หน่วยการเรียนรู้ที่ ๖ พลเมืองดีตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง แนวคดิ พลเมืองดี คือ พลเมอื งท่ีมคี ุณภาพ มีความรู้ ความสามารถ มีส่วนร่วมในการสร้างความ เจริญกา้ วหนา้ ให้กบั บา้ นเมอื งมคี วามรบั ผิดชอบ การปฏิบตั ิตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งของ พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศ มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร คือวิธีหน่ึงของการปฏิบตั ิ ตนเพ่ือให้เป็ นพลเมืองดี สาระการเรียนรู้ ๑. หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๒. พลเมืองดีตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ผลการเรียนรู้ที่คาดหวงั ๑.บอกหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งของพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศ มหาภมู ิ พลอดุลยเดช มหาราชบรมนาถบพิตรได้ ๒.ปฏิบตั ิหนา้ ที่พลเมืองดีตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงของพระบาทสมเดจ็ พระ บรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตรได้ หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ” จากเหตุการณ์วกิ ฤตการณ์การเงินในเอเชีย พ.ศ. ๒๕๔๐ หรือเรียกทวั่ ไปในประเทศไทยวา่ “ วิกฤต ตม้ ยาํ กงุ ้ ” เป็ นช่วงวิกฤตการณ์ทางการเงินซ่ึงส่งผลกระทบถึงหลายประเทศในทวปี โดยเฉพาะประเทศไทย สภาพเศรษฐกจิ ท่ีตกต่าํ ในขณะน้นั กไ็ ด้เกดิ ความเดือดร้อนแกป่ ระชาชน ทุกหยอ่ มหญา้ ธุรกจิ ตอ้ งปิ ดตวั ผคู้ นตกงาน จึงนาํ มาสู่การพระราชทาน หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ปรชั ญาหรือแนวคิดเศรษฐกจิ พอเพยี ง เป็นแนวพระราชดาํ ริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบ ศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ท่ีพระราชทานแกพ่ สกนิกรมาต้งั แต่พุทธศกั ราช ๒๕๑๗ โดยทรงเน้นถึงแนวทางสาํ คญั ของเศรษฐกจิ พอเพยี งความตอนหน่ึงวา่ การพฒั นาประเทศ จะเป็ นตอ้ งทาํ ตามลาํ ดบั ข้นั ตอ้ งสร้างพ้นื ฐานคือ ความพอมี พอกนิ พอใช้ ของประชาชนส่วนใหญ่เป็ นเบ้ืองตน้ กอ่ น
และทรงย้าํ อีกคร้งั หน่ึง ซ่ึงเป็นคร้ังสาํ คญั ต่อจิตสาํ นึกของคนท้งั ประเทศ โดยพระราชทานแนว พระราชดาํ ริ เมือ่ วนั ท่ี ๕ ธนั วาคม ๒๕๕๐ และ วนั ที่ ๔ ธนั วาคม ๒๕๔๑ ดงั ตวั อยา่ งพระราชดาํ รสั บางตอน ต่อไปน้ี “ ...เศรษฐกจิ แบบพอมีพอกนิ แบบพอมีพอกนิ น้นั หมายความวา่ อุม้ ชู ตวั เองไดใ้ ห้มพี อเพียงกบั ตวั เองเรากอ็ ยไู่ ด้ ... \" “...มีความคิดว่าตอ้ งทาํ อะไรตอ้ งพอเพียง หมายความ วา่ พอประมาณ ไม่สุดโต่ง ไมโ่ ลภอยา่ งมาก... \" “... ค่าว่า พอเพียง มีกนิ มีอยไู่ ม่ฟ่ ุมเฟือย ไมห่ รูหรากไ็ ดแ้ ต่ว่าพอ... \" “... ฉะน้นั ความพอเพียง กแ็ ปลวา่ ความพอประมาณและความมี จากความหมายท่ีนาํ มาจากแนวพระราชดาํ ริน้ัน สามารถแบ่งเป็ นหลกั การ ๒ ดา้ น ไดแ้ ก่ ระดับเศรษฐกจิ พอเพียง ๑.เศรษฐกจิ พอเพียงระดบั จุลภาค เนน้ การพฒั นาดา้ นจิตใจของบุคคล ให้รู้จกั พอ ไดแ้ ก่ พอดี พอประมาณ และพอใจในส่ิงที่มี ยินดีในสิ่งที่ได้ในสถานภาพที่เป็นอยอู่ ยา่ งมคี วามสุข ไมโ่ ลภ ไม่ เบียดเบียนไม่มงุ่ ทาํ ลายผอู้ ่ืนสงั คมและธรรมชาติ ควบคู่กบั การพฒั นาทางปัญญา เพือ่ ใหเ้ กดิ ความรู้ รอบคอบ และระมดั ระวงั ในการนาํ ความรูท้ ี่มไี ปใชใ้ นการพฒั นาตนเอง ครอบครัว ชุมชน และสงั คม ๒.เศรษฐกจิ เพียงระดบั มหภาค เนน้ เศรษฐกจิ ที่มรี ูปแบบทางสายกลาง หรือเศรษฐกจิ แบบ มชั ฌิมาปฏิปทาเพราะ เป็นการเช่ือมโยง ทุกเร่ืองท่ีเกย่ี วขอ้ งเขา้ มาดว้ ยกนั ท้งั เศรษฐกจิ จิตใจ สงั คม วฒั นธรรม และสิ่งแวดลอ้ มของประเทศ น้นั ๆ โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือม่งุ ใหเ้ กดิ สงั คมที่สงบสุขบนพ้ืนฐานของการพฒั นา ที่มนั่ คง และรากฐานของระดบั ชุมชนท่ี เขม้ แข็ง เน้นการพฒั นาอยา่ งมีส่วนร่วมจากคน
ในชาติที่มจี ิตใจเมตตามคี วามเอ้อื อาทรช่วยเหลอื ซ่ึงกนั และกนั และมคี วามสามคั คีไมเ่ บียดเบียนกนั และกนั แนวคดิ ของหลกั เศรษฐกจิ พอเพียง พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ภูมิพลอดุลยเดช ไดพ้ ฒั นาหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงเพ่ือที่จะให้ พสกนิกรชาวไทยไดเ้ ขา้ ถึงทาง สายกลางของชีวติ และเพ่ือคงไวซ้ ่ึงทฤษฏีของการพฒั นาที่ยงั่ ยนื ทฤษฎีน้ีเป็น พ้ืนฐานของการดาํ รงชีวิตซ่ึงอยรู่ ะหวา่ ง สงั คมระดบั ทอ้ งถิ่นและตลอดระดบั สากล จุดเด่นของแนวปรชั ญาน้ี คือ แนวทางที่สมดุล โดยชาติสามารถทนั สมยั และกา้ วสู่ความเป็ นสากลได้ โดยปราศจากการต่อตา้ นกระแส โลกาภิวตั น์ และการอยรู่ วมกนั ของทุกคนในสงั คม หลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมคี วามสาํ คญั ในช่วงปี พ.ศ. 2540 ซ่ึงเป็นช่วงที่ประเทศไทย ตอ้ ง ประสบปัญหาภาวะทางเศรษฐกจิ และ ต้องการรักษาความมน่ั คงและเสถียรภาพ เพ่ือที่จะยนื หยดั ในการไม่ พ่ึงพาผูอ้ ืน่ และ พฒั นานโยบายท่ีสาํ คญั เพอ่ื การฟ้ืนฟเู ศรษฐกจิ ของประเทศ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั มีพระราชดาํ ริวา่ มนั ไม่ไดม้ ีความจาํ เป็นท่ีเราจะกลายเป็ นประเทศ อตุ สาหกรรมใหม่พระองคไ์ ดท้ รงอธิบายว่า ความพอเพยี งและการพ่งึ ตนเอง คือ ทางสายกลางที่จะป้องกนั การเปล่ยี นแปลงความไม่มนั่ คงของประเทศได้ เศรษฐกจิ พอเพยี งเช่ือว่าจะสามารถปรับเปลีย่ นโครงสร้างทางสงั คมของชมชุนใหด้ ีข้ึนโดยมปี ัจจยั 2 อยา่ งคือ 1.การผลติ จะตอ้ งมคี วามสมั พนั ธ์กนั ระหว่าง ปริมาณผลผลติ และการบริโภค 2.ชุมชนจะตอ้ งมคี วามสามารถในการจดั การทรัพยากรของตนเอง ผลท่ีเกดิ ข้ึนคือ · เศรษฐกจิ พอเพียงสามารถที่จะคงไวซ้ ่ึงขนาดของประชากรท่ีได้สดั ส่วน · ใชเ้ ทคโนโลยไี ดอ้ ยา่ งเหมาะสม · รกั ษาสมดุลของระบบนิเวศ และปราศจากการแทรกแซงจากปัจจยั ภายนอก
หลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง จากการพจิ ารณาแนวคิดหรือปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงของพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบ ศร มหาภมู ิพลอดุลยเดช มหาราชบรมนาถบพิตร มีหลกั การสาํ คญั ๓ ประการที่สามารถปฏิบตั ิไดใ้ นฐานะพลเมืองดี ไดแ้ ก่ ความพอประมาณ ความมเี หตุผล ความมีภูมิคุ้มกนั ที่ดี ในตวั ๑. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไมน่ อ้ ยเกนิ ไปและไม่มาก เกนิ ไป โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผอู้ ื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่ อยใู่ นระดบั พอประมาณ ๒. ความมีเหตุผล หมายถึง การตดั สินใจเกยี่ วกบั ระดบั ความพอเพยี งน้นั จะตอ้ งเป็นไปอยา่ งมีเหตุผล โดยพจิ ารณาจากเหตุปัจจยั ท่ีเกย่ี วขอ้ ง ตลอดจนคาํ นึงถงึ ผลท่ีคาดว่า จะเกดิ ข้ึนจากการกระทาํ น้นั ๆ อยา่ งรอบคอบ ๓. ภูมิคุ้มกนั หมายถึง การเตรียมตวั ให้พร้อมรับผลกระทบและการ เปลี่ยนแปลงดา้ นต่างๆ ที่จะเกดิ ข้ึน โดยคาํ นึงถึงความเป็ นไปไดข้ อง สถานการณ์ต่างๆ ท่ีคาดวา่ จะเกดิ ข้ึนในอนาคต
https://sites.google.com/ ๑.เงื่อนไขความรู้ ประกอบดว้ ย ความรอบรู้เกยี่ วกบั วิชาการต่างๆ ที่เกยี่ วขอ้ ง รอบดา้ น ความรอบคอบที่จะนาํ ความรู้เหลา่ น้นั มาพจิ ารณาให้เชื่อมโยงกนั เพื่อประกอบการวางแผนและความระมดั ระวงั ในการปฏิบตั ิ ๒. เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะตอ้ งเสริมสรา้ ง ประกอบดว้ ย มคี วามตระหนกั ใน คุณธรรม มคี วามซื่อสตั ยส์ ุจริตและมีความอดทน มีความเพยี ร ใชส้ ติปัญญาใน การดาํ เนินชีวิต ทฤษฎใี หม่หัวใจของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
http://athiwattop.blogspot.com/ แนวทางในการนาํ หลกั เศรษฐกจิ พอเพยี งมาปฏิบตั ิเพราะทฤษฎีใหม่ คือการเล้ยี งตวั เองไดใ้ นระดบั ชีวิตที่ประหยดั มีการผลติ ท่ีพ่งึ ตนเองไดด้ ว้ ยวิธีง่าย ๆ ค่อยเป็ นค่อยไปตามกาํ ลงั ให้พอมีพอกนิ ไม่อดอยาก มี การผลิต ขา้ วบริโภคพอเพียงประจาํ ปี หลกั การของเกษตรทฤษฎีใหม่ คือ การทาํ ไร่นาสวนผสมและการเกษตรผสมผสาน มกี ารปลูกพืชผกั สวนครัว การทาํ ป๋ ุยหมกั ป๋ ุยคอกและใชว้ สั ดุเหลือใชม้ าเป็นปัจจยั การผลติ ป๋ ุย เพื่อลดค่าใชจ้ ่าย และบาํ รุงดิน เช่น การเพาะเห็ดฟางจากวสั ดุเหลือใชใ้ นไร่นา การปลกู ไมผ้ ลสวนหลงั บา้ น และไมใ้ ชส้ อยในครวั เรือน การ ปลกู พชื สมนุ ไพร ช่วยส่งเสริมสุขภาพอนามยั การเล้ียงปลาในร่องสวน ในนาขา้ วและแหลง่ น้าํ เพือ่ เป็น อาหารโปรตีนและรายไดเ้ สริม การเล้ียงไกพ่ ้ืนเมอื ง และไกไ่ ข่ ประมาณ ๑๐-๑๕ ตวั ต่อครวั เรือน เพ่ือเป็น อาหารในครวั เรือน โดยใชเ้ ศษอาหาร ราํ และปลายขา้ ว จากผลผลติ การทาํ นา ขา้ วโพดเล้ียงสตั วจ์ ากการปลูก พชื ไร่ และการทาํ กา๊ ซชีวภาพจากมูลสตั วท์ ่ีเล้ยี งไว้ รวมท้งั การประกอบอาชีพเสริม เช่น การจกั สาน ถกั ทอ แปรรูปอาหาร เป็นตน้ การทาํ กจิ กรรมทุกอย่างจะพง่ึ พากนั และกัน เช่น - การเลีย้ งปลาในนาข้าว ผลผลติ จากขา้ วเป็นอาหารปลา ในขณะที่ปลาจะกนิ แมลงศตั รูข้าว และมลู ปลาเป็น ป๋ ุยตน้ ขา้ ว - การปลูกผกั กับการเลยี้ งไก่ ไกก่ นิ เศษพชื ผกั มูลไกเ่ ป็นป๋ ุย สาํ หรับผกั - การใช้ทรพั ยากรในไร่นา มลู สตั วท์ าํ เป็นป๋ ุยคอก เศษหญา้ ใบไมท้ าํ ป๋ ุยหมกั เศษพืชผกั เป็นอาหารปลา ฟาง ขา้ ว ใชเ้ พาะเห็ด - การใช้แรงงานในครอบครัว เพื่อลดค่าใชจ้ ่ายและช่วยเสริมรายได้ เช่น การแปรรูป และถนอมอาหาร เช่น พริกแหง้ มะนาวดอง กลว้ ยตาก ไข่เค็ม กระเทียมดอง ผกั ดอง น้าํ พริกเครื่องแกง การจกั สาน หตั ถกรรม ส่ิงประดิษฐ์ เครื่องใช้ เช่น ดอกไม้ ใบยาง เครื่องใช้ และเครื่องจกั สานจากผกั ตบชวา ไมไ้ ผ่ กลว้ ย
ในฐานะพลเมืองดีสามารถนาํ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงของพระบาทสมเดจ็ พระบรมชน กาธิเบศร มหาภูมพิ ลอดุลยเดช มหาราชบรมนาถบพิตรมาประยุกตใ์ ช้ในการปฏิบตั ิไดด้ งั น้ี พลเมืองดีตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๑.ความพอประมาณ ไดแ้ ก่การปฏิบตั ิตามแนวทางดงั ต่อไปน้ี - รูจ้ กั ปฏิบตั ิหนา้ ท่ีของตนตามทางสายกลางไมท่ าํ สิ่งใดสิ่งหน่ึงอยา่ งสุดโต่ง เช่น เล่นเกมอยหู่ นา้ จอเป็นเวลานาน ๆ ต้องรู้จกั แบ่งเวลาทาํ หนา้ ท่ีของตนในดา้ น การเรียนการทาํ งาน การพกั ผ่อน อยา่ งสมดุล มีเหตุผล ใช้เวลาในแต่ละวนั ปฏิบตั ิหนา้ ท่ีอยา่ ง เหมาะสมรอบคอบ - รูจ้ กั เลอื กและตดั สินใจกอ่ นจะซ้ือส่ิงของเพอ่ื ใชส้ อย ในการบริโภคทุกคร้ังควร คาํ นึงกอ่ นว่าตนมีส่ิงของท่ีจะซ้ือน้นั อยแู่ ลว้ หรือยงั มีเงินในกระเป๋ าพอท่ีจะซ้ือ หรือไม่ หากซ้ือแลว้ จะเกนิ ความจาํ เป็นหรือไม่หากซ้ือ เพยี งเพราะว่าเป็นของใหม่แฟชั่นใหมเ่ พียง เพื่อตอ้ งการโออ้ วดคนอื่นเรียกว่าไม่รู้จักประมาณ ๒.ความมเี หตุผล ไดแ้ ก่การปฏิบตั ิตามแนวทางดงั ต่อไปน้ี - รู้จกั มธั ยสั ถค์ ือการรูจ้ กั ประหยดั คาํ นึงถึงประโยชน์มากกวา่ คาํ นึงถึงความ สะดวกสบาย ไม่ใชส้ ่ิงของอยา่ งฟ่ ุมเฟื อย เห็นคุณค่าอาหารที่รบั ประทาน การ รบั ประทานอาหาร เป็นพฤติกรรมท่ีเกดิ ข้ึนทุกวนั และวนั ละ ๓ เวลาไมน่ บั รวมเครื่องดื่ม ของขบ เค้ียวอนื่ ๆ ท่ีนอกเหนือจากอาหาร หากไม่เห็นคุณค่ารับประทานอาหารเหลือ ทิ้งขวา้ งให้กลายเป็น เศษขยะนอกจากจะส้ินเปลืองเงินสาํ หรับเป็นค่าอาหารแลว้ ยงั เป็ นการ ส้ินเปลืองทรพั ยากรท่ีนาํ มาทาํ เป็นอาหารดว้ ย - รักษาสมดุล คือ การทาํ ใหว้ งจรชีวติ และ ธรรมชาติส่ิงแวดลอ้ มตาํ รงอยตู่ ่อไป ได้ เช่น น้าํ ที่ใชแ้ ลว้ แต่ยงั มีประโยชน์กบั ส่ิงอ่ืน กค็ วรนาํ ไปรดตน้ ไม้ เพื่อให้ ตน้ ไมไ้ ดอ้ าหารและ
สรา้ งอากาศที่ดีให้กบั มนุษยต์ ่อไป ทาํ ใหเ้ กดิ การสืบต่อหรือเอ้ือประโยชน์ ใหก้ บั สิ่งอื่น - ไม่ใชท้ รัพยากรเกนิ ความจาํ เป็นทรัพยากรธรรมชาติท่ีมีอยบู่ นโลก ไม่เพียงพอ ต่อความตอ้ งการใช้สอยของมนุษยเ์ พราะธรรมชาติมีจาํ นวนลดนอ้ ยลง ในขณะที่จาํ นวนมนุษยม์ ีเพิ่มข้ึน - ไม่ทาํ ลายสิ่งแวดลอ้ มการ ไมท่ าํ ลายสิ่งแวดลอ้ มเป็ นการสรา้ งไมตรีของมนุษย์ ต่อสิ่งที่ตนพ่ึงพาอาศยั อยใู่ นชีวิตประจาํ วนั เช่น ไม่ปล่อยน้าํ เสียหรือท้ิงขยะสิ่ง ปฏิกลู ลงในแมน่ ้าํ เพราะจะทาํ ให้น้าํ ไมม่ ีอากาศไหลเวียน ทาํ ใหส้ ่ิงมชี ีวิตในน้าํ ไม่สามารถอาศยั อยไู่ ด้ - รู้จกั เลอื กบริโภคโดยคาํ นึงถงึ ส่วนรวมการบริโภคหรือการใชส้ อยปัจจยั ๔ ท่ี จะให้เกดิ ประโยชน์และมคี ุณค่าแทจ้ ริงน้นั ควร“ เลือก” หรือพจิ ารณาอยา่ ง รอบคอบ เช่น ไม่ใชพ้ ลาสติก โฟม หรือวสั ดุท่ีทาํ ลายธรรมชาติ ๓.ความมีภูมิคุม้ กนั ท่ีดีในตวั ไดแ้ ก่การปฏิบตั ิตามแนวทางดงั ต่อไปน้ี - รู้จกั ออกกาํ ลงั กายเพ่อื เสริมสรา้ งร่างกายให้สมบูรณ์และจิตใจที่เขม้ แข็ง พรอ้ ม รับกบั ปัญหาท่ีอาจเกดิ ข้ึน อนั เป็นปกติธรรมดาของมนุษย์ - ไม่เบียดเบียนตนเอง เช่น ไม่ขอ้ งแวะกบั สุราและยาเสพติด ที่ทาํ ใหต้ นเอง เดือดร้อนเสียอนาคต ทาํ ใหค้ รอบครัวผิดหวงั และเสียใจ - รู้จกั ประกอบอาชีพในทางสุจริตไม่ผิดกฎหมายหลกั ธรรมขอ้ น้ีส่งเสริมให้เกดิ การตระหนกั ถึงความถูกตอ้ ง ไมค่ ิดหารายไดห้ รือประกอบอาชีพทุจริต เพราะการทาํ ทุจริตเพียงคร้งั เดียวอาจจะมีผลท้งั ชีวิตเช่นทาํ ผิดแลว้ ถูกเจา้ หนา้ ท่ี ตาํ รวจจบั ไดต้ ดั สินคดีแลว้ ถูกจาํ คุกทาํ ใหบ้ ุคคลน้นั หมดอนาคต ทาํ ใหค้ รอบครวั เสื่อมเสียช่ือเสียง - รูจ้ กั ตระหนกั รู้ในตนเองการตระหนกั รู้ในตนเองหมายถงึ การรูจ้ กั ตนเอง ไมต่ ก เป็นเคร่ืองมือหรือถูกชกั จูงไปในทางท่ีผดิ ปัจจุบนั มขี ่าวนกั เรียนนกั ศึกษาท้งั ชายและหญิง ยกพวกตีกนั หรือทาํ ร้ายร่างกายกนั โดยปราศจากขอ้ ขดั แยง้ ส่วนตวั กนั มากอ่ น เพยี ง แต่ถูกปลูกฝังหรือชักจูงให้มีความเช่ือผิด ๆ เช่น ความรักสถาบนั ในทาง ท่ีผดิ ความรักเพือ่ น
ในทางที่ผดิ เป็ นผลให้อนาคตที่สดใสตอ้ งดบั วูบลงไปอยา่ งน่าเสียดาย การปฏิบตั ิตนตามแนวทางเศรษฐกจิ พอเพียง 1. ยดึ ความประหยดั ตดั ทอนค่าใชจ้ ่ายในทุกดา้ น ลดละความฟ่ ุมเฟื อยในการดาํ รงชีพอยา่ งจริงจงั ดงั พระราชดาํ รัสว่า “ความเป็นอยทู่ ี่ตอ้ งไม่ฟุ้งเฟ้อ ตอ้ งประหยดั ไปในทางท่ีถูกตอ้ ง” 2. ยดึ ถอื การประกอบอาชีพดว้ ยความถูกตอ้ ง สุจริต แมจ้ ะตกอยใู่ นภาวะขาดแคลนในการดาํ รงชีพก็ ตาม ดงั พระราชดาํ รัสท่ีว่า เป็นหลกั สาํ คญั ” “ความเจริญของคนท้งั หลายย่อมเกดิ มาจาก การประพฤติชอบและการหาเล้ยี งชีพ ของตน 3. ละเลิกการแกง่ แยง่ ผลประโยชนแ์ ละแข่งขนั กนั ในทางการคา้ ขายประกอบอาชีพแบบต่อสู้กนั อยา่ ง รุนแรงดงั อดีต ซ่ึงมีพระราชดาํ รสั เรื่องน้ีวา่ “ ความสุขความเจริญอนั แทจ้ ริงน้นั หมายถึงความสุขความเจริญท่ีบุคคลแสวงหามาไดด้ ว้ ยความเป็น ธรรมท้งั ในเจตนา และการกระทาํ ไม่ใช่ไดม้ าดว้ ยความบงั เอญิ หรือดว้ ยการแกง่ แยง่ เบียดบงั มาจาก ผอู้ ่ืน” 4. ไมห่ ยดุ นิ่งที่จะหาทางในชีวิตหลดุ พน้ จากความทุกข์ยากคร้ังน้ี โดยตอ้ งขวนขวายใฝ่ หาความรู้ให้ เกดิ มีรายไดเ้ พิ่มพนู ข้ึนจนถงึ ข้นั พอเพยี งเป็ นเป้าหมายสาํ คญั พระราชดาํ รสั ตอนหน่ึงที่ให้ความชดั เจนว่า “ การที่ตอ้ งการใหท้ ุกคนพยายามที่ จะหาความรู้ และสร้างตนเองให้มนั่ คงน้ีเพ่ือตนเอง เพอื่ ท่ีจะให้ ตวั เองมีความเป็ นอยทู่ ี่กา้ วหนา้ ท่ีมีความสุข พอมีพอกนิ เป็ นข้นั หน่ึง และข้นั ต่อไป กค็ ือใหม้ เี กยี รติว่ายนื ได้ ดว้ ยตวั เอง” 5. ปฏิบตั ิตนในแนวทางท่ีดีลดละสิ่งยว่ั กเิ ลสใหห้ มดสิ้นไป ท้งั น้ีดว้ ยสงั คมไทยท่ีล่มสลายลงในคร้ังน้ี เพราะยงั มีบุคคลจาํ นวนมิใช่นอ้ ยท่ีดาํ เนินการโดยปราศจากละอายต่อแผ่นดิน พระบาทสมเด็จ พระเจา้ อยหู่ วั ไดพ้ ระราชทานพระราโชวาทวา่ “พยายามไม่กอ่ ความชวั่ ให้เป็ นเคร่ืองทาํ ลายตวั ทาํ ลายผอู้ ่นื พยายามลด พยายามละความชว่ั ท่ีตวั เองมีอยู่ พยายามกอ่ ความดีใหแ้ กต่ วั อยเู่ สมอ พยายามรกั ษา และเพม่ิ พูนความดีท่ีมีอยู่ น้นั ให้งอกงามสมบูรณ์ข้ึน ทรงย้าํ เนน้ ว่าคาํ สาํ คญั ที่สุดคือ คาํ ว่า \"พอ\" ตอ้ งสรา้ งความพอที่สมเหตุสมผล ใหก้ บั ตวั เองให้ไดแ้ ละเรากจ็ ะพบกบั ความสุข” https://sites.google.com/
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: