำ่ งประเทศ โดยมีเป้ำหมำยของกำรใช้หลักธรรมำภบิ ำลคือเพ่อื กำรมี
ควำมเป็นธรรม ควำมสุจริต ควำมมีประสิทธิภำพ และประสิทธิผล ซึ่งวิธีกำรท่ีจะสร้ำงให้เกิดมีธรรมำภิบำล ข้นึ มำไดก้ ็คอื กำรมีควำมโปร่งใส มีควำมรับผิดชอบ ถูกตอ้ งตรวจสอบได้ และกำรมสี ่วนรว่ มเปน็ สำคัญ แต่ อำจประกอบไปดว้ ยหลกั กำรอ่ืนๆอีกได้ดว้ ยแลว้ แตผ่ ้นู ำไปใช้ โดยสภำพแวดลอ้ มของธรรมำภิบำลอำจประกอบ ไปด้วยกฎหมำย ระเบยี บตำ่ งๆ ประมวลจริยธรรม ประมวลกำรปฏบิ ัตทิ ี่เป็นเลิศและวฒั นธรรม (บวรศักดิ์ อวุ รรณโณ, 2545) ซึ่งล้วนเอ้อื หรือไมเ่ อ้ือตอ่ กำรบริหำรจดั กำรท่ีดี ธรรมำภบิ ำลจงึ เป็นเร่ือง ของหลักกำรบริหำรแนวใหม่ ท่ีมุ่งเน้นหลักกำร โดยมิใช่หลักกำรที่เป็นรูปแบบทฤษฎีกำรบริหำรงำน แต่เป็น หลกั กำรกำรทำงำน ซ่ึงหำกมีกำรนำมำใชเ้ พ่ือกำรบริหำรงำนแลว้ จะเกิดควำมเช่ือม่ันว่ำจะนำมำซ่ึงผลลัพธ์ที่ดี ท่ีสุดคอื ควำมเป็นธรรม, ควำมสุจริต, ควำมมีประสิทธิภำพ ประสิทธิผล (ถวิลวดี บุรีกุลและคณะ, 2545) ธรรมำภิบำล ประกอบไปด้วยหลักกำรสำคัญหลำยประกำร แล้วแต่ วัตถุประสงค์ขององค์กรทนี่ ำมำใช้ หลักกำรทม่ี ผี ้นู ำไปใช้เสมอคือ กำรมีส่วนรว่ มของประชำชน กำรมุ่งฉนั ทำมติ กำรมีสำนึกรบั ผิดชอบ ควำมโปร่งใส กำรตอบสนอง ประสิทธิผลและประสิทธภิ ำพ ควำมเทำ่ เทยี มกนั และกำร คำนึงถึงคนทุกกลุ่มหรือพหุภำคีและกำรปฏิบัติตำมหลักนิติธรรม แต่ระเบียบสำนักนำยกรัฐมนตรีว่ำด้วยกำร บรหิ ำรกจิ กำรบ้ำนเมืองและสังคมที่ดนี น้ั ได้ระบไุ ว้ 6 หลักกำรดังกล่ำวมำแล้วและกลำยเป็นหลักกำรสำคัญที่มี กำรนำมำใชใ้ นประเทศไทยอย่ำงกว้ำงขวำงอยู่ในปัจจบุ ันนี้ แต่ก็มีคำถำมวำ่ หลักกำรต่ำงๆนี้หมำยถงึ อะไร แล้ว จะทรำบไดอ้ ยำ่ งไรว่ำมธี รรมำภบิ ำลแลว้ หรอื ยัง มีมำกหรอื น้อย ตอ้ งปรับปรงุ อะไรอกี บ้ำง คำตอบที่อำจเป็นไป ได้ก็คือกำรจัดทำตัว ชี้ วัดเพ่ื อผู้ ใช้ จะไ ด้เข้ำใจและนำไ ปใช้ตรว จสอ บตน เ อง และ ผู้อ่ืน หรือ หน่ว ยงำน อื่ น ไ ด้ หลกั กำรต่ำงๆท่ีอธิบำยกำรมีธรรมำภิบำลและกำรนำไปประยกุ ตใ์ ช้ ธรรมำภบิ ำลอำจประกอบไปด้วยหลักกำร ต่ำงๆมำกมำยแลว้ แต่ผู้ที่จะนำเรื่องของธรรมำภิบำลไปใช้ และจะใหค้ วำมสำคัญกบั เรือ่ งใดมำกกวำ่ กัน และใน บริบทของประเทศ บริบทของหนว่ ยงำน หลักกำรใดจงึ จะเหมำะสมที่สุด สำหรบั ประเทศไทยแลว้ เนอื่ งจำกได้ มีระเบียบสำนักนำยกรัฐมนตรีว่ำด้วยกำรบริหำรกิจกำรบ้ำนเมอื งและสังคมท่ีดี และพระรำชกฤษฎีกำว่ำดว้ ย หลักเกณฑ์และวิธีกำรบริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 ท่ีให้ควำมสำคัญกับหลักกำรสำคัญ 6 หลักกำร ดังกล่ำวแล้วในที่นจ้ี ึงขอนำเสนอรำยละเอยี ดของกำรพฒั นำดัชนีวัดธรรมำภิบำลบนพ้ืนฐำนของหลักกำรท้ัง 6 หลักกำรของสถำบันพระปกเกลำ้ (ถวลิ วดี บรุ ีกุลและคณะ, 2545) ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ด้านหลักนติ ิธรรม Rule of Laws หลักกำรสำคัญอันเป็นสำระสำคัญของ “หลักนิติธรรม” ประกอบด้วย 7 หลักกำรคือ หลักกำร แบ่งแยกอำนำจ หลกั กำรคุ้มครองสทิ ธิและเสรีภำพ หลกั ควำมชอบ ด้วยกฎหมำยของฝ่ำยตุลำกำรและฝ่ำยปกครอง ควำมชอบด้วย กฎหมำยในทำงเน้ือหำ หลักควำมเป็นอิสระของผู้พิพำกษำ หลัก “ไม่มีควำมผิด และไม่มีโทษโดยไม่มีกฎหมำย” และ หลักควำม เปน็ กฎหมำยสงู สุดของรฐั ธรรมนูญ 1. หลักกำรแบ่งแยกอำนำจเป็นพื้นฐำนท่ีสำคัญของหลัก นิติธรรม เพรำะ หลักกำรแบ่งแยกอำนำจเปน็ หลักท่ีแสดงให้เห็นถึง กำรอยู่ร่วมกันของกำรแบ่งแยกอำนำจกำรตรวจสอบอำนำจ และ กำรถว่ งดลุ อำนำจ ภำพที่ 4.3 : ควำมเสมอภำค ของผ้หู ญงิ และผ้ชู ำย 2. หลักกำรคุ้มครองสิทธิและเสรีภำพ หลักนิติธรรมมี ทีม่ ำ : http://www.spic.co.th/main วันที่สืบคน้ : 4 ม.ค. 60 ควำมเก่ียวพันกันกับสิทธิในเสรีภำพของบุคคล และสิทธิในควำม
เสมอภำค สิทธิทั้งสองประกำรดังกล่ำวข้ำงต้นถือว่ำเป็นพื้นฐำนของ “ศักด์ิศรีควำมเป็นมนุษย์” อันเป็น หลักกำรสำคัญตำมเจตนำรมณข์ องรฐั ธรรมนูญ 3. หลักควำมชอบด้วยกฎหมำยของฝ่ำยตุลำกำรและฝ่ำยปกครอง กำรใช้กฎหมำยของฝ่ำยตุลำกำร หรือฝ่ำยปกครองที่เป็นกำรจำกัดสิทธิของประชำชนมีผลมำจำกกฎหมำยที่ได้รับควำมเห็นชอบ จำกตัวแทน ของประชำชน โดย ฝ่ำยตุลำกำรจะตอ้ งไมพ่ ิจำรณำพิพำกษำเรื่องใดเรอ่ื งหนึ่ง ใหแ้ ตกตำ่ งไปจำกบทบัญญตั ิของ กฎหมำย ฝำ่ ยตุลำกำรมคี วำมผูกพนั ท่ีจะต้องใชก้ ฎหมำยอย่ำงเท่ำเทียมกัน ฝ่ำยตุลำกำรมีควำมผูกพนั ที่จะต้อง ใชด้ ลุ พนิ ิจ โดยปรำศจำกข้อบกพรอ่ ง 4. หลกั ควำมชอบดว้ ยกฎหมำยในทำงเน้ือหำ เป็นหลกั ทีเ่ รยี กร้องให้ฝ่ำยนติ ิบญั ญตั ิหรือฝ่ำยปกครองที่ ออกกฎหมำยลำดับรอง กำหนดหลักเกณฑ์ในทำงกฎหมำยให้เป็นตำมหลักควำมแน่นอนของกฎหมำย หลัก หำ้ มมิให้กฎหมำยมผี ลยอ้ นหลงั และหลกั ควำมพอสมควรแก่เหตุ 5. หลักควำมอิสระของผู้พพิ ำกษำ ผู้พิพำกษำสำมำรถทำภำระหน้ำท่ีในทำงตุลำกำรได้โดยปรำศจำก กำรแทรกแซงใดๆ โดยผู้พิพำกษำมีควำมผูกพันเฉพำะต่อกฎหมำยและ ทำกำรพิจำรณำพิพำกษำภำยใต้มโน ธรรมของตนเท่ำน้ัน โดยวำงอยู่บนพื้นฐำนของควำมอิสระจำก 3 ประกำร กล่ำวคือ ควำมอิสระจำกคู่ควำม ควำมอสิ ระจำกรัฐ และควำมอิสระจำกสงั คม 6. หลัก “ไม่มีควำมผิด และไม่มีโทษโดยไม่มีกฎหมำย” เม่ือไม่มีข้อบัญญัติทำงกฎหมำยให้เป็น ควำมผิด แลว้ จะเอำผิดกบั บุคคลนั้นๆมิได้ 7. หลักควำมเป็นกฎหมำยสูงสุดของรฐั ธรรมนูญ หมำยควำมวำ่ รัฐธรรมนูญได้รับกำรยอมรับให้เป็น กฎหมำยท่ีอยูใ่ นลำดับท่ีสงู สุดในระบบกฎหมำยของรัฐน้นั และหำกกฎหมำยท่อี ยู่ในลำดับทต่ี ่ำกว่ำขัดหรือแย้ง กับรฐั ธรรมนูญกฎหมำยดงั กล่ำวยอ่ มไม่มผี ลบังคับ 2. หลักคณุ ธรรม Ethics ประกอบด้วยหลกั กำรสำคัญ 3 หลักกำรคอื หน่วยงำนปลอดกำรทุจริต หนว่ ยงำนปลอดจำกกำรทำผิด วินัย และหน่วยงำนปลอดจำกกำรทำผิดมำตรฐำนวิชำชีพนิยมและจรรยำบรรณ องค์ประกอบของคุณธรรม หรือพฤติกรรมที่พึงประสงค์ที่ปลอดจำกคอรัปช่ัน หรือมีคอรัปชั่นน้อยลง คอรัปช่ัน กำรฉ้อรำษฎร์บังหลวง หรือ corruption โดยรวมหมำยถึง กำรทำให้เสียหำย กำรทำลำย หรือกำรละเมดิ จริยธรรม ธรรมปฏิบัติและ กฎหมำย สำหรับพิษภัยของคอรัปชั่นได้สร้ำงควำมเสียหำยและควำมเดือดร้อน และเป็นพฤติกรรมที่ส่งผล ในทำงลบตอ่ คุณธรรมของกำรบริหำรจดั กำรอย่ำงร้ำยแรง เม่อื พิจำรณำเรอื่ งของคุณธรรมจึงควรพิจำรณำเรื่อง ต่อไปน้ี 1. องค์ประกอบคุณธรรมหรือพฤติกรรมที่พึงประสงค์ท่ีปลอดจำกกำรไม่ปฏิบัติตำมกฎหมำยอย่ำง โจง่ แจ้งหรอื ไมป่ ฏบิ ัตติ ำมกฎหมำยน้อยลง 2. องค์ประกอบคุณธรรมหรอื พฤติกรรมที่พึงประสงค์ที่ปลอดจำกกำรปฏิบัติทนี่ ้อยกวำ่ หรือไม่ดีเท่ำที่ กฎหมำยกำหนดหรอื ปฏบิ ตั ิเชน่ น้ีนอ้ ยลง 3. องค์ประกอบคุณธรรมหรือพฤติกรรมที่พึงประสงค์ที่ปลอดจำกกำรปฏิบัติที่มำกกว่ำที่กฎหมำย กำหนด หรือปฏบิ ัตเิ ช่นน้นี ้อยลง 4. องค์ประกอบคุณธรรมหรือพฤติกรรมที่พึงประสงค์ที่ปลอดจำกกำรปฏิบัติตำมเจตนำรมณ์ของ กฎหมำย แต่ใช้วิธีกำรท่ีผิดกฎหมำยหรือปฏิบัติเช่นนี้น้อยลงสำหรับกำรที่หน่วยงำนปลอดจำกกำรทำผิด มำตรฐำนวิชำชีพนิยมและจรรยำบรรณน้ันเป็น กำรกระทำผิดวิชำชีพนิยมได้แก่ พฤติกรรมท่ีสวนทำงหรือ
ขดั แย้งกับองค์ประกอบของวิชำชพี นิยมโดย เฉพำะอย่ำงยงิ่ ในประเด็นของกำรมีจรรยำบรรณวิชำชีพ และกำร ประพฤตติ ำมจรรยำบรรณวิชำชีพ 3. ดา้ นความโปรง่ ใส Transparency ประกอบไปดว้ ยหลักกำรย่อย 4 หลกั กำรคือ หนว่ ยงำนมีควำมโปรง่ ใสดำ้ นโครงสรำ้ ง หนว่ ยงำนมคี วำมโปร่งใส ด้ำนกำรให้คุณ หน่วยงำนมคี วำมโปร่งใสดำ้ นกำรใหโ้ ทษ หนว่ ยงำนมคี วำมโปรง่ ใสด้ำนกำรเปดิ เผยข้อมูล 1.ควำมโปรง่ ใสดำ้ นโครงสร้ำง ประกอบดว้ ยพฤตกิ ำรณต์ อ่ ไปนี้ 1) มกี ำรตรวจสอบภำยในทีเ่ ข้มแขง็ เช่น มคี ณะกรรมกำรตรวจสอบ คณะกรรมกำรสอบสวน 2) โปรง่ ใส เห็นระบบงำนท้ังหมดได้อยำ่ งชัดเจน 3) ประชำชนเข้ำมำมสี ว่ นรว่ ม รับรู้กำรทำงำน 4) มเี จ้ำหน้ำทมี่ ำดว้ ยระบบคุณธรรมมีควำมสำมำรถสงู มำอยู่ใหม่มำกขนึ้ 5) มกี ำรต้งั กรรมกำรหรือหน่วยงำนตรวจสอบข้ึนมำใหม่ 6) มฝี ำ่ ยบญั ชีทเ่ี ขม้ แข็ง 2. ควำมโปรง่ ใสด้ำนให้คุณ ประกอบดว้ ยพฤติกำรณ์ตอ่ ไปนี้ 1) มีค่ำตอบแทนพเิ ศษในกำรปฏบิ ตั ิงำนเปน็ ผลสำเร็จ 2) มีคำ่ ตอบแทนเพ่ิมสำหรับกำรปฏบิ ัตงิ ำนทีม่ ปี ระสิทธภิ ำพ 3) มีค่ำตอบแทนพิเศษใหก้ บั เจ้ำหนำ้ ท่ีทซี่ ื่อสตั ย์ 4) มมี ำตรฐำนเงินเดือนสงู พอเพยี งกับคำ่ ใช้จ่ำย 3. ควำมโปรง่ ใสด้ำนกำรให้โทษ ประกอบดว้ ยพฤติกำรณต์ อ่ ไปนี้ 1) มรี ะบบกำรตรวจสอบที่มีประสทิ ธิภำพ 2) มีวิธีกำรพจิ ำรณำลงโทษผูท้ ำผิดอย่ำงยุตธิ รรม 3) มีกำรลงโทษจริงจงั หนกั เบำตำมเหตแุ ห่งกำรกระทำผิด 4) มรี ะบบกำรฟ้องร้องผกู้ ระทำผดิ ท่มี ปี ระสิทธิภำพ 5) หวั หนำ้ งำนลงโทษผทู้ จุ ริตอย่ำงจริงจงั 6) มีกำรปรำมผู้สอ่ ทุจรติ ใหเ้ ลิกควำมพยำยำมทุจริต 7) มีกระบวนกำรยตุ ิธรรมทีร่ วดเร็ว 4. ควำมโปรง่ ใสด้ำนกำรเปดิ เผย ประกอบด้วยพฤตกิ ำรณต์ อ่ ไปน้ี 1) ประชำชนไดเ้ ขำ้ มำรับรู้ กำรทำงำนของคณะกรรมกำรตรวจสอบ 2) ประชำชนและส่ือมวลชนมีส่วนรว่ มในกำรจัดซ้ือจัดหำ กำรให้สัมปทำนกำรออกกฎระเบียบ และข้อบังคับต่ำง ๆ 3) ประชำชน ส่ือมวลชน และองค์กรพัฒนำเอกชน ได้มีโอกำสควบคุมฝ่ำยบริหำรโดยวิธีกำร ต่ำง ๆ มำกข้นึ 4) มกี ำรใชก้ ลุ่มวิชำชีพภำยนอก เข้ำมำรว่ มตรวจสอบ 4. หลักการมสี ่วนร่วม Participation กำรมีส่วนร่วมของประชำชนเป็นกระบวนกำรซ่ึงประชำชน หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้มีโอกำสแสดง ทัศนะ และเข้ำร่วมในกิจกรรมต่ำงๆ ท่ีมีผลต่อชีวิตควำมเป็นอยู่ของประชำชน รวมท้ังมีกำรนำควำมคิดเห็น ดังกล่ำวไปประกอบกำรพิจำรณำกำหนดนโยบำย และกำรตัดสินใจของรัฐ กำรมีส่วนร่วมของประชำชนเป็น
กระบวนกำรส่ือสำรในระบบเปิด กล่ำวคือ เป็นกำรสื่อสำรสองทำง ทั้งอย่ำงเป็นทำงกำรและไม่เป็นทำงกำร ซ่ึงประกอบไปด้วยกำรแบง่ สรรขอ้ มูลร่วมกันระหวำ่ งผู้มีสว่ นไดส้ ว่ นเสีย และเป็นกำรเสรมิ สรำ้ งควำมสำมัคคีใน สังคมระดับกำรให้ข้อมูล เป็นระดับต่ำสุดและเป็นวิธีกำรที่ง่ำยท่ีสุดของกำรติดต่อสื่อสำรระหว่ำงผู้วำงแผน โครงกำรกับประชำชน เพ่ือให้ข้อมูลแก่ประชำชนเก่ียวกับกำรตัดสินใจของผู้วำงแผนโครงกำร และยังเปิด โอกำสให้แสดงควำมคิดเห็นหรือเข้ำมำเกี่ยวข้องใดๆ เช่น กำรแถลงข่ำว กำรแจกข่ำว กำรแสดงนิทรรศกำร และกำรทำหนังสือพมิ พ์ให้ขอ้ มลู เกยี่ วกับกจิ กรรมตำ่ งๆ หลกั กำรมีส่วนร่วมประกอบไปด้วยหลักกำรสำคัญ 4 หลกั กำรคือ 1. ระดับกำรให้ข้อมูล เป็นระดับต่ำสุดและเป็นวิธีกำรที่ง่ำยท่ีสุดของกำรติดต่อสื่อสำรระหว่ำงผู้ วำงแผนโครงกำรกับประชำชน เพ่ือให้ขอ้ มูลแก่ประชำชนเก่ียวกับกำรตัดสินใจของผูว้ ำงแผนโครงกำร และยัง เปดิ โอกำสให้แสดงควำมคิดเห็นหรอื เข้ำมำเก่ยี วขอ้ งใดๆ เชน่ กำรแถลงขำ่ ว กำรแจกขำ่ ว กำรแสดงนิทรรศกำร และกำรทำหนงั สือพิมพใ์ หข้ อ้ มลู เกีย่ วกับกจิ กรรมต่ำงๆ 2. ระดับกำรเปิดรบั ควำมคิดเห็นจำกประชำชน เป็นระดับข้ันท่ีสูงกว่ำระดับแรก กล่ำวคือ ผู้วำงแผน โครงกำรเชิญชวนให้ประชำชนแสดงควำมคิดเห็นเพื่อให้ได้ข้อมูลมำกข้ึน และประเด็นในกำรประเมินข้อดี ข้อเสียชัดเจนย่ิงข้ึน เช่น กำรสำรวจควำมคิดเห็นของประชำชนเกี่ยวกับกำรริเริ่มโครงกำรต่ำงๆ และกำร บรรยำยให้ประชำชนฟังเกยี่ วกบั โครงกำรตำ่ งๆ แล้วขอควำมคดิ เหน็ จำกผู้ฟงั รวมไปถึงกำรรว่ มปรึกษำหำรือ 3.ระดับกำรวำงแผนรว่ มกนั และกำรตัดสินใจ เป็นระดับข้ันท่ีสูงกว่ำกำรปรึกษำหำรอื กล่ำวคือ เป็น เรื่องกำรมีส่วนร่วมท่ีมีขอบเขตกว้ำงมำกขึ้น มีควำมรับผิดชอบร่วมกันในกำรตัดสินใจ และวำงแผนเตรียม โครงกำร และเตรียมรับผลท่ีจะเกิดขึ้นจำกกำรดำเนินโครงกำร ระดับน้ีมักใช้ในกรณีท่ีเป็นเรอื่ งซับซ้อนและมี ขอ้ โตแ้ ยง้ มำก เชน่ กำรใชก้ ลุ่มที่ปรึกษำซง่ึ เป็นผู้ทรงคุณวฒุ ิในสำขำต่ำงๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ ง กำรใชอ้ นญุ ำโตตุลำกำร เพ่อื ปญั หำข้อขดั แย้ง และกำรเจรจำเพือ่ หำทำงประนีประนอมกัน เปน็ ต้น 4.ระดบั กำรพัฒนำศกั ยภำพในกำรมสี ่วนร่วม สรำ้ งควำมเข้ำใจใหก้ ับสำธำรณชน เปน็ ระดับขน้ั ทส่ี ูงสุด ของกำรมีสว่ นร่วม คือเป็นระดบั ท่ผี ู้รับผิดชอบโครงกำรไดต้ ระหนักถงึ ควำมสำคญั และประโยชน์ที่จะไดร้ ับจำก กำรมสี ว่ นร่วมของประชำชนและไดม้ ีกำรพัฒนำสมรรถนะหรือขีดควำมสำมำรถในกำรมีส่วนร่วมของประชำชน ใหม้ ำกขนึ้ จนอย่ใู นระดับท่สี ำมำรถมสี ว่ นรว่ มได้อยำ่ งเต็มที่ และเกิดประโยชน์สูงสดุ 5. หลกั สานกึ รับผิดชอบ Accountability มีควำมหมำยกว้ำงกว่ำควำมสำมำรถในกำรตอบคำถำมหรืออธิบำยเก่ียวกับพฤติกรรมได้เท่ำน้ัน ยังรวมถึงควำมรับผิดชอบในผลงำน หรือปฏิบัติหน้ำท่ีให้บรรลุผลตำมเป้ำหมำยที่กำหนดไว้ รวมทั้งกำร ตอบสนองต่อควำมคำดหวังของสำธำรณะ เป็นเร่ืองของควำมพร้อมท่ีจะรับผิดชอบ ควำมพร้อมท่ีจะถูก ตรวจสอบได้ โดยในแงม่ ุมของกำรปฏิบัตถิ อื วำ่ สำนึกรบั ผิดชอบเป็นคณุ สมบัติหรือทักษะท่ีบุคคลพงึ แสดงออก เพ่ือเป็นเคร่ืองช้ีว่ำได้ยอมรับในภำรกิจท่ีได้รับมอบหมำยและนำไปปฏิบัติด้วยควำมรับผิดชอบ ประกอบด้วย หลกั กำรยอ่ ยดงั น้ี 1. กำรมเี ปำ้ หมำยทีช่ ัดเจนกำรมเี ปำ้ หมำยชดั เจนเป็นส่ิงสำคญั ส่งิ แรกของระบบสำนกึ รบั ผดิ ชอบ กลำ่ วคอื องค์กำรจะต้องทำกำรกำหนดเปำ้ หมำย วัตถปุ ระสงค์ของกำรปฏิบตั กิ ำรสรำ้ งวัฒนธรรมใหม่ให้ ชัดเจนวำ่ ตอ้ งกำรบรรลุอะไรและเมอ่ื ไรทีต่ อ้ งกำรเห็นผลลัพธ์น้นั 2. ทุกคนเป็นเจ้ำของร่วมกันจำกเป้ำหมำยที่ได้กำหนดเอำไว้ ต้องประกำศให้ทุกคนได้รับรู้และเกิด ควำมเขำ้ ใจ ถงึ ส่งิ ทีต่ อ้ งกำรบรรลุ และเงอื่ นไขเวลำทีต่ ้องกำรให้เหน็ ผลงำน เปิดโอกำสให้ทกุ คนได้เป็นเจ้ำของ
โครงกำรสร้ำงวฒั นธรรมนรี้ ว่ มกัน เพื่อให้เกิดกำรประสำนกำลงั คนร่วมใจกนั ทำงำน เพื่อผลิตภำพโดยรวมของ องคก์ ำร 3. กำรปฏิบัติกำรอย่ำงมีประสิทธิภำพควำมสำเร็จของกำรสร้ำงวัฒนธรรมสำนึกรับผิดชอบ อยู่ท่ี ควำมสำมำรถของหน่วยงำนในกำรสื่อสำรสร้ำงควำมเข้ำใจให้เกิดข้ึนในองค์กำร ผู้บริหำรให้ควำมสนับสนุน แนะนำ ทำกำรตดั สนิ ใจอย่ำงมปี ระสิทธภิ ำพและมกี ำรประสำนงำนร่วมมอื กันทำงำนระหวำ่ งหนว่ ยงำนตำ่ งๆใน องค์กำร 4. กำรจัดกำรพฤติกรรมท่ีไม่เอื้อกำรทำงำนอย่ำงไม่หยุดย้ังปัจจุบันกำรเปล่ียนแปลงนับว่ำเป็นเรื่อง ปกติ และทุกคร้ังที่มีกำรเปล่ียนแปลงมักจะมีกำร ต่อต้ำนกำรเปล่ียนแปลงเสมอ หน่วยงำนต้องมมี ำตรกำรใน กำรจัดกำรกับพฤติกรรมกำร ต่อต้ำนกำรเปลี่ยนแปลงดังกล่ำวเพือ่ ให้ทุกคนเกิดกำรยอมรับแนวควำมคิดและ เทคโนโลยีใหมๆ่ 5. กำรมีแผนกำรสำรองส่วนประกอบสำคญั ขององค์กำรที่มีลักษณะวฒั นธรรมสำนกึ รบั ผิดชอบ ตอ้ งมี กำรวำงแผนฟ้ืนฟู ทสี่ ำมำรถส่อื สำรให้ทกุ คนในองคก์ ำรไดท้ รำบและเขำ้ ใจถงึ แผน และนโยบำยของ องคก์ ำร และทสี่ ำคัญคือ ตอ้ งมีกำรกระจำยข้อมูลข่ำวสำรท่ีถูกตอ้ งสมบูรณ์ อย่ำงเปิดเผย 6. กำรติดตำมและประเมนิ ผลกำรทำงำนองคก์ ำรจำเปน็ ต้องมีกำรตดิ ตำมและประเมินผลกำรทำงำน เป็นระยะๆ อย่ำงสม่ำเสมอ เพ่อื ตรวจสอบดวู ่ำผลงำนน้ันเป็นไปตำมมำตรฐำนคุณภำพงำนทก่ี ำหนดไวห้ รอื ไม่ ผลงำนท่พี บวำ่ ยงั ไมเ่ ปน็ ไปตำมมำตรฐำนทีก่ ำหนดต้องมีกำรดำเนินกำรแก้ไขในทันที ขณะท่ีผลงำนทไ่ี ด้ มำตรฐำนตอ้ งได้รับกำรยอมรบั ยกย่องในองคก์ ำร 6. หลกั ความคุ้มค่า Value for Money หลักกำรน้ีคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดแก่ส่วนรวมในกำรบริหำรกำรจัดกำรและกำรใช้ทรัพยำกรท่ีมีอยู่ อย่ำงจำกัด ส่งิ เหลำ่ น้ีเป็นผลในกำรปฏบิ ัตอิ ันเกดิ จำกกำรใช้หลักธรรมำภิบำลนัน่ เอง ประกอบด้วย 1. กำรประหยดั หมำยถงึ 1.1 กำรทำงำนและผลตอบแทนบุคลำกรเปน็ ไปอย่ำงเหมำะสม 1.2 กำรไมม่ ีควำมขัดแย้งเร่ืองผลประโยชน์ 1.3 กำรมีผลผลติ หรอื บริกำรไดม้ ำตรฐำน 1.4 กำรมกี ำรตรวจสอบภำยในและกำรจัดทำรำยงำนกำรเงิน 1.5 กำรมกี ำรใชเ้ งินอยำ่ งมปี ระสทิ ธิภำพ 2. กำรใชท้ รัพยำกรให้เกิดประโยชนส์ ูงสดุ หมำยถึง 2.1 มีกำรใชท้ รพั ยำกรอยำ่ งมีประสทิ ธิภำพ 2.2 มีกำรพัฒนำทรพั ยำกรบคุ คล 2.3 มกี ำรใช้ผลตอบแทนตำมผลงำน 3. ควำมสำมำรถในกำรแข่งขนั หมำยถึง 3.1 กำรมีนโยบำย แผน วสิ ัยทศั น์ พันธกิจ และเป้ำหมำย 3.2 กำรมีกำรเน้นผลงำนดำ้ นบรกิ ำร 3.3 กำรมีกำรประเมินผลกำรทำงำน 3.4 ผบู้ ริหำรระดับสงู มีสภำวะผนู้ ำ
เมื่อมีหลักกำรทีเ่ ปน็ แนวทำงในกำรสร้ำงธรรมำภิบำลแล้ว หน่วยงำนทต่ี อ้ งกำรใชห้ ลักกำรบริหำรแนว ใหม่ที่มุ่งสร้ำงธรรมำภิบำลสำมำรถประยุกตใ์ ช้ได้และวดั ระดับกำรมีธรรมำภิบำลของหน่วยงำนตนได้ โดยกำร เกบ็ รวบรวมข้อมูลทัง้ จำกผใู้ ห้บริกำรและผรู้ บั บริกำร ตลอดจนรวบรวมขอ้ มลู ที่มีอยแู่ ลว้ ในหนว่ ยงำน ประโยชนแ์ ละความสาคญั ของหลกั ธรรมมาภิบาล ประโยชน์ของหลักธรรมาภบิ าล แยกออกตำมลกั ษณะองค์กรได้ 2 ประเภท คือ 1. ประโยชน์ของหลกั ธรรมำภิบำลต่อภำครฐั หลักธรรมำภิบำลที่เป็นหลักพ้นื ฐำนในกำรปกครองผู้ใต้บงั คบั บัญชำในกำรบริหำรจัดกำรเพรำะจะช่วย ให้สำมำรถบริหำรงำนได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ อีกทั้งยังทำให้พนักงำนทุกคนมีควำมสุขในกำรทำงำน และยัง ช่วยสรำ้ งขวัญและกำลงั ใจที่ดี พรอ้ มปฏบิ ตั ิหนำ้ ที่ตำมที่ตนไดร้ ับมอบหมำยอย่ำงเตม็ กำลังควำมสำมำรถ ซงึ่ จะ สง่ ผลดีโดยรวมกับกำรดำเนินงำนให้เจริญก้ำวหน้ำต่อไปได้อีกในอนำคต หลกั หลกั ธรรมำภิบำลมีประโยชน์ต่อ ภำครัฐ 2. ประโยชนข์ องหลักธรรมำภบิ ำลตอ่ ภำคธุรกิจ หลักหลักธรรมำภิบำลจึงถือเป็นหลักพื้นฐำนในกำรปกครองผู้ใต้บังคับบัญชำที่ผู้ประกอบกำร SMEs ไทยมีควำมจำเป็นอย่ำงยิ่งท่ีจะต้องนำใช้ในกำรบริหำรจัดกำร เพรำะจะช่วยให้สำมำรถบริหำรงำนได้อย่ำงมี ประสิทธิภำพ อีกทั้งยังทำให้พนักงำนทุกคนมีควำมสุขในกำรทำงำน และยังช่วยสร้ำงขวัญและกำลังใจท่ีดี พร้อมปฏิบัติหน้ำท่ีตำมท่ีตนได้รับมอบหมำยอย่ำงเต็มกำบังควำมสำมำรถ ซ่ึงจะส่งผลดีโดยรวมกั บกำร ดำเนินงำนให้เจริญก้ำวหน้ำต่อไปได้อีกในอนำคต โดยสิ่งที่ส่งผลต่อกิจกำรธุรกิจ SMEs ไทยจำกกำรนำหลัก หลกั ธรรมำภิบำลไปใช้ในกจิ กำร ความสาคัญของหลกั ธรรมาภิบาล หลักธรรมำภิบำล เป็นหลักเกณฑ์กำรปกครองบ้ำนเมือง กำรบริหำร กำรจัดกำรกำรควบคุมดูแล กิจกำรต่ำง ๆ ให้เป็นไปในครรลองธรรม นอกจำกนี้ยัง หมำยถึง กำรบริหำรจัดกำรที่ดี สำมำรถนำไปใช้ได้ทั้ง ภำครฐั และเอกชน ธรรมทใี่ ช้ในกำรบริหำรงำนหลกั ธรรมำภิบำล เป็นหลกั กำรท่ีนำมำใช้บริหำรงำนในปัจจุบัน อย่ำงแพร่หลำย เพรำะ ช่วยสร้ำงสรรค์และส่งเสริมองค์กรให้มีศักยภำพและประสิทธิภำพ อำทิ พนักงำนตำ่ ง ทำงำนอย่ำงซ่ือสัตย์สุจริตและขยันหม่ันเพียร ทำให้ผลประกอบกำรขององค์กรธุรกิจนั้นขยำยตัว นอกจำกน้ี แล้วยังทำให้บุคคลภำยนอกที่เก่ียวข้อง ศรัทธำและเชื่อมั่นในองค์กรนั้น ๆ อันจะทำให้เกิดกำรพัฒนำอย่ำง ตอ่ เน่อื ง เช่น องค์กรทีโ่ ปรง่ ใส ย่อมได้รบั ควำมไว้วำงใจในกำรรว่ มทำธรุ กิจ รฐั บำลที่โปร่งใสตรวจสอบได้ ย่อม สร้ำงควำมเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนและประชำชน ตลอดจนส่งผลดีต่อเสถียรภำพของรัฐบำลและควำม เจรญิ กำ้ วหน้ำของประเทศ พลเอกเปรม ติณสูลำนนท์ ประธำนองคมนตรแี ละรฐั บุรุษกล่ำวปำฐกถำพิเศษเรอ่ื งจรยิ ธรรมของกำร บริหำรภำครัฐเม่ือวันที่ 9 กรกฎำคม 2548 ท่ีสถำบันบัณฑิตพัฒนบรหิ ำรศำสตร์ในกำรจัดงำนครบรอบ 50 ปี คณะรฐั ประศำสนศำสตร์ ว่ำกำรบริหำรต้องพูดถงึ ผบู้ ริหำรเพรำะเปน็ เรอื่ งที่ควำมสัมพนั ธ์เกี่ยวโยงกนั บำงกรณี เปน็ เรื่องเดียวกัน จรยิ ธรรมของกำรบริหำรภำครัฐจะไม่มที ำงเกิดผลสำเร็จได้ ถำ้ ผู้บริหำรไมม่ ีจริยธรรม กำรใช้ จรยิ ธรรมและคุณธรรมในกำรบริหำรงำนภำครัฐ ภำคเอกชนผบู้ ริหำรจะต้องมีจิตสำนกึ ที่จะนำสงิ่ ท่ีดีไปใช้และ ขจดั ส่งิ ทไ่ี มด่ ใี ห้หมดไป สิง่ เหล่ำน้ี คือ
1. ควำมซอ่ื สัตย์ 2. กฎหมำย 3. ควำมเป็นธรรม 4. ประสทิ ธิภำพ 5. ควำมโปรง่ ใส 6. ควำมมนั่ คงของรัฐ 7. ค่ำนยิ มของคนไทย เพ่ือให้องค์กรของรัฐ เอกชน และทุกๆส่วนนำหลักธรรมำภิบำลมำใช้ให้กว้ำงขวำงและย่ังยืน จำเป็นต้อง มีปัจจัยสำคัญหลำยๆปัจจัย ท่ีนอกเหนือจำกควำมตระหนักของบุคลำกรในหน่วยงำนและ ผู้บริหำรแล้ว คือ ควำมต่อเนื่องหรือควำมย่ังยืนของกำรเป็นประชำธิปไตยและควำมมั่นคงของประเทศ (sustainability of democracy and national security) เพรำะประชำธิปไตยค่อนข้ำงเป็นพลวัต เพรำะมี กำรเปลี่ยนแปลงไปตำมกำลเวลำ และตำมกำรเปลี่ยนแปลงของสังคม และยงั มีกำรอภปิ รำยกันถึงควำมหมำย ที่แท้จริงอยู่อย่ำงกว้ำงขวำง แต่มิติท่ีสำคัญของประชำธิปไตยก็คือกำรแข่งขัน กำรมีส่วนร่วม และเสรีภำพ ในทำงกำรเมือง กำรเป็นประชำธิปไตยและควำมยั่งยืนของประชำธิปไตยจึงเป็นส่ิงท่ีจะช่วงทำให้กำรบริหำร จดั กำรท่ีดีหรอื ธรรมำภบิ ำล คงอยูไ่ ด้ เนอื่ งจำกตรำบใดทไ่ี ม่เป็นเผด็จกำร ประชำชนยอ่ มมีโอกำสแสดงควำม คิดเห็นมีส่วนร่วมในกำรกำหนดนโยบำย มีกำรตรวจสอบกำรดำเนินกำรของรัฐ ทำให้เกิดควำมโปร่งใส ผู้บริหำรและเจ้ำหน้ำท่ีของรัฐและเอกชนตลอดหน่วยงำนต่ำงๆมีสำนกึ รบั ผิดชอบ ประชำธิปไตยจึงมีข้อดี คือ เป็นวิธีส่งเสริมกำรมีส่วนร่วมของบุคคลกลุ่มต่ำงๆ เพื่อหำแนวทำงแก้ไขควำมขัดแย้งแทนกำรใช้ควำมรุนแรง กระบวนกำรเปน็ ประชำธิปไตยนำมำสู่กำรสง่ เสริมสันติวิธใี นชำติ และระหวำ่ งชำตไิ ด้ (Boutros-Ghali,2000 : 106) ประชำธปิ ไตยเปดิ โอกำสใหเ้ กดิ กำรมีส่วนร่วมอยำ่ งมีประสทิ ธผิ ล มกี ำรลงคะแนนเสยี งโดยเท่ำเทียมกัน มีกำรสรำ้ งควำมเข้ำใจรว่ มกัน มีกำรควบคมุ ทำงนโยบำย ประชำธิปไตยนำมำสู่กำรหลกี เล่ียงทรรำช กำรมีสิทธิ เสรภี ำพ มีกำรแสดงควำมคิดของตนเอง มีควำมอสิ ระทำงควำมคดิ มีกำรพฒั นำทรัพยำกรมนุษย์ ปกปอ้ งควำม สนใจสว่ นบุคคล มีควำมเทำ่ เทียมกนั ทำงกำรเมอื งและประชำธิปไตยแนวใหม่นำมำสู่กำรแสวงหำเสรีภำพและ ควำมเจริญ (Robert Dahl, 2000: 38-44.) และท่ีสำคัญกระบวนกำรประชำธิปไตยนำมำสู่กำรพัฒนำ ทรัพยำกรมนุษยเ์ ป็นกำรสรำ้ งกำรเจรญิ เตบิ โตในดำ้ นกำรสรำ้ งควำมรบั ผดิ ชอบและสร้ำงปัญญำ ขณะเดียวกนั ก็ นำมำซ่งึ แนวทำงที่สำคญั ท่สี ุดสำหรับประชำชนในกำรปกปอ้ งและนำเสนอควำมสนใจของพวกเขำ (Diamond, 1998) กำรใช้กระบวนกำรประชำธิปไตยเพอ่ื ผลักดันให้เกิดกำรเปลย่ี นแปลงทำงกฎหมำย กำรบรหิ ำรและทำง สังคม ตลอดจนกำรมีควำมเป็นธรรมมำกขึ้นจัดเป็นเรื่องยำก แต่ก็เป็นที่เข้ำใจกันว่ำ กำรเมืองแบบ ประชำธิปไตยทำให้เกิดนิติธรรม เปน็ สง่ เสริมเสรีภำพทำงกำรเมืองและเสรภี ำพของประชำชน เกดิ กำรเลอื กตั้ง ได้ผู้จะทำหน้ำที่ในกระบวนกำรนิติบัญญัติได้อย่ำงเสรีและเป็นธรรมประชำธิปไตยเป็นปัจจัยสำคัญท่ีสุด ประกำรหน่ึงของกำรมีธรรมำภิบำล อันที่จริงแล้วธรรมำภิบำลและประชำธิปไตยเป็นสิ่งท่ีเกื้อหนุนกันอยู่ ประเทศใดท่ีมิได้เปน็ ประชำธิปไตย กำรมีธรรมำภบิ ำลคงเกดิ ขนึ้ ได้ยำกยิ่ง เพรำะไม่มีปัจจัยสำคญั ของกำรเป็น ธรรมำภิบำล หรอื ไมส่ ำมำรถทจี่ ะเกิดขน้ึ หรอื ทำให้เกิดขน้ึ ได้ อำทเิ ชน่ หลักของนิติธรรม นิติรฐั ผู้มอี ำนำจจะใช้ กฎหมำย เพ่ือประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องมำกกว่ำเพ่ือประชำชนโดยรวม ทั้งน้ีเพื่อให้คงควำมมี อำนำจของตนและพวกต่อไป กฎหมำย กฎระเบียบต่ำงๆจงึ เปน็ ไปเพื่อกำจดั ฝ่ำยตรงข้ำมเสยี มำกกว่ำหลักกำร มีส่วนร่วมของประชำชน จะเกิดข้ึนยำกมำกเพรำะตรำบใดที่ประชำชนสำมำรถแสดงควำมคิดเห็นต่อกำร ทำงำนของภำครัฐได้ ตรำบนั้นผมู้ อี ำนำจสำมำรถทำงำนได้ยำกยิ่ง เพรำะต้องคอยตอบคำถำม ตอ้ งใหข้ ้อมลู ให้ ประชำชนผู้มีส่วนได้สว่ นเสีย ตลอดจนกล่มุ ตำ่ งๆมำรว่ มรบั รู้ ตดั สนิ ใจ และท่ีสำคัญหำกใชห้ ลกั กำรน้มี ำกๆ กำร
มีส่วนร่วมในกำรเลือกตั้ง หรือถอดถอน อำจนำมำสู่กำรหลุดจำกอำนำจได้อน่ึงธรรมำภิบำลจะย่ังยืนต้องมี ประชำธิปไตยที่ยั่งยืนและควำมย่ังยืนของประชำธิปไตยจะเกิดได้ต้องมีประชำชนมจี ิตสำนึกและพฤติกรรมใน กำรเป็นประชำธิปไตย มคี วำมเชอ่ื มัน่ สถำบนั ประชำธิปไตย มีประสิทธภิ ำพทำงกำรเมอื งของประเทศ มีทนุ ทำง สังคมสูง มีกำรมีส่วนร่วมทำงกำรเมืองสูง มีวัฒนธรรมทำงกำรเมืองแบบมีส่วนร่วม ผู้นำเป็นผู้แทนประชำชน อยำ่ งแท้จริง มำจำกกำรเลอื กตั้งของประชำชน สรุป หลักธรรมำภิบำล หมำยถึง กำรบริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองและสังคมที่ดี เป็นแนวทำงสำคัญ ในกำรจัด ระเบยี บใหส้ ังคม ซึง่ ครอบคลมุ ถึง ฝำ่ ยวชิ ำกำร ฝำ่ ยปฏบิ ัติกำร ฝ่ำยรำชกำร และฝำ่ ยธุรกิจ สำมำรถอยรู่ ว่ มกัน อยำ่ งสงบสขุ ซง่ึ ประกอบด้วยหลกั สำคัญ 6 ประกำรคือ หลกั ควำมโปร่งใส หลกั สำนกึ รบั ผิดชอบ หลักนติ ิธรรม หลกั คณุ ธรรม หลกั กำรมีส่วนร่วม และหลกั ควำมค้มุ ค่ำเปน็ ควำมสอดคลอ้ งกบั ควำมรู้สึกและควำมตอ้ งกำรของ สำธำรณะชน รวมถงึ สำธำรณะชนกม็ ีควำมคำดหวังให้ทกุ ภำคส่วนมีกำรปฏิบัติ มีเป้ำหมำยหลำหลำยประกำร ประกำรแรก กำรบริหำรมุ่งผลสัมฤทธิ์เพื่อให้กำรบริหำรงำนภำครัฐ มีคุณภำพได้มำตรฐำนตำมที่ประชำชน ตอ้ งกำร มคี วำมโปรง่ ใสในกำรตัดสนิ ใจและในกระบวนกำรทำงำน ให้ประชำชนไดร้ บั ข้อมูลข่ำวสำร รว่ มแสดง ควำมคิดเหน็ และมีสว่ นร่วมในกำรทำงำน รวมทง้ั กำรประหยัด มีประสทิ ธภิ ำพตอ่ ผลงำนนน้ั แทนกำรเนน้ ทำให้ ถูกต้องตำมกฎระเบยี บและวิธีกำรเพยี งอย่ำงเดียว ประกำรทส่ี อง กำรปรบั เปลย่ี นบทบำทกำรทำงำนของภำครัฐ โดยเนน้ งำนในหนำ้ ทห่ี ลกั ของภำครัฐซึ่ง ได้แก่ กำรกำหนดนโยบำยที่มองกำรณ์ไกลกำรมีบังคับใช้กฎหมำยท่ีให้ควำมเสมอภำคเป็นธรรมและองค์กำร บรหิ ำรอย่ำงเปน็ อสิ ระ มีสว่ นรว่ มของภำคประชำชนในกำรดำเนนิ กำร ประกำรที่สำม กำรบริหำรแบบพหุภำคีได้แก่ กำรบริหำรท่ีให้ผู้มีส่วนได้เสียเข้ำมำมีส่วนร่วมในกำร กำหนดเปำ้ หมำยตดั สนิ ใจ หรือร่วมปฏบิ ัติงำนโดยไมผ่ ูกขำดหรือรวมศนู ยอ์ ำนำจ ในกำรนำหลักหลักธรรมำภิบำลไปใช้ในกำรบริหำรจัดกำรท้ังภำครัฐ และภำคเอกชน เพื่อให้เกิดผล สำเรจ็ หน่วยงำนต้องดำเนินกำร ตอ้ งมกี ำรร่วมมือกันบริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองและสังคมไทยให้ดยี ่งิ ขน้ึ ทกุ ภำค ในสงั คม ไดแ้ ก่ ภำครัฐ ภำคธรุ กจิ เอกชน และภำคประชำชน ตอ้ งรว่ มมอื กนั บริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองและสังคมไทย ใหด้ ยี ิง่ ขนึ้ ๆ ได้ตอ้ งดำเนนิ กำรอย่ำงต่อเนอ่ื ง หมำยถึง กำรบรหิ ำรกจิ กำรบ้ำนเมืองและสงั คมท่ดี ีตอ้ งดำเนินกำร อย่ำงต่อเน่ือง โดยมีปัจจัยสำคัญ คือ ผู้นำและเจ้ำหน้ำท่ีทุกคนท่ีต้องเข้ำใจมีจิตสำนึก เห็นควำมจำเป็นและ ควำมสำคัญของกำรดำเนินกำร
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: