รายงาน เครื่องมือและอุปกรณ์สาหรับการเก็บตัวอย่างอากาศทเ่ี ก่ียวข้อง กบั อนุภาคหรอื ไอระเหย โดย นางสาว กัตติกา เทยี บพุฒ รหสั นักศกึ ษา 6240311301 อาชวี อนามยั และความปลอดภยั มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ วทิ ยาเขตสรุ าษฎรธ์ านี
คานา รายงานฉบบั น้จี ัดทาขึน้ เพื่อเปน็ ส่วนหนง่ึ ของรายวิชา 9245-209 Industrial Hygiene เพื่อศึกษาหา ความรเู้ พ่มิ เตมิ เกยี่ วกบั เครื่องมือและอปุ กรณ์สาหรับการเก็บตัวอยา่ งอากาศทเี่ ก่ยี วขอ้ งกับอนุภาคหรือไอ ระเหย กล่าวถงึ เทคนคิ การเก็บตัวอย่าง วธิ ีการเกบ็ ตวั อยา่ งและประเภทของการเก็บตัวอย่าง หากมี ขอ้ ผดิ พลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ท่นี ี้ดว้ ย ผู้จดั ทา
สารบัญ หนา้ เรื่อง 1 2 มลพษิ ทางอากาศ 6 อุปกรณ์เกบ็ ตวั อย่างอากาศ 10 อุปกรณ์สะสม (Collection devices) 14 ตัวอยา่ งมลพิษทเี่ ปน็ อนุภาค 20 การเก็บตวั อยา่ งมลพิษอากาศ ตัวอยา่ งเครื่องมือ/อุปกรณ์ในการเกบ็ ตวั อยา่ งอากาศในสถานที่ทางาน
มลพิษทางอากาศ แบ่งได้2 ประเภท คือ 1.อนภุ าค (Particulates) หมายถึง สารทุกชนดิ ไมว่ ่าจะอย่ใู นรปู ของแข็ง หรือ ของเหลวทสี่ ามารถแขวนลอยอยู่ในบรรยากาศไดใ้ นระยะเวลาใดเวลาหน่ึง และอาจเข้าสูร่ ะบบ ทางเดนิ หายใจคนได้ อนภุ าคของแข็ง เช่น ฝุน ฟมู ควนั ขี้เถ้า เส้นใย อนุภาคของเหลว ได้แก่ ละออง(mist) และ หมอก(fog) - ฝนุ่ (Dust) หมายถึง อนภุ าคของสารอนิ ทรยี ห์ รอื อนินทรีย์ทเี่ กดิ จากการขัด ตดั กระแทก เจาะ ทบุ วัตถุ ฯลฯ ทาใหว้ ตั ถแุ ตกออกและช้นิ สว่ นทีม่ ีขนาดเล็กฟงูุ กระจายขนึ้ สอู่ ากาศ ฝุนมตี ้งั แต่สามารถมองเหน็ ดว้ ยตาเปล่าจนถงึ ขนาดเล็กที่ไม่สามารถมองเหน็ ได้ดว้ ยตาเปลา่ อยา่ งไรก็ตามฝนุ ทน่ี ักสขุ ศาสตรฯ์ สนใจคือฝนุ ทสี่ ามารถถูกหายใจเข้าส่ทู างเดินหายใจได้ หรอื ที่ เรยี กว่า Inhalable dust - ฟมู (Fume) เกิดจากการระเหย (evaporation) การควบแน่น (condensation) และเกิดปฏกิ ิริยาทางเคมีในขณะท่ีของแขง็ หลอมเหลว เช่น โลหะหลอมเหลวนน้ั วัตถสุ ามารถอยู่ ไดท้ ้ัง 3 สถานะ ส่วนท่อี ยูใ่ นสถานะกา๊ ซ (gas phase) คอื สว่ นทีว่ ตั ถุกลายเป็นไอระเหย สว่ นนี้จะ ทางปฏิกริ ยิ ากับออกซิเจนกลายเปน็ โลหะออกไซด์ และควบแน่นกลายเป็นของแข็ง เมอ่ื กระทบกับ ความเย็นรอบๆ แว๊กซ์ (wax)หรอื พลาสติกกส็ ามารถหลอมเหลวกลายเป็นฟูมได้ ด้วยลกั ษณะการ เกิดเชน่ นี้ทาให้ฟมู เป็นอนภุ าคทีข่ นาดเล็กมาก กล่าวคือมขี นาดระหว่าง 1-0.0001 ไมโครเมตร - ควนั (Smoke) เกิดจากการเผาไหมท้ ่ีไมส่ มบูรณ์ของสารอินทรีย์ โดยท่วั ไปขนาด ของควนั มกั เลก็ วา่ 0.5 ไมโครเมตร สาหรบั อนุภาคทีอ่ ยใู่ นสถานะของเหลว ได้แก่ - ละออง (Mist) เกิดจากการที่ของเหลวถูกอัดให้แตกกระจายออก (Atomization) กลายเป็นอนภุ าคท่ีมีขนาดเล็กแขวนลอยในอากาศ โดยทวั่ ไปมขี นาดใหญ่กวา่ 5 ไมโครเมตร - หมอก (Fog) เกดิ จากการกล่ันตวั กลายเปน็ ของเหลวของสารทีอ่ ยใู่ นสถานะก๊าซ เม่อื ก๊าซนัน้ มีความเข้มขน้ สูงมากๆ เชน่ ของเหลวอินทรียท์ ีถ่ กู ต้มจนเดือดกลายเป็นไอลอยตวั ข้ึน ไปกระทบกบั ความเยน็ จึงกลนั่ ตัวเปน็ ของเหลว โดยทวั่ ไปมีขนาดเล็กกวา่ หรือเท่ากบั 0.25 ไมโครเมตร แขวนลอยในอากาศ 2.ก๊าซ และไอ กา๊ ซ หมายถึง สภาวะของของไหลท่ีไรร้ ปู ทรงของสารเคมีที่อาจเปลีย่ นแปลงไปสู่ สภาวะของเหลว หรอื ของแข็ง โดยผลรว่ มกนั ระหว่างการเพ่ิมความดันและการลดอุณหภมู ิ
ไอ หมายถงึ สภาวะการเป็นกา๊ ซของสารซงึ่ โดยปกตแิ ลว้ ภายในอุณหภมู ิห้อง และความดนั ปกติจะอยู่ในสภาวะของแขง็ หรือของเหลว ไอนน้ั จะทาใหเ้ ปลี่ยนแปลงกับไปเปน็ สภาวะ ของแข็งหรอื ของเหลวไดโ้ ดยการเพม่ิ ความดนั หรอื ลดอณุ หภมู ิ อปุ กรณ์เก็บตวั อย่างอากาศ 1.เครอื่ งมือชนดิ ที่อา่ นค่าโดยตรง(Direct reading instruments) เครือ่ งมือทรี่ วมเอาการเก็บตวั อย่างและวเิ คราะห์ไวใ้ นเคร่ืองมือน้ันๆ สามารถแสดงผลการตรวจวดั ในเชงิ ปริมาณไดท้ นั ทีท่ที าการตรวจวัดโดยแสดงทห่ี นา้ ปดั เครอ่ื งบนั ทกึ หรอื แสดงผลท่ีตัวกลางท่ีเกยี่ วข้องกบั การ เกบ็ ตัวอยา่ งอากาศ เชน่ หลอดตรวจวดั ฯลฯ เครอ่ื งมือ ข้อดี - สามารถประมาณค่าความเข้มขน้ ของมลพิษทางอากาศได้ทนั ที - บางชนดิ สามารถบันทึกความเข็มขน้ มลพิษทางอากาศได้อยา่ งต่อเนื่องตลอดเวลา - ลดปญั หาขั้นตอนและเวลาในการทางาน - ลดปญั หาข้อผดิ พลาดทเ่ี กดิ จากการเก็บตวั อยา่ งและวเิ คราะห์ตวั อย่าง - ลดปญั หาการใช้เคร่ืองมอื ไมถ่ ูกต้องจากบุคคลท่ีไม่ได้รบั การฝกึ - เครอ่ื งมือบางชนิดถูกออกแบบมาใหม้ รี ะบบเตือนภยั โดยสามารถแสดงออกในรูปของแสง หรือเสยี ง ทัง้ นเ้ี พ่ือเตือน ผู้ปฏบิ ตั งิ านให้ทราบถึงสภาวะท่เี ป็นอันตราย ขอ้ จากัด - ราคาแพง - อาจต้องทาการตรวจปรบั ความถกู ต้องบ่อย ดังนั้นการขาดเครอื่ งมอื ตรวจปรับความถูกต้องจงึ เปน็ ปญั หาต่อการใช้เครื่องมือประเภทนีม้ าก เครือ่ งมอื ท่ีอ่านผลการตรวจวัดทางหน้าปัด ท่นี ิยมใช้ ได้แก่ 1.เคร่อื งมือที่อาศยั หลกั การกระจายของแสง (Light scattering) สาหรับการเก็บและ วิเคราะห์ อนุภาคในอากาศ เชน่ เคร่อื งมือที่ตรวจวัดปรมิ าณฝนุ ทเี่ ข้าถึงถุงลมปอดชนิดท่ีอา่ นค่าได้ทนั ที
2.เคร่อื งมือที่อาศัยหลักการแตกตวั เป็นไอออน (Ionization) สาหรบั การตรวจวัดกา๊ ซและไอ เชน่ เครื่องวัด VOC 3.เคร่ืองมือที่อาศัยหลกั การวัดความเข้มข้นของแสง (Photometry) สาหรับการตรวจวดั กา๊ ซและไอ เช่น เคร่อื ง Miran vapor analyzer 4.เคร่อื งมือท่ีอาศยั หลกั การแยกชั้นของก๊าซโดยการซมึ ผา่ นวัตถดุ ูดซบั (Gaschromatography ) เชน่ Portable GC
เคร่ืองมือทีอ่ ่านค่าโดยตรงที่แสดงผลตัวกลาง เคร่อื งมือที่อ่านคา่ โดยตรงท่แี สดงผลตวั กลาง ทนี่ ิยมใช้ได้แก่ หลอดตรวจวัด (Detectortube) จะตอ้ งใช้ กับเคร่ืองเกบ็ ตัวอย่างอากาศร่วมดว้ ย เปน็ ชนดิ Squeeze bulb หรอื Handpiston pump หรอื Peristallic pump เป็นต้น ภายในหลอดตรวจวัดบรรจสุ าร Silica gel ,Activated alumina ,Silica sand,Silica glass อย่างใดอย่างหน่ึง สารเหล่านีถ้ ูกดูดซบั ดว้ ยสารเคมที จ่ี ะทาปฏกิ ริ ิยาเฉพาะเจาะจงกบั มลพษิ ที่ต้องการเกบ็ ตัวอย่าง อากาศ ทาให้เกิดการ เปลย่ี นสีอยา่ งรวดเร็วและชัดเจน ทาให้ทราบปรมิ าณความเข้มขน้ ของมลพษิ ไดเ้ มื่อ ตอ้ งการใช้ หลอดตรวจวัดให้ตัดปลายท้งั สองออก ปลายด้านหนึง่ ของหลอดต่อกบั ชอ่ งอากาศข้าวของเครื่อง เก็บตัวอย่างอากาศชนดิ ที่กล่าวมาแล้ว สว่ นปลายอีกด้านหนึง่ ของหลอดตรวจวดั เป็นช่องให้อากาศเข้า ขอ้ ควรระวังในการใช้หลอดตรวจวดั สามารถทาใหเ้ กิดค่าที่ผิดพลาดได้ คือ - Pump stroke - การสวมหลอดตรวจวัดเขา้ กับเคร่ืองมือไม่ถกู ตอ้ ง - การใชใ้ นท่ีทีม่ ีอณุ หภมู ิและความช้ืนสงู
- การสวมหลอดตรวจวดั เข้ากบั เคร่ือง ถ้าไมแ่ นน่ จะทาให้อากาศร่ัวไหลออกภายนอก - สารเคมีในหลอดตรวจวันหมดอายุ 2.เครอื่ งมือเก็บตัวอยา่ งอากาศผา่ นอุปกรณ์ทีเ่ ป็นตัวกลางในการเก็บและวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัตกิ าร โดยทั่วไปจะอาศยั หลักการแทนท่ีอากาศ เช่น Personal air sampler pump หรอื High volume pump ซงึ่ ชุดเครือ่ งมอื ดังกล่าว ประกอบด้วย 1.เครื่องมอื เก็บตวั อยา่ งอากาศ ไดแ้ ก่ - ทางเข้าของอากาศ (air inlet) - อปุ กรณ์ควบคมุ การไหลอากาศ (air flow controller) เป็นส่วนที่ควบคุมอตั ราการไหลของอากาศผ่าน เครอ่ื ง - มาตรวดั อตั ราการไหลของอากาศ (air flow meter) เป็นส่วนที่วดั อตั ราการไหลอากาศทาใหท้ ราบวา่ ขณะทเ่ี ก็บ ตวั อย่างอากาศน้ันมอี ัตราการไหลของอากาศเท่าใดเพ่อื ใช้ในการคานวณหาปรมิ าตรอากาศทีผ่ า่ น เครือ่ งเก็บตวั อยา่ งอากาศ มาตรวดั นจี้ ะต้องคงท่ตี ลอดเวลาท่ีเก็บตัวอย่างอากาศ - เคร่อื งดูดอากาศ (air mover) เป็นอปุ กรณท์ ่ีดดู อากาศใหไ้ หลผ่านอปุ กรณ์เก็บตวั อยา่ งอากาศ - ทางอากาศออก (air outlet) - สวิทซค์ วบคมุ การเปิด-ปิดเคร่ืองมือ
2.อปุ กรณ์สะสม (Collection devices) 1.อปุ กรณส์ ะสมอนุภาค ไดแ้ ก่ กระดาษกรอง ซง่ึ มีโครงสร้างท่ีเปน็ รูพรุน มีรูปร่างภายนอกทีส่ ามารถวดั ได้ คอื ความหนาและพนื้ ที่หน้าตัดทอ่ี ากาศไหลผ่าน กระดาษกรองมีหลายชนดิ และสง่ิ ทแ่ี ตกตา่ งกนั ของ กระดาษกรอง คือโครงสร้างภายในโดยกระดาษกรองจะถูกบรรจไุ ว้ภายในตลับยดึ กระดาษกรอง (Casette filter holder) โดยมแี ผ่นรองกระดาษกรอง (Support pad หรือ back up filter) รองรับอยู่อาจใชร้ ว่ มกบั cyclone ก็ได้ หลักการทางานของอุปกรณ์สะสมอนภุ าคอาศัยหลกั การกรอง หลักแรงดึงดดู ของโลก และหลกั แรงสศู่ นู ย์กลาง ตลับยึดกระดาษกรองอาจเปน็ ชนดิ 2 ช้นั หรือ 3 ชนั้ ประกอบดว้ ยส่วนท่ีใหอ้ ากาศเขา้ และออก อากาศ จะถูกดดู โดยเคร่ืองดดู อากาศผ่านตลับยึดกระดาษกรองสว่ นทีใ่ ห้อากาศเขา้ อากาศท่ีมีมลพษิ ก็จะตดิ อยบู่ นแผน่ กระดาษกรองที่อยู่ภายใน ซงึ่ เม่ือนาไปวิเคราะห์ทางห้องปฏบิ ัติการจะ ทาใหท้ ราบปริมาณสารพิษในอากาศได้ กระดาษกรองทใ่ี ช้กันอย่างแพร่หลายมีหลายชนิด คอื 1.1 กระดาษกรองชนิดเซลลูโลส (Cellulose filter paper) ทาจากเย่อื เซลลโู ลส คุณสมบัติของกระดาษ กรองชนดิ นีม้ สี ว่ นประกอบของข้ีเถา้ ขัน้ ต่า ไมฉ่ กี ขาดง่าย ดูดซบั ความชนื้ มีความต้านทานต่อการไหลของ อากาศสงู และมรี าคาแพง 1.2 กระดาษกรองชนดิ ใยแก้ว (Glass fiber filter) ทาจากใยแก้วละเอยี ด คุณสมบัติของกระดาษกรองชนิด นีค้ ือ ไมด่ ูดความชนื้ ทนต่อความรอ้ น ไมท่ าปฏิกริ ิยากบั มลพษิ ท่เี ก็บ มีความต้านทานต่อการไหลของอากาศต่า กระดาษกรองชนิดนม้ี สี ่วนประกอบของซิลิก้าอย่ดู ว้ ย ดังน้ันในการเก็บตัวอยา่ งอากาศ ถ้าต้องการวิเคราะห์หา ซลิ ิกา้ ก็ไมค่ วรใชก้ ระดาษกรองชนิดน้เี พราะจะทาใหผ้ ลการวเิ คราะห์ผดิ พลาดได้ 1.3 กระดาษกรองชนดิ พลาสตกิ (Plastic fiber filter) ทาจากใย Ultra fine หรือ perchlorvinyl มีคุณสมบตั ิ เหมอื น Glass fiber filter มีประสิทธิภาพในการเกบ็ สูงและต้านทานต่อการไหลของอากาศค่อนขา้ งต่า ละลายนา้ ได้ดีในตวั ทาละลายบางชนิด ดังนัน้ จึงง่ายต่อการวิเคราะห์ ข้อเสยี คอื มคี วามยืดหยุ่นตา่ ฉกี ขาดง่าย ประสิทธภิ าพการเกบ็ จะลดลงเมื่ออากาศมลี ะอองของเหลว (Liquid droplets) ปนอยู่
1.4 กระดาษกรองชนิดเมมเบรน (Membrane filter) ทาจากเรซนิ (resin) ไดแ้ ก่ เซลลูโลสเอสเตอร์ (Cellulose ester) โพลีไวนิลคลอไรด์ (Polyvinylchloride) อะคโี ลไนไตรล์ (Acrylonitrile) กระดาษกรอง ชนดิ นมี้ ขี นาด Pore size น้อยมาก ดงั นนั้ สามารถเก็บอนุภาคทีมขี นาดเลก็ มากถึง 0.001 ไมครอน มีความ ต้านทานตอ่ ด่างและกรดที่เจือจาง สารละลายอนิ ทรีย์บางชนดิ ละลายได้ดีในอะซีโตนคลอโรฟอร์ม มคี ุณสมบตั ิ ในการเก็บมลพิษได้ดี ไมด่ ูดซับความช้ืน มีข้อเสีย คือ เปราะ ฉีกง่าย ความต้านทานตอ่ การไหลอากาศสงู 1.5 กระดาษกรองชนดิ ซิลเวอร์เมมเบรน (Silver membrane filter) เปน็ กระดาษที่ทามาจากเรซนิ แต่มี สว่ นผสมของแร่เงิน เหมาะสาหรบั การเกบ็ ตวั อยา่ งควอทซ์ 1.6 กระดาษกรองชนดิ นิวคลีพอร์ (Nuclepore filter) มีลกั ษณะเหมือน กระดาษกรองชนิดเมมเบรน แต่ โครงสรา้ งแตกตา่ งกนั คือ ใส มรี ูPore size สม่าเสมอความตา้ นทานตอ่ การไหลอากาศสูงไมเ่ ปราะฉกี ง่าย เกณฑใ์ นการเลอื กกระดาษกรอง มกี ระดาษกรองหลายชนิดท่กี ลา่ วมาแล้วและแต่ละชนดิ มีคณุ สมบัติเฉพาะตวั นกั สุขศาสตรจ์ งึ ตอ้ งเลือกใช้ให้ เหมาะสมสาหรบั อนภุ าคของสารปนเป้อื นแตล่ ะชนดิ ปัจจยั ท่ัวไปทต่ี ้องพิจารณาในการเลอื กกระดาษกรอง ได้แก่ - ราคา - สามารถหาซื้อไดง้ ่าย - มปี ระสทิ ธิภาพในการเก็บอนุภาคชนดิ และขนาดท่ีตอ้ งการ เชน่ รบู นกระดาษกรองมีขนาดที่เหมาะสมสาหรับ การเก็บอนภุ าคในขนาดที่ต้องการ - ขอ้ จากดั สาหรับการวิเคราะห์ตัวอยา่ ง กระดาษกรองตอ้ งไมร่ บกวนหรอื ทาให้ผลการวิเคราะห์ผิดไป เชน่ หาก ต้องการเก็บตวั อยา่ งอากาศเพ่ือวเิ คราะห์หาซลิ กิ า้ จะใชก้ ระดาษกรองชนดิ Glass fiber ไม่ได้ เนอื่ งจากการ กระดาษกรองชนิดน้มี ซี ลิ ิกา้ เป็นส่วนผสมดว้ ย - ความคงทนของกระดาษกรองในสภาพแวดล้อมท่ีเก็บตวั อย่าง เช่น การเก็บตวั อยา่ งอากาศท่ีมอี ุณหภูมสิ งู มากๆ กระดาษกรองต้องสามารถทนความร้อนไดด้ ี
2.หลอดบรรจขุ องเหลว (Impingers) มีลักษณะเปน็ แกว้ ทรงกระบอกภายในบรรจุของเหลว เชน่ น้าหรอื สารเคมอี ื่น ซ่ึงทาหน้าทจ่ี ับมลพิษให้ สะสมอยู่ในของเหลวน้นั หลอดแก้วน้ปี ระกอบด้วยช่องสาหรบั อากาศเขา้ ซึ่งเชอื่ มตอ่ กับหลอดแก้วยางขนาดเล็ก มปี ลายอกี ขา้ งหนึ่งจุ่มอยูใ่ ตข้ องเหลวและชอ่ งอากาศซ่ึงตอ่ เชอ่ื มกบั เครอื่ งดูดอากาศ มลพิษซ่งึ ปะปนอยใู่ น อากาศนน้ั จะถกู ของเหลวจับไว้ อากาศส่วนที่เหลอื กจ็ ะถกู ดูดผ่านเคร่อื งดูดอากาศออกไปปลายของหลอดแก้ว ซึง่ จมุ่ อยู่ใตข้ องเหลวมหี ลายลักษณะ เพ่ือความเหมาะสมของมลพษิ ท่ถี ูกเกบ็ หลอดแกว้ บรรจุของเหลวมีหลาย แบบเช่น 2.1 Midget impingers (หลอดแก้วขนาดเล็ก) ส่วนปลายของหลอดแกว้ ถูกทาใหเ้ รยี วเลก็ ลงซ่งึ เหมาะ สาหรบั การเก็บอนุภาค ก๊าซและไอระเหย 2.2 Fritted glass bubbler มลี กั ษณะเป็นแก้วทรงกระบอกส่วนปลายข้างหลอดแก้วมีลักษณะเปน็ รู พรุนเพ่ือให้อากาศที่ไหลผ่านช้าลง และเกิดฟองอากาศเลก็ ๆจานวนมาก เปน็ การเพม่ิ พ้นื ท่ีผวิ ของอากาศ ซ่ึงจะ ชว่ ยใหม้ ลพษิ ในอากาศสามารถละลายในของเหลวได้ดขี ้ึน หลอดแกว้ ชนิดน้เี ม่ือใชใ้ นการเก็บตวั อย่างมลพิษที่ เปน็ สารกดั กร่อนนานเขา้ จะทาให้ประสิทธภิ าพลดลง เพราะรพู รุนจะใหญ่ขน้ึ ขอ้ เสียของหลอดแกว้ ชนดิ นีค้ ือ ทาความสะอาดยากทัง้ Midget impingers และ Fritted glass bubbler เหมาะสมสาหรบั กา๊ ซและไอระเหย โดยที่ก๊าซและไอระเหยจะทาปฏกิ ิรยิ ากับสารละลายท่ีใช้เก็บตัวอย่าง โดยผา่ นกระบวนการที่เรียกว่า Chemical absorption 3.หลอดบรรจุสารดูดซับ (Adbsorption tube) เป็นหลอดแกว้ ขนาดเล็กเส้นผ่าศนู ยก์ ลางประมาณ 5 ม.ม. หรืออาจมีขนาดเล็กกวา่ ปลายทง้ั สองปิด ภายในหลอดแก้วจะมสี ารดูดซบั (Adsorbents ) ซง่ึ เปน็ ของแข็งมรี ูพรุน เช่น ผงถา่ น หรอื ซลิ กิ า้ เจล ซงึ่ มีชื่อ เรียกวา่ Activated charcoal tube หรือ Silicagel tubeActivated charcoal tube เหมาะสาหรับการเก็บ มลพิษท่ีมีจดุ เดือด(Bolling point )สงู กวา่ 0 องศาเซลเซียส ประสิทธภิ าพการดดู ซับจะลดลงเมอื่ มลพษิ นัน้ มี จุดเดือดต่าลง เหมาะสาหรบั ดดู ซบั ไอระเหยได้ดกี วา่ ซิลิก้าเจล ส่วนซิลกิ ้าเจลมขี ้อจากดั คอื ในบรรยากาศที่มคี วามชนื้ ซิ ลิก้าเจลจะดดู ซบั ไอน้าไดด้ ีกว่าไอระเหยของสารอนิ ทรีย์ ดังนั้น ประสทิ ธิภาพในการดูดซับมลพิษจะลดลงเม่ือ อากาศมคี วามชืน้ สูง เวลาใช้ใหต้ ดั ปลายท้ังสองข้างออก โดยปลายข้างหนึง่ ต่อเขา้ กบั เครื่องเก็บตัวอยา่ งอากาศ สว่ นปลายอกี ข้าง หนง่ึ เปน็ ทางเข้าของอากาศ เมื่ออากาศซง่ึ มีมลพิษปนอยูผ่ า่ นเข้าไปในหลอดแก้วน้ี สารทบี่ รรจใุ นหลอดแกว้ จะ
ดดู ซบั มลพิษไว้ ดังนัน้ เมื่อเกบ็ ตวั อยา่ งเสร็จแลว้ จะตอ้ งนาหลอดแกว้ น้ีส่งหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารเพื่อวิเคราะหห์ าชนิด และปรมิ าณของมลพษิ ทตี่ ้องการทราบ 4.ถุงเก็บตัวอยา่ งอากาศ (Sampling bag) ใช้สาหรับเกบ็ ตวั อย่างมลพิษทางอากาศท่เี ปน็ ก๊าซและไอ มีอยูห่ ลายขนาด ทาจากพลาสตกิ ชนิดต่างๆ เชน่ Mylar Teflonหรือ Scotch park ลักษณะของถงุ จะมีวาวลห์ รือล้ินปิดเปดิ เพ่ือเก็บตวั อย่างอากาศ หรือถ่าย ตวั อย่างทมี่ ีมลพิษสู่เคร่อื งวิเคราะห์ผล 3.เครอ่ื งมือตรวจปรับความถูกต้องของเคร่ืองเก็บตวั อยา่ งอากาศ (Pump calibrator) อปุ กรณ์ทใี่ ชใ้ นการตรวจปรับความถูกต้องของเครือ่ งเก็บตัวอยา่ งอากาศ สามารถแบ่งได้ ดงั น้ี - วัดปริมาตรโดยตรง เช่น Spirometer, Bubble meter, Wet-test meter - วัดอัตราการไหลเชิงปริมาณ เช่น Rotameter - วัดอัตราการไหลเชิงมวล เช่น Thermal meter - วัดความเร็วของการไหล เชน่ Pitot tube
ตวั อย่างมลพิษทเ่ี ป็นอนุภาค อนภุ าค (Particulate) คอื สารทกุ ชนิดในรูปของแข็ง หรือของเหลวทแ่ี ขวนลอยอยู่ในอากาศและมโี อกาสที่ ผปู้ ฏิบัติงานในบริเวณนนั้ จะหายใจเข้าสรู่ ะบบทางเดนิ หายใจได้ ซ่งึ อนั ตรายทีเ่ กดิ ข้นึ อยกู่ ับขนาด และความ เข้มของอนภุ าค โดยขนาดของอนุภาคจะเป็นตวั กาหนดตาแหน่งของระบบทางเดินหายใจท่ีอนภุ าคจะไป เกาะติดอยู่ ACGIH (American Conference of Governmental Industrial Hygienists) ไดจ้ าแนก ประเภท ของอนุภาคตามขนาดของอนุภาคทม่ี ีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยแบง่ อนภุ าคออกเป็น 3 ประเภท คือ 1.อนุภาคทสี่ ามารถเขา้ สูร่ ะบบทางเดินหายใจสว่ นตน้ ได้ (Inhalable Particulate Matter ; IPM) หมายถึง อนุภาคท่ีอาจก่อใหเ้ กดิ อันตรายเม่อื สะสมในบริเวณตา่ งๆของระบบทางเดินหายใจซึง่ จะเป็นอนภุ าคท่ีมีขนาด เสน้ ผ่าศนู ย์กลางเล็กกวา่ 100 ไมครอน 2.อนุภาคทีส่ ามารถเขา้ สูร่ ะบบทางเดนิ หายใจส่วนตน้ ได้ (Thoracic Particulate Matter ;TPM) หมายถึง อนุภาคท่ีอาจก่อใหเ้ กิดอนั ตรายเมื่อสะสมอยบู่ นตาแหน่งใดๆของท่อลม และบริเวณแลกเปลย่ี นก๊าซของปอด ซึ่งจะเป็นอนุภาคที่มีขนาดเส้นผ่าศนู ย์กลางเล็กกวา่ 25 ไมครอน 3.อนุภาคทสี่ ามารถเขา้ สู่ระบบทางเดนิ หายใจบริเวณแลกเปล่ียนก๊าซ (Respirable Particulate Matter: RPM) อนุภาคท่ีอาจก่อให้เกดิ อันตรายเมื่อสะสมอยูใ่ นบรเิ วณทม่ี ีการแลกเปล่ียนกา๊ ซของปอด ปอด ซึ่งจะเป็น อนภุ าคทม่ี ีขนาดเสน้ ผา่ ศนู ย์กลางเลก็ กวา่ 10 ไมครอน การเก็บตวั อยา่ งมลพษิ ทางอากาศทเี่ ปน็ อนภุ าค แบง่ ออกได้ ดังนี้ 1.การเก็บตัวอยา่ งมลพษิ ทางอากาศที่เป็นอนุภาคทัง้ หมด (Total particulate) หรือ ฝนุ รวม (Total dust) 2.การเก็บตวั อย่างมลพษิ ทางอากาศทเ่ี ป็นอนุภาคขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน (Respirable particulate) หรอื ฝนุ ขนาดทส่ี ามารถเข้าถึงและสะสมในถุงลมของปอดได้ (Respirable dust)
ตวั อย่างคา่ มาตรฐานปริมาณฝนุ่ ในบรรยากาศการทางานโดยเฉลีย่ ตลอดระยะเวลาการทางานปกติ เครอื่ งมือสาหรบั การเกบ็ ตัวอย่างมลพิษทางอากาศทเี่ ปน็ อนภุ าคโดยการกรอง 1. ช่องเปิดใหอ้ ากาศเขา้ (Air inlet) ปกติจะต่อท่อนาอากาศเข้า ลกั ษณะจะเปน็ ช่องปิดแบบรูกลม เพือ่ ให้ฝุนสามารถกระจายตัวไปตามพื้นทีห่ น้าตัดของตวั กรองได้อย่างสมมาตร 2. อปุ กรณส์ ะสมอนุภาค (Collector) ประกอบดว้ ยตัวกรองอนภุ าค (Filter) หรอื กระดาษกรองและตลับ ใสต่ วั กรอง (Casette filter holder) เปน็ อปุ กรณ์ท่ใี ชใ้ นการเก็บสะสมอนุภาคสาหรับนามาวเิ คราะห์ต่อไป โดยตลบั ใส่ตวั กรองจะทาหน้าท่รี องรับไมใ่ หต้ วั กรองร่วงหล่น ฉีกขาด หรือเสียหายขนาดใชง้ าน 3. ส่วนเชือ่ มตอ่ (Connector) ไดแ้ ก่ ข้อต่อ และสายยาง/พลาสติกเช่ือมต่อระหว่างด้านหลังของตลับใส่ ตัวกรอง (Air outlet) กับปม๊ั ดูดอากาศ สายพลาสติกนี้จะตอ้ งไมม่ ีรรู ว่ั และไมท่ าปฏกิ ริ ิยาเคมีกับอนุภาคท่ี ตอ้ งการเก็บ เชน่ ตวั อยา่ งสายยางนาอากาศชนิด Tigon tube 4. อุปกรณว์ ดั อัตราการไหลของอากาศและปั๊มดดู อากาศ (Air flow meter & Pump) ประกอบดว้ ย มเิ ตอร์วดั อัตราการไหลของอากาศ (Air flow meter) สว่ นควบคุมการไหลของอากาศ (Flow control value) และป๊มั ดูดอากาศ (Personal pump) ปจั จุบนั มีมิเตอรว์ ดั อัตราการไหลของอากาศท้งั แบบที่เป็นโรตา มิเตอร์ หรอื แบบลกู ลอย และแบบตวั เลขดจิ ิตอลตดิ ต้ังรวมอย่ใู นสว่ นของปั๊มดดู อากาศโรตามเิ ตอร์
5. อปุ กรณ์สาหรับคัดแยกขนาดฝนุ่ Cyclone สาหรบั คัดแยกขนาดฝุนทีม่ ขี นาดเลก็ กว่า10 ไมครอน มีหลาย ชนดิ แต่ละชนิดต้องใช้อตั ราการไหลของอากาศทีแ่ ตกต่างกัน เช่น Nylon cyclone อัตราการไหลของอากาศ 1.7 ลติ ร ต่อนาที, HD cyclone อัตราการไหลของอากาศ2.2 ลิตร ต่อนาที, Aluminum Cyclone อตั ราการ ไหลของอากาศ 2.5 -2.8 ลิตร ต่อนาที ฯลฯ 6. คลิปยึดอปุ กรณ์ Cassettes Holder clip สาหรับบรรจตุ ลบั ใสต่ วั กรอง (Casette filter holder) และมี คลปิ หนีบเพื่อติดตงั้ ในขณะทาการเก็บตวั อยา่ งอากาศ 7. ขาตัง้ Tri-pot
เครอ่ื งมือสาหรับการเก็บตวั อย่างมลพิษทางอากาศท่ีอาศยั แรงโนม้ ถ่วงของโลกในการแยกขนาดของ อนภุ าคเครื่องมือท่ีใช้ในการประเมนิ ฝุ่นฝ้าย เครอ่ื งมือทีใ่ ชใ้ นการเก็บตวั อยา่ งฝุนฝาู ยในอากาศตามมาตรฐานที่ทาง OSHA กาหนด คอื Vertical Elutriator (Lumsden-Lynch Vertical Elutriator) Elutriators เป็นอปุ กรณเ์ ก็บตวั อย่างอากาศชนดิ อนุภาคที่อาศยั แรงโน้มถว่ งของโลกในการแยกขนาดของอนุภาค โดยทั่วไปอนภุ าคท่ีมขี นาดใหญก่ ว่า 3 ไมโครเมตร จะถูกแยกออก ดังนนั้ โดยทั่วไปจงึ ใช้อุปกรณน์ ี้ในการ วเิ คราะห์ Respirable dust และ Thoracic dust อปุ กรณ์ประเภทน้มี ี 2 ชนดิ คือ Vertical และ Horizontal Vertical Elutriator เป็นอปุ กรณ์ท่ี OSHA ได้กาหนดใหใ้ ชใ้ นการเก็บตัวอย่างอากาศเพ่อื วิเคราะหห์ าปริมาณฝุนฝาู ยในอากาศ ทางเขา้ ของอากาศมเี สน้ ผา่ นศนู ย์กลาง 2.7 ซม และทางออกสู่กระดาษกรองมีขนาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 3.7 ซม ความสงู ของ Elutriatorเทา่ กับ70 ซม และเสน้ ผา่ นศูนยก์ ลางเท่ากับ 15 ซม ทางานด้ายอัตราการไหลของ เท่ากบั 7.4 ลิตร/นาที ความเร็วลมภายในElutriator เทา่ กบั ความเร็วปลายของอนภุ าคท่ีมี Aerodynamic diameter 15 ไมโครเมตร กลา่ วคอื อนภุ าคท่ีไปถงึ กระดาษกรองควรมขี นาดไมเ่ กิน 15 ไมโครเมตร อยา่ งไรก็ ตามเน่อื งจากทางเข้าของอากาศซ่ึงมีขนาดเพยี ง 2.7 ซม.ทาใหอ้ ากาศไหลเขา้ สู่ Elutriator ในลักษณะเปน็ ลา อากาศ (jet) Horizontal Elutriator อากาศไหลเข้าสู่ Elutriator ในทศิ ทางท่ขี นานกบั พื้น ผ่านชอ่ งวา่ งแคบระหว่างชอ่ งของแผ่นสะสมอนภุ าค ทวี่ างเรียงกันอยูห่ ลายแผ่นอย่างช้าๆ อนภุ าคท่ีมคี วามเรว็ ปลายมากกวา่ อัตราสว่ นของช่องวา่ งระหวา่ งแนวและ เวลาทใี่ ช้ในการเคลื่อนที่ จะตกลงสูแ่ ผ่นสะสมอนภุ าคอนภุ าคขนาดเล็กทสี่ ามารถเคลื่อนที่ผา่ นแผน่ สะสม อนุภาคไดจ้ ะถูกดักจับดว้ ยกระดาษกรองสาหรับการเตรียมเครือ่ งมือและอุปกรณ์ในการประเมินฝุนฝาู ยใช้ หลักการเดียวกนั การตรวจวัดอนุภาคอน่ื ๆ ข้อสงั เกต ในการเลือกใช้เคร่อื งมือชนดิ ใดชนิดหนึง่ ขน้ึ กับวัตถุประสงคข์ องการตรวจวดั ด้วย น่นั คอื หาก ต้องการตรวจวดั เพอ่ื ดูการปฏิบตั ติ ามกฎหมายต้องใชว้ ิธที เี่ ปน็ มาตรฐาน เชน่ การประเมินความเข้มข้นของฝุน ทั่วไปในอากาศตอ้ งเกบ็ ตัวอย่างอากาศดว้ ยวธิ ีมาตรฐานและนาไปชง่ั นา้ หนักด้วยเคร่ืองชง่ั เพือ่ คานวณหาความ เข้มข้น ไม่สามารถใชเ้ ครื่องมืออา่ นค่าโดยตรงได้แม้จะมีเครอ่ื งมืออา่ นค่าโดยตรงอยู่
การเกบ็ ตัวอยา่ งมลพษิ อากาศ สึบเนอ่ื งจากฉบบั ที่แล้วซ่ึงไดก้ ลา่ วถึงหน่วยความเข้มข้นของมลพษิ อากาศและ กล่าวถึงภาพรวมการเกบ็ ตัวอยา่ งอากาศของสถานประกอบกิจการ/ โรงงานอตุ สาหกรรมตา่ งๆ ทม่ี ักพบได้โดยท่ัวไป คือ การเก็บ ตวั อยา่ งอากาศเพ่ือเปรยี บเทียบกับกฎมายหรือค่ามาตรฐานอยู่ 3 แหล่งใหญๆ่ ไดแ้ ก่ 1. การเก็บตัวอยา่ งอากาศในบริเวณสถานทที่ างาน (workplace air sampling) 2. การเก็บตวั อยา่ งอากาศจากปลอ่ งหรือช่องเปิดท่ีระบายอากาศออกจากสถานประกอบกจิ การ/ โรงงาน อุตสาหกรรม (stack air sampling) 3. การเก็บตัวอย่างอากาศจากบรรยากาศรอบๆ สถานประกอบกจิ การ/ โรงงานอุตสาหกรรม หรอื จาก บรรยากาศบริเวณชุมชนติดกับสถานประกอบการ/ โรงงานอตุ สาหกรรม (ambient air sampling) โดยการเก็บตัวอย่างอากาศในตล่ ะแหลง่ มวี ตั ถปุ ระสงคข์ องการเก็บตัวอย่างอากาศที่แตกต่างกันออกไป และมีมาตรฐานวธิ ีการเก็บตัวอยา่ ง การใช้อุปกรณ/์ เครื่องมือในการเกบ็ ตวั อย่าง รวมถงึ มีกฏหมายหรือ มาตรฐานท่ใี ชใ้ นการเปรยี บเทียบแตกต่างกันออกไปด้วย ฉบบั นีจ้ ะได้กล่าวถึงรายละเอียดพอสงั เขปของการเก็บตัวอย่างอากาศในแต่ละแหลง่ เพ่ือเปน็ แนวทางและ ความเขา้ ใจเบ้ืองต้นสาหรบั ผู้สนใจในการค้นควา้ หาความรเู้ พ่มิ เตมิ ต่อไป การเกบ็ ตัวอยา่ งอากาศในบริเวณสถานท่ีทางาน (workplace air sampling) วัตถุประสงค์ วตั ถปุ ระสงค์หลกั ของการเกบ็ ตวั อย่างอากาศในบริเวณสถานท่ีทางาน คือ เพ่ือประเมนิ การสมั ผัสมลพิษ อากาศของผู้ปฏิบตั ิงาน ทง้ั นเ้ี พื่อความปลอดภยั และเฝูาระวงั ปอู งกันปัญหาสุขภาพอนามยั ทอี่ าจเกดิ ขนึ้ กับตัว ผู้ปฏบิ ัติงาน ดงั นั้น หากเป็นผ้ทู ีอ่ ยใู่ นแวดวงอาชีวอนามัยและความปลอดภัยจะคุน้ เคยกับการเก็บตัวอย่างประเภทน้ี กฎหมายของประเทศไทยท่ีเกี่ยวข้อง ในปจั จบุ นั (ม.ี ค.2554) กฏหมายประเทศไทยท่ีเกยี่ วข้องกบั การเก็บตวั อยา่ งอากาศในบริเวณสถานที่ ทางานโดยตรงมีอยู่ 2 ฉบบั คือ
1. ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องความปลอดภัยในการทางานเกยี่ วกับภาวะแวดลอ้ ม (สารเคม)ี ลงวันที่ 30 พ.ค.2520 2. ประกาศกระทรวงมหาดไทย เร่อื งความปลอดภัยในการทางานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย ลงวนั ท่ี 22 ส.ค. 2534 จะเหน็ ได้วา่ กฎหมายท้ัง 2 ฉบบั น้ียังเป็นกฎหมายเกา่ ท่ีอาศยั อานาจจากกฏหมายแม่บทด้านอาชีวอนา มยั และความปลอดภัยฉบบั เก่า คอื ประกาศคณะปฏิวตั ิ ฉบบั ท่ี 103 ลงวันที่ 16 มนี าคม 2515 ในการออก กฎหมาย (ปจั จบุ ันกฏหมายแมบ่ ทดา้ นอาชีวอนมยั และความปลอดภยั ไดเ้ ปลย่ี นแปลงไปอย่างมากแลว้ โดยได้ เปลีย่ นจากประกาศคณะปฎวิ ตั ิฉบับดังกลา่ วเป็นพระราชบัญญัตคิ มุ้ ครองแรงงานพ.ศ.2541 กอ่ นทจ่ี ะมี พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชวี อนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางาน พ.ศ.2554 ซ่ึงจะมีผลบังคับใช้ ประมาณกลางเดือนกรกฎาคม 2554 ท่จี ะถึงนี้ นอกจากน้ี มขี ้อนา่ สงั เกตวา่ กฎหมายทั้ง 2 ฉบบั ดงั กล่าว มชี ่ือ เป็นประกาศกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ต้องเขา้ ใจว่า กฎหมายดังกล่าวออกสมยั ทย่ี ังไม่มีการจดั ตั้งกระทรวง แรงงานขึ้น มีเพียงกรมแรงงานภายใตส้ งั กัดกระทรวงมหาดไทย ดงั น้ัน ในปัจจบุ ันกฎหมายดังกลา่ วอยูภ่ ายใต้ การกากบั ดูแลของกระทรวงแรงงาน) อยา่ งไรก็ตาม ในขณะน้ไี ดม้ ีการยกรา่ งกฎกระทรวงเกยี่ วกบั ความปลอดภยั ในการทางานเก่ียวกับ สารเคมอี นั ตราย ท้งั น้ีเน้ือหาโดยรวมจะนากฎหมายทง้ั 2 ฉบบั รวมเข้าด้วยกนั รวมทัง้ ปรับปรงุ ใหท้ นั สมัยมาก ขนึ้ จงึ ขอแนะนาให้ติดตามความกา้ วหน้าในการประกาศใชก้ ฎกระทรวงดังกล่าวจากกรมสวัสดกิ ารและ คมุ้ ครองแรงงานทางเวบ็ ไซต์ http://www.labour.go.th และ/ หรอื จากสานักความปลอดภยั แรงงานทาง เวบ็ ไซต์ http://www.oshthai.org รายละเอยี ดพอสงั เขปของประกาศกระทรวงมหาดไทย เร่อื งความปลอดภัยในการทางานเกย่ี วกับภาวะ แวดลอ้ ม (สารเคม)ี ในประกาศฯ ฉบบั นี้ มีการกาหนดแบ่งเป็น 3 หมวด คือ หมวด 1 สารเคมี หมวด 2 มาตรฐานเกีย่ วกบั อุปกรณ์คมุ้ ครองความปลอดภยั ส่วนบคุ คล และหมวด 3 เบด็ เตลด็ ซง่ึ ข้อกาหนดท้งั หมดถอื เป็นมาตรฐานข้นั ต่าท่ีตอ้ งปฏบิ ัตเิ ทา่ น้ัน สรปุ สาระสาคญั ของประกาศฯ ฉบับน้ี คือ 1. การกาหนดคา่ มาตรฐานสารเคมใี นบรรยากาศของสถานทท่ี างานหรือในการทางาน โดยในประกาศฉบบั น้ี กาหนดค่ามาตรฐานสารเคมีในบรรยากาศของการทางานโดยสัมพนั ธ์กับระยะเวลาท่ีทางานในทที่ ีส่ ารเคมีฟูงุ กระจายและจดั แบ่งออกเป็น 4 ตาราง คอื ตารางหมายเลข 1 จะกาหนดวา่ ตลอดระยะเวลาทางานปกติ (คือ 8 ช่ัวโมงต่อวนั ) ปรมิ าณสารเคมที ่ีฟงุู กระจายในบรรยากาศของการทางานโดยเฉล่ยี จะเกินกวา่ ที่กาหนดไว้ในตารางดังกล่าวไม่ได้ ซึง่ ในตาราง
กาหนดสารเคมีใหท้ ้ังส้นิ 72 ชนิด ตวั อยา่ งเช่น สารอลั ดริน สามารถฟงุู กระจายในบรรยากาศท่ีทางานเฉลีย่ ตลอดระยะเวลาการทางาน 8 ช่วั โมงไดไ้ มเ่ กนิ 0.25 มลิ ลิกรัมต่อลกู บาศกเ์ มตร สาหรับตารางหมายเลข 2 เปน็ ค่ามาตรฐานเคมีในการบรรยากาศของการทางานท่ีไม่วา่ เวลาใดของการ ทางานปกติ หา้ มมคี ่าเกินเท่าท่ีกาหนดไว้โดยตารางกาหนดสารเคมีไวท้ ้งั สิน้ 24 ชนิด ตัวอย่างเชน่ บิวทิลอะ ไมด์ ในท่ีทางานไม่ว่าเวลาใดๆ สามารถฟูุงกระจายได้ไมเ่ กิน 5 ล้านในล้านส่วนหรอื 15 มลิ ลกิ รัมตอ่ ลูกบาศก์ เมตร เปน็ ต้น สาหรบั ตารางหมายเลข 3 นน้ั จะกาหนดคา่ มาตรฐานสารเคมเี ป็นค่าความเข้มข้นเฉลีย่ ตลอดระยะเวลา ทางานปกติ และค่าความเขม้ ข้นในระยะเวลาท่ีกาหนดใหท้ างานได้ซ่ึงในตารางกาหนดสารเคมีไว้ท้ังส้นิ 21 ชนดิ สว่ นตารางหมายเลข 4 กาหนดคา่ ปรมิ าณสารเคมเี ปน็ ค่าเฉลย่ี ตลอดระยะเวลาทางานปกติเชน่ เดยี วกนั ตารางที่ 1 เพียงแตส่ ารเคมีในตารางที่ 4 นี้ จะอยู่ในรูปฝุนแร่ ซึ่งในตารางกาหนดสารเคมีในรูปฝุนแรไ่ ว้ 4 ชนดิ ตัวอย่างเชน่ ฝุนท่ีก่อใหเ้ กดิ ความราคาญชนดิ ฝนุ ทกุ ขนาด (Total Dust) สามารถฟงุู กระจายในบรรยากาศที่ ทางานเฉลี่ยตลอดระยะเวลาการทางานปกติ (8 ชม.) ไดไ้ ม่เกิน 15 มลิ ลกิ รมั ตอ่ ลกู บาศก์เมตร ฝนุ ทก่ี ่อใหเ้ กดิ ความราคาญชนิดฝนุ ขนาดที่สามารถเข้าถึงและสะสมในถงุ ลมของปอดได้ (Respirable Dust) สามารถฟูุง กระจายในบรรยากาศทท่ี างานเฉล่ียตลอดระยะเวลาการทางานปกติ (8 ชม.) ไดไ้ ม่เกนิ 5 มิลลกิ รมั ต่อลูกบาศก์ เมตร เป็นต้น 2. กาหนดใหม้ ีการดาเนนิ งานเพ่อื ความปลอดภัยและการปรบั ปรงุ แกไ้ ข ถา้ สภาพการใช้สารเคมีอาจเป็น อนั ตรายต่อผู้ใช้หรอื ผอู้ ย่ใู กล้เคยี ง (เช่น ลกู จ้างแผนกอ่ืน แตม่ ีพ้นื ท่ีทางานติดกัน เป็นต้น) นายจา้ งต้องจัดห้อง หรอื อาคารสาหรบั การใชส้ ารเคมไี วโ้ ดยเฉพาะ และกรณผี ลการตรวจวดั ปรมิ าณสารเคมี พบว่า มีสารเคมีฟุูง กระจายสบู่ รรยากาศของการทางานเกนิ กว่าทก่ี าหนดไว้ในตารางหมายเลข 1-4 กฎหมายได้กาหนดขั้นตอน ของการปรบั ปรงุ หรือแก้ไข โดยข้ันตอนแรกนายจา้ งต้องหาทางลดความเขม้ ขน้ ของสารเคมลี งมาไม่ให้เกนิ กวา่ ท่กี าหนด (แสดงว่า ตอ้ งหาทางลดที่แหล่งกาเนิดสารเคมีหรือบรเิ วณทางผา่ นของสารเคมี) หากไมส่ ามารถทา ได้ จึงจะมาถงึ ข้นั ตอนจดั ให้ลูกจา้ งสวมใส่อุปกรณ์คุม้ ครองความปลอดภัยสว่ นบคุ คล คือ ฝนุ ละออง ฟมู แกส๊ หรอื ไอเคมี ต้องสวมใสท่ ี่กรองอากาศหรือเคร่อื งชว่ ยหายใจทเี่ หมาะสมสารเคมีในรูปของของเหลวทเี่ ปน็ พิษ ตอ้ งสวมใส่ถุงมือยาง รองเท้าพืน้ ยางหุ้มแข็ง กะบังหน้าชนิดใส และทีก่ ันสารเคมีกระเดน็ ถกู รา่ งกาย สารเคมีใน รูปของแขง็ ท่เี ป็นพิษ ต้องสวมใสถ่ งุ มือยางและรองเทา้ พน้ื ยางหุม้ สน้ ท้ังนีก้ ฎหมายไดก้ าหนดมาตรฐานของ อปุ กรณ์คุ้มครองความปลอดภยั สว่ นบุคคลไวด้ ้วย เชน่ ถงุ มอื ยางต้องทาดว้ ยยางหรือวัตถุอน่ื ที่คล้ายกนั มีความ ยาวหุม้ ถงึ ข้อมือ มีลกั ษณะใชส้ วมกบั น้ิวมือได้ทกุ นว้ิ มีความเหนียวไมฉ่ ีกขาดง่าย สามารถกันนา้ และสารเคมีได้ ทก่ี รองอากาศสาหรับใช้ครอบจมูกและปากกนั ฝุนแร่ ต้องสามารลดปริมาณฝนุ แร่ไม่ให้เกินกว่าท่กี าหนด กฎหมาย เปน็ ตน้
รายละเอียดพอสงั เขปประกาศกระทรวงมหาดไทย เรอ่ื งความปลอดภยั ในการทางานเกี่ยวกับสารเคมี อันตราย ประกาศกระทรวงฯ ฉบบั นี้ได้มีการระบุชนดิ และประเภทของสารเคมอี นั ตรายให้ชัดเจน โดยออก กฎหมายลาดบั รอง คือ ประกาศสวสั ดกิ ารและคมุ้ ครองแรงงาน เร่ืองกาหนดชนดิ และประเภทของสารเคมี ประกาศ ณ วันท่ี 17 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2535 ซึ่งระบุชนิดและประเภทของสารเคมีอนั ตรายไว้ 2 ตาราง ตาราง หมายเลข 1 คือ ชนิดและประเภทของสารเคมที เี่ ป็นสารเคมีอนั ตรายมีท้งั สน้ิ 1,579 สาร และตารางหมายเลข 2 คือ ชนิดและประเภทของสารเคมี ซง่ึ มปี ริมาณต้ังแต่ท่ีกาหนดข้นึ ไปเป็นสารเคมีอันตรายมีทัง้ สน้ิ 180 สาร สาระหรอื ข้อกาหนดในประกาศกระทรวงฯ ฉบบั นี้ ได้แบ่งออกเปน็ 3 หมวดคอื หมวด 1 การทางานเกี่ยวกบั สารเคมีอันตราย หมวด2 การคมุ้ ครองความปลอดภัยสว่ นบุคคล และหมวด 3 เบด็ เตล็ด สรุปสาระทสี่ าคญั ของประกาศฉบบั น้ี เชน่ 1. กาหนดเรือ่ ง การขนส่ง เก็บรกั ษา เคลื่อนย้าย และกาจัดหีบห่อ ภาชนะบรรจุ หรอื วสั ดุหอ่ หุ้มสารเคมี อนั ตราย ต้องปฏิบตั ิตามหลกั เกณฑ์และวิธกี ารท่ีกาหนด 2. กาหนดใหม้ ีฉลากปิดไว้ทห่ี ีบห่อภาชนะบรรจุ หรอื วัสดหุ ่อหุ้มสารเคมี โดยฉลากต้องมีรายละเอียดดังนี้ สญั ลกั ษณ์ที่แสดงถึงอนั ตรายและคาว่า “สารเคมอี นั ตราย”หรือ “วัตถมุ ีพษิ ” หรอื ชอื่ ทางเคมีหรือชื่อทาง วทิ ยาศาสตรข์ องสารเคมีอันตราย ปริมาณและส่วนประกอบของสารเคมีอันตราย อันตรายและอาการเกดิ พิษ จากสารเคมีอนั ตราย คาเตือนเกยี่ วกบั วิธเี กบ็ วิธีใช้ วิธเี คล่อื นย้ายสารเคมอี นั ตรายและวิธีกาหนดหีบห่อภาชนะ บรรจุหรอื วสั ดหุ อ่ ห้มุ สารเคมีอนั ตรายอย่างปลอดภัย วิธปี ฐมพยาบาลเมื่อมีอากาศหรอื ความเจบ็ ปุวยเนื่องจาก สารเคมอี ันตราย และคาแนะนาให้รับส่งผปู้ ุวยไปหาแพทย์ 3. กาหนดใหแ้ จง้ ข้อมลู เคมภี ัณฑต์ ามแบบ สอ.1 ต่อราชการภายใน 7 วนั (แบบ สอ.1 คือ Material Safety Data Sheet ; MSDS) และกรณีมีการใช้สารเคมอี นั ตรายเกนิ กวา่ ท่ีกาหนดต้องทาการประเมินการก่ออนั ตราย ตามแบบ สอ.2 อย่างน้อยปีละครงั้ รวมท้ังกาหนดให้สถานท่ีทางานของลูกจ้างต้องมปี ริมาณสารเคมีอันตราย ในบรรยากาศการทางานไม่เกินกวา่ ที่กาหนดไว้ในกฎหมายความปลอดภยั เก่ยี วกบั ภาวะแวดลอ้ ม (สารเคมี) โดยต้องทาการวัดปรมิ าณความเข้มข้นของสารเคมีอันตรายในบรรยากาศทท่ี างานและสถานท่ีเกบ็ อย่างช้าทสี่ ดุ ตอ้ งไม่เกิน 6 เดอื นต่อครั้ง และรายงานผลตามแบบ สอ. 3 ถ้าผลการตรวจวดั พบว่าเกินคา่ มาตรฐาน ต้องดูแล หรือปรับปรุงแก้ไขไม่ใหเ้ กนิ 4. กาหนดใหส้ ถานที่ทางานของลูกจ้างซึ่งเกยี่ วข้องกับสารเคมีอันตรายตอ้ งถูกสุขลกั ษณะสะอาดและเป็น ระเบยี บเรยี บร้อยมีการระบายอากาศทีเ่ หมาะสม รวมทั้งมีระบบปอู งกนั และกาจดั สารเคมอี นั ตราย และต้อง
จัดทชี่ าระล้างสารเคมีอนั ตรายด้วย 5. กาหนดให้มีการอบรมลูกจ้างที่ทางานเกยี่ วกบั สารเคมีอันตราย 6. กาหนดใหม้ กี ารตรวจสขุ ภาพลกู จ้างท่ที างานกบั สารเคมีอนั ตราย โดยให้รายงานผลการตรวจตามแบบ สอ. 4 และเก็บผลการตรวจสุขภาพเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี และพร้อมใหเ้ จา้ หนา้ ท่ีตรวจได้ หากพบความผิดปกติ ตอ้ งจดั การใหล้ ูกจา้ งไดร้ บั การรกั ษาพยาบาลทนั ที 7. กาหนดใหน้ ายจ้างต้องจัดอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยสว่ นบคุ คล เช่น ถุงมือ รองเทา้ ห้มุ แข็ง กะบงั หน้า เปน็ ต้น ทีท่ าจากวัสดุที่มคี ุณสมบัติสามารถปูองกันอันตรายได้ และถา้ ลูกจา้ งไม่ใช้หรือไม่สวมใสอ่ ุปกรณ์ คมุ้ ครองความปลอดภัยส่วนบคุ คล ใหน้ ายจ้างสั่งหยุดการทางานจนกว่าจะไดใ้ ชห้ รอื สวมใส่ 8. กาหนดมาตรการกรณีเกดิ เหตุฉกุ เฉนิ เช่น สารเคมีอนั ตรายร่วั ไหล ฟงุู กระจาย เกิดอัคคีภัย/ระเบิด อันอาจ ทาให้ลูกจา้ งประสบอันตราย เจบ็ ปวุ ยหรอื ตายอยา่ งเฉยี บพลัน ต้องใหล้ ูกจา้ งทุกคนท่ีทางานบรเิ วณน้นั หรอื บรเิ วณใกลเ้ คียงหยดุ งานทันที และออกไปให้พน้ รัศมีทอี่ าจได้รบั อันตราย สรุปประเด็นจากกฎหมาย 2ฉบับดังท่กี ล่าวข้างต้นท่ีเก่ยี วขอ้ งกับการเก็บตวั อยา่ งอากาศในบรเิ วณ สถานที่ทางาน ดังนี้ ประเทศไทยได้มีการกาหนดให้สถานประกอบการ/ โรงงานอตุ สาหกรรมทมี ีการใช้สารเคมตี ามทีก่ าหนด ตอ้ งทาการตรวจวดั ปริมาณความเข้มขน้ ของสารเคมีอนั ตรายในบรรยากาศทท่ี างานและสถานทีเ่ กบ็ หรือกล่าว ไดว้ า่ ตอ้ งมีการเกบ็ ตวั อย่างอากาศในบริเวณสถานที่ทางานที่มกี ารใชส้ ารเคมีตามท่ีกาหนดรวมทงั้ มีการ กาหนดค่ามาตรฐานสารเคมีในบรรยากาศของการทางานไวด้ ว้ ย นอกจากน้ี ในแบบรายงานผลการตรวจวัดปริมาณความเขม้ ข้นของสารเคมีอันตรายในบรรยากาศ บรเิ วณสถานท่ีทางานและสถานทเี่ ก็บสารเคมอี นั ตรายหรอื แบบสอ.3 ได้กาหนด เร่ืองวธิ ีการเก็บตัวอยา่ ง การ วิเคราะห์ใหใ้ ช้มาตรฐานของ NIOSH JISHA หรอื มาตรฐานสากลอนื่ ๆ และผู้เกบ็ ตัวอย่างควรมีความรู้ ทางดา้ นสุขศาสตรอ์ ุตสาหกรรม (Industrial Hygiene) ดว้ ย อย่างไรก็ตาม จากกฎหมายข้างต้นมีข้อสงั เกตวา่ ชนิดและประเภทของสารเคมีอนั ตรายทีเ่ ข้าขา่ ย ตอ้ ง ทาการตรวจวัดปริมาณความเข้มข้นของสารเคมีในบรรยากาศทท่ี างานและสถานท่ีเกบ็ มีเกอื บสองพันชนิด แต่ มีการกาหนดคา่ มาตรฐานสารเคมีในบรรยากาศของทท่ี างานไว้ประมาณสองร้อยชนดิ เทา่ นน้ั (รวมท้ังคา่ มาตรฐานดังกลา่ วไดป้ ระกาศใช้ต้ังแต่ พ.ศ. 2520 ซ่ึงผา่ นมากวา่ 30 ปีแล้ว) ดังนน้ั ในทางปฎิบัตใิ ห้ถกู ต้องตาม กฎหมาย ผู้ปฎิบัตอิ าจมีคาถามตามมาไดห้ ลายประเด็น ยกตัวอย่างเชน่ ในกรณีทโี่ รงงานมกี ารใชส้ ารเคมีตวั หนงึ่ และเป็นสารเคมีอนั ตราย ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรอ่ื งความปลอดภัยในการทางานเกยี่ วกับ สารเคมอี ันตราย ดังนนั้ ตามกฎหมายจาเป็นต้องทาการวัดปรมิ าณความเข้มขน้ ของสารเคมอี ันตรายใน
บรรยากาศท่ีทางานและสถานที่เก็บ แตเ่ ม่อื ตรวจสอบกับประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องความปลอดภัยใน การทางานเกีย่ วกบั ภาวะแวดล้อม (สารเคม)ี พบวา่ ไม่มีค่ามาตรฐานสารเคมีในบรรยากาศของสถานที่ทางาน หรือในการทางานของสารเคมีตัวนน้ั ดงั นนั้ จึงมคี าถามตามมาวา่ ตอ้ งทาการตรวจวัดหรอื ไม่ และถา้ ทาการ ตรวจวัดจะเทยี บกบั ค่ามาตรฐานทไี่ หน เปน็ ตน้ ในท่ีนคี้ งไม่อภิปรายเรื่องกฎหมายมากนัก เพราะกฎหมายเปรียบเสมือนเครอื่ งมึอหนง่ึ ทีช่ ่วยบงั คบั ให้ นายจ้างดแู ลสขุ ภาพของลูกจ้าง รวมทั้งเป็นเคร่ืองมือแกผ่ ู้รบั ผิดชอบโดยตรงเช่น เจ้าหนา้ ทีค่ วามปลอดภยั ใน การทางานระดับวิชาชพี ในการชแี้ จงนาเสนอแกเ่ จา้ ของสถานประกอบกจิ การ/ โรงงานอุตสาหกรรม เพ่ือ นาไปสู่การปฏบิ ตั ิ อยา่ งไรกต็ าม ในทางวชิ าการแล้วต้องเข้าใจวา่ หวั ใจหลกั หรือวตั ถุประสงค์หลักของการเกบ็ ตัวอย่าง อากาศในบริเวณสถานท่ีทางาน คอื เพ่ือประเมินการสัมผสั มลพษิ อากาศของผู้ปฏิบัติงาน ท้งั น้ีเพื่อความ ปลอดภยั และเฝาู ระวัง ปูองกันปัญหาสขุ ภาพอนามยั ท่ีอาจเกดิ ข้ึนกับตวั ผู้ปฏิบตั ิงานหรือลกู จ้าง ดังนนั้ จึงเป็น หนา้ ท่ขี องผรู้ บั ผิดชอบตอ้ งพิจารณาถึงความจาเปน็ ในการเก็บตัวอยา่ งอากาศในบรเิ วณสถานท่ีทางานโดยใช้ ปัจจัยอ่ืนๆ เขา้ รว่ มด้วย เชน่ ความเป็นอันตรายของสารเคมี จานวนผู้สมั ผสั มาตรการที่มอี ยู่ ความพรอ้ มของ สถานประกอบกจิ การ ความพรอ้ มของหนว่ ยงานท่เี กบ็ และวเิ คราะห์ตัวอยา่ งอากาศ เป็นตน้ นอกจากน้ี ตอ้ ง เข้าใจว่าสิ่งท่กี ฎหมายกาหนดเปน็ เพียงมาตรฐานขั้นตา่ ที่กาหนดให้ตอ้ งปฎิบัติเทา่ น้นั หน่วยงานต่างประเทศทเี่ กี่ยวขอ้ งกับวิธีการเก็บตวั อย่าง และการวิเคราะหต์ วั อย่างอากาศในบรเิ วณ สถานทท่ี างาน ค่ามาตรฐานอากาศในบรเิ วณสถานท่ที างาน จากข้อจากัดบางประการของกฎหมายประเทศไทย ดังท่ียกตัวอย่างข้างตน้ จาเป็นท่เี ราตอ้ งมีความรู้ ความเขา้ ใจเบ้ืองตน้ เกี่ยวกับหน่วยงานของตา่ งประเทศที่เกี่ยวขอ้ งกบั การเก็บตวั อยา่ งและการวเิ คราะห์ ตัวอย่างอากาศในบรเิ วณสถานทีท่ างาน รวมทงั้ มีการกาหนดคา่ มาตรฐานอากาศในบริเวณสถานทท่ี างาน เพื่อ เป็นแหล่งในการคน้ คว้าความรู้เพ่มิ เติม เนื่องจากหน่วยงานตา่ งประเทศทเ่ี ก่ยี วขอ้ งมีอยู่มากมาย อย่างไรกต็ าม ประเทศไทยมักนิยมอา้ งอิง หนว่ ยงานของประเทศสหรัฐอเมริกา ในทน่ี จ้ี ึงขอแนะนาเฉพาะหนว่ ยงานของประเทศสหรฐั อเมรกิ า ดงั นี้ OSHA (Occupational Safety and Health Administration) เป็นหน่วยงานราชการสว่ นกลางภายใตส้ งั กดั Department of Labor ประเทศสหรฐั อเมรกิ า มหี นา้ ที่โดยตรงในการบังคบั ใชก้ ฎหมายและดูแลงานอาชีวอ นามยั และความปลอดภัย สาหรับส่วนทเ่ี ก่ียวขอ้ งโดยตรงกับการเกบ็ ตวั อยา่ งอากาศเชน่ Regulation (Standard -29 CFR) 1910 Subpart Z – Toxic and Hazardous Substances คา่ มาตรฐานสารเคมใี น บรรยากาศการทางาน- PELs (Permissible Exposure Limits)
NIOSH (The National Institute for Occupational Safety and Health) เป็นหน่วยงานราชการ ส่วนกลางภายใต้สงั กัด CDC; Centers for Disease Control and Prevention Department of Health and Human Services ประเทศสหรัฐอเมริกา เปน็ หน่วยทางวิชาการ ทาหน้าทวี่ จิ ยั และใหค้ าแนะนาเกยี่ วกบั งานอาชวี อนามัยและความปลอดภัย สาหรบั ส่วนที่เกยี่ วขอ้ งโดยตรงกบั การเก็บตวั อยา่ งอากาศ เชน่ ค่มู อื มาตรฐานในการเก็บและวเิ คราะหต์ ัวอยา่ งอากาศ NMAM : NIOSH Manual of Analytical Methods ค่า มาตรฐานสารเคมใี นบรรยากาศการทางาน - RELs (Recommended Exposure Limits) เปน็ ต้น ACGIH (American Conference of Governmental Industrial Hygienist) เป็นองคก์ รอิสระทางานในรูป ของคณะกรรมการท่ีมีสมาชิกจากภาครัฐและเอกชน โดยทางานเก่ียวกับงานสุขศาสตร์อุตสาหกรรม สาหรับ สว่ นทีเ่ กี่ยวข้องโดยตรงกับการเก็บตวั อย่างอากาศ เช่น คา่ มาตรฐานสารเคมใี นบรรยากาศการทางาน - TLVs (Threshold Limit Values) เปน็ ต้น ตวั อย่างเครื่องมอื /อปุ กรณ์ในการเกบ็ ตวั อย่างอากาศในสถานที่ทางาน ดังที่กล่าวข้างตน้ แล้ววา่ ในการเก็บตวั อยา่ งอากาศในสถานท่ที างานจาเป็นต้องทราบมาตรฐานและวิธใี น การเก็บและวิเคราะห์ตวั อยา่ งอากาศ ดังนั้น ก่อนทาการเก็บตวั อย่างอากาศจงึ จาเป็นต้องทราบชนิดหรือชอื่ ของสารเคมที ่แี พร่กระจายในบรรยากาศการทางานท่เี ราต้องการเกบ็ ตัวอยา่ ง เพ่ือตรวจสอบหามาตรฐานวธิ ีใน การเกบ็ ตัวอย่าง ตลอดจนจดั เตรยี มเคร่อื งมือ/ อุปกรณใ์ ห้ถูกตอ้ งตามมาตรฐาน เน่ืองจากรายละเอียดของการเกบ็ ตวั อยา่ งอากาศมีเคร่ืองมือ/ อุปกรณท์ ่ีใชใ้ นการเกบ็ ตัวอยา่ งค่อนข้างมาก ใน ทน่ี จ้ี งึ ขอเสนอภาพตัวอยา่ งเครอื่ งมือ/ อุปกรณท์ ี่ใชใ้ นการเก็บตัวอยา่ งฝุนรวม (Total Dust) ดงั แสดงในภาพท่ี 1 และเคร่ืองมือ/ อุปกรณ์ทใ่ี ชใ้ นการเก็บตวั อย่างฝุนทส่ี ามารถเข้าไปในระบบทางเดินหายใจสว่ นปลายได้ (Respirable Dust) ดังแสดงในภาพท่ี 2 อยา่ งไรกต็ าม เห็นได้ว่าในการเกบ็ ตัวอย่างมีเครอ่ื งมือหลัก คือ เคร่ืองเกบ็ ตวั อยา่ งอากาศชนิดติดตวั บคุ คล (Personal Air Sampling Pump) หรอื คอื ปั๊มดูดหรือเก็บตวั อย่าง อากาศขนาดเล็กทส่ี ามารถพกติดตัวผู้ปฏิบัติงานได้ แต่สว่ นทแี่ ตกต่างคือ อปุ กรณป์ ระกอบในการเก็บตัวอยา่ ง ซึ่งขน้ึ อย่ชู นิดและประเภทของมลพิษหรือสารเคมีทต่ี ้องการเก็บตัวอย่าง ท้งั นใี้ นการเกบ็ ตวั อย่างในสถานท่ี ทางานสามารถทาได้ 2 รูปแบบ คือ อาจเก็บตวั อย่างแบบติดตวั บคุ คล (Personal Sampling) ดังแสดงในภาพ
ที่ 3 หรอื อาจเก็บตัวอย่างแบบพื้นท่ี ( Area Sampling) โดยการตดิ ต้ังเครอ่ื งมอื / อุปกรณ์ไวก้ ับขาตั้งกล้อง ภาพที่ 1 เครื่องมือ/ อุปกรณ์ทใี่ ช้ในการเก็บตัวอย่างฝุนรวม (Total Dust) ภาพที่ 2 เครอ่ื งมือ/ อปุ กรณ์ที่ใช้ในการเก็บตัวอย่างฝุนทีส่ ามารถเข้าไปในระบบทางเดินหายใจส่วนปลายได้ (Respirable Dust)
ภาพที่ 3 การเก็บตวั อย่างแบบติดตัวบุคคล(Personal Sampling) ท่ีมา: http://www.swtestingltd.co.uk/airsampling.html สาหรับรายละเอยี ดพอสงั เขปของการเกบ็ ตวั อยา่ งอากาศจากปล่องหรือช่องเปิด ที่ระบายอากาศออกจาก สถานประกอบกิจการ/ โรงงานอุตสาหกรรม (stack air sampling) และการเกบ็ ตวั อยา่ งอากาศจาก บรรยากาศรอบๆ สถานประกอบกิจการ/ โรงงานอตุ สาหกรรม หรอื จากบรรยากาศบรเิ วณชุมชนติดกบั สถาน ประกอบการ/ โรงงานอตุ สาหกรรม (ambient air sampling)
อา้ งอิง https://www.stou.ac.th/Schools/Shs/booklet/book543/sanitation.html https://fliphtml5.com/zsdk/jdou/basic/ https://www.entech.co.th/%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B9%8A%E0%B8%A1%E0%B9%80 %E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%9A%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AD %E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81 %E0%B8%B2%E0%B8%A8/?lang=th
Search
Read the Text Version
- 1 - 26
Pages: