Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งเเวดล้อม

ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งเเวดล้อม

Published by Naowarat_2514, 2021-09-15 12:26:16

Description: ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งเเวดล้อม

Search

Read the Text Version

1

2 ความรบั ผิดชอบต่อสงั คมและสิ่งเเวดล้อม ความหมายของ CSR คอื อะไร? นิยาม ความหมายของ CSR มีอธบิ ายไวจ้ ากหลายแหล่งท่ีมา ตัวอย่างเชน่ “CSR คอื แนวคิดท่ีบริษัทผสาน ความห่วงใยต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมไว้ในกระบวนการดำเนิน ธุรกิจและการมีปฏิสมั พันธ์กับผู้มีส่วนได้เสียภายใต้ พน้ื ฐานการกระทำด้วยความสมัครใจ” The European Commission “CSR คือคำมั่นของบริษัทที่จะส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยทำงานรวมกับลูกจ้างและ ครอบครัวของพวกเขา ชุมชน และสังคมโดยกวา้ ง เพื่อจะพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ทด่ี ีขน้ึ ของสงั คมโดยรวม” World Business Council on Sustainable Development “Corporate Social Responsibility หรือที่เรียกเปน็ ภาษาไทยว่าความรับผิดชอบตอ่ สังคมของธรุ กิจนั้น หมายถึง การดำเนินธุรกิจภายใต้หลักจริยธรรมและการกำกับที่ดี ควบคู่ไปกับการใส่ใจดูเเลรักษาสังคมและสิ่งเเว ดล้อม เพอี่ นำไปสกู่ ารพัฒนาธุรกิจอยา่ งยงั่ ยืน” คณะทำงานสง่ เสรมิ ความรบั ผิดชอบต่อสังคมและส่ิงเเวดลอ้ มของบริษทั จดทะเบยี น คณะกรรมการกำกับหลักทรัพยและตลาดหลักทรัพย์ (กลต.)“CSR เป็นเรื่องของการที่องค์กรตอบสนอง ต่อประเดน็ เศรษฐกจิ สงั คม และสิง่ แวดลอ้ ม โดยมุ่งท่ีการให้ประโยชนก์ บั คน ชมุ ชน และสังคมนอกจากนัน้ ยงั เป็น เรอ่ื งของบทบาทขององคก์ รธรุ กจิ ในสงั คม และความคาดหวังของสังคมที่มีต่อองค์กรธรุ กจิ โดยจะตอ้ งทำดว้ ยความ สมัครใจ และผ้บู รหิ ารจะต้องมีบทบาทเกี่ยวข้องกับกิจกรรมต่างๆ โดยสามารถวัดผลได้ใน 3 มติ ิ คือ การวัดผลทาง เศรษฐกจิ สงั คม และสิ่งแวดล้อม อนั จะนำไปสู่การพฒั นาอย่างยงั่ ยืน ” ISO 26000 “CSR คอื การดำเนินกจิ กรรมภายในและภายนอกองค์กรท่ีคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคม ทั้งในระดบั ใกล้ (ผู้ มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับองค์กร เช่น ลูกค้า คู่ค้า ครอบครัว พนักงาน ชุมชนท้องถิ่นที่องค์กรตั้งอยู่) และระดับ ไกล (ผู้มสี ว่ นเกยี่ วข้องกบั องคก์ รทางอ้อม เช่น คู่แขง่ ขนั ทางธรุ กิจ ประชาชนโดยทว่ั ไป) ดว้ ย การใช้ทรัพยากรทมี่ อี ย่ใู นองคก์ รหรือทรัพยากรจากภายนอกองค์กร ในอนั ที่จะทำใหอ้ ยูร่ ่วมกนั ในสงั คมได้อยา่ งเป็น ปกติสุข” สถาบนั ไทยพฒั น์ ภายใต้มูลนิธิบรู ณะชนบทแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นอกจากนี้ ยังมีการตีความ CSR ว่าเป็นกิจกรรมที่รวมทั้งการคิด การพูด และการกระทำซึ่งครอบคลุม ตั้งแต่การวางแผน การตัดสินใจ การสื่อสารประชาสัมพันธ์ การบริหารจัดการและการดำเนินงานขององค์กรท่ี ดำเนนิ การในพ้ืนที่ของสังคม โดยทส่ี ังคมใกล้ ซ่งึ หมายถงึ ลูกคา้ คูค่ ้า ครอบครัวพนักงาน ชุมชนท่ีองค์กรต้ังอยู่ ซึ่ง รวมถึงส่ิงแวดล้อมหรือระบบนิเวศน์ และสังคมไกล ซึ่งหมายถึง ผู้เกี่ยวข้องกับองคก์ รโดยอ้อม ได้แก่ คู่แข่งขันทาง ธุรกิจ ประชาชนทั่วไป เป็นต้น ในนิยามข้างต้น ยังได้อธิบายถึงความเกี่ยวข้องกับผู้คนในมิติต่างๆ ประกอบด้วย ลูกค้า คคู่ ้า ชมุ ชนและสภาพแวดลอ้ ม ประชาสังคม และคู่แขง่ ขนั ธรุ กจิ สามารถกลา่ วโดยสรุปไดว้ ่า CSR หรือความ รับผิดชอบต่อสังคมของธุรกิจนั้น หมายถึง การดำเนินธุรกิจภายใต้หลักจริยธรรมและการกำกับดูแลกิจการที่ดี ควบคูไ่ ปกับการใส่ใจรักษาสงั คมและส่ิงเเวดล้อม เพื่อนำไปสู่การพัฒนาธุรกิจอย่างยง่ั ยนื อธบิ ายโดยขยายความได้ วา่ การดำเนินกจิ กรรมภายในและภายนอกองคก์ รที่คำนงึ ถึงผลกระทบต่อสังคม ทั้งในระดับใกล้และไกล โดยไม่ไป เบียดเบียนฝ่ายใดทั้งสิ้น องค์กรที่มี CSR ย่อมไม่ขูดรีดแรงงานลกู จา้ ง ไม่ฉ้อโกงลูกค้า ไม่เอาเปรียบคู่ค้า ไม่ทำลาย

3 สิ่งแวดล้อมหรือทำร้ายชุมชนโดยรอบ ทั้งหมดก็เพื่อประโยชน์สุขแก่องค์กรและสังคม อันนำไปสู่การพัฒนาอย่าง ยัง่ ยืนนั่นเอง ISO 26000 Social Responsibility เป็นมาตรฐานการแสดงความรับผิดชอบต่อผลกระทบของสังคม และสิ่งแวดล้อมจากการตัดสินใจและดำเนินกิจกรรมต่างๆ ขององค์กร เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของคนในสังคม และ การพัฒนาท่ยี ่ังยนื ทางธรุ กิจ เหตุเกิดจาก CSR…ปัจจุบันกระแสการสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร (Corporate Social Responsibility : CSR ) ได้เข้ามาสู่โลกธุรกิจอุตสาหกรรมอย่างจรงิ จัง เนื่องจากปัญหาวิกฤติด้านสิ่งแวดล้อมและ แรงงานในทั่วทุกมุมโลก ดังนั้นจึงได้มีการแสวงหาแนวคิดและแนวทางดำเนินการ เพื่อให้เกิดความสันติและการ สานสัมพันธ์อันดีในการอยู่ร่วมกันในสังคม ด้วยเหตุนี้ องค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน ( International Organization for Standardization : ISO) จึงได้กำหนด มาตรฐานว่าด้วยความรับผิดชอบต่อ สังคม (ISO 26000 Social Responsibility) ข้นึ เพื่อให้บรษิ ทั องคก์ ร หน่วยงาน และสถาบนั ทวั่ โลก รวมไปถึงผู้มี ส่วนได้ส่วนเสียขององค์กรได้เพิ่มความตระหนักและสร้างความเข้าใจในเรื่องของความรับผิดชอบต่อสังคม ซ่ึง มาตรฐานดังกล่าวจะเป็นข้อแนะนำ หลกั การ และวธิ ีการของความรับผดิ ชอบต่อสังคมท่ีองค์กรพึงปฏิบัติโดยความ สมคั รใจ ทกุ องค์กรสามารถนำไปประยกุ ต์ใชไ้ ดโ้ ดยไม่ต้องมีการตรวจรับรอง ISO 26000 ได้เริ่มมีการพิจารณาตั้งแต่ พ.ศ. 2548 เป็นต้นมา และคาดว่าจะประกาศใช้ภายในปี พ.ศ. 2553 สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ในฐานะหนว่ ยงานที่รับผิดชอบด้านงานมาตรฐาน จึงได้ จัดสัมมนาเรื่อง “CEO Forum for ISO 26000 Social Responsibility” ขึ้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม ตลอดจนสร้างความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันเกี่ยวกับมาตรฐานดังกล่าวก่อนที่จะมีการประกาศใช้อย่าง เป็นทางการ โดยมุ่งหวังให้องค์กรสามารถนำไปใชด้ ำเนินการด้านความรับผดิ ชอบตอ่ สงั คมได้อย่างมีประสิทธภิ าพ แลพะก่อให้เกดิ ประโยชนใ์ นทุกภาคส่วนของสงั คม หลัก 7 ประการของ ISO 26000 ISO 26000 มีหลักการสำคญั 7 ประการ คอื 1.หลักการปฏิบัติตามกฎหมาย (Principle of legal compliance) องค์กรจะต้องมีการปฏิบัติที่สอดคล้องกับกฎหมาย และกฎระเบียบต่างๆ ที่ เก่ยี วข้องกบั ชาตแิ ละระดับสากลท้ังในเชิงรกุ และเชิงรบั 2. หลักการเคารพต่อแนวปฏิบัติระดับชาติหรือระดับสากล (Principle of respect for authoritative inter-government agreements or internationally recognized instruments) รวมถึงสนธิสัญญาสากล คำสงั่ ประกาศ ขอ้ ตกลง มติ และข้อชน้ี ำตา่ งๆ ซึ่งได้รบั การรบั รองจากองคก์ รสากลทีเ่ กี่ยวข้องกบั องค์กรน้ันๆ 3.หลักการให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ( Principle of recognition of stakeholders and concerns) องค์กรควรตระหนักถึงสิทธิและผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยเปิดโอกาสให้แสดงความ คิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรมขององค์กร เช่น นโยบาย ข้อเสนอ หรือการตัดสินใจต่างๆ ก็ตามที่จะส่งผลต่อผู้มีส่วนได้ สว่ นเสยี 4.หลักของการแสดงรับผิดชอบท่ีสามารถตรวจสอบได้ (Principle of accountability) ในการดำเนินงาน ใดๆกต็ ามขององค์กรต้องสามารถตรวจสอบไดจ้ ากภายนอก

4 5.หลักการความโปร่งใส (Principle of transparency) องค์กรควรเปิดเผยข้อมูลต่างๆให้ผู้มีส่วนได้ส่วน เสีย รวมถงึ ผทู้ ่ีเกย่ี วข้องไดร้ ับทราบอย่างชดั แจง้ 6.หลักการความเคารพในสิทธิมนุษยชน (Principle of respect of fundamental human right) องค์กรควรดำเนนิ นโยบายและดำเนินกิจกรรมท่ีสอดคลอ้ งกบั ปฏญิ ญาสากลว่าดว้ ยสิทธิมนษุ ยชน และสดุ ท้าย 7.หลักการความเคารพในความหลากหลาย (Principle of respect for diversity) องค์กรควรจ้าง พนกั งาน โดยไมม่ กี ารแบง่ แยกเชือ้ ชาติ สผี ิว ความเชอ่ื อายุ เพศ องคป์ ระกอบของความรับผดิ ชอบตอ่ สังคม ความรับผิดชอบต่อสังคมนั้นมีองค์ประกอบหลากหลาย ซึ่งใน ISO 26000 ได้กำหนดองค์ประกอบหลัก ของความรับผดิ ชอบไว้ 7 ประการ ดังนี้ 1.มีการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Organization governance) กล่าวคือ องค์กรควรกำหนดหน้าที่ให้ คณะกรรมการฝ่ายจัดการ ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสามารถสอดส่องดูแลผลงานและการปฏิบัติงานของ องค์กรได้ เพื่อแสดงถึงความโปร่งใส พร้อมรับการตรวจสอบ และสามารถชี้แจงให้ผู้มีส่วนได้เสียได้รับทราบถึงผล การปฏิบตั ิงานได้ 2.คำนึงถึงสิทธิมนุษยชน (Human rights) ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ โดยสิทธิดังกล่าวควร ครอบคลุมถึงสิทธิความเป็นพลเมือง สิทธิทางการเมือง สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม และสิทธิตาม กฎหมายระหว่างประเทศด้วย 3.ข้อปฏิบัติด้านแรงงาน (Labor practices) องค์กรต้องตะหนักว่าแรงงานไม่ใช่สินค้า ดังนั้นแรงงานจึง ไม่ควรถูกปฏิบตั เิ สมือนเป็นปจั จัยการผลติ 4.การดูแลส่ิงแวดล้อม (Environment) องค์กรจำเป็นที่จะตอ้ งคำนงึ ถึงหลักการป้องกันปัญหามลพิษการ บรโิ ภคอย่างย่ังยืน (Sustainable consumption) และการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสทิ ธิภาพในการดำเนินการผลิต และบรกิ าร 5.การดำเนินธุรกิจอย่างเป็นธรรม (Fair operating practices) องค์กรต่างๆ ควรแข่งขันกัน อย่างเป็นธรรมและเปิดกว้าง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพในการลดต้นทุนสินค้าและบริการ นวัตกรรมการพัฒนาสินค้าหรือกระบวนการใหม่ๆ รวมถึงจะช่วยขยายการเติบโตทางเศรษฐกิจและ มาตรฐานการครองชีพในระยะยาว 6.ใส่ใจต่อผบู้ รโิ ภค (Consumer issues) องค์กรจะต้องเปิดโอกาสให้ผู้บรโิ ภคได้รับทราบข้อมูล ในการใชส้ นิ คา้ และบริการอย่างเหมาะสม ท้งั ยังตอ้ งใหค้ วามสำคญั กบั การพัฒนาสินค้าและบริการท่ีเป็นประโยชน์ ต่อสังคม โดยคำนึงถึงความปลอดภัยในการใช้งานและสุขภาพของผู้บริโภค นอกจากนี้เมื่อพบว่าสินค้าไม่เป็นไป ตามเกณฑ์ที่กำหนด องค์กรก็จะต้องมีกลไกในการเรียกคืนสินค้า พร้อมทั้งยังต้องให้ความสำคัญกับกฎหมาย คุม้ ครองผบู้ ริโภค และถอื ปฏิบัตอิ ยา่ งเครง่ ครัดอีกดว้ ย และ 7.การแบง่ ปันส่สู ังคมและชมุ ชน (Contribution to the community and society) เรม่ิ ทำ ISO 26000 ได้อย่างไร การดำเนินการเพื่อเป็นองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมนั้นสามารถปฏิบัติได้ไม่ยาก มีขั้นตอน ดำเนินการคือ เริ่มแรกนั้นองค์กรจะต้องกำหนดให้การจัดทำ ISO 26000 เป็นนโยบายขององค์กรนโยบาย เสียก่อน จากนั้นจึงกำหนดโครงสร้างหน้าที่ของผู้ที่จะมารับผิดชอบในการปฏิบัติตามนโยบาย พร้อมทั้งทำความ

5 เข้าใจถงึ บรบิ ทของความรบั ผดิ ชอบต่อสังคมขององค์กร หลงั จากนั้นก็ปรบั ปรงุ ให้เข้ากับวสิ ยั ทัศน์ พนั ธกจิ นโยบาย และกลยุทธ์ขององค์กร แลว้ จึงจะนำไปปฏิบัติให้ตรงตามแผนงานที่ไดว้ างไว้ ท้งั น้ใี นการปฏบิ ัตงิ านทุกคร้ังจะต้องมี การติดตามและประเมินผลงานด้วย เพื่อให้สามารถนำไปปรบั ใช้และพัฒนาได้ต่อไป อย่างไรก็ดี ในการดำเนินงาน องค์กรควรจะทำการสื่อสารและประสานงานกับคนภายในองค์กร รวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้ได้รับรู้และมีความ เข้าใจตรงกนั จงึ จะทำใหก้ ารดำเนนิ งานมปี ระสิทธภิ าพมากยงิ่ ข้นึ สำหรับประโยชน์ที่จะได้รับการดำเนินการตามมาตรฐาน ISO 26000 ในมุมมองด้านธุรกิจนั้น สามารถ เพิ่มยอดขายและส่วนแบ่งทางการตลาดให้กับองค์กร สร้างจุดแข็งให้กับตราสินค้า ส่งเสริมภาพลักษณ์และความ ร่วมมือในการบรหิ ารองค์กร ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถ แรงจูงใจ และสร้างขวัญกำลังใจให้กับพนักงาน ทำให้ สามารถรักษาพนักงานที่ดีไว้ให้อยู่กับองค์กรตลอดไปได้ ส่วนประโยชน์ในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมนั้นเป็นการ สร้างชอื่ เสียงให้กบั องค์กร ลดปญั หาและผลกระทบจากสงิ่ แวดล้อม เสริมสรา้ งชมุ ชนและสงั คมใหเ้ ขม้ แข็ง ขจดั ความยากจนเส้นทางคืนกำไรสสู่ งั คม มีชัย วีระไวทยะ นายกสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน กล่าวในการบรรยายพิเศษเรื่อง “ความ รับผิดชอบและบทบาทของธุรกิจที่มีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม” ในงานสัมมนา “CEO Forum for ISO 26000 Social Responsibility” ว่า ISO 26000 เป็นมาตรฐานที่สังคมตะวันตกเป็นผู้กำหนดขึ้น ดังนั้นการที่จะนำ มาตรฐานดังกล่าวมาใช้ ประเทศไทยจึงควรจะปรับให้เข้ากับวัฒนธรรมของไทยเสียก่อน เพื่อให้เหมาะสมกับ สังคมไทยมากที่สุด อย่างไรก็ดี ในแง่ประสบการณ์ของการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมนั้น นายกสมาคมพัฒนาประชากร และชุมชน กล่าวว่า สมาคมฯ ได้นำนโยบายการขจัดความยากจนในชุมชนมาเป็นการแสดงถึงความรับผิดชอบต่อ สงั คมของทางสมาคมฯ ซงึ่ ส่ิงนี้จะเปน็ การช่วยคืนกำไรให้แก่สังคมได้ โดยกำหนดกิจกรรมหลัก 5 กิจกรรม คือ 1.การพัฒนาองคก์ รประชาชน โดยได้ตั้งคณะกรรมการพัฒนาหมู่บ้านข้ึน ซึ่งแบ่งออกเป็น ธนาคารพัฒนา หมู่บ้าน องค์การบริหารหมู่บ้านในเยาวชน และคณะผู้อาวุโส ซึ่งบุคคลต่างๆเหล่านี้จะทำ หน้าที่ในการพฒั นาและสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึน้ แก่ชุมชน 2.การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ จะเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน โดยเสริมความรู้ ทางด้านเศรษฐกิจ และจัดตั้งกองทุนดอกเบี้ยต่ำขึ้น เพื่อให้ชาวบ้านในชุมชนมากู้ยืมและ นำไปประกอบอาชีพ ซึ่ง 50 % ของผลกำไรนี้ สมาคมฯจะนำไปสนับสนุนทางด้าน การศึกษาและพัฒนาชุมชนต่อไป 3.การพัฒนาสิ่งแวดล้อม จัดกิจกรรมรักษาป่า และฟื้นฟูคูคลองขึ้นภายในชุมชนให้ชาวบ้านเข้ามามีส่วน ร่วมในการทำกจิ กรรมด้วย เพอื่ ใหพ้ วกเขาได้ตระหนักถึงความสำคัญของการมสี ่วนร่วมในการช่วยดูแล รกั ษา และ พฒั นาชมุ ชนของเขาอย่างแทจ้ ริง 4.การดูแลสุขภาพอนามัย มีการจัดตรวจสุขภาพและสายตาให้แก่ชุมชนอยู่เสมอ และ5.การพัฒนา การศึกษา โดยจัดตั้งศูนย์พฒั นาคุณภาพชุมชนขึน้ มาให้ความร้แู ก่เยาวชนและคนในชมุ ชน ซึ่งจะเน้นให้เรียนรู้ด้วย ตนเองอยา่ งรอบด้านทัง้ จากภายในและภายนอกศูนยฯ์ สร้างสมดุลระหว่างกำไร ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ปราโมทย์ เตชะสุพฒั นก์ ลุ กรรมการผจู้ ดั การใหญ่ธุรกจิ ซีเมนต์ เครือซีเมนต์ไทย (SCG Cement) กล่าวว่า ผู้บริหารของ SCG ได้ประกาศนโยบายในการทำ Sustainable Development ขึ้นมา ซึ่งเป็นการดำเนินการตาม

6 ISO 26000 โดยจะใช้ SD Framework เป็นกรอบในการดำเนินการ ทั้งนี้ SCG จะจัดตั้งคณะกรรมการสู่การ พัฒนายั่งยืนขึ้น ซึ่งจะมีหน้าที่ในการนำนโยบายนี้ไปดำเนินการ เพื่อให้ทุกหน่วยงานใน SCG ดำเนินงานไปพร้อม กันและอยู่ภายใต้กรอบแนวคิดเดียวกัน คือ การสร้างดุลภาพระหว่างการเติบโตเชิงเศรษฐศาสตร์ การเป็นผู้ให้แก่ ชมุ ชน และสง่ิ แวดล้อม โดยองค์กรจะต้องดูแลองค์ประกอบทั้ง 3 สว่ นนีใ้ หส้ มดุลกัน เนือ่ งจากการดำเนินธุรกิจน้ัน องค์กรจะมุ่งหวังแต่สร้างกำไรเชิงเศรษฐศาสตร์อย่างเดียวไม่ได้ แต่จะต้องสนใจในด้านของสิ่งแวดล้อมและชุมชน ซึง่ เปน็ สิ่งสำคัญควบคู่ไปดว้ ย ความรับผิดชอบต่อสงั คม...เพือ่ การพฒั นาท่ียัง่ ยืน SCG จะมุ่งเน้นแสดงความรับผิดชอบต่อส่ิงแวดล้อม ด้วยการจัดกิจกรรม เช่น โครงการปลูกป่า โครงการ สร้างฝาย 10,000 ฝาย ภายใน 3 ปี เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้จำนวนครึ่งหนึ่งเป็นคนภายในชุมชนมาช่วย ดำเนินการ ทำให้สามารถเรียนรู้ได้ว่าในการดูแลรักษาชุมชนและสิ่งแวดล้อมนั้นคนในชุมชนจะต้องเข้ามามีส่วน รว่ มด้วย จึงจะทำใหส้ ่ิงแวดล้อมและชุมชนอยู่ต่อไปได้ อยา่ งไรกต็ าม ในการดำเนินการและจัดทำกิจกรรมต่างๆนั้น SCG จะเปดิ เผยข้อมูลให้กบั คนในชุมชนได้รับทราบ พร้อมท้ังเปิดโอกาสให้สามารถพูดคุย แสดงความคิดเห็น และ สอบถามจากองคก์ รได้ ท้ังนยี้ ังตอ้ งสามารถตรวจสอบไดจ้ ากภายนอกเพ่ือความโปร่งใสอกี ดว้ ย นอกจากนี้ SCG ยังมุ่งที่จะแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม โดยจัดกิจกรรม เช่น โครงการให้ความรู้แก่ครู ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้, โครงการ SCG Sci-Camp ที่มุ่ง ให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียน ทางด้านวิทยาศาสตร์ เป็นต้น โดยมุ่งที่จะพัฒนาคนในสังคมให้ ควบคู่ไปกับการพัฒนาคนใน องค์กร เพื่อให้เกิดความทัดเทียม กันและมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ด้วย นอกจากนี้ SCG ยังมีกิจกรรม OCOP ซึ่งจะให้พนักงานทุกคน ในองค์กรมีหน้าที่ในการดูแลชุมชน รอบข้างขององค์กร โดยจะแบ่ง พนักงานออกเป็นกลุ่ม และให้แต่ ละกลุ่มเข้าไปคุยกับคนในชุมชน วา่ ประสบปัญหาอะไรบ้าง หลังจาก นั้นองค์กรก็จะเข้าไปช่วยแก้ไข ปัญหาซึ่งองค์กรอาจจะเข้าไปแก้ไข เองหรือให้เงินทุนสนับสนุนให้ คนในชุมชนเข้าไปแก้ไขก็ได้แล้วแต่ ความเหมาะสม “องค์กรจะต้องทำให้คนในชุมชนมีสภาพความเป็นอยู่และสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น เนื่องจากหากคนในชุมชน เดือดร้อน องค์กรก็จะไม่สามารถอยู่รอดได้ นอกจากนี้ SCG ยังเชื่อว่ามาตรฐาน ISO 26000 จะเป็นประโยชน์ สำหรับองค์กรในการแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้ เนื่องจากปัจจุบันลูกค้าไม่ได้เลือกใช้เฉพาะสินค้าที่มีคุณภาพดี เท่านั้น แต่พวกเขายังพิจารณาไปถึงการเลือกผู้ประกอบการที่ดีด้วย ดังนั้นมาตรฐาน ISO 26000 จึงเป็นเสมือน ตรารับรองว่าองค์กรมีคุณภาพและประสิทธภิ าพที่ดีจรงิ ท้ังทางดา้ นสินค้าและบรกิ าร รวมไปถงึ การเป็นองค์กรซึ่งมี ความรบั ผดิ ชอบตอ่ สังคม ส่งผลต่อการพัฒนาทางธรุ กจิ ทีย่ ่งั ยืนตอ่ ไป” กรรมการผจู้ ดั การใหญ่ SCG กล่าวปิดทา้ ย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook