Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Italy

Italy

Published by pimlapas558, 2021-11-10 02:13:52

Description: B91D89A2-A347-4805-BAE9-2F686E58D77A

Search

Read the Text Version

ITALY COUNTRY OF HISTORY SUPERPOWERS IN THE HISTORICAL ERA

สารบัญ 1 LEANING TOWER OF PISA หอระฆังที่เอนเอียงจากแนวตั้งฉาก 2 COLOSSEUM สนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในอดีตและ1 ใน7สิ่งมหัศจรรย์ ของโลกในปัจจุบัน 3 TREVI FOUNTAIN ประติมากรรอันสวยงามที่มาพร้อมกับความเชื่อ 4 VENICE CANAL สัมผัสและดื่มด่ำกับความสวยงามและความโรแมนติก ของบ้านเมืองในเมืองเวนิส และชมวิถีชีวิตของชาว เมืองเวนิส 5 MILAN CATHEDRAL วิหารแบบกอธิคที่ใหญ่ที่สุดในโลก และแลนด์มาร์คสำคัญอันเป็นสัญลักษณ์ของมิลาน

LEANING TOWER OF PISA เป็นหอระฆังสูงใหญ่ของศาสนาคริสต์นิกาย โรมันคาทอลิกที่ซึ่งตั้งอยู่ที่จัตุรัส Piazza del Duomo เมืองปิซา เป็นหอระฆังที่สร้างด้วยหินอ่อนสี ขาว ซึ่งมีเอกลักษณ์โดดเด่นที่ความเอนเอียงของหอ ระฆังซึ่งยอดของหอระฆังนั้นห่างจากแนวตั้งฉากของ พื้นไปประมาณ 3.9 เมตร เร่ิมก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1173 แต่เนื่องจากพื้นดิน เนื่องด้วยความโดดเด่นของการเอนเอียงของหอ ใต้บริเวณพื้ นที่ของหอระฆังนั้นเป็นพื้ นดินที่นิ่มจน เอนปิซาอันเป็นเอกลักษณ์จึงทำให้ในปี ค.ศ. 1987 ทำให้ยุบตัวลงไปในช่วงของการก่อสร้างชั้นที่ 3 หอเอนปิซาได้ถูกประกาศให้เป็นมรดกโลก โดยนับ ทำให้การก่อสร้างได้หยุดชะงักลงไป จนต่อมาในปี รวมเป็นส่วนหนึ่งของ Piazza dei Miracoli ค.ศ. 1272 สถาปนิกจีโอแวนนี่ ดี สิโมน ได้ดำเนิน นอกจากนั้นแล้วหอเอนปิซายังถูกจัดให้เป็น 7 สิ่ง การสร้างต่อโดยได้มีการสร้างให้หอระฆังรั้นเอนก มหัศจรรย์ขอโลกในยุคกลางอีกด้วย ความน่าสนใจ ลับไปอีกด้านหนึ่งเพื่อทำให้เกิดความสมดุล แต่การ อีกอย่างของหอเอนปิซาแห่งนี้คือการมาตามรอย ก่อสร้างในครั้งนี้ก็ต้องมีเหตุให้หยุดชะงักลงอึก กาลิเลโอ นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังของโลก เนื่องจาก ครั้งเนื่องจากเกิดสงคราม จนถึงปี ค.ศ. 1319 จึง หอระฆังแห่งนี้นั้นเคยเป็นสถานที่ที่กาลิเลโอใช้ในการ ได้มีการก่อสร้างต่ออีกครั้งและได้สร้างแล้วเสร็จใน ทดสอบเรื่องแรงโน้มถ่วงของโลก ซึ่งในขณะนั้น ปี ค.ศ. 1372 รวมระยะเวลาทั้งหมดที่ใช้ในการ เขาเรียนอยู่ที่มหาลัยปิซา โดยการทดลองนั้นทำโดย ก่อสร้างทั้งสิ้น 177 ปี โดยสร้างเป็นหอระฆังของ การใช้ลูกบอล 2 ลูกที่มีน้ำหนักไม่เท่ากันทิ้งลงมา ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก รูปทรงกระบอกมี เพื่ อพิ สูจน์สมมุติฐานเกี่ยวกับแรงโน้มถ่วงของโลก ทั้งหมด 8 ชั้น สูง 55.58 เมตร มีบันไดประมาณ ซึ่งบอล 2 ลูกนั้นก็ได้ตกลงถึงพื้นพร้อมกันตามที่ 293 ขั้น โครงสร้างโดยรวมทำจากหินอ่อนสีขาว กาลิเลโอคาดการณ์ไว้นั่นเอง สวยงาม มีความโดดเด่นด้วยความเอียงจากพื้น ประมาณ 3.97 องศา โดยบริเวณยอดของหอ 1 ระฆังห่างจากแนวตั้งฉากของพื้นประมาณ 3.9 เมตร Piazza del Duomo Square เมืองปิซา

Colosseum ห นึ ่ ง ใ น ส ถ า น ที่ ท่ อ ง เ ที่ ย ว ที่ มี ชื่ อ เ สี ย ง ม า ก ที่ สุ ด ข อ ง ก รุ ง โ ร ม ป ร ะ เ ท ศ อิ ต า ลี เ ป็ น ส น า ม กี ฬ า ก ล า ง แ จ้ ง โ บ ร า ณ ข น า ด ใหญ่ยักษ์ ใจกลางเมือง ที่นอกจากจะ เ ค ย เ ป็ น ส น า ม ป ร ะ ล อ ง อั น ท ร ง เ กี ย ร ติ ที่ โหดเหี้ยมแล้ว ยังได้รับการคัดเลือกจาก องค์กร New 7 Wonders ให้เป็นหนึ่ ง ใ น เ จ็ ด สิ่ ง ม หั ศ จ ร ร ย์ ข อ ง โ ล ก อี ก ด้ ว ย Colosseum แห่งนี้นั้นจัดได้ว่าได้รับการ “ ส น า ม กี ฬ า ที่ ใ ห ญ่ ที่ สุ ด ใ น อ ดี ต ออกแบบที่ชาญฉลาดมาก โดยได้มีการออกแบบ และ1 ใน7สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ใ ห้ ผู้ ช ม ไ ด้ รู้สึ ด ใ ก ล้ ชิ ด กั บ นั ก กี ฬ า ด้ ว ย ก า ร ใ น ปั จ จุ บั น ” อ อ ก แ บ บ ใ น ส่ ว น ข อ ง ส น า ม กี ฬ า ใ ห้ เ ป็ น รู ป ค รึ่ ง วงกลม นอกจากนั้นยังมีการออกแบบทางระบาย Piazza del Colosseo, 1, 00184 Roma RM,Italy น้ำที่ดีเพื่ อป้องกันน้ำขังในสนามหากเกิดฝนตก อันเป็นต้นแบบของการออกแบบสนามกีฬาอื่ นๆ ใ น ปั จ จุ บั น อี ก ด้ ว ย Colosseum นี้นอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ของ กรุงโรมในปัจจุบันแล้ว ในอดีตก็จัดได้ว่าเป็นสิ่ง ก่ อ ส ร้า ง ข น า ด ใ ห ญ่ ที่ สุ ด ที่ ถู ก ส ร้า ง ขึ้ น ใ น ส มั ย โรมันเลยทีเดียว โดยเริ่มแรกนั้นวัตถุประสงค์ สำ ห รับ ก า ร ใ ช้ง า น คื อ ส ร้า ง ขึ้ น สำ ห รับ ก า ร ป ร ะ ล อ ง ฝีมือของเหล่ากลาดิเอเตอร์ หรือการประลอง ข อ ง ก ษั ต ริย์ ใ ห ม่ ที่ ต้ อ ง ก า ร แ ส ด ง ฝี มื อ แ ล ะ อำ น า จ ร ว ม ไ ป ถึ ง ก า ร ที่ รัก โ ท ษ ที่ ร อ วั น ป ร ะ ห า ร ชี วิ ต ห รือ นักโทษที่ถูกคุมขังขอประลองเพื่ อแลกกับอิสรภา พน แม้ว่าในอดีตนั้น โคลอสเซียมแห่งนี้จะถูกใช้เป็น สนามประลองมือ เป็นสังเวียนเลือดที่มีชีวิตเป็น เดิมพัน และเพื่ อให้ความบันเทิงแก่ผู้ชม ไปจนถึง ล า น ป ร ะ ห า ร ชี วิ ต แ ต่ ใ น ปั จ จุ บั น นั้ น ที่ แ ห่ ง นี้ ไ ด้ ก ล า ย เ ป็ น สั ญ ลั ก ษ ณ์ แ ห่ ง ก า ร ต่ อ ต้ า น โ ท ษ ป ร ะ ห า ร ชี วิ ต โดย Colosseum จะมีไฟสีเหลืองส่องสว่างทุก ครั้งเมื่ อมีการกลับการตัดสินหรือยกเลิกโทษ ป ร ะ ห า ร ชี วิ ต จ า ก ที่ ใ ด ข อ ง โ ล ก ก็ ต า ม 2

Trevi Fountain “ ป ร ะ ติ ม า ก ร ร อั น ส ว ย ง า ม ที่ ม า พ ร้ อ ม กั บ ค ว า ม เ ชื่ อ ” น้ำพุ Trevi เป็นน้ำพุ แบบบาโรกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโรม โดยมีขนาดความสูงถึง 85 ฟุ ต และความกว้างถึง 65 ฟุ ต น้ำพุ แห่งนี้ตั้งอยู่บนทางสามแพร่งโดยเป็นจุดบรรจบ กันของ Acqua Vergine, Aqua Virgo และสะพานส่ง น้ำของโรมันโบราณ น้ำพุ แห่งนี้นั้นสวยงามด้วยรูปปั้ นที่มีความหลากหลายรูป แบบและเปี่ ยมไปด้วยความหมาย ไม่ว่าจะเป็นรูปปั้ นเทพ เนปจูนขี่ม้าติดปีกที่บริเวณส่วนกลางของน้ำพุ ที่แสดงถึง ความอุ ดมสมบูรณ์ที่ขนาบข้างด้วยไททันเทพครึ่งคนครึ่ง ปลา ที่ทั้ง 2 นั้นได้ควบม้าที่มีลักษณะแตกต่างกันโดยตัว นึงนั้นดูเชื่อง แต่อีกตัวกลับดูพยศอันเปรียบเสมือนท้อง ทะเลที่ไม่มีความแน่นอน สามารถสงบราบเรียบสวยงาม แ ล ะ เ ป ลี่ ย น เ ป็ น ท ะ เ ล ที่ บ้ า ค ลั่ ง น่ า ก ลั ว ไ ด้ เ พี ย ง เ สี้ ย ว น า ที นั่นเอง น้ำพุ แห่งนี้นั้นยามกลางวันที่มีแสงอาทิตย์สาด ส่องจะสวยงามสดใส ดูมีชีวิตชีวาส่วนในยามค่ำคืนที่ ปกคลุมด้วยความมืด และมีแสงของหลอดไฟบริเวณน้ำพุ ร่วมกับแสงจันทร์ก็จะดูงดงาม ลึกลับ น่าหลงใหลเป็น เ ส น่ ห์ ที่ แ ต ก ต่ า ง กั น อ อ ก ไ ป นอกจากในเรื่องของประติมากรรมอันงดงามแล้ว อีกสิ่ง หนึ่ งที่ขึ้นชื่อและเป็นเอกลักษณ์ให้นักท่องเที่ยวมาเยือนที่ น้ำพุ แห่งนี้คือการโยนเหรียญอธิษฐานนั่นเอง โดยตาม ธรรมเนียมนั้นสามารถใช้เหรียญสกุลเงินใดก็ได้ จากนั้น อ ธิ ษ ฐ า น ข อ ใ ห้ ไ ด้ ก ลั บ ม า ที่ ก รุ ง โ ร ม อี ก ค รั้ง ก่ อ น ที่ จ ะ หั น ห ลั ง แล้วโยนเหรียญข้ามไหล่ซ้ายให้เหรียญหล่นลงไปในน้ำพุ ให้ ได้ หากเหรียญหล่นไปใต้น้ำพุ นั้นเชื่อกันว่าจะได้กลับมาที่นี่ อี ก ค รั้ง นั่ น เ อ ง Piazza di Trevi, 00187 Roma RM,Italy 3

Venice Canal หรือที่เรียกกันเป็นภาษา หากคุณมาเที่ยวชมในช่วงวันอาทิตย์ Venice Canal อิตาเลียนว่า คานาเล่ แกรนเด้(Canale แรกของเดือนกันยายนคุณจะมีโอกาส “สัมผัสและดื่มด่ำกับความ Grande) เป็นคลองหลักซึ่งเป็นเส้นทาง สวยงามและความโรแมน คมนาคมหลักสำหรับการเดินเรือในเวนิสที่ ได้รับชมการแข่งขันเรือของชาวเวนิส ติกของบ้านเมืองในเมือง มีชื่อเสียงโด่งดังทางด้านการท่องเที่ยวเป็น นับพันๆ คน โดยงานจะจัดขึ้นที่ เวนิส และชมวิถีชีวิตของ อย่างมาก อีกทั้งคลองหลักแห่งนี้ยังเป็นจุด Regatta ซึ่งเป็นเทศกาลที่ยิ่งใหญ่งาน หมายปลายทางสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวที่ หนึ่งของเวนิส โดยการแข่งขันนั้นจะ ชาวเมืองเวนิส” ถูกนำหน้าด้วยขบวนแห่ทาง สนใจต้องการจะล่องเรือกอนโด ล่า(Gondola)ซึ่งนักท่องเที่ยวจะนิยมล่อง ประวัติศาสตร์ Corteo Storico โดย เรือกอนโดล่าจากหลังหลักนี้ลัดเลาะผ่านไป เป็นการรำลึกถึงสมเด็จพระราชินีแคท ตามเส้นทางคลองต่างๆ ในเวนิสผ่านอาคาร เธอรีนแห่งไซปรัสหลังจากที่ทรงสละ บ้านเรือนที่สวยงามและยังผ่านสถานที่ท่อง เที่ยวหลักที่สำคัญๆ ในเวนิสอีกด้วย โดย ราชสมบัติในปี 1489 โดยเรือนั้นเป็น คลองหลักแห่งนี้นั้นเป็นคลองขนาดใหญ่ที่ เรือเดินมหาสมุทรที่ตกแต่งงดงาม พาดผ่านกลางเมืองเวนิสด้วยเส้นทางที่เป็น ด้วยเครื่องทรงเรือแล่นในศตวรรษที่ รูปร่าง S กลับด้านขนาดใหญ่ที่มีความยาว 16 ตามแบบ Bucentaur นอกจาก ตลอดเส้นทางประมาณ 3.8 กิโลเมตร กว้าง เทศกาลงานแข่งเรือแล้วในวันที่ 21 เฉลี่ยประมาณ 30 – 90 เมตร และมีความ พฤศจิกายนของทุกปี ยังเป็นวันที่ชาว ลึกโดยเฉลี่ยประมาณ 5 เมตร ปลายด้าน เวเนเซียนจัดเทศกาลรำลึกถึงเพื่ อ หนึ่งของคลองนั้นเริ่มต้นที่ทะเลสาบใกล้กับ สถานีรถไฟซานตาลูเซีย ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้น ขอบคุณพระแม่มารีย์ในการช่วย ไหลทะลุไปสู่ปลายคลองบริเวณที่เป็นแอ่งซา นมาร์โกเชื่อมต่อสู่คลองจูเดกกา ป้องกันโรคระบาดในปี 1630 – 1638 ที่จัดขึ้นในบริเวณแห่งนี้ ซึ่งในเทศกาล นี้นั้นคุณสามารถสนุกกับคอกม้าและลิ้ม ลองอาหารแบบดั้งเดิมของชาวเวนิส อีกด้วย 4 คลองเวนิส

Milan Cathedral “วิหารแบบกอธิคที่ใหญ่ที่สุดในโลก และแลนด์มาร์คสำคัญอันเป็นสัญลักษณ์ ของมิลาน” มหาวิหารแห่งมิลานได้เริ่มก่อสร้างในปี 1386 ในยุคสมัย ของ Antonio da Saluzzo โดยจิอาน กาเลอัซโช วิส คอนดิ แห่งตระกูลวิสคอนดิ เนื่องด้วยตอนนั้นมิลานคือ ดินแดนในความปกครองของตระกูลวิสคอนดิ โดยมี วัตถุประสงค์แรกเริ่มคือเพื่ อถวายแก่แม่พระเพื่ อขอให้ ประทานบุตรชายให้ตนเพื่ อเป็นทายาทสืบทอดตระกูลต่อไป โดยผู้ที่ทำการออกแบบและควบคุมการก่อสร้างคนแรกคือ Simone da Orsenigo แต่เนื่องมาเจอได้รับผลกระทบ จากปัญหาหลายด้าน ทั้งปัญหาทางด้านเศรษฐกิจและ ปัญหาทางด้านการเงินสนับสนุน ทำให้การก่อสร้างล่าช้า ยาวนานมาก มีการปรับเปลี่ยนแบบแผนรายละเอียดต่างๆ ไปตามผู้คุมงานก่อสร้างที่เปลี่ยน จนท้ายที่สุดแล้วจึงได้ ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อประตูบานสุดท้ายของวิหารได้ เสร็จสิ้นลงและมีการเปิดใช้ในปี 1965 รวมระยะเวลาวน การก่อสร้างยาวนานถึง 579 ปี เลยทีเดียว ความโดดเด่นของ Duomo di Milano นี้นั้นอยู่ที่ยอด แหลมบนหลังคาวิหาร ซึ่งด้วยวิหารตั้งอยู่บนพื้นที่ที่มี ระดับความสูง 108.5 เมตรจากพื้นดิน และถูกรายล้อม ด้วยยอดแหลมประมาณ 135 ยอดบนหลังคาทำให้มหา วิหารนั้นดูสง่า สวยงามแปลกตา นอกจากนั้นแล้วที่ บริเวณส่วนบนยอดใหญ่ตรงกลางที่ถูกรายล้อมด้วยยอด แหลมนั้นยังเป็น Madunina คือเป็นรูปปั้ นรูปแม่พระทำ ด้วยทองสัมฤทธิ์ที่มีขนาดใหญ่สูงประมาณ 4 เมตรเลยที เดียว บริเวณด้านหน้าของวิหารได้รับการตกแต่งด้วยรูป ปั้ นและรูปสลักหินอ่อนที่ประณีตสวยงาม ภายในตกแต่ง ด้วยรูปปั้ นนักบุญและเรื่องราวในพระคัมภีร์ที่ถูกถ่ายทอด ผ่านรูปมากกว่า 3000 รูป มีกระจกสีสันสวยงาม มีแท่น บูชาขนาดใหญ่ที่ส่วนที่นั่งหน้าแท่นถูกแบ่งเป็น 5 ส่วน ด้วยเสาคอลัมน์ขนาดใหญ่หลายเสา ส่วนด้านหลังเป็น หน้าต่างขนาดใหญ่ที่ข้างในเป็นกระจกสีที่เมื่อมองระยะไกล จะดูเหมือนภาพโมเสกสีสันสวยงามโดดเด่น แต่ความจริง แล้วคือรูปของนักบุญ ที่ใต้พระแท่นบูชานั้นเป็นพิพิธภัณฑ์ สำหรับเก็บสมบัติทางศาสนาอีกทั้งยังเป็นหลุมฝังศพของ นักบุญคาร์โล บอร์โรเมโออีกด้วย P.za del Duomo, 20122 Milano MI,Italy 5


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook